Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๕. จงฺกีสุตฺตํ

    5. Caṅkīsuttaṃ

    ๔๒๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน โอปาสาทํ นาม โกสลานํ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา โอปาสาเท วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเนฯ เตน โข ปน สมเยน จงฺกี พฺราหฺมโณ โอปาสาทํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกโฎฺฐทกํ สธญฺญํ ราชโภคฺคํ รญฺญา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํฯ อโสฺสสุํ โข โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ โอปาสาทํ อนุปฺปโตฺต, โอปาสาเท วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเนฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติฯ

    422. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena opāsādaṃ nāma kosalānaṃ brāhmaṇagāmo tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā opāsāde viharati uttarena opāsādaṃ devavane sālavane. Tena kho pana samayena caṅkī brāhmaṇo opāsādaṃ ajjhāvasati sattussadaṃ satiṇakaṭṭhodakaṃ sadhaññaṃ rājabhoggaṃ raññā pasenadinā kosalena dinnaṃ rājadāyaṃ brahmadeyyaṃ. Assosuṃ kho opāsādakā brāhmaṇagahapatikā – ‘‘samaṇo khalu, bho, gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ opāsādaṃ anuppatto, opāsāde viharati uttarena opāsādaṃ devavane sālavane. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti. So imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti. So dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti.

    ๔๒๓. อถ โข โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา โอปาสาทา นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูตา อุตฺตเรนมุขา คจฺฉนฺติ เยน เทววนํ สาลวนํฯ เตน โข ปน สมเยน จงฺกี พฺราหฺมโณ อุปริปาสาเท ทิวาเสยฺยํ อุปคโตฯ อทฺทสา โข จงฺกี พฺราหฺมโณ โอปาสาทเก พฺราหฺมณคหปติเก โอปาสาทา นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูเต อุตฺตเรน มุขํ เยน เทววนํ สาลวนํ เตนุปสงฺกมเนฺตฯ ทิสฺวา ขตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘กิํ นุ โข, โภ ขเตฺต, โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา โอปาสาทา นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูตา อุตฺตเรนมุขา คจฺฉนฺติ เยน เทววนํ สาลวน’’นฺติ? ‘‘อตฺถิ, โภ จงฺกี, สมโณ โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ โอปาสาทํ อนุปฺปโตฺต, โอปาสาเท วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเนฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ ตเมเต ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย คจฺฉนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, โภ ขเตฺต, เยน โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา โอปาสาทเก พฺราหฺมณคหปติเก เอวํ วเทหิ – ‘จงฺกี, โภ, พฺราหฺมโณ เอวมาห – อาคเมนฺตุ กิร โภโนฺต, จงฺกีปิ พฺราหฺมโณ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข โส ขโตฺต จงฺกิสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โอปาสาทเก พฺราหฺมณคหปติเก เอตทโวจ – ‘‘จงฺกี, โภ, พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อาคเมนฺตุ กิร โภโนฺต, จงฺกีปิ พฺราหฺมโณ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติฯ

    423. Atha kho opāsādakā brāhmaṇagahapatikā opāsādā nikkhamitvā saṅghasaṅghī gaṇībhūtā uttarenamukhā gacchanti yena devavanaṃ sālavanaṃ. Tena kho pana samayena caṅkī brāhmaṇo uparipāsāde divāseyyaṃ upagato. Addasā kho caṅkī brāhmaṇo opāsādake brāhmaṇagahapatike opāsādā nikkhamitvā saṅghasaṅghī gaṇībhūte uttarena mukhaṃ yena devavanaṃ sālavanaṃ tenupasaṅkamante. Disvā khattaṃ āmantesi – ‘‘kiṃ nu kho, bho khatte, opāsādakā brāhmaṇagahapatikā opāsādā nikkhamitvā saṅghasaṅghī gaṇībhūtā uttarenamukhā gacchanti yena devavanaṃ sālavana’’nti? ‘‘Atthi, bho caṅkī, samaṇo gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ opāsādaṃ anuppatto, opāsāde viharati uttarena opāsādaṃ devavane sālavane. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti. Tamete bhavantaṃ gotamaṃ dassanāya gacchantī’’ti. ‘‘Tena hi, bho khatte, yena opāsādakā brāhmaṇagahapatikā tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā opāsādake brāhmaṇagahapatike evaṃ vadehi – ‘caṅkī, bho, brāhmaṇo evamāha – āgamentu kira bhonto, caṅkīpi brāhmaṇo samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho so khatto caṅkissa brāhmaṇassa paṭissutvā yena opāsādakā brāhmaṇagahapatikā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā opāsādake brāhmaṇagahapatike etadavoca – ‘‘caṅkī, bho, brāhmaṇo evamāha – ‘āgamentu kira bhonto, caṅkīpi brāhmaṇo samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’’’ti.

    ๔๒๔. เตน โข ปน สมเยน นานาเวรชฺชกานํ พฺราหฺมณานํ ปญฺจมตฺตานิ พฺราหฺมณสตานิ โอปาสาเท ปฎิวสนฺติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ อโสฺสสุํ โข เต พฺราหฺมณา – ‘‘จงฺกี กิร พฺราหฺมโณ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติฯ อถ โข เต พฺราหฺมณา เยน จงฺกี พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา จงฺกิํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจุํ – ‘‘สจฺจํ กิร ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติ? ‘‘เอวํ โข เม, โภ, โหติ – ‘อหํ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสามี’’’ติฯ ‘‘มา ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิฯ น อรหติ ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; สมโณเตฺวว โคตโม อรหติ ภวนฺตํ จงฺกิํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ ภวญฺหิ จงฺกี อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทนฯ ยมฺปิ ภวํ จงฺกี อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทน, อิมินาปเงฺคน น อรหติ ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; สมโณเตฺวว โคตโม อรหติ ภวนฺตํ จงฺกิํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ ภวญฺหิ จงฺกี อโฑฺฒ มหทฺธโน มหาโภโค…เป.… ภวญฺหิ จงฺกี ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฎุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย…เป.… ภวญฺหิ จงฺกี อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต พฺรหฺมวณฺณี พฺรหฺมวจฺฉสี 1 อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนาย…เป.… ภวญฺหิ จงฺกี สีลวา วุทฺธสีลี วุทฺธสีเลน สมนฺนาคโต…เป.… ภวญฺหิ จงฺกี กลฺยาณวาโจ กลฺยาณวากฺกรโณ โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต วิสฺสฎฺฐาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิญฺญาปนิยา…เป.… ภวญฺหิ จงฺกี พหูนํ อาจริยปาจริโย, ตีณิ มาณวกสตานิ มเนฺต วาเจติ…เป.… ภวญฺหิ จงฺกี รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต…เป.… ภวญฺหิ จงฺกี พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต…เป.… ภวญฺหิ จงฺกี โอปาสาทํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกโฎฺฐทกํ สธญฺญํ ราชโภคฺคํ รญฺญา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํฯ ยมฺปิ ภวํ จงฺกี โอปาสาทํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกโฎฺฐทกํ สธญฺญํ ราชโภคฺคํ รญฺญา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํ, อิมินาปเงฺคน น อรหติ ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; สมโณเตฺวว โคตโม อรหติ ภวนฺตํ จงฺกิํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุ’’นฺติฯ

    424. Tena kho pana samayena nānāverajjakānaṃ brāhmaṇānaṃ pañcamattāni brāhmaṇasatāni opāsāde paṭivasanti kenacideva karaṇīyena. Assosuṃ kho te brāhmaṇā – ‘‘caṅkī kira brāhmaṇo samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’’ti. Atha kho te brāhmaṇā yena caṅkī brāhmaṇo tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā caṅkiṃ brāhmaṇaṃ etadavocuṃ – ‘‘saccaṃ kira bhavaṃ caṅkī samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’’ti? ‘‘Evaṃ kho me, bho, hoti – ‘ahaṃ samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissāmī’’’ti. ‘‘Mā bhavaṃ caṅkī samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkami. Na arahati bhavaṃ caṅkī samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ; samaṇotveva gotamo arahati bhavantaṃ caṅkiṃ dassanāya upasaṅkamituṃ. Bhavañhi caṅkī ubhato sujāto mātito ca pitito ca saṃsuddhagahaṇiko yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena. Yampi bhavaṃ caṅkī ubhato sujāto mātito ca pitito ca saṃsuddhagahaṇiko yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena, imināpaṅgena na arahati bhavaṃ caṅkī samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ; samaṇotveva gotamo arahati bhavantaṃ caṅkiṃ dassanāya upasaṅkamituṃ. Bhavañhi caṅkī aḍḍho mahaddhano mahābhogo…pe… bhavañhi caṅkī tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū sanighaṇḍukeṭubhānaṃ sākkharappabhedānaṃ itihāsapañcamānaṃ, padako, veyyākaraṇo, lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anavayo…pe… bhavañhi caṅkī abhirūpo dassanīyo pāsādiko paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgato brahmavaṇṇī brahmavacchasī 2 akhuddāvakāso dassanāya…pe… bhavañhi caṅkī sīlavā vuddhasīlī vuddhasīlena samannāgato…pe… bhavañhi caṅkī kalyāṇavāco kalyāṇavākkaraṇo poriyā vācāya samannāgato vissaṭṭhāya anelagalāya atthassa viññāpaniyā…pe… bhavañhi caṅkī bahūnaṃ ācariyapācariyo, tīṇi māṇavakasatāni mante vāceti…pe… bhavañhi caṅkī rañño pasenadissa kosalassa sakkato garukato mānito pūjito apacito…pe… bhavañhi caṅkī brāhmaṇassa pokkharasātissa sakkato garukato mānito pūjito apacito…pe… bhavañhi caṅkī opāsādaṃ ajjhāvasati sattussadaṃ satiṇakaṭṭhodakaṃ sadhaññaṃ rājabhoggaṃ raññā pasenadinā kosalena dinnaṃ rājadāyaṃ brahmadeyyaṃ. Yampi bhavaṃ caṅkī opāsādaṃ ajjhāvasati sattussadaṃ satiṇakaṭṭhodakaṃ sadhaññaṃ rājabhoggaṃ raññā pasenadinā kosalena dinnaṃ rājadāyaṃ brahmadeyyaṃ, imināpaṅgena na arahati bhavaṃ caṅkī samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ; samaṇotveva gotamo arahati bhavantaṃ caṅkiṃ dassanāya upasaṅkamitu’’nti.

    ๔๒๕. เอวํ วุเตฺต, จงฺกี พฺราหฺมโณ เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, โภ, มมปิ สุณาถ, ยถา มยเมว อรหาม ตํ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; นเตฺวว อรหติ โส ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทนฯ ยมฺปิ, โภ, สมโณ โคตโม อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทน, อิมินาปเงฺคน น อรหติ โส ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; อถ โข มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ 3ฯ สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ปหูตํ หิรญฺญสุวณฺณํ โอหาย ปพฺพชิโต ภูมิคตญฺจ เวหาสฎฺฐญฺจ…เป.… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ทหโรว สมาโน ยุวา สุสุกาฬเกโส ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปฐเมน วยสา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต…เป.… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อกามกานํ มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ รุทนฺตานํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต…เป.… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต พฺรหฺมวณฺณี พฺรหฺมวจฺฉสี อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนาย…เป.… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สีลวา อริยสีลี กุสลสีลี กุสเลน สีเลน สมนฺนาคโต…เป.… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม กลฺยาณวาโจ กลฺยาณวากฺกรโณ โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต วิสฺสฎฺฐาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิญฺญาปนิยา…เป.… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม พหูนํ อาจริยปาจริโย…เป.… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ขีณกามราโค วิคตจาปโลฺล…เป.… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม กมฺมวาที กิริยวาที อปาปปุเรกฺขาโร พฺรหฺมญฺญาย ปชาย…เป.… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อุจฺจา กุลา ปพฺพชิโต อสมฺภินฺนา ขตฺติยกุลา…เป.… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อฑฺฒา กุลา ปพฺพชิโต มหทฺธนา มหาโภคา…เป.… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ ติโรรฎฺฐา ติโรชนปทา สํปุจฺฉิตุํ อาคจฺฉนฺติ…เป.… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ อเนกานิ เทวตาสหสฺสานิ ปาเณหิ สรณํ คตานิ…เป.… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติ…เป.… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต…เป.… 4 สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สปุตฺตทาโร ปาเณหิ สรณํ คโต…เป.… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ ราชา ปเสนทิ โกสโล สปุตฺตทาโร ปาเณหิ สรณํ คโต…เป.… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ สปุตฺตทาโร ปาเณหิ สรณํ คโต…เป.… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม โอปาสาทํ อนุปฺปโตฺต โอปาสาเท วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเนฯ เย โข เต สมณา วา พฺราหฺมณา วา อมฺหากํ คามเกฺขตฺตํ อาคจฺฉนฺติ, อติถี โน เต โหนฺติฯ อติถี โข ปนเมฺหหิ สกฺกาตพฺพา ครุกาตพฺพา มาเนตพฺพา ปูเชตพฺพาฯ ยมฺปิ สมโณ โคตโม โอปาสาทํ อนุปฺปโตฺต โอปาสาเท วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเน, อติถิมฺหากํ สมโณ โคตโมฯ อติถิ โข ปนเมฺหหิ สกฺกาตโพฺพ ครุกาตโพฺพ มาเนตโพฺพ ปูเชตโพฺพฯ อิมินาปเงฺคน น อรหติ โส ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; อถ โข มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ เอตฺตเก โข อหํ, โภ, ตสฺส โภโต โคตมสฺส วเณฺณ ปริยาปุณามิ, โน จ โข โส ภวํ โคตโม เอตฺตกวโณฺณ; อปริมาณวโณฺณ หิ โส ภวํ โคตโมฯ เอกเมเกนปิ เตน 5 อเงฺคน สมนฺนาคโต น อรหติ, โส, ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; อถ โข มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุนฺติฯ เตน หิ, โภ, สเพฺพว มยํ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ

    425. Evaṃ vutte, caṅkī brāhmaṇo te brāhmaṇe etadavoca – ‘‘tena hi, bho, mamapi suṇātha, yathā mayameva arahāma taṃ samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ; natveva arahati so bhavaṃ gotamo amhākaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ. Samaṇo khalu, bho, gotamo ubhato sujāto mātito ca pitito ca saṃsuddhagahaṇiko yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena. Yampi, bho, samaṇo gotamo ubhato sujāto mātito ca pitito ca saṃsuddhagahaṇiko yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādena, imināpaṅgena na arahati so bhavaṃ gotamo amhākaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ; atha kho mayameva arahāma taṃ bhavantaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ 6. Samaṇo khalu, bho, gotamo pahūtaṃ hiraññasuvaṇṇaṃ ohāya pabbajito bhūmigatañca vehāsaṭṭhañca…pe… samaṇo khalu, bho, gotamo daharova samāno yuvā susukāḷakeso bhadrena yobbanena samannāgato paṭhamena vayasā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito…pe… samaṇo khalu, bho, gotamo akāmakānaṃ mātāpitūnaṃ assumukhānaṃ rudantānaṃ kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito…pe… samaṇo khalu, bho, gotamo abhirūpo dassanīyo pāsādiko paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgato brahmavaṇṇī brahmavacchasī akhuddāvakāso dassanāya…pe… samaṇo khalu, bho, gotamo sīlavā ariyasīlī kusalasīlī kusalena sīlena samannāgato…pe… samaṇo khalu, bho, gotamo kalyāṇavāco kalyāṇavākkaraṇo poriyā vācāya samannāgato vissaṭṭhāya anelagalāya atthassa viññāpaniyā…pe… samaṇo khalu, bho, gotamo bahūnaṃ ācariyapācariyo…pe… samaṇo khalu, bho, gotamo khīṇakāmarāgo vigatacāpallo…pe… samaṇo khalu, bho, gotamo kammavādī kiriyavādī apāpapurekkhāro brahmaññāya pajāya…pe… samaṇo khalu, bho, gotamo uccā kulā pabbajito asambhinnā khattiyakulā…pe… samaṇo khalu, bho, gotamo aḍḍhā kulā pabbajito mahaddhanā mahābhogā…pe… samaṇaṃ khalu, bho, gotamaṃ tiroraṭṭhā tirojanapadā saṃpucchituṃ āgacchanti…pe… samaṇaṃ khalu, bho, gotamaṃ anekāni devatāsahassāni pāṇehi saraṇaṃ gatāni…pe… samaṇaṃ khalu, bho, gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti…pe… samaṇo khalu, bho, gotamo dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇehi samannāgato…pe… 7 samaṇaṃ khalu, bho, gotamaṃ rājā māgadho seniyo bimbisāro saputtadāro pāṇehi saraṇaṃ gato…pe… samaṇaṃ khalu, bho, gotamaṃ rājā pasenadi kosalo saputtadāro pāṇehi saraṇaṃ gato…pe… samaṇaṃ khalu, bho, gotamaṃ brāhmaṇo pokkharasāti saputtadāro pāṇehi saraṇaṃ gato…pe… samaṇo khalu, bho, gotamo opāsādaṃ anuppatto opāsāde viharati uttarena opāsādaṃ devavane sālavane. Ye kho te samaṇā vā brāhmaṇā vā amhākaṃ gāmakkhettaṃ āgacchanti, atithī no te honti. Atithī kho panamhehi sakkātabbā garukātabbā mānetabbā pūjetabbā. Yampi samaṇo gotamo opāsādaṃ anuppatto opāsāde viharati uttarena opāsādaṃ devavane sālavane, atithimhākaṃ samaṇo gotamo. Atithi kho panamhehi sakkātabbo garukātabbo mānetabbo pūjetabbo. Imināpaṅgena na arahati so bhavaṃ gotamo amhākaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ; atha kho mayameva arahāma taṃ bhavantaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ. Ettake kho ahaṃ, bho, tassa bhoto gotamassa vaṇṇe pariyāpuṇāmi, no ca kho so bhavaṃ gotamo ettakavaṇṇo; aparimāṇavaṇṇo hi so bhavaṃ gotamo. Ekamekenapi tena 8 aṅgena samannāgato na arahati, so, bhavaṃ gotamo amhākaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ; atha kho mayameva arahāma taṃ bhavantaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamitunti. Tena hi, bho, sabbeva mayaṃ samaṇaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamissāmā’’ti.

    ๔๒๖. อถ โข จงฺกี พฺราหฺมโณ มหตา พฺราหฺมณคเณน สทฺธิํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา วุเทฺธหิ วุเทฺธหิ พฺราหฺมเณหิ สทฺธิํ กิญฺจิ กิญฺจิ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา นิสิโนฺน โหติฯ เตน โข ปน สมเยน กาปฎิโก 9 นาม มาณโว ทหโร วุตฺตสิโร โสฬสวสฺสุเทฺทสิโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฎุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย ตสฺสํ ปริสายํ นิสิโนฺน โหติฯ โส วุทฺธานํ วุทฺธานํ พฺราหฺมณานํ ภควตา สทฺธิํ มนฺตยมานานํ อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตติฯ อถ โข ภควา กาปฎิกํ มาณวํ อปสาเทติ – ‘‘มายสฺมา ภารทฺวาโช วุทฺธานํ วุทฺธานํ พฺราหฺมณานํ มนฺตยมานานํ อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตตุฯ กถาปริโยสานํ อายสฺมา ภารทฺวาโช อาคเมตู’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, จงฺกี พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มา ภวํ โคตโม กาปฎิกํ มาณวํ อปสาเทสิฯ กุลปุโตฺต จ กาปฎิโก มาณโว, พหุสฺสุโต จ กาปฎิโก มาณโว, ปณฺฑิโต จ กาปฎิโก มาณโว, กลฺยาณวากฺกรโณ จ กาปฎิโก มาณโว, ปโหติ จ กาปฎิโก มาณโว โภตา โคตเมน สทฺธิํ อสฺมิํ วจเน ปฎิมเนฺตตุ’’นฺติฯ อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อทฺธา โข กาปฎิกสฺส 10 มาณวสฺส เตวิชฺชเก ปาวจเน กถา 11 ภวิสฺสติฯ ตถา หิ นํ พฺราหฺมณา สํปุเรกฺขโรนฺตี’’ติฯ อถ โข กาปฎิกสฺส มาณวสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยทา เม สมโณ โคตโม จกฺขุํ อุปสํหริสฺสติ, อถาหํ สมณํ โคตมํ ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติฯ อถ โข ภควา กาปฎิกสฺส มาณวสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย เยน กาปฎิโก มาณโว เตน จกฺขูนิ อุปสํหาสิฯ

    426. Atha kho caṅkī brāhmaṇo mahatā brāhmaṇagaṇena saddhiṃ yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Tena kho pana samayena bhagavā vuddhehi vuddhehi brāhmaṇehi saddhiṃ kiñci kiñci kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā nisinno hoti. Tena kho pana samayena kāpaṭiko 12 nāma māṇavo daharo vuttasiro soḷasavassuddesiko jātiyā, tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū sanighaṇḍukeṭubhānaṃ sākkharappabhedānaṃ itihāsapañcamānaṃ, padako, veyyākaraṇo, lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anavayo tassaṃ parisāyaṃ nisinno hoti. So vuddhānaṃ vuddhānaṃ brāhmaṇānaṃ bhagavatā saddhiṃ mantayamānānaṃ antarantarā kathaṃ opāteti. Atha kho bhagavā kāpaṭikaṃ māṇavaṃ apasādeti – ‘‘māyasmā bhāradvājo vuddhānaṃ vuddhānaṃ brāhmaṇānaṃ mantayamānānaṃ antarantarā kathaṃ opātetu. Kathāpariyosānaṃ āyasmā bhāradvājo āgametū’’ti. Evaṃ vutte, caṅkī brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘mā bhavaṃ gotamo kāpaṭikaṃ māṇavaṃ apasādesi. Kulaputto ca kāpaṭiko māṇavo, bahussuto ca kāpaṭiko māṇavo, paṇḍito ca kāpaṭiko māṇavo, kalyāṇavākkaraṇo ca kāpaṭiko māṇavo, pahoti ca kāpaṭiko māṇavo bhotā gotamena saddhiṃ asmiṃ vacane paṭimantetu’’nti. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘addhā kho kāpaṭikassa 13 māṇavassa tevijjake pāvacane kathā 14 bhavissati. Tathā hi naṃ brāhmaṇā saṃpurekkharontī’’ti. Atha kho kāpaṭikassa māṇavassa etadahosi – ‘‘yadā me samaṇo gotamo cakkhuṃ upasaṃharissati, athāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ pañhaṃ pucchissāmī’’ti. Atha kho bhagavā kāpaṭikassa māṇavassa cetasā cetoparivitakkamaññāya yena kāpaṭiko māṇavo tena cakkhūni upasaṃhāsi.

    ๔๒๗. อถ โข กาปฎิกสฺส มาณวสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมนฺนาหรติ โข มํ สมโณ โคตโมฯ ยํนูนาหํ สมณํ โคตมํ ปญฺหํ ปุเจฺฉยฺย’’นฺติฯ อถ โข กาปฎิโก มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยทิทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณานํ โปราณํ มนฺตปทํ อิติหิติหปรมฺปราย ปิฎกสมฺปทาย, ตตฺถ จ พฺราหฺมณา เอกํเสน นิฎฺฐํ คจฺฉนฺติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’นฺติฯ อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ? ‘‘กิํ ปน, ภารทฺวาช, อตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ โย เอวมาห – ‘อหเมตํ ชานามิ, อหเมตํ ปสฺสามิฯ อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘กิํ ปน, ภารทฺวาช, อตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ , เอกาจริยปาจริโยปิ, ยาว สตฺตมา อาจริยมหยุคาปิ, โย เอวมาห – ‘อหเมตํ ชานามิ, อหเมตํ ปสฺสามิฯ อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘กิํ ปน, ภารทฺวาช, เยปิ เต พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ เสยฺยถิทํ – อฎฺฐโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิโตฺต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสโฎฺฐ กสฺสโป ภคุ, เตปิ เอวมาหํสุ – ‘มยเมตํ ชานาม, มยเมตํ ปสฺสามฯ อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ

    427. Atha kho kāpaṭikassa māṇavassa etadahosi – ‘‘samannāharati kho maṃ samaṇo gotamo. Yaṃnūnāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ pañhaṃ puccheyya’’nti. Atha kho kāpaṭiko māṇavo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘yadidaṃ, bho gotama, brāhmaṇānaṃ porāṇaṃ mantapadaṃ itihitihaparamparāya piṭakasampadāya, tattha ca brāhmaṇā ekaṃsena niṭṭhaṃ gacchanti – ‘idameva saccaṃ, moghamañña’nti. Idha bhavaṃ gotamo kimāhā’’ti? ‘‘Kiṃ pana, bhāradvāja, atthi koci brāhmaṇānaṃ ekabrāhmaṇopi yo evamāha – ‘ahametaṃ jānāmi, ahametaṃ passāmi. Idameva saccaṃ, moghamañña’’’nti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘‘Kiṃ pana, bhāradvāja, atthi koci brāhmaṇānaṃ ekācariyopi , ekācariyapācariyopi, yāva sattamā ācariyamahayugāpi, yo evamāha – ‘ahametaṃ jānāmi, ahametaṃ passāmi. Idameva saccaṃ, moghamañña’’’nti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘‘Kiṃ pana, bhāradvāja, yepi te brāhmaṇānaṃ pubbakā isayo mantānaṃ kattāro mantānaṃ pavattāro yesamidaṃ etarahi brāhmaṇā porāṇaṃ mantapadaṃ gītaṃ pavuttaṃ samihitaṃ tadanugāyanti tadanubhāsanti bhāsitamanubhāsanti vācitamanuvācenti seyyathidaṃ – aṭṭhako vāmako vāmadevo vessāmitto yamataggi aṅgīraso bhāradvājo vāseṭṭho kassapo bhagu, tepi evamāhaṃsu – ‘mayametaṃ jānāma, mayametaṃ passāma. Idameva saccaṃ, moghamañña’’’nti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’.

    ‘‘อิติ กิร, ภารทฺวาช, นตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ โย เอวมาห – ‘อหเมตํ ชานามิ, อหเมตํ ปสฺสามิฯ อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’นฺติ; นตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ เอกาจริยปาจริโยปิ, ยาว สตฺตมา อาจริยมหยุคาปิ, โย เอวมาห – ‘อหเมตํ ชานามิ, อหเมตํ ปสฺสามิฯ อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’นฺติ; เยปิ เต พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ เสยฺยถิทํ – อฎฺฐโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิโตฺต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสโฎฺฐ กสฺสโป ภคุ, เตปิ น เอวมาหํสุ – ‘มยเมตํ ชานาม, มยเมตํ ปสฺสามฯ อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’นฺติฯ

    ‘‘Iti kira, bhāradvāja, natthi koci brāhmaṇānaṃ ekabrāhmaṇopi yo evamāha – ‘ahametaṃ jānāmi, ahametaṃ passāmi. Idameva saccaṃ, moghamañña’nti; natthi koci brāhmaṇānaṃ ekācariyopi ekācariyapācariyopi, yāva sattamā ācariyamahayugāpi, yo evamāha – ‘ahametaṃ jānāmi, ahametaṃ passāmi. Idameva saccaṃ, moghamañña’nti; yepi te brāhmaṇānaṃ pubbakā isayo mantānaṃ kattāro mantānaṃ pavattāro yesamidaṃ etarahi brāhmaṇā porāṇaṃ mantapadaṃ gītaṃ pavuttaṃ samihitaṃ tadanugāyanti tadanubhāsanti bhāsitamanubhāsanti vācitamanuvācenti seyyathidaṃ – aṭṭhako vāmako vāmadevo vessāmitto yamataggi aṅgīraso bhāradvājo vāseṭṭho kassapo bhagu, tepi na evamāhaṃsu – ‘mayametaṃ jānāma, mayametaṃ passāma. Idameva saccaṃ, moghamañña’nti.

    ๔๒๘. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, อนฺธเวณิ ปรมฺปราสํสตฺตา ปุริโมปิ น ปสฺสติ มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสติ; เอวเมว โข, ภารทฺวาช, อนฺธเวณูปมํ มเญฺญ พฺราหฺมณานํ ภาสิตํ สมฺปชฺชติ – ปุริโมปิ น ปสฺสติ มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสติฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, ภารทฺวาช , นนุ เอวํ สเนฺต พฺราหฺมณานํ อมูลิกา สทฺธา สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘น เขฺวตฺถ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สทฺธาเยว ปยิรุปาสนฺติ, อนุสฺสวาเปตฺถ พฺราหฺมณา ปยิรุปาสนฺตี’’ติฯ ‘‘ปุเพฺพว โข ตฺวํ, ภารทฺวาช, สทฺธํ อคมาสิ, อนุสฺสวํ อิทานิ วเทสิฯ ปญฺจ โข อิเม, ภารทฺวาช, ธมฺมา ทิเฎฺฐว ธเมฺม เทฺวธา วิปากาฯ กตเม ปญฺจ? สทฺธา, รุจิ, อนุสฺสโว, อาการปริวิตโกฺก, ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ – อิเม โข, ภารทฺวาช , ปญฺจ ธมฺมา ทิเฎฺฐว ธเมฺม เทฺวธา วิปากาฯ อปิ จ, ภารทฺวาช, สุสทฺทหิตํเยว โหติ, ตญฺจ โหติ ริตฺตํ ตุจฺฉํ มุสา; โน เจปิ สุสทฺทหิตํ โหติ, ตญฺจ โหติ ภูตํ ตจฺฉํ อนญฺญถาฯ อปิ จ, ภารทฺวาช , สุรุจิตํเยว โหติ…เป.… สฺวานุสฺสุตํเยว โหติ…เป.… สุปริวิตกฺกิตํเยว โหติ…เป.… สุนิชฺฌายิตํเยว โหติ, ตญฺจ โหติ ริตฺตํ ตุจฺฉํ มุสา; โน เจปิ สุนิชฺฌายิตํ โหติ, ตญฺจ โหติ ภูตํ ตจฺฉํ อนญฺญถาฯ สจฺจมนุรกฺขตา, ภารทฺวาช, วิญฺญุนา ปุริเสน นาลเมตฺถ เอกํเสน นิฎฺฐํ คนฺตุํ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ

    428. ‘‘Seyyathāpi, bhāradvāja, andhaveṇi paramparāsaṃsattā purimopi na passati majjhimopi na passati pacchimopi na passati; evameva kho, bhāradvāja, andhaveṇūpamaṃ maññe brāhmaṇānaṃ bhāsitaṃ sampajjati – purimopi na passati majjhimopi na passati pacchimopi na passati. Taṃ kiṃ maññasi, bhāradvāja , nanu evaṃ sante brāhmaṇānaṃ amūlikā saddhā sampajjatī’’ti? ‘‘Na khvettha, bho gotama, brāhmaṇā saddhāyeva payirupāsanti, anussavāpettha brāhmaṇā payirupāsantī’’ti. ‘‘Pubbeva kho tvaṃ, bhāradvāja, saddhaṃ agamāsi, anussavaṃ idāni vadesi. Pañca kho ime, bhāradvāja, dhammā diṭṭheva dhamme dvedhā vipākā. Katame pañca? Saddhā, ruci, anussavo, ākāraparivitakko, diṭṭhinijjhānakkhanti – ime kho, bhāradvāja , pañca dhammā diṭṭheva dhamme dvedhā vipākā. Api ca, bhāradvāja, susaddahitaṃyeva hoti, tañca hoti rittaṃ tucchaṃ musā; no cepi susaddahitaṃ hoti, tañca hoti bhūtaṃ tacchaṃ anaññathā. Api ca, bhāradvāja , surucitaṃyeva hoti…pe… svānussutaṃyeva hoti…pe… suparivitakkitaṃyeva hoti…pe… sunijjhāyitaṃyeva hoti, tañca hoti rittaṃ tucchaṃ musā; no cepi sunijjhāyitaṃ hoti, tañca hoti bhūtaṃ tacchaṃ anaññathā. Saccamanurakkhatā, bhāradvāja, viññunā purisena nālamettha ekaṃsena niṭṭhaṃ gantuṃ – ‘idameva saccaṃ, moghamañña’’’nti.

    ๔๒๙. ‘‘กิตฺตาวตา ปน, โภ โคตม, สจฺจานุรกฺขณา โหติ, กิตฺตาวตา สจฺจมนุรกฺขติ? สจฺจานุรกฺขณํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘สทฺธา เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ; ‘เอวํ เม สทฺธา’ติ – อิติ วทํ สจฺจมนุรกฺขติ 15, นเตฺวว ตาว เอกํเสน นิฎฺฐํ คจฺฉติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’นฺติ ( ) 16ฯ รุจิ เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ…เป.… อนุสฺสโว เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ…เป.… อาการปริวิตโกฺก เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ…เป.… ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ; ‘เอวํ เม ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺตี’ติ – อิติ วทํ สจฺจมนุรกฺขติ, นเตฺวว ตาว เอกํเสน นิฎฺฐํ คจฺฉติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’นฺติฯ เอตฺตาวตา โข, ภารทฺวาช, สจฺจานุรกฺขณา โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุรกฺขติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุรกฺขณํ ปญฺญเปม; น เตฺวว ตาว สจฺจานุโพโธ โหตี’’ติฯ

    429. ‘‘Kittāvatā pana, bho gotama, saccānurakkhaṇā hoti, kittāvatā saccamanurakkhati? Saccānurakkhaṇaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Saddhā cepi, bhāradvāja, purisassa hoti; ‘evaṃ me saddhā’ti – iti vadaṃ saccamanurakkhati 17, natveva tāva ekaṃsena niṭṭhaṃ gacchati – ‘idameva saccaṃ, moghamañña’nti ( ) 18. Ruci cepi, bhāradvāja, purisassa hoti…pe… anussavo cepi, bhāradvāja, purisassa hoti…pe… ākāraparivitakko cepi, bhāradvāja, purisassa hoti…pe… diṭṭhinijjhānakkhanti cepi, bhāradvāja, purisassa hoti; ‘evaṃ me diṭṭhinijjhānakkhantī’ti – iti vadaṃ saccamanurakkhati, natveva tāva ekaṃsena niṭṭhaṃ gacchati – ‘idameva saccaṃ, moghamañña’nti. Ettāvatā kho, bhāradvāja, saccānurakkhaṇā hoti, ettāvatā saccamanurakkhati, ettāvatā ca mayaṃ saccānurakkhaṇaṃ paññapema; na tveva tāva saccānubodho hotī’’ti.

    ๔๓๐. ‘‘เอตฺตาวตา, โภ โคตม, สจฺจานุรกฺขณา โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุรกฺขติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุรกฺขณํ เปกฺขามฯ กิตฺตาวตา ปน, โภ โคตม, สจฺจานุโพโธ โหติ, กิตฺตาวตา สจฺจมนุพุชฺฌติ? สจฺจานุโพธํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘อิธ 19, ภารทฺวาช, ภิกฺขุ อญฺญตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติฯ ตเมนํ คหปติ วา คหปติปุโตฺต วา อุปสงฺกมิตฺวา ตีสุ ธเมฺมสุ สมเนฺนสติ – โลภนีเยสุ ธเมฺมสุ, โทสนีเยสุ ธเมฺมสุ, โมหนีเยสุ ธเมฺมสุฯ อตฺถิ นุ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โลภนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โลภนีเยหิ ธเมฺมหิ ปริยาทินฺนจิโตฺต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ? ตเมนํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘นตฺถิ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โลภนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โลภนีเยหิ ธเมฺมหิ ปริยาทินฺนจิโตฺต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย 20ฯ ตถารูโป 21 โข ปนิมสฺสายสฺมโต กายสมาจาโร ตถารูโป 22 วจีสมาจาโร ยถา ตํ อลุทฺธสฺสฯ ยํ โข ปน อยมายสฺมา ธมฺมํ เทเสติ, คมฺภีโร โส ธโมฺม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สโนฺต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย; น โส ธโมฺม สุเทสิโย ลุเทฺธนา’’’ติฯ

    430. ‘‘Ettāvatā, bho gotama, saccānurakkhaṇā hoti, ettāvatā saccamanurakkhati, ettāvatā ca mayaṃ saccānurakkhaṇaṃ pekkhāma. Kittāvatā pana, bho gotama, saccānubodho hoti, kittāvatā saccamanubujjhati? Saccānubodhaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Idha 23, bhāradvāja, bhikkhu aññataraṃ gāmaṃ vā nigamaṃ vā upanissāya viharati. Tamenaṃ gahapati vā gahapatiputto vā upasaṅkamitvā tīsu dhammesu samannesati – lobhanīyesu dhammesu, dosanīyesu dhammesu, mohanīyesu dhammesu. Atthi nu kho imassāyasmato tathārūpā lobhanīyā dhammā yathārūpehi lobhanīyehi dhammehi pariyādinnacitto ajānaṃ vā vadeyya – jānāmīti, apassaṃ vā vadeyya – passāmīti, paraṃ vā tadatthāya samādapeyya yaṃ paresaṃ assa dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyāti? Tamenaṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘natthi kho imassāyasmato tathārūpā lobhanīyā dhammā yathārūpehi lobhanīyehi dhammehi pariyādinnacitto ajānaṃ vā vadeyya – jānāmīti, apassaṃ vā vadeyya – passāmīti, paraṃ vā tadatthāya samādapeyya yaṃ paresaṃ assa dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya 24. Tathārūpo 25 kho panimassāyasmato kāyasamācāro tathārūpo 26 vacīsamācāro yathā taṃ aluddhassa. Yaṃ kho pana ayamāyasmā dhammaṃ deseti, gambhīro so dhammo duddaso duranubodho santo paṇīto atakkāvacaro nipuṇo paṇḍitavedanīyo; na so dhammo sudesiyo luddhenā’’’ti.

    ๔๓๑. ‘‘ยโต นํ สมเนฺนสมาโน วิสุทฺธํ โลภนีเยหิ ธเมฺมหิ สมนุปสฺสติ ตโต นํ อุตฺตริ สมเนฺนสติ โทสนีเยสุ ธเมฺมสุฯ อตฺถิ นุ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โทสนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โทสนีเยหิ ธเมฺมหิ ปริยาทินฺนจิโตฺต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ? ตเมนํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘นตฺถิ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โทสนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โทสนีเยหิ ธเมฺมหิ ปริยาทินฺนจิโตฺต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายฯ ตถารูโป โข ปนิมสฺสายสฺมโต กายสมาจาโร ตถารูโป วจีสมาจาโร ยถา ตํ อทุฎฺฐสฺสฯ ยํ โข ปน อยมายสฺมา ธมฺมํ เทเสติ, คมฺภีโร โส ธโมฺม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สโนฺต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย; น โส ธโมฺม สุเทสิโย ทุเฎฺฐนา’’’ติฯ

    431. ‘‘Yato naṃ samannesamāno visuddhaṃ lobhanīyehi dhammehi samanupassati tato naṃ uttari samannesati dosanīyesu dhammesu. Atthi nu kho imassāyasmato tathārūpā dosanīyā dhammā yathārūpehi dosanīyehi dhammehi pariyādinnacitto ajānaṃ vā vadeyya – jānāmīti, apassaṃ vā vadeyya – passāmīti, paraṃ vā tadatthāya samādapeyya yaṃ paresaṃ assa dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyāti? Tamenaṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘natthi kho imassāyasmato tathārūpā dosanīyā dhammā yathārūpehi dosanīyehi dhammehi pariyādinnacitto ajānaṃ vā vadeyya – jānāmīti, apassaṃ vā vadeyya – passāmīti, paraṃ vā tadatthāya samādapeyya yaṃ paresaṃ assa dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya. Tathārūpo kho panimassāyasmato kāyasamācāro tathārūpo vacīsamācāro yathā taṃ aduṭṭhassa. Yaṃ kho pana ayamāyasmā dhammaṃ deseti, gambhīro so dhammo duddaso duranubodho santo paṇīto atakkāvacaro nipuṇo paṇḍitavedanīyo; na so dhammo sudesiyo duṭṭhenā’’’ti.

    ๔๓๒. ‘‘ยโต นํ สมเนฺนสมาโน วิสุทฺธํ โทสนีเยหิ ธเมฺมหิ สมนุปสฺสติ , ตโต นํ อุตฺตริ สมเนฺนสติ โมหนีเยสุ ธเมฺมสุฯ อตฺถิ นุ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โมหนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โมหนีเยหิ ธเมฺมหิ ปริยาทินฺนจิโตฺต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ? ตเมนํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘นตฺถิ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โมหนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โมหนีเยหิ ธเมฺมหิ ปริยาทินฺนจิโตฺต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายฯ ตถารูโป โข ปนิมสฺสายสฺมโต กายสมาจาโร ตถารูโป วจีสมาจาโร ยถา ตํ อมูฬฺหสฺสฯ ยํ โข ปน อยมายสฺมา ธมฺมํ เทเสติ, คมฺภีโร โส ธโมฺม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สโนฺต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย; น โส ธโมฺม สุเทสิโย มูเฬฺหนา’’’ติฯ

    432. ‘‘Yato naṃ samannesamāno visuddhaṃ dosanīyehi dhammehi samanupassati , tato naṃ uttari samannesati mohanīyesu dhammesu. Atthi nu kho imassāyasmato tathārūpā mohanīyā dhammā yathārūpehi mohanīyehi dhammehi pariyādinnacitto ajānaṃ vā vadeyya – jānāmīti, apassaṃ vā vadeyya – passāmīti, paraṃ vā tadatthāya samādapeyya yaṃ paresaṃ assa dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyāti? Tamenaṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘natthi kho imassāyasmato tathārūpā mohanīyā dhammā yathārūpehi mohanīyehi dhammehi pariyādinnacitto ajānaṃ vā vadeyya – jānāmīti, apassaṃ vā vadeyya – passāmīti, paraṃ vā tadatthāya samādapeyya yaṃ paresaṃ assa dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya. Tathārūpo kho panimassāyasmato kāyasamācāro tathārūpo vacīsamācāro yathā taṃ amūḷhassa. Yaṃ kho pana ayamāyasmā dhammaṃ deseti, gambhīro so dhammo duddaso duranubodho santo paṇīto atakkāvacaro nipuṇo paṇḍitavedanīyo; na so dhammo sudesiyo mūḷhenā’’’ti.

    ‘‘ยโต นํ สมเนฺนสมาโน วิสุทฺธํ โมหนีเยหิ ธเมฺมหิ สมนุปสฺสติ ; อถ ตมฺหิ สทฺธํ นิเวเสติ, สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมโนฺต ปยิรุปาสติ, ปยิรุปาสโนฺต โสตํ โอทหติ, โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรติ, ธตานํ 27 ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ, อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉโนฺท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสหิตฺวา ตุเลติ, ตุลยิตฺวา ปทหติ, ปหิตโตฺต สมาโน กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ ปญฺญาย จ นํ อติวิชฺฌ ปสฺสติฯ เอตฺตาวตา โข, ภารทฺวาช, สจฺจานุโพโธ โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุพุชฺฌติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุโพธํ ปญฺญเปม; น เตฺวว ตาว สจฺจานุปฺปตฺติ โหตี’’ติฯ

    ‘‘Yato naṃ samannesamāno visuddhaṃ mohanīyehi dhammehi samanupassati ; atha tamhi saddhaṃ niveseti, saddhājāto upasaṅkamati, upasaṅkamanto payirupāsati, payirupāsanto sotaṃ odahati, ohitasoto dhammaṃ suṇāti, sutvā dhammaṃ dhāreti, dhatānaṃ 28 dhammānaṃ atthaṃ upaparikkhati, atthaṃ upaparikkhato dhammā nijjhānaṃ khamanti, dhammanijjhānakkhantiyā sati chando jāyati, chandajāto ussahati, ussahitvā tuleti, tulayitvā padahati, pahitatto samāno kāyena ceva paramasaccaṃ sacchikaroti paññāya ca naṃ ativijjha passati. Ettāvatā kho, bhāradvāja, saccānubodho hoti, ettāvatā saccamanubujjhati, ettāvatā ca mayaṃ saccānubodhaṃ paññapema; na tveva tāva saccānuppatti hotī’’ti.

    ๔๓๓. ‘‘เอตฺตาวตฺตา, โภ โคตม, สจฺจานุโพโธ โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุพุชฺฌติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุโพธํ เปกฺขามฯ กิตฺตาวตา ปน, โภ โคตม, สจฺจานุปฺปตฺติ โหติ, กิตฺตาวตา สจฺจมนุปาปุณาติ? สจฺจานุปฺปตฺติํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘เตสํเย , ภารทฺวาช, ธมฺมานํ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกมฺมํ สจฺจานุปฺปตฺติ โหติฯ เอตฺตาวตา โข, ภารทฺวาช, สจฺจานุปฺปตฺติ โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุปาปุณาติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุปฺปตฺติํ ปญฺญเปมา’’ติฯ

    433. ‘‘Ettāvattā, bho gotama, saccānubodho hoti, ettāvatā saccamanubujjhati, ettāvatā ca mayaṃ saccānubodhaṃ pekkhāma. Kittāvatā pana, bho gotama, saccānuppatti hoti, kittāvatā saccamanupāpuṇāti? Saccānuppattiṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Tesaṃye , bhāradvāja, dhammānaṃ āsevanā bhāvanā bahulīkammaṃ saccānuppatti hoti. Ettāvatā kho, bhāradvāja, saccānuppatti hoti, ettāvatā saccamanupāpuṇāti, ettāvatā ca mayaṃ saccānuppattiṃ paññapemā’’ti.

    ๔๓๔. ‘‘เอตฺตาวตา, โภ โคตม, สจฺจานุปฺปตฺติ โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุปาปุณาติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุปฺปตฺติํ เปกฺขามฯ สจฺจานุปฺปตฺติยา ปน, โภ โคตม, กตโม ธโมฺม พหุกาโร? สจฺจานุปฺปตฺติยา พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘สจฺจานุปฺปตฺติยา โข, ภารทฺวาช, ปธานํ พหุการํฯ โน เจตํ ปทเหยฺย, นยิทํ สจฺจมนุปาปุเณยฺยฯ ยสฺมา จ โข ปทหติ ตสฺมา สจฺจมนุปาปุณาติฯ ตสฺมา สจฺจานุปฺปตฺติยา ปธานํ พหุการ’’นฺติฯ

    434. ‘‘Ettāvatā, bho gotama, saccānuppatti hoti, ettāvatā saccamanupāpuṇāti, ettāvatā ca mayaṃ saccānuppattiṃ pekkhāma. Saccānuppattiyā pana, bho gotama, katamo dhammo bahukāro? Saccānuppattiyā bahukāraṃ dhammaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Saccānuppattiyā kho, bhāradvāja, padhānaṃ bahukāraṃ. No cetaṃ padaheyya, nayidaṃ saccamanupāpuṇeyya. Yasmā ca kho padahati tasmā saccamanupāpuṇāti. Tasmā saccānuppattiyā padhānaṃ bahukāra’’nti.

    ‘‘ปธานสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธโมฺม พหุกาโร? ปธานสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘ปธานสฺส โข, ภารทฺวาช, ตุลนา พหุการาฯ โน เจตํ ตุเลยฺย, นยิทํ ปทเหยฺยฯ ยสฺมา จ โข ตุเลติ ตสฺมา ปทหติฯ ตสฺมา ปธานสฺส ตุลนา พหุการา’’ติฯ

    ‘‘Padhānassa pana, bho gotama, katamo dhammo bahukāro? Padhānassa bahukāraṃ dhammaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Padhānassa kho, bhāradvāja, tulanā bahukārā. No cetaṃ tuleyya, nayidaṃ padaheyya. Yasmā ca kho tuleti tasmā padahati. Tasmā padhānassa tulanā bahukārā’’ti.

    ‘‘ตุลนาย ปน, โภ โคตม, กตโม ธโมฺม พหุกาโร? ตุลนาย พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘ตุลนาย โข, ภารทฺวาช, อุสฺสาโห พหุกาโรฯ โน เจตํ อุสฺสเหยฺย, นยิทํ ตุเลยฺยฯ ยสฺมา จ โข อุสฺสหติ ตสฺมา ตุเลติฯ ตสฺมา ตุลนาย อุสฺสาโห พหุกาโร’’ติฯ

    ‘‘Tulanāya pana, bho gotama, katamo dhammo bahukāro? Tulanāya bahukāraṃ dhammaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Tulanāya kho, bhāradvāja, ussāho bahukāro. No cetaṃ ussaheyya, nayidaṃ tuleyya. Yasmā ca kho ussahati tasmā tuleti. Tasmā tulanāya ussāho bahukāro’’ti.

    ‘‘อุสฺสาหสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธโมฺม พหุกาโร? อุสฺสาหสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘อุสฺสาหสฺส โข, ภารทฺวาช, ฉโนฺท พหุกาโรฯ โน เจตํ ฉโนฺท ชาเยถ, นยิทํ อุสฺสเหยฺยฯ ยสฺมา จ โข ฉโนฺท ชายติ ตสฺมา อุสฺสหติฯ ตสฺมา อุสฺสาหสฺส ฉโนฺท พหุกาโร’’ติฯ

    ‘‘Ussāhassa pana, bho gotama, katamo dhammo bahukāro? Ussāhassa bahukāraṃ dhammaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Ussāhassa kho, bhāradvāja, chando bahukāro. No cetaṃ chando jāyetha, nayidaṃ ussaheyya. Yasmā ca kho chando jāyati tasmā ussahati. Tasmā ussāhassa chando bahukāro’’ti.

    ‘‘ฉนฺทสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธโมฺม พหุกาโร ? ฉนฺทสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘ฉนฺทสฺส โข, ภารทฺวาช, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติ พหุการาฯ โน เจเต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขเมยฺยุํ, นยิทํ ฉโนฺท ชาเยถฯ ยสฺมา จ โข ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ ตสฺมา ฉโนฺท ชายติฯ ตสฺมา ฉนฺทสฺส ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติ พหุการา’’ติฯ

    ‘‘Chandassa pana, bho gotama, katamo dhammo bahukāro ? Chandassa bahukāraṃ dhammaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Chandassa kho, bhāradvāja, dhammanijjhānakkhanti bahukārā. No cete dhammā nijjhānaṃ khameyyuṃ, nayidaṃ chando jāyetha. Yasmā ca kho dhammā nijjhānaṃ khamanti tasmā chando jāyati. Tasmā chandassa dhammanijjhānakkhanti bahukārā’’ti.

    ‘‘ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา ปน, โภ โคตม, กตโม ธโมฺม พหุกาโร? ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา โข, ภารทฺวาช, อตฺถูปปริกฺขา พหุการาฯ โน เจตํ อตฺถํ อุปปริเกฺขยฺย, นยิทํ ธมฺมา นิชฺฌานํ ขเมยฺยุํฯ ยสฺมา จ โข อตฺถํ อุปปริกฺขติ ตสฺมา ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติฯ ตสฺมา ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา อตฺถูปปริกฺขา พหุการา’’ติฯ

    ‘‘Dhammanijjhānakkhantiyā pana, bho gotama, katamo dhammo bahukāro? Dhammanijjhānakkhantiyā bahukāraṃ dhammaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Dhammanijjhānakkhantiyā kho, bhāradvāja, atthūpaparikkhā bahukārā. No cetaṃ atthaṃ upaparikkheyya, nayidaṃ dhammā nijjhānaṃ khameyyuṃ. Yasmā ca kho atthaṃ upaparikkhati tasmā dhammā nijjhānaṃ khamanti. Tasmā dhammanijjhānakkhantiyā atthūpaparikkhā bahukārā’’ti.

    ‘‘อตฺถูปปริกฺขาย ปน, โภ โคตม, กตโม ธโมฺม พหุกาโร? อตฺถูปปริกฺขาย พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘อตฺถูปปริกฺขาย โข, ภารทฺวาช, ธมฺมธารณา พหุการาฯ โน เจตํ ธมฺมํ ธาเรยฺย, นยิทํ อตฺถํ อุปปริเกฺขยฺยฯ ยสฺมา จ โข ธมฺมํ ธาเรติ ตสฺมา อตฺถํ อุปปริกฺขติฯ ตสฺมา อตฺถูปปริกฺขาย ธมฺมธารณา พหุการา’’ติฯ

    ‘‘Atthūpaparikkhāya pana, bho gotama, katamo dhammo bahukāro? Atthūpaparikkhāya bahukāraṃ dhammaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Atthūpaparikkhāya kho, bhāradvāja, dhammadhāraṇā bahukārā. No cetaṃ dhammaṃ dhāreyya, nayidaṃ atthaṃ upaparikkheyya. Yasmā ca kho dhammaṃ dhāreti tasmā atthaṃ upaparikkhati. Tasmā atthūpaparikkhāya dhammadhāraṇā bahukārā’’ti.

    ‘‘ธมฺมธารณาย ปน, โภ โคตม, กตโม ธโมฺม พหุกาโร? ธมฺมธารณาย พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘ธมฺมธารณาย โข, ภารทฺวาช, ธมฺมสฺสวนํ พหุการํฯ โน เจตํ ธมฺมํ สุเณยฺย, นยิทํ ธมฺมํ ธาเรยฺยฯ ยสฺมา จ โข ธมฺมํ สุณาติ ตสฺมา ธมฺมํ ธาเรติฯ ตสฺมา ธมฺมธารณาย ธมฺมสฺสวนํ พหุการ’’นฺติฯ

    ‘‘Dhammadhāraṇāya pana, bho gotama, katamo dhammo bahukāro? Dhammadhāraṇāya bahukāraṃ dhammaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Dhammadhāraṇāya kho, bhāradvāja, dhammassavanaṃ bahukāraṃ. No cetaṃ dhammaṃ suṇeyya, nayidaṃ dhammaṃ dhāreyya. Yasmā ca kho dhammaṃ suṇāti tasmā dhammaṃ dhāreti. Tasmā dhammadhāraṇāya dhammassavanaṃ bahukāra’’nti.

    ‘‘ธมฺมสฺสวนสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธโมฺม พหุกาโร? ธมฺมสฺสวนสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ ฯ ‘‘ธมฺมสฺสวนสฺส โข, ภารทฺวาช, โสตาวธานํ พหุการํ ฯ โน เจตํ โสตํ โอทเหยฺย, นยิทํ ธมฺมํ สุเณยฺยฯ ยสฺมา จ โข โสตํ โอทหติ ตสฺมา ธมฺมํ สุณาติฯ ตสฺมา ธมฺมสฺสวนสฺส โสตาวธานํ พหุการ’’นฺติฯ

    ‘‘Dhammassavanassa pana, bho gotama, katamo dhammo bahukāro? Dhammassavanassa bahukāraṃ dhammaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti . ‘‘Dhammassavanassa kho, bhāradvāja, sotāvadhānaṃ bahukāraṃ . No cetaṃ sotaṃ odaheyya, nayidaṃ dhammaṃ suṇeyya. Yasmā ca kho sotaṃ odahati tasmā dhammaṃ suṇāti. Tasmā dhammassavanassa sotāvadhānaṃ bahukāra’’nti.

    ‘‘โสตาวธานสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธโมฺม พหุกาโร? โสตาวธานสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘โสตาวธานสฺส โข, ภารทฺวาช, ปยิรุปาสนา พหุการาฯ โน เจตํ ปยิรุปาเสยฺย, นยิทํ โสตํ โอทเหยฺยฯ ยสฺมา จ โข ปยิรุปาสติ ตสฺมา โสตํ โอทหติฯ ตสฺมา โสตาวธานสฺส ปยิรุปาสนา พหุการา’’ติฯ

    ‘‘Sotāvadhānassa pana, bho gotama, katamo dhammo bahukāro? Sotāvadhānassa bahukāraṃ dhammaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Sotāvadhānassa kho, bhāradvāja, payirupāsanā bahukārā. No cetaṃ payirupāseyya, nayidaṃ sotaṃ odaheyya. Yasmā ca kho payirupāsati tasmā sotaṃ odahati. Tasmā sotāvadhānassa payirupāsanā bahukārā’’ti.

    ‘‘ปยิรุปาสนาย ปน, โภ โคตม, กตโม ธโมฺม พหุกาโร? ปยิรุปาสนาย พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘ปยิรุปาสนาย โข, ภารทฺวาช, อุปสงฺกมนํ พหุการํฯ โน เจตํ อุปสงฺกเมยฺย, นยิทํ ปยิรุปาเสยฺยฯ ยสฺมา จ โข อุปสงฺกมติ ตสฺมา ปยิรุปาสติฯ ตสฺมา ปยิรุปาสนาย อุปสงฺกมนํ พหุการ’’นฺติฯ

    ‘‘Payirupāsanāya pana, bho gotama, katamo dhammo bahukāro? Payirupāsanāya bahukāraṃ dhammaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Payirupāsanāya kho, bhāradvāja, upasaṅkamanaṃ bahukāraṃ. No cetaṃ upasaṅkameyya, nayidaṃ payirupāseyya. Yasmā ca kho upasaṅkamati tasmā payirupāsati. Tasmā payirupāsanāya upasaṅkamanaṃ bahukāra’’nti.

    ‘‘อุปสงฺกมนสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธโมฺม พหุกาโร? อุปสงฺกมนสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘อุปสงฺกมนสฺส โข, ภารทฺวาช, สทฺธา พหุการาฯ โน เจตํ สทฺธา ชาเยถ, นยิทํ อุปสงฺกเมยฺยฯ ยสฺมา จ โข สทฺธา ชายติ ตสฺมา อุปสงฺกมติฯ ตสฺมา อุปสงฺกมนสฺส สทฺธา พหุการา’’ติฯ

    ‘‘Upasaṅkamanassa pana, bho gotama, katamo dhammo bahukāro? Upasaṅkamanassa bahukāraṃ dhammaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Upasaṅkamanassa kho, bhāradvāja, saddhā bahukārā. No cetaṃ saddhā jāyetha, nayidaṃ upasaṅkameyya. Yasmā ca kho saddhā jāyati tasmā upasaṅkamati. Tasmā upasaṅkamanassa saddhā bahukārā’’ti.

    ๔๓๕. ‘‘สจฺจานุรกฺขณํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห, สจฺจานุรกฺขณํ ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนาฯ สจฺจานุโพธํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห, สจฺจานุโพธํ ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนาฯ สจฺจานุปฺปตฺติํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห, สจฺจานุปฺปตฺติํ ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนา ฯ สจฺจานุปฺปตฺติยา พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห, สจฺจานุปฺปตฺติยา พหุการํ ธมฺมํ ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนาฯ ยํยเทว จ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห ตํตเทว ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนาฯ มยญฺหิ, โภ โคตม, ปุเพฺพ เอวํ ชานาม – ‘เก จ มุณฺฑกา สมณกา อิพฺภา กณฺหา พนฺธุปาทาปจฺจา, เก จ ธมฺมสฺส อญฺญาตาโร’ติ? อชเนสิ วต เม ภวํ โคตโม สมเณสุ สมณเปมํ, สมเณสุ สมณปสาทํ, สมเณสุ สมณคารวํฯ อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป.… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ

    435. ‘‘Saccānurakkhaṇaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ apucchimha, saccānurakkhaṇaṃ bhavaṃ gotamo byākāsi; tañca panamhākaṃ ruccati ceva khamati ca tena camha attamanā. Saccānubodhaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ apucchimha, saccānubodhaṃ bhavaṃ gotamo byākāsi; tañca panamhākaṃ ruccati ceva khamati ca tena camha attamanā. Saccānuppattiṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ apucchimha, saccānuppattiṃ bhavaṃ gotamo byākāsi; tañca panamhākaṃ ruccati ceva khamati ca tena camha attamanā . Saccānuppattiyā bahukāraṃ dhammaṃ mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ apucchimha, saccānuppattiyā bahukāraṃ dhammaṃ bhavaṃ gotamo byākāsi; tañca panamhākaṃ ruccati ceva khamati ca tena camha attamanā. Yaṃyadeva ca mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ apucchimha taṃtadeva bhavaṃ gotamo byākāsi; tañca panamhākaṃ ruccati ceva khamati ca tena camha attamanā. Mayañhi, bho gotama, pubbe evaṃ jānāma – ‘ke ca muṇḍakā samaṇakā ibbhā kaṇhā bandhupādāpaccā, ke ca dhammassa aññātāro’ti? Ajanesi vata me bhavaṃ gotamo samaṇesu samaṇapemaṃ, samaṇesu samaṇapasādaṃ, samaṇesu samaṇagāravaṃ. Abhikkantaṃ, bho gotama…pe… upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.

    จงฺกีสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ปญฺจมํฯ

    Caṅkīsuttaṃ niṭṭhitaṃ pañcamaṃ.







    Footnotes:
    1. พฺรหฺมวจฺจสี (สี. ปี.)
    2. brahmavaccasī (sī. pī.)
    3. เอตฺถ ที. นิ. ๑.๓๐๔ อญฺญมฺปิ คุณปทํ ทิสฺสติ
    4. เอตฺถาปิ ที. นิ. ๑.๓๐๔ อญฺญานิปิ คุณปทานํ ทิสฺสนฺติ
    5. เอกเมเกนปิ โภ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    6. ettha dī. ni. 1.304 aññampi guṇapadaṃ dissati
    7. etthāpi dī. ni. 1.304 aññānipi guṇapadānaṃ dissanti
    8. ekamekenapi bho (sī. syā. kaṃ. pī.)
    9. กาปฐิโก (สี. ปี.), กาปทิโก (สฺยา. กํ.)
    10. เอตทโหสิ ‘‘กาปฎิกสฺส (ก.)
    11. กถํ (สี. ก.), กถํ (สฺยา. กํ. ปี.)
    12. kāpaṭhiko (sī. pī.), kāpadiko (syā. kaṃ.)
    13. etadahosi ‘‘kāpaṭikassa (ka.)
    14. kathaṃ (sī. ka.), kathaṃ (syā. kaṃ. pī.)
    15. เอวเมว สิชฺฌตีติ อิติ วา, ตํ สจฺจมนุรกฺขติ (ก.)
    16. (เอตฺตาวตา โข ภารทฺวาช สจฺจานุรกฺขณา โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุรกฺขติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุรกฺขณํ ปญฺญาเปม, น เตฺวว ตาว สจฺจานุโพโธ โหติ) (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    17. evameva sijjhatīti iti vā, taṃ saccamanurakkhati (ka.)
    18. (ettāvatā kho bhāradvāja saccānurakkhaṇā hoti, ettāvatā saccamanurakkhati, ettāvatā ca mayaṃ saccānurakkhaṇaṃ paññāpema, na tveva tāva saccānubodho hoti) (sī. syā. kaṃ. pī.)
    19. อิธ กิร (สฺยา. กํ. ก.)
    20. ทุกฺขายาติ (สพฺพตฺถ)
    21. ตถา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    22. ตถา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    23. idha kira (syā. kaṃ. ka.)
    24. dukkhāyāti (sabbattha)
    25. tathā (sī. syā. kaṃ. pī.)
    26. tathā (sī. syā. kaṃ. pī.)
    27. ธาริตานํ (ก.)
    28. dhāritānaṃ (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. จงฺกีสุตฺตวณฺณนา • 5. Caṅkīsuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๕. จงฺกีสุตฺตวณฺณนา • 5. Caṅkīsuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact