Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๕๔๔] ๗. จนฺทกุมารชาตกวณฺณนา
[544] 7. Candakumārajātakavaṇṇanā
ราชาสิ ลุทฺทกโมฺมติ อิทํ สตฺถา คิชฺฌกูเฎ วิหรโนฺต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺส วตฺถุ สงฺฆเภทกกฺขนฺธเก อาคตเมวฯ ตํ ตสฺส ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย ยาว พิมฺพิสารรโญฺญ มรณา ตตฺถาคตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ตํ ปน มาราเปตฺวา เทวทโตฺต อชาตสตฺตุํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาราช, ตว มโนรโถ มตฺถกํ ปโตฺต, มม มโนรโถ ตาว น ปาปุณาตี’’ติ อาหฯ ‘‘โก ปน เต, ภเนฺต, มโนรโถ’’ติ? ‘‘นนุ ทสพลํ มาเรตฺวา พุโทฺธ ภวิสฺสามี’’ติฯ ‘‘อเมฺหเหตฺถ กิํ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘มหาราช, ธนุคฺคเห สนฺนิปาตาเปตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ ราชา อกฺขณเวธีนํ ธนุคฺคหานํ ปญฺจสตานิ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตโต เอกติํส ชเน อุจฺจินิตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ ปาเหสิฯ โส เตสํ เชฎฺฐกํ อามเนฺตตฺวา ‘‘อาวุโส สมโณ โคตโม คิชฺฌกูเฎ วิหรติ, อสุกสฺมิํ นาม ทิวาฎฺฐาเน จงฺกมติฯ ตฺวํ ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ วิสปีเตน สเลฺลน วิชฺฌิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา อสุเกน นาม มเคฺคน เอหี’’ติ วตฺวา เปเสตฺวา ตสฺมิํ มเคฺค เทฺว ธนุคฺคเหฐเปสิ ‘‘ตุมฺหากํ ฐิตมเคฺคน เอโก ปุริโส อาคมิสฺสติ, ตํ ตุเมฺห ชีวิตา โวโรเปตฺวา อสุเกน นาม มเคฺคน เอถา’’ติ, ตสฺมิํ มเคฺค จตฺตาโร ปุริเส ฐเปสิ ‘‘ตุมฺหากํ ฐิตมเคฺคน เทฺว ปุริสา อาคมิสฺสนฺติ, ตุเมฺห เต ชีวิตา โวโรเปตฺวา อสุเกน นาม มเคฺคน เอถา’’ติ, ตสฺมิํ มเคฺค อฎฺฐ ชเน ฐเปสิ ‘‘ตุมฺหากํ ฐิตมเคฺคน จตฺตาโร ปุริโส อาคมิสฺสนฺติ, ตุเมฺห เต ชีวิตา โวโรเปตฺวา อสุเกน นาม มเคฺคน เอถา’’ติ, ตสฺมิํ มเคฺค โสฬส ปุริเส ฐเปสิ ‘‘ตุมฺหากํ ฐิตมเคฺคน อฎฺฐ ปุริสา อาคมิสฺสนฺติ, ตุเมฺห เต ชีวิตา โวโรเปตฺวา อสุเกน นาม มเคฺคน เอถา’’ติฯ
Rājāsiluddakammoti idaṃ satthā gijjhakūṭe viharanto devadattaṃ ārabbha kathesi. Tassa vatthu saṅghabhedakakkhandhake āgatameva. Taṃ tassa pabbajitakālato paṭṭhāya yāva bimbisārarañño maraṇā tatthāgatanayeneva veditabbaṃ. Taṃ pana mārāpetvā devadatto ajātasattuṃ upasaṅkamitvā ‘‘mahārāja, tava manoratho matthakaṃ patto, mama manoratho tāva na pāpuṇātī’’ti āha. ‘‘Ko pana te, bhante, manoratho’’ti? ‘‘Nanu dasabalaṃ māretvā buddho bhavissāmī’’ti. ‘‘Amhehettha kiṃ kātabba’’nti? ‘‘Mahārāja, dhanuggahe sannipātāpetuṃ vaṭṭatī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante’’ti rājā akkhaṇavedhīnaṃ dhanuggahānaṃ pañcasatāni sannipātāpetvā tato ekatiṃsa jane uccinitvā therassa santikaṃ pāhesi. So tesaṃ jeṭṭhakaṃ āmantetvā ‘‘āvuso samaṇo gotamo gijjhakūṭe viharati, asukasmiṃ nāma divāṭṭhāne caṅkamati. Tvaṃ tattha gantvā taṃ visapītena sallena vijjhitvā jīvitakkhayaṃ pāpetvā asukena nāma maggena ehī’’ti vatvā pesetvā tasmiṃ magge dve dhanuggaheṭhapesi ‘‘tumhākaṃ ṭhitamaggena eko puriso āgamissati, taṃ tumhe jīvitā voropetvā asukena nāma maggena ethā’’ti, tasmiṃ magge cattāro purise ṭhapesi ‘‘tumhākaṃ ṭhitamaggena dve purisā āgamissanti, tumhe te jīvitā voropetvā asukena nāma maggena ethā’’ti, tasmiṃ magge aṭṭha jane ṭhapesi ‘‘tumhākaṃ ṭhitamaggena cattāro puriso āgamissanti, tumhe te jīvitā voropetvā asukena nāma maggena ethā’’ti, tasmiṃ magge soḷasa purise ṭhapesi ‘‘tumhākaṃ ṭhitamaggena aṭṭha purisā āgamissanti, tumhe te jīvitā voropetvā asukena nāma maggena ethā’’ti.
กสฺมา ปเนส เอวมกาสีติ? อตฺตโน กมฺมสฺส ปฎิจฺฉาทนตฺถํฯ อถ โส เชฎฺฐกธนุคฺคโห วามโต ขคฺคํ ลเคฺคตฺวา ปิฎฺฐิยา ตุณีรํ พนฺธิตฺวา เมณฺฑสิงฺคมหาธนุํ คเหตฺวา ตถาคตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘วิชฺฌิสฺสามิ น’’นฺติ สญฺญาย ธนุํ อาโรเปตฺวา สรํ สนฺนยฺหิตฺวา อากฑฺฒิตฺวา วิสฺสเชฺชตุํ นาสกฺขิฯ โส สรํ โอโรเปตุมฺปิ อสโกฺกโนฺต ผาสุกา ภิชฺชนฺติโย วิย มุขโต เขเฬน ปคฺฆรเนฺตน กิลนฺตรูโป อโหสิ, สกลสรีรํ ถทฺธํ ชาตํ, ยเนฺตน ปีฬิตาการปฺปตฺตํ วิย อโหสิฯ โส มรณภยตชฺชิโต อฎฺฐาสิฯ อถ นํ สตฺถา ทิสฺวา มธุรสฺสรํ นิจฺฉาเรตฺวา เอตทโวจ ‘‘มา ภายิ โภ, ปุริส, อิโต เอหี’’ติฯ โส ตสฺมิํ ขเณ อาวุธานิ ฉเฑฺฑตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ‘‘อจฺจโย มํ, ภเนฺต, อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, สฺวาหํ ตุมฺหากํ คุเณ อชานโนฺต อนฺธพาลสฺส เทวทตฺตสฺส วจเนน ตุเมฺห ชีวิตา โวโรเปตุํ อาคโตมฺหิ, ขมถ เม, ภเนฺต’’ติ ขมาเปตฺวา เอกมเนฺต นิสีทิฯ อถ นํ สตฺถา ธมฺมํ เทเสโนฺต สจฺจานิ ปกาเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาเปตฺวา ‘‘อาวุโส, เทวทเตฺตน อาจิกฺขิตมคฺคํ อปฺปฎิปชฺชิตฺวา อเญฺญน มเคฺคน ยาหี’’ติ อุโยฺยเชสิฯ อุโยฺยเชตฺวา จ ปน จงฺกมา โอรุยฺห อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิฯ
Kasmā panesa evamakāsīti? Attano kammassa paṭicchādanatthaṃ. Atha so jeṭṭhakadhanuggaho vāmato khaggaṃ laggetvā piṭṭhiyā tuṇīraṃ bandhitvā meṇḍasiṅgamahādhanuṃ gahetvā tathāgatassa santikaṃ gantvā ‘‘vijjhissāmi na’’nti saññāya dhanuṃ āropetvā saraṃ sannayhitvā ākaḍḍhitvā vissajjetuṃ nāsakkhi. So saraṃ oropetumpi asakkonto phāsukā bhijjantiyo viya mukhato kheḷena paggharantena kilantarūpo ahosi, sakalasarīraṃ thaddhaṃ jātaṃ, yantena pīḷitākārappattaṃ viya ahosi. So maraṇabhayatajjito aṭṭhāsi. Atha naṃ satthā disvā madhurassaraṃ nicchāretvā etadavoca ‘‘mā bhāyi bho, purisa, ito ehī’’ti. So tasmiṃ khaṇe āvudhāni chaḍḍetvā bhagavato pādesu sirasā nipatitvā ‘‘accayo maṃ, bhante, accagamā yathābālaṃ yathāmūḷhaṃ yathāakusalaṃ, svāhaṃ tumhākaṃ guṇe ajānanto andhabālassa devadattassa vacanena tumhe jīvitā voropetuṃ āgatomhi, khamatha me, bhante’’ti khamāpetvā ekamante nisīdi. Atha naṃ satthā dhammaṃ desento saccāni pakāsetvā sotāpattiphale patiṭṭhāpetvā ‘‘āvuso, devadattena ācikkhitamaggaṃ appaṭipajjitvā aññena maggena yāhī’’ti uyyojesi. Uyyojetvā ca pana caṅkamā oruyha aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi.
อถ ตสฺมิํ ธนุคฺคเห อนาคจฺฉเนฺต อิตเร เทฺว ชนา ‘‘กิํ นุ โข โส จิรายตี’’ติ ปฎิมเคฺคน คจฺฉนฺตา ทสพลํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ สตฺถา เตสมฺปิ ธมฺมํ เทเสตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาเปตฺวา ‘‘อาวุโส, เทวทเตฺตน กถิตมคฺคํ อปฺปฎิปชฺชิตฺวา อิมินา มเคฺคน คจฺฉถา’’ติ อุโยฺยเชสิฯ อิมินา อุปาเยน อิตเรสุปิ อาคนฺตฺวา นิสิเนฺนสุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาเปตฺวา อเญฺญน มเคฺคน อุโยฺยเชสิฯ อถ โส ปฐมมาคโต เชฎฺฐกธนุคฺคโห เทวทตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภเนฺต, เทวทตฺต อหํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ชีวิตา โวโรเปตุํ นาสกฺขิํ, มหิทฺธิโก โส ภควา มหานุภาโว’’ติ อาโรเจสิฯ เต สเพฺพปิ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธํ นิสฺสาย อเมฺหหิ ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ อยํ ปวตฺติ ภิกฺขุสเงฺฆ ปากฎา อโหสิฯ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส เทวทโตฺต กิร เอกสฺมิํ ตถาคเต เวรจิเตฺตน พหู ชเน ชีวิตา โวโรเปตุํ วายามมกาสิ, เต สเพฺพปิ สตฺถารํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภิํสู’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ เทวทโตฺต มํ เอกกํ นิสฺสาย มยิ เวรจิเตฺตน พหู ชเน ชีวิตา โวโรเปตุํ วายามํ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Atha tasmiṃ dhanuggahe anāgacchante itare dve janā ‘‘kiṃ nu kho so cirāyatī’’ti paṭimaggena gacchantā dasabalaṃ disvā upasaṅkamitvā vanditvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Satthā tesampi dhammaṃ desetvā saccāni pakāsetvā sotāpattiphale patiṭṭhāpetvā ‘‘āvuso, devadattena kathitamaggaṃ appaṭipajjitvā iminā maggena gacchathā’’ti uyyojesi. Iminā upāyena itaresupi āgantvā nisinnesu sotāpattiphale patiṭṭhāpetvā aññena maggena uyyojesi. Atha so paṭhamamāgato jeṭṭhakadhanuggaho devadattaṃ upasaṅkamitvā ‘‘bhante, devadatta ahaṃ sammāsambuddhaṃ jīvitā voropetuṃ nāsakkhiṃ, mahiddhiko so bhagavā mahānubhāvo’’ti ārocesi. Te sabbepi ‘‘sammāsambuddhaṃ nissāya amhehi jīvitaṃ laddha’’nti satthu santike pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Ayaṃ pavatti bhikkhusaṅghe pākaṭā ahosi. Bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso devadatto kira ekasmiṃ tathāgate veracittena bahū jane jīvitā voropetuṃ vāyāmamakāsi, te sabbepi satthāraṃ nissāya jīvitaṃ labhiṃsū’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi devadatto maṃ ekakaṃ nissāya mayi veracittena bahū jane jīvitā voropetuṃ vāyāmaṃ akāsiyevā’’ti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.
อตีเต อยํ พาราณสี ปุปฺผวตี นาม อโหสิฯ ตตฺถ วสวตฺติรโญฺญ ปุโตฺต เอกราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ, ตสฺส ปุโตฺต จนฺทกุมาโร นาม โอปรชฺชํ กาเรสิฯ ขณฺฑหาโล นาม พฺราหฺมโณ ปุโรหิโต อโหสิฯ โส รโญฺญ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ อนุสาสิฯ ตํ กิร ราชา ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วินิจฺฉเย นิสีทาเปสิฯ โส ลญฺชวิตฺตโก หุตฺวา ลญฺชํ คเหตฺวา อสามิเก สามิเก กโรติ, สามิเก จ อสามิเกฯ อเถกทิวสํ เอโก อฑฺฑปราชิโต ปุริโส วินิจฺฉยฎฺฐานา อุปโกฺกเสโนฺต นิกฺขมิตฺวา ราชุปฎฺฐานํ อาคจฺฉนฺตํ จนฺทกุมารํ ทิสฺวา ธาวิตฺวา ตสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา โรทิฯ โส ‘‘กิํ, โภ ปุริส, โรทสี’’ติ อาหฯ ‘‘สามิ, ขณฺฑหาโล วินิจฺฉเย วิโลปํ ขาทติ, อหํ เตน ลญฺชํ คเหตฺวา ปราชยํ ปาปิโต’’ติฯ จนฺทกุมาโร ‘‘มา ภายี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา วินิจฺฉยํ เนตฺวา สามิกเมว สามิกํ, อสามิกเมว อสามิกํ อกาสิฯ มหาชโน มหาสเทฺทน สาธุการมทาสิฯ ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘กิํสโทฺท เอโส’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘จนฺทกุมาเรน กิร อโฑฺฑ สุวินิจฺฉิโต, ตเตฺถโส สาธุการสโทฺท’’ติฯ ตํ สุตฺวา ราชา ตุสฺสิฯ กุมาโร อาคนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อถ นํ ราชา ‘‘ตาต, เอโก กิร เต อโฑฺฑ วินิจฺฉิโต’’ติ อาหฯ ‘‘อาม, เทวา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ตาต, อิโต ปฎฺฐาย ตฺวเมว วินิจฺฉยํ ปฎฺฐเปหี’’ติ วินิจฺฉยํ กุมารสฺส อทาสิฯ
Atīte ayaṃ bārāṇasī pupphavatī nāma ahosi. Tattha vasavattirañño putto ekarājā nāma rajjaṃ kāresi, tassa putto candakumāro nāma oparajjaṃ kāresi. Khaṇḍahālo nāma brāhmaṇo purohito ahosi. So rañño atthañca dhammañca anusāsi. Taṃ kira rājā ‘‘paṇḍito’’ti vinicchaye nisīdāpesi. So lañjavittako hutvā lañjaṃ gahetvā asāmike sāmike karoti, sāmike ca asāmike. Athekadivasaṃ eko aḍḍaparājito puriso vinicchayaṭṭhānā upakkosento nikkhamitvā rājupaṭṭhānaṃ āgacchantaṃ candakumāraṃ disvā dhāvitvā tassa pādesu nipatitvā rodi. So ‘‘kiṃ, bho purisa, rodasī’’ti āha. ‘‘Sāmi, khaṇḍahālo vinicchaye vilopaṃ khādati, ahaṃ tena lañjaṃ gahetvā parājayaṃ pāpito’’ti. Candakumāro ‘‘mā bhāyī’’ti taṃ assāsetvā vinicchayaṃ netvā sāmikameva sāmikaṃ, asāmikameva asāmikaṃ akāsi. Mahājano mahāsaddena sādhukāramadāsi. Rājā taṃ sutvā ‘‘kiṃsaddo eso’’ti pucchi. ‘‘Candakumārena kira aḍḍo suvinicchito, tattheso sādhukārasaddo’’ti. Taṃ sutvā rājā tussi. Kumāro āgantvā taṃ vanditvā ekamantaṃ nisīdi. Atha naṃ rājā ‘‘tāta, eko kira te aḍḍo vinicchito’’ti āha. ‘‘Āma, devā’’ti. ‘‘Tena hi, tāta, ito paṭṭhāya tvameva vinicchayaṃ paṭṭhapehī’’ti vinicchayaṃ kumārassa adāsi.
ตโต ปฎฺฐาย ขณฺฑหาลสฺส อาโย ปจฺฉิชฺชิฯ โส ตโต ปฎฺฐาย กุมาเร อาฆาตํ พนฺธิตฺวา โอกาสํ คเวสโนฺต อนฺตราเปโกฺข วิจริฯ โส ปน ราชา มนฺทปโญฺญฯ โส เอกทิวสํ รตฺติภาเค สุปิตฺวา ปจฺจูสสมเย สุปินเนฺต อลงฺกตทฺวารโกฎฺฐกํ, สตฺตรตนมยปาการํ, สฎฺฐิโยชนิกสุวณฺณมยวาลุกมหาวีถิํ, โยชนสหสฺสุเพฺพธเวชยนฺตปาสาทปฎิมณฺฑิตํ นนฺทนวนาทิวนรามเณยฺยกนนฺทาโปกฺขรณิอาทิโปกฺขรณิรามเณยฺยกสมนฺนาคตํ อากิณฺณเทวคณํ ตาวติํสภวนํ ทิสฺวา ปพุชฺฌิตฺวา ตตฺถ คนฺตุกาโม จิเนฺตสิ – ‘‘เสฺว อาจริยขณฺฑหาลสฺสาคมนเวลาย เทวโลกคามิมคฺคํ ปุจฺฉิตฺวา เตน เทสิตมเคฺคน เทวโลกํ คมิสฺสามี’’ติ ขณฺฑหาโลปิ ปาโตว นฺหตฺวา ภุญฺชิตฺวา ราชุปฎฺฐานํ อาคนฺตฺวา ราชนิเวสนํ ปวิสิตฺวา รโญฺญ สุขเสยฺยํ ปุจฺฉิฯ อถสฺส ราชา อาสนํ ทาเปตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Tato paṭṭhāya khaṇḍahālassa āyo pacchijji. So tato paṭṭhāya kumāre āghātaṃ bandhitvā okāsaṃ gavesanto antarāpekkho vicari. So pana rājā mandapañño. So ekadivasaṃ rattibhāge supitvā paccūsasamaye supinante alaṅkatadvārakoṭṭhakaṃ, sattaratanamayapākāraṃ, saṭṭhiyojanikasuvaṇṇamayavālukamahāvīthiṃ, yojanasahassubbedhavejayantapāsādapaṭimaṇḍitaṃ nandanavanādivanarāmaṇeyyakanandāpokkharaṇiādipokkharaṇirāmaṇeyyakasamannāgataṃ ākiṇṇadevagaṇaṃ tāvatiṃsabhavanaṃ disvā pabujjhitvā tattha gantukāmo cintesi – ‘‘sve ācariyakhaṇḍahālassāgamanavelāya devalokagāmimaggaṃ pucchitvā tena desitamaggena devalokaṃ gamissāmī’’ti khaṇḍahālopi pātova nhatvā bhuñjitvā rājupaṭṭhānaṃ āgantvā rājanivesanaṃ pavisitvā rañño sukhaseyyaṃ pucchi. Athassa rājā āsanaṃ dāpetvā pañhaṃ pucchi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๙๘๒.
982.
‘‘ราชาสิ ลุทฺทกโมฺม, เอกราชา ปุปฺผวตียา;
‘‘Rājāsi luddakammo, ekarājā pupphavatīyā;
โส ปุจฺฉิ พฺรหฺมพนฺธุํ, ขณฺฑหาลํ ปุโรหิตํ มูฬฺหํฯ
So pucchi brahmabandhuṃ, khaṇḍahālaṃ purohitaṃ mūḷhaṃ.
๙๘๓.
983.
‘‘สคฺคาน มคฺคมาจิกฺข, ตฺวํสิ พฺราหฺมณ ธมฺมวินยกุสโล;
‘‘Saggāna maggamācikkha, tvaṃsi brāhmaṇa dhammavinayakusalo;
ยถา อิโต วชนฺติ สุคติํ, นรา ปุญฺญานิ กตฺวานา’’ติฯ
Yathā ito vajanti sugatiṃ, narā puññāni katvānā’’ti.
ตตฺถ ราชาสีติ ราชา อาสิฯ ลุทฺทกโมฺมติ กกฺขฬผรุสกโมฺมฯ สคฺคาน มคฺคนฺติ สคฺคานํ คมนมคฺคํฯ ธมฺมวินยกุสโลติ สุจริตธเมฺม จ อาจารวินเย จ กุสโลฯ ยถาติ ยถา นรา ปุญฺญานิ กตฺวา อิโต สุคติํ คจฺฉนฺติ, ตํ เม สุคติมคฺคํ อาจิกฺขาหีติ ปุจฺฉิฯ
Tattha rājāsīti rājā āsi. Luddakammoti kakkhaḷapharusakammo. Saggāna magganti saggānaṃ gamanamaggaṃ. Dhammavinayakusaloti sucaritadhamme ca ācāravinaye ca kusalo. Yathāti yathā narā puññāni katvā ito sugatiṃ gacchanti, taṃ me sugatimaggaṃ ācikkhāhīti pucchi.
อิมํ ปน ปญฺหํ สพฺพญฺญุพุทฺธํ วา ตสฺส สาวเก วา เตสํ อลาเภน โพธิสตฺตํ วา ปุจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ ราชา ปน ยถา นาม สตฺตาหํ มคฺคมูโฬฺห ปุริโส อญฺญํ มาสมตฺตํ มคฺคมูฬฺหํ มคฺคํ ปุเจฺฉยฺย, เอวํ ขณฺฑหาลํ ปุจฺฉิฯ โส จิเนฺตสิ ‘‘อยํ เม ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฎฺฐิทสฺสนกาโล, อิทานิ จนฺทกุมารํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา มม มโนรถํ ปูเรสฺสามี’’ติฯ อถ ราชานํ อามเนฺตตฺวา ตติยํ คาถมาห –
Imaṃ pana pañhaṃ sabbaññubuddhaṃ vā tassa sāvake vā tesaṃ alābhena bodhisattaṃ vā pucchituṃ vaṭṭati. Rājā pana yathā nāma sattāhaṃ maggamūḷho puriso aññaṃ māsamattaṃ maggamūḷhaṃ maggaṃ puccheyya, evaṃ khaṇḍahālaṃ pucchi. So cintesi ‘‘ayaṃ me paccāmittassa piṭṭhidassanakālo, idāni candakumāraṃ jīvitakkhayaṃ pāpetvā mama manorathaṃ pūressāmī’’ti. Atha rājānaṃ āmantetvā tatiyaṃ gāthamāha –
๙๘๔.
984.
‘‘อติทานํ ททิตฺวาน, อวเชฺฌ เทว ฆาเตตฺวา;
‘‘Atidānaṃ daditvāna, avajjhe deva ghātetvā;
เอวํ วชนฺติ สุคติํ, นรา ปุญฺญานิ กตฺวานา’’ติฯ
Evaṃ vajanti sugatiṃ, narā puññāni katvānā’’ti.
ตสฺสโตฺถ – มหาราช สคฺคํ คจฺฉนฺตา นาม อติทานํ ททนฺติ, อวเชฺฌ ฆาเตนฺติฯ สเจปิ สคฺคํ คนฺตุกาโมสิ, ตฺวมฺปิ ตเถว กโรหีติฯ
Tassattho – mahārāja saggaṃ gacchantā nāma atidānaṃ dadanti, avajjhe ghātenti. Sacepi saggaṃ gantukāmosi, tvampi tatheva karohīti.
อถ นํ ราชา ปญฺหสฺส อตฺถํ ปุจฺฉิ –
Atha naṃ rājā pañhassa atthaṃ pucchi –
๙๘๕.
985.
‘‘กิํ ปน ตํ อติทานํ, เก จ อวชฺฌา อิมสฺมิ โลกสฺมิํ;
‘‘Kiṃ pana taṃ atidānaṃ, ke ca avajjhā imasmi lokasmiṃ;
เอตญฺจ โข โน อกฺขาหิ, ยชิสฺสามิ ททามิ ทานานี’’ติฯ
Etañca kho no akkhāhi, yajissāmi dadāmi dānānī’’ti.
โสปิสฺส พฺยากาสิ –
Sopissa byākāsi –
๙๘๖.
986.
‘‘ปุเตฺตหิ เทว ยชิตพฺพํ, มเหสีหิ เนคเมหิ จ;
‘‘Puttehi deva yajitabbaṃ, mahesīhi negamehi ca;
อุสเภหิ อาชานิเยหิ จตูหิ, สพฺพจตุเกฺกน เทว ยชิตพฺพ’’นฺติฯ
Usabhehi ājāniyehi catūhi, sabbacatukkena deva yajitabba’’nti.
รโญฺญ ปญฺหํ พฺยากโรโนฺต จ เทวโลกมคฺคํ ปุโฎฺฐ นิรยมคฺคํ พฺยากาสิฯ
Rañño pañhaṃ byākaronto ca devalokamaggaṃ puṭṭho nirayamaggaṃ byākāsi.
ตตฺถ ปุเตฺตหีติ อตฺตนา ชาเตหิ ปิยปุเตฺตหิ เจว ปิยธีตาหิ จฯ มเหสีหีติ ปิยภริยาหิฯ เนคเมหีติ เสฎฺฐีหิฯ อุสเภหีติ สพฺพเสเตหิ อุสภราชูหิฯ อาชานิเยหีติ มงฺคลอเสฺสหิฯ จตูหีติ เอเตหิ สเพฺพเหว อเญฺญหิ จ หตฺถิอาทีหิ จตูหิ จตูหีติ เอวํ สพฺพจตุเกฺกน, เทว, ยชิตพฺพํฯ เอเตสญฺหิ ขเคฺคน สีสํ ฉินฺทิตฺวา สุวณฺณปาติยา คลโลหิตํ คเหตฺวา อาวาเฎ ปกฺขิปิตฺวา ยญฺญสฺส ยชนกราชาโน สรีเรน สห เทวโลกํ คจฺฉนฺติฯ มหาราช, สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกานํ ฆาสจฺฉาทนาทิสมฺปทานํ ทานเมว ปวตฺตติฯ อิเม ปน ปุตฺตธีตาทโย มาเรตฺวา เตสํ คลโลหิเตน ยญฺญสฺส ยชนํ อติทานํ นามาติ ราชานํ สญฺญาเปสิฯ
Tattha puttehīti attanā jātehi piyaputtehi ceva piyadhītāhi ca. Mahesīhīti piyabhariyāhi. Negamehīti seṭṭhīhi. Usabhehīti sabbasetehi usabharājūhi. Ājāniyehīti maṅgalaassehi. Catūhīti etehi sabbeheva aññehi ca hatthiādīhi catūhi catūhīti evaṃ sabbacatukkena, deva, yajitabbaṃ. Etesañhi khaggena sīsaṃ chinditvā suvaṇṇapātiyā galalohitaṃ gahetvā āvāṭe pakkhipitvā yaññassa yajanakarājāno sarīrena saha devalokaṃ gacchanti. Mahārāja, samaṇabrāhmaṇakapaṇaddhikavanibbakayācakānaṃ ghāsacchādanādisampadānaṃ dānameva pavattati. Ime pana puttadhītādayo māretvā tesaṃ galalohitena yaññassa yajanaṃ atidānaṃ nāmāti rājānaṃ saññāpesi.
อิติ โส ‘‘สเจ จนฺทกุมารํ เอกเญฺญว คณฺหิสฺสามิ, เวรจิเตฺตน กรณํ มญฺญิสฺสนฺตี’’ติ ตํ มหาชนสฺส อนฺตเร ปกฺขิปิฯ อิทํ ปน เตสํ กเถนฺตานํ กถํ สุตฺวา สเพฺพ อเนฺตปุรชนา ภีตตสิตา สํวิคฺคมานหทยา เอกปฺปหาเรเนว มหารวํ รวิํสุฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Iti so ‘‘sace candakumāraṃ ekaññeva gaṇhissāmi, veracittena karaṇaṃ maññissantī’’ti taṃ mahājanassa antare pakkhipi. Idaṃ pana tesaṃ kathentānaṃ kathaṃ sutvā sabbe antepurajanā bhītatasitā saṃviggamānahadayā ekappahāreneva mahāravaṃ raviṃsu. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๙๘๗.
987.
‘‘ตํ สุตฺวา อเนฺตปุเร, กุมารา มเหสิโย จ หญฺญนฺตุ;
‘‘Taṃ sutvā antepure, kumārā mahesiyo ca haññantu;
เอโก อโหสิ นิโคฺฆโส, ภิกฺขา อจฺจุคฺคโต สโทฺท’’ติฯ
Eko ahosi nigghoso, bhikkhā accuggato saddo’’ti.
ตตฺถ ตนฺติ ‘‘กุมารา จ มเหสิโย จ หญฺญนฺตู’’ติ ตํ สทฺทํ สุตฺวา เอโกติ สกลราชนิเวสเน เอโกว นิโคฺฆโส อโหสิฯ ภิสฺมาติ ภยานโกฯ อจฺจุคฺคโตติ อติอุคฺคโต อโหสิ, สกลราชกุลํ ยุคนฺตวาตปฺปหฎํ วิย สาลวนํ อโหสิฯ
Tattha tanti ‘‘kumārā ca mahesiyo ca haññantū’’ti taṃ saddaṃ sutvā ekoti sakalarājanivesane ekova nigghoso ahosi. Bhismāti bhayānako. Accuggatoti atiuggato ahosi, sakalarājakulaṃ yugantavātappahaṭaṃ viya sālavanaṃ ahosi.
พฺราหฺมโณ ราชานํ อาห – ‘‘กิํ ปน, มหาราช, ยญฺญํ ยชิตุํ สโกฺกสิ, น สโกฺกสี’’ติ? ‘‘กิํ กเถสิ, อาจริย, ยญฺญํ ยชิตฺวา เทวโลกํ คมิสฺสามี’’ติฯ ‘‘มหาราช, ภีรุกา ทุพฺพลชฺฌาสยา ยญฺญํ ยชิตุํ สมตฺถา นาม น โหนฺติ, ตุเมฺห อิธ สเพฺพ สนฺนิปาเตถ, อหํ ยญฺญาวาเฎ กมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อตฺตโน ปโหนกํ พลกายํ คเหตฺวา นครา นิกฺขมฺม ยญฺญาวาฎํ สมตลํ กาเรตฺวา วติยา ปริกฺขิปิฯ กสฺมา? ธมฺมิโก หิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาคนฺตฺวา นิวาเรยฺยาติ ยญฺญาวาเฎ วติยา ปริเกฺขปนํ นาม จาริตฺตนฺติ กตฺวา โปราณกพฺราหฺมเณหิ ฐปิตํฯ ราชาปิ ปุริเส ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตาตา, อหํ อตฺตโน ปุตฺตธีตโร จ ภริยาโย จ มาเรตฺวา ยญฺญํ ยชิตฺวา เทวโลกํ คมิสฺสามิ, คจฺฉถ เนสํ อาจิกฺขิตฺวา สเพฺพ อิธาเนถา’’ติ ปุตฺตานํ ตาว อานยนตฺถาย อาห –
Brāhmaṇo rājānaṃ āha – ‘‘kiṃ pana, mahārāja, yaññaṃ yajituṃ sakkosi, na sakkosī’’ti? ‘‘Kiṃ kathesi, ācariya, yaññaṃ yajitvā devalokaṃ gamissāmī’’ti. ‘‘Mahārāja, bhīrukā dubbalajjhāsayā yaññaṃ yajituṃ samatthā nāma na honti, tumhe idha sabbe sannipātetha, ahaṃ yaññāvāṭe kammaṃ karissāmī’’ti attano pahonakaṃ balakāyaṃ gahetvā nagarā nikkhamma yaññāvāṭaṃ samatalaṃ kāretvā vatiyā parikkhipi. Kasmā? Dhammiko hi samaṇo vā brāhmaṇo vā āgantvā nivāreyyāti yaññāvāṭe vatiyā parikkhepanaṃ nāma cārittanti katvā porāṇakabrāhmaṇehi ṭhapitaṃ. Rājāpi purise pakkosāpetvā ‘‘tātā, ahaṃ attano puttadhītaro ca bhariyāyo ca māretvā yaññaṃ yajitvā devalokaṃ gamissāmi, gacchatha nesaṃ ācikkhitvā sabbe idhānethā’’ti puttānaṃ tāva ānayanatthāya āha –
๙๘๘.
988.
‘‘คจฺฉถ วเทถ กุมาเร, จนฺทํ สูริยญฺจ ภทฺทเสนญฺจ;
‘‘Gacchatha vadetha kumāre, candaṃ sūriyañca bhaddasenañca;
สูรญฺจ วามโคตฺตญฺจ, ปจุรา กิร โหถ ยญฺญตฺถายา’’ติฯ
Sūrañca vāmagottañca, pacurā kira hotha yaññatthāyā’’ti.
ตตฺถ คจฺฉถ วเทถ กุมาเรติ จนฺทกุมาโร จ สูริยกุมาโร จาติ เทฺว โคตมิเทวิยา อคฺคมเหสิยา ปุตฺตา, ภทฺทเสโน จ สูโร จ วามโคโตฺต จ เตสํ เวมาติกภาตโรฯ ปจุรา กิร โหถาติ เอกสฺมิํ ฐาเน ราสี โหถาติ อาจิกฺขถาติ อโตฺถฯ
Tattha gacchatha vadetha kumāreti candakumāro ca sūriyakumāro cāti dve gotamideviyā aggamahesiyā puttā, bhaddaseno ca sūro ca vāmagotto ca tesaṃ vemātikabhātaro. Pacurā kira hothāti ekasmiṃ ṭhāne rāsī hothāti ācikkhathāti attho.
เต ปฐมํ จนฺทกุมารสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อาหํสุ ‘‘กุมาร, ตุเมฺห กิร มาเรตฺวา ตุมฺหากํ ปิตา เทวโลกํ คนฺตุกาโม, ตุมฺหากํ คณฺหนตฺถาย อเมฺห เปเสสี’’ติฯ ‘‘กสฺส วจเนน มํ คณฺหาเปสี’’ติ? ‘‘ขณฺฑหาลสฺส, เทวา’’ติฯ ‘‘กิํ โส มเญฺญว คณฺหาเปติ, อุทาหุ อเญฺญปี’’ติฯ ‘‘ราชปุตฺต, อเญฺญปิ คณฺหาเปติ, สพฺพจตุกฺกํ กิร ยญฺญํ ยชิตุกาโม’’ติฯ โส จิเนฺตสิ ‘‘ตสฺส อเญฺญหิ สทฺธิํ เวรํ นตฺถิ, ‘วินิจฺฉเย วิโลปํ กาตุํ น ลภามี’ติ ปน มยิ เอกสฺมิํ เวรจิเตฺตน พหู มาราเปติ, ปิตรํ ทฎฺฐุํ ลภนฺตสฺส สเพฺพสํ เตสํ โมจาปนํ นาม มม ภาโร’’ติฯ อถ เน ราชปุริเส อาห ‘‘เตน หิ เม ปิตุ วจนํ กโรถา’’ติฯ เต ตํ เนตฺวา ราชงฺคเณ เอกมเนฺต ฐเปตฺวา อิตเรปิ ตโย อามเนฺตตฺวา ตเสฺสว สนฺติเก กตฺวา รโญฺญ อาโรจยิํสุ ‘‘อานีตา เต, เทว, ปุตฺตา’’ติฯ โส เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘ตาตา, อิทานิ เม ธีตโร อาเนตฺวา เตสเญฺญว ภาติกานํ สนฺติเก กโรถา’’ติ จตโสฺส ธีตโร อาหราเปตุํ อิตรํ คาถมาห –
Te paṭhamaṃ candakumārassa santikaṃ gantvā āhaṃsu ‘‘kumāra, tumhe kira māretvā tumhākaṃ pitā devalokaṃ gantukāmo, tumhākaṃ gaṇhanatthāya amhe pesesī’’ti. ‘‘Kassa vacanena maṃ gaṇhāpesī’’ti? ‘‘Khaṇḍahālassa, devā’’ti. ‘‘Kiṃ so maññeva gaṇhāpeti, udāhu aññepī’’ti. ‘‘Rājaputta, aññepi gaṇhāpeti, sabbacatukkaṃ kira yaññaṃ yajitukāmo’’ti. So cintesi ‘‘tassa aññehi saddhiṃ veraṃ natthi, ‘vinicchaye vilopaṃ kātuṃ na labhāmī’ti pana mayi ekasmiṃ veracittena bahū mārāpeti, pitaraṃ daṭṭhuṃ labhantassa sabbesaṃ tesaṃ mocāpanaṃ nāma mama bhāro’’ti. Atha ne rājapurise āha ‘‘tena hi me pitu vacanaṃ karothā’’ti. Te taṃ netvā rājaṅgaṇe ekamante ṭhapetvā itarepi tayo āmantetvā tasseva santike katvā rañño ārocayiṃsu ‘‘ānītā te, deva, puttā’’ti. So tesaṃ vacanaṃ sutvā ‘‘tātā, idāni me dhītaro ānetvā tesaññeva bhātikānaṃ santike karothā’’ti catasso dhītaro āharāpetuṃ itaraṃ gāthamāha –
๙๘๙.
989.
‘‘กุมาริโยปิ วเทถ, อุปเสนํ โกกิลญฺจ มุทิตญฺจ;
‘‘Kumāriyopi vadetha, upasenaṃ kokilañca muditañca;
นนฺทญฺจาปิ กุมาริํ, ปจุรา กิร โหถ ยญฺญตฺถายา’’ติฯ
Nandañcāpi kumāriṃ, pacurā kira hotha yaññatthāyā’’ti.
เต ‘‘เอวํ กริสฺสามา’’ติ ตาสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตา โรทมานา ปริเทวมานา อาเนตฺวา ภาติกานเญฺญว สนฺติเก กริํสุฯ ตโต ราชา อตฺตโน ภริยานํ คหณตฺถาย อิตรํ คาถมาห –
Te ‘‘evaṃ karissāmā’’ti tāsaṃ santikaṃ gantvā tā rodamānā paridevamānā ānetvā bhātikānaññeva santike kariṃsu. Tato rājā attano bhariyānaṃ gahaṇatthāya itaraṃ gāthamāha –
๙๙๐.
990.
‘‘วิชยมฺปิ มยฺหํ มเหสิํ, เอราวติํ เกสินิํสุนนฺทญฺจ;
‘‘Vijayampi mayhaṃ mahesiṃ, erāvatiṃ kesiniṃsunandañca;
ลกฺขณวรูปปนฺนา, ปจุรา กิร โหถ ยญฺญตฺถายา’’ติฯ
Lakkhaṇavarūpapannā, pacurā kira hotha yaññatthāyā’’ti.
ตตฺถ ลกฺขณวรูปปนฺนาติ อุตฺตเมหิ จตุสฎฺฐิยา อิตฺถิลกฺขเณหิ อุปปนฺนา เอตาปิ วเทถาติ อโตฺถฯ
Tattha lakkhaṇavarūpapannāti uttamehi catusaṭṭhiyā itthilakkhaṇehi upapannā etāpi vadethāti attho.
เต ตาปิ ปริเทวมานา อาเนตฺวา กุมารานํ สนฺติเก กริํสุฯ อถ ราชา จตฺตาโร เสฎฺฐิโน คหณตฺถาย อาณาเปโนฺต อิตรํ คาถมาห –
Te tāpi paridevamānā ānetvā kumārānaṃ santike kariṃsu. Atha rājā cattāro seṭṭhino gahaṇatthāya āṇāpento itaraṃ gāthamāha –
๙๙๑.
991.
‘‘คหปตโย จ วเทถ, ปุณฺณมุขํ ภทฺทิยํ สิงฺคาลญฺจ;
‘‘Gahapatayo ca vadetha, puṇṇamukhaṃ bhaddiyaṃ siṅgālañca;
วฑฺฒญฺจาปิ คหปติํ, ปจุรา กิร โหถ ยญฺญตฺถายา’’ติฯ
Vaḍḍhañcāpi gahapatiṃ, pacurā kira hotha yaññatthāyā’’ti.
ราชปุริสา คนฺตฺวา เตปิ อานยิํสุฯ รโญฺญ ปุตฺตทาเร คยฺหมาเน สกลนครํ น กิญฺจิ อโวจฯ เสฎฺฐิกุลานิ ปน มหาสมฺพนฺธานิ, ตสฺมา เตสํ คหิตกาเล สกลนครํ สงฺขุภิตฺวา ‘‘รโญฺญ เสฎฺฐิโน มาเรตฺวา ยญฺญํ ยชิตุํ น ทสฺสามา’’ติ เสฎฺฐิโน ปริวาเรตฺวาว เตสํ ญาติวเคฺคน สทฺธิํ ราชกุลํ อคมิฯ อถ เต เสฎฺฐิโน ญาติคณปริวุตา ราชานํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน ชีวิตํ ยาจิํสุฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Rājapurisā gantvā tepi ānayiṃsu. Rañño puttadāre gayhamāne sakalanagaraṃ na kiñci avoca. Seṭṭhikulāni pana mahāsambandhāni, tasmā tesaṃ gahitakāle sakalanagaraṃ saṅkhubhitvā ‘‘rañño seṭṭhino māretvā yaññaṃ yajituṃ na dassāmā’’ti seṭṭhino parivāretvāva tesaṃ ñātivaggena saddhiṃ rājakulaṃ agami. Atha te seṭṭhino ñātigaṇaparivutā rājānaṃ vanditvā attano jīvitaṃ yāciṃsu. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๙๙๒.
992.
‘‘เต ตตฺถ คหปตโย, อโวจิสุํ สมาคตา ปุตฺตทารปริกิณฺณา;
‘‘Te tattha gahapatayo, avocisuṃ samāgatā puttadāraparikiṇṇā;
สเพฺพว สิขิโน เทว กโรหิ, อถ วา โน ทาเส สาเวหี’’ติฯ
Sabbeva sikhino deva karohi, atha vā no dāse sāvehī’’ti.
ตตฺถ สเพฺพว สิขิโนติ สเพฺพ อเมฺห มตฺถเก จูฬํ พนฺธิตฺวา อตฺตโน เจฎเก กโรหิ, มยํ เต เจฎกกิจฺจํ กริสฺสามฯ อถ วา โน ทาเส สาเวหีติ อถ วา โน อสทฺทหโนฺต สพฺพเสนิโย สนฺนิปาเตตฺวา ราสิมเชฺฌ อเมฺห ทาเส สาเวหิ, มยํ เต ทาสตฺตํ ปฎิสฺสุณิสฺสามาติฯ
Tattha sabbeva sikhinoti sabbe amhe matthake cūḷaṃ bandhitvā attano ceṭake karohi, mayaṃ te ceṭakakiccaṃ karissāma. Atha vā no dāse sāvehīti atha vā no asaddahanto sabbaseniyo sannipātetvā rāsimajjhe amhe dāse sāvehi, mayaṃ te dāsattaṃ paṭissuṇissāmāti.
เต เอวํ ยาจนฺตาปิ ชีวิตํ ลทฺธุํ นาสกฺขิํสุฯ ราชปุริสา เสเส ปฎิกฺกมาเปตฺวา เต คเหตฺวา กุมารานเญฺญว สนฺติเก นิสีทาเปสุํฯ ตโต ปน ราชา หตฺถิอาทีนํ คหณตฺถาย อาณาเปโนฺต อาห –
Te evaṃ yācantāpi jīvitaṃ laddhuṃ nāsakkhiṃsu. Rājapurisā sese paṭikkamāpetvā te gahetvā kumārānaññeva santike nisīdāpesuṃ. Tato pana rājā hatthiādīnaṃ gahaṇatthāya āṇāpento āha –
๙๙๓.
993.
‘‘อภยงฺกรมฺปิ เม หตฺถิํ, นาฬาคิริํ อจฺจุคฺคตํ วรุณทนฺตํ;
‘‘Abhayaṅkarampi me hatthiṃ, nāḷāgiriṃ accuggataṃ varuṇadantaṃ;
อาเนถ โข เน ขิปฺปํ, ยญฺญตฺถาย ภวิสฺสนฺติฯ
Ānetha kho ne khippaṃ, yaññatthāya bhavissanti.
๙๙๔.
994.
‘‘อสฺสรตนมฺปิ เกสิํ, สุรามุขํ ปุณฺณกํ วินตกญฺจ;
‘‘Assaratanampi kesiṃ, surāmukhaṃ puṇṇakaṃ vinatakañca;
อาเนถ โข เน ขิปฺปํ, ยญฺญตฺถาย ภวิสฺสนฺติฯ
Ānetha kho ne khippaṃ, yaññatthāya bhavissanti.
๙๙๕.
995.
‘‘อุสภมฺปิ ยูถปติํ อโนชํ, นิสภํ ควมฺปติํ เตปิ มยฺหํ อาเนถ;
‘‘Usabhampi yūthapatiṃ anojaṃ, nisabhaṃ gavampatiṃ tepi mayhaṃ ānetha;
สมูห กโรนฺตุ สพฺพํ, ยชิสฺสามิ ททามิ ทานานิฯ
Samūha karontu sabbaṃ, yajissāmi dadāmi dānāni.
๙๙๖.
996.
‘‘สพฺพํ ปฎิยาเทถ, ยญฺญํ ปน อุคฺคตมฺหิ สูริยมฺหิ;
‘‘Sabbaṃ paṭiyādetha, yaññaṃ pana uggatamhi sūriyamhi;
อาณาเปถ จ กุมาเร, อภิรมนฺตุ อิมํ รตฺติํฯ
Āṇāpetha ca kumāre, abhiramantu imaṃ rattiṃ.
๙๙๗.
997.
‘‘สพฺพํ อุปฎฺฐเปถ, ยญฺญํ ปน อุคฺคตมฺหิ สูริยมฺหิ;
‘‘Sabbaṃ upaṭṭhapetha, yaññaṃ pana uggatamhi sūriyamhi;
วเทถ ทานิ กุมาเร, อชฺช โข ปจฺฉิมา รตฺตี’’ติฯ
Vadetha dāni kumāre, ajja kho pacchimā rattī’’ti.
ตตฺถ สมูห กโรนฺตุ สพฺพนฺติ น เกวลํ เอตฺตกเมว, อวเสสมฺปิ จตุปฺปทคณเญฺจว ปกฺขิคณญฺจ สพฺพํ จตุกฺกํ กตฺวา ราสิํ กโรนฺตุ, สพฺพจตุกฺกํ ยญฺญํ ยชิสฺสามิ, ยาจกพฺราหฺมณานญฺจ ทานํ ทสฺสามีติฯ สพฺพํ ปฎิยาเทถาติ เอวํ มยา วุตฺตํ อนวเสสํ อุปฎฺฐเปถฯ อุคฺคตมฺหีติ อหํ ปน ยญฺญํ อุคฺคเต สูริเย เสฺว ปาโตว ยชิสฺสามิฯ สพฺพํ อุปฎฺฐเปถาติ เสสมฺปิ สพฺพํ ยญฺญอุปกรณํ อุปฎฺฐเปถาติฯ
Tattha samūha karontu sabbanti na kevalaṃ ettakameva, avasesampi catuppadagaṇañceva pakkhigaṇañca sabbaṃ catukkaṃ katvā rāsiṃ karontu, sabbacatukkaṃ yaññaṃ yajissāmi, yācakabrāhmaṇānañca dānaṃ dassāmīti. Sabbaṃ paṭiyādethāti evaṃ mayā vuttaṃ anavasesaṃ upaṭṭhapetha. Uggatamhīti ahaṃ pana yaññaṃ uggate sūriye sve pātova yajissāmi. Sabbaṃ upaṭṭhapethāti sesampi sabbaṃ yaññaupakaraṇaṃ upaṭṭhapethāti.
รโญฺญ ปน มาตาปิตโร ธรนฺติเยวฯ อถสฺส อมจฺจา คนฺตฺวา มาตุยา อาโรเจสุํ ‘‘อเยฺย, ปุโตฺต โว ปุตฺตทารํ มาเรตฺวา ยญฺญํ ยชิตุกาโม’’ติฯ สา ‘‘กิํ กเถถ, ตาตา’’ติ หเตฺถน หทยํ ปหริตฺวา โรทมานา อาคนฺตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร เอวรูโป เต ยโญฺญ ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Rañño pana mātāpitaro dharantiyeva. Athassa amaccā gantvā mātuyā ārocesuṃ ‘‘ayye, putto vo puttadāraṃ māretvā yaññaṃ yajitukāmo’’ti. Sā ‘‘kiṃ kathetha, tātā’’ti hatthena hadayaṃ paharitvā rodamānā āgantvā ‘‘saccaṃ kira evarūpo te yañño bhavissatī’’ti pucchi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๙๙๘.
998.
‘‘ตํตํ มาตา อวจ, โรทนฺตี อาคนฺตฺวา วิมานโต;
‘‘Taṃtaṃ mātā avaca, rodantī āgantvā vimānato;
ยโญฺญ กิร เต ปุตฺต, ภวิสฺสติ จตูหิ ปุเตฺตหี’’ติฯ
Yañño kira te putta, bhavissati catūhi puttehī’’ti.
ตตฺถ ตํตนฺติ ตํ เอตํ ราชานํฯ วิมานโตติ อตฺตโน วสนฎฺฐานโตฯ
Tattha taṃtanti taṃ etaṃ rājānaṃ. Vimānatoti attano vasanaṭṭhānato.
ราชา อาห –
Rājā āha –
๙๙๙.
999.
‘‘สเพฺพปิ มยฺหํ ปุตฺตา จตฺตา, จนฺทสฺมิํ หญฺญมานสฺมิํ;
‘‘Sabbepi mayhaṃ puttā cattā, candasmiṃ haññamānasmiṃ;
ปุเตฺตหิ ยญฺญํ ยชิตฺวาน, สุคติํ สคฺคํ คมิสฺสามี’’ติฯ
Puttehi yaññaṃ yajitvāna, sugatiṃ saggaṃ gamissāmī’’ti.
ตตฺถ จตฺตาติ จนฺทกุมาเร หญฺญมาเนเยว สเพฺพปิ ยญฺญตฺถาย มยา ปริจฺจตฺตาฯ
Tattha cattāti candakumāre haññamāneyeva sabbepi yaññatthāya mayā pariccattā.
อถ นํ มาตา อาห –
Atha naṃ mātā āha –
๑๐๐๐.
1000.
‘‘มา ตํ ปุตฺต สทฺทเหสิ, สุคติ กิร โหติ ปุตฺตยเญฺญน;
‘‘Mā taṃ putta saddahesi, sugati kira hoti puttayaññena;
นิรยาเนโส มโคฺค, เนโส มโคฺค หิ สคฺคานํฯ
Nirayāneso maggo, neso maggo hi saggānaṃ.
๑๐๐๑.
1001.
‘‘ทานานิ เทหิ โกณฺฑญฺญ, อหิํสา สพฺพภูตภพฺยานํ;
‘‘Dānāni dehi koṇḍañña, ahiṃsā sabbabhūtabhabyānaṃ;
เอส มโคฺค สุคติยา, น จ มโคฺค ปุตฺตยเญฺญนา’’ติฯ
Esa maggo sugatiyā, na ca maggo puttayaññenā’’ti.
ตตฺถ นิรยาเนโสติ นิรสฺสาทเตฺถน นิรยานํ จตุนฺนํ อปายานํ เอส มโคฺคฯ โกณฺฑญฺญาติ ราชานํ โคเตฺตนาลปติฯ ภูตภพฺยานนฺติ ภูตานญฺจ ภวิตพฺพสตฺตานญฺจฯ ปุตฺตยเญฺญนาติ เอวรูเปน ปุตฺตธีตโร มาเรตฺวา ยชกยเญฺญน สคฺคมโคฺค นาม นตฺถีติฯ
Tattha nirayānesoti nirassādatthena nirayānaṃ catunnaṃ apāyānaṃ esa maggo. Koṇḍaññāti rājānaṃ gottenālapati. Bhūtabhabyānanti bhūtānañca bhavitabbasattānañca. Puttayaññenāti evarūpena puttadhītaro māretvā yajakayaññena saggamaggo nāma natthīti.
ราชา อาห –
Rājā āha –
๑๐๐๒.
1002.
‘‘อาจริยานํ วจนา, ฆาเตสฺสํ จนฺทญฺจ สูริยญฺจ;
‘‘Ācariyānaṃ vacanā, ghātessaṃ candañca sūriyañca;
ปุเตฺตหิ ยญฺญํ ยชิตฺวาน ทุจฺจเชหิ, สุคติํ สคฺคํ คมิสฺสามี’’ติฯ
Puttehi yaññaṃ yajitvāna duccajehi, sugatiṃ saggaṃ gamissāmī’’ti.
ตตฺถ อาจริยานํ วจนนฺติ อมฺม, เนสา มม อตฺตโน มติ, อาจารสิกฺขาปนกสฺส ปน เม ขณฺฑหาลาจริยสฺส เอตํ วจนํ, เอสา อนุสิฎฺฐิฯ ตสฺมา อหํ เอเต ฆาเตสฺสํ, ทุจฺจเชหิ ปุเตฺตหิ ยญฺญํ ยชิตฺวา สคฺคํ คมิสฺสามีติฯ
Tattha ācariyānaṃ vacananti amma, nesā mama attano mati, ācārasikkhāpanakassa pana me khaṇḍahālācariyassa etaṃ vacanaṃ, esā anusiṭṭhi. Tasmā ahaṃ ete ghātessaṃ, duccajehi puttehi yaññaṃ yajitvā saggaṃ gamissāmīti.
อถสฺส มาตา อตฺตโน วจนํ คาหาเปตุํ อสโกฺกนฺตี อปคตาฯ ปิตา ตํ ปวตฺติํ ปุจฺฉิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Athassa mātā attano vacanaṃ gāhāpetuṃ asakkontī apagatā. Pitā taṃ pavattiṃ pucchi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๐๐๓.
1003.
‘‘ตํตํ ปิตาปิ อวจ, วสวตฺตี โอรสํ สกํ ปุตฺตํ;
‘‘Taṃtaṃ pitāpi avaca, vasavattī orasaṃ sakaṃ puttaṃ;
ยโญฺญ กิร เต ปุตฺต, ภวิสฺสติ จตูหิ ปุเตฺตหี’’ติฯ
Yañño kira te putta, bhavissati catūhi puttehī’’ti.
ตตฺถ วสวตฺตีติ ตสฺส นามํฯ
Tattha vasavattīti tassa nāmaṃ.
ราชา อาห –
Rājā āha –
๑๐๐๔.
1004.
‘‘สเพฺพปิ มยฺหํ ปุตฺตา จตฺตา, จนฺทสฺมิํ หญฺญมานสฺมิํ;
‘‘Sabbepi mayhaṃ puttā cattā, candasmiṃ haññamānasmiṃ;
ปุเตฺตหิ ยญฺญํ ยชิตฺวาน, สุคติํ สคฺคํ คมิสฺสามี’’ติฯ
Puttehi yaññaṃ yajitvāna, sugatiṃ saggaṃ gamissāmī’’ti.
อถ นํ ปิตา อาห –
Atha naṃ pitā āha –
๑๐๐๕.
1005.
‘‘มา ตํ ปุตฺต สทฺทเหสิ, สุคติ กิร โหติ ปุตฺตยเญฺญน;
‘‘Mā taṃ putta saddahesi, sugati kira hoti puttayaññena;
นิรยาเนโส มโคฺค, เนโส มโคฺค หิ สคฺคานํฯ
Nirayāneso maggo, neso maggo hi saggānaṃ.
๑๐๐๖.
1006.
‘‘ทานานิ เทหิ โกณฺฑญฺญ, อหิํสา สพฺพภูตภพฺยานํ;
‘‘Dānāni dehi koṇḍañña, ahiṃsā sabbabhūtabhabyānaṃ;
เอส มโคฺค สุคติยา, น จ มโคฺค ปุตฺตยเญฺญนา’’ติฯ
Esa maggo sugatiyā, na ca maggo puttayaññenā’’ti.
ราชา อาห –
Rājā āha –
๑๐๐๗.
1007.
‘‘อาจริยานํ วจนา, ฆาเตสฺสํ จนฺทญฺจ สูริยญฺจ;
‘‘Ācariyānaṃ vacanā, ghātessaṃ candañca sūriyañca;
ปุเตฺตหิ ยญฺญํ ยชิตฺวาน ทุจฺจเชหิ, สุคติํ สคฺคํ คมิสฺสามี’’ติฯ
Puttehi yaññaṃ yajitvāna duccajehi, sugatiṃ saggaṃ gamissāmī’’ti.
อถ นํ ปิตา อาห –
Atha naṃ pitā āha –
๑๐๐๘.
1008.
‘‘ทานานิ เทหิ โกณฺฑญฺญ, อหิํสา สพฺพภูตภพฺยานํ;
‘‘Dānāni dehi koṇḍañña, ahiṃsā sabbabhūtabhabyānaṃ;
ปุตฺตปริวุโต ตุวํ, รฎฺฐํ ชนปทญฺจ ปาเลหี’’ติฯ
Puttaparivuto tuvaṃ, raṭṭhaṃ janapadañca pālehī’’ti.
ตตฺถ ปุตฺตปริวุโตติ ปุเตฺตหิ ปริวุโตฯ รฎฺฐํ ชนปทญฺจาติ สกลกาสิรฎฺฐญฺจ ตเสฺสว ตํ ตํ โกฎฺฐาสภูตํ ชนปทญฺจฯ
Tattha puttaparivutoti puttehi parivuto. Raṭṭhaṃ janapadañcāti sakalakāsiraṭṭhañca tasseva taṃ taṃ koṭṭhāsabhūtaṃ janapadañca.
โสปิ ตํ อตฺตโน วจนํ คาหาเปตุํ นาสกฺขิฯ ตโต จนฺทกุมาโร จิเนฺตสิ ‘‘อิมสฺส เอตฺตกสฺส ชนสฺส ทุกฺขํ มํ เอกํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ, มม ปิตรํ ยาจิตฺวา เอตฺตกํ ชนํ มรณทุกฺขโต โมเจสฺสามี’’ติฯ โส ปิตรา สทฺธิํ สลฺลปโนฺต อาห –
Sopi taṃ attano vacanaṃ gāhāpetuṃ nāsakkhi. Tato candakumāro cintesi ‘‘imassa ettakassa janassa dukkhaṃ maṃ ekaṃ nissāya uppannaṃ, mama pitaraṃ yācitvā ettakaṃ janaṃ maraṇadukkhato mocessāmī’’ti. So pitarā saddhiṃ sallapanto āha –
๑๐๐๙.
1009.
‘‘มา โน เทว อวธิ, ทาเส โน เทหิ ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Mā no deva avadhi, dāse no dehi khaṇḍahālassa;
อปิ นิคฬพนฺธกาปิ, หตฺถี อเสฺส จ ปาเลมฯ
Api nigaḷabandhakāpi, hatthī asse ca pālema.
๑๐๑๐.
1010.
‘‘มา โน เทว อวธิ, ทาเส โน เทหิ ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Mā no deva avadhi, dāse no dehi khaṇḍahālassa;
อปิ นิคฬพนฺธกาปิ, หตฺถิฉกณานิ อุเชฺฌมฯ
Api nigaḷabandhakāpi, hatthichakaṇāni ujjhema.
๑๐๑๑.
1011.
‘‘มา โน เทว อวธิ, ทาเส โน เทหิ ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Mā no deva avadhi, dāse no dehi khaṇḍahālassa;
อปิ นิคฬพนฺธกาปิ, อสฺสฉกณานิ อุเชฺฌมฯ
Api nigaḷabandhakāpi, assachakaṇāni ujjhema.
๑๐๑๒.
1012.
‘‘มา โน เทว อวธิ, ทาเส โน เทหิ ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Mā no deva avadhi, dāse no dehi khaṇḍahālassa;
ยสฺส โหนฺติ ตว กามา, อปิ รฎฺฐา ปพฺพาชิตา;
Yassa honti tava kāmā, api raṭṭhā pabbājitā;
ภิกฺขาจริยํ จริสฺสามา’’ติฯ
Bhikkhācariyaṃ carissāmā’’ti.
ตตฺถ อปิ นิคฬพนฺธกาปีติ อปิ นาม มยํ มหานิคเฬหิ พนฺธกาปิ หุตฺวาฯ ยสฺส โหนฺติ ตว กามาติ สเจปิ ขณฺฑหาลสฺส ทาตุกาโมสิ, ตสฺส โน ทาเส กตฺวา เทหิ, กริสฺสามสฺส ทาสกมฺมนฺติ วทติฯ อปิ รฎฺฐาติ สเจ อมฺหากํ โกจิ โทโส อตฺถิ, รฎฺฐา โน ปพฺพาเชหิฯ อปิ นาม รฎฺฐา ปพฺพาชิตาปิ กปณา วิย กปาลํ คเหตฺวา ภิกฺขาจริยํ จริสฺสาม, มา โน อวธิ, เทหิ โน ชีวิตนฺติ วิลปิฯ
Tattha api nigaḷabandhakāpīti api nāma mayaṃ mahānigaḷehi bandhakāpi hutvā. Yassa honti tava kāmāti sacepi khaṇḍahālassa dātukāmosi, tassa no dāse katvā dehi, karissāmassa dāsakammanti vadati. Api raṭṭhāti sace amhākaṃ koci doso atthi, raṭṭhā no pabbājehi. Api nāma raṭṭhā pabbājitāpi kapaṇā viya kapālaṃ gahetvā bhikkhācariyaṃ carissāma, mā no avadhi, dehi no jīvitanti vilapi.
ตสฺส ตํ นานปฺปการํ วิลาปํ สุตฺวา ราชา หทยผลิตปฺปโตฺต วิย อสฺสุปุเณฺณหิ เนเตฺตหิ โรทมาโน ‘‘น เม โกจิ ปุเตฺต มาเรตุํ ลจฺฉติ, น มมโตฺถ เทวโลเกนา’’ติ สเพฺพ เต โมเจตุํ อาห –
Tassa taṃ nānappakāraṃ vilāpaṃ sutvā rājā hadayaphalitappatto viya assupuṇṇehi nettehi rodamāno ‘‘na me koci putte māretuṃ lacchati, na mamattho devalokenā’’ti sabbe te mocetuṃ āha –
๑๐๑๓.
1013.
‘‘ทุกฺขํ โข เม ชนยถ, วิลปนฺตา ชีวิตสฺส กามา หิ;
‘‘Dukkhaṃ kho me janayatha, vilapantā jīvitassa kāmā hi;
มุเญฺจถ ทานิ กุมาเร, อลมฺปิ เม โหตุ ปุตฺตยเญฺญนา’’ติฯ
Muñcetha dāni kumāre, alampi me hotu puttayaññenā’’ti.
ตํ รโญฺญ กถํ สุตฺวา ราชปุเตฺต อาทิํ กตฺวา สพฺพํ ตํ ปกฺขิปริโยสานํ ปาณคณํ วิสฺสเชฺชสุํฯ ขณฺฑหาโลปิ ยญฺญาวาเฎ กมฺมํ สํวิทหติฯ อถ นํ เอโก ปุริโส ‘‘อเร ทุฎฺฐ, ขณฺฑหาล, รญฺญา ปุตฺตา วิสฺสชฺชิตา, ตฺวํ อตฺตโน ปุเตฺต มาเรตฺวา เตสํ คลโลหิเตน ยญฺญํ ยชสฺสู’’ติ อาหฯ โส ‘‘กิํ นาม รญฺญา กต’’นฺติ กปฺปุฎฺฐานคฺคิ วิย อวตฺถรโนฺต อุฎฺฐาย ตุริโต ธาวิตฺวา อาห –
Taṃ rañño kathaṃ sutvā rājaputte ādiṃ katvā sabbaṃ taṃ pakkhipariyosānaṃ pāṇagaṇaṃ vissajjesuṃ. Khaṇḍahālopi yaññāvāṭe kammaṃ saṃvidahati. Atha naṃ eko puriso ‘‘are duṭṭha, khaṇḍahāla, raññā puttā vissajjitā, tvaṃ attano putte māretvā tesaṃ galalohitena yaññaṃ yajassū’’ti āha. So ‘‘kiṃ nāma raññā kata’’nti kappuṭṭhānaggi viya avattharanto uṭṭhāya turito dhāvitvā āha –
๑๐๑๔.
1014.
‘‘ปุเพฺพว โขสิ เม วุโตฺต, ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวเญฺจตํ;
‘‘Pubbeva khosi me vutto, dukkaraṃ durabhisambhavañcetaṃ;
อถ โน อุปกฺขฎสฺส ยญฺญสฺส, กสฺมา กโรสิ วิเกฺขปํฯ
Atha no upakkhaṭassa yaññassa, kasmā karosi vikkhepaṃ.
๑๐๑๕.
1015.
‘‘สเพฺพ วชนฺติ สุคติํ, เย ยชนฺติ เยปิ ยาเชนฺติ;
‘‘Sabbe vajanti sugatiṃ, ye yajanti yepi yājenti;
เย จาปิ อนุโมทนฺติ, ยชนฺตานํ เอทิสํ มหายญฺญ’’นฺติฯ
Ye cāpi anumodanti, yajantānaṃ edisaṃ mahāyañña’’nti.
ตตฺถ ปุเพฺพวาติ มยา ตฺวํ ปุเพฺพว วุโตฺต ‘‘น ตุมฺหาทิเสน ภีรุกชาติเกน สกฺกา ยญฺญํ ยชิตุํ, ยญฺญยชนํ นาเมตํ ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภว’’นฺติ, อถ โน อิทานิ อุปกฺขฎสฺส ปฎิยตฺตสฺส ยญฺญสฺส วิเกฺขปํ กโรสิฯ ‘‘วิกฺขมฺภ’’นฺติปิ ปาโฐ, ปฎิเสธนฺติ อโตฺถฯ มหาราช, กสฺมา เอวํ กโรสิฯ ยตฺตกา หิ ยญฺญํ ยชนฺติ วา ยาเชนฺติ วา อนุโมทนฺติ วา, สเพฺพ สุคติเมว วชนฺตีติ ทเสฺสติฯ
Tattha pubbevāti mayā tvaṃ pubbeva vutto ‘‘na tumhādisena bhīrukajātikena sakkā yaññaṃ yajituṃ, yaññayajanaṃ nāmetaṃ dukkaraṃ durabhisambhava’’nti, atha no idāni upakkhaṭassa paṭiyattassa yaññassa vikkhepaṃ karosi. ‘‘Vikkhambha’’ntipi pāṭho, paṭisedhanti attho. Mahārāja, kasmā evaṃ karosi. Yattakā hi yaññaṃ yajanti vā yājenti vā anumodanti vā, sabbe sugatimeva vajantīti dasseti.
โส อนฺธพาโล ราชา ตสฺส โกธวสิกสฺส กถํ คเหตฺวา ธมฺมสญฺญี หุตฺวา ปุน ปุเตฺต คณฺหาเปสิฯ ตโต จนฺทกุมาโร ปิตรํ อนุโพธยมาโน อาห –
So andhabālo rājā tassa kodhavasikassa kathaṃ gahetvā dhammasaññī hutvā puna putte gaṇhāpesi. Tato candakumāro pitaraṃ anubodhayamāno āha –
๑๐๑๖.
1016.
‘‘อถ กิสฺส ชโน ปุเพฺพ, โสตฺถานํ พฺราหฺมเณ อวาเจสิ;
‘‘Atha kissa jano pubbe, sotthānaṃ brāhmaṇe avācesi;
อถ โน อการณสฺมา, ยญฺญตฺถาย เทว ฆาเตสิฯ
Atha no akāraṇasmā, yaññatthāya deva ghātesi.
๑๐๑๗.
1017.
‘‘ปุเพฺพว โน ทหรกาเล, น หเนสิ น ฆาเตสิ;
‘‘Pubbeva no daharakāle, na hanesi na ghātesi;
ทหรมฺหา โยพฺพนํ ปตฺตา, อทูสกา ตาต หญฺญามฯ
Daharamhā yobbanaṃ pattā, adūsakā tāta haññāma.
๑๐๑๘.
1018.
‘‘หตฺถิคเต อสฺสคเต, สนฺนเทฺธ ปสฺส โน มหาราช;
‘‘Hatthigate assagate, sannaddhe passa no mahārāja;
ยุเทฺธ วา ยุชฺฌมาเน วา, น หิ มาทิสา สูรา โหนฺติ ยญฺญตฺถายฯ
Yuddhe vā yujjhamāne vā, na hi mādisā sūrā honti yaññatthāya.
๑๐๑๙.
1019.
‘‘ปจฺจเนฺต วาปิ กุปิเต, อฎวีสุ วา มาทิเส นิโยเชนฺติ;
‘‘Paccante vāpi kupite, aṭavīsu vā mādise niyojenti;
อถ โน อการณสฺมา, อภูมิยํ ตาต หญฺญามฯ
Atha no akāraṇasmā, abhūmiyaṃ tāta haññāma.
๑๐๒๐.
1020.
‘‘ยาปิ หิ ตา สกุณิโย, วสนฺติ ติณฆรานิ กตฺวาน;
‘‘Yāpi hi tā sakuṇiyo, vasanti tiṇagharāni katvāna;
ตาสมฺปิ ปิยา ปุตฺตา, อถ โน ตฺวํ เทว ฆาเตสิฯ
Tāsampi piyā puttā, atha no tvaṃ deva ghātesi.
๑๐๒๑.
1021.
‘‘มา ตสฺส สทฺทเหสิ, น มํ ขณฺฑหาโล ฆาเตยฺย;
‘‘Mā tassa saddahesi, na maṃ khaṇḍahālo ghāteyya;
มมญฺหิ โส ฆาเตตฺวาน, อนนฺตรา ตมฺปิ เทว ฆาเตยฺยฯ
Mamañhi so ghātetvāna, anantarā tampi deva ghāteyya.
๑๐๒๒.
1022.
‘‘คามวรํ นิคมวรํ ททนฺติ, โภคมฺปิสฺส มหาราช;
‘‘Gāmavaraṃ nigamavaraṃ dadanti, bhogampissa mahārāja;
อถคฺคปิณฺฑิกาปิ, กุเล กุเล เหเต ภุญฺชนฺติฯ
Athaggapiṇḍikāpi, kule kule hete bhuñjanti.
๑๐๒๓.
1023.
‘‘เตสมฺปิ ตาทิสานํ, อิจฺฉนฺติ ทุพฺภิตุํ มหาราช;
‘‘Tesampi tādisānaṃ, icchanti dubbhituṃ mahārāja;
เยภุเยฺยน เอเต, อกตญฺญุโน พฺราหฺมณา เทวฯ
Yebhuyyena ete, akataññuno brāhmaṇā deva.
๑๐๒๔.
1024.
‘‘มา โน เทว อวธิ, ทาเส โน เทหิ ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Mā no deva avadhi, dāse no dehi khaṇḍahālassa;
อปิ นิคฬพนฺธกาปิ, หตฺถี อเสฺส จ ปาเลมฯ
Api nigaḷabandhakāpi, hatthī asse ca pālema.
๑๐๒๕.
1025.
‘‘มา โน เทว อวธิ, ทาเส โน เทหิ ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Mā no deva avadhi, dāse no dehi khaṇḍahālassa;
อปิ นิคฬพนฺธกาปิ, หตฺถิฉกณานิ อุเชฺฌมฯ
Api nigaḷabandhakāpi, hatthichakaṇāni ujjhema.
๑๐๒๖.
1026.
‘‘มา โน เทว อวธิ, ทาเส โน เทหิ ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Mā no deva avadhi, dāse no dehi khaṇḍahālassa;
อปิ นิคฬพนฺธกาปิ, อสฺสฉกณานิ อุเชฺฌมฯ
Api nigaḷabandhakāpi, assachakaṇāni ujjhema.
๑๐๒๗.
1027.
‘‘มา โน เทว อวธิ, ทาเส โน เทหิ ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Mā no deva avadhi, dāse no dehi khaṇḍahālassa;
ยสฺส โหนฺติ ตว กามา, อปิ รฎฺฐา ปพฺพาชิตา;
Yassa honti tava kāmā, api raṭṭhā pabbājitā;
ภิกฺขาจริยํ จริสฺสามา’’ติฯ
Bhikkhācariyaṃ carissāmā’’ti.
ตตฺถ ปุเพฺพติ ตาต, ยทิ อหํ มาเรตโพฺพ, อถ กสฺมา อมฺหากํ ญาติชโน ปุเพฺพ มม ชาตกาเล พฺราหฺมเณ โสตฺถานํ อวาเจสิฯ ตทา กิร ขณฺฑหาโลว มม ลกฺขณานิ อุปธาเรตฺวา ‘‘อิมสฺส กุมารสฺส น โกจิ อนฺตราโย ภวิสฺสติ, ตุมฺหากํ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรสฺสตี’’ติ อาหฯ อิจฺจสฺส ปุริเมน ปจฺฉิมํ น สเมติ, มุสาวาที เอสฯ อถ โน เอตสฺส วจนํ คเหตฺวา อการณสฺมา นิกฺการณาเยว ยญฺญตฺถาย, เทว, ฆาเตสิฯ มา อเมฺห ฆาเตสิฯ อยญฺหิ มยิ เอกสฺมิํ เวเรน มหาชนํ มาเรตุกาโม, สาธุกํ สลฺลเกฺขหิ นรินฺทาติฯ ปุเพฺพว โนติ มหาราช, สเจปิ อเมฺห มาเรตุกาโม, ปุเพฺพว โน กสฺมา สยํ วา น หเนสิ, อเญฺญหิ วา น ฆาตาเปสิฯ อิทานิ ปน มยํ ทหรมฺหา ตรุณา, ปฐมวเย ฐิตา ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒาม, เอวํภูตา ตว อทูสกาว กิํการณา หญฺญามาติ?
Tattha pubbeti tāta, yadi ahaṃ māretabbo, atha kasmā amhākaṃ ñātijano pubbe mama jātakāle brāhmaṇe sotthānaṃ avācesi. Tadā kira khaṇḍahālova mama lakkhaṇāni upadhāretvā ‘‘imassa kumārassa na koci antarāyo bhavissati, tumhākaṃ accayena rajjaṃ kāressatī’’ti āha. Iccassa purimena pacchimaṃ na sameti, musāvādī esa. Atha no etassa vacanaṃ gahetvā akāraṇasmā nikkāraṇāyeva yaññatthāya, deva, ghātesi. Mā amhe ghātesi. Ayañhi mayi ekasmiṃ verena mahājanaṃ māretukāmo, sādhukaṃ sallakkhehi narindāti. Pubbeva noti mahārāja, sacepi amhe māretukāmo, pubbeva no kasmā sayaṃ vā na hanesi, aññehi vā na ghātāpesi. Idāni pana mayaṃ daharamhā taruṇā, paṭhamavaye ṭhitā puttadhītāhi vaḍḍhāma, evaṃbhūtā tava adūsakāva kiṃkāraṇā haññāmāti?
ปสฺส โนติ อเมฺหว จตฺตาโร ภาติเก ปสฺสฯ ยุชฺฌมาเนติ ปจฺจตฺถิกานํ นครํ ปริวาเรตฺวา ฐิตกาเล อมฺหาทิเส ปุเตฺต เตหิ สทฺธิํ ยุชฺฌมาเน ปสฺสฯ อปุตฺตกา หิ ราชาโน อนาถา นาม โหนฺติฯ มาทิสาติ อมฺหาทิสา สูรา พลวโนฺต น ยญฺญตฺถาย มาเรตพฺพา โหนฺติฯ นิโยเชนฺตีติ เตสํ ปจฺจามิตฺตานํ คณฺหนตฺถาย ปโยเชนฺติฯ อถ โนติ อถ อเมฺห อการณสฺมา อการเณน อภูมิยํ อโนกาเสเยว กสฺมา, ตาต, หญฺญามาติ อโตฺถฯ มา ตสฺส สทฺทเหสีติ มหาราช, น มํ ขณฺฑหาโล ฆาตเย, มา ตสฺส สทฺทเหยฺยาสิฯ โภคมฺปิสฺสาติ โภคมฺปิ อสฺส พฺราหฺมณสฺส ราชาโน เทนฺติฯ อถคฺคปิณฺฑิกาปีติ อถ เต อโคฺคทกํ อคฺคปิณฺฑํ ลภนฺตา อคฺคปิณฺฑิกาปิ โหนฺติฯ เตสมฺปีติ เยสํ กุเล ภุญฺชนฺติ, เตสมฺปิ เอวรูปานํ ปิณฺฑทายกานํ ทุพฺภิตุํ อิจฺฉนฺติฯ
Passa noti amheva cattāro bhātike passa. Yujjhamāneti paccatthikānaṃ nagaraṃ parivāretvā ṭhitakāle amhādise putte tehi saddhiṃ yujjhamāne passa. Aputtakā hi rājāno anāthā nāma honti. Mādisāti amhādisā sūrā balavanto na yaññatthāya māretabbā honti. Niyojentīti tesaṃ paccāmittānaṃ gaṇhanatthāya payojenti. Atha noti atha amhe akāraṇasmā akāraṇena abhūmiyaṃ anokāseyeva kasmā, tāta, haññāmāti attho. Mā tassa saddahesīti mahārāja, na maṃ khaṇḍahālo ghātaye, mā tassa saddaheyyāsi. Bhogampissāti bhogampi assa brāhmaṇassa rājāno denti. Athaggapiṇḍikāpīti atha te aggodakaṃ aggapiṇḍaṃ labhantā aggapiṇḍikāpi honti. Tesampīti yesaṃ kule bhuñjanti, tesampi evarūpānaṃ piṇḍadāyakānaṃ dubbhituṃ icchanti.
ราชา กุมารสฺส วิลาปํ สุตฺวา –
Rājā kumārassa vilāpaṃ sutvā –
๑๐๒๘.
1028.
‘‘ทุกฺขํ โข เม ชนยถ, วิลปนฺตา ชีวิตสฺส กามา หิ;
‘‘Dukkhaṃ kho me janayatha, vilapantā jīvitassa kāmā hi;
มุเญฺจถ ทานิ กุมาเร, อลมฺปิ เม โหตุ ปุตฺตยเญฺญนา’’ติฯ –
Muñcetha dāni kumāre, alampi me hotu puttayaññenā’’ti. –
อิมํ คาถํ วตฺวา ปุนปิ โมเจสิฯ ขณฺฑหาโล อาคนฺตฺวา ปุนปิ –
Imaṃ gāthaṃ vatvā punapi mocesi. Khaṇḍahālo āgantvā punapi –
๑๐๒๙.
1029.
‘‘ปุเพฺพว โขสิ เม วุโตฺต, ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวเญฺจตํ;
‘‘Pubbeva khosi me vutto, dukkaraṃ durabhisambhavañcetaṃ;
อถ โน อุปกฺขฎสฺส ยญฺญสฺส, กสฺมา กโรสิ วิเกฺขปํฯ
Atha no upakkhaṭassa yaññassa, kasmā karosi vikkhepaṃ.
๑๐๓๐.
1030.
‘‘สเพฺพ วชนฺติ สุคติํ, เย ยชนฺติ เยปิ ยาเชนฺติ;
‘‘Sabbe vajanti sugatiṃ, ye yajanti yepi yājenti;
เย จาปิ อนุโมทนฺติ, ยชนฺตานํ เอทิสํ มหายญฺญ’’นฺติฯ –
Ye cāpi anumodanti, yajantānaṃ edisaṃ mahāyañña’’nti. –
เอวํ วตฺวา ปุน คณฺหาเปสิฯ อถสฺส อนุนยนตฺถํ กุมาโร อาห –
Evaṃ vatvā puna gaṇhāpesi. Athassa anunayanatthaṃ kumāro āha –
๑๐๓๑.
1031.
‘‘ยทิ กิร ยชิตฺวา ปุเตฺตหิ, เทวโลกํ อิโต จุตา ยนฺติ;
‘‘Yadi kira yajitvā puttehi, devalokaṃ ito cutā yanti;
พฺราหฺมโณ ตาว ยชตุ, ปจฺฉาปิ ยชสิ ตุวํ ราชฯ
Brāhmaṇo tāva yajatu, pacchāpi yajasi tuvaṃ rāja.
๑๐๓๒.
1032.
‘‘ยทิ กิร ยชิตฺวา ปุเตฺตหิ, เทวโลกํ อิโต จุตา ยนฺติ;
‘‘Yadi kira yajitvā puttehi, devalokaṃ ito cutā yanti;
เอเสฺวว ขณฺฑหาโล, ยชตํ สเกหิ ปุเตฺตหิฯ
Esveva khaṇḍahālo, yajataṃ sakehi puttehi.
๑๐๓๓.
1033.
‘‘เอวํ ชานโนฺต ขณฺฑหาโล, กิํ ปุตฺตเก น ฆาเตสิ;
‘‘Evaṃ jānanto khaṇḍahālo, kiṃ puttake na ghātesi;
สพฺพญฺจ ญาติชนํ, อตฺตานญฺจ น ฆาเตสิฯ
Sabbañca ñātijanaṃ, attānañca na ghātesi.
๑๐๓๔.
1034.
‘‘สเพฺพ วชนฺติ นิรยํ, เย ยชนฺติ เยปิ ยาเชนฺติ;
‘‘Sabbe vajanti nirayaṃ, ye yajanti yepi yājenti;
เย จาปิ อนุโมทนฺติ, ยชนฺตานํ เอทิสํ มหายญฺญํฯ
Ye cāpi anumodanti, yajantānaṃ edisaṃ mahāyaññaṃ.
๑๐๓๕.
1035.
‘‘สเจ หิ โส สุชฺฌติ โย หนาติ, หโตปิ โส สคฺคมุเปติ ฐานํ;
‘‘Sace hi so sujjhati yo hanāti, hatopi so saggamupeti ṭhānaṃ;
โภวาทิ โภวาทิน มารเยยฺยุํ, เย จาปิ เตสํ อภิสทฺทเหยฺยุ’’นฺติฯ
Bhovādi bhovādina mārayeyyuṃ, ye cāpi tesaṃ abhisaddaheyyu’’nti.
ตตฺถ พฺราหฺมโณ ตาวาติ ปฐมํ ตาว ขณฺฑหาโล ยชตุ สเกหิ ปุเตฺตหิ, อถ ตสฺมิํ เอวํ ยชิตฺวา เทวโลกํ คเต ปจฺฉา ตฺวํ ยชิสฺสสิฯ เทว, สาทุรสโภชนมฺปิ หิ ตฺวํ อเญฺญหิ วีมํสาเปตฺวา ภุญฺชสิ, ปุตฺตทารมารณํเยว กสฺมา อวีมํสิตฺวา กโรสีติ ทีเปโนฺต เอวมาหฯ เอวํ ชานโนฺตติ ‘‘ปุตฺตธีตโร มาเรตฺวา เทวโลกํ คจฺฉตี’’ติ เอวํ ชานโนฺต กิํการณา อตฺตโน ปุเตฺต จ ญาตี จ อตฺตานญฺจ น ฆาเตสิฯ สเจ หิ ปรํ มาเรตฺวา เทวโลกํ คจฺฉนฺติ, อตฺตานํ มาเรตฺวา พฺรหฺมโลกํ คนฺตโพฺพ ภวิสฺสติฯ เอวํ ยญฺญคุณํ ชานเนฺตน ปรํ อมาเรตฺวา อตฺตาว มาเรตโพฺพ สิยาฯ อยํ ปน ตถา อกตฺวา มํ มาราเปติฯ อิมินาปิ การเณน ชานาหิ, มหาราช ‘‘ยถา เอส วินิจฺฉเย วิโลปํ กาตุํ อลภโนฺต เอวํ กโรตี’’ติฯ เอทิสนฺติ เอวรูปํ ปุตฺตฆาตยญฺญํฯ
Tattha brāhmaṇo tāvāti paṭhamaṃ tāva khaṇḍahālo yajatu sakehi puttehi, atha tasmiṃ evaṃ yajitvā devalokaṃ gate pacchā tvaṃ yajissasi. Deva, sādurasabhojanampi hi tvaṃ aññehi vīmaṃsāpetvā bhuñjasi, puttadāramāraṇaṃyeva kasmā avīmaṃsitvā karosīti dīpento evamāha. Evaṃ jānantoti ‘‘puttadhītaro māretvā devalokaṃ gacchatī’’ti evaṃ jānanto kiṃkāraṇā attano putte ca ñātī ca attānañca na ghātesi. Sace hi paraṃ māretvā devalokaṃ gacchanti, attānaṃ māretvā brahmalokaṃ gantabbo bhavissati. Evaṃ yaññaguṇaṃ jānantena paraṃ amāretvā attāva māretabbo siyā. Ayaṃ pana tathā akatvā maṃ mārāpeti. Imināpi kāraṇena jānāhi, mahārāja ‘‘yathā esa vinicchaye vilopaṃ kātuṃ alabhanto evaṃ karotī’’ti. Edisanti evarūpaṃ puttaghātayaññaṃ.
กุมาโร เอตฺตกํ กเถโนฺตปิ ปิตรํ อตฺตโน วจนํ คาหาเปตุํ อสโกฺกโนฺต ราชานํ ปริวาเรตฺวา ฐิตํ ปริสํ อารพฺภ อาห –
Kumāro ettakaṃ kathentopi pitaraṃ attano vacanaṃ gāhāpetuṃ asakkonto rājānaṃ parivāretvā ṭhitaṃ parisaṃ ārabbha āha –
๑๐๓๖.
1036.
‘‘กถญฺจ กิร ปุตฺตกามาโย, คหปตโย ฆรณิโย จ;
‘‘Kathañca kira puttakāmāyo, gahapatayo gharaṇiyo ca;
นครมฺหิ น อุปรวนฺติ ราชานํ, มา ฆาตยิ โอรสํ ปุตฺตํฯ
Nagaramhi na uparavanti rājānaṃ, mā ghātayi orasaṃ puttaṃ.
๑๐๓๗.
1037.
‘‘กถญฺจ กิร ปุตฺตกามาโย, คหปตโย ฆรณิโย จ;
‘‘Kathañca kira puttakāmāyo, gahapatayo gharaṇiyo ca;
นครมฺหิ น อุปรวนฺติ ราชานํ, มา ฆาตยิ อตฺรชํ ปุตฺตํฯ
Nagaramhi na uparavanti rājānaṃ, mā ghātayi atrajaṃ puttaṃ.
๑๐๓๘.
1038.
‘‘รโญฺญ จมฺหิ อตฺถกาโม, หิโต จ สพฺพชนปทสฺส;
‘‘Rañño camhi atthakāmo, hito ca sabbajanapadassa;
น โกจิ อสฺส ปฎิฆํ, มยา ชานปโท น ปเวเทตี’’ติฯ
Na koci assa paṭighaṃ, mayā jānapado na pavedetī’’ti.
ตตฺถ ปุตฺตกามาโยติ ฆรณิโย สนฺธาย วุตฺตํฯ คหปตโย ปน ปุตฺตกามา นาม โหนฺติฯ น อุปรวนฺตีติ น อุปโกฺกสนฺติ น วทนฺติฯ อตฺรชนฺติ อตฺตโต ชาตํฯ เอวํ วุเตฺตปิ โกจิ รญฺญา สทฺธิํ กเถตุํ สมโตฺถ นาม นาโหสิฯ น โกจิ อสฺส ปฎิฆํ มยาติ อิมินา โน ลโญฺช วา คหิโต, อิสฺสริยมเทน วา อิทํ นาม ทุกฺขํ กตนฺติ โกจิ เอโกปิ มยา สทฺธิํ ปฎิฆํ กตฺตา นาม นาโหสิฯ ชานปโท น ปเวเทตีติ เอวํ รโญฺญ จ ชนปทสฺส จ อตฺถกามสฺส มม ปิตรํ อยํ ชานปโท ‘‘คุณสมฺปโนฺน เต ปุโตฺต’’ติ น ปเวเทติ, น ชานาเปตีติ อโตฺถฯ
Tattha puttakāmāyoti gharaṇiyo sandhāya vuttaṃ. Gahapatayo pana puttakāmā nāma honti. Na uparavantīti na upakkosanti na vadanti. Atrajanti attato jātaṃ. Evaṃ vuttepi koci raññā saddhiṃ kathetuṃ samattho nāma nāhosi. Na koci assa paṭighaṃ mayāti iminā no lañjo vā gahito, issariyamadena vā idaṃ nāma dukkhaṃ katanti koci ekopi mayā saddhiṃ paṭighaṃ kattā nāma nāhosi. Jānapado na pavedetīti evaṃ rañño ca janapadassa ca atthakāmassa mama pitaraṃ ayaṃ jānapado ‘‘guṇasampanno te putto’’ti na pavedeti, na jānāpetīti attho.
เอวํ วุเตฺตปิ โกจิ กิญฺจิ น กเถสิฯ ตโต จนฺทกุมาโร อตฺตโน ภริยาโย ตํ ยาจนตฺถาย อุโยฺยเชโนฺต อาห –
Evaṃ vuttepi koci kiñci na kathesi. Tato candakumāro attano bhariyāyo taṃ yācanatthāya uyyojento āha –
๑๐๓๙.
1039.
‘‘คจฺฉถ โว ฆรณิโย, ตาตญฺจ วเทถ ขณฺฑหาลญฺจ;
‘‘Gacchatha vo gharaṇiyo, tātañca vadetha khaṇḍahālañca;
มา ฆาเตถ กุมาเร, อทูสเก สีหสงฺกาเสฯ
Mā ghātetha kumāre, adūsake sīhasaṅkāse.
๑๐๔๐.
1040.
‘‘คจฺฉถ โว ฆรณิโย, ตาตญฺจ วเทถ ขณฺฑหาลญฺจ;
‘‘Gacchatha vo gharaṇiyo, tātañca vadetha khaṇḍahālañca;
มา ฆาเตถ กุมาเร, อเปกฺขิเต สพฺพโลกสฺสา’’ติฯ
Mā ghātetha kumāre, apekkhite sabbalokassā’’ti.
ตา คนฺตฺวา ยาจิํสุฯ ตาปิ ราชา น โอโลเกสิฯ ตโต กุมาโร อนาโถ หุตฺวา วิลปโนฺต –
Tā gantvā yāciṃsu. Tāpi rājā na olokesi. Tato kumāro anātho hutvā vilapanto –
๑๐๔๑.
1041.
‘‘ยํนูนาหํ ชาเยยฺยํ, รถการกุเลสุ วา,
‘‘Yaṃnūnāhaṃ jāyeyyaṃ, rathakārakulesu vā,
ปุกฺกุสกุเลสุ วา เวเสฺสสุ วา ชาเยยฺยํ,
Pukkusakulesu vā vessesu vā jāyeyyaṃ,
น หชฺช มํ ราช ยเญฺญ ฆาเตยฺยา’’ติฯ –
Na hajja maṃ rāja yaññe ghāteyyā’’ti. –
วตฺวา ปุน ตา ภริยาโย อุโยฺยเชโนฺต อาห –
Vatvā puna tā bhariyāyo uyyojento āha –
๑๐๔๒.
1042.
‘‘สพฺพา สีมนฺตินิโย คจฺฉถ, อยฺยสฺส ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Sabbā sīmantiniyo gacchatha, ayyassa khaṇḍahālassa;
ปาเทสุ นิปตถ, อปราธาหํ น ปสฺสามิฯ
Pādesu nipatatha, aparādhāhaṃ na passāmi.
๑๐๔๓.
1043.
‘‘สพฺพา สีมนฺตินิโย คจฺฉถ, อยฺยสฺส ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Sabbā sīmantiniyo gacchatha, ayyassa khaṇḍahālassa;
ปาเทสุ นิปตถ, กิเนฺต ภเนฺต มยํ อทูเสมา’’ติฯ
Pādesu nipatatha, kinte bhante mayaṃ adūsemā’’ti.
ตตฺถ อปราธาหํ น ปสฺสามีติ อหํ อาจริยขณฺฑหาเล อตฺตโน อปราธํ น ปสฺสามิฯ กิเนฺต ภเนฺตติ อยฺย ขณฺฑหาล, มยํ ตุยฺหํ กิํ ทูสยิมฺหา, อถ จนฺทกุมารสฺส โทโส อตฺถิ, ตํ ขมถาติ วเทถาติฯ
Tattha aparādhāhaṃ na passāmīti ahaṃ ācariyakhaṇḍahāle attano aparādhaṃ na passāmi. Kinte bhanteti ayya khaṇḍahāla, mayaṃ tuyhaṃ kiṃ dūsayimhā, atha candakumārassa doso atthi, taṃ khamathāti vadethāti.
อถ จนฺทกุมารสฺส กนิฎฺฐภคินี เสลกุมารี นาม โสกํ สนฺธาเรตุํ อสโกฺกนฺตี ปิตุ ปาทมูเล ปติตฺวา ปริเทวิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Atha candakumārassa kaniṭṭhabhaginī selakumārī nāma sokaṃ sandhāretuṃ asakkontī pitu pādamūle patitvā paridevi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๐๔๔.
1044.
‘‘กปณา วิลปติ เสลา, ทิสฺวาน ภาตเร อุปนีตเตฺต;
‘‘Kapaṇā vilapati selā, disvāna bhātare upanītatte;
ยโญฺญ กิร เม อุกฺขิปิโต, ตาเตน สคฺคกาเมนา’’ติฯ
Yañño kira me ukkhipito, tātena saggakāmenā’’ti.
ตตฺถ อุปนีตเตฺตติ อุปนีตสภาเวฯ อุกฺขิปิโตติ อุกฺขิโตฺตฯ สคฺคกาเมโนติ มม ภาตโร มาเรตฺวา สคฺคํ อิจฺฉเนฺตนฯ ตาต, อิเม มาเรตฺวา กิํ สเคฺคน กริสฺสสีติ วิลปติฯ
Tattha upanītatteti upanītasabhāve. Ukkhipitoti ukkhitto. Saggakāmenoti mama bhātaro māretvā saggaṃ icchantena. Tāta, ime māretvā kiṃ saggena karissasīti vilapati.
ราชา ตสฺสาปิ กถํ น คณฺหิฯ ตโต จนฺทกุมารสฺส ปุโตฺต วสุโล นาม ปิตรํ ทุกฺขิตํ ทิสฺวา ‘‘อหํ อยฺยกํ ยาจิตฺวา มม ปิตุ ชีวิตํ ทาเปสฺสามี’’ติ รโญฺญ ปาทมูเล ปริเทวิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Rājā tassāpi kathaṃ na gaṇhi. Tato candakumārassa putto vasulo nāma pitaraṃ dukkhitaṃ disvā ‘‘ahaṃ ayyakaṃ yācitvā mama pitu jīvitaṃ dāpessāmī’’ti rañño pādamūle paridevi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๐๔๕.
1045.
‘‘อาวตฺติ ปริวตฺติ จ, วสุโล สมฺมุขา รโญฺญ;
‘‘Āvatti parivatti ca, vasulo sammukhā rañño;
มา โน ปิตรํ อวธิ, ทหรมฺหาโยพฺพนํ ปตฺตา’’ติฯ
Mā no pitaraṃ avadhi, daharamhāyobbanaṃ pattā’’ti.
ตตฺถ ทหรมฺหาโยพฺพนํ ปตฺตาติ เทว, มยํ ตรุณทารกา, น ตาว โยพฺพนปฺปตฺตา, อเมฺหสุปิ ตาว อนุกมฺปาย อมฺหากํ ปิตรํ มา อวธีติฯ
Tattha daharamhāyobbanaṃ pattāti deva, mayaṃ taruṇadārakā, na tāva yobbanappattā, amhesupi tāva anukampāya amhākaṃ pitaraṃ mā avadhīti.
ราชา ตสฺส ปริเทวิตํ สุตฺวา ภิชฺชมานหทโย วิย หุตฺวา อสฺสุปุเณฺณหิ เนเตฺตหิ กุมารํ อาลิงฺคิตฺวา ‘‘ตาต, อสฺสาสํ ปฎิลภ, วิสฺสเชฺชมิ เต ปิตร’’นฺติ วตฺวา คาถมาห –
Rājā tassa paridevitaṃ sutvā bhijjamānahadayo viya hutvā assupuṇṇehi nettehi kumāraṃ āliṅgitvā ‘‘tāta, assāsaṃ paṭilabha, vissajjemi te pitara’’nti vatvā gāthamāha –
๑๐๔๖.
1046.
‘‘เอโส เต วสุล ปิตา, สเมหิ ปิตรา สห;
‘‘Eso te vasula pitā, samehi pitarā saha;
ทุกฺขํ โข เม ชนยสิ, วิลปโนฺต อเนฺตปุรสฺมิํ;
Dukkhaṃ kho me janayasi, vilapanto antepurasmiṃ;
มุเญฺจถ ทานิ กุมาเร, อลมฺปิ เม โหตุ ปุตฺตยเญฺญนา’’ติฯ
Muñcetha dāni kumāre, alampi me hotu puttayaññenā’’ti.
ตตฺถ อเนฺตปุรสฺมินฺติ ราชนิเวสนสฺส อนฺตเรฯ
Tattha antepurasminti rājanivesanassa antare.
ปุน ขณฺฑหาโล อาคนฺตฺวา อาห –
Puna khaṇḍahālo āgantvā āha –
๑๐๔๗.
1047.
‘‘ปุเพฺพว โขสิ เม วุโตฺต, ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวเญฺจตํ;
‘‘Pubbeva khosi me vutto, dukkaraṃ durabhisambhavañcetaṃ;
อถ โน อุปกฺขฎสฺส ยญฺญสฺส, กสฺมา กโรสิ วิเกฺขปํฯ
Atha no upakkhaṭassa yaññassa, kasmā karosi vikkhepaṃ.
๑๐๔๘.
1048.
‘‘สเพฺพ วชนฺติ สุคติํ, เย ยชนฺติ เยปิ ยาเชนฺติ;
‘‘Sabbe vajanti sugatiṃ, ye yajanti yepi yājenti;
เย จาปิ อนุโมทนฺติ, ยชนฺตานํ เอทิสํ มหายญฺญ’’นฺติฯ
Ye cāpi anumodanti, yajantānaṃ edisaṃ mahāyañña’’nti.
ราชา ปน อนฺธพาโล ปุน ตสฺส วจเนน ปุเตฺต คณฺหาเปสิฯ ตโต ขณฺฑหาโล จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ ราชา มุทุจิโตฺต กาเลน คณฺหาเปติ, กาเลน วิสฺสเชฺชติ, ปุนปิ ทารกานํ วจเนน ปุเตฺต วิสฺสเชฺชยฺย, ยญฺญาวาฎเญฺญว นํ เนมี’’ติฯ อถสฺส ตตฺถ คมนตฺถาย คาถมาห –
Rājā pana andhabālo puna tassa vacanena putte gaṇhāpesi. Tato khaṇḍahālo cintesi – ‘‘ayaṃ rājā muducitto kālena gaṇhāpeti, kālena vissajjeti, punapi dārakānaṃ vacanena putte vissajjeyya, yaññāvāṭaññeva naṃ nemī’’ti. Athassa tattha gamanatthāya gāthamāha –
๑๐๔๙.
1049.
‘‘สพฺพรตนสฺส ยโญฺญ อุปกฺขโฎ, เอกราช ตว ปฎิยโตฺต;
‘‘Sabbaratanassa yañño upakkhaṭo, ekarāja tava paṭiyatto;
อภินิกฺขมสฺสุ เทว, สคฺคํ คโต ตฺวํ ปโมทิสฺสสี’’ติฯ
Abhinikkhamassu deva, saggaṃ gato tvaṃ pamodissasī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – มหาราช, ตว ยโญฺญ สพฺพรตเนหิ อุปกฺขโฎ ปฎิยโตฺต, อิทานิ เต อภินิกฺขมนกาโล, ตสฺมา อภินิกฺขม, ยญฺญํ ยชิตฺวา สคฺคํ คโต ปโมทิสฺสสีติฯ
Tassattho – mahārāja, tava yañño sabbaratanehi upakkhaṭo paṭiyatto, idāni te abhinikkhamanakālo, tasmā abhinikkhama, yaññaṃ yajitvā saggaṃ gato pamodissasīti.
ตโต โพธิสตฺตํ อาทาย ยญฺญาวาฎคมนกาเล ตสฺส โอโรธา เอกโตว นิกฺขมิํสุฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Tato bodhisattaṃ ādāya yaññāvāṭagamanakāle tassa orodhā ekatova nikkhamiṃsu. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๐๕๐.
1050.
‘‘ทหรา สตฺตสตา เอตา, จนฺทกุมารสฺส ภริยาโย;
‘‘Daharā sattasatā etā, candakumārassa bhariyāyo;
เกเส ปกิริตฺวาน, โรทนฺติโย มคฺคมนุยายิํสุฯ
Kese pakiritvāna, rodantiyo maggamanuyāyiṃsu.
๑๐๕๑.
1051.
‘‘อปรา ปน โสเกน, นิกฺขนฺตา นนฺทเน วิย เทวา;
‘‘Aparā pana sokena, nikkhantā nandane viya devā;
เกเส ปกิริตฺวาน, โรทนฺติโย มคฺคมนุยายิสุ’’นฺติฯ
Kese pakiritvāna, rodantiyo maggamanuyāyisu’’nti.
ตตฺถ นนฺทเน วิย เทวาติ นนฺทนวเน จวนเทวปุตฺตํ ปริวาเรตฺวา นิกฺขนฺตเทวตา วิย คตาฯ
Tattha nandane viya devāti nandanavane cavanadevaputtaṃ parivāretvā nikkhantadevatā viya gatā.
อิโต ปรํ ตาสํ วิลาปคาถา โหนฺติ –
Ito paraṃ tāsaṃ vilāpagāthā honti –
๑๐๕๒.
1052.
‘‘กาสิกสุจิวตฺถธรา, กุณฺฑลิโน อคลุจนฺทนวิลิตฺตา;
‘‘Kāsikasucivatthadharā, kuṇḍalino agalucandanavilittā;
นียนฺติ จนฺทสูริยา, ยญฺญตฺถาย เอกราชสฺสฯ
Nīyanti candasūriyā, yaññatthāya ekarājassa.
๑๐๕๓.
1053.
‘‘กาสิกสุจิวตฺถธรา, กุณฺฑลิโน อคลุจนฺทนวิลิตฺตา;
‘‘Kāsikasucivatthadharā, kuṇḍalino agalucandanavilittā;
นียนฺติ จนฺทสูริยา, มาตุ กตฺวา หทยโสกํฯ
Nīyanti candasūriyā, mātu katvā hadayasokaṃ.
๑๐๕๔.
1054.
‘‘กาสิกสุจิวตฺถธรา, กุณฺฑลิโน อคลุจนฺทนวิลิตฺตา;
‘‘Kāsikasucivatthadharā, kuṇḍalino agalucandanavilittā;
นียนฺติ จนฺทสูริยา, ชนสฺส กตฺวา หทยโสกํฯ
Nīyanti candasūriyā, janassa katvā hadayasokaṃ.
๑๐๕๕.
1055.
‘‘มํสรสโภชนา นฺหาปกสุนฺหาปิตา, กุณฺฑลิโน อคลุจนฺทนวิลิตฺตา;
‘‘Maṃsarasabhojanā nhāpakasunhāpitā, kuṇḍalino agalucandanavilittā;
นียนฺติ จนฺทสูริยา, ยญฺญตฺถาย เอกราชสฺสฯ
Nīyanti candasūriyā, yaññatthāya ekarājassa.
๑๐๕๖.
1056.
‘‘มํสรสโภชนา นฺหาปกสุนฺหาปิตา, กุณฺฑลิโน อคลุจนฺทนวิลิตฺตา;
‘‘Maṃsarasabhojanā nhāpakasunhāpitā, kuṇḍalino agalucandanavilittā;
นียนฺติ จนฺทสูริยา, มาตุ กตฺวา หทยโสกํฯ
Nīyanti candasūriyā, mātu katvā hadayasokaṃ.
๑๐๕๗.
1057.
‘‘มํสรสโภชนา นฺหาปกสุนฺหาปิตา, กุณฺฑลิโน อคลุจนฺทนวิลิตฺตา;
‘‘Maṃsarasabhojanā nhāpakasunhāpitā, kuṇḍalino agalucandanavilittā;
นียนฺติ จนฺทสูริยา, ชนสฺส กตฺวา หทยโสกํฯ
Nīyanti candasūriyā, janassa katvā hadayasokaṃ.
๑๐๕๘.
1058.
‘‘ยสฺสุ ปุเพฺพ หตฺถิวรธุรคเต, หตฺถีหิ อนุวชนฺติ;
‘‘Yassu pubbe hatthivaradhuragate, hatthīhi anuvajanti;
ตฺยชฺช จนฺทสูริยา, อุโภว ปตฺติกา ยนฺติฯ
Tyajja candasūriyā, ubhova pattikā yanti.
๑๐๕๙.
1059.
‘‘ยสฺสุ ปุเพฺพ อสฺสวรธุรคเต, อเสฺสหิ อนุวชนฺติ;
‘‘Yassu pubbe assavaradhuragate, assehi anuvajanti;
ตฺยชฺช จนฺทสูริยา, อุโภว ปตฺติกา ยนฺติฯ
Tyajja candasūriyā, ubhova pattikā yanti.
๑๐๖๐.
1060.
‘‘ยสฺสุ ปุเพฺพ รถวรธุรคเต, รเถหิ อนุวชนฺติ;
‘‘Yassu pubbe rathavaradhuragate, rathehi anuvajanti;
ตฺยชฺช จนฺทสูริยา, อุโภว ปตฺติกา ยนฺติฯ
Tyajja candasūriyā, ubhova pattikā yanti.
๑๐๖๑.
1061.
‘‘เยหิสฺสุ ปุเพฺพ นิยฺยํสุ, ตปนียกปฺปเนหิ ตุรเงฺคหิ;
‘‘Yehissu pubbe niyyaṃsu, tapanīyakappanehi turaṅgehi;
ตฺยชฺช จนฺทสูริยา, อุโภว ปตฺติกา ยนฺตี’’ติฯ
Tyajja candasūriyā, ubhova pattikā yantī’’ti.
ตตฺถ กาสิกสุจิวตฺถธราติ กาสิกานิ สุจิวตฺถานิ ธารยมานาฯ จนฺทสูริยาติ จนฺทกุมาโร จ สูริยกุมาโร จฯ นฺหาปกสุนฺหาปิตาติ จนฺทนจุเณฺณน อุพฺพเฎฺฎตฺวา นฺหาปเกหิ กตปริกมฺมตาย สุนฺหาปิตาฯ ยสฺสูติ เย อสฺสุฯ อสฺสูติ นิปาตมตฺตํ, เย กุมาเรติ อโตฺถฯ ปุเพฺพติ อิโต ปุเพฺพฯ หตฺถิวรธุรคเตติ หตฺถิวรานํ ธุรคเต, อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺธวรคเตติ อโตฺถฯ อสฺสวรธุรคเตติ อสฺสวรปิฎฺฐิคเตฯ รถวรธุรคเตติ รถวรมชฺฌคเตฯ นิยฺยํสูติ นิกฺขมิํสุฯ
Tattha kāsikasucivatthadharāti kāsikāni sucivatthāni dhārayamānā. Candasūriyāti candakumāro ca sūriyakumāro ca. Nhāpakasunhāpitāti candanacuṇṇena ubbaṭṭetvā nhāpakehi kataparikammatāya sunhāpitā. Yassūti ye assu. Assūti nipātamattaṃ, ye kumāreti attho. Pubbeti ito pubbe. Hatthivaradhuragateti hatthivarānaṃ dhuragate, alaṅkatahatthikkhandhavaragateti attho. Assavaradhuragateti assavarapiṭṭhigate. Rathavaradhuragateti rathavaramajjhagate. Niyyaṃsūti nikkhamiṃsu.
เอวํ ตาสุ ปริเทวนฺตีสุเยว โพธิสตฺตํ นครา นีหริํสุฯ สกลนครํ สงฺขุภิตฺวา นิกฺขมิตุํ อารภิฯ มหาชเน นิกฺขเนฺต ทฺวารานิ นปฺปโหนฺติฯ พฺราหฺมโณ อติพหุํ ชนํ ทิสฺวา ‘‘โก ชานาติ, กิํ ภวิสฺสตี’’ติ นครทฺวารานิ ถกาเปสิฯ มหาชโน นิกฺขมิตุํ อลภโนฺต นครทฺวารสฺส อาสนฺนฎฺฐาเน อุยฺยานํ อตฺถิ, ตสฺส สนฺติเก มหาวิรวํ รวิฯ เตน รเวน สกุณสโงฺฆ สงฺขุภิโต อากาสํ ปกฺขนฺทิฯ มหาชโน ตํ ตํ สกุณิํ อามเนฺตตฺวา วิลปโนฺต อาห –
Evaṃ tāsu paridevantīsuyeva bodhisattaṃ nagarā nīhariṃsu. Sakalanagaraṃ saṅkhubhitvā nikkhamituṃ ārabhi. Mahājane nikkhante dvārāni nappahonti. Brāhmaṇo atibahuṃ janaṃ disvā ‘‘ko jānāti, kiṃ bhavissatī’’ti nagaradvārāni thakāpesi. Mahājano nikkhamituṃ alabhanto nagaradvārassa āsannaṭṭhāne uyyānaṃ atthi, tassa santike mahāviravaṃ ravi. Tena ravena sakuṇasaṅgho saṅkhubhito ākāsaṃ pakkhandi. Mahājano taṃ taṃ sakuṇiṃ āmantetvā vilapanto āha –
๑๐๖๒.
1062.
‘‘ยทิ สกุณิ มํสมิจฺฉสิ, ฑยสฺสุ ปุเพฺพน ปุปฺผวติยา;
‘‘Yadi sakuṇi maṃsamicchasi, ḍayassu pubbena pupphavatiyā;
ยชเตตฺถ เอกราชา, สมฺมูโฬฺห จตูหิ ปุเตฺตหิฯ
Yajatettha ekarājā, sammūḷho catūhi puttehi.
๑๐๖๓.
1063.
‘‘ยทิ สกุณิ มํสมิจฺฉสิ, ฑยสฺสุ ปุเพฺพน ปุปฺผวติยา;
‘‘Yadi sakuṇi maṃsamicchasi, ḍayassu pubbena pupphavatiyā;
ยชเตตฺถ เอกราชา, สมฺมูโฬฺห จตูหิ กญฺญาหิฯ
Yajatettha ekarājā, sammūḷho catūhi kaññāhi.
๑๐๖๔.
1064.
‘‘ยทิ สกุณิ มํสมิจฺฉสิ, ฑยสฺสุ ปุเพฺพน ปุปฺผวติยา;
‘‘Yadi sakuṇi maṃsamicchasi, ḍayassu pubbena pupphavatiyā;
ยชเตตฺถ เอกราชา, สมฺมูโฬฺห จตูหิ มเหสีติฯ
Yajatettha ekarājā, sammūḷho catūhi mahesīti.
๑๐๖๕.
1065.
‘‘ยทิ สกุณิ มํสมิจฺฉสิ, ฑยสฺสุ ปุเพฺพน ปุปฺผวติยา;
‘‘Yadi sakuṇi maṃsamicchasi, ḍayassu pubbena pupphavatiyā;
ยชเตตฺถ เอกราชา, สมฺมูโฬฺห จตูหิ คหปตีหิฯ
Yajatettha ekarājā, sammūḷho catūhi gahapatīhi.
๑๐๖๖.
1066.
‘‘ยทิ สกุณิ มํสมิจฺฉสิ, ฑยสฺสุ ปุเพฺพน ปุปฺผวติยา;
‘‘Yadi sakuṇi maṃsamicchasi, ḍayassu pubbena pupphavatiyā;
ยชเตตฺถ เอกราชา, สมฺมูโฬฺห จตูหิ หตฺถีหิฯ
Yajatettha ekarājā, sammūḷho catūhi hatthīhi.
๑๐๖๗.
1067.
‘‘ยทิ สกุณิ มํสมิจฺฉสิ, ฑยสฺสุ ปุเพฺพน ปุปฺผวติยา;
‘‘Yadi sakuṇi maṃsamicchasi, ḍayassu pubbena pupphavatiyā;
ยชเตตฺถ เอกราชา, สมฺมูโฬฺห จตูหิ อเสฺสหิฯ
Yajatettha ekarājā, sammūḷho catūhi assehi.
๑๐๖๘.
1068.
‘‘ยทิ สกุณิ มํสมิจฺฉสิ, ฑยสฺสุ ปุเพฺพน ปุปฺผวติยา;
‘‘Yadi sakuṇi maṃsamicchasi, ḍayassu pubbena pupphavatiyā;
ยชเตตฺถ เอกราชา, สมฺมูโฬฺห จตูหิ อุสเภหิฯ
Yajatettha ekarājā, sammūḷho catūhi usabhehi.
๑๐๖๙.
1069.
‘‘ยทิ สกุณิ มํสมิจฺฉสิ, ฑยสฺสุ ปุเพฺพน ปุปฺผวติยา;
‘‘Yadi sakuṇi maṃsamicchasi, ḍayassu pubbena pupphavatiyā;
ยชเตตฺถ เอกราชา, สมฺมูโฬฺห สพฺพจตุเกฺกนา’’ติฯ
Yajatettha ekarājā, sammūḷho sabbacatukkenā’’ti.
ตตฺถ มํสมิจฺฉสีติ อโมฺภ สกุณิ, สเจ มํสํ อิจฺฉสิ, ปุปฺผวติยา ปุเพฺพน ปุรตฺถิมทิสายํ ยญฺญาวาโฎ อตฺถิ, ตตฺถ คจฺฉฯ ยชเตตฺถาติ เอตฺถ ขณฺฑหาลสฺส วจนํ คเหตฺวา สมฺมูโฬฺห เอกราชา จตูหิ ปุเตฺตหิ ยญฺญํ ยชติฯ เสสคาถาสุปิ เอเสว นโยฯ
Tattha maṃsamicchasīti ambho sakuṇi, sace maṃsaṃ icchasi, pupphavatiyā pubbena puratthimadisāyaṃ yaññāvāṭo atthi, tattha gaccha. Yajatetthāti ettha khaṇḍahālassa vacanaṃ gahetvā sammūḷho ekarājā catūhi puttehi yaññaṃ yajati. Sesagāthāsupi eseva nayo.
เอวํ มหาชโน ตสฺมิํ ฐาเน ปริเทวิตฺวา โพธิสตฺตสฺส วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา ปาสาทํ ปทกฺขิณํ กโรโนฺต อเนฺตปุเร กูฎาคารอุยฺยานาทีนิ ปสฺสโนฺต คาถาหิ ปริเทวิ –
Evaṃ mahājano tasmiṃ ṭhāne paridevitvā bodhisattassa vasanaṭṭhānaṃ gantvā pāsādaṃ padakkhiṇaṃ karonto antepure kūṭāgārauyyānādīni passanto gāthāhi paridevi –
๑๐๗๐.
1070.
‘‘อยมสฺส ปาสาโท, อิทํ อเนฺตปุรํ สุรมณียํ;
‘‘Ayamassa pāsādo, idaṃ antepuraṃ suramaṇīyaṃ;
เตทานิ อยฺยปุตฺตา, จตฺตาโร วธาย นินฺนีตาฯ
Tedāni ayyaputtā, cattāro vadhāya ninnītā.
๑๐๗๑.
1071.
‘‘อิทมสฺส กูฎาคารํ, โสวณฺณํ ปุปฺผมลฺยวิกิณฺณํ;
‘‘Idamassa kūṭāgāraṃ, sovaṇṇaṃ pupphamalyavikiṇṇaṃ;
เตทานิ อยฺยปุตฺตา, จตฺตาโร วธาย นินฺนีตาฯ
Tedāni ayyaputtā, cattāro vadhāya ninnītā.
๑๐๗๒.
1072.
‘‘อิทมสฺส อุยฺยานํ, สุปุปฺผิตํ สพฺพกาลิกํ รมฺมํ;
‘‘Idamassa uyyānaṃ, supupphitaṃ sabbakālikaṃ rammaṃ;
เตทานิ อยฺยปุตฺตา, จตฺตาโร วธาย นินฺนีตาฯ
Tedāni ayyaputtā, cattāro vadhāya ninnītā.
๑๐๗๓.
1073.
‘‘อิทมสฺส อโสกวนํ, สุปุปฺผิตํ สพฺพกาลิกํ รมฺมํ;
‘‘Idamassa asokavanaṃ, supupphitaṃ sabbakālikaṃ rammaṃ;
เตทานิ อยฺยปุตฺตา, จตฺตาโร วธาย นินฺนีตาฯ
Tedāni ayyaputtā, cattāro vadhāya ninnītā.
๑๐๗๔.
1074.
‘‘อิทมสฺส กณิการวนํ, สุปุปฺผิตํ สพฺพกาลิกํ รมฺมํ;
‘‘Idamassa kaṇikāravanaṃ, supupphitaṃ sabbakālikaṃ rammaṃ;
เตทานิ อยฺยปุตฺตา, จตฺตาโร วธาย นินฺนีตาฯ
Tedāni ayyaputtā, cattāro vadhāya ninnītā.
๑๐๗๕.
1075.
‘‘อิทมสฺส ปาฎลิวนํ, สุปุปฺผิตํ สพฺพกาลิกํ รมฺมํ;
‘‘Idamassa pāṭalivanaṃ, supupphitaṃ sabbakālikaṃ rammaṃ;
เตทานิ อยฺยปุตฺตา, จตฺตาโร วธาย นินฺนีตาฯ
Tedāni ayyaputtā, cattāro vadhāya ninnītā.
๑๐๗๖.
1076.
‘‘อิทมสฺส อมฺพวนํ, สุปุปฺผิตํ สพฺพกาลิกํ รมฺมํ;
‘‘Idamassa ambavanaṃ, supupphitaṃ sabbakālikaṃ rammaṃ;
เตทานิ อยฺยปุตฺตา, จตฺตาโร วธาย นินฺนีตาฯ
Tedāni ayyaputtā, cattāro vadhāya ninnītā.
๑๐๗๗.
1077.
‘‘อยมสฺส โปกฺขรณี, สญฺฉนฺนา ปทุมปุณฺฑรีเกหิ;
‘‘Ayamassa pokkharaṇī, sañchannā padumapuṇḍarīkehi;
นาวา จ โสวณฺณวิกตา, ปุปฺผวลฺลิยา จิตฺตา สุรมณียา;
Nāvā ca sovaṇṇavikatā, pupphavalliyā cittā suramaṇīyā;
เตทานิ อยฺยปุตฺตา, จตฺตาโร วธาย นินฺนีตา’’ติฯ
Tedāni ayyaputtā, cattāro vadhāya ninnītā’’ti.
ตตฺถ เตทานีติ อิทานิ เต จนฺทกุมารปฺปมุขา อมฺหากํ อยฺยปุตฺตา เอวรูปํ ปาสาทํ ฉเฑฺฑตฺวา วธาย นียนฺติฯ โสวณฺณวิกตาติ สุวณฺณขจิตาฯ
Tattha tedānīti idāni te candakumārappamukhā amhākaṃ ayyaputtā evarūpaṃ pāsādaṃ chaḍḍetvā vadhāya nīyanti. Sovaṇṇavikatāti suvaṇṇakhacitā.
เอตฺตเกสุ ฐาเนสุ วิลปนฺตา ปุน หตฺถิสาลาทีนิ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ –
Ettakesu ṭhānesu vilapantā puna hatthisālādīni upasaṅkamitvā āhaṃsu –
๑๐๗๘.
1078.
‘‘อิทมสฺส หตฺถิรตนํ, เอราวโณ คโช พลี ทนฺตี;
‘‘Idamassa hatthiratanaṃ, erāvaṇo gajo balī dantī;
เตทานิ อยฺยปุตฺตา, จตฺตาโร วธาย นินฺนีตาฯ
Tedāni ayyaputtā, cattāro vadhāya ninnītā.
๑๐๗๙.
1079.
‘‘อิทมสฺส อสฺสรตนํ, เอกขุโร อโสฺส;
‘‘Idamassa assaratanaṃ, ekakhuro asso;
เตทานิ อยฺยปุตฺตา, จตฺตาโร วธาย นินฺนีตาฯ
Tedāni ayyaputtā, cattāro vadhāya ninnītā.
๑๐๘๐.
1080.
‘‘อยมสฺส อสฺสรโถ, สาฬิยนิโคฺฆโส สุโภ รตนวิจิโตฺต;
‘‘Ayamassa assaratho, sāḷiyanigghoso subho ratanavicitto;
ยตฺถสฺสุ อยฺยปุตฺตา, โสภิํสุ นนฺทเน วิย เทวา;
Yatthassu ayyaputtā, sobhiṃsu nandane viya devā;
เตทานิ อยฺยปุตฺตา, จตฺตาโร วธาย นินฺนีตาฯ
Tedāni ayyaputtā, cattāro vadhāya ninnītā.
๑๐๘๑.
1081.
‘‘กถํ นาม สามสมสุนฺทเรหิ, จนฺทนมุทุกคเตฺตหิ;
‘‘Kathaṃ nāma sāmasamasundarehi, candanamudukagattehi;
ราชา ยชิสฺสเต ยญฺญํ, สมฺมูโฬฺห จตูหิ ปุเตฺตหิฯ
Rājā yajissate yaññaṃ, sammūḷho catūhi puttehi.
๑๐๘๒.
1082.
‘‘กถํ นาม สามสมสุนฺทราหิ, จนฺทนมุทุกคตฺตาหิ;
‘‘Kathaṃ nāma sāmasamasundarāhi, candanamudukagattāhi;
ราชา ยชิสฺสเต ยญฺญํ, สมฺมูโฬฺห จตูหิ กญฺญาหิฯ
Rājā yajissate yaññaṃ, sammūḷho catūhi kaññāhi.
๑๐๘๓.
1083.
‘‘กถํ นาม สามสมสุนฺทราหิ, จนฺทนมุทุกคตฺตาหิ;
‘‘Kathaṃ nāma sāmasamasundarāhi, candanamudukagattāhi;
ราชา ยชิสฺสเต ยญฺญํ, สมฺมูโฬฺห จตูหิ มเหสีหิฯ
Rājā yajissate yaññaṃ, sammūḷho catūhi mahesīhi.
๑๐๘๔.
1084.
‘‘กถํ นาม สามสมสุนฺทเรหิ, จนฺทนมุทุกคเตฺตหิ;
‘‘Kathaṃ nāma sāmasamasundarehi, candanamudukagattehi;
ราชา ยชิสฺสเต ยญฺญํ, สมฺมูโฬฺห จตูหิ คหปตีหิฯ
Rājā yajissate yaññaṃ, sammūḷho catūhi gahapatīhi.
๑๐๘๕.
1085.
‘‘ยถา โหนฺติ คามนิคมา, สุญฺญา อมนุสฺสกา พฺรหารญฺญา;
‘‘Yathā honti gāmanigamā, suññā amanussakā brahāraññā;
ตถา เหสฺสติ ปุปฺผวติยา, ยิเฎฺฐสุ จนฺทสูริเยสู’’ติฯ
Tathā hessati pupphavatiyā, yiṭṭhesu candasūriyesū’’ti.
ตตฺถ เอราวโณติ ตสฺส หตฺถิโน นามํฯ เอกขุโรติ อภินฺนขุโรฯ สาฬิยนิโคฺฆโสติ คมนกาเล สาฬิกานํ วิย มธุเรน นิโคฺฆเสน สมนฺนาคโตฯ กถํ นามาติ เกน นาม การเณนฯ สามสมสุนฺทเรหีติ สุวณฺณสาเมหิ จ อญฺญมญฺญํ ชาติยา สเมหิ จ นิโทฺทสตาย สุนฺทเรหิฯ จนฺทนมุทุกคเตฺตหีติ โลหิตจนฺทนลิตฺตคเตฺตหิฯ พฺรหารญฺญาติ ยถา เต คามนิคมา สุญฺญา นิมฺมนุสฺสา พฺรหารญฺญา โหนฺติ, ตถา ปุปฺผวติยาปิ ยเญฺญ ยิเฎฺฐสุ ราชปุเตฺตสุ สุญฺญา อรญฺญสทิสา ภวิสฺสตีติฯ
Tattha erāvaṇoti tassa hatthino nāmaṃ. Ekakhuroti abhinnakhuro. Sāḷiyanigghosoti gamanakāle sāḷikānaṃ viya madhurena nigghosena samannāgato. Kathaṃ nāmāti kena nāma kāraṇena. Sāmasamasundarehīti suvaṇṇasāmehi ca aññamaññaṃ jātiyā samehi ca niddosatāya sundarehi. Candanamudukagattehīti lohitacandanalittagattehi. Brahāraññāti yathā te gāmanigamā suññā nimmanussā brahāraññā honti, tathā pupphavatiyāpi yaññe yiṭṭhesu rājaputtesu suññā araññasadisā bhavissatīti.
อถ มหาชโน พหิ นิกฺขมิตุํ อลภโนฺต อโนฺตนคเรเยว วิจรโนฺต ปริเทวิฯ โพธิสโตฺตปิ ยญฺญาวาฎํ นีโตฯ อถสฺส มาตา โคตมี นาม เทวี ‘‘ปุตฺตานํ เม ชีวิตํ เทหิ, เทวา’’ติ รโญฺญ ปาทมูเล ปริวตฺติตฺวา ปริเทวมานา อาห –
Atha mahājano bahi nikkhamituṃ alabhanto antonagareyeva vicaranto paridevi. Bodhisattopi yaññāvāṭaṃ nīto. Athassa mātā gotamī nāma devī ‘‘puttānaṃ me jīvitaṃ dehi, devā’’ti rañño pādamūle parivattitvā paridevamānā āha –
๑๐๘๖.
1086.
‘‘อุมฺมตฺติกา ภวิสฺสามิ, ภูนหตา ปํสุนา จ ปริกิณฺณา;
‘‘Ummattikā bhavissāmi, bhūnahatā paṃsunā ca parikiṇṇā;
สเจ จนฺทวรํ หนฺติ, ปาณา เม เทว รุชฺฌนฺติฯ
Sace candavaraṃ hanti, pāṇā me deva rujjhanti.
๑๐๘๗.
1087.
‘‘อุมฺมตฺติกา ภวิสฺสามิ, ภูนหตา ปํสุนา จ ปริกิณฺณา;
‘‘Ummattikā bhavissāmi, bhūnahatā paṃsunā ca parikiṇṇā;
สเจ สูริยวรํ หนฺติ, ปาณา เม เทว รุชฺฌนฺตี’’ติฯ
Sace sūriyavaraṃ hanti, pāṇā me deva rujjhantī’’ti.
ตตฺถ ภูนหตาติ หตวุฑฺฒิฯ ปํสุนา จ ปริกิณฺณาติ ปํสุปริกิณฺณสรีรา อุมฺมตฺติกา หุตฺวา วิจริสฺสามิฯ
Tattha bhūnahatāti hatavuḍḍhi. Paṃsunā ca parikiṇṇāti paṃsuparikiṇṇasarīrā ummattikā hutvā vicarissāmi.
สา เอวํ ปริเทวนฺตีปิ รโญฺญ สนฺติกา กิญฺจิ กถํ อลภิตฺวา ‘‘มม ปุโตฺต ตุมฺหากํ กุชฺฌิตฺวา คโต ภวิสฺสติ, กิสฺส นํ ตุเมฺห น นิวเตฺตถา’’ติ กุมารสฺส จตโสฺส ภริยาโย อาลิงฺคิตฺวา ปริเทวนฺตี อาห –
Sā evaṃ paridevantīpi rañño santikā kiñci kathaṃ alabhitvā ‘‘mama putto tumhākaṃ kujjhitvā gato bhavissati, kissa naṃ tumhe na nivattethā’’ti kumārassa catasso bhariyāyo āliṅgitvā paridevantī āha –
๑๐๘๘.
1088.
‘‘กินฺนุมา น รมาเปยฺยุํ, อญฺญมญฺญํ ปิยํวทา;
‘‘Kinnumā na ramāpeyyuṃ, aññamaññaṃ piyaṃvadā;
ฆฎฺฎิกา อุปริกฺขี จ, โปกฺขรณี จ ภาริกา;
Ghaṭṭikā uparikkhī ca, pokkharaṇī ca bhārikā;
จนฺทสูริเยสุ นจฺจนฺติโย, สมา ตาสํ น วิชฺชตี’’ติฯ
Candasūriyesu naccantiyo, samā tāsaṃ na vijjatī’’ti.
ตตฺถ กินฺนุมา น รมาเปยฺยุนฺติ เกน การเณน อิมา ฆฎฺฎิกาติอาทิกา จตโสฺส อญฺญมญฺญํ ปิยํวทา จนฺทสูริยกุมารานํ สนฺติเก นจฺจนฺติโย มม ปุเตฺต น รมาปยิํสุ, อุกฺกณฺฐาปยิํสุฯ สกลชมฺพุทีปสฺมิญฺหิ นเจฺจ วา คีเต วา สมา อญฺญา กาจิ ตาสํ น วิชฺชตีติ อโตฺถฯ
Tattha kinnumā na ramāpeyyunti kena kāraṇena imā ghaṭṭikātiādikā catasso aññamaññaṃ piyaṃvadā candasūriyakumārānaṃ santike naccantiyo mama putte na ramāpayiṃsu, ukkaṇṭhāpayiṃsu. Sakalajambudīpasmiñhi nacce vā gīte vā samā aññā kāci tāsaṃ na vijjatīti attho.
อิติ สา สุณฺหาหิ สทฺธิํ ปริเทวิตฺวา อญฺญํ คเหตพฺพคฺคหณํ อปสฺสนฺตี ขณฺฑหาลํ อโกฺกสมานา อฎฺฐ คาถา อภาสิ –
Iti sā suṇhāhi saddhiṃ paridevitvā aññaṃ gahetabbaggahaṇaṃ apassantī khaṇḍahālaṃ akkosamānā aṭṭha gāthā abhāsi –
๑๐๘๙.
1089.
‘‘อิมํ มยฺหํ หทยโสกํ, ปฎิมุญฺจตุ ขณฺฑหาล ตว มาตา;
‘‘Imaṃ mayhaṃ hadayasokaṃ, paṭimuñcatu khaṇḍahāla tava mātā;
โย มยฺหํ หทยโสโก, จนฺทมฺหิ วธาย นินฺนีเตฯ
Yo mayhaṃ hadayasoko, candamhi vadhāya ninnīte.
๑๐๙๐.
1090.
‘‘อิมํ มยฺหํ หทยโสกํ, ปฎิมุญฺจตุ ขณฺฑหาล ตว มาตา;
‘‘Imaṃ mayhaṃ hadayasokaṃ, paṭimuñcatu khaṇḍahāla tava mātā;
โย มยฺหํ หทยโสโก, สูริยมฺหิ วธาย นินฺนีเตฯ
Yo mayhaṃ hadayasoko, sūriyamhi vadhāya ninnīte.
๑๐๙๑.
1091.
‘‘อิมํ มยฺหํ หทยโสกํ, ปฎิมุญฺจตุ ขณฺฑหาล ตว ชายา;
‘‘Imaṃ mayhaṃ hadayasokaṃ, paṭimuñcatu khaṇḍahāla tava jāyā;
โย มยฺหํ หทยโสโก, จนฺทมฺหิ วธาย นินฺนีเตฯ
Yo mayhaṃ hadayasoko, candamhi vadhāya ninnīte.
๑๐๙๒.
1092.
‘‘อิมํ มยฺหํ หทยโสกํ, ปฎิมุญฺจตุ ขณฺฑหาล ตว ชายา;
‘‘Imaṃ mayhaṃ hadayasokaṃ, paṭimuñcatu khaṇḍahāla tava jāyā;
โย มยฺหํ หทยโสโก, สูริยมฺหิ วธาย นินฺนีเตฯ
Yo mayhaṃ hadayasoko, sūriyamhi vadhāya ninnīte.
๑๐๙๓.
1093.
‘‘มา จ ปุเตฺต มา จ ปติํ, อทฺทกฺขิ ขณฺฑหาล ตว มาตา;
‘‘Mā ca putte mā ca patiṃ, addakkhi khaṇḍahāla tava mātā;
โย ฆาเตสิ กุมาเร, อทูสเก สีหสงฺกาเสฯ
Yo ghātesi kumāre, adūsake sīhasaṅkāse.
๑๐๙๔.
1094.
‘‘มา จ ปุเตฺต มา จ ปติํ, อทฺทกฺขิ ขณฺฑหาล ตว มาตา;
‘‘Mā ca putte mā ca patiṃ, addakkhi khaṇḍahāla tava mātā;
โย ฆาเตสิ กุมาเร, อเปกฺขิเต สพฺพโลกสฺสฯ
Yo ghātesi kumāre, apekkhite sabbalokassa.
๑๐๙๕.
1095.
‘‘มา จ ปุเตฺต มา จ ปติํ, อทฺทกฺขิ ขณฺฑหาล ตว ชายา;
‘‘Mā ca putte mā ca patiṃ, addakkhi khaṇḍahāla tava jāyā;
โย ฆาเตสิ กุมาเร, อทูสเก สีหสงฺกาเสฯ
Yo ghātesi kumāre, adūsake sīhasaṅkāse.
๑๐๙๖.
1096.
‘‘มา จ ปุเตฺต มา จ ปติํ, อทฺทกฺขิ ขณฺฑหาล ตว ชายา;
‘‘Mā ca putte mā ca patiṃ, addakkhi khaṇḍahāla tava jāyā;
โย ฆาเตสิ กุมาเร, อเปกฺขิเต สพฺพโลกสฺสา’’ติฯ
Yo ghātesi kumāre, apekkhite sabbalokassā’’ti.
ตตฺถ อิมํ มยฺหนฺติ มยฺหํ อิมํ หทยโสกํ ทุกฺขํฯ ปฎิมุญฺจตูติ ปวิสตุ ปาปุณาตุฯ โย ฆาเตสีติ โย ตฺวํ ฆาเตสิฯ อเปกฺขิเตติ สพฺพโลเกน โอโลกิเต ทิสฺสมาเน มาเรสีติ อโตฺถฯ
Tattha imaṃ mayhanti mayhaṃ imaṃ hadayasokaṃ dukkhaṃ. Paṭimuñcatūti pavisatu pāpuṇātu. Yo ghātesīti yo tvaṃ ghātesi. Apekkhiteti sabbalokena olokite dissamāne māresīti attho.
โพธิสโตฺต ยญฺญาวาเฎปิ ปิตรํ ยาจโนฺต อาห –
Bodhisatto yaññāvāṭepi pitaraṃ yācanto āha –
๑๐๙๗.
1097.
‘‘มา โน เทว อวธิ, ทาเส โน เทหิ ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Mā no deva avadhi, dāse no dehi khaṇḍahālassa;
อปิ นิคฬพนฺธกาปิ, หตฺถี อเสฺส จ ปาเลมฯ
Api nigaḷabandhakāpi, hatthī asse ca pālema.
๑๐๙๘.
1098.
‘‘มา โน เทว อวธิ, ทาเส โน เทหิ ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Mā no deva avadhi, dāse no dehi khaṇḍahālassa;
อปิ นิคฬพนฺธกาปิ, หตฺถิฉกณานิ อุเชฺฌมฯ
Api nigaḷabandhakāpi, hatthichakaṇāni ujjhema.
๑๐๙๙.
1099.
‘‘มา โน เทว อวธิ, ทาเส โน เทหิ ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Mā no deva avadhi, dāse no dehi khaṇḍahālassa;
อปิ นิคฬพนฺธกาปิ, อสฺสฉกณานิ อุเชฺฌมฯ
Api nigaḷabandhakāpi, assachakaṇāni ujjhema.
๑๑๐๐.
1100.
‘‘มา โน เทว อวธิ, ทาเส โน เทหิ ขณฺฑหาลสฺส;
‘‘Mā no deva avadhi, dāse no dehi khaṇḍahālassa;
ยสฺส โหนฺติ ตว กามา, อปิ รฎฺฐา ปพฺพาชิตา;
Yassa honti tava kāmā, api raṭṭhā pabbājitā;
ภิกฺขาจริยํ จริสฺสามฯ
Bhikkhācariyaṃ carissāma.
๑๑๐๑.
1101.
‘‘ทิพฺพํ เทว อุปยาจนฺติ, ปุตฺตตฺถิกาปิ ทลิทฺทา;
‘‘Dibbaṃ deva upayācanti, puttatthikāpi daliddā;
ปฎิภานานิปิ หิตฺวา, ปุเตฺต น ลภนฺติ เอกจฺจาฯ
Paṭibhānānipi hitvā, putte na labhanti ekaccā.
๑๑๐๒.
1102.
‘‘อาสีสิกานิ กโรนฺติ, ปุตฺตา โน ชายนฺตุ ตโต ปปุตฺตา;
‘‘Āsīsikāni karonti, puttā no jāyantu tato paputtā;
อถ โน อการณสฺมา, ยญฺญตฺถาย เทว ฆาเตสิฯ
Atha no akāraṇasmā, yaññatthāya deva ghātesi.
๑๑๐๓.
1103.
‘‘อุปยาจิตเกน ปุตฺตํ ลภนฺติ, มา ตาต โน อฆาเตสิ;
‘‘Upayācitakena puttaṃ labhanti, mā tāta no aghātesi;
มา กิจฺฉาลทฺธเกหิ ปุเตฺตหิ, ยชิโตฺถ อิมํ ยญฺญํฯ
Mā kicchāladdhakehi puttehi, yajittho imaṃ yaññaṃ.
๑๑๐๔.
1104.
‘‘อุปยาจิตเกน ปุตฺตํ ลภนฺติ, มา ตาต โน อฆาเตสิ;
‘‘Upayācitakena puttaṃ labhanti, mā tāta no aghātesi;
มา กปณลทฺธเกหิ ปุเตฺตหิ, อมฺมาย โน วิปฺปวาเสหี’’ติฯ
Mā kapaṇaladdhakehi puttehi, ammāya no vippavāsehī’’ti.
ตตฺถ ทิพฺพนฺติ เทว, อปุตฺติกา ทลิทฺทาปิ นาริโย ปุตฺตตฺถิกา หุตฺวา พหุํ ปณฺณาการํ กริตฺวา ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลภามาติ ทิพฺยํ อุปยาจนฺติฯ ปฎิภานานิปิ หิตฺวาติ โทหฬานิ ฉเฑฺฑตฺวาปิ, อลภิตฺวาปีติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, นารีนญฺหิ อุปฺปนฺนํ โทหฬํ อลภิตฺวา คโพฺภ สุสฺสิตฺวา นสฺสติฯ ตตฺถ เอกจฺจา ยาจนฺตาปิ ปุเตฺต อลภมานา, กาจิ ลทฺธมฺปิ โทหฬํ ปหาย อปริภุญฺชิตฺวา น ลภนฺติ, กาจิ โทหฬํ อลภมานา น ลภนฺติฯ มยฺหํ ปน มาตา อุปฺปนฺนํ โทหฬํ ลภิตฺวา ปริภุญฺชิตฺวา อุปฺปนฺนํ คพฺภํ อนาเสตฺวา ปุเตฺต ปฎิลภิฯ เอวํ ปฎิลเทฺธ มา โน อวธีติ ยาจติฯ
Tattha dibbanti deva, aputtikā daliddāpi nāriyo puttatthikā hutvā bahuṃ paṇṇākāraṃ karitvā puttaṃ vā dhītaraṃ vā labhāmāti dibyaṃ upayācanti. Paṭibhānānipi hitvāti dohaḷāni chaḍḍetvāpi, alabhitvāpīti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – mahārāja, nārīnañhi uppannaṃ dohaḷaṃ alabhitvā gabbho sussitvā nassati. Tattha ekaccā yācantāpi putte alabhamānā, kāci laddhampi dohaḷaṃ pahāya aparibhuñjitvā na labhanti, kāci dohaḷaṃ alabhamānā na labhanti. Mayhaṃ pana mātā uppannaṃ dohaḷaṃ labhitvā paribhuñjitvā uppannaṃ gabbhaṃ anāsetvā putte paṭilabhi. Evaṃ paṭiladdhe mā no avadhīti yācati.
อาสีสิกานีติ มหาราช, อิเม สตฺตา อาสีสํ กโรนฺติฯ กินฺติ? ปุตฺตา โน ชายนฺตูติฯ ตโต ปปุตฺตาติ ปุตฺตานมฺปิ โน ปุตฺตา ชายนฺตูติฯ อถ โน อการณสฺมาติ อถ ตฺวํ อเมฺห อการเณน ยญฺญตฺถาย ฆาเตสิฯ อุปยาจิตเกนาติ เทวตานํ อายาจเนนฯ กปณลทฺธเกหีติ กปณา วิย หุตฺวา ลทฺธเกหิฯ ปุเตฺตหีติ อเมฺหหิ สทฺธิํ อมฺหากํ อมฺมาย มา วิปฺปวาเสหิ, มา โน มาตรา สทฺธิํ วิปฺปวาสํ กรีติ วทติฯ
Āsīsikānīti mahārāja, ime sattā āsīsaṃ karonti. Kinti? Puttā no jāyantūti. Tato paputtāti puttānampi no puttā jāyantūti. Atha no akāraṇasmāti atha tvaṃ amhe akāraṇena yaññatthāya ghātesi. Upayācitakenāti devatānaṃ āyācanena. Kapaṇaladdhakehīti kapaṇā viya hutvā laddhakehi. Puttehīti amhehi saddhiṃ amhākaṃ ammāya mā vippavāsehi, mā no mātarā saddhiṃ vippavāsaṃ karīti vadati.
โส เอวํ วทโนฺตปิ ปิตุ สนฺติกา กิญฺจิ กถํ อลภิตฺวา มาตุ ปาทมูเล นิปติตฺวา ปริเทวมาโน อาห –
So evaṃ vadantopi pitu santikā kiñci kathaṃ alabhitvā mātu pādamūle nipatitvā paridevamāno āha –
๑๑๐๕.
1105.
‘‘พหุทุกฺขา โปสิย จนฺทํ, อมฺม ตุวํ ชียเส ปุตฺตํ;
‘‘Bahudukkhā posiya candaṃ, amma tuvaṃ jīyase puttaṃ;
วนฺทามิ โข เต ปาเท, ลภตํ ตาโต ปรโลกํฯ
Vandāmi kho te pāde, labhataṃ tāto paralokaṃ.
๑๑๐๖.
1106.
‘‘หนฺท จ มํ อุปคูห, ปาเท เต อมฺม วนฺทิตุํ เทหิ;
‘‘Handa ca maṃ upagūha, pāde te amma vandituṃ dehi;
คจฺฉามิ ทานิ ปวาสํ, ยญฺญตฺถาย เอกราชสฺสฯ
Gacchāmi dāni pavāsaṃ, yaññatthāya ekarājassa.
๑๑๐๗.
1107.
‘‘หนฺท จ มํ อุปคูห, ปาเท เต อมฺม วนฺทิตุํ เทหิ;
‘‘Handa ca maṃ upagūha, pāde te amma vandituṃ dehi;
คจฺฉามิ ทานิ ปวาสํ, มาตุ กตฺวา หทยโสกํฯ
Gacchāmi dāni pavāsaṃ, mātu katvā hadayasokaṃ.
๑๑๐๘.
1108.
‘‘หนฺท จ มํ อุปคูห, ปาเท เต อมฺม วนฺทิตุํ เทหิ;
‘‘Handa ca maṃ upagūha, pāde te amma vandituṃ dehi;
คจฺฉามิ ทานิ ปวาสํ, ชนสฺส กตฺวา หทยโสก’’นฺติฯ
Gacchāmi dāni pavāsaṃ, janassa katvā hadayasoka’’nti.
ตตฺถ พหุทุกฺขา โปสิยาติ พหูหิ ทุเกฺขหิ โปสิยฯ จนฺทนฺติ มํ จนฺทกุมารํ เอวํ โปเสตฺวา อิทานิ, อมฺม, ตฺวํ ชียเส ปุตฺตํฯ ลภตํ ตาโต ปรโลกนฺติ ปิตา เม โภคสมฺปนฺนํ ปรโลกํ ลภตุฯ อุปคูหาติ อาลิงฺค ปริสฺสชฯ ปวาสนฺติ ปุน อนาคมนาย อจฺจนฺตํ วิปฺปวาสํ คจฺฉามิฯ
Tattha bahudukkhā posiyāti bahūhi dukkhehi posiya. Candanti maṃ candakumāraṃ evaṃ posetvā idāni, amma, tvaṃ jīyase puttaṃ. Labhataṃ tāto paralokanti pitā me bhogasampannaṃ paralokaṃ labhatu. Upagūhāti āliṅga parissaja. Pavāsanti puna anāgamanāya accantaṃ vippavāsaṃ gacchāmi.
อถสฺส มาตา ปริเทวนฺตี จตโสฺส คาถา อภาสิ –
Athassa mātā paridevantī catasso gāthā abhāsi –
๑๑๐๙.
1109.
‘‘หนฺท จ ปทุมปตฺตานํ, โมฬิํ พนฺธสฺสุ โคตมิปุตฺต;
‘‘Handa ca padumapattānaṃ, moḷiṃ bandhassu gotamiputta;
จมฺปกทลมิสฺสาโย, เอสา เต โปราณิกา ปกติฯ
Campakadalamissāyo, esā te porāṇikā pakati.
๑๑๑๐.
1110.
‘‘หนฺท จ วิเลปนํ เต, ปจฺฉิมกํ จนฺทนํ วิลิมฺปสฺสุ;
‘‘Handa ca vilepanaṃ te, pacchimakaṃ candanaṃ vilimpassu;
เยหิ จ สุวิลิโตฺต, โสภสิ ราชปริสายํฯ
Yehi ca suvilitto, sobhasi rājaparisāyaṃ.
๑๑๑๑.
1111.
‘‘หนฺท จ มุทุกานิ วตฺถานิ, ปจฺฉิมกํ กาสิกํ นิวาเสหิ;
‘‘Handa ca mudukāni vatthāni, pacchimakaṃ kāsikaṃ nivāsehi;
เยหิ จ สุนิวโตฺถ, โสภสิ ราชปริสายํฯ
Yehi ca sunivattho, sobhasi rājaparisāyaṃ.
๑๑๑๒.
1112.
‘‘มุตฺตามณิกนกวิภูสิตานิ , คณฺหสฺสุ หตฺถาภรณานิ;
‘‘Muttāmaṇikanakavibhūsitāni , gaṇhassu hatthābharaṇāni;
เยหิ จ หตฺถาภรเณหิ, โสภสิ ราชปริสาย’’นฺติฯ
Yehi ca hatthābharaṇehi, sobhasi rājaparisāya’’nti.
ตตฺถ ปทุมปตฺตานนฺติ ปทุมปตฺตเวฐนํ นาเมกํ ปสาธนํ, ตํ สนฺธาเยวมาหฯ ตว วิปฺปกิณฺณํ โมฬิํ อุกฺขิปิตฺวา ปทุมปตฺตเวฐเนน โยเชตฺวา พนฺธาติ อโตฺถฯ โคตมิปุตฺตาติ จนฺทกุมารํ อาลปติฯ จมฺปกทลมิสฺสาโยติ อพฺภนฺตริเมหิ จมฺปกทเลหิ มิสฺสิตา วณฺณคนฺธสมฺปนฺนา นานาปุปฺผมาลา ปิลนฺธสฺสุฯ เอสา เตติ เอสา ตว โปราณิกา ปกติ, ตเมว คณฺหสฺสุ ปุตฺตาติ ปริเทวติฯ เยหิ จาติ เยหิ โลหิตจนฺทนวิเลปเนหิ วิลิโตฺต ราชปริสาย โสภสิ, ตานิ วิลิมฺปสฺสูติ อโตฺถฯ กาสิกนฺติ สตสหสฺสคฺฆนกํ กาสิกวตฺถํฯ คณฺหสฺสูติ ปิลนฺธสฺสุฯ
Tattha padumapattānanti padumapattaveṭhanaṃ nāmekaṃ pasādhanaṃ, taṃ sandhāyevamāha. Tava vippakiṇṇaṃ moḷiṃ ukkhipitvā padumapattaveṭhanena yojetvā bandhāti attho. Gotamiputtāti candakumāraṃ ālapati. Campakadalamissāyoti abbhantarimehi campakadalehi missitā vaṇṇagandhasampannā nānāpupphamālā pilandhassu. Esā teti esā tava porāṇikā pakati, tameva gaṇhassu puttāti paridevati. Yehi cāti yehi lohitacandanavilepanehi vilitto rājaparisāya sobhasi, tāni vilimpassūti attho. Kāsikanti satasahassagghanakaṃ kāsikavatthaṃ. Gaṇhassūti pilandhassu.
อิทานิสฺส จนฺทา นาม อคฺคมเหสี ตสฺส ปาทมูเล นิปติตฺวา ปริเทวมานา อาห –
Idānissa candā nāma aggamahesī tassa pādamūle nipatitvā paridevamānā āha –
๑๑๑๓.
1113.
‘‘น หิ นูนายํ รฎฺฐปาโล, ภูมิปติ ชนปทสฺส ทายาโท;
‘‘Na hi nūnāyaṃ raṭṭhapālo, bhūmipati janapadassa dāyādo;
โลกิสฺสโร มหโนฺต, ปุเตฺต เสฺนหํ ชนยตี’’ติฯ
Lokissaro mahanto, putte snehaṃ janayatī’’ti.
ตํ สุตฺวา ราชา คาถมาห –
Taṃ sutvā rājā gāthamāha –
๑๑๑๔.
1114.
‘‘มยฺหมฺปิ ปิยา ปุตฺตา, อตฺตา จ ปิโย ตุเมฺห จ ภริยาโย;
‘‘Mayhampi piyā puttā, attā ca piyo tumhe ca bhariyāyo;
สคฺคญฺจ ปตฺถยาโน, เตนาหํ ฆาตยิสฺสามี’’ติฯ
Saggañca patthayāno, tenāhaṃ ghātayissāmī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – กิํการณา ปุตฺตสิเนหํ น ชเนมิ? น เกวลํ โคตมิยา เอว, อถ โข มยฺหมฺปิ ปิยา ปุตฺตา, ตถา อตฺตา จ ตุเมฺห จ สุณฺหาโย ภริยาโย จ ปิยาเยวฯ เอวํ สเนฺตปิ สคฺคญฺจ ปตฺถยาโน อหํ สคฺคํ ปเตฺถโนฺต, เตน การเณน เอเต ฆาตยิสฺสามิ, มา จินฺตยิตฺถ, สเพฺพเปเต มยา สทฺธิํ เทวโลกํ เอกโต คมิสฺสนฺตีติฯ
Tassattho – kiṃkāraṇā puttasinehaṃ na janemi? Na kevalaṃ gotamiyā eva, atha kho mayhampi piyā puttā, tathā attā ca tumhe ca suṇhāyo bhariyāyo ca piyāyeva. Evaṃ santepi saggañca patthayāno ahaṃ saggaṃ patthento, tena kāraṇena ete ghātayissāmi, mā cintayittha, sabbepete mayā saddhiṃ devalokaṃ ekato gamissantīti.
จนฺทา อาห –
Candā āha –
๑๑๑๕.
1115.
‘‘มํ ปฐมํ ฆาเตหิ, มา เม หทยํ ทุกฺขํ ผาเลสิ;
‘‘Maṃ paṭhamaṃ ghātehi, mā me hadayaṃ dukkhaṃ phālesi;
อลงฺกโต สุนฺทรโก, ปุโตฺต เทว ตว สุขุมาโลฯ
Alaṅkato sundarako, putto deva tava sukhumālo.
๑๑๑๖.
1116.
‘‘หนฺทยฺย มํ หนสฺสุ, ปรโลเก จนฺทเกน เหสฺสามิ;
‘‘Handayya maṃ hanassu, paraloke candakena hessāmi;
ปุญฺญํ กรสฺสุ วิปุลํ, วิจราม อุโภปิ ปรโลเก’’ติฯ
Puññaṃ karassu vipulaṃ, vicarāma ubhopi paraloke’’ti.
ตตฺถ ปฐมนฺติ เทว, มม สามิกโต ปฐมตรํ มํ ฆาเตหิฯ ทุกฺขนฺติ จนฺทสฺส มรณทุกฺขํ มม หทยํ มา ผาเลสิฯ อลงฺกโตติ อยํ มม เอโกว อลํ ปริยโตฺตติ เอวํ อลงฺกโตฯ เอวรูปํ นาม ปุตฺตํ มา ฆาตยิ, มหาราชาติ ทีเปติฯ หนฺทยฺยาติ หนฺท, อยฺย, ราชานํ อาลปนฺตี เอวมาหฯ ปรโลเก จนฺทเกนาติ จเนฺทน สทฺธิํ ปรโลเก ภวิสฺสามิฯ วิจราม อุโภปิ ปรโลเกติ ตยา เอกโต ฆาติตา อุโภปิ ปรโลเก สุขํ อนุภวนฺตา วิจราม, มา โน สคฺคนฺตรายมกาสีติฯ
Tattha paṭhamanti deva, mama sāmikato paṭhamataraṃ maṃ ghātehi. Dukkhanti candassa maraṇadukkhaṃ mama hadayaṃ mā phālesi. Alaṅkatoti ayaṃ mama ekova alaṃ pariyattoti evaṃ alaṅkato. Evarūpaṃ nāma puttaṃ mā ghātayi, mahārājāti dīpeti. Handayyāti handa, ayya, rājānaṃ ālapantī evamāha. Paraloke candakenāti candena saddhiṃ paraloke bhavissāmi. Vicarāma ubhopi paraloketi tayā ekato ghātitā ubhopi paraloke sukhaṃ anubhavantā vicarāma, mā no saggantarāyamakāsīti.
ราชา อาห –
Rājā āha –
๑๑๑๗.
1117.
‘‘มา ตฺวํ จเนฺท รุจฺจิ มรณํ, พหุกา ตว เทวรา วิสาลกฺขิ;
‘‘Mā tvaṃ cande rucci maraṇaṃ, bahukā tava devarā visālakkhi;
เต ตํ รมยิสฺสนฺติ, ยิฎฺฐสฺมิํ โคตมิปุเตฺต’’ติฯ
Te taṃ ramayissanti, yiṭṭhasmiṃ gotamiputte’’ti.
ตตฺถ มา ตฺวํ จเนฺท รุจฺจีติ มา ตฺวํ อตฺตโน มรณํ โรเจสิฯ ‘‘มา รุทฺที’’ติปิ ปาโฐ, มา โรทีติ อโตฺถฯ เทวราติ ปติภาตุกาฯ
Tattha mā tvaṃ cande ruccīti mā tvaṃ attano maraṇaṃ rocesi. ‘‘Mā ruddī’’tipi pāṭho, mā rodīti attho. Devarāti patibhātukā.
ตโต ปรํ สตฺถา –
Tato paraṃ satthā –
๑๑๑๘.
1118.
‘‘เอวํ วุเตฺต จนฺทา อตฺตานํ, หนฺติ หตฺถตลเกหี’’ติฯ – อุปฑฺฒคาถมาห;
‘‘Evaṃ vutte candā attānaṃ, hanti hatthatalakehī’’ti. – upaḍḍhagāthamāha;
ตโต ปรํ ตสฺสาเยว วิลาโป โหติ –
Tato paraṃ tassāyeva vilāpo hoti –
‘‘อลเมตฺถ ชีวิเตน, ปิสฺสามิ วิสํ มริสฺสามิฯ
‘‘Alamettha jīvitena, pissāmi visaṃ marissāmi.
๑๑๑๙.
1119.
‘‘น หิ นูนิมสฺส รโญฺญ, มิตฺตามจฺจา จ วิชฺชเร สุหทา;
‘‘Na hi nūnimassa rañño, mittāmaccā ca vijjare suhadā;
เย น วทนฺติ ราชานํ, ‘มา ฆาตยิ โอรเส ปุเตฺต’ฯ
Ye na vadanti rājānaṃ, ‘mā ghātayi orase putte’.
๑๑๒๐.
1120.
‘‘น หิ นูนิมสฺส รโญฺญ, ญาตี มิตฺตา จ วิชฺชเร สุหทา;
‘‘Na hi nūnimassa rañño, ñātī mittā ca vijjare suhadā;
เย น วทนฺติ ราชานํ, ‘มา ฆาตยิ อตฺรเช ปุเตฺต’ฯ
Ye na vadanti rājānaṃ, ‘mā ghātayi atraje putte’.
๑๑๒๑.
1121.
‘‘อิเม เตปิ มยฺหํ ปุตฺตา, คุณิโน กายูรธาริโน ราช;
‘‘Ime tepi mayhaṃ puttā, guṇino kāyūradhārino rāja;
เตหิปิ ยชสฺสุ ยญฺญํ, อถ มุญฺจตุ โคตมิปุเตฺตฯ
Tehipi yajassu yaññaṃ, atha muñcatu gotamiputte.
๑๑๒๒.
1122.
‘‘พิลสตํ มํ กตฺวาน, ยชสฺสุ สตฺตธา มหาราช;
‘‘Bilasataṃ maṃ katvāna, yajassu sattadhā mahārāja;
มา เชฎฺฐปุตฺตมวธิ, อทูสกํ สีหสงฺกาสํฯ
Mā jeṭṭhaputtamavadhi, adūsakaṃ sīhasaṅkāsaṃ.
๑๑๒๓.
1123.
‘‘พิลสตํ มํ กตฺวาน, ยชสฺสุ สตฺตธา มหาราช;
‘‘Bilasataṃ maṃ katvāna, yajassu sattadhā mahārāja;
มา เชฎฺฐปุตฺตมวธิ, อเปกฺขิตํ สพฺพโลกสฺสา’’ติฯ
Mā jeṭṭhaputtamavadhi, apekkhitaṃ sabbalokassā’’ti.
ตตฺถ เอวนฺติ เอวํ อนฺธพาเลน เอกราเชน วุเตฺตฯ หนฺตีติ ‘‘กิํ นาเมตํ กเถสี’’ติ วตฺวา หตฺถตเลหิ อตฺตานํ หนฺติฯ ปิสฺสามีติ ปิวิสฺสามิฯ อิเม เตปีติ วสุลกุมารํ อาทิํ กตฺวา เสสทารเก หเตฺถ คเหตฺวา รโญฺญ ปาทมูเล ฐิตา เอวมาหฯ คุณิโนติ มาลาคุณอาภรเณหิ สมนฺนาคตาฯ กายูรธาริโนติ กายูรปสาธนธราฯ พิลสตนฺติ มหาราช, มํ ฆาเตตฺวา โกฎฺฐาสสตํ กตฺวา สตฺตธา สตฺตสุ ฐาเนสุ ยญฺญํ ยชสฺสุฯ
Tattha evanti evaṃ andhabālena ekarājena vutte. Hantīti ‘‘kiṃ nāmetaṃ kathesī’’ti vatvā hatthatalehi attānaṃ hanti. Pissāmīti pivissāmi. Ime tepīti vasulakumāraṃ ādiṃ katvā sesadārake hatthe gahetvā rañño pādamūle ṭhitā evamāha. Guṇinoti mālāguṇaābharaṇehi samannāgatā. Kāyūradhārinoti kāyūrapasādhanadharā. Bilasatanti mahārāja, maṃ ghātetvā koṭṭhāsasataṃ katvā sattadhā sattasu ṭhānesu yaññaṃ yajassu.
อิติ สา รโญฺญ สนฺติเก อิมาหิ คาถาหิ ปริเทวิตฺวา อสฺสาสํ อลภมานา โพธิสตฺตเสฺสว สนฺติกํ คนฺตฺวา ปริเทวมานา อฎฺฐาสิฯ อถ นํ โส อาห – ‘‘จเนฺท, มยา ชีวมาเนน ตุยฺหํ ตสฺมิํ ตสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ สุภณิเต สุกถิเต อุจฺจาวจานิ มณิมุตฺตาทีนิ พหูนิ อาภรณานิ ทินฺนานิ, อชฺช ปน เต อิทํ ปจฺฉิมทานํ, สรีรารุฬฺหํ อาภรณํ ทมฺมิ, คณฺหาหิ น’’นฺติฯ อิมมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Iti sā rañño santike imāhi gāthāhi paridevitvā assāsaṃ alabhamānā bodhisattasseva santikaṃ gantvā paridevamānā aṭṭhāsi. Atha naṃ so āha – ‘‘cande, mayā jīvamānena tuyhaṃ tasmiṃ tasmiṃ vatthusmiṃ subhaṇite sukathite uccāvacāni maṇimuttādīni bahūni ābharaṇāni dinnāni, ajja pana te idaṃ pacchimadānaṃ, sarīrāruḷhaṃ ābharaṇaṃ dammi, gaṇhāhi na’’nti. Imamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๑๒๔.
1124.
‘‘พหุกา ตว ทินฺนาภรณา, อุจฺจาวจา สุภณิตมฺหิ;
‘‘Bahukā tava dinnābharaṇā, uccāvacā subhaṇitamhi;
มุตฺตามณิเวฬุริยา, เอตํ เต ปจฺฉิมกํ ทาน’’นฺติฯ
Muttāmaṇiveḷuriyā, etaṃ te pacchimakaṃ dāna’’nti.
จนฺทาเทวีปิ ตํ สุตฺวา ตโต ปราหิ นวหิ คาถาหิ วิลปิ –
Candādevīpi taṃ sutvā tato parāhi navahi gāthāhi vilapi –
๑๑๒๕.
1125.
‘‘เยสํ ปุเพฺพ ขเนฺธสุ, ผุลฺลา มาลาคุณา วิวตฺติํสุ;
‘‘Yesaṃ pubbe khandhesu, phullā mālāguṇā vivattiṃsu;
เตสชฺชปิ สุนิสิโต, เนตฺติํโส วิวตฺติสฺสติ ขเนฺธสุฯ
Tesajjapi sunisito, nettiṃso vivattissati khandhesu.
๑๑๒๖.
1126.
‘‘เยสํ ปุเพฺพ ขเนฺธสุ, จิตฺตา มาลาคุณา วิวตฺติํสุ;
‘‘Yesaṃ pubbe khandhesu, cittā mālāguṇā vivattiṃsu;
เตสชฺชปิ สุนิสิโต, เนตฺติํโส วิวตฺติสฺสติ ขเนฺธสุฯ
Tesajjapi sunisito, nettiṃso vivattissati khandhesu.
๑๑๒๗.
1127.
‘‘อจิรํ วต เนตฺติํโส, วิวตฺติสฺสกิ ราชปุตฺตานํ ขเนฺธสุ;
‘‘Aciraṃ vata nettiṃso, vivattissaki rājaputtānaṃ khandhesu;
อถ มม หทยํ น ผลติ, ตาว ทฬฺหพนฺธญฺจ เม อาสิฯ
Atha mama hadayaṃ na phalati, tāva daḷhabandhañca me āsi.
๑๑๒๘.
1128.
‘‘กาสิกสุจิวตฺถธรา, กุณฺฑลิโน อคลุจนฺทนวิลิตฺตา;
‘‘Kāsikasucivatthadharā, kuṇḍalino agalucandanavilittā;
นิยฺยาถ จนฺทสูริยา, ยญฺญตฺถาย เอกราชสฺสฯ
Niyyātha candasūriyā, yaññatthāya ekarājassa.
๑๑๒๙.
1129.
‘‘กาสิกสุจิวตฺถธรา, กุณฺฑลิโน อคลุจนฺทนวิลิตฺตา;
‘‘Kāsikasucivatthadharā, kuṇḍalino agalucandanavilittā;
นิยฺยาถ จนฺทสูริยา, มาตุ กตฺวา หทยโสกํฯ
Niyyātha candasūriyā, mātu katvā hadayasokaṃ.
๑๑๓๐.
1130.
‘‘กาสิกสุจิวตฺถธรา, กุณฺฑลิโน อคลุจนฺทนวิลิตฺตา;
‘‘Kāsikasucivatthadharā, kuṇḍalino agalucandanavilittā;
นิยฺยาถ จนฺทสูริยา, ชนสฺส กตฺวา หทยโสกํฯ
Niyyātha candasūriyā, janassa katvā hadayasokaṃ.
๑๑๓๑.
1131.
‘‘มํสรสโภชนา นฺหาปกสุนฺหาปิตา, กุณฺฑลิโน อคลุจนฺทนวิลิตฺตา;
‘‘Maṃsarasabhojanā nhāpakasunhāpitā, kuṇḍalino agalucandanavilittā;
นิยฺยาถ จนฺทสูริยา, ยญฺญตฺถาย เอกราชสฺสฯ
Niyyātha candasūriyā, yaññatthāya ekarājassa.
๑๑๓๒.
1132.
‘‘มํสรสโภชนา นฺหาปกสุนฺหาปิตา, กุณฺฑลิโน อคลุจนฺทนวิลิตฺตา;
‘‘Maṃsarasabhojanā nhāpakasunhāpitā, kuṇḍalino agalucandanavilittā;
นิยฺยาถ จนฺทสูริยา, มาตุ กตฺวา หทยโสกํฯ
Niyyātha candasūriyā, mātu katvā hadayasokaṃ.
๑๑๓๓.
1133.
‘‘มํสรสโภชนา นฺหาปกสุนฺหาปิตา, กุณฺฑลิโน อคลุจนฺทนวิลิตฺตา;
‘‘Maṃsarasabhojanā nhāpakasunhāpitā, kuṇḍalino agalucandanavilittā;
นิยฺยาถ จนฺทสูริยา, ชนสฺส กตฺวา หทยโสก’’นฺติฯ
Niyyātha candasūriyā, janassa katvā hadayasoka’’nti.
ตตฺถ มาลาคุณาติ ปุปฺผทามานิฯ เตสชฺชาติ เตสํ อชฺชฯ เนตฺติํโสติ อสิฯ วิวตฺติสฺสตีติ ปติสฺสติฯ อจิรํ วตาติ อจิเรน วตฯ น ผลตีติ น ภิชฺชติฯ ตาว ทฬฺหพนฺธญฺจ เม อาสีติ อติวิย ถิรพนฺธนํ เม หทยํ ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ นิยฺยาถาติ คจฺฉถฯ
Tattha mālāguṇāti pupphadāmāni. Tesajjāti tesaṃ ajja. Nettiṃsoti asi. Vivattissatīti patissati. Aciraṃ vatāti acirena vata. Na phalatīti na bhijjati. Tāva daḷhabandhañcame āsīti ativiya thirabandhanaṃ me hadayaṃ bhavissatīti attho. Niyyāthāti gacchatha.
เอวํ ตสฺสา ปริเทวนฺติยาว ยญฺญาวาเฎ สพฺพกมฺมํ นิฎฺฐาสิฯ ราชปุตฺตํ เนตฺวา คีวํ โอนาเมตฺวา นิสีทาเปสุํฯ ขณฺฑหาโล สุวณฺณปาติํ อุปนาเมตฺวา ขคฺคํ อาทาย ‘‘ตสฺส คีวํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ อฎฺฐาสิฯ ตํ ทิสฺวา จนฺทาเทวี ‘‘อญฺญํ เม ปฎิสรณํ นตฺถิ, อตฺตโน สจฺจพเลน สามิกสฺส โสตฺถิํ กริสฺสามี’’ติ อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ปริสาย อนฺตเร วิจรนฺตี สจฺจกิริยํ อกาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ tassā paridevantiyāva yaññāvāṭe sabbakammaṃ niṭṭhāsi. Rājaputtaṃ netvā gīvaṃ onāmetvā nisīdāpesuṃ. Khaṇḍahālo suvaṇṇapātiṃ upanāmetvā khaggaṃ ādāya ‘‘tassa gīvaṃ chindissāmī’’ti aṭṭhāsi. Taṃ disvā candādevī ‘‘aññaṃ me paṭisaraṇaṃ natthi, attano saccabalena sāmikassa sotthiṃ karissāmī’’ti añjaliṃ paggayha parisāya antare vicarantī saccakiriyaṃ akāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๑๓๔.
1134.
‘‘สพฺพสฺมิํ อุปกฺขฎสฺมิํ, นิสีทิเต จนฺทสฺมิํ ยญฺญตฺถาย;
‘‘Sabbasmiṃ upakkhaṭasmiṃ, nisīdite candasmiṃ yaññatthāya;
ปญฺจาลราชธีตา ปญฺชลิกา, สพฺพปริสาย สมนุปริยายิฯ
Pañcālarājadhītā pañjalikā, sabbaparisāya samanupariyāyi.
๑๑๓๕.
1135.
‘‘เยน สเจฺจน ขณฺฑหาโล, ปาปกมฺมํ กโรติ ทุเมฺมโธ;
‘‘Yena saccena khaṇḍahālo, pāpakammaṃ karoti dummedho;
เอเตน สจฺจวเชฺชน, สมงฺคินี สามิเกน โหมิฯ
Etena saccavajjena, samaṅginī sāmikena homi.
๑๑๓๖.
1136.
‘‘เย อิธตฺถิ อมนุสฺสา, ยานิ จ ยกฺขภูตภพฺยานิ;
‘‘Ye idhatthi amanussā, yāni ca yakkhabhūtabhabyāni;
กโรนฺตุ เม เวยฺยาวฎิกํ, สมงฺคินี สามิเกน โหมิฯ
Karontu me veyyāvaṭikaṃ, samaṅginī sāmikena homi.
๑๑๓๗.
1137.
‘‘ยา เทวตา อิธาคตา, ยานิ จ ยกฺขภูตภพฺยานิ;
‘‘Yā devatā idhāgatā, yāni ca yakkhabhūtabhabyāni;
สรเณสินิํ อนาถํ ตายถ มํ, ยาจามหํ ปติ มาหํ อเชยฺย’’นฺติฯ
Saraṇesiniṃ anāthaṃ tāyatha maṃ, yācāmahaṃ pati māhaṃ ajeyya’’nti.
ตตฺถ อุปกฺขฎสฺมินฺติ สพฺพสฺมิํ ยญฺญสมฺภาเร สชฺชิเต ปฎิยเตฺตฯ สมงฺคินีติ สมฺปยุตฺตา เอกสํวาสาฯ เย อิธตฺถีติ เย อิธ อตฺถิฯ ยกฺขภูตภพฺยานีติ เทวสงฺขาตา ยกฺขา จ วฑฺฒิตฺวา ฐิตสตฺตสงฺขาตา ภูตา จ อิทานิ วฑฺฒนกสตฺตสงฺขาตานิ ภพฺยานิ จฯ เวยฺยาวฎิกนฺติ มยฺหํ เวยฺยาวจฺจํ กโรนฺตุฯ ตายถ มนฺติ รกฺขถ มํฯ ยาจามหนฺติ อหํ โว ยาจามิฯ ปติ มาหนฺติ ปติํ อหํ มา อเชยฺยํฯ
Tattha upakkhaṭasminti sabbasmiṃ yaññasambhāre sajjite paṭiyatte. Samaṅginīti sampayuttā ekasaṃvāsā. Ye idhatthīti ye idha atthi. Yakkhabhūtabhabyānīti devasaṅkhātā yakkhā ca vaḍḍhitvā ṭhitasattasaṅkhātā bhūtā ca idāni vaḍḍhanakasattasaṅkhātāni bhabyāni ca. Veyyāvaṭikanti mayhaṃ veyyāvaccaṃ karontu. Tāyatha manti rakkhatha maṃ. Yācāmahanti ahaṃ vo yācāmi. Pati māhanti patiṃ ahaṃ mā ajeyyaṃ.
อถ สโกฺก เทวราชา ตสฺสา ปริเทวสทฺทํ สุตฺวา ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา ชลิตํ อยกูฎํ อาทาย คนฺตฺวา ราชานํ ตาเสตฺวา สเพฺพ วิสฺสชฺชาเปสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Atha sakko devarājā tassā paridevasaddaṃ sutvā taṃ pavattiṃ ñatvā jalitaṃ ayakūṭaṃ ādāya gantvā rājānaṃ tāsetvā sabbe vissajjāpesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๑๓๘.
1138.
‘‘ตํ สุตฺวา อมนุโสฺส, อโยกูฎํ ปริพฺภเมตฺวาน;
‘‘Taṃ sutvā amanusso, ayokūṭaṃ paribbhametvāna;
ภยมสฺส ชนยโนฺต, ราชานํ อิทมโวจฯ
Bhayamassa janayanto, rājānaṃ idamavoca.
๑๑๓๙.
1139.
‘‘พุชฺฌสฺสุ โข ราชกลิ, มา ตาหํ มตฺถกํ นิตาเฬสิํ;
‘‘Bujjhassu kho rājakali, mā tāhaṃ matthakaṃ nitāḷesiṃ;
มา เชฎฺฐปุตฺตมวธิ, อทูสกํ สีหสงฺกาสํฯ
Mā jeṭṭhaputtamavadhi, adūsakaṃ sīhasaṅkāsaṃ.
๑๑๔๐.
1140.
‘‘โก เต ทิโฎฺฐ ราชกลิ, ปุตฺตภริยาโย หญฺญมานาโย;
‘‘Ko te diṭṭho rājakali, puttabhariyāyo haññamānāyo;
เสฎฺฐิ จ คหปตโย, อทูสกา สคฺคกามา หิฯ
Seṭṭhi ca gahapatayo, adūsakā saggakāmā hi.
๑๑๔๑.
1141.
‘‘ตํ สุตฺวา ขณฺฑหาโล, ราชา จ อพฺภุตมิทํ ทิสฺวาน;
‘‘Taṃ sutvā khaṇḍahālo, rājā ca abbhutamidaṃ disvāna;
สเพฺพสํ พนฺธนานิ โมเจสุํ, ยถา ตํ อนุปฆาตํฯ
Sabbesaṃ bandhanāni mocesuṃ, yathā taṃ anupaghātaṃ.
๑๑๔๒.
1142.
‘‘สเพฺพสุ วิปฺปมุเตฺตสุ, เย ตตฺถ สมาคตา ตทา อาสุํ;
‘‘Sabbesu vippamuttesu, ye tattha samāgatā tadā āsuṃ;
สเพฺพ เอเกกเลฑฺฑุกมทํสุ, เอส วโธ ขณฺฑหาลสฺสา’’ติฯ
Sabbe ekekaleḍḍukamadaṃsu, esa vadho khaṇḍahālassā’’ti.
ตตฺถ อมนุโสฺสติ สโกฺก เทวราชาฯ พุชฺฌสฺสูติ ชานสฺสุ สลฺลเกฺขหิฯ ราชกลีติ ราชกาฬกณฺณิ ราชลามกฯ มา ตาหนฺติ ปาปราช, พุชฺฌ, มา เต อหํ มตฺถกํ นิตาเฬสิํฯ โก เต ทิโฎฺฐติ กุหิํ ตยา ทิฎฺฐปุโพฺพฯ สคฺคกามา หีติ เอตฺถ หีติ นิปาตมตฺตํ, สคฺคกามา สคฺคํ ปตฺถยมานาติ อโตฺถฯ ตํ สุตฺวาติ, ภิกฺขเว, ตํ สกฺกสฺส วจนํ ขณฺฑหาโล สุตฺวาฯ อพฺภุตมิทนฺติ ราชา จ อิทํ สกฺกสฺส ทสฺสนํ ปุเพฺพ อภูตํ ทิสฺวาฯ ยถา ตนฺติ ยถา อนุปฆาตํ ปาณํ โมเจนฺติ, เอวเมว โมเจสุํฯ เอเกกเลฑฺฑุกมทํสูติ ภิกฺขเว, ยตฺตกา ตสฺมิํ ยญฺญาวาเฎ สมาคตา, สเพฺพ เอกโกลาหลํ กตฺวา ขณฺฑหาลสฺส เอเกกเลฑฺฑุปหารํ อทํสุฯ เอส วโธติ เอโสว ขณฺฑหาลสฺส วโธ อโหสิ, ตเตฺถว นํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสุนฺติ อโตฺถฯ
Tattha amanussoti sakko devarājā. Bujjhassūti jānassu sallakkhehi. Rājakalīti rājakāḷakaṇṇi rājalāmaka. Mā tāhanti pāparāja, bujjha, mā te ahaṃ matthakaṃ nitāḷesiṃ. Ko te diṭṭhoti kuhiṃ tayā diṭṭhapubbo. Saggakāmā hīti ettha hīti nipātamattaṃ, saggakāmā saggaṃ patthayamānāti attho. Taṃ sutvāti, bhikkhave, taṃ sakkassa vacanaṃ khaṇḍahālo sutvā. Abbhutamidanti rājā ca idaṃ sakkassa dassanaṃ pubbe abhūtaṃ disvā. Yathā tanti yathā anupaghātaṃ pāṇaṃ mocenti, evameva mocesuṃ. Ekekaleḍḍukamadaṃsūti bhikkhave, yattakā tasmiṃ yaññāvāṭe samāgatā, sabbe ekakolāhalaṃ katvā khaṇḍahālassa ekekaleḍḍupahāraṃ adaṃsu. Esa vadhoti esova khaṇḍahālassa vadho ahosi, tattheva naṃ jīvitakkhayaṃ pāpesunti attho.
ตํ ปน มาเรตฺวา มหาชโน ราชานํ มาเรตุํ อารภิฯ โพธิสโตฺต ปิตรํ ปริสฺสชิตฺวา มาเรตุํ น อทาสิฯ มหาชโน ‘‘ชีวิตํ เอตสฺส ปาปรโญฺญ เทม, ฉตฺตํ ปนสฺส นคเร จ วาสํ น ทสฺสาม, จณฺฑาลํ กตฺวา พหินคเร วสาเปสฺสามา’’ติ วตฺวา ราชเวสํ หาเรตฺวา กาสาวํ นิวาสาเปตฺวา หลิทฺทิปิโลติกาย สีสํ เวเฐตฺวา จณฺฑาลํ กตฺวา จณฺฑาลวสนฎฺฐานํ ตํ ปหิณิฯ เย ปเนตํ ปสุฆาตยญฺญํ ยชิํสุ เจว ยชาเปสุญฺจ อนุโมทิํสุ จ, สเพฺพ นิรยปรายณาว อเหสุํฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Taṃ pana māretvā mahājano rājānaṃ māretuṃ ārabhi. Bodhisatto pitaraṃ parissajitvā māretuṃ na adāsi. Mahājano ‘‘jīvitaṃ etassa pāparañño dema, chattaṃ panassa nagare ca vāsaṃ na dassāma, caṇḍālaṃ katvā bahinagare vasāpessāmā’’ti vatvā rājavesaṃ hāretvā kāsāvaṃ nivāsāpetvā haliddipilotikāya sīsaṃ veṭhetvā caṇḍālaṃ katvā caṇḍālavasanaṭṭhānaṃ taṃ pahiṇi. Ye panetaṃ pasughātayaññaṃ yajiṃsu ceva yajāpesuñca anumodiṃsu ca, sabbe nirayaparāyaṇāva ahesuṃ. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๑๔๓.
1143.
‘‘สเพฺพ ปวิฎฺฐา นิรยํ, ยถา ตํ ปาปกํ กริตฺวาน;
‘‘Sabbe paviṭṭhā nirayaṃ, yathā taṃ pāpakaṃ karitvāna;
น หิ ปาปกมฺมํ กตฺวา, ลพฺภา สุคติํ อิโต คนฺตุ’’นฺติฯ
Na hi pāpakammaṃ katvā, labbhā sugatiṃ ito gantu’’nti.
โสปิ โข มหาชโน เทฺว กาฬกณฺณิโย หาเรตฺวา ตเตฺถว อภิเสกสมฺภาเร อาหริตฺวา จนฺทกุมารํ อภิสิญฺจิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Sopi kho mahājano dve kāḷakaṇṇiyo hāretvā tattheva abhisekasambhāre āharitvā candakumāraṃ abhisiñci. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๑๔๔.
1144.
‘‘สเพฺพสุ วิปฺปมุเตฺตสุ, เย ตตฺถ สมาคตา ตทา อาสุํ;
‘‘Sabbesu vippamuttesu, ye tattha samāgatā tadā āsuṃ;
จนฺทํ อภิสิญฺจิํสุ, สมาคตา ราชปริสา จฯ
Candaṃ abhisiñciṃsu, samāgatā rājaparisā ca.
๑๑๔๕.
1145.
‘‘สเพฺพสุ วิปฺปมุเตฺตสุ, เย ตตฺถ สมาคตา ตทา อาสุํ;
‘‘Sabbesu vippamuttesu, ye tattha samāgatā tadā āsuṃ;
จนฺทํ อภิสิญฺจิํสุ, สมาคตา ราชกญฺญาโย จฯ
Candaṃ abhisiñciṃsu, samāgatā rājakaññāyo ca.
๑๑๔๖.
1146.
‘‘สเพฺพสุ วิปฺปมุเตฺตสุ, เย ตตฺถ สมาคตา ตทา อาสุํ;
‘‘Sabbesu vippamuttesu, ye tattha samāgatā tadā āsuṃ;
จนฺทํ อภิสิญฺจิํสุ, สมาคตา เทวปริสา จฯ
Candaṃ abhisiñciṃsu, samāgatā devaparisā ca.
๑๑๔๗.
1147.
‘‘สเพฺพสุ วิปฺปมุเตฺตสุ, เย ตตฺถ สมาคตา ตทา อาสุํ;
‘‘Sabbesu vippamuttesu, ye tattha samāgatā tadā āsuṃ;
จนฺทํ อภิสิญฺจิํสุ, สมาคตา เทวกญฺญาโย จฯ
Candaṃ abhisiñciṃsu, samāgatā devakaññāyo ca.
๑๑๔๘.
1148.
‘‘สเพฺพสุ วิปฺปมุเตฺตสุ, เย ตตฺถ สมาคตา ตทา อาสุํ;
‘‘Sabbesu vippamuttesu, ye tattha samāgatā tadā āsuṃ;
เจลุเกฺขปมกรุํ, สมาคตา ราชปริสา จฯ
Celukkhepamakaruṃ, samāgatā rājaparisā ca.
๑๑๔๙.
1149.
‘‘สเพฺพสุ วิปฺปมุเตฺตสุ, เย ตตฺถ สมาคตา ตทา อาสุํ;
‘‘Sabbesu vippamuttesu, ye tattha samāgatā tadā āsuṃ;
เจลุเกฺขปมกรุํ, สมาคตา ราชกญฺญาโย จฯ
Celukkhepamakaruṃ, samāgatā rājakaññāyo ca.
๑๑๕๐.
1150.
‘‘สเพฺพสุ วิปฺปมุเตฺตสุ, เย ตตฺถ สมาคตา ตทา อาสุํ;
‘‘Sabbesu vippamuttesu, ye tattha samāgatā tadā āsuṃ;
เจลุเกฺขปมกรุํ, สมาคตา เทวปริสา จฯ
Celukkhepamakaruṃ, samāgatā devaparisā ca.
๑๑๕๑.
1151.
‘‘สเพฺพสุ วิปฺปมุเตฺตสุ, เย ตตฺถ สมาคตา ตทา อาสุํ;
‘‘Sabbesu vippamuttesu, ye tattha samāgatā tadā āsuṃ;
เจลุเกฺขปมกรุํ, สมาคตา เทวกญฺญาโย จฯ
Celukkhepamakaruṃ, samāgatā devakaññāyo ca.
๑๑๕๒.
1152.
‘‘สเพฺพสุ วิปฺปมุเตฺตสุ, พหู อานนฺทิตา อหุํ;
‘‘Sabbesu vippamuttesu, bahū ānanditā ahuṃ;
นนฺทิํ ปเวสิ นครํ, พนฺธนา โมโกฺข อโฆสิตฺถา’’ติฯ
Nandiṃ pavesi nagaraṃ, bandhanā mokkho aghositthā’’ti.
ตตฺถ ราชปริสา จาติ ราชปริสาปิ ตีหิ สเงฺขหิ อภิสิญฺจิํสุฯ ราชกญฺญาโย จาติ ขตฺติยธีตโรปิ นํ อภิสิญฺจิํสุฯ เทวปริสา จาติ สโกฺก เทวราชา วิชยุตฺตรสงฺขํ คเหตฺวา เทวปริสาย สทฺธิํ อภิสิญฺจิฯ เทวกญฺญาโย จาติ สุชาปิ เทวธีตราหิ สทฺธิํ อภิสิญฺจิฯ เจลุเกฺขปมกรุนฺติ นานาวเณฺณหิ วเตฺถหิ ธเช อุสฺสาเปตฺวา อุตฺตริสาฎกานิ อากาเส ขิปนฺตา เจลุเกฺขปํ กริํสุฯ ราชปริสา จ อิตเร ตโย โกฎฺฐาสา จาติ อภิเสกการกา จตฺตาโรปิ โกฎฺฐาสา กริํสุเยวฯ อานนฺทิตา อหุนฺติ อาโมทิตา อเหสุํฯ นนฺทิํ ปเวสิ นครนฺติ จนฺทกุมารสฺส ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา นครํ ปวิฎฺฐกาเล นคเร อานนฺทเภริ จริฯ ‘‘กิํ วตฺวา’’ติ? ยถา ‘‘อมฺหากํ จนฺทกุมาโร พนฺธนา มุโตฺต, เอวเมว สเพฺพ พนฺธนา มุจฺจนฺตู’’ติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘พนฺธนา โมโกฺข อโฆสิตฺถา’’ติฯ
Tattha rājaparisā cāti rājaparisāpi tīhi saṅkhehi abhisiñciṃsu. Rājakaññāyo cāti khattiyadhītaropi naṃ abhisiñciṃsu. Devaparisā cāti sakko devarājā vijayuttarasaṅkhaṃ gahetvā devaparisāya saddhiṃ abhisiñci. Devakaññāyo cāti sujāpi devadhītarāhi saddhiṃ abhisiñci. Celukkhepamakarunti nānāvaṇṇehi vatthehi dhaje ussāpetvā uttarisāṭakāni ākāse khipantā celukkhepaṃ kariṃsu. Rājaparisā ca itare tayo koṭṭhāsā cāti abhisekakārakā cattāropi koṭṭhāsā kariṃsuyeva. Ānanditā ahunti āmoditā ahesuṃ. Nandiṃ pavesi nagaranti candakumārassa chattaṃ ussāpetvā nagaraṃ paviṭṭhakāle nagare ānandabheri cari. ‘‘Kiṃ vatvā’’ti? Yathā ‘‘amhākaṃ candakumāro bandhanā mutto, evameva sabbe bandhanā muccantū’’ti. Tena vuttaṃ ‘‘bandhanā mokkho aghositthā’’ti.
โพธิสโตฺต ปิตุ วตฺตํ ปฎฺฐเปสิฯ อโนฺตนครํ ปน ปวิสิตุํ น ลภติฯ ปริพฺพยสฺส ขีณกาเล โพธิสโตฺต อุยฺยานกีฬาทีนํ อตฺถาย คจฺฉโนฺต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปติมฺหี’’ติ น วนฺทติ, อญฺชลิํ ปน กตฺวา ‘‘จิรํ ชีว สามี’’ติ วทติฯ ‘‘เกนโตฺถ’’ติ วุเตฺต อาโรเจสิฯ อถสฺส ปริพฺพยํ ทาเปสิฯ โส ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตฺวา อายุปริโยสาเน เทวโลกํ ปูรยมาโน อคมาสิฯ
Bodhisatto pitu vattaṃ paṭṭhapesi. Antonagaraṃ pana pavisituṃ na labhati. Paribbayassa khīṇakāle bodhisatto uyyānakīḷādīnaṃ atthāya gacchanto taṃ upasaṅkamitvā ‘‘patimhī’’ti na vandati, añjaliṃ pana katvā ‘‘ciraṃ jīva sāmī’’ti vadati. ‘‘Kenattho’’ti vutte ārocesi. Athassa paribbayaṃ dāpesi. So dhammena rajjaṃ kāretvā āyupariyosāne devalokaṃ pūrayamāno agamāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ เทวทโตฺต มํ เอกํ นิสฺสาย พหู มาเรตุํ วายามมกาสี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิฯ ตทา ขณฺฑหาโล เทวทโตฺต อโหสิ, โคตมีเทวี มหามายา, จนฺทาเทวี ราหุลมาตา, วสุโล ราหุโล, เสลา อุปฺปลวณฺณา, สูโร วามโคโตฺต กสฺสโป, ภทฺทเสโน โมคฺคลฺลาโน, สูริยกุมาโร สาริปุโตฺต, จนฺทราชา ปน อหเมว สมฺมาสมฺพุโทฺธ อโหสินฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi devadatto maṃ ekaṃ nissāya bahū māretuṃ vāyāmamakāsī’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi. Tadā khaṇḍahālo devadatto ahosi, gotamīdevī mahāmāyā, candādevī rāhulamātā, vasulo rāhulo, selā uppalavaṇṇā, sūro vāmagotto kassapo, bhaddaseno moggallāno, sūriyakumāro sāriputto, candarājā pana ahameva sammāsambuddho ahosinti.
จนฺทกุมารชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ
Candakumārajātakavaṇṇanā sattamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๔๔. จนฺทกุมารชาตกํ • 544. Candakumārajātakaṃ