Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๑๑. จรสุตฺตวณฺณนา
11. Carasuttavaṇṇanā
๑๑๐. เอกาทสเม จรโตติ คจฺฉนฺตสฺส, จงฺกมนฺตสฺส วาฯ อุปฺปชฺชติ กามวิตโกฺก วาติ วตฺถุกาเมสุ อวีตราคตาย ตาทิเส ปจฺจเย กามปฎิสํยุโตฺต วา วิตโกฺก อุปฺปชฺชติ เจ, ยทิ อุปฺปชฺชติฯ พฺยาปาทวิตโกฺก วา วิหิํสาวิตโกฺก วาติ อาฆาตนิมิตฺตพฺยาปาทปฎิสํยุโตฺต วา วิตโกฺก, เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปรวิเหฐนวเสน วิหิํสาปฎิสํยุโตฺต วา วิตโกฺก อุปฺปชฺชติ เจติ สมฺพโนฺธฯ อธิวาเสตีติ ตํ ยถาวุตฺตํ กามวิตกฺกาทิํ ยถาปจฺจยํ อตฺตโน จิเตฺต อุปฺปนฺนํ ‘‘อิติปายํ วิตโกฺก ปาปโก, อิติปิ อกุสโล, อิติปิ สาวโชฺช, โส จ โข อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตตี’’ติอาทินา นเยน ปจฺจเวกฺขณาย อภาวโต อธิวาเสติ อตฺตโน จิตฺตํ อาโรเปตฺวา วาเสติ เจฯ อธิวาเสโนฺตเยว จ นปฺปชหติ ตทงฺคาทิปฺปหานวเสน น ปฎินิสฺสชฺชติ, ตโต เอว น วิโนเทติ อตฺตโน จิตฺตสนฺตานโต น นุทติ น นีหรติ, ตถา อวิโนทนโต น พฺยนฺตีกโรติ น วิคตนฺตํ กโรติฯ อาตาปี ปหิตโตฺต ยถา เตสํ อโนฺตปิ นาวสิสฺสติ อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ เอวํ กโรติ, อยํ ปน ตถา น กโรตีติ อโตฺถฯ ตถาภูโตว น อนภาวํ คเมติ อนุ อนุ อภาวํ น คเมติฯ น ปชหติ เจ, น วิโนเทติ เจติอาทินา เจ-สทฺทํ โยเชตฺวา อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
110. Ekādasame caratoti gacchantassa, caṅkamantassa vā. Uppajjati kāmavitakko vāti vatthukāmesu avītarāgatāya tādise paccaye kāmapaṭisaṃyutto vā vitakko uppajjati ce, yadi uppajjati. Byāpādavitakko vā vihiṃsāvitakko vāti āghātanimittabyāpādapaṭisaṃyutto vā vitakko, leḍḍudaṇḍādīhi paraviheṭhanavasena vihiṃsāpaṭisaṃyutto vā vitakko uppajjati ceti sambandho. Adhivāsetīti taṃ yathāvuttaṃ kāmavitakkādiṃ yathāpaccayaṃ attano citte uppannaṃ ‘‘itipāyaṃ vitakko pāpako, itipi akusalo, itipi sāvajjo, so ca kho attabyābādhāyapi saṃvattatī’’tiādinā nayena paccavekkhaṇāya abhāvato adhivāseti attano cittaṃ āropetvā vāseti ce. Adhivāsentoyeva ca nappajahati tadaṅgādippahānavasena na paṭinissajjati, tato eva na vinodeti attano cittasantānato na nudati na nīharati, tathā avinodanato na byantīkaroti na vigatantaṃ karoti. Ātāpī pahitatto yathā tesaṃ antopi nāvasissati antamaso bhaṅgamattampi evaṃ karoti, ayaṃ pana tathā na karotīti attho. Tathābhūtova na anabhāvaṃ gameti anu anu abhāvaṃ na gameti. Na pajahati ce, na vinodeti cetiādinā ce-saddaṃ yojetvā attho veditabbo.
จรนฺติ จรโนฺตฯ เอวํภูโตติ เอวํ กามวิตกฺกาทิปาปวิตเกฺกหิ สมงฺคีภูโตฯ อนาตาปี อโนตฺตาปีติ กิเลสานํ อาตาปนสฺส วีริยสฺส อภาเวน อนาตาปี, ปาปุตฺราสอาตาปนปริตาปนลกฺขณสฺส โอตฺตปฺปสฺส อภาเวน อโนตฺตาปีฯ สตตํ สมิตนฺติ สพฺพกาลํ นิรนฺตรํฯ กุสีโต หีนวีริโยติ กุสเลหิ ธเมฺมหิ ปริหายิตฺวา อกุสลปเกฺข กุจฺฉิตํ สีทนโต โกสชฺชสมนฺนาคเมน จ กุสีโต, สมฺมปฺปธานวีริยาภาเวน หีนวีริโย วีริยวิรหิโตติ วุจฺจติ กถียติฯ ฐิตสฺสาติ คมนํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ติฎฺฐโตฯ สยนอิริยาปถสฺส วิเสสโต โกสชฺชปกฺขิกตฺตา ยถา ตํสมงฺคิโน วิตกฺกา สมฺภวนฺติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ชาครสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ
Caranti caranto. Evaṃbhūtoti evaṃ kāmavitakkādipāpavitakkehi samaṅgībhūto. Anātāpīanottāpīti kilesānaṃ ātāpanassa vīriyassa abhāvena anātāpī, pāputrāsaātāpanaparitāpanalakkhaṇassa ottappassa abhāvena anottāpī. Satataṃ samitanti sabbakālaṃ nirantaraṃ. Kusīto hīnavīriyoti kusalehi dhammehi parihāyitvā akusalapakkhe kucchitaṃ sīdanato kosajjasamannāgamena ca kusīto, sammappadhānavīriyābhāvena hīnavīriyo vīriyavirahitoti vuccati kathīyati. Ṭhitassāti gamanaṃ upacchinditvā tiṭṭhato. Sayanairiyāpathassa visesato kosajjapakkhikattā yathā taṃsamaṅgino vitakkā sambhavanti, taṃ dassetuṃ ‘‘jāgarassā’’ti vuttaṃ.
สุกฺกปเกฺข ตเญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นาธิวาเสตีติ อารทฺธวีริยสฺสาปิ วิหรโต อนาทิมติ สํสาเร จิรกาลภาวิเตน ตถารูปปฺปจฺจยสมาโยเคน สติสโมฺมเสน วา กามวิตกฺกาทิ อุปฺปชฺชติ เจ, ตํ ภิกฺขุ อตฺตโน จิตฺตํ อาโรเปตฺวา น วาเสติ เจ, อพฺภนฺตเร น วาเสติ เจติ อโตฺถฯ อนธิวาเสโนฺต กิํ กโรตีติ? ปชหติ ฉเฑฺฑติฯ กิํ กจวรํ วิย ปิฎเกน? น หิ, อปิจ โข ตํ วิโนเทติ นุทติ นีหรติฯ กิํ พลีพทฺทํ วิย ปโตเทน? น หิ, อถ โข นํ พฺยนฺตีกโรติ วิคตนฺตํ กโรติฯ ยถา เตสํ อโนฺตปิ นาวสิสฺสติ อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ, ตถา เต กโรติฯ กถํ ปน เต ตถา กโรติ? อนภาวํ คเมติ อนุ อนุ อภาวํ คเมติ, วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน ยถา สุวิกฺขมฺภิตา โหนฺติ ตถา เน กโรตีติ วุตฺตํ โหติฯ
Sukkapakkhe tañce, bhikkhave, bhikkhu nādhivāsetīti āraddhavīriyassāpi viharato anādimati saṃsāre cirakālabhāvitena tathārūpappaccayasamāyogena satisammosena vā kāmavitakkādi uppajjati ce, taṃ bhikkhu attano cittaṃ āropetvā na vāseti ce, abbhantare na vāseti ceti attho. Anadhivāsento kiṃ karotīti? Pajahati chaḍḍeti. Kiṃ kacavaraṃ viya piṭakena? Na hi, apica kho taṃ vinodeti nudati nīharati. Kiṃ balībaddaṃ viya patodena? Na hi, atha kho naṃ byantīkaroti vigatantaṃ karoti. Yathā tesaṃ antopi nāvasissati antamaso bhaṅgamattampi, tathā te karoti. Kathaṃ pana te tathā karoti? Anabhāvaṃ gameti anu anu abhāvaṃ gameti, vikkhambhanappahānena yathā suvikkhambhitā honti tathā ne karotīti vuttaṃ hoti.
เอวํภูโตติอาทีสุ เอวํ กามวิตกฺกาทีนํ อนธิวาสเนน สุวิสุทฺธาสโย สมาโน ตาย จ อาสยสมฺปตฺติยา ตนฺนิมิตฺตาย จ ปโยคสมฺปตฺติยา ปริสุทฺธสีโล อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตญฺญู สติสมฺปชเญฺญน สมนฺนาคโต ชาคริยํ อนุยุโตฺต ตทงฺคาทิวเสน กิเลสานํ อาตาปนลกฺขเณน วีริเยน สมนฺนาคตตฺตา อาตาปี, สพฺพโส ปาปุตฺราเสน สมนฺนาคตตฺตาฯ โอตฺตาปี สตตํ รตฺตินฺทิวํ, สมิตํ นิรนฺตรํ สมถวิปสฺสนาภาวนานุโยควเสน จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานสิทฺธิยา, อารทฺธวีริโย ปหิตโตฺต นิพฺพานํ ปฎิเปสิตจิโตฺตติ วุจฺจติ กถียตีติ อโตฺถฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Evaṃbhūtotiādīsu evaṃ kāmavitakkādīnaṃ anadhivāsanena suvisuddhāsayo samāno tāya ca āsayasampattiyā tannimittāya ca payogasampattiyā parisuddhasīlo indriyesu guttadvāro bhojane mattaññū satisampajaññena samannāgato jāgariyaṃ anuyutto tadaṅgādivasena kilesānaṃ ātāpanalakkhaṇena vīriyena samannāgatattā ātāpī, sabbaso pāputrāsena samannāgatattā. Ottāpī satataṃ rattindivaṃ, samitaṃ nirantaraṃ samathavipassanābhāvanānuyogavasena catubbidhasammappadhānasiddhiyā, āraddhavīriyo pahitatto nibbānaṃ paṭipesitacittoti vuccati kathīyatīti attho. Sesaṃ vuttanayameva.
คาถาสุ เคหนิสฺสิตนฺติ เอตฺถ เคหวาสีหิ อปริจฺจตฺตตฺตา เคหวาสีนํ สภาวตฺตา เคหธมฺมตฺตา วา เคหํ วุจฺจติ วตฺถุกาโมฯ อถ วา เคหปฎิพทฺธภาวโต กิเลสกามานํ นิวาสฎฺฐานภาวโต ตํวตฺถุกตฺตา วา กามวิตกฺกาทิ เคหนิสฺสิตํ นามฯ กุมฺมคฺคํ ปฎิปโนฺนติ ยสฺมา อริยมคฺคสฺส อุปฺปถภาวโต อภิชฺฌาทโย ตเทกฎฺฐธมฺมา จ กุมฺมโคฺค, ตสฺมา กามวิตกฺกาทิพหุโล ปุคฺคโล กุมฺมคฺคํ ปฎิปโนฺน นามฯ โมหเนเยฺยสุ มุจฺฉิโตติ โมหสํวตฺตนิเยสุ รูปาทีสุ มุจฺฉิโต สมฺมโตฺต อโชฺฌปโนฺนฯ สโมฺพธินฺติ อริยมคฺคญาณํฯ ผุฎฺฐุนฺติ ผุสิตุํ ปตฺตุํ, โส ตาทิโส มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจโร อภโพฺพ, น กทาจิ ตํ ปาปุณาตีติ อโตฺถฯ
Gāthāsu gehanissitanti ettha gehavāsīhi apariccattattā gehavāsīnaṃ sabhāvattā gehadhammattā vā gehaṃ vuccati vatthukāmo. Atha vā gehapaṭibaddhabhāvato kilesakāmānaṃ nivāsaṭṭhānabhāvato taṃvatthukattā vā kāmavitakkādi gehanissitaṃ nāma. Kummaggaṃ paṭipannoti yasmā ariyamaggassa uppathabhāvato abhijjhādayo tadekaṭṭhadhammā ca kummaggo, tasmā kāmavitakkādibahulo puggalo kummaggaṃ paṭipanno nāma. Mohaneyyesu mucchitoti mohasaṃvattaniyesu rūpādīsu mucchito sammatto ajjhopanno. Sambodhinti ariyamaggañāṇaṃ. Phuṭṭhunti phusituṃ pattuṃ, so tādiso micchāsaṅkappagocaro abhabbo, na kadāci taṃ pāpuṇātīti attho.
วิตกฺกํ สมยิตฺวานาติ ยถาวุตฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกํ ปฎิสงฺขานภาวนาพเลหิ วูปสเมตฺวาฯ วิตกฺกูปสเม รโตติ นวนฺนมฺปิ มหาวิตกฺกานํ อจฺจนฺตวูปสมภูเต อรหเตฺต นิพฺพาเน เอว วา อชฺฌาสเยน รโต อภิรโตฯ ภโพฺพ โส ตาทิโสติ โส ยถาวุโตฺต สมฺมา ปฎิปชฺชมาโน ปุคฺคโล ปุพฺพภาเค สมถวิปสฺสนาพเลน สพฺพวิตเกฺก ยถารหํ ตทงฺคาทิวเสน วูปสเมตฺวา ฐิโต, วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฎิปาฎิยา อรหตฺตมคฺคญาณสงฺขาตํ นิพฺพานสงฺขาตญฺจ อนุตฺตรํ สโมฺพธิํ ผุฎฺฐุํ อธิคนฺตุํ ภโพฺพ สมโตฺถติฯ
Vitakkaṃ samayitvānāti yathāvuttaṃ micchāvitakkaṃ paṭisaṅkhānabhāvanābalehi vūpasametvā. Vitakkūpasame ratoti navannampi mahāvitakkānaṃ accantavūpasamabhūte arahatte nibbāne eva vā ajjhāsayena rato abhirato. Bhabbo so tādisoti so yathāvutto sammā paṭipajjamāno puggalo pubbabhāge samathavipassanābalena sabbavitakke yathārahaṃ tadaṅgādivasena vūpasametvā ṭhito, vipassanaṃ ussukkāpetvā maggapaṭipāṭiyā arahattamaggañāṇasaṅkhātaṃ nibbānasaṅkhātañca anuttaraṃ sambodhiṃ phuṭṭhuṃ adhigantuṃ bhabbo samatthoti.
เอกาทสมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ekādasamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๑๑. จรสุตฺตํ • 11. Carasuttaṃ