Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๕. จงฺกีสุตฺตวณฺณนา

    5. Caṅkīsuttavaṇṇanā

    ๔๒๒. ตสฺมินฺติ สาลวเนฯ อุตฺตเรน โอปาสาทนฺติ โอปาสาทคามสฺส อุตฺตรทิสายํฯ อุตฺตเรนาติ เอน-สทฺทโยเคน หิ โอปาสาทนฺติ อุปโยควจนํฯ อชฺฌาวสตีติ เอตฺถ อธิ-อา-สทฺทานํ อนตฺถนฺตรตํ หทเย กตฺวา อาห ‘‘วสตี’’ติฯ อิทานิ เตสํ อตฺถวิเสสภาวิตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อภิภวิตฺวา วา อาวสตี’’ติอาทิมาหฯ เอตฺถาติ โอปาสาทปเทฯ สตฺตุสฺสทนฺติอาทีสุ ปน กถนฺติ อาห – ‘‘ตสฺส อนุปฺปโยคตฺตาว เสสปเทสู’’ติฯ อุป-อนุ-อธิ-อิติ-เอวํ-ปุพฺพเก วสนกิริยยาฎฺฐาเน อุปโยควจนเมว ปาปุณาตีติ สทฺทวิทู อิจฺฉนฺตีติ อาห ‘‘ลกฺขณํ สทฺทสตฺถโต ปริเยสิตพฺพ’’นฺติฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อุปสคฺควเสน ปเนตฺถ ภุมฺมเตฺถ อุปโยควจนํ เวทิตพฺพ’’นฺติฯ อุสฺสทตา นาเมตฺถ พหุลตาติ ตํ พหุลตํ ทเสฺสตุํ ‘‘พหุชน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อาวชฺชิตฺวาติ ปริกฺขิปิตฺวาฯ

    422.Tasminti sālavane. Uttarena opāsādanti opāsādagāmassa uttaradisāyaṃ. Uttarenāti ena-saddayogena hi opāsādanti upayogavacanaṃ. Ajjhāvasatīti ettha adhi-ā-saddānaṃ anatthantarataṃ hadaye katvā āha ‘‘vasatī’’ti. Idāni tesaṃ atthavisesabhāvitaṃ dassento ‘‘abhibhavitvā vā āvasatī’’tiādimāha. Etthāti opāsādapade. Sattussadantiādīsu pana kathanti āha – ‘‘tassa anuppayogattāva sesapadesū’’ti. Upa-anu-adhi-iti-evaṃ-pubbake vasanakiriyayāṭṭhāne upayogavacanameva pāpuṇātīti saddavidū icchantīti āha ‘‘lakkhaṇaṃ saddasatthato pariyesitabba’’nti. Tathā hi vuttaṃ ‘‘upasaggavasena panettha bhummatthe upayogavacanaṃ veditabba’’nti. Ussadatā nāmettha bahulatāti taṃ bahulataṃ dassetuṃ ‘‘bahujana’’ntiādi vuttaṃ. Āvajjitvāti parikkhipitvā.

    รญฺญา วิย ภุญฺชิตพฺพนฺติ วา ราชโภคฺคํฯ รโญฺญ ทายภูตนฺติ กุลปรมฺปราย โภคฺคภาเวน รญฺญา ลทฺธทายภูตํฯ เตนาห ‘‘ทายชฺชนฺติ อโตฺถ’’ติฯ ราชนีหาเรน ปริภุญฺชิตพฺพโต อุทฺธํ ปริโภคลาภสฺส เสฎฺฐเทยฺยตา นาม นตฺถีติ อาห – ‘‘ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ราชสเงฺขเปน ปริภุญฺชิตพฺพ’’นฺติฯ ติตฺถปพฺพตาทีสูติ นทีติตฺถปพฺพตปาทคามทฺวารอฎวีมุขาทีสุฯ นิสฺสฎฺฐปริจฺจตฺตนฺติ มุตฺตจาควเสน ปริจฺจตฺตํ กตฺวาฯ เอเตสํ พฺราหฺมณคหปติกานํฯ

    Raññā viya bhuñjitabbanti vā rājabhoggaṃ. Rañño dāyabhūtanti kulaparamparāya bhoggabhāvena raññā laddhadāyabhūtaṃ. Tenāha ‘‘dāyajjanti attho’’ti. Rājanīhārena paribhuñjitabbato uddhaṃ paribhogalābhassa seṭṭhadeyyatā nāma natthīti āha – ‘‘chattaṃ ussāpetvā rājasaṅkhepena paribhuñjitabba’’nti. Titthapabbatādīsūti nadītitthapabbatapādagāmadvāraaṭavīmukhādīsu. Nissaṭṭhapariccattanti muttacāgavasena pariccattaṃ katvā. Etesaṃ brāhmaṇagahapatikānaṃ.

    ๔๒๓. ติ สนฺนิปติตาฯ โย โกจิ วิญฺญูนํ อิจฺฉิโต ปโญฺห, ตสฺส ปุจฺฉิตสฺส ยาถาวโต กถนสมโตฺถ ปุจฺฉิตปญฺหพฺยากรณสมโตฺถฯกุลาปเทสาทินา มหตี มตฺตา เอตสฺสาติ มหามโตฺตฯ

    423. Ti sannipatitā. Yo koci viññūnaṃ icchito pañho, tassa pucchitassa yāthāvato kathanasamattho pucchitapañhabyākaraṇasamattho.Kulāpadesādinā mahatī mattā etassāti mahāmatto.

    ๔๒๔. เตติ ‘‘นานาเวรชฺชกา’’ติ วุตฺตพฺราหฺมณาฯ ‘‘อุภโต สุชาโต’’ติ (ที. นิ. ฎี. ๑.๓๐๓; อ. นิ. ฎี. ๓.๕.๑๓๔) เอตฺตเก วุเตฺต เยหิ เกหิจิ ทฺวีหิ ภาเคหิ สุชาตตา วิญฺญาเยยฺย, สุชาตสโทฺท จ ‘‘สุชาโต จารุทสฺสโน’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๓; เถรคา. ๘๑๘) อาโรหปริณาหสมฺปตฺติปริยาโยติ ชาติวเสเนว สุชาตตํ วิภาเวตุํ ‘‘มาติโต จ ปิติโต จา’’ติ วุตฺตํฯ อโนรสปุตฺตวเสนปิ โลเก มาตุปิตุสมญฺญา ทิสฺสติ, อิธ ปนสฺส โอรสปุตฺตวเสเนว อิจฺฉียตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘สํสุทฺธคหณีโก’’ติ วุตฺตํฯ ปิตา จ มาตา จ ปิตโร, ปิตูนํ ปิตโร ปิตามหา, เตสํ ยุโค ปิตามหยุโค, ตสฺมา ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ยุคสโทฺท เจตฺถ เอกเสสนเยน ทฎฺฐโพฺพ ‘‘ยุโค จ ยุโค จ ยุคา’’ติฯ เอวญฺหิ ตตฺถ ตตฺถ ทฺวินฺนํ คหิตเมว โหติฯ เตนาห – ‘‘ตโต อุทฺธํ สเพฺพปิ ปุพฺพปุริสา ปิตามหคฺคหเณเนว คหิตา’’ติฯ ปุริสคฺคหณเญฺจตฺถ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทสวเสน กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอวญฺหิ ‘‘มาติโต’’ติ ปาฬิวจนํ สมตฺถิตํ โหติฯ อกฺขิโตฺตติ อปฺปตฺตเขโปฯ อนวกฺขิโตฺตติ สทฺธถาลิปากาทีสุ น อวกฺขิโตฺตฯ ชาติวาเทนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘เกน การเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ อุภโต…เป.… ปิตามหยุคาติ เอเตน พฺราหฺมณสฺส โยนิโทสาภาโว ทสฺสิโต สํสุทฺธคหณิกภาวกิตฺตนโตฯ อกฺขิโตฺตติ อิมินา กิริยาปราธาภาโวฯ กิริยาปราเธน หิ สตฺตา เขปํ ปาปุณนฺติฯ อนุปกุโฎฺฐติ อิมินา อยุตฺตสํสคฺคาภาโวฯ อยุตฺตสํสคฺคมฺปิ หิ ปฎิจฺจ สตฺตา อโกฺกสํ ลภนฺติฯ

    424.Teti ‘‘nānāverajjakā’’ti vuttabrāhmaṇā. ‘‘Ubhato sujāto’’ti (dī. ni. ṭī. 1.303; a. ni. ṭī. 3.5.134) ettake vutte yehi kehici dvīhi bhāgehi sujātatā viññāyeyya, sujātasaddo ca ‘‘sujāto cārudassano’’tiādīsu (ma. ni. 2.399; su. ni. 553; theragā. 818) ārohapariṇāhasampattipariyāyoti jātivaseneva sujātataṃ vibhāvetuṃ ‘‘mātito ca pitito cā’’ti vuttaṃ. Anorasaputtavasenapi loke mātupitusamaññā dissati, idha panassa orasaputtavaseneva icchīyatīti dassetuṃ ‘‘saṃsuddhagahaṇīko’’ti vuttaṃ. Pitā ca mātā ca pitaro, pitūnaṃ pitaro pitāmahā, tesaṃ yugo pitāmahayugo, tasmā yāva sattamā pitāmahayugāti evamettha attho daṭṭhabbo. Yugasaddo cettha ekasesanayena daṭṭhabbo ‘‘yugo ca yugo ca yugā’’ti. Evañhi tattha tattha dvinnaṃ gahitameva hoti. Tenāha – ‘‘tato uddhaṃ sabbepi pubbapurisā pitāmahaggahaṇeneva gahitā’’ti. Purisaggahaṇañcettha ukkaṭṭhaniddesavasena katanti daṭṭhabbaṃ. Evañhi ‘‘mātito’’ti pāḷivacanaṃ samatthitaṃ hoti. Akkhittoti appattakhepo. Anavakkhittoti saddhathālipākādīsu na avakkhitto. Jātivādenāti hetumhi karaṇavacananti dassetuṃ ‘‘kena kāraṇenā’’tiādi vuttaṃ. Ettha ca ubhato…pe… pitāmahayugāti etena brāhmaṇassa yonidosābhāvo dassito saṃsuddhagahaṇikabhāvakittanato. Akkhittoti iminā kiriyāparādhābhāvo. Kiriyāparādhena hi sattā khepaṃ pāpuṇanti. Anupakuṭṭhoti iminā ayuttasaṃsaggābhāvo. Ayuttasaṃsaggampi hi paṭicca sattā akkosaṃ labhanti.

    อิสฺสโรติ อธิปเตยฺยสํวตฺตนิยกมฺมผเลน อีสนสีโลฯ สา ปนสฺส อิสฺสรตา วิภวสมฺปตฺติปจฺจยา ปากฎา ชาตาติ อฑฺฒตาปริยายภาเวน วทโนฺต ‘‘อโฑฺฒติ อิสฺสโร’’ติ อาหฯ มหนฺตํ ธนมสฺส ภูมิคตเญฺจว เวหาสฎฺฐญฺจาติ มหทฺธโนฯ ตสฺสาติ ตสฺส ตสฺสฯ วทนฺติ ‘‘อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ อนุปสงฺกมนการณํ กิเตฺตมา’’ติฯ

    Issaroti adhipateyyasaṃvattaniyakammaphalena īsanasīlo. Sā panassa issaratā vibhavasampattipaccayā pākaṭā jātāti aḍḍhatāpariyāyabhāvena vadanto ‘‘aḍḍhoti issaro’’ti āha. Mahantaṃ dhanamassa bhūmigatañceva vehāsaṭṭhañcāti mahaddhano. Tassāti tassa tassa. Vadanti ‘‘anvayato byatirekato ca anupasaṅkamanakāraṇaṃ kittemā’’ti.

    อธิกรูโปติ วิสิฎฺฐรูโป อุตฺตมสรีโรฯ ทสฺสนํ อรหตีติ ทสฺสนีโยฯ เตนาห ‘‘ทสฺสนโยโคฺค’’ติฯ ปสาทํ อาวหตีติ ปาสาทิโกฯ เตนาห ‘‘จิตฺตปสาทชนนโต’’ติฯ วณฺณสฺสาติ วณฺณธาตุยา ฯ สรีรนฺติ สนฺนิเวสวิสิโฎฺฐ กรจรณคีวาสีสาทิ อวยวสมุทาโย, โส จ สณฺฐานมุเขน คยฺหตีติ ‘‘ปรมาย วณฺณโปกฺขรตายาติ ปรมาย…เป.… สมฺปตฺติยา จา’’ติ วุตฺตํฯ สพฺพวเณฺณสุ สุวณฺณวโณฺณว อุตฺตโมติ วุตฺตํ ‘‘เสเฎฺฐน สุวณฺณวเณฺณน สมนฺนาคโต’’ติฯ ตถา หิ พุทฺธา จกฺกวตฺติโน จ สุวณฺณวณฺณาว โหนฺติฯ พฺรหฺมวจฺฉสีติ อุตฺตมสรีราโภ สุวณฺณาโภติ อโตฺถฯ อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธายาห ‘‘มหาพฺรหฺมุโน สรีรสทิเสน สรีเรน สมนฺนาคโต’’ติฯ น พฺรหฺมุชุคตฺตตํฯ อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนายาติ อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา อวยวปาริปูริยา จ ทสฺสนาย โอกาโส น ขุทฺทโกฯ เตนาห ‘‘สพฺพาเนวา’’ติอาทิฯ

    Adhikarūpoti visiṭṭharūpo uttamasarīro. Dassanaṃ arahatīti dassanīyo. Tenāha ‘‘dassanayoggo’’ti. Pasādaṃ āvahatīti pāsādiko. Tenāha ‘‘cittapasādajananato’’ti. Vaṇṇassāti vaṇṇadhātuyā . Sarīranti sannivesavisiṭṭho karacaraṇagīvāsīsādi avayavasamudāyo, so ca saṇṭhānamukhena gayhatīti ‘‘paramāya vaṇṇapokkharatāyāti paramāya…pe… sampattiyā cā’’ti vuttaṃ. Sabbavaṇṇesu suvaṇṇavaṇṇova uttamoti vuttaṃ ‘‘seṭṭhena suvaṇṇavaṇṇena samannāgato’’ti. Tathā hi buddhā cakkavattino ca suvaṇṇavaṇṇāva honti. Brahmavacchasīti uttamasarīrābho suvaṇṇābhoti attho. Imameva hi atthaṃ sandhāyāha ‘‘mahābrahmuno sarīrasadisena sarīrena samannāgato’’ti. Na brahmujugattataṃ. Akhuddāvakāso dassanāyāti ārohapariṇāhasampattiyā avayavapāripūriyā ca dassanāya okāso na khuddako. Tenāha ‘‘sabbānevā’’tiādi.

    ยมนิยมลกฺขณํ สีลมสฺส อตฺถีติ สีลวา, ตํ ปนสฺส รตฺตญฺญุตาย วุทฺธํ วฑฺฒิตํ สีลํ อสฺส อตฺถีติ วุทฺธสีลี, เตน จ สพฺพทา สมาโยคโต วุฑฺฒสีเลน สมนฺนาคโตฯ ปญฺจสีลมตฺตเมว สนฺธาย วทนฺติ ตโต ปรํ สีลสฺส ตตฺถ อภาวโต เตสญฺจ อชานนโตฯ

    Yamaniyamalakkhaṇaṃ sīlamassa atthīti sīlavā, taṃ panassa rattaññutāya vuddhaṃ vaḍḍhitaṃ sīlaṃ assa atthīti vuddhasīlī, tena ca sabbadā samāyogato vuḍḍhasīlena samannāgato. Pañcasīlamattameva sandhāya vadanti tato paraṃ sīlassa tattha abhāvato tesañca ajānanato.

    ฐานกรณสมฺปตฺติยา สิกฺขาสมฺปตฺติยา จ กตฺถจิปิ อนูนตาย ปริมณฺฑลปทานิ พฺยญฺชนานิ อกฺขรานิ เอติสฺสาติ ปริมณฺฑลปทพฺยญฺชนาฯ อถ วา ปชฺชติ อโตฺถ เอเตนาติ ปทํ, นามาทิ, ยถาธิเปฺปตมตฺถํ พฺยเญฺชตีติ พฺยญฺชนํ วากฺยํ, เตสํ ปริปุณฺณตาย ปริมณฺฑลปทพฺยญฺชนาฯ อตฺถญาปนสาธนตาย วาจาว กรณนฺติ วากฺกรณํ, อุทาหรณโฆโสฯ คุณปริปุณฺณภาเวน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส, เตน วา ภาสิตพฺพอตฺถสฺสฯ ปูเร ปุณฺณภาเวฯ ปูเรติ จ ปุริมสฺมิํ อเตฺถ อาธาเร ภุมฺมํ, ทุติยสฺมิํ วิสเยฯ สุขุมาลตฺตเนนาติ อิมินา ตสฺสา วาจาย มุทุสณฺหภาวมาหฯ อปลิพุทฺธาย ปิตฺตเสมฺหาทีหิฯ สนฺทิฎฺฐํ สพฺพํ ทเสฺสตฺวา วิย เอกเทสกถนํฯ วิลมฺพิตํ สณิกํ จิรายิตฺวา กถนํฯ ‘‘สนฺทิทฺธวิลมฺพิตาที’’ติ วา ปาโฐฯ ตตฺถ สนฺทิทฺธํ สเนฺทหชนกํฯ อาทิ-สเทฺทน ขลิตานุกฑฺฒิตาทิํ สงฺคณฺหาติฯ อาทิมชฺฌปริโยสานํ ปากฎํ กตฺวาติ อิมินา จสฺส วาจาย อตฺถปาริปูริํ วทนฺติฯ

    Ṭhānakaraṇasampattiyā sikkhāsampattiyā ca katthacipi anūnatāya parimaṇḍalapadāni byañjanāni akkharāni etissāti parimaṇḍalapadabyañjanā. Atha vā pajjati attho etenāti padaṃ, nāmādi, yathādhippetamatthaṃ byañjetīti byañjanaṃ vākyaṃ, tesaṃ paripuṇṇatāya parimaṇḍalapadabyañjanā. Atthañāpanasādhanatāya vācāva karaṇanti vākkaraṇaṃ, udāharaṇaghoso. Guṇaparipuṇṇabhāvena tassa brāhmaṇassa, tena vā bhāsitabbaatthassa. Pūre puṇṇabhāve. Pūreti ca purimasmiṃ atthe ādhāre bhummaṃ, dutiyasmiṃ visaye. Sukhumālattanenāti iminā tassā vācāya mudusaṇhabhāvamāha. Apalibuddhāya pittasemhādīhi. Sandiṭṭhaṃ sabbaṃ dassetvā viya ekadesakathanaṃ. Vilambitaṃ saṇikaṃ cirāyitvā kathanaṃ. ‘‘Sandiddhavilambitādī’’ti vā pāṭho. Tattha sandiddhaṃ sandehajanakaṃ. Ādi-saddena khalitānukaḍḍhitādiṃ saṅgaṇhāti. Ādimajjhapariyosānaṃ pākaṭaṃ katvāti iminā cassa vācāya atthapāripūriṃ vadanti.

    ๔๒๕. สทิสาติ เอกเทเสน สทิสาฯ น หิ พุทฺธานํ คุเณหิ สพฺพถา สทิสา เกจิปิ คุณา อเญฺญสุ ลพฺภนฺติฯ อิตเรติ อตฺตโน คุเณหิ อสทิสคุเณฯ อิทนฺติ อิทํ อตฺถชาตํฯ โคปทกนฺติ คาวิยา ปเท ฐิตอุทกํฯ กุลปริยาเยนาติ กุลานุกฺกเมนฯ

    425.Sadisāti ekadesena sadisā. Na hi buddhānaṃ guṇehi sabbathā sadisā kecipi guṇā aññesu labbhanti. Itareti attano guṇehi asadisaguṇe. Idanti idaṃ atthajātaṃ. Gopadakanti gāviyā pade ṭhitaudakaṃ. Kulapariyāyenāti kulānukkamena.

    ตตฺถาติ มญฺจเกฯ สีหเสยฺยํ กเปฺปสีติ ยถา ราหุ อสุริโนฺท อายามโต วิตฺถารโต อุเพฺพธโต จ ภควโต รูปกายสฺส ปริเจฺฉทํ คเหตุํ น สโกฺกติ, ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขโรโนฺต สีหเสยฺยํ กเปฺปสิฯ

    Tatthāti mañcake. Sīhaseyyaṃ kappesīti yathā rāhu asurindo āyāmato vitthārato ubbedhato ca bhagavato rūpakāyassa paricchedaṃ gahetuṃ na sakkoti, tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkharonto sīhaseyyaṃ kappesi.

    ปริสุทฺธเฎฺฐน อริยนฺติ อาห ‘‘อริยํ อุตฺตมํ ปริสุทฺธ’’นฺติฯ อนวชฺชเฎฺฐน กุสลํ, น สุขวิปากเฎฺฐนฯ กตฺถจิ จตุราสีติ ปาณสหสฺสานิ กตฺถจิ อปริมาณาปิ เทวมนุสฺสา ยสฺมา จตุวีสติยา ฐาเนสุ อสเงฺขฺยยฺยา อปริเมยฺยา มคฺคผลามตํ ปิวนฺติฯ โกฎิสตสหสฺสาทิปริมาเณนปิ พหู เอวฯ ตสฺมา อนุตฺตราจารสิกฺขาปนวเสเนว ภควา พหูนํ อาจริโยฯ เตติ กามราคโต อเญฺญ ภควตา ปหีนกิเลเสฯ

    Parisuddhaṭṭhena ariyanti āha ‘‘ariyaṃ uttamaṃ parisuddha’’nti. Anavajjaṭṭhena kusalaṃ, na sukhavipākaṭṭhena. Katthaci caturāsīti pāṇasahassāni katthaci aparimāṇāpi devamanussā yasmā catuvīsatiyā ṭhānesu asaṅkhyeyyā aparimeyyā maggaphalāmataṃ pivanti. Koṭisatasahassādiparimāṇenapi bahū eva. Tasmā anuttarācārasikkhāpanavaseneva bhagavā bahūnaṃ ācariyo. Teti kāmarāgato aññe bhagavatā pahīnakilese.

    อปาปปุเรกฺขาโรติ อปาเปหิ ปุรกฺขรียติ, น วา ปาปํ ปุรโต กโรตีติปิ อปาปปุเรกฺขาโรติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปาเป นว โลกุตฺตรธเมฺม’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อปาเปติ ปาปปปฎิปเกฺข ปาปรหิเต จฯ พฺรหฺมนิ ภวา, พฺรหฺมุโน วา หิตา ครุกรณาทินา, พฺรหฺมานํ วา มคฺคํ ชานาตีติ พฺรหฺมญฺญา, ตสฺสา พฺรหฺมญฺญาย ปชาย

    Apāpapurekkhāroti apāpehi purakkharīyati, na vā pāpaṃ purato karotītipi apāpapurekkhāroti imamatthaṃ dassetuṃ ‘‘apāpe nava lokuttaradhamme’’tiādi vuttaṃ. Tattha apāpeti pāpapapaṭipakkhe pāparahite ca. Brahmani bhavā, brahmuno vā hitā garukaraṇādinā, brahmānaṃ vā maggaṃ jānātīti brahmaññā, tassā brahmaññāya pajāya.

    ติโรรฎฺฐา ติโรชนปทาติ เอตฺถ รชฺชํ รฎฺฐํ ราชนฺติ ราชาโน เอเตนาติ กตฺวาฯ ตเทกเทสภูตา ปเทสา ปน ชนปโท ชนา ปชฺชนฺติ เอตฺถ สุขชีวิกํ ปาปุณนฺตีติ กตฺวาฯ ปุจฺฉาย โทสํ สลฺลเกฺขตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ ภควา วิสฺสเชฺชติ เตสํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติํ จิเนฺตตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ นวกาติ อาคนฺตุกภาเวน อมฺหากํ อภินวาฯ

    Tiroraṭṭhātirojanapadāti ettha rajjaṃ raṭṭhaṃ rājanti rājāno etenāti katvā. Tadekadesabhūtā padesā pana janapado janā pajjanti ettha sukhajīvikaṃ pāpuṇantīti katvā. Pucchāya dosaṃ sallakkhetvāti sambandho. Bhagavā vissajjeti tesaṃ upanissayasampattiṃ cintetvāti adhippāyo. Navakāti āgantukabhāvena amhākaṃ abhinavā.

    ๔๒๖. โอปาเตติ นิปฺปาเตตีติ อโตฺถฯ ตถาภูโต จ ตตฺถ เปสิตา โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปเวเสตี’’ติฯ สํปุรกฺขโรนฺตีติ สกฺกจฺจํ ปุพฺพงฺคมํ กโรนฺติฯ เตนาห ‘‘ปุรโต กตฺวา วิจรนฺตี’’ติฯ

    426.Opāteti nippātetīti attho. Tathābhūto ca tattha pesitā hotīti vuttaṃ ‘‘pavesetī’’ti. Saṃpurakkharontīti sakkaccaṃ pubbaṅgamaṃ karonti. Tenāha ‘‘purato katvā vicarantī’’ti.

    ๔๒๗. สุเทฺท พหิ กตฺวา รโห สาสิตพฺพเฎฺฐน มนฺตา เอว ตํตํอตฺถปฎิปตฺติเหตุตาย ปทนฺติ มนฺตปทํ เวทํฯ เตนาห ‘‘เวโท’’ติฯ เอวํ กิราติ ปรมฺปรภาเวน อาภตนฺติ อาจริยปรมฺปราย อาภตํฯ ปาวจนสงฺขาตสมฺปตฺติยาติ ปมุขวจนมฺหิ อุทตฺตาทิสมฺปตฺติยาฯ สาวิตฺติอาทีหิ ฉนฺทพเนฺธหิ วคฺคพเนฺธหิ จาติ คายตฺตีอาทีหิ อชฺฌายานุวากาทีหิ ฉนฺทพเนฺธหิ จ วคฺคพเนฺธหิ จฯ สมฺปาเทตฺวาติ ปทสมฺปตฺติํ อหาเปตฺวาฯ ปวตฺตาโรติ วา ปาวจนวเสน วตฺตาโรฯ สชฺฌายิตนฺติ คายนวเสน สชฺฌายิตํ, ตํ ปน ปเทเนว อิจฺฉิตนฺติ อาห ‘‘ปทสมฺปตฺติวเสนา’’ติฯ อเญฺญสํ วุตฺตนฺติ ปาวจนวเสน อเญฺญสํ วุตฺตํฯ ราสิกตนฺติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทาทิวเสน, ตตฺถาปิ ปเจฺจกํ มนฺตพฺรหฺมาทิวเสน อชฺฌายานุวากาทิวเสน ราสิกตํฯ ทิเพฺพน จกฺขุนา โอโลเกตฺวาติ ทิพฺพจกฺขุปริภเณฺฑน ยถากมฺมูปคญาเณน สตฺตานํ กมฺมสฺสกตํ, ปจฺจกฺขโต ทสฺสนเฎฺฐน ทิพฺพจกฺขุสทิเสน ปุเพฺพนิวาสญาเณน อตีตกเปฺป พฺราหฺมณานํ มนฺตเชฺฌนวิธิญฺจ โอโลเกตฺวาฯ ปาวจเนน สห สํสเนฺทตฺวาติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ยํ วจนํ วฎฺฎสนฺนิสฺสิตํ, เตน สห อวิรุทฺธํ กตฺวาฯ น หิ เตสํ วิวฎฺฎสนฺนิสฺสิโต อโตฺถ ปจฺจโกฺข โหติฯ อปราปเรติ อฎฺฐกาทีหิ อปราปเร, ปจฺฉิมา โอกฺกากราชกาลาทีสุ อุปฺปนฺนาฯ ปกฺขิปิตฺวาติ อฎฺฐกาทีหิ คนฺถิตมนฺตปเทสุ กิเลสสนฺนิสฺสิตปทานํ ตตฺถ ตตฺถ ปเท ปกฺขิปนํ กตฺวาฯ วิรุเทฺธ อกํสูติ พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตาทีสุ (ขุ. นิ. พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตํ) อาคตนเยเนว สํกิเลสิกตฺถทีปนโต ปจฺจนีกภูเต อกํสุฯ

    427. Sudde bahi katvā raho sāsitabbaṭṭhena mantā eva taṃtaṃatthapaṭipattihetutāya padanti mantapadaṃ vedaṃ. Tenāha ‘‘vedo’’ti. Evaṃ kirāti paramparabhāvena ābhatanti ācariyaparamparāya ābhataṃ. Pāvacanasaṅkhātasampattiyāti pamukhavacanamhi udattādisampattiyā. Sāvittiādīhi chandabandhehi vaggabandhehi cāti gāyattīādīhi ajjhāyānuvākādīhi chandabandhehi ca vaggabandhehi ca. Sampādetvāti padasampattiṃ ahāpetvā. Pavattāroti vā pāvacanavasena vattāro. Sajjhāyitanti gāyanavasena sajjhāyitaṃ, taṃ pana padeneva icchitanti āha ‘‘padasampattivasenā’’ti. Aññesaṃ vuttanti pāvacanavasena aññesaṃ vuttaṃ. Rāsikatanti iruvedayajuvedasāmavedādivasena, tatthāpi paccekaṃ mantabrahmādivasena ajjhāyānuvākādivasena rāsikataṃ. Dibbena cakkhunā oloketvāti dibbacakkhuparibhaṇḍena yathākammūpagañāṇena sattānaṃ kammassakataṃ, paccakkhato dassanaṭṭhena dibbacakkhusadisena pubbenivāsañāṇena atītakappe brāhmaṇānaṃ mantajjhenavidhiñca oloketvā. Pāvacanena saha saṃsandetvāti kassapasammāsambuddhassa yaṃ vacanaṃ vaṭṭasannissitaṃ, tena saha aviruddhaṃ katvā. Na hi tesaṃ vivaṭṭasannissito attho paccakkho hoti. Aparāpareti aṭṭhakādīhi aparāpare, pacchimā okkākarājakālādīsu uppannā. Pakkhipitvāti aṭṭhakādīhi ganthitamantapadesu kilesasannissitapadānaṃ tattha tattha pade pakkhipanaṃ katvā. Viruddhe akaṃsūti brāhmaṇadhammikasuttādīsu (khu. ni. brāhmaṇadhammikasuttaṃ) āgatanayeneva saṃkilesikatthadīpanato paccanīkabhūte akaṃsu.

    ๔๒๘. ปฎิปาฎิยา ฆฎิตาติ ปฎิปาฎิยา สมฺพทฺธาฯ ปรมฺปรสํสตฺตาติ อาทานิยาย ยฎฺฐิยา สํสตฺตาฯ เตนาห ‘‘ยฎฺฐิคฺคาหเกน จกฺขุมตา’’ติฯ ปุริมสฺสาติ มณฺฑลากาเรน ฐิตาย อนฺธเวณิยา สพฺพปุริมสฺส หเตฺถน สพฺพปจฺฉิมสฺส กจฺฉํ คณฺหาเปตฺวาฯ ทิวสมฺปีติ อเนกทิวสมฺปิ ฯ จกฺขุสฺส อนาคตภวํ ญตฺวา ยถาอกฺกนฺตฎฺฐาเนเยว อนุปติตฺวา อกฺกมนํว สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘กหํ จกฺขุมา กหํ มโคฺค’’ติ ปริเวทิตฺวา

    428.Paṭipāṭiyā ghaṭitāti paṭipāṭiyā sambaddhā. Paramparasaṃsattāti ādāniyāya yaṭṭhiyā saṃsattā. Tenāha ‘‘yaṭṭhiggāhakena cakkhumatā’’ti. Purimassāti maṇḍalākārena ṭhitāya andhaveṇiyā sabbapurimassa hatthena sabbapacchimassa kacchaṃ gaṇhāpetvā. Divasampīti anekadivasampi . Cakkhussa anāgatabhavaṃ ñatvā yathāakkantaṭṭhāneyeva anupatitvā akkamanaṃva sallakkhetvā ‘‘kahaṃ cakkhumā kahaṃ maggo’’ti pariveditvā.

    ปาฬิอาคเตสุ ทฺวีสูติ สทฺธา อนุสฺสโวติ อิเมสุ ทฺวีสุฯ เอวรูเปติ ยถา สทฺธานุสฺสวา, เอวรูเป เอว ปจฺจกฺขคาหิโนติ อโตฺถฯ ตโยติ รุจิอาการปริวิตกฺกทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติโยฯ ภูตวิปากาติ ภูตตฺถนิฎฺฐายกา อธิเปฺปตตฺถสาธกา, วุตฺตวิปริยาเยน อภูตตฺถวิปากา เวทิตพฺพา ฯ เอตฺถาติ เอเตสุ สทฺธายิตาทิวตฺถูสุฯ เอกํเสเนว นิฎฺฐํ คนฺตุํ นาลํ อเนกนฺติกตฺตา สทฺธาทิคฺคาหสฺสฯ อุปริ ปุจฺฉาย มคฺคํ วิวริตฺวา ฐเปสิ สจฺจานุรกฺขาย ญาตุกามตาย อุปฺปาทิตตฺตาฯ ปสฺสติ หิ ภควา – มยา ‘‘สจฺจมนุรกฺขตา…เป.… นิฎฺฐํ คนฺตุ’’นฺติ วุเตฺต สจฺจานุรกฺขณํ ญาตุกาโม มาณโว ‘‘กิตฺตาวตา’’ติอาทินา ปุจฺฉิสฺสติ, ตสฺส ตํ วิสฺสเชฺชตฺวา สจฺจานุโพเธ ปุจฺฉาย อวสรํ ทตฺวา ตสฺส อุปนิสฺสเย อุปการธเมฺม กเถสฺสามีติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปริ ปุจฺฉาย มคฺคํ วิวริตฺวา ฐเปสี’’ติฯ

    Pāḷiāgatesu dvīsūti saddhā anussavoti imesu dvīsu. Evarūpeti yathā saddhānussavā, evarūpe eva paccakkhagāhinoti attho. Tayoti ruciākāraparivitakkadiṭṭhinijjhānakkhantiyo. Bhūtavipākāti bhūtatthaniṭṭhāyakā adhippetatthasādhakā, vuttavipariyāyena abhūtatthavipākā veditabbā . Etthāti etesu saddhāyitādivatthūsu. Ekaṃseneva niṭṭhaṃ gantuṃ nālaṃ anekantikattā saddhādiggāhassa. Upari pucchāya maggaṃ vivaritvā ṭhapesi saccānurakkhāya ñātukāmatāya uppāditattā. Passati hi bhagavā – mayā ‘‘saccamanurakkhatā…pe… niṭṭhaṃ gantu’’nti vutte saccānurakkhaṇaṃ ñātukāmo māṇavo ‘‘kittāvatā’’tiādinā pucchissati, tassa taṃ vissajjetvā saccānubodhe pucchāya avasaraṃ datvā tassa upanissaye upakāradhamme kathessāmīti. Tena vuttaṃ – ‘‘upari pucchāya maggaṃ vivaritvā ṭhapesī’’ti.

    ๔๓๐. อตฺตานเญฺญว สนฺธาย วทติ, ยโต วุตฺตํ ปาฬิยํ – ‘‘ยํ โข ปนายมายสฺมา ธมฺมํ เทเสติ, คมฺภีโร โส ธโมฺม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ’’ติอาทิฯ ลุพฺภนฺตีติ โลภนียา ยถา ‘‘อปายคมนียา’’ติ อาห ‘‘โลภนีเยสุ ธเมฺมสูติ โลภธเมฺมสู’’ติฯ ยถา วา รูปาทิธมฺมา โลภนียา, เอวํ โลโภติ อาห ‘‘โลภนีเยสุ ธเมฺมสูติ โลภธเมฺมสู’’ติฯ เตเนวาห – ‘‘ยํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓; วิภ. ๒๐๓)ฯ เอเส นโย เสสปททฺวเยปิฯ

    430.Attānaññeva sandhāya vadati, yato vuttaṃ pāḷiyaṃ – ‘‘yaṃ kho panāyamāyasmā dhammaṃ deseti, gambhīro so dhammo duddaso duranubodho’’tiādi. Lubbhantīti lobhanīyā yathā ‘‘apāyagamanīyā’’ti āha ‘‘lobhanīyesu dhammesūti lobhadhammesū’’ti. Yathā vā rūpādidhammā lobhanīyā, evaṃ lobhoti āha ‘‘lobhanīyesu dhammesūti lobhadhammesū’’ti. Tenevāha – ‘‘yaṃ loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ, etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisatī’’ti (dī. ni. 2.400; ma. ni. 1.133; vibha. 203). Ese nayo sesapadadvayepi.

    ๔๓๒. นิเวเสตีติ ฐเปติ ปฎฺฐเปติฯ ปยิรุปาสตีติ อุปฎฺฐานวเสน อุปคนฺตฺวา นิสีทติฯ สุยฺยติ เอเตนาติ โสตนฺติ อาห ‘‘ปสาทโสต’’นฺติฯ ตญฺหิ สวนาย โอทหิตพฺพนฺติฯ ธาเรติ สนฺธาเรติ ตเตฺถว มนํ ฐเปติฯ อตฺถโตติ ยถาวุตฺตสฺส ธมฺมสฺส อตฺถโตฯ การณโตติ ยุตฺติโต เหตุทาหรเณหิ อุปปตฺติโตฯ โอโลกนนฺติ เอวเมตนฺติ ยถาสภาวโต ปญฺญาจกฺขุนา ทฎฺฐพฺพตํ ขมนฺติ, ตญฺจ มหนฺตสฺส มณิโน ปชฺชลนฺตสฺส วิย อาวิกตฺวา อตฺถสฺส จิเตฺต อุปฎฺฐานนฺติ อาห ‘‘อิธา’’ติอาทิฯ กตฺตุกมฺยตาฉโนฺทติ กตฺตุกามตาสงฺขาโต กุสลจฺฉโนฺทฯ วายมตีติอาทิโต จตุนฺนมฺปิ วีริยานํ วเสน วายามํ ปรกฺกมํ กโรติฯ มคฺคปธานํ ปทหตีติ มคฺคาวหํ มคฺคปริยาปนฺนญฺจ สมฺมปฺปธานํ ปทหติ, ปทหนวเสน ตํ ปริปูเรติฯ ปรมสจฺจนฺติ อโมฆธมฺมตฺตา ปรมตฺถสจฺจํฯ สหชาตนามกาเยนาติ มคฺคปญฺญาสหชาตนามกาเยน ฯ ตเทวาติ ตเทว ปรมสจฺจํ นิพฺพานํฯ เตเนวาห – ‘‘สจฺฉิกิริยาภิสมเยน วิภูตํ ปากฎํ กโรโนฺต ปสฺสตี’’ติฯ

    432.Nivesetīti ṭhapeti paṭṭhapeti. Payirupāsatīti upaṭṭhānavasena upagantvā nisīdati. Suyyati etenāti sotanti āha ‘‘pasādasota’’nti. Tañhi savanāya odahitabbanti. Dhāreti sandhāreti tattheva manaṃ ṭhapeti. Atthatoti yathāvuttassa dhammassa atthato. Kāraṇatoti yuttito hetudāharaṇehi upapattito. Olokananti evametanti yathāsabhāvato paññācakkhunā daṭṭhabbataṃ khamanti, tañca mahantassa maṇino pajjalantassa viya āvikatvā atthassa citte upaṭṭhānanti āha ‘‘idhā’’tiādi. Kattukamyatāchandoti kattukāmatāsaṅkhāto kusalacchando. Vāyamatītiādito catunnampi vīriyānaṃ vasena vāyāmaṃ parakkamaṃ karoti. Maggapadhānaṃ padahatīti maggāvahaṃ maggapariyāpannañca sammappadhānaṃ padahati, padahanavasena taṃ paripūreti. Paramasaccanti amoghadhammattā paramatthasaccaṃ. Sahajātanāmakāyenāti maggapaññāsahajātanāmakāyena . Tadevāti tadeva paramasaccaṃ nibbānaṃ. Tenevāha – ‘‘sacchikiriyābhisamayena vibhūtaṃ pākaṭaṃ karonto passatī’’ti.

    ๔๓๓-๔. มคฺคานุโพโธติ มคฺคปฎิปาฎิยา โพโธ พุชฺฌนํ, เยสํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทนวเสน มคฺคปฺปฎิเวโธ, เตสํ ปฎิปสฺสมฺภนวเสน ปวตฺตมานํ สามญฺญผลํ, มเคฺคน ปฎิวิทฺธานิ สจฺจานิ, ปรมตฺถสจฺจเมว วา อนุรูปพุชฺฌนนฺติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘สจฺจานุปฺปตฺตีติ ผลสจฺฉิกิริยา’’ติ วุตฺตํฯ เอวญฺหิ สติ เหฎฺฐา วุตฺตา สทฺธาปฎิลาภาทโย ทฺวาทส ธมฺมา สจฺจานุปฺปตฺติยา อุปการา โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เตสํเยวาติ เหฎฺฐา วุตฺตานํ ทฺวาทสนฺน’’นฺติฯ นายํ ‘‘เตสํเยวา’’ติ ปทสฺส อโตฺถฯ สติปิ กุสลวิปากาทิภาเวน นานเตฺต วตฺถารมฺมณภูมิกิจฺจาทิวเสน ปน สทิสาติ อุปายโตว มคฺคธมฺมา อาเสวิตา พหุลีกตา ผลภูตาติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ ตํสทิเส ตโพฺพหารํ กตฺวา ‘‘เตสํ มคฺคสมฺปยุตฺตธมฺมาน’’นฺติ วุตฺตํฯ เอวญฺหิ อาเสวนาคหณํ สมตฺถิตํ, น อญฺญถาฯ น หิ เอกจิตฺตกฺขณิกานํ มคฺคธมฺมานํ อาเสวนา, พหุลีกมฺมํ วา อตฺถีติฯ ตุลนาติ วิปสฺสนาฯ สา หิ วุฎฺฐานคามินิภูตา มคฺคปฺปธานสฺส พหุการา ตสฺส อภาเว มคฺคปฺปธานเสฺสว อภาวโต, เอวํ อุสฺสาโห ตุลนาย ฉโนฺท อุสฺสาหสฺส พหุกาโรติอาทินา เหฎฺฐิมสฺส อุปริมูปการตํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติ อาห – ‘‘อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพ’’ติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    433-4.Maggānubodhoti maggapaṭipāṭiyā bodho bujjhanaṃ, yesaṃ kilesānaṃ samucchindanavasena maggappaṭivedho, tesaṃ paṭipassambhanavasena pavattamānaṃ sāmaññaphalaṃ, maggena paṭividdhāni saccāni, paramatthasaccameva vā anurūpabujjhananti adhippāyo. ‘‘Saccānuppattīti phalasacchikiriyā’’ti vuttaṃ. Evañhi sati heṭṭhā vuttā saddhāpaṭilābhādayo dvādasa dhammā saccānuppattiyā upakārā honti, tasmā vuttaṃ ‘‘tesaṃyevāti heṭṭhā vuttānaṃ dvādasanna’’nti. Nāyaṃ ‘‘tesaṃyevā’’ti padassa attho. Satipi kusalavipākādibhāvena nānatte vatthārammaṇabhūmikiccādivasena pana sadisāti upāyatova maggadhammā āsevitā bahulīkatā phalabhūtāti vattabbataṃ arahatīti taṃsadise tabbohāraṃ katvā ‘‘tesaṃ maggasampayuttadhammāna’’nti vuttaṃ. Evañhi āsevanāgahaṇaṃ samatthitaṃ, na aññathā. Na hi ekacittakkhaṇikānaṃ maggadhammānaṃ āsevanā, bahulīkammaṃ vā atthīti. Tulanāti vipassanā. Sā hi vuṭṭhānagāminibhūtā maggappadhānassa bahukārā tassa abhāve maggappadhānasseva abhāvato, evaṃ ussāho tulanāya chando ussāhassa bahukārotiādinā heṭṭhimassa uparimūpakārataṃ suviññeyyamevāti āha – ‘‘iminā nayena sabbapadesu attho veditabbo’’ti. Sesaṃ suviññeyyameva.

    จงฺกีสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Caṅkīsuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๕. จงฺกีสุตฺตํ • 5. Caṅkīsuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. จงฺกีสุตฺตวณฺณนา • 5. Caṅkīsuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact