Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๕. จงฺกมสุตฺตวณฺณนา
5. Caṅkamasuttavaṇṇanā
๙๙. ปญฺจเม ปสฺสถ โนติ ปสฺสถ นุฯ สเพฺพ โข เอเตติ สาริปุตฺตเตฺถโร ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ มหาปญฺญานํ ยทิทํ สาริปุโตฺต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๙) มหาปเญฺญสุ เอตทเคฺค ฐปิโตฯ อิติ นํ ‘‘ขนฺธนฺตรํ ธาตฺวนฺตรํ อายตนนฺตรํ สติปฎฺฐานโพธิปกฺขิยธมฺมนฺตรํ ติลกฺขณาหตํ คมฺภีรํ ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ มหาปญฺญาว ปริวาเรนฺติฯ โสปิ เตสํ ปถวิํ ปตฺถเรโนฺต วิย สิเนรุปาทโต วาลิกํ อุทฺธรโนฺต วิย จกฺกวาฬปพฺพตํ ภินฺทโนฺต วิย สิเนรุํ อุกฺขิปโนฺต วิย อากาสํ วิตฺถาเรโนฺต วิย จนฺทิมสูริเย อุฎฺฐาเปโนฺต วิย จ ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ กเถติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สเพฺพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มหาปญฺญา’’ติฯ
99. Pañcame passatha noti passatha nu. Sabbe kho eteti sāriputtatthero bhagavatā ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ mahāpaññānaṃ yadidaṃ sāriputto’’ti (a. ni. 1.189) mahāpaññesu etadagge ṭhapito. Iti naṃ ‘‘khandhantaraṃ dhātvantaraṃ āyatanantaraṃ satipaṭṭhānabodhipakkhiyadhammantaraṃ tilakkhaṇāhataṃ gambhīraṃ pañhaṃ pucchissāmā’’ti mahāpaññāva parivārenti. Sopi tesaṃ pathaviṃ pattharento viya sinerupādato vālikaṃ uddharanto viya cakkavāḷapabbataṃ bhindanto viya sineruṃ ukkhipanto viya ākāsaṃ vitthārento viya candimasūriye uṭṭhāpento viya ca pucchitapucchitaṃ katheti. Tena vuttaṃ ‘‘sabbe kho ete, bhikkhave, bhikkhū mahāpaññā’’ti.
มหาโมคฺคลฺลาโนปิ ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ อิทฺธิมเนฺตสุ เอตทเคฺค ฐปิโตฯ อิติ นํ ‘‘ปริกมฺมํ อานิสํสํ อธิฎฺฐานํ วิกุพฺพนํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ อิทฺธิมโนฺตว ปริวาเรนฺติฯ โสปิ เตสํ วุตฺตนเยเนว ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ กเถติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สเพฺพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มหิทฺธิกา’’ติฯ
Mahāmoggallānopi bhagavatā ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ iddhimantānaṃ yadidaṃ mahāmoggallāno’’ti iddhimantesu etadagge ṭhapito. Iti naṃ ‘‘parikammaṃ ānisaṃsaṃ adhiṭṭhānaṃ vikubbanaṃ pucchissāmā’’ti iddhimantova parivārenti. Sopi tesaṃ vuttanayeneva pucchitapucchitaṃ katheti. Tena vuttaṃ ‘‘sabbe kho ete, bhikkhave, bhikkhū mahiddhikā’’ti.
มหากสฺสโปปิ ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธุตวาทานํ ยทิทํ มหากสฺสโป’’ติ ธุตวาเทสุ เอตทเคฺค ฐปิโตฯ อิติ นํ ‘‘ธุตงฺคปริหารํ อานิสํสํ สโมธานํ อธิฎฺฐานํ เภทํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ ธุตวาทาว ปริวาเรนฺติฯ โสปิ เตสํ ตเถว ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ พฺยากโรติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สเพฺพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ธุตวาทา’’ติฯ
Mahākassapopi bhagavatā ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ dhutavādānaṃ yadidaṃ mahākassapo’’ti dhutavādesu etadagge ṭhapito. Iti naṃ ‘‘dhutaṅgaparihāraṃ ānisaṃsaṃ samodhānaṃ adhiṭṭhānaṃ bhedaṃ pucchissāmā’’ti dhutavādāva parivārenti. Sopi tesaṃ tatheva pucchitapucchitaṃ byākaroti. Tena vuttaṃ ‘‘sabbe kho ete, bhikkhave, bhikkhū dhutavādā’’ti.
อนุรุทฺธเตฺถโรปิ ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ทิพฺพจกฺขุกานํ ยทิทํ อนุรุโทฺธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๒) ทิพฺพจกฺขุเกสุ เอตทเคฺค ฐปิโตฯ อิติ นํ ‘‘ทิพฺพจกฺขุสฺส ปริกมฺมํ อานิสํสํ อุปกฺกิเลสํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ ทิพฺพจกฺขุกาว ปริวาเรนฺติฯ โสปิ เตสํ ตเถว ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ กเถติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สเพฺพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ทิพฺพจกฺขุกา’’ติฯ
Anuruddhattheropi bhagavatā ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ dibbacakkhukānaṃ yadidaṃ anuruddho’’ti (a. ni. 1.192) dibbacakkhukesu etadagge ṭhapito. Iti naṃ ‘‘dibbacakkhussa parikammaṃ ānisaṃsaṃ upakkilesaṃ pucchissāmā’’ti dibbacakkhukāva parivārenti. Sopi tesaṃ tatheva pucchitapucchitaṃ katheti. Tena vuttaṃ ‘‘sabbe kho ete, bhikkhave, bhikkhū dibbacakkhukā’’ti.
ปุณฺณเตฺถโรปิ ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมกถิกานํ ยทิทํ ปุโณฺณ มนฺตาณิปุโตฺต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๖) ธมฺมกถิเกสุ เอตทเคฺค ฐปิโตฯ อิติ นํ ‘‘ธมฺมกถาย สเงฺขปวิตฺถารคมฺภีรุตฺตานวิจิตฺรกถาทีสุ ตํ ตํ อาการํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ ธมฺมกถิกาว ปริวาเรนฺติฯ โสปิ เตสํ ‘‘อาวุโส, ธมฺมกถิเกน นาม อาทิโต ปริสํ วเณฺณตุํ วฎฺฎติ, มเชฺฌ สุญฺญตํ ปกาเสตุํ, อเนฺต จตุสจฺจวเสน กูฎํ คณฺหิตุ’’นฺติ เอวํ ตํ ตํ ธมฺมกถานยํ อาจิกฺขติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สเพฺพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ธมฺมกถิกา’’ติฯ
Puṇṇattheropi bhagavatā ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ dhammakathikānaṃ yadidaṃ puṇṇo mantāṇiputto’’ti (a. ni. 1.196) dhammakathikesu etadagge ṭhapito. Iti naṃ ‘‘dhammakathāya saṅkhepavitthāragambhīruttānavicitrakathādīsu taṃ taṃ ākāraṃ pucchissāmā’’ti dhammakathikāva parivārenti. Sopi tesaṃ ‘‘āvuso, dhammakathikena nāma ādito parisaṃ vaṇṇetuṃ vaṭṭati, majjhe suññataṃ pakāsetuṃ, ante catusaccavasena kūṭaṃ gaṇhitu’’nti evaṃ taṃ taṃ dhammakathānayaṃ ācikkhati. Tena vuttaṃ ‘‘sabbe kho ete, bhikkhave, bhikkhū dhammakathikā’’ti.
อุปาลิเตฺถโรปิ ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ วินยธรานํ ยทิทํ อุปาลี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๒๘) วินยธเรสุ เอตทเคฺค ฐปิโตฯ อิติ นํ ‘‘ครุกลหุกํ สเตกิจฺฉอเตกิจฺฉํ อาปตฺตานาปตฺติํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ วินยธราว ปริวาเรนฺติฯ โสปิ เตสํ ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ ตเถว กเถติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สเพฺพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู วินยธรา’’ติฯ
Upālittheropi bhagavatā ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ vinayadharānaṃ yadidaṃ upālī’’ti (a. ni. 1.228) vinayadharesu etadagge ṭhapito. Iti naṃ ‘‘garukalahukaṃ satekicchaatekicchaṃ āpattānāpattiṃ pucchissāmā’’ti vinayadharāva parivārenti. Sopi tesaṃ pucchitapucchitaṃ tatheva katheti. Tena vuttaṃ ‘‘sabbe kho ete, bhikkhave, bhikkhū vinayadharā’’ti.
อานนฺทเตฺถโรปิ ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานโนฺท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๒๓) พหุสฺสุเตสุ เอตทเคฺค ฐปิโตฯ อิติ นํ ‘‘ทสวิธํ พฺยญฺชนพุทฺธิํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ อนุสนฺธิํ ปุพฺพาปรํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ พหุสฺสุตาว ปริวาเรนฺติฯ โสปิ เตสํ ‘‘อิทํ เอวํ วตฺตพฺพํ, อิทํ เอวํ คเหตพฺพ’’นฺติ สพฺพํ กเถติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สเพฺพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู พหุสฺสุตา’’ติฯ
Ānandattheropi bhagavatā ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ bahussutānaṃ yadidaṃ ānando’’ti (a. ni. 1.223) bahussutesu etadagge ṭhapito. Iti naṃ ‘‘dasavidhaṃ byañjanabuddhiṃ aṭṭhuppattiṃ anusandhiṃ pubbāparaṃ pucchissāmā’’ti bahussutāva parivārenti. Sopi tesaṃ ‘‘idaṃ evaṃ vattabbaṃ, idaṃ evaṃ gahetabba’’nti sabbaṃ katheti. Tena vuttaṃ ‘‘sabbe kho ete, bhikkhave, bhikkhū bahussutā’’ti.
เทวทโตฺต ปน ปาปิโจฺฉ อิจฺฉาปกโต, เตน นํ ‘‘กุลสงฺคณฺหนปริหารํ นานปฺปการกํ โกหญฺญตํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ ปาปิจฺฉาว ปริวาเรนฺติฯ โสปิ เตสํ ตํ ตํ นิยามํ อาจิกฺขติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สเพฺพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ปาปิจฺฉา’’ติฯ
Devadatto pana pāpiccho icchāpakato, tena naṃ ‘‘kulasaṅgaṇhanaparihāraṃ nānappakārakaṃ kohaññataṃ pucchissāmā’’ti pāpicchāva parivārenti. Sopi tesaṃ taṃ taṃ niyāmaṃ ācikkhati. Tena vuttaṃ ‘‘sabbe kho ete, bhikkhave, bhikkhū pāpicchā’’ti.
กสฺมา ปเนเต อวิทูเร จงฺกมิํสูติฯ ‘‘เทวทโตฺต สตฺถริ ปทุฎฺฐจิโตฺต อนตฺถมฺปิ กาตุํ อุปกฺกเมยฺยา’’ติ อารกฺขคฺคหณตฺถํฯ อถ เทวทโตฺต กสฺมา จงฺกมีติ? ‘‘อการโก อยํ, ยทิ การโก ภเวยฺย, น อิธ อาคเจฺฉยฺยา’’ติ อตฺตโน กตโทสปฎิจฺฉาทนตฺถํฯ กิํ ปน เทวทโตฺต ภควโต อนตฺถํ กาตุํ สมโตฺถ, ภควโต วา อารกฺขกิจฺจํ อตฺถีติ? นตฺถิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อฎฺฐานเมตํ, อานนฺท, อนวกาโส, ยํ ตถาคโต ปรูปกฺกเมน ปรินิพฺพาเยยฺยา’’ติ (จูฬว. ๓๔๑)ฯ ภิกฺขู ปน สตฺถริ คารเวน อาคตาฯ เตเนว ภควา เอวํ วตฺวา ‘‘วิสฺสเชฺชหิ, อานนฺท, ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติ วิสฺสชฺชาเปสิฯ ปญฺจมํฯ
Kasmā panete avidūre caṅkamiṃsūti. ‘‘Devadatto satthari paduṭṭhacitto anatthampi kātuṃ upakkameyyā’’ti ārakkhaggahaṇatthaṃ. Atha devadatto kasmā caṅkamīti? ‘‘Akārako ayaṃ, yadi kārako bhaveyya, na idha āgaccheyyā’’ti attano katadosapaṭicchādanatthaṃ. Kiṃ pana devadatto bhagavato anatthaṃ kātuṃ samattho, bhagavato vā ārakkhakiccaṃ atthīti? Natthi. Tena vuttaṃ ‘‘aṭṭhānametaṃ, ānanda, anavakāso, yaṃ tathāgato parūpakkamena parinibbāyeyyā’’ti (cūḷava. 341). Bhikkhū pana satthari gāravena āgatā. Teneva bhagavā evaṃ vatvā ‘‘vissajjehi, ānanda, bhikkhusaṅgha’’nti vissajjāpesi. Pañcamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๕. จงฺกมสุตฺตํ • 5. Caṅkamasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๕. จงฺกมสุตฺตวณฺณนา • 5. Caṅkamasuttavaṇṇanā