Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๒๔] ๔. จมฺมสาฎกชาตกวณฺณนา
[324] 4. Cammasāṭakajātakavaṇṇanā
กลฺยาณรูโป วตยนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต จมฺมสาฎกํ นาม ปริพฺพาชกํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺส กิร จมฺมเมว นิวาสนญฺจ ปารุปนญฺจ โหติฯ โส เอกทิวสํ ปริพฺพาชการามา นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถิยํ ภิกฺขาย จรโนฺต เอฬกานํ ยุชฺฌนฎฺฐานํ สมฺปาปุณิฯ เอฬโก ตํ ทิสฺวา ปหริตุกาโม โอสกฺกิฯ ปริพฺพาชโก ‘‘เอส มยฺหํ อปจิติํ ทเสฺสตี’’ติ น ปฎิกฺกมิฯ เอฬโก เวเคนาคนฺตฺวา ตํ อูรุมฺหิ ปหริตฺวา ปาเตสิฯ ตสฺส ตํ อสนฺตปคฺคหณการณํ ภิกฺขุสเงฺฆ ปากฎํ อโหสิฯ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, จมฺมสาฎกปริพฺพาชโก อสนฺตปคฺคหํ กตฺวา วินาสํ ปโตฺต’’ติ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส อสนฺตปคฺคหํ กตฺวา วินาสํ ปโตฺตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Kalyāṇarūpovatayanti idaṃ satthā jetavane viharanto cammasāṭakaṃ nāma paribbājakaṃ ārabbha kathesi. Tassa kira cammameva nivāsanañca pārupanañca hoti. So ekadivasaṃ paribbājakārāmā nikkhamitvā sāvatthiyaṃ bhikkhāya caranto eḷakānaṃ yujjhanaṭṭhānaṃ sampāpuṇi. Eḷako taṃ disvā paharitukāmo osakki. Paribbājako ‘‘esa mayhaṃ apacitiṃ dassetī’’ti na paṭikkami. Eḷako vegenāgantvā taṃ ūrumhi paharitvā pātesi. Tassa taṃ asantapaggahaṇakāraṇaṃ bhikkhusaṅghe pākaṭaṃ ahosi. Bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, cammasāṭakaparibbājako asantapaggahaṃ katvā vināsaṃ patto’’ti satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa asantapaggahaṃ katvā vināsaṃ pattoyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต เอกสฺมิํ วาณิชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต วณิชฺชํ กโรติฯ ตทา เอโก จมฺมสาฎกปริพฺพาชโก พาราณสิยํ ภิกฺขาย จรโนฺต เอฬกานํ ยุชฺฌนฎฺฐานํ ปตฺวา เอฬกํ โอสกฺกนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อปจิติํ เม กโรตี’’ติ สญฺญาย อปฎิกฺกมิตฺวา ‘‘อิเมสํ เอตฺตกานํ มนุสฺสานํ อนฺตเร อยํ เอโก เอฬโก อมฺหากํ คุณํ ชานาตี’’ติ ตสฺส อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา ฐิโตว ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto ekasmiṃ vāṇijakule nibbattitvā vayappatto vaṇijjaṃ karoti. Tadā eko cammasāṭakaparibbājako bārāṇasiyaṃ bhikkhāya caranto eḷakānaṃ yujjhanaṭṭhānaṃ patvā eḷakaṃ osakkantaṃ disvā ‘‘apacitiṃ me karotī’’ti saññāya apaṭikkamitvā ‘‘imesaṃ ettakānaṃ manussānaṃ antare ayaṃ eko eḷako amhākaṃ guṇaṃ jānātī’’ti tassa añjaliṃ paggahetvā ṭhitova paṭhamaṃ gāthamāha –
๙๓.
93.
‘‘กลฺยาณรูโป วตยํ จตุปฺปโท, สุภทฺทโก เจว สุเปสโล จ;
‘‘Kalyāṇarūpo vatayaṃ catuppado, subhaddako ceva supesalo ca;
โย พฺราหฺมณํ ชาติมนฺตูปปนฺนํ, อปจายติ เมณฺฑวโร ยสสฺสี’’ติฯ
Yo brāhmaṇaṃ jātimantūpapannaṃ, apacāyati meṇḍavaro yasassī’’ti.
ตตฺถ กลฺยาณรูโปติ กลฺยาณชาติโกฯ สุเปสโลติ สุฎฺฐุ ปิยสีโลฯ ชาติมนฺตูปปนฺนนฺติ ชาติยา จ มเนฺตหิ จ สมฺปนฺนํฯ ยสสฺสีติ วณฺณภณนเมตํฯ
Tattha kalyāṇarūpoti kalyāṇajātiko. Supesaloti suṭṭhu piyasīlo. Jātimantūpapannanti jātiyā ca mantehi ca sampannaṃ. Yasassīti vaṇṇabhaṇanametaṃ.
ตสฺมิํ ขเณ อาปเณ นิสิโนฺน ปณฺฑิตวาณิโช ตํ ปริพฺพาชกํ นิเสเธโนฺต ทุติยํ คาถมาห –
Tasmiṃ khaṇe āpaṇe nisinno paṇḍitavāṇijo taṃ paribbājakaṃ nisedhento dutiyaṃ gāthamāha –
๙๔.
94.
‘‘มา พฺราหฺมณ อิตฺตรทสฺสเนน, วิสฺสาสมาปชฺชิ จตุปฺปทสฺส;
‘‘Mā brāhmaṇa ittaradassanena, vissāsamāpajji catuppadassa;
ทฬฺหปฺปหารํ อภิกงฺขมาโน, อวสกฺกตี ทสฺสติ สุปฺปหาร’’นฺติฯ
Daḷhappahāraṃ abhikaṅkhamāno, avasakkatī dassati suppahāra’’nti.
ตตฺถ อิตฺตรทสฺสเนนาติ ขณิกทสฺสเนนฯ
Tattha ittaradassanenāti khaṇikadassanena.
ตสฺส ปณฺฑิตวาณิชสฺส กเถนฺตเสฺสว โส เมณฺฑโก เวเคนาคนฺตฺวา อูรุมฺหิ ปหริตฺวา ตํ ตเตฺถว เวทนาปฺปตฺตํ กตฺวา ปาเตสิฯ โส ปริเทวมาโน นิปชฺชิฯ สตฺถา ตํ การณํ ปกาเสโนฺต ตติยํ คาถมาห –
Tassa paṇḍitavāṇijassa kathentasseva so meṇḍako vegenāgantvā ūrumhi paharitvā taṃ tattheva vedanāppattaṃ katvā pātesi. So paridevamāno nipajji. Satthā taṃ kāraṇaṃ pakāsento tatiyaṃ gāthamāha –
๙๕.
95.
‘‘อูรุฎฺฐิ ภคฺคํ วฎฺฎิโต ขาริภาโร, สพฺพญฺจ ภณฺฑํ พฺราหฺมณสฺส ภินฺนํ;
‘‘Ūruṭṭhi bhaggaṃ vaṭṭito khāribhāro, sabbañca bhaṇḍaṃ brāhmaṇassa bhinnaṃ;
อุโภปิ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทติ, อติธาวถ หญฺญเต พฺรหฺมจารี’’ติฯ
Ubhopi bāhā paggayha kandati, atidhāvatha haññate brahmacārī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – ภิกฺขเว, ตสฺส ปริพฺพาชกสฺส อูรุฎฺฐิกํ ภคฺคํ, ขาริภาโร วฎฺฎิโต ปวฎฺฎิโต, ตสฺมิํ ปวฎฺฎมาเน ยํ ตตฺถ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อุปกรณภณฺฑํ, ตมฺปิ สพฺพํ ภินฺนํ, โสปิ อุโภ พาหา อุกฺขิปิตฺวา ปริวาเรตฺวา ฐิตปริสํ สนฺธาย ‘‘อภิธาวถ, หญฺญเต พฺรหฺมจารี’’ติ วทโนฺต กนฺทติ โรทติ ปริเทวตีติฯ
Tassattho – bhikkhave, tassa paribbājakassa ūruṭṭhikaṃ bhaggaṃ, khāribhāro vaṭṭito pavaṭṭito, tasmiṃ pavaṭṭamāne yaṃ tattha tassa brāhmaṇassa upakaraṇabhaṇḍaṃ, tampi sabbaṃ bhinnaṃ, sopi ubho bāhā ukkhipitvā parivāretvā ṭhitaparisaṃ sandhāya ‘‘abhidhāvatha, haññate brahmacārī’’ti vadanto kandati rodati paridevatīti.
ปริพฺพาชโก จตุตฺถํ คาถํ อาห –
Paribbājako catutthaṃ gāthaṃ āha –
๙๖.
96.
‘‘เอวํ โส นิหโต เสติ, โย อปูชํ ปสํสติ;
‘‘Evaṃ so nihato seti, yo apūjaṃ pasaṃsati;
ยถาหมชฺช ปหโต, หโต เมเณฺฑน ทุมฺมตี’’ติฯ
Yathāhamajja pahato, hato meṇḍena dummatī’’ti.
ตตฺถ อปูชนฺติ อปูชนียํฯ ยถาหมชฺชาติ ยถา อหํ อชฺช อสนฺตปคฺคหํ กตฺวา ฐิโต เมเณฺฑน ทฬฺหปฺปหาเรน ปหโต เอเตฺถว มาริโต ฯ ทุมฺมตีติ ทุปฺปโญฺญฯ เอวํ โย อโญฺญปิ อสนฺตปคฺคหํ กริสฺสติ, โสปิ อหํ วิย ทุกฺขํ อนุภวิสฺสตีติ โส ปริเทวโนฺต ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปโตฺตติฯ
Tattha apūjanti apūjanīyaṃ. Yathāhamajjāti yathā ahaṃ ajja asantapaggahaṃ katvā ṭhito meṇḍena daḷhappahārena pahato ettheva mārito . Dummatīti duppañño. Evaṃ yo aññopi asantapaggahaṃ karissati, sopi ahaṃ viya dukkhaṃ anubhavissatīti so paridevanto tattheva jīvitakkhayaṃ pattoti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา จมฺมสาฎโก เอตรหิ จมฺมสาฎโก อโหสิ, ปณฺฑิตวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā cammasāṭako etarahi cammasāṭako ahosi, paṇḍitavāṇijo pana ahameva ahosi’’nti.
จมฺมสาฎกชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Cammasāṭakajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๒๔. จมฺมสาฎกชาตกํ • 324. Cammasāṭakajātakaṃ