Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๕. จงฺกีสุตฺตวณฺณนา
5. Caṅkīsuttavaṇṇanā
๔๒๒. เอวํ เม สุตนฺติ จงฺกีสุตฺตํฯ ตตฺถ เทววเน สาลวเนติ ตสฺมิํ กิร เทวตานํ พลิกมฺมํ กรียติ, เตน ตํ เทววนนฺติปิ สาลวนนฺติปิ วุจฺจติฯ โอปาสาทํ อชฺฌาวสตีติ โอปาสาทนามเก พฺราหฺมณคาเม วสติ, อภิภวิตฺวา วา อาวสติ, ตสฺส สามี หุตฺวา ยาย มริยาทาย ตตฺถ วสิตพฺพํ, ตาย มริยาทาย วสติฯ อุปสคฺควเสน ปเนตฺถ ภุมฺมเตฺถ อุปโยควจนํ เวทิตพฺพํ, ตถสฺส อนุปฺปโยคตฺตาว เสสปเทสุฯ ตตฺถ ลกฺขณํ สทฺทสตฺถโต ปริเยสิตพฺพํฯ สตฺตุสฺสทนฺติ สเตฺตหิ อุสฺสทํ อุสฺสนฺนํ, พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสํ โปสาวนิยหตฺถิอสฺสโมรมิคาทิอเนกสตฺตสมากิณฺณญฺจาติ อโตฺถฯ ยสฺมา ปน โส คาโม พหิ อาวิชฺฌิตฺวา ชาเตน หตฺถิอสฺสาทีนํ ฆาสติเณน เจว เคหจฺฉทนติเณน จ สมฺปโนฺน, ตถา ทารุกเฎฺฐหิ เจว เคหสมฺภารกเฎฺฐหิ จ, ยสฺมา จสฺส อพฺภนฺตเร วฎฺฎจตุรสฺสาทิสณฺฐานา พหู โปกฺขรณิโย, ชลชกุสุมวิจิตฺตานิ จ พหิ อเนกานิ ตฬากานิ วา อุทกสฺส นิจฺจภริตาเนว โหนฺติ, ตสฺมา สติณกโฎฺฐทกนฺติ วุตฺตํฯ
422.Evaṃme sutanti caṅkīsuttaṃ. Tattha devavane sālavaneti tasmiṃ kira devatānaṃ balikammaṃ karīyati, tena taṃ devavanantipi sālavanantipi vuccati. Opāsādaṃ ajjhāvasatīti opāsādanāmake brāhmaṇagāme vasati, abhibhavitvā vā āvasati, tassa sāmī hutvā yāya mariyādāya tattha vasitabbaṃ, tāya mariyādāya vasati. Upasaggavasena panettha bhummatthe upayogavacanaṃ veditabbaṃ, tathassa anuppayogattāva sesapadesu. Tattha lakkhaṇaṃ saddasatthato pariyesitabbaṃ. Sattussadanti sattehi ussadaṃ ussannaṃ, bahujanaṃ ākiṇṇamanussaṃ posāvaniyahatthiassamoramigādianekasattasamākiṇṇañcāti attho. Yasmā pana so gāmo bahi āvijjhitvā jātena hatthiassādīnaṃ ghāsatiṇena ceva gehacchadanatiṇena ca sampanno, tathā dārukaṭṭhehi ceva gehasambhārakaṭṭhehi ca, yasmā cassa abbhantare vaṭṭacaturassādisaṇṭhānā bahū pokkharaṇiyo, jalajakusumavicittāni ca bahi anekāni taḷākāni vā udakassa niccabharitāneva honti, tasmā satiṇakaṭṭhodakanti vuttaṃ.
สห ธเญฺญน สธญฺญํ, ปุพฺพณฺณาปรณฺณาทิเภทํ พหุธญฺญสนฺนิจยนฺติ อโตฺถฯ เอตฺตาวตา ยสฺมิํ คาเม พฺราหฺมโณ เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ราชลีลาย วสติฯ ตสฺส สมิทฺธิสมฺปตฺติ ทีปิตา โหติฯ ราชโต ลทฺธํ โภคฺคํ ราชโภคฺคํฯ เกน ทินฺนนฺติ เจ, รญฺญา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํฯ ราชทายนฺติ รโญฺญ ทายภูตํ, ทายชฺชนฺติ อโตฺถฯ พฺรหฺมเทยฺยนฺติ เสฎฺฐเทยฺยํ, ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ราชสเงฺขเปน ภุญฺชิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ อถ วา ราชโภคฺคนฺติ สพฺพํ เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสเนฺตน ติตฺถปพฺพตาทีสุ สุงฺกํ คณฺหเนฺตน เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา รญฺญา หุตฺวา ภุญฺชิตพฺพํฯ ตตฺถ รญฺญา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายนฺติฯ เอตฺถ รญฺญา ทินฺนตฺตา ราชทายํ, ทายกราชทีปนตฺถํ ปนสฺส ‘‘รญฺญา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺน’’นฺติ อิทํ วุตฺตํฯ พฺรหฺมเทยฺยนฺติ เสฎฺฐเทยฺยํ, ยถา ทินฺนํ น ปุน คเหตพฺพํ โหติ นิสฺสฎฺฐปริจฺจตฺตํ, เอวํ ทินฺนนฺติ อโตฺถฯ
Saha dhaññena sadhaññaṃ, pubbaṇṇāparaṇṇādibhedaṃ bahudhaññasannicayanti attho. Ettāvatā yasmiṃ gāme brāhmaṇo setacchattaṃ ussāpetvā rājalīlāya vasati. Tassa samiddhisampatti dīpitā hoti. Rājato laddhaṃ bhoggaṃ rājabhoggaṃ. Kena dinnanti ce, raññā pasenadinā kosalena dinnaṃ. Rājadāyanti rañño dāyabhūtaṃ, dāyajjanti attho. Brahmadeyyanti seṭṭhadeyyaṃ, chattaṃ ussāpetvā rājasaṅkhepena bhuñjitabbanti attho. Atha vā rājabhogganti sabbaṃ chejjabhejjaṃ anusāsantena titthapabbatādīsu suṅkaṃ gaṇhantena setacchattaṃ ussāpetvā raññā hutvā bhuñjitabbaṃ. Tattha raññā pasenadinā kosalena dinnaṃ rājadāyanti. Ettha raññā dinnattā rājadāyaṃ, dāyakarājadīpanatthaṃ panassa ‘‘raññā pasenadinā kosalena dinna’’nti idaṃ vuttaṃ. Brahmadeyyanti seṭṭhadeyyaṃ, yathā dinnaṃ na puna gahetabbaṃ hoti nissaṭṭhapariccattaṃ, evaṃ dinnanti attho.
๔๒๓. พหู พหู หุตฺวา สํหตาติ สงฺฆาฯ เอเกกิสฺสา ทิสาย สโงฺฆ เตสํ อตฺถีติ สงฺฆีฯ ปุเพฺพ คามสฺส อโนฺต อคณา พหิ นิกฺขมิตฺวา คณา สมฺปนฺนาติ คณีภูตาฯ อุตฺตเรนมุขาติ อุตฺตรทิสาภิมุขาฯ ขตฺตํ อามเนฺตสีติ ขตฺตา วุจฺจติ ปุจฺฉิตปญฺหพฺยากรณสมโตฺถ มหามโตฺต, ตํ อามเนฺตสิฯ อาคเมนฺตูติ มุหุตฺตํ ปฎิมาเนนฺตุ, อจฺฉนฺตูติ วุตฺตํ โหติฯ
423. Bahū bahū hutvā saṃhatāti saṅghā. Ekekissā disāya saṅgho tesaṃ atthīti saṅghī. Pubbe gāmassa anto agaṇā bahi nikkhamitvā gaṇā sampannāti gaṇībhūtā. Uttarenamukhāti uttaradisābhimukhā. Khattaṃ āmantesīti khattā vuccati pucchitapañhabyākaraṇasamattho mahāmatto, taṃ āmantesi. Āgamentūti muhuttaṃ paṭimānentu, acchantūti vuttaṃ hoti.
๔๒๔. นานาเวรชฺชกานนฺติ นานาวิเธสุ รเชฺชสุ อเญฺญสุ กาสิโกสลาทีสุ ชาตา วา นิวสนฺติ วา, ตโต วา อาคตาติ นานาเวรชฺชกา, เตสํ นานาเวรชฺชกานํฯ เกนจิเทวาติ อนิยมิเตน ยญฺญุปาสนาทินา เกนจิ กิเจฺจนฯ เต ตสฺส คมนํ สุตฺวา จิเนฺตสุํ – ‘‘อยํ, จงฺกี, อุคฺคตพฺราหฺมโณ, เยภุเยฺยน จ อเญฺญ พฺราหฺมณา สมณํ โคตมํ สรณํ คตา, อยเมว น คโตฯ สฺวายํ สเจ ตตฺถ คมิสฺสติ, อทฺธา สมณสฺส โคตมสฺส อาวฎฺฎนิยา มายาย อาวฎฺฎิโต สรณํ คมิสฺสติฯ ตโต เอตสฺสาปิ เคหทฺวาเร พฺราหฺมณานํ อสนฺนิปาโต ภวิสฺสติฯ หนฺทสฺส คมนนฺตรายํ กโรมา’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา ตตฺถ อคมํสุฯ ตํ สนฺธาย ‘‘อถ โข เต พฺราหฺมณา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
424.Nānāverajjakānanti nānāvidhesu rajjesu aññesu kāsikosalādīsu jātā vā nivasanti vā, tato vā āgatāti nānāverajjakā, tesaṃ nānāverajjakānaṃ. Kenacidevāti aniyamitena yaññupāsanādinā kenaci kiccena. Te tassa gamanaṃ sutvā cintesuṃ – ‘‘ayaṃ, caṅkī, uggatabrāhmaṇo, yebhuyyena ca aññe brāhmaṇā samaṇaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gatā, ayameva na gato. Svāyaṃ sace tattha gamissati, addhā samaṇassa gotamassa āvaṭṭaniyā māyāya āvaṭṭito saraṇaṃ gamissati. Tato etassāpi gehadvāre brāhmaṇānaṃ asannipāto bhavissati. Handassa gamanantarāyaṃ karomā’’ti sammantayitvā tattha agamaṃsu. Taṃ sandhāya ‘‘atha kho te brāhmaṇā’’tiādi vuttaṃ.
ตตฺถ อุภโตติ ทฺวีหิ ปเกฺขหิฯ มาติโต จ ปิติโต จาติ, โภโต มาตา พฺราหฺมณี, มาตุมาตา พฺราหฺมณี, ตสฺสาปิ มาตา พฺราหฺมณีฯ ปิตา พฺราหฺมโณ, ปิตุปิตา พฺราหฺมโณ, ตสฺสปิ ปิตา พฺราหฺมโณติฯ เอวํ ภวํ อุภโต สุชาโต, มาติโต จ ปิติโต จฯ สํสุทฺธคหณิโกติ สํสุทฺธา เต มาตุ คหณี, สํสุทฺธา เต มาตุ กุจฺฉีติ อโตฺถฯ ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคาติ เอตฺถ ปิตุ ปิตา ปิตามโห, ปิตามหสฺส ยุคํ ปิตามหยุคํฯ ยุคนฺติ อายุปฺปมาณํ วุจฺจติฯ อภิลาปมตฺตเมว เจตํ, อตฺถโต ปน ปิตามโหว ปิตามหยุคํฯ ตโต อุทฺธํ สเพฺพปิ ปุพฺพปุริสา ปิตามหคฺคหเณเนว คหิตาฯ เอวํ ยาว สตฺตโม ปุริโส, ตาว สํสุทฺธคหณิโกฯ อถ วา อกฺขิโตฺต อนุปกุโฎฺฐ ชาติวาเทนาติ ทเสฺสติฯ อกฺขิโตฺตติ อปเนถ เอตํ, กิํ อิมินาติ เอวํ อกฺขิโตฺต อนวกฺขิโตฺตฯ อนุปกฺกุโฎฺฐติ น อุปกุโฎฺฐ, น อโกฺกสํ วา นินฺทํ วา ปตฺตปุโพฺพฯ เกน การเณนาติฯ ชาติวาเทน, อิติปิ หีนชาติโก เอโสติ เอวรูเปน วจเนนาติ อโตฺถฯ อิมินาปเงฺคนาติ อิมินาปิ การเณนฯ
Tattha ubhatoti dvīhi pakkhehi. Mātitoca pitito cāti, bhoto mātā brāhmaṇī, mātumātā brāhmaṇī, tassāpi mātā brāhmaṇī. Pitā brāhmaṇo, pitupitā brāhmaṇo, tassapi pitā brāhmaṇoti. Evaṃ bhavaṃ ubhato sujāto, mātito ca pitito ca. Saṃsuddhagahaṇikoti saṃsuddhā te mātu gahaṇī, saṃsuddhā te mātu kucchīti attho. Yāva sattamā pitāmahayugāti ettha pitu pitā pitāmaho, pitāmahassa yugaṃ pitāmahayugaṃ. Yuganti āyuppamāṇaṃ vuccati. Abhilāpamattameva cetaṃ, atthato pana pitāmahova pitāmahayugaṃ. Tato uddhaṃ sabbepi pubbapurisā pitāmahaggahaṇeneva gahitā. Evaṃ yāva sattamo puriso, tāva saṃsuddhagahaṇiko. Atha vā akkhitto anupakuṭṭho jātivādenāti dasseti. Akkhittoti apanetha etaṃ, kiṃ imināti evaṃ akkhitto anavakkhitto. Anupakkuṭṭhoti na upakuṭṭho, na akkosaṃ vā nindaṃ vā pattapubbo. Kena kāraṇenāti. Jātivādena, itipi hīnajātiko esoti evarūpena vacanenāti attho. Imināpaṅgenāti imināpi kāraṇena.
อโฑฺฒติ อิสฺสโรฯ มหทฺธโนติ มหตา ธเนน สมนฺนาคโตฯ โภโต หิ เคเห ปถวิยํ ปํสุวาลิกา วิย พหุ ธนํ, สมโณ ปน โคตโม อธโน ภิกฺขาย อุทรํ ปูเรตฺวา ยาเปตีติ ทเสฺสนฺติ ฯ มหาโภโคติ ปญฺจกามคุณวเสน มหาอุปโภโคฯ เอวํ ยํ ยํ คุณํ วทนฺติ, ตสฺส ตสฺส ปฎิปกฺขวเสน ภควโต อคุณํเยว ทเสฺสมาติ มญฺญมานา วทนฺติฯ
Aḍḍhoti issaro. Mahaddhanoti mahatā dhanena samannāgato. Bhoto hi gehe pathaviyaṃ paṃsuvālikā viya bahu dhanaṃ, samaṇo pana gotamo adhano bhikkhāya udaraṃ pūretvā yāpetīti dassenti . Mahābhogoti pañcakāmaguṇavasena mahāupabhogo. Evaṃ yaṃ yaṃ guṇaṃ vadanti, tassa tassa paṭipakkhavasena bhagavato aguṇaṃyeva dassemāti maññamānā vadanti.
อภิรูโปติ อเญฺญหิ มนุเสฺสหิ อธิกรูโปฯ ทสฺสนีโยติ ทิวสมฺปิ ปสฺสนฺตานํ อติตฺติกรณโต ทสฺสนโยโคฺค, ทสฺสเนเนว จิตฺตปสาทชนนโต ปาสาทิโกฯ โปกฺขรตา วุจฺจติ สุนฺทรภาโว, วณฺณสฺส โปกฺขรตา วณฺณโปกฺขรตา, ตาย วณฺณโปกฺขรตาย, วณฺณสมฺปตฺติยาติ อโตฺถฯ โปราณา ปน โปกฺขรนฺติ สรีรํ วทนฺติ, วณฺณํ วณฺณเมวฯ เตสํ มเตน วโณฺณ จ โปกฺขรญฺจ วณฺณโปกฺขรานิ, เตสํ ภาโว วณฺณโปกฺขรตาฯ อิติ ปรมาย วณฺณโปกฺขรตายาติ อุตฺตมปริสุเทฺธน วเณฺณน เจว สรีรสณฺฐานสมฺปตฺติยา จาติ อโตฺถฯ พฺรหฺมวณฺณีติ เสฎฺฐวณฺณี, ปริสุทฺธวเณฺณสุปิ เสเฎฺฐน สุวณฺณวเณฺณเนว สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ พฺรหฺมวจฺฉสีติ มหาพฺรหฺมุโน สรีรสทิเสน สรีเรน สมนฺนาคโตฯ อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนายาติ โภโต สรีเร ทสฺสนสฺส โอกาโส น ขุทฺทโก มหาฯ สพฺพาเนว เต องฺคปจฺจงฺคานิ ทสฺสนียาเนว, ตานิ จาปิ มหนฺตาเนวาติ ทีเปติฯ
Abhirūpoti aññehi manussehi adhikarūpo. Dassanīyoti divasampi passantānaṃ atittikaraṇato dassanayoggo, dassaneneva cittapasādajananato pāsādiko. Pokkharatā vuccati sundarabhāvo, vaṇṇassa pokkharatā vaṇṇapokkharatā, tāya vaṇṇapokkharatāya, vaṇṇasampattiyāti attho. Porāṇā pana pokkharanti sarīraṃ vadanti, vaṇṇaṃ vaṇṇameva. Tesaṃ matena vaṇṇo ca pokkharañca vaṇṇapokkharāni, tesaṃ bhāvo vaṇṇapokkharatā. Iti paramāya vaṇṇapokkharatāyāti uttamaparisuddhena vaṇṇena ceva sarīrasaṇṭhānasampattiyā cāti attho. Brahmavaṇṇīti seṭṭhavaṇṇī, parisuddhavaṇṇesupi seṭṭhena suvaṇṇavaṇṇeneva samannāgatoti attho. Brahmavacchasīti mahābrahmuno sarīrasadisena sarīrena samannāgato. Akhuddāvakāso dassanāyāti bhoto sarīre dassanassa okāso na khuddako mahā. Sabbāneva te aṅgapaccaṅgāni dassanīyāneva, tāni cāpi mahantānevāti dīpeti.
สีลมสฺส อตฺถีติ สีลวาฯ วุทฺธํ วฑฺฒิตํ สีลมสฺสาติ วุทฺธสีลีฯ วุทฺธสีเลนาติ วุเทฺธน วฑฺฒิเตน สีเลนฯ สมนฺนาคโตติ ยุโตฺต, อิทํ วุทฺธสีลีปทเสฺสว เววจนํฯ สพฺพเมตํ ปญฺจสีลมตฺตเมว สนฺธาย วทนฺติฯ
Sīlamassa atthīti sīlavā. Vuddhaṃ vaḍḍhitaṃ sīlamassāti vuddhasīlī. Vuddhasīlenāti vuddhena vaḍḍhitena sīlena. Samannāgatoti yutto, idaṃ vuddhasīlīpadasseva vevacanaṃ. Sabbametaṃ pañcasīlamattameva sandhāya vadanti.
กาลฺยาณวาโจติอาทีสุ กลฺยาณา สุนฺทรา ปริมณฺฑลปทพฺยญฺชนา วาจา อสฺสาติ กลฺยาณวาโจฯ กลฺยาณํ มธุรํ วากฺกรณํ อสฺสาติ กลฺยาณวากฺกรโณฯ วากฺกรณนฺติ อุทาหรณโฆโสฯ คุณปริปุณฺณภาเวน ปุเร ภวาติ โปรีฯ ปุเร วา ภวตฺตา โปรีฯ นาคริกิตฺถิยา สุขุมาลตฺตเนน สทิสาติปิ โปรีฯ ตาย โปริยาฯ วิสฺสฎฺฐายาติ อปลิพุทฺธาย, สนฺทิฎฺฐวิลมฺพิตาทิโทสรหิตายฯ อเนลคลายาติ เอลคเลน วิรหิตายฯ เอกจฺจสฺส หิ กเถนฺตสฺส เอลํ คลติ, ลาลา วา ปคฺฆรติ, เขฬผุสิตานิ วา นิกฺขมนฺติ, ตสฺส วาจา เอลคลา นาม โหติฯ ตพฺพิปริตายาติ อโตฺถฯ อตฺถสฺส วิญฺญาปนิยาติอาทิมชฺฌปริโยสานํ ปากฎํ กตฺวา ภาสิตตฺถสฺส วิญฺญาปนสมตฺถายฯ เสสเมตฺถ พฺราหฺมณวเณฺณ อุตฺตานเมวฯ
Kālyāṇavācotiādīsu kalyāṇā sundarā parimaṇḍalapadabyañjanā vācā assāti kalyāṇavāco. Kalyāṇaṃ madhuraṃ vākkaraṇaṃ assāti kalyāṇavākkaraṇo. Vākkaraṇanti udāharaṇaghoso. Guṇaparipuṇṇabhāvena pure bhavāti porī. Pure vā bhavattā porī. Nāgarikitthiyā sukhumālattanena sadisātipi porī. Tāya poriyā. Vissaṭṭhāyāti apalibuddhāya, sandiṭṭhavilambitādidosarahitāya. Anelagalāyāti elagalena virahitāya. Ekaccassa hi kathentassa elaṃ galati, lālā vā paggharati, kheḷaphusitāni vā nikkhamanti, tassa vācā elagalā nāma hoti. Tabbiparitāyāti attho. Atthassa viññāpaniyātiādimajjhapariyosānaṃ pākaṭaṃ katvā bhāsitatthassa viññāpanasamatthāya. Sesamettha brāhmaṇavaṇṇe uttānameva.
๔๒๕. เอวํ วุเตฺตติ เอวํ เตหิ พฺราหฺมเณหิ วุเตฺต, จงฺกี, ‘‘อิเม พฺราหฺมณา อตฺตโน วเณฺณ วุจฺจมาเน อตุสฺสนกสโตฺต นาม นตฺถิ, วณฺณมสฺส ภณิตฺวา นิวาเรสฺสามาติ ชาติอาทีหิ มม วณฺณํ วทนฺติ, น โข ปน เม ยุตฺตํ อตฺตโน วเณฺณ รชฺชิตุํฯ หนฺทาหํ เอเตสํ วาทํ ภินฺทิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส มหนฺตภาวํ ญาเปตฺวา เอเตสํ ตตฺถ คมนํ กโรมี’’ติ จิเนฺตตฺวา เตน หิ, โภ, มมาปิ สุณาถาติอาทิมาหฯ ตตฺถ เยปิ ‘‘อุภโต สุชาโต’’ติอาทโย อตฺตโน คุเณหิ สทิสา คุณา, เตปิ ‘‘โก จาหํ, เก จ สมณสฺส โคตมสฺส ชาติสมฺปตฺติอาทโย คุณา’’ติ อตฺตโน คุเณหิ อุตฺตริตเรเยว มญฺญมาโน, อิตเร ปน เอกเนฺตเนว ภควโต มหนฺตภาวทีปนตฺถํ ปกาเสติฯ มยเมว อรหามาติ เอวํ นิยเมโนฺต เจตฺถ อิทํ ทีเปติ – ยทิ คุณมหนฺตตาย อุปสงฺกมิตโพฺพ นาม โหติ, ยถา สิเนรุํ อุปนิธาย สาสโป, มหาสมุทฺทํ อุปนิธาย โคปทกํ, สตฺตสุ มหาสเรสุ อุทกํ อุปนิธาย อุสฺสาวพินฺทุ ปริโตฺต ลามโก, เอวเมวํ สมณสฺส โคตมสฺส ชาติสมฺปตฺติอาทโย คุเณ อุปนิธาย อมฺหากํ คุณา ปริตฺตา ลามกา, ตสฺมา มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุนฺติฯ
425.Evaṃvutteti evaṃ tehi brāhmaṇehi vutte, caṅkī, ‘‘ime brāhmaṇā attano vaṇṇe vuccamāne atussanakasatto nāma natthi, vaṇṇamassa bhaṇitvā nivāressāmāti jātiādīhi mama vaṇṇaṃ vadanti, na kho pana me yuttaṃ attano vaṇṇe rajjituṃ. Handāhaṃ etesaṃ vādaṃ bhinditvā samaṇassa gotamassa mahantabhāvaṃ ñāpetvā etesaṃ tattha gamanaṃ karomī’’ti cintetvā tena hi, bho, mamāpi suṇāthātiādimāha. Tattha yepi ‘‘ubhato sujāto’’tiādayo attano guṇehi sadisā guṇā, tepi ‘‘ko cāhaṃ, ke ca samaṇassa gotamassa jātisampattiādayo guṇā’’ti attano guṇehi uttaritareyeva maññamāno, itare pana ekanteneva bhagavato mahantabhāvadīpanatthaṃ pakāseti. Mayameva arahāmāti evaṃ niyamento cettha idaṃ dīpeti – yadi guṇamahantatāya upasaṅkamitabbo nāma hoti, yathā sineruṃ upanidhāya sāsapo, mahāsamuddaṃ upanidhāya gopadakaṃ, sattasu mahāsaresu udakaṃ upanidhāya ussāvabindu paritto lāmako, evamevaṃ samaṇassa gotamassa jātisampattiādayo guṇe upanidhāya amhākaṃ guṇā parittā lāmakā, tasmā mayameva arahāma taṃ bhavantaṃ gotamaṃ dassanāya upasaṅkamitunti.
ภูมิคตญฺจ เวหาสฎฺฐญฺจาติ เอตฺถ ราชงฺคเณ เจว อุยฺยาเน จ สุธามฎฺฐา โปกฺขรณิโย สตฺตรตนปูริํ กตฺวา ภูมิยํ ฐปิตํ ธนํ ภูมิคตํ นาม, ปาสาทนิยูหาทโย ปน ปูเรตฺวา ฐปิตํ เวหาสฎฺฐํ นามฯ เอวํ ตาว กุลปริยาเยน อาคตํฯ ตถาคตสฺส ปน ชาตทิวเสเยว สโงฺข เอโล อุปฺปโล ปุณฺฑรีโกติ จตฺตาโร นิธโย อุปคตาฯ เตสุ สโงฺข คาวุติโก, เอโล อฑฺฒโยชนิโก, อุปฺปโล ติคาวุติโก ปุณฺฑรีโก โยชนิโกติฯ เตสุปิ คหิตคหิตฎฺฐานํ ปูรติเยวฯ อิติ ภควา ปหูตํ หิรญฺญสุวณฺณํ โอหาย ปพฺพชิโตติ เวทิตโพฺพฯ ทหโร วาติอาทีนิ เหฎฺฐา วิตฺถาริตาเนวฯ
Bhūmigatañca vehāsaṭṭhañcāti ettha rājaṅgaṇe ceva uyyāne ca sudhāmaṭṭhā pokkharaṇiyo sattaratanapūriṃ katvā bhūmiyaṃ ṭhapitaṃ dhanaṃ bhūmigataṃ nāma, pāsādaniyūhādayo pana pūretvā ṭhapitaṃ vehāsaṭṭhaṃ nāma. Evaṃ tāva kulapariyāyena āgataṃ. Tathāgatassa pana jātadivaseyeva saṅkho elo uppalo puṇḍarīkoti cattāro nidhayo upagatā. Tesu saṅkho gāvutiko, elo aḍḍhayojaniko, uppalo tigāvutiko puṇḍarīko yojanikoti. Tesupi gahitagahitaṭṭhānaṃ pūratiyeva. Iti bhagavā pahūtaṃ hiraññasuvaṇṇaṃ ohāya pabbajitoti veditabbo. Daharo vātiādīni heṭṭhā vitthāritāneva.
อขุทฺทาวกาโสติ เอตฺถ ภควติ อปริมาโณเยว ทสฺสนาวกาโสติ เวทิตโพฺพฯ ตตฺริทํ วตฺถุํ – ราชคเห กิร อญฺญตโร พฺราหฺมโณ ‘‘สมณสฺส กิร โคตมสฺส ปมาณํ คเหตุํ น สกฺกา’’ติ สุตฺวา ภควโต ปิณฺฑาย ปวิสนกาเล สฎฺฐิหตฺถํ เวฬุํ คเหตฺวา นครทฺวารสฺส พหิ ฐตฺวา สมฺปเตฺต ภควติ เวฬุํ คเหตฺวา สมีเป อฎฺฐาสิ, เวฬุ ภควโต ชาณุมตฺตํ ปาปุณิฯ ปุนทิวเส เทฺว เวฬู ฆเฎตฺวา สมีเป อฎฺฐาสิ , ภควา ทฺวินฺนํ เวฬูนํ อุปริ ทฺวิเวณุมตฺตเมว ปญฺญายมาโน, ‘‘พฺราหฺมณ, กิํ กโรสี’’ติ อาห? ตุมฺหากํ ปมาณํ คณฺหามีติฯ ‘‘พฺราหฺมณ, สเจปิ ตฺวํ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรตฺวา ฐิตเวฬุํ ฆเฎตฺวา อาคมิสฺสสิ, เนว เม ปมาณํ คเหตุํ สกฺขิสฺสสิฯ น หิ มยา จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสญฺจ ตถา ปารมิโย ปูริตา, ยถา เม ปโร ปมาณํ คเณฺหยฺย, อตุโล พฺราหฺมณ, ตถาคโต อปฺปเมโยฺย’’ติ วตฺวา ธมฺมปเท คาถมาหฯ คาถาปริโยสาเน จตุราสีติปาณสหสฺสานิ อมตํ ปิวิํสุฯ
Akhuddāvakāsoti ettha bhagavati aparimāṇoyeva dassanāvakāsoti veditabbo. Tatridaṃ vatthuṃ – rājagahe kira aññataro brāhmaṇo ‘‘samaṇassa kira gotamassa pamāṇaṃ gahetuṃ na sakkā’’ti sutvā bhagavato piṇḍāya pavisanakāle saṭṭhihatthaṃ veḷuṃ gahetvā nagaradvārassa bahi ṭhatvā sampatte bhagavati veḷuṃ gahetvā samīpe aṭṭhāsi, veḷu bhagavato jāṇumattaṃ pāpuṇi. Punadivase dve veḷū ghaṭetvā samīpe aṭṭhāsi , bhagavā dvinnaṃ veḷūnaṃ upari dviveṇumattameva paññāyamāno, ‘‘brāhmaṇa, kiṃ karosī’’ti āha? Tumhākaṃ pamāṇaṃ gaṇhāmīti. ‘‘Brāhmaṇa, sacepi tvaṃ sakalacakkavāḷagabbhaṃ pūretvā ṭhitaveḷuṃ ghaṭetvā āgamissasi, neva me pamāṇaṃ gahetuṃ sakkhissasi. Na hi mayā cattāri asaṅkhyeyyāni kappasatasahassañca tathā pāramiyo pūritā, yathā me paro pamāṇaṃ gaṇheyya, atulo brāhmaṇa, tathāgato appameyyo’’ti vatvā dhammapade gāthamāha. Gāthāpariyosāne caturāsītipāṇasahassāni amataṃ piviṃsu.
อปรมฺปิ วตฺถุ – ราหุ กิร อสุริโนฺท จตฺตาริ โยชนสหสฺสานิ อฎฺฐ จ โยชนสตานิ อุโจฺจ, พาหนฺตรมสฺส ทฺวาทสโยชนสตานิ, หตฺถตลปาทตลานํ ปุถุลตา ตีณิ โยชนสตานิ, องฺคุลิปพฺพานิ ปณฺณาสโยชนานิ , ภมุกนฺตรํ ปณฺณาสโยชนํ, นลาฎํ ติโยชนสตํ, สีสํ นวโยชนสตํฯ โส – ‘‘อหํ อุโจฺจสฺมิ, สตฺถารํ โอนมิตฺวา โอโลเกตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ น คจฺฉติฯ โส เอกทิวสํ ภควโต วณฺณํ สุตฺวา ‘‘ยถา กถญฺจ โอโลเกสฺสามี’’ติ อาคโตฯ ภควา ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา ‘‘จตูสุ อิริยาปเถสุ กตเรน ทเสฺสมี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘ฐิตโก นาม นีโจปิ อุโจฺจ วิย ปญฺญายติ, นิปโนฺนวสฺส อตฺตานํ ทเสฺสสฺสามี’’ติ, ‘‘อานนฺท, คนฺธกุฎิปริเวเณ มญฺจกํ ปญฺญาเปหี’’ติ วตฺวา ตตฺถ สีหเสยฺยํ กเปฺปสิฯ ราหุ อาคนฺตฺวา นิปนฺนํ ภควนฺตํ คีวํ อุนฺนาเมตฺวา นภมเชฺฌ ปุณฺณจนฺทํ วิย อุโลฺลเกติฯ กิมิทํ อสุรินฺทาติ จ วุเตฺต, ภควา โอนมิตฺวา โอโลเกตุํ น สกฺขิสฺสามีติ น คจฺฉินฺติฯ น มยา อสุรินฺท อโธมุเขน ปารมิโย ปูริตา, อุทฺธคฺคํ เม กตฺวา ทานํ ทินฺนนฺติฯ ตํทิวสํ ราหุ สรณํ อคมาสิฯ เอวํ ภควา อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนายฯ
Aparampi vatthu – rāhu kira asurindo cattāri yojanasahassāni aṭṭha ca yojanasatāni ucco, bāhantaramassa dvādasayojanasatāni, hatthatalapādatalānaṃ puthulatā tīṇi yojanasatāni, aṅgulipabbāni paṇṇāsayojanāni , bhamukantaraṃ paṇṇāsayojanaṃ, nalāṭaṃ tiyojanasataṃ, sīsaṃ navayojanasataṃ. So – ‘‘ahaṃ uccosmi, satthāraṃ onamitvā oloketuṃ na sakkhissāmī’’ti na gacchati. So ekadivasaṃ bhagavato vaṇṇaṃ sutvā ‘‘yathā kathañca olokessāmī’’ti āgato. Bhagavā tassa ajjhāsayaṃ viditvā ‘‘catūsu iriyāpathesu katarena dassemī’’ti cintetvā ‘‘ṭhitako nāma nīcopi ucco viya paññāyati, nipannovassa attānaṃ dassessāmī’’ti, ‘‘ānanda, gandhakuṭipariveṇe mañcakaṃ paññāpehī’’ti vatvā tattha sīhaseyyaṃ kappesi. Rāhu āgantvā nipannaṃ bhagavantaṃ gīvaṃ unnāmetvā nabhamajjhe puṇṇacandaṃ viya ulloketi. Kimidaṃ asurindāti ca vutte, bhagavā onamitvā oloketuṃ na sakkhissāmīti na gacchinti. Na mayā asurinda adhomukhena pāramiyo pūritā, uddhaggaṃ me katvā dānaṃ dinnanti. Taṃdivasaṃ rāhu saraṇaṃ agamāsi. Evaṃ bhagavā akhuddāvakāso dassanāya.
จตุปาริสุทฺธิสีเลน สีลวาฯ ตํ ปน สีลํ อริยํ อุตฺตมํ ปริสุทฺธํ, เตนาห อริยสีลีติฯ ตเทว อนวชฺชเฎฺฐน กุสลํ, เตนาห กุสลสีลีติฯ กุสเลน สีเลนาติ อิทมสฺส เววจนํฯ พหูนํ อาจริยปาจริโยติ ภควโต เอเกกาย ธมฺมเทสนาย จตุราสีติปาณสหสฺสานิ อปริมาณาปิ เทวมนุสฺสา มคฺคผลามตํ ปิวนฺติฯ ตสฺมา พหูนํ อาจริโย, สาวกวิเนยฺยานํ ปาจริโยติฯ
Catupārisuddhisīlena sīlavā. Taṃ pana sīlaṃ ariyaṃ uttamaṃ parisuddhaṃ, tenāha ariyasīlīti. Tadeva anavajjaṭṭhena kusalaṃ, tenāha kusalasīlīti. Kusalena sīlenāti idamassa vevacanaṃ. Bahūnaṃ ācariyapācariyoti bhagavato ekekāya dhammadesanāya caturāsītipāṇasahassāni aparimāṇāpi devamanussā maggaphalāmataṃ pivanti. Tasmā bahūnaṃ ācariyo, sāvakavineyyānaṃ pācariyoti.
ขีณกามราโคติ เอตฺถ กามํ ภควโต สเพฺพปิ กิเลสา ขีณา, พฺราหฺมโณ ปน เต น ชานาติ, อตฺตโน ชานนฎฺฐาเนเยว คุณํ กเถติฯ วิคตจาปโลฺลติ ‘‘ปตฺตมณฺฑนา จีวรมณฺฑนา เสนาสนมณฺฑนา อิมสฺส วา ปูติกายสฺส…เป.… เกลนา ปฎิเกลนา’’ติ เอวํ วุตฺตจาปลฺยวิรหิโตฯ
Khīṇakāmarāgoti ettha kāmaṃ bhagavato sabbepi kilesā khīṇā, brāhmaṇo pana te na jānāti, attano jānanaṭṭhāneyeva guṇaṃ katheti. Vigatacāpalloti ‘‘pattamaṇḍanā cīvaramaṇḍanā senāsanamaṇḍanā imassa vā pūtikāyassa…pe… kelanā paṭikelanā’’ti evaṃ vuttacāpalyavirahito.
อปาปปุเรกฺขาโรติ อปาเป นวโลกุตฺตรธเมฺม ปุรโต กตฺวา วิจรติฯ พฺรหฺมญฺญาย ปชายาติ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานมหากสฺสปาทิเภทาย พฺราหฺมณปชายฯ (อวิรุโทฺธ หิ โส) เอติสฺสาย ปชาย ปุเรกฺขาโรฯ อยญฺหิ ปชา สมณํ โคตมํ ปุรโต กตฺวา จรตีติ อโตฺถฯ อปิจ อปาปปุเรกฺขาโรติ น ปาปุปุเรกฺขาโร, น ปาปํ ปุรโต กตฺวา จรติ, ปาปํ น อิจฺฉตีติ อโตฺถฯ กสฺส? พฺรหฺมญฺญาย ปชาย อตฺตนา สทฺธิํ ปฎิวิรุทฺธายปิ พฺราหฺมณปชาย อวิรุโทฺธ หิตสุขตฺถิโกเยวาติ วุตฺตํ โหติฯ
Apāpapurekkhāroti apāpe navalokuttaradhamme purato katvā vicarati. Brahmaññāya pajāyāti sāriputtamoggallānamahākassapādibhedāya brāhmaṇapajāya. (Aviruddho hi so) etissāya pajāya purekkhāro. Ayañhi pajā samaṇaṃ gotamaṃ purato katvā caratīti attho. Apica apāpapurekkhāroti na pāpupurekkhāro, na pāpaṃ purato katvā carati, pāpaṃ na icchatīti attho. Kassa? Brahmaññāya pajāya attanā saddhiṃ paṭiviruddhāyapi brāhmaṇapajāya aviruddho hitasukhatthikoyevāti vuttaṃ hoti.
ติโรรฎฺฐาติ ปรรฎฺฐโตฯ ติโรชนปทาติ ปรชนปทโตฯ สํปุจฺฉิตุํ อาคจฺฉนฺตีติ ขตฺติยปณฺฑิตาทโย เจว พฺราหฺมณคนฺธพฺพาทโย จ ปเญฺห อภิสงฺขริตฺวา ปุจฺฉิสฺสามาติ อาคจฺฉนฺติฯ ตตฺถ เกจิ ปุจฺฉาย วา โทสํ วิสฺสชฺชนสมฺปฎิจฺฉเน วา อสมตฺถตํ สลฺลเกฺขตฺวา อปุจฺฉิตฺวาว ตุณฺหี นิสีทนฺติ, เกจิ ปุจฺฉนฺติ, เกสญฺจิ ภควา ปุจฺฉาย อุสฺสาหํ ชเนตฺวา วิสฺสเชฺชติฯ เอวํ สเพฺพสมฺปิ เตสํ วิมติโย ตีรํ ปตฺวา มหาสมุทฺทสฺส อูมิโย วิย ภควนฺตํ ปตฺวาว ภิชฺชนฺติฯ เสสเมตฺถ ตถาคตสฺส วเณฺณ อุตฺตานเมวฯ
Tiroraṭṭhāti pararaṭṭhato. Tirojanapadāti parajanapadato. Saṃpucchituṃ āgacchantīti khattiyapaṇḍitādayo ceva brāhmaṇagandhabbādayo ca pañhe abhisaṅkharitvā pucchissāmāti āgacchanti. Tattha keci pucchāya vā dosaṃ vissajjanasampaṭicchane vā asamatthataṃ sallakkhetvā apucchitvāva tuṇhī nisīdanti, keci pucchanti, kesañci bhagavā pucchāya ussāhaṃ janetvā vissajjeti. Evaṃ sabbesampi tesaṃ vimatiyo tīraṃ patvā mahāsamuddassa ūmiyo viya bhagavantaṃ patvāva bhijjanti. Sesamettha tathāgatassa vaṇṇe uttānameva.
อติถี โน เต โหนฺตีติ เต อมฺหากํ อาคนฺตุกา นวกา ปาหุนกา โหนฺตีติ อโตฺถฯ ปริยาปุณามีติ ชานามิฯ อปริมาณวโณฺณติ ตถารูเปเนว สพฺพญฺญุนาปิ อปฺปเมยฺยวโณฺณ, ปเคว มาทิเสนาติ ทเสฺสติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Atithī no te hontīti te amhākaṃ āgantukā navakā pāhunakā hontīti attho. Pariyāpuṇāmīti jānāmi. Aparimāṇavaṇṇoti tathārūpeneva sabbaññunāpi appameyyavaṇṇo, pageva mādisenāti dasseti. Vuttampi cetaṃ –
‘‘พุโทฺธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
‘‘Buddhopi buddhassa bhaṇeyya vaṇṇaṃ,
กปฺปมฺปิ เจ อญฺญมภาสมาโน;
Kappampi ce aññamabhāsamāno;
ขีเยถ กโปฺป จิรทีฆมนฺตเร,
Khīyetha kappo ciradīghamantare,
วโณฺณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติฯ
Vaṇṇo na khīyetha tathāgatassā’’ti.
อิมํ ปน คุณกถํ สุตฺวา เต พฺราหฺมณา จินฺตยิํสุ ‘‘ยถา, จงฺกี, สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณํ ภาสติ, อโนมคุโณ โส ภวํ โคตโม, เอวํ ตสฺส คุเณ ชานมาเนน โข ปน อิมินา อติจิรํ อธิวาสิตํ, หนฺท นํ อนุวตฺตามา’’ติ อนุวตฺตมานา ‘‘เตน หิ, โภ’’ติอาทิมาหํสุฯ
Imaṃ pana guṇakathaṃ sutvā te brāhmaṇā cintayiṃsu ‘‘yathā, caṅkī, samaṇassa gotamassa vaṇṇaṃ bhāsati, anomaguṇo so bhavaṃ gotamo, evaṃ tassa guṇe jānamānena kho pana iminā aticiraṃ adhivāsitaṃ, handa naṃ anuvattāmā’’ti anuvattamānā ‘‘tena hi, bho’’tiādimāhaṃsu.
๔๒๖. โอปาเตตีติ ปเวเสติฯ สํปุเรกฺขโรนฺตีติ ปุตฺตมตฺตนตฺตมตฺตมฺปิ สมานํ ปุรโต กตฺวา วิจรนฺติฯ
426.Opātetīti paveseti. Saṃpurekkharontīti puttamattanattamattampi samānaṃ purato katvā vicaranti.
๔๒๗. มนฺตปทนฺติ มนฺตาเยว มนฺตปทํ, เวโทติ อโตฺถฯ อิติหิติห ปรมฺปรายาติ เอวํ กิร เอวํ กิราติ ปรมฺปรภาเวน อาคตนฺติ ทีเปติฯ ปิฎกสมฺปทายาติ ปาวจนสงฺขาตสมฺปตฺติยาฯ สาวิตฺติอาทีหิ ฉนฺทพเนฺธหิ จ วคฺคพเนฺธหิ จ สมฺปาเทตฺวา อาคตนฺติ ทเสฺสติฯ ตตฺถ จาติ ตสฺมิํ มนฺตปเทฯ ปวตฺตาโรติ ปวตฺตยิตาโรฯ เยสนฺติ เยสํ สนฺตกํฯ มนฺตปทนฺติ เวทสงฺขาตํ มนฺตเมวฯ คีตนฺติ อฎฺฐกาทีหิ ทสหิ โปราณกพฺราหฺมเณหิ ปทสมฺปตฺติวเสน สชฺฌายิตํฯ ปวุตฺตนฺติ อเญฺญสํ วุตฺตํ, วาจิตนฺติ อโตฺถฯ สมิหิตนฺติ สมุปพฺยูฬฺหํ ราสิกตํ, ปิณฺฑํ กตฺวา ฐปิตนฺติ อโตฺถฯ ตทนุคายนฺตีติ เอตรหิ พฺราหฺมณา ตํ เตหิ ปุเพฺพ คีตํ อนุคายนฺติ อนุสชฺฌายนฺติ วาเทนฺติฯ ตทนุภาสนฺตีติ ตํ อนุภาสนฺติ, อิทํ ปุริมเสฺสว เววจนํฯ ภาสิตมนุภาสนฺตีติ เตหิ ภาสิตํ สชฺฌายิตํ อนุสชฺฌายนฺติฯ วาจิตมนุวาเจนฺตีติ เตหิ อเญฺญสํ วาจิตํ อนุวาเจนฺติฯ เสยฺยถิทนฺติ เต กตเมติ อโตฺถฯ อฎฺฐโกติอาทีนิ เตสํ นามานิ, เต กิร ทิเพฺพน จกฺขุนา โอโลเกตฺวา ปรูปฆาตํ อกตฺวา กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ภควโต ปาวจเนน สห สํสเนฺทตฺวา มเนฺต คเนฺถสุํ, อปราปเร ปน พฺราหฺมณา ปาณาติปาตาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา ตโย เวเท ภินฺทิตฺวา พุทฺธวจเนน สทฺธิํ วิรุเทฺธ อกํสุฯ
427.Mantapadanti mantāyeva mantapadaṃ, vedoti attho. Itihitiha paramparāyāti evaṃ kira evaṃ kirāti paramparabhāvena āgatanti dīpeti. Piṭakasampadāyāti pāvacanasaṅkhātasampattiyā. Sāvittiādīhi chandabandhehi ca vaggabandhehi ca sampādetvā āgatanti dasseti. Tattha cāti tasmiṃ mantapade. Pavattāroti pavattayitāro. Yesanti yesaṃ santakaṃ. Mantapadanti vedasaṅkhātaṃ mantameva. Gītanti aṭṭhakādīhi dasahi porāṇakabrāhmaṇehi padasampattivasena sajjhāyitaṃ. Pavuttanti aññesaṃ vuttaṃ, vācitanti attho. Samihitanti samupabyūḷhaṃ rāsikataṃ, piṇḍaṃ katvā ṭhapitanti attho. Tadanugāyantīti etarahi brāhmaṇā taṃ tehi pubbe gītaṃ anugāyanti anusajjhāyanti vādenti. Tadanubhāsantīti taṃ anubhāsanti, idaṃ purimasseva vevacanaṃ. Bhāsitamanubhāsantīti tehi bhāsitaṃ sajjhāyitaṃ anusajjhāyanti. Vācitamanuvācentīti tehi aññesaṃ vācitaṃ anuvācenti. Seyyathidanti te katameti attho. Aṭṭhakotiādīni tesaṃ nāmāni, te kira dibbena cakkhunā oloketvā parūpaghātaṃ akatvā kassapasammāsambuddhassa bhagavato pāvacanena saha saṃsandetvā mante ganthesuṃ, aparāpare pana brāhmaṇā pāṇātipātādīni pakkhipitvā tayo vede bhinditvā buddhavacanena saddhiṃ viruddhe akaṃsu.
๔๒๘. อนฺธเวณีติ อนฺธปเวณีฯ เอเกน หิ จกฺขุมตา คหิตยฎฺฐิยา โกฎิํ เอโก อโนฺธ คณฺหาติ, ตํ อนฺธํ อโญฺญ, ตํ อโญฺญติ เอวํ ปณฺณาส สฎฺฐิ อนฺธา ปฎิปาฎิยา ฆฎิตา อนฺธเวณีติ วุจฺจติฯ ปรมฺปราสํสตฺตาติ อญฺญมญฺญํ ลคฺคา, ยฎฺฐิคฺคาหเกนปิ จกฺขุมตา วิรหิตาติ อโตฺถฯ เอโก กิร ธุโตฺต อนฺธคณํ ทิสฺวา ‘‘อสุกสฺมิํ นาม คาเม ขชฺชโภชฺชํ สุลภ’’นฺติ อุสฺสาเหตฺวา เตหิ ‘‘ตตฺถ โน สามิ เนหิ, อิทํ นาม เต เทมา’’ติ วุเตฺต ลญฺชํ คเหตฺวา อนฺตรามเคฺค มคฺคา โอกฺกมฺม มหนฺตํ คจฺฉํ อนุปริคนฺตฺวา ปุริมสฺส หเตฺถน ปจฺฉิมสฺส กจฺฉํ คณฺหาเปตฺวา ‘‘กิญฺจิ กมฺมํ อตฺถิ, คจฺฉถ ตาว ตุเมฺห’’ติ วตฺวา ปลายิฯ เต ทิวสมฺปิ คนฺตฺวา มคฺคํ อวินฺทมานา ‘‘กหํ, โภ, จกฺขุมา กหํ มโคฺค’’ติ ปริเทวิตฺวา มคฺคํ อวินฺทมานา ตเตฺถว มริํสุฯ เต สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปรมฺปราสํสตฺตา’’ติฯ ปุริโมปีติ ปุริเมสุ ทสสุ พฺราหฺมเณสุ เอโกปิฯ มชฺฌิโมปีติ มเชฺฌ อาจริยปาจริเยสุ เอโกปิฯ ปจฺฉิโมปีติ อิทานิ พฺราหฺมเณสุ เอโกปิฯ
428.Andhaveṇīti andhapaveṇī. Ekena hi cakkhumatā gahitayaṭṭhiyā koṭiṃ eko andho gaṇhāti, taṃ andhaṃ añño, taṃ aññoti evaṃ paṇṇāsa saṭṭhi andhā paṭipāṭiyā ghaṭitā andhaveṇīti vuccati. Paramparāsaṃsattāti aññamaññaṃ laggā, yaṭṭhiggāhakenapi cakkhumatā virahitāti attho. Eko kira dhutto andhagaṇaṃ disvā ‘‘asukasmiṃ nāma gāme khajjabhojjaṃ sulabha’’nti ussāhetvā tehi ‘‘tattha no sāmi nehi, idaṃ nāma te demā’’ti vutte lañjaṃ gahetvā antarāmagge maggā okkamma mahantaṃ gacchaṃ anuparigantvā purimassa hatthena pacchimassa kacchaṃ gaṇhāpetvā ‘‘kiñci kammaṃ atthi, gacchatha tāva tumhe’’ti vatvā palāyi. Te divasampi gantvā maggaṃ avindamānā ‘‘kahaṃ, bho, cakkhumā kahaṃ maggo’’ti paridevitvā maggaṃ avindamānā tattheva mariṃsu. Te sandhāya vuttaṃ ‘‘paramparāsaṃsattā’’ti. Purimopīti purimesu dasasu brāhmaṇesu ekopi. Majjhimopīti majjhe ācariyapācariyesu ekopi. Pacchimopīti idāni brāhmaṇesu ekopi.
ปญฺจ โขติ ปาฬิอาคเตสุ ทฺวีสุ อเญฺญปิ เอวรูเป ตโย ปกฺขิปิตฺวา วทติฯ เทฺวธาวิปากาติ ภูตวิปากา วา อภูตวิปากา วาฯ นาลเมตฺถาติ, ภารทฺวาช, สจฺจํ อนุรกฺขิสฺสามีติ ปฎิปเนฺนน วิญฺญุนา ‘‘ยํ มยา คหิตํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติ เอตฺถ เอกํเสเนว นิฎฺฐํ คนฺตุํ นาลํ น ยุตฺตนฺติ อุปริ ปุจฺฉาย มคฺคํ วิวริตฺวา ฐเปสิฯ
Pañcakhoti pāḷiāgatesu dvīsu aññepi evarūpe tayo pakkhipitvā vadati. Dvedhāvipākāti bhūtavipākā vā abhūtavipākā vā. Nālametthāti, bhāradvāja, saccaṃ anurakkhissāmīti paṭipannena viññunā ‘‘yaṃ mayā gahitaṃ, idameva saccaṃ moghamañña’’nti ettha ekaṃseneva niṭṭhaṃ gantuṃ nālaṃ na yuttanti upari pucchāya maggaṃ vivaritvā ṭhapesi.
๔๓๐. อิธ, ภารทฺวาช, ภิกฺขูติ ชีวกสุเตฺต (ม. นิ. ๒.๕๑ อาทโย) วิย มหาวจฺฉสุเตฺต (ม. นิ. ๒.๑๙๓ อาทโย) วิย จ อตฺตานเญฺญว สนฺธาย วทติฯ โลภนีเยสุ ธเมฺมสูติ โลภธเมฺมสุฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ
430.Idha, bhāradvāja, bhikkhūti jīvakasutte (ma. ni. 2.51 ādayo) viya mahāvacchasutte (ma. ni. 2.193 ādayo) viya ca attānaññeva sandhāya vadati. Lobhanīyesu dhammesūti lobhadhammesu. Sesapadadvayepi eseva nayo.
๔๓๒. สทฺธํ นิเวเสตีติ โอกปฺปนิยสทฺธํ นิเวเสติฯ อุปสงฺกมตีติ อุปคจฺฉติฯ ปยิรุปาสตีติ สนฺติเก นิสีทติฯ โสตนฺติ ปสาทโสตํ โอทหติฯ ธมฺมนฺติ เทสนาธมฺมํ สุณาติฯ ธาเรตีติ ปคุณํ กตฺวา ธาเรติฯ อุปปริกฺขตีติ อตฺถโต จ การณโต จ วีมํสติฯ นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ โอโลกนํ ขมนฺติ, อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธีติ เอวํ อุปฎฺฐหนฺตีติ อโตฺถฯ ฉโนฺทติ กตฺตุกมฺยตา ฉโนฺทฯ อุสฺสหตีติ วายมติฯ ตุเลตีติ อนิจฺจาทิวเสน ตีเรติฯ ปทหตีติ มคฺคปธานํ ปทหติฯ กาเยน เจว ปรมสจฺจนฺติ สหชาตนามกาเยน จ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรติ, ปญฺญาย จ กิเลเส นิพฺพิชฺฌิตฺวา ตเทว วิภูตํ ปากฎํ กโรโนฺต ปสฺสติฯ
432.Saddhaṃ nivesetīti okappaniyasaddhaṃ niveseti. Upasaṅkamatīti upagacchati. Payirupāsatīti santike nisīdati. Sotanti pasādasotaṃ odahati. Dhammanti desanādhammaṃ suṇāti. Dhāretīti paguṇaṃ katvā dhāreti. Upaparikkhatīti atthato ca kāraṇato ca vīmaṃsati. Nijjhānaṃ khamantīti olokanaṃ khamanti, idha sīlaṃ kathitaṃ, idha samādhīti evaṃ upaṭṭhahantīti attho. Chandoti kattukamyatā chando. Ussahatīti vāyamati. Tuletīti aniccādivasena tīreti. Padahatīti maggapadhānaṃ padahati. Kāyena ceva paramasaccanti sahajātanāmakāyena ca nibbānaṃ sacchikaroti, paññāya ca kilese nibbijjhitvā tadeva vibhūtaṃ pākaṭaṃ karonto passati.
๔๓๓. สจฺจานุโพโธติ มคฺคานุโพโธฯ สจฺจานุปฺปตฺตีติ ผลสจฺฉิกิริยาฯ เตสํเยวาติ เหฎฺฐา วุตฺตานํ ทฺวาทสนฺนํ, เอวํ ทีฆํ มคฺควาทํ อนุโลเมติ, ตสฺมา นายมโตฺถฯ อยํ ปเนตฺถ อโตฺถ – เตสํเยวาติ เตสํ มคฺคสมฺปยุตฺตธมฺมานํฯ ปธานนฺติ มคฺคปธานํฯ ตญฺหิ ผลสจฺฉิกิริยสงฺขาตาย สจฺจานุปฺปตฺติยา พหุการํ, มเคฺค อสติ ผลาภาวโตติฯ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
433.Saccānubodhoti maggānubodho. Saccānuppattīti phalasacchikiriyā. Tesaṃyevāti heṭṭhā vuttānaṃ dvādasannaṃ, evaṃ dīghaṃ maggavādaṃ anulometi, tasmā nāyamattho. Ayaṃ panettha attho – tesaṃyevāti tesaṃ maggasampayuttadhammānaṃ. Padhānanti maggapadhānaṃ. Tañhi phalasacchikiriyasaṅkhātāya saccānuppattiyā bahukāraṃ, magge asati phalābhāvatoti. Iminā nayena sabbapadesu attho veditabbo. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
จงฺกีสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Caṅkīsuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๕. จงฺกีสุตฺตํ • 5. Caṅkīsuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๕. จงฺกีสุตฺตวณฺณนา • 5. Caṅkīsuttavaṇṇanā