Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๔. จณฺฑาลิวิมานวณฺณนา

    4. Caṇḍālivimānavaṇṇanā

    จณฺฑาลิ วนฺท ปาทานีติ จณฺฑาลิวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรโนฺต ปจฺจูสเวลายํ พุทฺธาจิณฺณํ มหากรุณาสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา อุฎฺฐาย โลกํ โอโลเกโนฺต อทฺทส ตสฺมิํเยว นคเร จณฺฑาลาวสเถ วสนฺติํ เอกํ มหลฺลิกํ จณฺฑาลิํ ขีณายุกํ, นิรยสํวตฺตนิกญฺจสฺสา กมฺมํ อุปฎฺฐิตํฯ โส มหากรุณาย สมุสฺสาหิตมานโส ‘‘สคฺคสํวตฺตนิกํ กมฺมํ กาเรตฺวา เตนสฺสา นิรยูปปตฺติํ นิเสเธตฺวา สเคฺค ปติฎฺฐาเปสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสติฯ เตน จ สมเยน สา จณฺฑาลี ทณฺฑํ โอลุพฺภ นครโต นิกฺขมนฺตี ภควนฺตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อภิมุขี หุตฺวา อฎฺฐาสิฯ ภควาปิ ตสฺสา คมนํ นิวาเรโนฺต วิย ปุรโต อฎฺฐาสิฯ อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน สตฺถุ จิตฺตํ ญตฺวา ตสฺสา จ อายุปริกฺขยํ ภควโต วนฺทนาย ตํ นิโยเชโนฺต –

    Caṇḍālivanda pādānīti caṇḍālivimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā rājagahe viharanto paccūsavelāyaṃ buddhāciṇṇaṃ mahākaruṇāsamāpattiṃ samāpajjitvā uṭṭhāya lokaṃ olokento addasa tasmiṃyeva nagare caṇḍālāvasathe vasantiṃ ekaṃ mahallikaṃ caṇḍāliṃ khīṇāyukaṃ, nirayasaṃvattanikañcassā kammaṃ upaṭṭhitaṃ. So mahākaruṇāya samussāhitamānaso ‘‘saggasaṃvattanikaṃ kammaṃ kāretvā tenassā nirayūpapattiṃ nisedhetvā sagge patiṭṭhāpessāmī’’ti cintetvā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ rājagahaṃ piṇḍāya pavisati. Tena ca samayena sā caṇḍālī daṇḍaṃ olubbha nagarato nikkhamantī bhagavantaṃ āgacchantaṃ disvā abhimukhī hutvā aṭṭhāsi. Bhagavāpi tassā gamanaṃ nivārento viya purato aṭṭhāsi. Athāyasmā mahāmoggallāno satthu cittaṃ ñatvā tassā ca āyuparikkhayaṃ bhagavato vandanāya taṃ niyojento –

    ๑๙๕.

    195.

    ‘‘จณฺฑาลิ วนฺท ปาทานิ, โคตมสฺส ยสสฺสิโน;

    ‘‘Caṇḍāli vanda pādāni, gotamassa yasassino;

    ตเมว อนุกมฺปาย, อฎฺฐาสิ อิสิสตฺตโมฯ

    Tameva anukampāya, aṭṭhāsi isisattamo.

    ๑๙๖.

    196.

    ‘‘อภิปฺปสาเทหิ มนํ, อรหนฺตมฺหิ ตาทินิ;

    ‘‘Abhippasādehi manaṃ, arahantamhi tādini;

    ขิปฺปํ ปญฺชลิกา วนฺท, ปริตฺตํ ตว ชีวิต’’นฺติฯ – คาถาทฺวยมาห;

    Khippaṃ pañjalikā vanda, parittaṃ tava jīvita’’nti. – gāthādvayamāha;

    ๑๙๕. ตตฺถ จณฺฑาลีติ ชาติอาคเตน นาเมน ตํ อาลปติฯ วนฺทาติ อภิวาทยฯ ปาทานีติ สเทวกสฺส โลกสฺส สรณานิ จรณานิ ฯ ตเมว อนุกมฺปายาติ ตเมว อนุคฺคณฺหนตฺถํ, อปายูปปตฺติโต นิเสเธตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺตาปนตฺถนฺติ อธิปฺปาโยฯ อฎฺฐาสีติ นครมฺปิ อปวิสิตฺวา ฐิโตฯ อิสิสตฺตโมติ โลกิยเสกฺขาเสกฺขปเจฺจกพุทฺธอิสีหิ อุตฺตโม อุกฺกฎฺฐตโม, อถ วา พุทฺธอิสีนํ วิปสฺสิอาทีนํ สตฺตโมติ อิสิสตฺตโมฯ

    195. Tattha caṇḍālīti jātiāgatena nāmena taṃ ālapati. Vandāti abhivādaya. Pādānīti sadevakassa lokassa saraṇāni caraṇāni . Tameva anukampāyāti tameva anuggaṇhanatthaṃ, apāyūpapattito nisedhetvā sagge nibbattāpanatthanti adhippāyo. Aṭṭhāsīti nagarampi apavisitvā ṭhito. Isisattamoti lokiyasekkhāsekkhapaccekabuddhaisīhi uttamo ukkaṭṭhatamo, atha vā buddhaisīnaṃ vipassiādīnaṃ sattamoti isisattamo.

    ๑๙๖. อภิปฺปสาเทหิ มนนฺติ ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา’’ติ ตว จิตฺตํ ปสาเทหิฯ อรหนฺตมฺหิ ตาทินีติ อารกตฺตา กิเลสานํ, เตสํเยว อรีนํ หตตฺตา, สํสารจกฺกสฺส อรานํ หตตฺตา, ปจฺจยานํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวา จ อรหเนฺต, อิฎฺฐาทีสุ ตาทิภาวปฺปตฺติยา ตาทิมฺหิฯ ขิปฺปํ ปญฺชลิกา วนฺทาติ สีฆํเยว ปคฺคหิตอญฺชลิกา หุตฺวา วนฺทสฺสุฯ กสฺมาติ เจ? ปริตฺตํ ตว ชีวิตนฺติ, อิทาเนว ภิชฺชนสภาวตฺตา ปริตฺตํ อติอิตฺตรํฯ

    196.Abhippasādehi mananti ‘‘sammāsambuddho bhagavā’’ti tava cittaṃ pasādehi. Arahantamhi tādinīti ārakattā kilesānaṃ, tesaṃyeva arīnaṃ hatattā, saṃsāracakkassa arānaṃ hatattā, paccayānaṃ arahattā, pāpakaraṇe rahābhāvā ca arahante, iṭṭhādīsu tādibhāvappattiyā tādimhi. Khippaṃ pañjalikā vandāti sīghaṃyeva paggahitaañjalikā hutvā vandassu. Kasmāti ce? Parittaṃ tava jīvitanti, idāneva bhijjanasabhāvattā parittaṃ atiittaraṃ.

    อิติ เถโร คาถาทฺวเยน ภควโต คุเณ ปกิเตฺตโนฺต อตฺตโน อานุภาเว ฐตฺวา ตสฺสา จ ขีณายุกตาวิภาวเนน สํเวเชโนฺต สตฺถุ วนฺทนาย นิโยเชสิฯ สา จ ตํ สุตฺวา สํเวคชาตา สตฺถริ ปสนฺนมานสาว หุตฺวา ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา อญฺชลิํ กตฺวา นมสฺสมานา พุทฺธคตาย ปีติยา เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา อฎฺฐาสิฯ ภควา ‘‘อลเมตฺตกเมติสฺสา สคฺคูปปตฺติยา’’ติ นครํ ปาวิสิ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนฯ อถ นํ เอกา ภนฺตา คาวี ตรุณวจฺฉา ตโต เอว อภิธาวนฺตี สิเงฺคน ปหริตฺวา ชีวิตา โวโรเปสิฯ ตํ สพฺพํ ทเสฺสตุํ สงฺคีติการา –

    Iti thero gāthādvayena bhagavato guṇe pakittento attano ānubhāve ṭhatvā tassā ca khīṇāyukatāvibhāvanena saṃvejento satthu vandanāya niyojesi. Sā ca taṃ sutvā saṃvegajātā satthari pasannamānasāva hutvā pañcapatiṭṭhitena vanditvā añjaliṃ katvā namassamānā buddhagatāya pītiyā ekaggacittā hutvā aṭṭhāsi. Bhagavā ‘‘alamettakametissā saggūpapattiyā’’ti nagaraṃ pāvisi saddhiṃ bhikkhusaṅghena. Atha naṃ ekā bhantā gāvī taruṇavacchā tato eva abhidhāvantī siṅgena paharitvā jīvitā voropesi. Taṃ sabbaṃ dassetuṃ saṅgītikārā –

    ๑๙๗.

    197.

    ‘‘โจทิตา ภาวิตเตฺตน, สรีรนฺติมธารินา;

    ‘‘Coditā bhāvitattena, sarīrantimadhārinā;

    จณฺฑาลี วนฺทิ ปาทานิ, โคตมสฺส ยสสฺสิโนฯ

    Caṇḍālī vandi pādāni, gotamassa yasassino.

    ๑๙๘.

    198.

    ‘‘ตเมนํ อวธี คาวี, จณฺฑาลิํ ปญฺชลิํ ฐิตํ;

    ‘‘Tamenaṃ avadhī gāvī, caṇḍāliṃ pañjaliṃ ṭhitaṃ;

    นมสฺสมานํ สมฺพุทฺธํ, อนฺธกาเร ปภงฺกร’’นฺติฯ – คาถาทฺวยมาหํสุ;

    Namassamānaṃ sambuddhaṃ, andhakāre pabhaṅkara’’nti. – gāthādvayamāhaṃsu;

    ๑๙๘. ตตฺถ ปญฺชลิํ ฐิตํ นมสฺสมานํ สมฺพุทฺธนฺติ คเตปิ ภควติ พุทฺธารมฺมณาย ปีติยา สมาหิตา หุตฺวา สมฺมุขา วิย อญฺชลิํ ปคฺคยฺห นมสฺสมานํ ฐิตํฯ อนฺธกาเรติ อวิชฺชนฺธกาเรน สกเลน กิเลสนฺธกาเรน จ อนฺธกาเร โลเกฯ ปภงฺกรนฺติ ญาโณภาสกรํฯ

    198. Tattha pañjaliṃ ṭhitaṃ namassamānaṃ sambuddhanti gatepi bhagavati buddhārammaṇāya pītiyā samāhitā hutvā sammukhā viya añjaliṃ paggayha namassamānaṃ ṭhitaṃ. Andhakāreti avijjandhakārena sakalena kilesandhakārena ca andhakāre loke. Pabhaṅkaranti ñāṇobhāsakaraṃ.

    สา จ ตโต จุตา ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺติ, อจฺฉรานํ สตสหสฺสํ จสฺสา ปริวาโร อโหสิฯ ตทเหว จ สา สห วิมาเนน อาคนฺตฺวา วิมานโต โอตริตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิฯ ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ –

    Sā ca tato cutā tāvatiṃsesu nibbatti, accharānaṃ satasahassaṃ cassā parivāro ahosi. Tadaheva ca sā saha vimānena āgantvā vimānato otaritvā āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ upasaṅkamitvā vandi. Tamatthaṃ dassetuṃ –

    ๑๙๙.

    199.

    ‘‘ขีณาสวํ วิคตรชํ อเนชํ, เอกํ อรญฺญมฺหิ รโห นิสินฺนํ;

    ‘‘Khīṇāsavaṃ vigatarajaṃ anejaṃ, ekaṃ araññamhi raho nisinnaṃ;

    เทวิทฺธิปตฺตา อุปสงฺกมิตฺวา, วนฺทามิ ตํ วีร มหานุภาว’’นฺติฯ –

    Deviddhipattā upasaṅkamitvā, vandāmi taṃ vīra mahānubhāva’’nti. –

    เทวตา อาหฯ ตํ เถโร ปุจฺฉิ –

    Devatā āha. Taṃ thero pucchi –

    ๒๐๐.

    200.

    ‘‘สุวณฺณวณฺณา ชลิตา มหายสา, วิมานโมรุยฺห อเนกจิตฺตา;

    ‘‘Suvaṇṇavaṇṇā jalitā mahāyasā, vimānamoruyha anekacittā;

    ปริวาริตา อจฺฉราสงฺคเณน, กา ตฺวํ สุเภ เทวเต วนฺทเส มม’’นฺติฯ

    Parivāritā accharāsaṅgaṇena, kā tvaṃ subhe devate vandase mama’’nti.

    ๒๐๐. ตตฺถ ชลิตาติ อตฺตโน สรีรปฺปภาย วตฺถาภรณาทีนํ โอภาเสน จ ชลนฺตี โชเตนฺตี ฯ มหายสาติ มหาปริวาราฯ วิมานโมรุยฺหาติ วิมานโต โอรุยฺหฯ อเนกจิตฺตาติ อเนกวิธจิตฺตตายุตฺตาฯ สุเภติ สุภคุเณฯ มมนฺติ มํฯ

    200. Tattha jalitāti attano sarīrappabhāya vatthābharaṇādīnaṃ obhāsena ca jalantī jotentī . Mahāyasāti mahāparivārā. Vimānamoruyhāti vimānato oruyha. Anekacittāti anekavidhacittatāyuttā. Subheti subhaguṇe. Mamanti maṃ.

    เอวํ เถเรน ปุจฺฉิตา ปุน สา –

    Evaṃ therena pucchitā puna sā –

    ๒๐๑.

    201.

    ‘‘อหํ ภทฺทเนฺต จณฺฑาลี, ตยา วีเรน เปสิตา;

    ‘‘Ahaṃ bhaddante caṇḍālī, tayā vīrena pesitā;

    วนฺทิํ อรหโต ปาเท, โคตมสฺส ยสสฺสิโนฯ

    Vandiṃ arahato pāde, gotamassa yasassino.

    ๒๐๒.

    202.

    ‘‘สาหํ วนฺทิตฺวา ปาทานิ, จุตา จณฺฑาลโยนิยา;

    ‘‘Sāhaṃ vanditvā pādāni, cutā caṇḍālayoniyā;

    วิมานํ สพฺพโต ภทฺทํ, อุปปนฺนมฺหิ นนฺทเนฯ

    Vimānaṃ sabbato bhaddaṃ, upapannamhi nandane.

    ๒๐๓.

    203.

    ‘‘อจฺฉรานํ สตสหสฺสํ, ปุรกฺขตฺวาน ติฎฺฐติ;

    ‘‘Accharānaṃ satasahassaṃ, purakkhatvāna tiṭṭhati;

    ตาสาหํ ปวรา เสฎฺฐา, วเณฺณน ยสสายุนาฯ

    Tāsāhaṃ pavarā seṭṭhā, vaṇṇena yasasāyunā.

    ๒๐๔.

    204.

    ‘‘ปหูตกตกลฺยาณา , สมฺปชานา ปฎิสฺสตา;

    ‘‘Pahūtakatakalyāṇā , sampajānā paṭissatā;

    มุนิํ การุณิกํ โลเก, ตํ ภเนฺต วนฺทิตุมาคตา’’ติฯ –

    Muniṃ kāruṇikaṃ loke, taṃ bhante vanditumāgatā’’ti. –

    จตโสฺส คาถาโย อาหฯ

    Catasso gāthāyo āha.

    ๒๐๑-๔. ตตฺถ เปสิตาติ ‘‘จณฺฑาลิ, วนฺท ปาทานี’’ติอาทินา วนฺทนาย อุโยฺยชิตาฯ ยทิปิ ตํ วนฺทนามยํ ปุญฺญํ ปวตฺติกฺขณวเสน ปริตฺตํ, เขตฺตมหนฺตตาย ปน ผลมหนฺตตาย จ อติวิย มหนฺตเมวาติ อาห ‘‘ปหูตกตกลฺยาณา’’ติฯ ตถา พุทฺธารมฺมณาย ปีติยา ปวตฺติกฺขเณ ปญฺญาย สติยา จ วิสทภาวํ สนฺธายาห ‘‘สมฺปชานา ปฎิสฺสตา’’ติฯ ปุน –

    201-4. Tattha pesitāti ‘‘caṇḍāli, vanda pādānī’’tiādinā vandanāya uyyojitā. Yadipi taṃ vandanāmayaṃ puññaṃ pavattikkhaṇavasena parittaṃ, khettamahantatāya pana phalamahantatāya ca ativiya mahantamevāti āha ‘‘pahūtakatakalyāṇā’’ti. Tathā buddhārammaṇāya pītiyā pavattikkhaṇe paññāya satiyā ca visadabhāvaṃ sandhāyāha ‘‘sampajānā paṭissatā’’ti. Puna –

    ๒๐๕.

    205.

    ‘‘อิทํ วตฺวาน จณฺฑาลี, กตญฺญู กตเวทินี;

    ‘‘Idaṃ vatvāna caṇḍālī, kataññū katavedinī;

    วนฺทิตฺวา อรหโต ปาเท, ตเตฺถวนฺตรธายถา’’ติฯ –

    Vanditvā arahato pāde, tatthevantaradhāyathā’’ti. –

    คาถา สงฺคีติกาเรหิ ฐปิตาฯ

    Gāthā saṅgītikārehi ṭhapitā.

    ๒๐๕. ตตฺถ จณฺฑาลีติ จณฺฑาลีภูตปุพฺพาติ กตฺวา วุตฺตํ, เทวโลเก จ อิทมาจิณฺณํ, ยํ มนุสฺสโลเก นิรุฬฺหสมญฺญาย โวหาโรฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    205. Tattha caṇḍālīti caṇḍālībhūtapubbāti katvā vuttaṃ, devaloke ca idamāciṇṇaṃ, yaṃ manussaloke niruḷhasamaññāya vohāro. Sesaṃ vuttanayameva.

    อายสฺมา ปน มหาโมคฺคลฺลาโน อิมํ ปวตฺติํ ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ

    Āyasmā pana mahāmoggallāno imaṃ pavattiṃ bhagavato ārocesi. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi, sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.

    จณฺฑาลิวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Caṇḍālivimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๔. จณฺฑาลิวิมานวตฺถุ • 4. Caṇḍālivimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact