Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā |
๓. จาปาเถรีคาถาวณฺณนา
3. Cāpātherīgāthāvaṇṇanā
ลฎฺฐิหโตฺถ ปุเร อาสีติอาทิกา จาปาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี, อนุกฺกเมน อุปจิตกุสลมูลา สมฺภตวิโมกฺขสมฺภารา หุตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท วงฺคหารชนปเท อญฺญตรสฺมิํ มิคลุทฺทกคาเม เชฎฺฐกมิคลุทฺทกสฺส ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, จาปาติสฺสา นามํ อโหสิฯ เตน จ สมเยน อุปโก อาชีวโก โพธิมณฺฑโต ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตตุํ พาราณสิํ อุทฺทิสฺส คจฺฉเนฺตน สตฺถารา สมาคโต ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุโทฺธ ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโต, กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’ติ (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕) ปุจฺฉิตฺวา –
Laṭṭhihattho pure āsītiādikā cāpāya theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī, anukkamena upacitakusalamūlā sambhatavimokkhasambhārā hutvā imasmiṃ buddhuppāde vaṅgahārajanapade aññatarasmiṃ migaluddakagāme jeṭṭhakamigaluddakassa dhītā hutvā nibbatti, cāpātissā nāmaṃ ahosi. Tena ca samayena upako ājīvako bodhimaṇḍato dhammacakkaṃ pavattetuṃ bārāṇasiṃ uddissa gacchantena satthārā samāgato ‘‘vippasannāni kho te, āvuso, indriyāni, parisuddho chavivaṇṇo pariyodāto, kaṃsi tvaṃ, āvuso, uddissa pabbajito, ko vā te satthā, kassa vā tvaṃ dhammaṃ rocesī’’ti (mahāva. 11; ma. ni. 1.285) pucchitvā –
‘‘สพฺพาภิภู สพฺพวิทูหมสฺมิ, สเพฺพสุ ธเมฺมสุ อนูปลิโตฺต;
‘‘Sabbābhibhū sabbavidūhamasmi, sabbesu dhammesu anūpalitto;
สพฺพญฺชโห ตณฺหากฺขเย วิมุโตฺต, สยํ อภิญฺญาย กมุทฺทิเสยฺยํฯ (ธ. ป. ๓๕๓; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; ม. นิ. ๑.๒๘๕);
Sabbañjaho taṇhākkhaye vimutto, sayaṃ abhiññāya kamuddiseyyaṃ. (dha. pa. 353; mahāva. 11; kathā. 405; ma. ni. 1.285);
‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ;
‘‘Na me ācariyo atthi, sadiso me na vijjati;
สเทวกสฺมิํ โลกสฺมิํ, นตฺถิ เม ปฎิปุคฺคโลฯ
Sadevakasmiṃ lokasmiṃ, natthi me paṭipuggalo.
‘‘อหญฺหิ อรหา โลเก, อหํ สตฺถา อนุตฺตโร;
‘‘Ahañhi arahā loke, ahaṃ satthā anuttaro;
เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุโทฺธ, สีติภูโตมฺหิ นิพฺพุโตฯ
Ekomhi sammāsambuddho, sītibhūtomhi nibbuto.
‘‘ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตตุํ, คจฺฉามิ กาสินํ ปุรํ;
‘‘Dhammacakkaṃ pavattetuṃ, gacchāmi kāsinaṃ puraṃ;
อนฺธีภูตสฺมิํ โลกสฺมิํ, อาหญฺฉํ อมตทุนฺทุภิ’’นฺติฯ (มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; ม. นิ. ๑.๒๘๕) –
Andhībhūtasmiṃ lokasmiṃ, āhañchaṃ amatadundubhi’’nti. (mahāva. 11; kathā. 405; ma. ni. 1.285) –
สตฺถารา อตฺตโน สพฺพญฺญุพุทฺธภาเว ธมฺมจกฺกปวตฺตเน จ ปเวทิเต ปสนฺนจิโตฺต โส ‘‘หุเปยฺยปาวุโส, อรหสิ อนนฺตชิโน’’ติ (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕) วตฺวา อุมฺมคฺคํ คเหตฺวา ปกฺกโนฺต วงฺคหารชนปทํ อคมาสิฯ โส ตตฺถ เอกํ มิคลุทฺทกคามกํ อุปนิสฺสาย วาสํ กเปฺปสิฯ ตํ ตตฺถ เชฎฺฐกมิคลุทฺทโก อุปฎฺฐาสิฯ โส เอกทิวสํ ทูรํ มิควํ คจฺฉโนฺต ‘‘มยฺหํ อรหเนฺต มา ปมชฺชี’’ติ อตฺตโน ธีตรํ จาปํ อาณาเปตฺวา อคมาสิ สทฺธิํ ปุตฺตภาตุเกหิฯ สา จสฺส ธีตา อภิรูปา โหติ ทสฺสนียาฯ
Satthārā attano sabbaññubuddhabhāve dhammacakkapavattane ca pavedite pasannacitto so ‘‘hupeyyapāvuso, arahasi anantajino’’ti (mahāva. 11; ma. ni. 1.285) vatvā ummaggaṃ gahetvā pakkanto vaṅgahārajanapadaṃ agamāsi. So tattha ekaṃ migaluddakagāmakaṃ upanissāya vāsaṃ kappesi. Taṃ tattha jeṭṭhakamigaluddako upaṭṭhāsi. So ekadivasaṃ dūraṃ migavaṃ gacchanto ‘‘mayhaṃ arahante mā pamajjī’’ti attano dhītaraṃ cāpaṃ āṇāpetvā agamāsi saddhiṃ puttabhātukehi. Sā cassa dhītā abhirūpā hoti dassanīyā.
อถ โข อุปโก อาชีวโก ภิกฺขาจารเวลายํ มิคลุทฺทกสฺส ฆรํ คโต ปริวิสิตุํ อุปคตํ จาปํ ทิสฺวา ราเคน อภิภูโต ภุญฺชิตุมฺปิ อสโกฺกโนฺต ภาชเนน ภตฺตํ อาทาย วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา ภตฺตํ เอกมเนฺต นิกฺขิปิตฺวา ‘‘สเจ จาปํ ลภิสฺสามิ, ชีวามิ, โน เจ, มริสฺสามี’’ติ นิราหาโร นิปชฺชิฯ สตฺตเม ทิวเส มิคลุทฺทโก อาคนฺตฺวา ธีตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กิํ มยฺหํ อรหเนฺต น ปมชฺชี’’ติ? สา ‘‘เอกทิวสเมว อาคนฺตฺวา ปุน นาคตปุโพฺพ’’ติ อาหฯ มิคลุทฺทโก จ ตาวเทวสฺส วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา ‘‘กิํ, ภเนฺต, อผาสุก’’นฺติ ปาเท ปริมชฺชโนฺต ปุจฺฉิฯ อุปโก นิตฺถุนโนฺต ปริวตฺตติเยวฯ โส ‘‘วทถ, ภเนฺต, ยํ มยา สกฺกา กาตุํ, สพฺพํ ตํ กริสฺสามี’’ติ อาหฯ อุปโก เอเกน ปริยาเยน อตฺตโน อชฺฌาสยํ อาโรเจสิฯ ‘‘อิตโร ชานาสิ ปน, ภเนฺต, กิญฺจิ สิปฺป’’นฺติฯ ‘‘น ชานามี’’ติฯ ‘‘น, ภเนฺต, กิญฺจิ สิปฺปํ อชานเนฺตน สกฺกา ฆรํ อาวสิตุ’’นฺติฯ โส อาห – ‘‘นาหํ กิญฺจิ สิปฺปํ ชานามิ, อปิจ ตุมฺหากํ มํสหารโก ภวิสฺสามิ, มํสญฺจ วิกฺกิณิสฺสามี’’ติฯ มาควิโก ‘‘อมฺหากมฺปิ เอตเทว รุจฺจตี’’ติ อุตฺตรสาฎกํ ทตฺวา อตฺตโน สหายกสฺส เคเห กติปาหํ วสาเปตฺวา ตาทิเส ทิวเส ฆรํ อาเนตฺวา ธีตรํ อทาสิฯ
Atha kho upako ājīvako bhikkhācāravelāyaṃ migaluddakassa gharaṃ gato parivisituṃ upagataṃ cāpaṃ disvā rāgena abhibhūto bhuñjitumpi asakkonto bhājanena bhattaṃ ādāya vasanaṭṭhānaṃ gantvā bhattaṃ ekamante nikkhipitvā ‘‘sace cāpaṃ labhissāmi, jīvāmi, no ce, marissāmī’’ti nirāhāro nipajji. Sattame divase migaluddako āgantvā dhītaraṃ pucchi – ‘‘kiṃ mayhaṃ arahante na pamajjī’’ti? Sā ‘‘ekadivasameva āgantvā puna nāgatapubbo’’ti āha. Migaluddako ca tāvadevassa vasanaṭṭhānaṃ gantvā ‘‘kiṃ, bhante, aphāsuka’’nti pāde parimajjanto pucchi. Upako nitthunanto parivattatiyeva. So ‘‘vadatha, bhante, yaṃ mayā sakkā kātuṃ, sabbaṃ taṃ karissāmī’’ti āha. Upako ekena pariyāyena attano ajjhāsayaṃ ārocesi. ‘‘Itaro jānāsi pana, bhante, kiñci sippa’’nti. ‘‘Na jānāmī’’ti. ‘‘Na, bhante, kiñci sippaṃ ajānantena sakkā gharaṃ āvasitu’’nti. So āha – ‘‘nāhaṃ kiñci sippaṃ jānāmi, apica tumhākaṃ maṃsahārako bhavissāmi, maṃsañca vikkiṇissāmī’’ti. Māgaviko ‘‘amhākampi etadeva ruccatī’’ti uttarasāṭakaṃ datvā attano sahāyakassa gehe katipāhaṃ vasāpetvā tādise divase gharaṃ ānetvā dhītaraṃ adāsi.
อถ กาเล คจฺฉเนฺต เตสํ สํวาสมนฺวาย ปุโตฺต นิพฺพตฺติ, สุภโทฺทติสฺส นามํ อกํสุฯ จาปา ตสฺส โรทนกาเล ‘‘อุปกสฺส ปุตฺต, อาชีวกสฺส ปุตฺต, มํสหารกสฺส ปุตฺต, มา โรทิ มา โรที’’ติอาทินา ปุตฺตโตสนคีเตน อุปกํ อุปฺปเณฺฑสิฯ โส ‘‘มา ตฺวํ จาเป มํ ‘อนาโถ’ติ มญฺญิ, อตฺถิ เม สหาโย อนนฺตชิโน นาม, ตสฺสาหํ สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ อาหฯ จาปา ‘‘เอวมยํ อฎฺฎียตี’’ติ ญตฺวา ปุนปฺปุนํ ตถา กเถสิเยวฯ โส เอกทิวสํ ตาย ตถา วุโตฺต กุชฺฌิตฺวา คนฺตุมารโทฺธฯ ตาย ตํ ตํ วตฺวา อนุนียมาโนปิ สญฺญตฺติํ อนาคจฺฉโนฺต ปจฺฉิมทิสาภิมุโข ปกฺกามิฯ
Atha kāle gacchante tesaṃ saṃvāsamanvāya putto nibbatti, subhaddotissa nāmaṃ akaṃsu. Cāpā tassa rodanakāle ‘‘upakassa putta, ājīvakassa putta, maṃsahārakassa putta, mā rodi mā rodī’’tiādinā puttatosanagītena upakaṃ uppaṇḍesi. So ‘‘mā tvaṃ cāpe maṃ ‘anātho’ti maññi, atthi me sahāyo anantajino nāma, tassāhaṃ santikaṃ gamissāmī’’ti āha. Cāpā ‘‘evamayaṃ aṭṭīyatī’’ti ñatvā punappunaṃ tathā kathesiyeva. So ekadivasaṃ tāya tathā vutto kujjhitvā gantumāraddho. Tāya taṃ taṃ vatvā anunīyamānopi saññattiṃ anāgacchanto pacchimadisābhimukho pakkāmi.
ภควา จ เตน สมเยน สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรโนฺต ภิกฺขูนํ อาจิกฺขิ – ‘‘โย, ภิกฺขเว, อชฺช ‘กุหิํ อนนฺตชิโน’ติ อิธาคนฺตฺวา ปุจฺฉติ, ตํ มม สนฺติกํ เปเสถา’’ติฯ อุปโกปิ ‘‘กุหิํ อนนฺตชิโน วสตี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ปุจฺฉโนฺต อนุปุเพฺพน สาวตฺถิํ คนฺตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา วิหารมเชฺฌ ฐตฺวา ‘‘กุหิํ อนนฺตชิโน’’ติ ปุจฺฉิฯ ตํ ภิกฺขู ภควโต สนฺติกํ นยิํสุฯ โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ชานาถ มํ ภควา’’ติ อาหฯ ‘‘อาม, ชานามิ, กุหิํ ปน ตฺวํ เอตฺตกํ กาลํ วสี’’ติ? ‘‘วงฺคหารชนปเท, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘อุปก, อิทานิ มหลฺลโก ชาโต ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ? ‘‘ปพฺพชิสฺสามิ, ภเนฺต’’ติฯ สตฺถา อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อาณาเปสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติฯ โส ตํ ปพฺพาเชสิฯ โส ปพฺพชิโต สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา ภาวนํ อนุยุญฺชโนฺต น จิรเสฺสว อนาคามิผเล ปติฎฺฐาย กาลํ กตฺวา อวิเหสุ นิพฺพโตฺต, นิพฺพตฺตกฺขเณเยว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ อวิเหสุ นิพฺพตฺตมตฺตา สตฺต ชนา อรหตฺตํ ปตฺตา, เตสํ อยํ อญฺญตโรฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Bhagavā ca tena samayena sāvatthiyaṃ jetavane viharanto bhikkhūnaṃ ācikkhi – ‘‘yo, bhikkhave, ajja ‘kuhiṃ anantajino’ti idhāgantvā pucchati, taṃ mama santikaṃ pesethā’’ti. Upakopi ‘‘kuhiṃ anantajino vasatī’’ti tattha tattha pucchanto anupubbena sāvatthiṃ gantvā vihāraṃ pavisitvā vihāramajjhe ṭhatvā ‘‘kuhiṃ anantajino’’ti pucchi. Taṃ bhikkhū bhagavato santikaṃ nayiṃsu. So bhagavantaṃ disvā ‘‘jānātha maṃ bhagavā’’ti āha. ‘‘Āma, jānāmi, kuhiṃ pana tvaṃ ettakaṃ kālaṃ vasī’’ti? ‘‘Vaṅgahārajanapade, bhante’’ti. ‘‘Upaka, idāni mahallako jāto pabbajituṃ sakkhissasī’’ti? ‘‘Pabbajissāmi, bhante’’ti. Satthā aññataraṃ bhikkhuṃ āṇāpesi – ‘‘ehi tvaṃ, bhikkhu, imaṃ pabbājehī’’ti. So taṃ pabbājesi. So pabbajito satthu santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā bhāvanaṃ anuyuñjanto na cirasseva anāgāmiphale patiṭṭhāya kālaṃ katvā avihesu nibbatto, nibbattakkhaṇeyeva arahattaṃ pāpuṇi. Avihesu nibbattamattā satta janā arahattaṃ pattā, tesaṃ ayaṃ aññataro. Vuttañhetaṃ –
‘‘อวิหํ อุปปนฺนาเส, วิมุตฺตา สตฺต ภิกฺขโว;
‘‘Avihaṃ upapannāse, vimuttā satta bhikkhavo;
ราคโทสปริกฺขีณา, ติณฺณา โลเก วิสตฺติกํฯ
Rāgadosaparikkhīṇā, tiṇṇā loke visattikaṃ.
‘‘อุปโกปลคโณฺฑ จ, ปกฺกุสาติ จ เต ตโย;
‘‘Upakopalagaṇḍo ca, pakkusāti ca te tayo;
ภทฺทิโย ขณฺฑเทโว จ, พาหุรคฺคิ จ สิงฺคิโย;
Bhaddiyo khaṇḍadevo ca, bāhuraggi ca siṅgiyo;
เต หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปจฺจคุ’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๐๕);
Te hitvā mānusaṃ dehaṃ, dibbayogaṃ upaccagu’’nti. (saṃ. ni. 1.105);
อุปเก ปน ปกฺกเนฺต นิพฺพินฺทหทยา จาปา ทารกํ อยฺยกสฺส นิยฺยาเทตฺวา ปุเพฺพ อุปเกน คตมคฺคํ คจฺฉนฺตี สาวตฺถิํ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี มคฺคปฎิปาฎิยา อรหเตฺต ปติฎฺฐิตา, อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปุเพฺพ อุปเกน อตฺตนา จ กถิตคาถาโย อุทานวเสน เอกชฺฌํ กตฺวา –
Upake pana pakkante nibbindahadayā cāpā dārakaṃ ayyakassa niyyādetvā pubbe upakena gatamaggaṃ gacchantī sāvatthiṃ gantvā bhikkhunīnaṃ santike pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karontī maggapaṭipāṭiyā arahatte patiṭṭhitā, attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā pubbe upakena attanā ca kathitagāthāyo udānavasena ekajjhaṃ katvā –
๒๙๒.
292.
‘‘ลฎฺฐิหโตฺถ ปุเร อาสิ, โส ทานิ มิคลุทฺทโก;
‘‘Laṭṭhihattho pure āsi, so dāni migaluddako;
อาสาย ปลิปา โฆรา, นาสกฺขิ ปารเมตเวฯ
Āsāya palipā ghorā, nāsakkhi pārametave.
๒๙๓.
293.
‘‘สุมตฺตํ มํ มญฺญมานา, จาปิ ปุตฺตมโตสยิ;
‘‘Sumattaṃ maṃ maññamānā, cāpi puttamatosayi;
จาปาย พนฺธนํ เฉตฺวา, ปพฺพชิสฺสํ ปุโนปหํฯ
Cāpāya bandhanaṃ chetvā, pabbajissaṃ punopahaṃ.
๒๙๔.
294.
‘‘มา เม กุชฺฌิ มหาวีร, มา เม กุชฺฌิ มหามุนิ;
‘‘Mā me kujjhi mahāvīra, mā me kujjhi mahāmuni;
น หิ โกธปเรตสฺส, สุทฺธิ อตฺถิ กุโต ตโปฯ
Na hi kodhaparetassa, suddhi atthi kuto tapo.
๒๙๕.
295.
‘‘ปกฺกมิสฺสญฺจ นาฬาโต, โกธ นาฬาย วจฺฉติ;
‘‘Pakkamissañca nāḷāto, kodha nāḷāya vacchati;
พนฺธนฺตี อิตฺถิรูเปน, สมเณ ธมฺมชีวิโนฯ
Bandhantī itthirūpena, samaṇe dhammajīvino.
๒๙๖.
296.
‘‘เอหิ กาฬ นิวตฺตสฺสุ, ภุญฺช กาเม ยถา ปุเร;
‘‘Ehi kāḷa nivattassu, bhuñja kāme yathā pure;
อหญฺจ เต วสีกตา, เย จ เม สนฺติ ญาตกาฯ
Ahañca te vasīkatā, ye ca me santi ñātakā.
๒๙๗.
297.
‘‘เอโตฺต จาเป จตุพฺภาคํ, ยถา ภาสสิ ตฺวญฺจ เม;
‘‘Etto cāpe catubbhāgaṃ, yathā bhāsasi tvañca me;
ตยิ รตฺตสฺส โปสสฺส, อุฬารํ วต ตํ สิยาฯ
Tayi rattassa posassa, uḷāraṃ vata taṃ siyā.
๒๙๘.
298.
‘‘กาฬงฺคินิํว ตกฺการิํ, ปุปฺผิตํ คิริมุทฺธนิ;
‘‘Kāḷaṅginiṃva takkāriṃ, pupphitaṃ girimuddhani;
ผุลฺลํ ทาลิมลฎฺฐิํว, อโนฺตทีเปว ปาฎลิํฯ
Phullaṃ dālimalaṭṭhiṃva, antodīpeva pāṭaliṃ.
๒๙๙.
299.
‘‘หริจนฺทนลิตฺตงฺคิํ, กาสิกุตฺตมธารินิํ;
‘‘Haricandanalittaṅgiṃ, kāsikuttamadhāriniṃ;
ตํ มํ รูปวติํ สนฺติํ, กสฺส โอหายํ คจฺฉสิฯ
Taṃ maṃ rūpavatiṃ santiṃ, kassa ohāyaṃ gacchasi.
๓๐๐.
300.
‘‘สากุนฺติโกว สกุณิํ, ยถา พนฺธิตุมิจฺฉติ;
‘‘Sākuntikova sakuṇiṃ, yathā bandhitumicchati;
อาหริเมน รูเปน, น มํ ตฺวํ พาธยิสฺสสิฯ
Āharimena rūpena, na maṃ tvaṃ bādhayissasi.
๓๐๑.
301.
‘‘อิมญฺจ เม ปุตฺตผลํ, กาฬ อุปฺปาทิตํ ตยา;
‘‘Imañca me puttaphalaṃ, kāḷa uppāditaṃ tayā;
ตํ มํ ปุตฺตวติํ สนฺติํ, กสฺส โอหาย คจฺฉสิฯ
Taṃ maṃ puttavatiṃ santiṃ, kassa ohāya gacchasi.
๓๐๒.
302.
‘‘ชหนฺติ ปุเตฺต สปฺปญฺญา, ตโต ญาตี ตโต ธนํ;
‘‘Jahanti putte sappaññā, tato ñātī tato dhanaṃ;
ปพฺพชนฺติ มหาวีรา, นาโค เฉตฺวาว พนฺธนํฯ
Pabbajanti mahāvīrā, nāgo chetvāva bandhanaṃ.
๓๐๓.
303.
‘‘อิทานิ เต อิมํ ปุตฺตํ, ทเณฺฑน ฉุริกาย วา;
‘‘Idāni te imaṃ puttaṃ, daṇḍena churikāya vā;
ภูมิยํ วา นิสุมฺภิสฺสํ, ปุตฺตโสกา น คจฺฉสิฯ
Bhūmiyaṃ vā nisumbhissaṃ, puttasokā na gacchasi.
๓๐๔.
304.
‘‘สเจ ปุตฺตํ สิงฺคาลานํ, กุกฺกุรานํ ปทาหิสิ;
‘‘Sace puttaṃ siṅgālānaṃ, kukkurānaṃ padāhisi;
น มํ ปุตฺตกเตฺต ชมฺมิ, ปุนราวตฺตยิสฺสสิฯ
Na maṃ puttakatte jammi, punarāvattayissasi.
๓๐๕.
305.
‘‘หนฺท โข ทานิ ภทฺทเนฺต, กุหิํ กาฬ คมิสฺสสิ;
‘‘Handa kho dāni bhaddante, kuhiṃ kāḷa gamissasi;
กตมํ คามนิคมํ, นครํ ราชธานิโยฯ
Katamaṃ gāmanigamaṃ, nagaraṃ rājadhāniyo.
๓๐๖.
306.
‘‘อหุมฺห ปุเพฺพ คณิโน, อสฺสมณา สมณมานิโน;
‘‘Ahumha pubbe gaṇino, assamaṇā samaṇamānino;
คาเมน คามํ วิจริมฺห, นคเร ราชธานิโยฯ
Gāmena gāmaṃ vicarimha, nagare rājadhāniyo.
๓๐๗.
307.
‘‘เอโส หิ ภควา พุโทฺธ, นทิํ เนรญฺชรํ ปติ;
‘‘Eso hi bhagavā buddho, nadiṃ nerañjaraṃ pati;
สพฺพทุกฺขปฺปหานาย, ธมฺมํ เทเสติ ปาณินํ;
Sabbadukkhappahānāya, dhammaṃ deseti pāṇinaṃ;
ตสฺสาหํ สนฺติกํ คจฺฉํ, โส เม สตฺถา ภวิสฺสติฯ
Tassāhaṃ santikaṃ gacchaṃ, so me satthā bhavissati.
๓๐๘.
308.
‘‘วนฺทนํ ทานิ เม วชฺชาสิ, โลกนาถํ อนุตฺตรํ;
‘‘Vandanaṃ dāni me vajjāsi, lokanāthaṃ anuttaraṃ;
ปทกฺขิณญฺจ กตฺวาน, อาทิเสยฺยาสิ ทกฺขิณํฯ
Padakkhiṇañca katvāna, ādiseyyāsi dakkhiṇaṃ.
๓๐๙.
309.
‘‘เอตํ โข ลพฺภมเมฺหหิ, ยถา ภาสสิ ตฺวญฺจ เม;
‘‘Etaṃ kho labbhamamhehi, yathā bhāsasi tvañca me;
วนฺทนํ ทานิ เต วชฺชํ, โลกนาถํ อนุตฺตรํ;
Vandanaṃ dāni te vajjaṃ, lokanāthaṃ anuttaraṃ;
ปทกฺขิณญฺจ กตฺวาน, อาทิสิสฺสามิ ทกฺขิณํฯ
Padakkhiṇañca katvāna, ādisissāmi dakkhiṇaṃ.
๓๑๐.
310.
‘‘ตโต จ กาโฬ ปกฺกามิ, นทิํ เนรญฺชรํ ปติ;
‘‘Tato ca kāḷo pakkāmi, nadiṃ nerañjaraṃ pati;
โส อทฺทสาสิ สมฺพุทฺธํ, เทเสนฺตํ อมตํ ปทํฯ
So addasāsi sambuddhaṃ, desentaṃ amataṃ padaṃ.
๓๑๑.
311.
‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;
‘‘Dukkhaṃ dukkhasamuppādaṃ, dukkhassa ca atikkamaṃ;
อริยํ จฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํฯ
Ariyaṃ caṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ, dukkhūpasamagāminaṃ.
๓๑๒.
312.
‘‘ตสฺส ปาทานิ วนฺทิตฺวา, กตฺวาน นํ ปทกฺขิณํ;
‘‘Tassa pādāni vanditvā, katvāna naṃ padakkhiṇaṃ;
จาปาย อาทิสิตฺวาน, ปพฺพชิํ อนคาริยํ;
Cāpāya ādisitvāna, pabbajiṃ anagāriyaṃ;
ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ –
Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti. –
อิมา คาถา อภาสิฯ
Imā gāthā abhāsi.
ตตฺถ ลฎฺฐิหโตฺถติ ทณฺฑหโตฺถฯ ปุเรติ ปุเพฺพ ปริพฺพาชกกาเล จณฺฑโคณกุกฺกุราทีนํ ปริหรณตฺถํ ทณฺฑํ หเตฺถน คเหตฺวา วิจรณโก อโหสิฯ โส ทานิ มิคลุทฺทโกติ โส อิทานิ มิคลุเทฺทหิ สทฺธิํ สโมฺภคสํวาเสหิ มิคลุโทฺท มาควิโก ชาโตฯ อาสายาติ ตณฺหายฯ ‘‘อาสยา’’ติปิ ปาโฐ, อชฺฌาสยเหตูติ อโตฺถฯ ปลิปาติ กามปงฺกโต ทิฎฺฐิปงฺกโต จฯ โฆราติ อวิทิตวิปุลานตฺถาวหตฺตา ทารุณโต โฆราฯ นาสกฺขิ ปารเมตเวติ ตเสฺสว ปลิปสฺส ปารภูตํ นิพฺพานํ เอตุํ คนฺตุํ น อสกฺขิ, น อภิสมฺภุนีติ อตฺตานเมว สนฺธาย อุปโก วทติฯ
Tattha laṭṭhihatthoti daṇḍahattho. Pureti pubbe paribbājakakāle caṇḍagoṇakukkurādīnaṃ pariharaṇatthaṃ daṇḍaṃ hatthena gahetvā vicaraṇako ahosi. So dāni migaluddakoti so idāni migaluddehi saddhiṃ sambhogasaṃvāsehi migaluddo māgaviko jāto. Āsāyāti taṇhāya. ‘‘Āsayā’’tipi pāṭho, ajjhāsayahetūti attho. Palipāti kāmapaṅkato diṭṭhipaṅkato ca. Ghorāti aviditavipulānatthāvahattā dāruṇato ghorā. Nāsakkhi pārametaveti tasseva palipassa pārabhūtaṃ nibbānaṃ etuṃ gantuṃ na asakkhi, na abhisambhunīti attānameva sandhāya upako vadati.
สุมตฺตํ มํ มญฺญมานาติ อตฺตนิ สุฎฺฐุ มตฺตํ มทปฺปตฺตํ กามเคธวเสน ลคฺคํ ปมตฺตํ วา กตฺวา มํ สลฺลกฺขนฺตีฯ จาปา ปุตฺตมโตสยีติ มิคลุทฺทสฺส ธีตา จาปา ‘‘อาชีวกสฺส ปุตฺตา’’ติอาทินา มํ ฆเฎฺฎนฺตี ปุตฺตํ โตเสสิ เกฬายสิฯ ‘‘สุปติ มํ มญฺญมานา’’ติ จ ปฐนฺติ, สุปตีติ มํ มญฺญมานาติ อโตฺถฯ จาปาย พนฺธนํ เฉตฺวาติ จาปาย ตยิ อุปฺปนฺนํ กิเลสพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวาฯ ปพฺพชิสฺสํ ปุโนปหนฺติ ปุน ทุติยวารมฺปิ อหํ ปพฺพชิสฺสามิฯ
Sumattaṃ maṃ maññamānāti attani suṭṭhu mattaṃ madappattaṃ kāmagedhavasena laggaṃ pamattaṃ vā katvā maṃ sallakkhantī. Cāpā puttamatosayīti migaluddassa dhītā cāpā ‘‘ājīvakassa puttā’’tiādinā maṃ ghaṭṭentī puttaṃ tosesi keḷāyasi. ‘‘Supati maṃ maññamānā’’ti ca paṭhanti, supatīti maṃ maññamānāti attho. Cāpāya bandhanaṃ chetvāti cāpāya tayi uppannaṃ kilesabandhanaṃ chinditvā. Pabbajissaṃ punopahanti puna dutiyavārampi ahaṃ pabbajissāmi.
อิทานิ ตสฺสา ‘‘มยฺหํ อโตฺถ นตฺถี’’ติ วทติ, ตํ สุตฺวา จาปา ขมาเปนฺตี ‘‘มา เม กุชฺฌี’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ มา เม กุชฺฌีติ เกฬิกรณมเตฺตน มา มยฺหํ กุชฺฌิฯ มหาวีร, มหามุนีติ อุปกํ อาลปติฯ ตญฺหิ สา ปุเพฺพปิ ปพฺพชิโต, อิทานิปิ ปพฺพชิตุกาโมติ กตฺวา ขนฺติญฺจ ปจฺจาสีสนฺตี ‘‘มหามุนี’’ติ อาหฯ เตเนวาห – ‘‘น หิ โกธปเรตสฺส, สุทฺธิ อตฺถิ กุโต ตโป’’ติ, ตฺวํ เอตฺตกมฺปิ อสหโนฺต กถํ จิตฺตํ ทเมสฺสสิ, กถํ วา ตปํ จริสฺสสีติ อธิปฺปาโยฯ
Idāni tassā ‘‘mayhaṃ attho natthī’’ti vadati, taṃ sutvā cāpā khamāpentī ‘‘mā me kujjhī’’ti gāthamāha. Tattha mā me kujjhīti keḷikaraṇamattena mā mayhaṃ kujjhi. Mahāvīra, mahāmunīti upakaṃ ālapati. Tañhi sā pubbepi pabbajito, idānipi pabbajitukāmoti katvā khantiñca paccāsīsantī ‘‘mahāmunī’’ti āha. Tenevāha – ‘‘na hi kodhaparetassa, suddhi atthi kuto tapo’’ti, tvaṃ ettakampi asahanto kathaṃ cittaṃ damessasi, kathaṃ vā tapaṃ carissasīti adhippāyo.
อถ นาฬํ คนฺตฺวา ชีวิตุกาโมสีติ จาปาย วุโตฺต อาห – ‘‘ปกฺกมิสฺสญฺจ นาฬาโต, โกธ นาฬาย วจฺฉตี’’ติ โก อิธ นาฬาย วสิสฺสติ, นาฬาโตว อหํ ปกฺกมิสฺสาเมวฯ โส หิ ตสฺส ชาตคาโม, ตโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิฯ โส จ มคธรเฎฺฐ โพธิมณฺฑสฺส อาสนฺนปเทเส, ตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ พนฺธนฺตี อิตฺถิรูเปน, สมเณ ธมฺมชีวิโนติ จาเป ตฺวํ ธเมฺมน ชีวเนฺต ธมฺมิเก ปพฺพชิเต อตฺตโน อิตฺถิรูเปน อิตฺถิกุตฺตากเปฺปหิ พนฺธนฺตี ติฎฺฐสิฯ เยนาหํ อิทานิ เอทิโส ชาโต, ตสฺมา ตํ ปริจฺจชามีติ อธิปฺปาโยฯ
Atha nāḷaṃ gantvā jīvitukāmosīti cāpāya vutto āha – ‘‘pakkamissañca nāḷāto, kodha nāḷāya vacchatī’’ti ko idha nāḷāya vasissati, nāḷātova ahaṃ pakkamissāmeva. So hi tassa jātagāmo, tato nikkhamitvā pabbaji. So ca magadharaṭṭhe bodhimaṇḍassa āsannapadese, taṃ sandhāya vuttaṃ. Bandhantī itthirūpena, samaṇe dhammajīvinoti cāpe tvaṃ dhammena jīvante dhammike pabbajite attano itthirūpena itthikuttākappehi bandhantī tiṭṭhasi. Yenāhaṃ idāni ediso jāto, tasmā taṃ pariccajāmīti adhippāyo.
เอวํ วุเตฺต จาปา ตํ นิวเตฺตตุกามา ‘‘เอหิ, กาฬา’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – กาฬวณฺณตาย, กาฬ, อุปก, เอหิ นิวตฺตสฺสุ มา ปกฺกมิ, ปุเพฺพ วิย กาเม ปริภุญฺช, อหญฺจ เย จ เม สนฺติ ญาตกา, เต สเพฺพว ตุยฺหํ มา ปกฺกมิตุกามตาย วสีกตา วสวตฺติโน กตาติฯ
Evaṃ vutte cāpā taṃ nivattetukāmā ‘‘ehi, kāḷā’’ti gāthamāha. Tassattho – kāḷavaṇṇatāya, kāḷa, upaka, ehi nivattassu mā pakkami, pubbe viya kāme paribhuñja, ahañca ye ca me santi ñātakā, te sabbeva tuyhaṃ mā pakkamitukāmatāya vasīkatā vasavattino katāti.
ตํ สุตฺวา อุปโก ‘‘เอโตฺต จาเป’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ จาเปติ จาเปฯ จาปสทิสองฺคลฎฺฐิตาย หิ สา, จาปาติ นามํ ลภิ, ตสฺมา, จาปาติ วุจฺจติฯ ตฺวํ จาเป, ยถา ภาสสิ, อิทานิ ยาทิสํ กเถสิ, อิโต จตุพฺภาคเมว ปิยสมุทาจารํ กเรยฺยาสิฯ ตยิ รตฺตสฺส ราคาภิภูตสฺส ปุริสสฺส อุฬารํ วต ตํ สิยา, อหํ ปเนตรหิ ตยิ กาเมสุ จ วิรโตฺต, ตสฺมา จาปาย วจเน น ติฎฺฐามีติ อธิปฺปาโยฯ
Taṃ sutvā upako ‘‘etto cāpe’’ti gāthamāha. Tattha cāpeti cāpe. Cāpasadisaaṅgalaṭṭhitāya hi sā, cāpāti nāmaṃ labhi, tasmā, cāpāti vuccati. Tvaṃ cāpe, yathā bhāsasi, idāni yādisaṃ kathesi, ito catubbhāgameva piyasamudācāraṃ kareyyāsi. Tayi rattassa rāgābhibhūtassa purisassa uḷāraṃ vata taṃ siyā, ahaṃ panetarahi tayi kāmesu ca viratto, tasmā cāpāya vacane na tiṭṭhāmīti adhippāyo.
ปุน, จาปา, อตฺตนิ ตสฺส อาสตฺติํ อุปฺปาเทตุกามา ‘‘กาฬงฺคินิ’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ, กาฬาติ ตสฺสาลปนํฯ องฺคินินฺติ องฺคลฎฺฐิสมฺปนฺนํฯ อิวาติ อุปมาย นิปาโตฯ ตกฺการิํ ปุปฺผิตํ คิริมุทฺธนีติ ปพฺพตมุทฺธนิ ฐิตํ สุปุปฺผิตทาลิมลฎฺฐิํ วิยฯ ‘‘อุกฺกาคาริ’’นฺติ จ เกจิ ปฐนฺติ, องฺคตฺถิลฎฺฐิํ วิยาติ อโตฺถฯ คิริมุทฺธนีติ จ อิทํ เกนจิ อนุปหตโสภตาทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ เกจิ ‘‘กาลิงฺคินิ’’นฺติ ปาฐํ วตฺวา ตสฺส กุมฺภณฺฑลตาสทิสนฺติ อตฺถํ วทนฺติฯ ผุลฺลํ ทาลิมลฎฺฐิํวาติ ปุปฺผิตํ พีชปูรลตํ วิยฯ อโนฺตทีเปว ปาฎลินฺติ ทีปกพฺภนฺตเร ปุปฺผิตปาฎลิรุกฺขํ วิย, ทีปคฺคหณเญฺจตฺถ โสภาปาฎิหาริยทสฺสนตฺถเมวฯ
Puna, cāpā, attani tassa āsattiṃ uppādetukāmā ‘‘kāḷaṅgini’’nti āha. Tattha, kāḷāti tassālapanaṃ. Aṅgininti aṅgalaṭṭhisampannaṃ. Ivāti upamāya nipāto. Takkāriṃ pupphitaṃ girimuddhanīti pabbatamuddhani ṭhitaṃ supupphitadālimalaṭṭhiṃ viya. ‘‘Ukkāgāri’’nti ca keci paṭhanti, aṅgatthilaṭṭhiṃ viyāti attho. Girimuddhanīti ca idaṃ kenaci anupahatasobhatādassanatthaṃ vuttaṃ. Keci ‘‘kāliṅgini’’nti pāṭhaṃ vatvā tassa kumbhaṇḍalatāsadisanti atthaṃ vadanti. Phullaṃ dālimalaṭṭhiṃvāti pupphitaṃ bījapūralataṃ viya. Antodīpeva pāṭalinti dīpakabbhantare pupphitapāṭalirukkhaṃ viya, dīpaggahaṇañcettha sobhāpāṭihāriyadassanatthameva.
หริจนฺทนลิตฺตงฺคินฺติ โลหิตจนฺทเนน อนุลิตฺตสพฺพงฺคิํฯ กาสิกุตฺตมธารินินฺติ อุตฺตมกาสิกวตฺถธรํฯ ตํ มนฺติ ตาทิสํ มํฯ รูปวติํ สนฺตินฺติ รูปสมฺปนฺนํ สมานํฯ กสฺส โอหาย คจฺฉสีติ กสฺส นาม สตฺตสฺส, กสฺส วา เหตุโน, เกน การเณน, โอหาย ปหาย ปริจฺจชิตฺวา คจฺฉสิฯ
Haricandanalittaṅginti lohitacandanena anulittasabbaṅgiṃ. Kāsikuttamadhārininti uttamakāsikavatthadharaṃ. Taṃ manti tādisaṃ maṃ. Rūpavatiṃ santinti rūpasampannaṃ samānaṃ. Kassaohāya gacchasīti kassa nāma sattassa, kassa vā hetuno, kena kāraṇena, ohāya pahāya pariccajitvā gacchasi.
อิโต ปรมฺปิ เตสํ วจนปฎิวจนคาถาว ฐเปตฺวา ปริโยสาเน ติโสฺส คาถาฯ ตตฺถ สากุนฺติโกวาติ สกุณลุโทฺท วิยฯ อาหริเมน รูเปนาติ เกสมณฺฑนาทินา สรีรชคฺคเนน เจว วตฺถาภรณาทินา จ อภิสงฺขาริเกน รูเปน วเณฺณน กิตฺติเมน จาตุริเยนาติ อโตฺถฯ น มํ ตฺวํ พาธยิสฺสสีติ ปุเพฺพ วิย อิทานิ มํ ตฺวํ น พาธิตุํ สกฺขิสฺสสิฯ
Ito parampi tesaṃ vacanapaṭivacanagāthāva ṭhapetvā pariyosāne tisso gāthā. Tattha sākuntikovāti sakuṇaluddo viya. Āharimena rūpenāti kesamaṇḍanādinā sarīrajagganena ceva vatthābharaṇādinā ca abhisaṅkhārikena rūpena vaṇṇena kittimena cāturiyenāti attho. Na maṃ tvaṃ bādhayissasīti pubbe viya idāni maṃ tvaṃ na bādhituṃ sakkhissasi.
ปุตฺตผลนฺติ ปุตฺตสงฺขาตํ ผลํ ปุตฺตปสโวฯ
Puttaphalanti puttasaṅkhātaṃ phalaṃ puttapasavo.
สปฺปญฺญาติ ปญฺญวโนฺต, สํสาเร อาทีนววิภาวินิยา ปญฺญาย สมนฺนาคตาติ อธิปฺปาโยฯ เต หิ อปฺปํ วา มหนฺตํ วา ญาติปริวฎฺฎํ โภคกฺขนฺธํ วา ปหาย ปพฺพชนฺติฯ เตนาห – ‘‘ปพฺพชนฺติ มหาวีรา, นาโค เฉตฺวาว พนฺธน’’นฺติ, อยพนฺธนํ วิย หตฺถินาโค คิหิพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา มหาวีริยาว ปพฺพชนฺติ, น นิหีนวีริยาติ อโตฺถฯ
Sappaññāti paññavanto, saṃsāre ādīnavavibhāviniyā paññāya samannāgatāti adhippāyo. Te hi appaṃ vā mahantaṃ vā ñātiparivaṭṭaṃ bhogakkhandhaṃ vā pahāya pabbajanti. Tenāha – ‘‘pabbajanti mahāvīrā, nāgo chetvāva bandhana’’nti, ayabandhanaṃ viya hatthināgo gihibandhanaṃ chinditvā mahāvīriyāva pabbajanti, na nihīnavīriyāti attho.
ทเณฺฑนาติ เยน เกนจิ ทเณฺฑนฯ ฉุริกายาติ ขุเรนฯ ภูมิยํ วา นิสุมฺภิสฺสนฺติ ปถวิยํ ปาเตตฺวา โปถนวิชฺฌนาทินา วิพาธิสฺสามิฯ ปุตฺตโสกา น คจฺฉสีติ ปุตฺตโสกนิมิตฺตํ น คจฺฉิสฺสสิฯ
Daṇḍenāti yena kenaci daṇḍena. Churikāyāti khurena. Bhūmiyaṃ vā nisumbhissanti pathaviyaṃ pātetvā pothanavijjhanādinā vibādhissāmi. Puttasokā na gacchasīti puttasokanimittaṃ na gacchissasi.
ปทาหิสีติ ทสฺสสิฯ ปุตฺตกเตฺตติ ปุตฺตการณาฯ ชมฺมีติ ตสฺสา อาลปนํ, ลามเกติ อโตฺถฯ
Padāhisīti dassasi. Puttakatteti puttakāraṇā. Jammīti tassā ālapanaṃ, lāmaketi attho.
อิทานิ ตสฺส คมนํ อนุชานิตฺวา คมนฎฺฐานํ ชานิตุํ ‘‘หนฺท โข’’ติ คาถมาหฯ
Idāni tassa gamanaṃ anujānitvā gamanaṭṭhānaṃ jānituṃ ‘‘handa kho’’ti gāthamāha.
อิตโร ปุเพฺพ อหํ อนิยฺยานิกํ สาสนํ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิํ, อิทานิ ปน นิยฺยานิเก อนนฺตชินสฺส สาสเน ฐาตุกาโม, ตสฺมา ตสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อหุมฺหา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ คณิโนติ คณธราฯ อสฺสมณาติ น สมิตปาปาฯ สมณมานิโนติ สมิตปาปาติ เอวํ สญฺญิโนฯ วิจริมฺหาติ ปูรณาทีสุ อตฺตานํ ปกฺขิปิตฺวา วทติฯ
Itaro pubbe ahaṃ aniyyānikaṃ sāsanaṃ paggayha aṭṭhāsiṃ, idāni pana niyyānike anantajinassa sāsane ṭhātukāmo, tasmā tassa santikaṃ gamissāmīti dassento ‘‘ahumhā’’tiādimāha. Tattha gaṇinoti gaṇadharā. Assamaṇāti na samitapāpā. Samaṇamāninoti samitapāpāti evaṃ saññino. Vicarimhāti pūraṇādīsu attānaṃ pakkhipitvā vadati.
เนรญฺชรํ ปตีติ เนรญฺชราย นทิยา สมีเป ตสฺสา ตีเรฯ พุโทฺธติ อภิสโมฺพธิํ ปโตฺต, อภิสโมฺพธิํ ปตฺวา ธมฺมํ เทเสโนฺต สพฺพกาลํ ภควา ตเตฺถว วสีติ อธิปฺปาเยน วทติฯ
Nerañjaraṃpatīti nerañjarāya nadiyā samīpe tassā tīre. Buddhoti abhisambodhiṃ patto, abhisambodhiṃ patvā dhammaṃ desento sabbakālaṃ bhagavā tattheva vasīti adhippāyena vadati.
วนฺทนํ ทานิ เม วชฺชาสีติ มม วนฺทนํ วเทยฺยาสิ, มม วจเนน โลกนาถํ อนุตฺตรํ วเทยฺยาสีติ อโตฺถฯ ปทกฺขิณญฺจ กตฺวาน, อาทิเสยฺยาสิ ทกฺขิณนฺติ พุทฺธํ ภควนฺตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวาปิ จตูสุ ฐาเนสุ วนฺทิตฺวา, ตโต ปุญฺญโต มยฺหํ ปตฺติทานํ เทโนฺต ปทกฺขิณํ อาทิเสยฺยาสิ พุทฺธคุณานํ สุตปุพฺพตฺตา เหตุสมฺปนฺนตาย จ เอวํ วทติฯ
Vandanaṃ dāni me vajjāsīti mama vandanaṃ vadeyyāsi, mama vacanena lokanāthaṃ anuttaraṃ vadeyyāsīti attho. Padakkhiṇañca katvāna, ādiseyyāsi dakkhiṇanti buddhaṃ bhagavantaṃ tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvāpi catūsu ṭhānesu vanditvā, tato puññato mayhaṃ pattidānaṃ dento padakkhiṇaṃ ādiseyyāsi buddhaguṇānaṃ sutapubbattā hetusampannatāya ca evaṃ vadati.
เอตํ โข ลพฺภมเมฺหหีติ เอตํ ปทกฺขิณกรณํ ปุญฺญํ อเมฺหหิ ตว ทาตุํ สกฺกา, น นิวตฺตนํ, ปุเพฺพ วิย กามูปโภโค จ น สกฺกาติ อธิปฺปาโยฯ เต วชฺชนฺติ ตว วนฺทนํ วชฺชํ วกฺขามิฯ
Etaṃkho labbhamamhehīti etaṃ padakkhiṇakaraṇaṃ puññaṃ amhehi tava dātuṃ sakkā, na nivattanaṃ, pubbe viya kāmūpabhogo ca na sakkāti adhippāyo. Te vajjanti tava vandanaṃ vajjaṃ vakkhāmi.
โสติ กาโฬ, อทฺทสาสีติ อทฺทกฺขิฯ
Soti kāḷo, addasāsīti addakkhi.
สตฺถุเทสนายํ สจฺจกถาย ปธานตฺตา ตพฺพินิมุตฺตาย อภาวโต ‘‘ทุกฺข’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Satthudesanāyaṃ saccakathāya padhānattā tabbinimuttāya abhāvato ‘‘dukkha’’ntiādi vuttaṃ, sesaṃ vuttanayameva.
จาปาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cāpātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๓. จาปาเถรีคาถา • 3. Cāpātherīgāthā