Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā |
จตุพฺพิธกมฺมกถาวณฺณนา
Catubbidhakammakathāvaṇṇanā
๒๙๘๓. อปโลกนสญฺญิตํ กมฺมํ, ญตฺติกมฺมํ, ญตฺติทุติยกมฺมํ, ญตฺติจตุตฺถกมฺมนฺติ อิมานิ จตฺตาริ กมฺมานีติ โยชนาฯ ตตฺถ จตฺตารีติ คณนปริเจฺฉโทฯ อิมานีติ อนนฺตรเมว วกฺขมานตฺตา อาสนฺนปจฺจกฺขวจนํฯ กมฺมานีติ ปริจฺฉินฺนกมฺมนิทสฺสนํฯ ‘‘อปโลกนสอญต’’นฺติอาทิ เตสํ สรูปทสฺสนํฯ
2983. Apalokanasaññitaṃ kammaṃ, ñattikammaṃ, ñattidutiyakammaṃ, ñatticatutthakammanti imāni cattāri kammānīti yojanā. Tattha cattārīti gaṇanaparicchedo. Imānīti anantarameva vakkhamānattā āsannapaccakkhavacanaṃ. Kammānīti paricchinnakammanidassanaṃ. ‘‘Apalokanasaañata’’ntiādi tesaṃ sarūpadassanaṃ.
ตตฺรายํ สเงฺขปโต วินิจฺฉโย (จูฬว. อฎฺฐ. ๒๑๕; ปริ. อฎฺฐ. ๔๘๒) – อปโลกนกมฺมํ นาม สีมฎฺฐกสงฺฆํ โสเธตฺวา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ตํ ตํ วตฺถุํ กิเตฺตตฺวา ‘‘รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวา กตฺตพฺพํ กมฺมํ วุจฺจติฯ ญตฺติกมฺมํ นาม วุตฺตนเยเนว สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา เอกาย ญตฺติยา กตฺตพฺพํ กมฺมํฯ ญตฺติทุติยกมฺมํ นาม วุตฺตนเยเนว สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา เอกาย ญตฺติยา, เอกาย จ อนุสฺสาวนายาติ เอวํ ญตฺติทุติยาย อนุสฺสาวนาย กตฺตพฺพํ กมฺมํฯ ญตฺติจตุตฺถกมฺมํ นาม วุตฺตนเยเนว สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา เอกาย ญตฺติยา, ตีหิ จ อนุสฺสาวนาหีติ เอวํ ญตฺติจตุตฺถาหิ ตีหิ อนุสฺสาวนาหิ กตฺตพฺพํ กมฺมํฯ ญตฺติ ทุติยา ยสฺส อนุสฺสาวนสฺส ตํ ญตฺติทุติยํ, เตน กตฺตพฺพํ กมฺมํ ญตฺติทุติยกมฺมํฯ ญตฺติ จตุตฺถา ยสฺส อนุสฺสาวนตฺตยสฺส ตํ ญตฺติจตุตฺถํ, เตน กาตพฺพํ กมฺมํ ญตฺติจตุตฺถกมฺมํฯ
Tatrāyaṃ saṅkhepato vinicchayo (cūḷava. aṭṭha. 215; pari. aṭṭha. 482) – apalokanakammaṃ nāma sīmaṭṭhakasaṅghaṃ sodhetvā chandārahānaṃ chandaṃ āharitvā samaggassa saṅghassa anumatiyā taṃ taṃ vatthuṃ kittetvā ‘‘ruccati saṅghassā’’ti tikkhattuṃ sāvetvā kattabbaṃ kammaṃ vuccati. Ñattikammaṃ nāma vuttanayeneva samaggassa saṅghassa anumatiyā ekāya ñattiyā kattabbaṃ kammaṃ. Ñattidutiyakammaṃ nāma vuttanayeneva samaggassa saṅghassa anumatiyā ekāya ñattiyā, ekāya ca anussāvanāyāti evaṃ ñattidutiyāya anussāvanāya kattabbaṃ kammaṃ. Ñatticatutthakammaṃ nāma vuttanayeneva samaggassa saṅghassa anumatiyā ekāya ñattiyā, tīhi ca anussāvanāhīti evaṃ ñatticatutthāhi tīhi anussāvanāhi kattabbaṃ kammaṃ. Ñatti dutiyā yassa anussāvanassa taṃ ñattidutiyaṃ, tena kattabbaṃ kammaṃ ñattidutiyakammaṃ. Ñatti catutthā yassa anussāvanattayassa taṃ ñatticatutthaṃ, tena kātabbaṃ kammaṃ ñatticatutthakammaṃ.
๒๙๘๔-๗. เตสํ ฐานวเสน เภทํ ทเสฺสตุมาห ‘‘อปโลกนกมฺม’’นฺติอาทิฯ นวนฺนํ ฐานานํ สมาหาโร นวฎฺฐานํ, ‘‘คจฺฉตี’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ ญตฺติกมฺมนฺติ คมนกิริยากตฺตุนิทสฺสนํ ฯ นวฎฺฐานนฺติ กมฺมนิทสฺสนํฯ ทุติยนฺติ ญตฺติทุติยกมฺมํฯ สตฺต ฐานานิ คจฺฉตีติ โยชนาฯ
2984-7. Tesaṃ ṭhānavasena bhedaṃ dassetumāha ‘‘apalokanakamma’’ntiādi. Navannaṃ ṭhānānaṃ samāhāro navaṭṭhānaṃ, ‘‘gacchatī’’ti iminā sambandho. Ñattikammanti gamanakiriyākattunidassanaṃ . Navaṭṭhānanti kammanidassanaṃ. Dutiyanti ñattidutiyakammaṃ. Satta ṭhānāni gacchatīti yojanā.
อิทานิ ตํ ฐานเภทํ สรูปโต ทเสฺสตุมาห ‘‘นิสฺสารณญฺจา’’ติอาทิฯ นิสฺสารณาทิ กมฺมวิเสสานํ สญฺญาฯ อปโลกนกมฺมญฺหิ นิสฺสารณํ…เป.… ปญฺจมํ กมฺมลกฺขณนฺติ อิมานิ ปญฺจ ฐานานิ คจฺฉตีติ โยชนาฯ
Idāni taṃ ṭhānabhedaṃ sarūpato dassetumāha ‘‘nissāraṇañcā’’tiādi. Nissāraṇādi kammavisesānaṃ saññā. Apalokanakammañhi nissāraṇaṃ…pe… pañcamaṃ kammalakkhaṇanti imāni pañca ṭhānāni gacchatīti yojanā.
เอวํ นามวเสน ทสฺสิตานิ นิสฺสารณาทีนิ อตฺถโต วิภชิตฺวา ทเสฺสตุมาห ‘‘นิสฺสารณญฺจา’’ติอาทิฯ สมณุเทฺทสโตติ กณฺฎกสามเณรโต นิสฺสารณญฺจ โอสารณญฺจ วเทติ โยชนาฯ ตตฺถ กณฺฎกสามเณรสฺส นิสฺสารณา ตาทิสานํเยว สมฺมาวตฺตํ ทิสฺวา ปเวสนา ‘‘โอสารณา’’ติ เวทิตพฺพาฯ
Evaṃ nāmavasena dassitāni nissāraṇādīni atthato vibhajitvā dassetumāha ‘‘nissāraṇañcā’’tiādi. Samaṇuddesatoti kaṇṭakasāmaṇerato nissāraṇañca osāraṇañca vadeti yojanā. Tattha kaṇṭakasāmaṇerassa nissāraṇā tādisānaṃyeva sammāvattaṃ disvā pavesanā ‘‘osāraṇā’’ti veditabbā.
ปพฺพชเนฺตน เหตุภูเตน ภณฺฑุกํ ภณฺฑุกมฺมปุจฺฉนํ วเทยฺยาติ อโตฺถฯ ปพฺพชฺชาเปกฺขสฺส เกสเจฺฉทนปุจฺฉนํ ภณฺฑุกมฺมํ นามฯ ฉเนฺนน เหตุภูเตน พฺรหฺมทณฺฑกํ กมฺมํ วเทติ โยชนาฯ ตถารูปสฺสาติ ฉนฺนสทิสสฺส มุขรสฺส ภิกฺขู ทุรุตฺตวจเนน ฆเฎฺฎนฺตสฺสฯ กาตโพฺพติ ‘‘ภเนฺต, อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ มุขโร ภิกฺขู ทุรุตฺตวจเนหิ ฆเฎฺฎโนฺต วิหรติ, โส ภิกฺขุ ยํ อิเจฺฉยฺย, ตํ วเทยฺยฯ ภิกฺขูหิ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ เนว วตฺตโพฺพ, น โอวทิตโพฺพ, น อนุสาสิตโพฺพฯ สงฺฆํ, ภเนฺต, ปุจฺฉามิ ‘อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมทณฺฑสฺส ทานํ รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’ติฯ ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ… ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ ‘อิตฺถนฺนามสฺส, ภเนฺต, ภิกฺขุโน พฺรหฺมทณฺฑสฺส ทานํ รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๙๕-๔๙๖) เอวํ พฺรหฺมทโณฺฑ กาตโพฺพฯ
Pabbajantena hetubhūtena bhaṇḍukaṃ bhaṇḍukammapucchanaṃ vadeyyāti attho. Pabbajjāpekkhassa kesacchedanapucchanaṃ bhaṇḍukammaṃ nāma. Channena hetubhūtena brahmadaṇḍakaṃ kammaṃ vadeti yojanā. Tathārūpassāti channasadisassa mukharassa bhikkhū duruttavacanena ghaṭṭentassa. Kātabboti ‘‘bhante, itthannāmo bhikkhu mukharo bhikkhū duruttavacanehi ghaṭṭento viharati, so bhikkhu yaṃ iccheyya, taṃ vadeyya. Bhikkhūhi itthannāmo bhikkhu neva vattabbo, na ovaditabbo, na anusāsitabbo. Saṅghaṃ, bhante, pucchāmi ‘itthannāmassa bhikkhuno brahmadaṇḍassa dānaṃ ruccati saṅghassā’ti. Dutiyampi pucchāmi… tatiyampi pucchāmi ‘itthannāmassa, bhante, bhikkhuno brahmadaṇḍassa dānaṃ ruccati saṅghassā’’ti (pari. aṭṭha. 495-496) evaṃ brahmadaṇḍo kātabbo.
๒๙๘๘-๙. ‘‘อาปุจฺฉิตฺวานา’’ติ ปุพฺพกิริยาย ‘‘คหิตายา’’ติ อปรกิริยา อชฺฌาหริตพฺพา, ‘‘รุจิยา’’ติ เอตสฺส วิเสสนํฯ เทตีติ เอตฺถ ‘‘อจฺฉินฺนจีวราทีน’’นฺติ เสโสฯ สโพฺพ สโงฺฆ สนฺนิปติตฺวาน สพฺพโส สเพฺพ สีมเฎฺฐ อาคตาคเต ภิกฺขู อาปุจฺฉิตฺวาน ‘‘อิตฺถนฺนาเมน ปริกฺขาเรน ภวิตพฺพํ, รุจฺจติ ตสฺส ทาน’’นฺติ วิสุํ ปุจฺฉิตฺวา คหิตาย ภิกฺขูนํ รุจิยา ติกฺขตฺตุํ อปโลเกตฺวา จีวราทิปริกฺขารํ อจฺฉินฺนจีวราทีนํ เทติ, ยํ เอวํภูตํ สงฺฆสฺส ทานํ, ตํ ตสฺส อปโลกนกมฺมสฺส กมฺมลกฺขณํ โหตีติ โยชนาฯ ลกฺขียตีติ ลกฺขณํ, กมฺมเมว ลกฺขณํ, น นิสฺสารณาทีนีติ กมฺมลกฺขณํฯ
2988-9.‘‘Āpucchitvānā’’ti pubbakiriyāya ‘‘gahitāyā’’ti aparakiriyā ajjhāharitabbā, ‘‘ruciyā’’ti etassa visesanaṃ. Detīti ettha ‘‘acchinnacīvarādīna’’nti seso. Sabbo saṅgho sannipatitvāna sabbaso sabbe sīmaṭṭhe āgatāgate bhikkhū āpucchitvāna ‘‘itthannāmena parikkhārena bhavitabbaṃ, ruccati tassa dāna’’nti visuṃ pucchitvā gahitāya bhikkhūnaṃ ruciyā tikkhattuṃ apaloketvā cīvarādiparikkhāraṃ acchinnacīvarādīnaṃ deti, yaṃ evaṃbhūtaṃ saṅghassa dānaṃ, taṃ tassa apalokanakammassa kammalakkhaṇaṃ hotīti yojanā. Lakkhīyatīti lakkhaṇaṃ, kammameva lakkhaṇaṃ, na nissāraṇādīnīti kammalakkhaṇaṃ.
๒๙๙๐-๑. เอวํ อปโลกนกมฺมสฺส ปญฺจ ฐานานิ อุเทฺทสนิเทฺทสวเสน ทเสฺสตฺวา อิทานิ ญตฺติกมฺมสฺส กมฺมลกฺขณํ ตาว ทเสฺสตุมาห ‘‘นิสฺสารณ’’นฺติอาทิฯ อิติ ‘‘ญตฺติยา นว ฐานานี’’ติ อยมุเทฺทโส วกฺขมาเนน ‘‘วินิจฺฉเย’’ติอาทินิเทฺทเสเนว วิภาวียติฯ
2990-1. Evaṃ apalokanakammassa pañca ṭhānāni uddesaniddesavasena dassetvā idāni ñattikammassa kammalakkhaṇaṃ tāva dassetumāha ‘‘nissāraṇa’’ntiādi. Iti ‘‘ñattiyā nava ṭhānānī’’ti ayamuddeso vakkhamānena ‘‘vinicchaye’’tiādiniddeseneva vibhāvīyati.
๒๙๙๒. วินิจฺฉเยติ อุพฺพาหิกวินิจฺฉเยฯ อสมฺปเตฺตติ นิฎฺฐํ อคเตฯ เถรสฺสาติ ธมฺมกถิกสฺสฯ เตเนวาห ‘‘อวินยญฺญุโน’’ติฯ ตสฺส ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตา, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ธมฺมกถิโก, อิมสฺส เนว สุตฺตํ อาคจฺฉติ, โน สุตฺตวิภโงฺค, โส อตฺถํ อสลฺลเกฺขตฺวา พฺยญฺชนจฺฉายาย อตฺถํ ปฎิพาหติ, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ วุฎฺฐาเปตฺวา อวเสสา อิมํ อธิกรณํ วูปสเมยฺยามา’’ติ (จูฬว. ๒๓๓) เอวํ อุพฺพาหิกวินิจฺฉเย ธมฺมกถิกสฺส ภิกฺขุโน ยา นิสฺสรณา วุตฺตา, สา ญตฺติกเมฺม ‘‘นิสฺสารณา’’ติ วุตฺตาติ โยชนาฯ
2992.Vinicchayeti ubbāhikavinicchaye. Asampatteti niṭṭhaṃ agate. Therassāti dhammakathikassa. Tenevāha ‘‘avinayaññuno’’ti. Tassa ‘‘suṇantu me āyasmantā, ayaṃ itthannāmo bhikkhu dhammakathiko, imassa neva suttaṃ āgacchati, no suttavibhaṅgo, so atthaṃ asallakkhetvā byañjanacchāyāya atthaṃ paṭibāhati, yadāyasmantānaṃ pattakallaṃ, itthannāmaṃ bhikkhuṃ vuṭṭhāpetvā avasesā imaṃ adhikaraṇaṃ vūpasameyyāmā’’ti (cūḷava. 233) evaṃ ubbāhikavinicchaye dhammakathikassa bhikkhuno yā nissaraṇā vuttā, sā ñattikamme ‘‘nissāraṇā’’ti vuttāti yojanā.
๒๙๙๓-๔. อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต สโงฺฆ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺข , อนุสิโฎฺฐ โส มยา, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อาคเจฺฉยฺยาติฯ อาคจฺฉาหี’’ติ (มหาว. ๑๒๖) วจนปฎิสํยุตฺตสฺส สงฺฆสฺส สมฺมุขานยนํ, สา โอสารณา นามฯ ‘‘อาคจฺฉ โอสารณา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ
2993-4.Upasampadāpekkhassa ‘‘suṇātu me, bhante saṅgho, itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho , anusiṭṭho so mayā, yadi saṅghassa pattakallaṃ, itthannāmo āgaccheyyāti. Āgacchāhī’’ti (mahāva. 126) vacanapaṭisaṃyuttassa saṅghassa sammukhānayanaṃ, sā osāraṇā nāma. ‘‘Āgaccha osāraṇā’’ti padacchedo.
อุโปสถวเสนาปิ, ปวารณาวเสนาปิฯ ญตฺติยา ฐปิตตฺตาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต สโงฺฆ, อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อุโปสถํ กเรยฺย’’ (มหาว. ๑๓๔), ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต สโงฺฆ, อชฺช ปวารณา ปนฺนรสี, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ ปวาเรยฺยา’’ติ (มหาว. ๒๑๐) อุโปสถปวารณาวเสน ญตฺติยา ฐปิตตฺตา อุโปสโถ, ปวารณา วาติ อิมานิ เทฺว ญตฺติกมฺมานิฯ
Uposathavasenāpi, pavāraṇāvasenāpi. Ñattiyā ṭhapitattāti ‘‘suṇātu me, bhante saṅgho, ajjuposatho pannaraso, yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho uposathaṃ kareyya’’ (mahāva. 134), ‘‘suṇātu me, bhante saṅgho, ajja pavāraṇā pannarasī, yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho pavāreyyā’’ti (mahāva. 210) uposathapavāraṇāvasena ñattiyā ṭhapitattā uposatho, pavāraṇā vāti imāni dve ñattikammāni.
‘‘อุปสมฺปทาเปกฺขญฺหิ, อนุสาเสยฺยหนฺติ จา’’ติ อิมินา ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต สโงฺฆ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺข, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ อนุสาเสยฺย’’นฺติ (มหาว. ๑๒๖) อยํ เอกา ญตฺติ คหิตาฯ
‘‘Upasampadāpekkhañhi, anusāseyyahanti cā’’ti iminā ‘‘suṇātu me, bhante saṅgho, itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho, yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ itthannāmaṃ anusāseyya’’nti (mahāva. 126) ayaṃ ekā ñatti gahitā.
๒๙๙๕. ‘‘อิตฺถนฺนามมหํ ภิกฺขุํ, ปุเจฺฉยฺยํ วินยนฺติ จา’’ติ อิมินา ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต สโงฺฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ วินยํ ปุเจฺฉยฺย’’นฺติ (มหาว. ๑๕๑) อยํ เอกา ญตฺติ คหิตาฯ เอวมาทีติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ อนุสาเสยฺยา’’ติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ อนฺตรายิเก ธเมฺม ปุเจฺฉยฺย’’นฺติ (มหาว. ๑๒๖), ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ อนฺตรายิเก ธเมฺม ปุเจฺฉยฺยา’’ติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ วินยํ ปุเจฺฉยฺยา’’ติ (มหาว. ๑๕๑), ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนาเมน วินยํ ปุโฎฺฐ วิสฺสเชฺชยฺย’’นฺติ (มหาว. ๑๕๒), ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนาเมน วินยํ ปุโฎฺฐ วิสฺสเชฺชยฺยา’’ติ – (มหาว. ๑๕๒) อิมา ฉ ญตฺติโย คหิตาฯ เอวํ ปุริมา เทฺว, อิมา จ ฉาติ เอทิสา อิมา อฎฺฐ ญตฺติโย ‘‘สมฺมุตี’’ติ วุตฺตาฯ
2995.‘‘Itthannāmamahaṃ bhikkhuṃ, puccheyyaṃ vinayanti cā’’ti iminā ‘‘suṇātu me, bhante saṅgho, yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ itthannāmaṃ vinayaṃ puccheyya’’nti (mahāva. 151) ayaṃ ekā ñatti gahitā. Evamādīti ādi-saddena ‘‘yadi saṅghassa pattakallaṃ, itthannāmo itthannāmaṃ anusāseyyā’’ti, ‘‘yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ itthannāmaṃ antarāyike dhamme puccheyya’’nti (mahāva. 126), ‘‘yadi saṅghassa pattakallaṃ, itthannāmo itthannāmaṃ antarāyike dhamme puccheyyā’’ti, ‘‘yadi saṅghassa pattakallaṃ, itthannāmo itthannāmaṃ vinayaṃ puccheyyā’’ti (mahāva. 151), ‘‘yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ itthannāmena vinayaṃ puṭṭho vissajjeyya’’nti (mahāva. 152), ‘‘yadi saṅghassa pattakallaṃ, itthannāmo itthannāmena vinayaṃ puṭṭho vissajjeyyā’’ti – (mahāva. 152) imā cha ñattiyo gahitā. Evaṃ purimā dve, imā ca chāti edisā imā aṭṭha ñattiyo ‘‘sammutī’’ti vuttā.
๒๙๙๖. นิสฺสฎฺฐจีวราทีนํ ทานนฺติ ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต สโงฺฆ, อิทํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน นิสฺสคฺคิยํ สงฺฆสฺส นิสฺสฎฺฐํ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺยา’’ติ (ปารา. ๔๖๔) เอวํ นิสฺสฎฺฐจีวรปตฺตาทีนํ ทานํ ‘‘ทาน’’นฺติ วุจฺจติฯ อาปตฺตีนํ ปฎิคฺคาโหติ ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต สโงฺฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ อาปตฺติํ สรติ วิวรติ อุตฺตานิํ กโรติ เทเสติ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺติํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย’’นฺติ (จูฬว. ๒๓๙), ‘‘ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺติํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย’’นฺติ (จูฬว. ๒๓๙)ฯ เตน วตฺตโพฺพ ‘‘ปสฺสสี’’ติฯ ‘‘อาม ปสฺสามี’’ติฯ ‘‘อายติํ สํวเรยฺยาสี’’ติฯ เอวํ อาปตฺตีนํ ปฎิคฺคาโห ‘‘ปฎิคฺคาโห’’ติ วุจฺจติฯ
2996.Nissaṭṭhacīvarādīnaṃ dānanti ‘‘suṇātu me, bhante saṅgho, idaṃ cīvaraṃ itthannāmassa bhikkhuno nissaggiyaṃ saṅghassa nissaṭṭhaṃ, yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho imaṃ cīvaraṃ itthannāmassa bhikkhuno dadeyyā’’ti (pārā. 464) evaṃ nissaṭṭhacīvarapattādīnaṃ dānaṃ ‘‘dāna’’nti vuccati. Āpattīnaṃ paṭiggāhoti ‘‘suṇātu me, bhante saṅgho, ayaṃ itthannāmo bhikkhu āpattiṃ sarati vivarati uttāniṃ karoti deseti, yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ itthannāmassa bhikkhuno āpattiṃ paṭiggaṇheyya’’nti (cūḷava. 239), ‘‘yadāyasmantānaṃ pattakallaṃ, ahaṃ itthannāmassa bhikkhuno āpattiṃ paṭiggaṇheyya’’nti (cūḷava. 239). Tena vattabbo ‘‘passasī’’ti. ‘‘Āma passāmī’’ti. ‘‘Āyatiṃ saṃvareyyāsī’’ti. Evaṃ āpattīnaṃ paṭiggāho ‘‘paṭiggāho’’ti vuccati.
๒๙๙๗. ปวารุกฺกฑฺฒนาติ ปวารณุกฺกฑฺฒนาฯ คาถาพนฺธวเสน ณ-การโลโปฯ อถ วา ปวารณํ ปวาโรติ ปวารณ-สทฺทปริยาโย ปวาร-สโทฺทฯ ‘‘อิมํ อุโปสถํ กตฺวา, กาเฬ ปวารยามี’’ติ อิมินา ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตา อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม กาเฬ ปวาเรยฺยามา’’ติ (มหาว. ๒๔๐) อยํ ญตฺติ อุปลกฺขณโต ทสฺสิตาฯ เอวํ กตปวารณา ‘‘ปจฺจุกฺกฑฺฒนา’’ติ มตาฯ เอตฺถ จ กาเฬติ ปุพฺพกตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขุโปสเถฯ อิมินา จ ‘‘อาคเม ชุเณฺห ปวาเรยฺยามา’’ติ อยํ ญตฺติ จ อุปลกฺขิตาฯ ชุเณฺหติ อปรกตฺติกชุณฺหปกฺขอุโปสเถฯ
2997.Pavārukkaḍḍhanāti pavāraṇukkaḍḍhanā. Gāthābandhavasena ṇa-kāralopo. Atha vā pavāraṇaṃ pavāroti pavāraṇa-saddapariyāyo pavāra-saddo. ‘‘Imaṃ uposathaṃ katvā, kāḷe pavārayāmī’’ti iminā ‘‘suṇantu me āyasmantā āvāsikā, yadāyasmantānaṃ pattakallaṃ, idāni uposathaṃ kareyyāma, pātimokkhaṃ uddiseyyāma, āgame kāḷe pavāreyyāmā’’ti (mahāva. 240) ayaṃ ñatti upalakkhaṇato dassitā. Evaṃ katapavāraṇā ‘‘paccukkaḍḍhanā’’ti matā. Ettha ca kāḷeti pubbakattikamāsassa kāḷapakkhuposathe. Iminā ca ‘‘āgame juṇhe pavāreyyāmā’’ti ayaṃ ñatti ca upalakkhitā. Juṇheti aparakattikajuṇhapakkhauposathe.
๒๙๙๘. ติณวตฺถารเกติ ติณวตฺถารกสมเถฯ สพฺพปฐมา ญตฺตีติ สพฺพสงฺคาหิกา ญตฺติ วุจฺจติฯ อิตรา จาติ อุภยปเกฺข ปเจฺจกํ ฐปิตา เทฺว ญตฺติโย จาติ เอวํ ติธา ปวตฺตํ เอตํ ญตฺติกมฺมํ กมฺมลกฺขณํ อิติ เอวํ วุตฺตนเยน ‘‘วินิจฺฉเย’’ติอาทินา ญตฺติยา นว ฐานานิ เวทิตพฺพานีติ โยชนาฯ
2998.Tiṇavatthāraketi tiṇavatthārakasamathe. Sabbapaṭhamā ñattīti sabbasaṅgāhikā ñatti vuccati. Itarā cāti ubhayapakkhe paccekaṃ ṭhapitā dve ñattiyo cāti evaṃ tidhā pavattaṃ etaṃ ñattikammaṃ kammalakkhaṇaṃ iti evaṃ vuttanayena ‘‘vinicchaye’’tiādinā ñattiyā nava ṭhānāni veditabbānīti yojanā.
๒๙๙๙-๓๐๐๐. เอวํ ญตฺติกเมฺม นว ฐานานิ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ญตฺติทุติยกเมฺม สตฺต ฐานานิ ทเสฺสตุมาห ‘‘ญตฺติทุติยกมฺมมฺปี’’ติอาทิฯ ‘‘ญตฺติทุติยกมฺม’’นฺติอาทิกา อุเทฺทสคาถา อุตฺตานตฺถาวฯ
2999-3000. Evaṃ ñattikamme nava ṭhānāni dassetvā idāni ñattidutiyakamme satta ṭhānāni dassetumāha ‘‘ñattidutiyakammampī’’tiādi. ‘‘Ñattidutiyakamma’’ntiādikā uddesagāthā uttānatthāva.
นิเทฺทเส ปตฺตนิกฺกุชฺชนาทีติ อาทิ-สเทฺทน ปตฺตุกฺกุชฺชนํ คหิตํฯ นิสฺสาโรสารณา มตาติ ‘‘นิสฺสารณา, โอสารณา’’ติ จ มตาฯ ตตฺถ ภิกฺขูนํ อลาภาย ปริสกฺกนาทิเกหิ อฎฺฐหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส อุปาสกสฺส สเงฺฆน อสโมฺภคกรณตฺถํ ปตฺตนิกฺกุชฺชนวเสน นิสฺสารณา จ ตเสฺสว สมฺมา วตฺตนฺตสฺส ปตฺตุกฺกุชฺชนวเสน โอสารณา จ เวทิตพฺพาฯ สา ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธเก วฑฺฒลิจฺฉวิวตฺถุสฺมิํ (จูฬว. ๒๖๕) วุตฺตาฯ
Niddese pattanikkujjanādīti ādi-saddena pattukkujjanaṃ gahitaṃ. Nissārosāraṇā matāti ‘‘nissāraṇā, osāraṇā’’ti ca matā. Tattha bhikkhūnaṃ alābhāya parisakkanādikehi aṭṭhahi aṅgehi samannāgatassa upāsakassa saṅghena asambhogakaraṇatthaṃ pattanikkujjanavasena nissāraṇā ca tasseva sammā vattantassa pattukkujjanavasena osāraṇā ca veditabbā. Sā khuddakavatthukkhandhake vaḍḍhalicchavivatthusmiṃ (cūḷava. 265) vuttā.
๓๐๐๑. สีมาทิสมฺมุติ สมฺมุติ นามฯ สา ปญฺจทสธา มตาติ สีมาสมฺมุติ ติจีวเรนอวิปฺปวาสสมฺมุติ สนฺถตสมฺมุติ ภตฺตุเทฺทสก เสนาสนคฺคาหาปก ภณฺฑาคาริก จีวรปฎิคฺคาหก ยาคุภาชก ผลภาชก ขชฺชภาชก อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชก สาฎิยคฺคาหาปก ปตฺตคฺคาหาปก อารามิกเปสก สามเณรเปสกสมฺมุตีติ เอวํ สา สมฺมุติ ปญฺจทสวิธา มตาติ อโตฺถฯ กถินสฺส วตฺถํ, ตสฺสฯ มโตเยว มตโก, มตกสฺส วาโส มตกวาโส, ตสฺส มตกวาสโส, มตกจีวรสฺสฯ
3001.Sīmādisammuti sammuti nāma. Sā pañcadasadhā matāti sīmāsammuti ticīvarenaavippavāsasammuti santhatasammuti bhattuddesaka senāsanaggāhāpaka bhaṇḍāgārika cīvarapaṭiggāhaka yāgubhājaka phalabhājaka khajjabhājaka appamattakavissajjaka sāṭiyaggāhāpaka pattaggāhāpaka ārāmikapesaka sāmaṇerapesakasammutīti evaṃ sā sammuti pañcadasavidhā matāti attho. Kathinassa vatthaṃ, tassa. Matoyeva matako, matakassa vāso matakavāso, tassa matakavāsaso, matakacīvarassa.
๓๐๐๒. อานิสํสเขตฺตภูตปญฺจมาสพฺภนฺตเรเยว อุพฺภาโร อนฺตรุพฺภาโรฯ กุฎิวตฺถุสฺส, วิหารสฺส วตฺถุโน จ เทสนา เทสนา นามาติ โยชนาฯ
3002. Ānisaṃsakhettabhūtapañcamāsabbhantareyeva ubbhāro antarubbhāro. Kuṭivatthussa, vihārassa vatthuno ca desanā desanā nāmāti yojanā.
๓๐๐๓. ติณวตฺถารเก ทฺวินฺนํ ปกฺขานํ สาธารณวเสน ฐเปตพฺพญตฺติ จ ปจฺฉา ปกฺขทฺวเย วิสุํ วิสุํ ฐเปตพฺพา เทฺว ญตฺติโย จาติ ติโสฺส ญตฺติโย กมฺมวาจาย อภาเวน ญตฺติกเมฺม ‘‘กมฺมลกฺขณ’’นฺติ ทสฺสิตา, ปจฺฉา วิสุํ วิสุํ ทฺวีสุ ปเกฺขสุ วตฺตพฺพา เทฺว ญตฺติทุติยกมฺมวาจา ญตฺติทุติยกเมฺม ‘‘กมฺมลกฺขณ’’นฺติ ทสฺสิตาติ ตํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ติณวตฺถารเก กเมฺม’’ติฯ ‘‘โมหาโรปนตาทิสู’’ติ อิมินา ปาจิตฺติเยสุ ทสฺสิตโมหาโรปนกมฺมญฺจ อญฺญวาทกวิเหสกาโรปนกมฺมาทิญฺจ สงฺคณฺหาติฯ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ ญตฺติทุติยกเมฺมฯ กมฺมลกฺขณเมว กมฺมลกฺขณตาฯ
3003. Tiṇavatthārake dvinnaṃ pakkhānaṃ sādhāraṇavasena ṭhapetabbañatti ca pacchā pakkhadvaye visuṃ visuṃ ṭhapetabbā dve ñattiyo cāti tisso ñattiyo kammavācāya abhāvena ñattikamme ‘‘kammalakkhaṇa’’nti dassitā, pacchā visuṃ visuṃ dvīsu pakkhesu vattabbā dve ñattidutiyakammavācā ñattidutiyakamme ‘‘kammalakkhaṇa’’nti dassitāti taṃ dassetumāha ‘‘tiṇavatthārake kamme’’ti. ‘‘Mohāropanatādisū’’ti iminā pācittiyesu dassitamohāropanakammañca aññavādakavihesakāropanakammādiñca saṅgaṇhāti. Etthāti imasmiṃ ñattidutiyakamme. Kammalakkhaṇameva kammalakkhaṇatā.
๓๐๐๔-๕. อิติ เอวํ ยถาวุตฺตนเยน อิเม สตฺต ฐานเภทา ญตฺติทุติยกมฺมสฺสฯ เอวํ ญตฺติทุติยกเมฺม สตฺต ฐานานิ ทเสฺสตฺวา ญตฺติจตุตฺถกเมฺม ฐานเภทํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ตถา’’ติอาทิฯ
3004-5.Iti evaṃ yathāvuttanayena ime satta ṭhānabhedā ñattidutiyakammassa. Evaṃ ñattidutiyakamme satta ṭhānāni dassetvā ñatticatutthakamme ṭhānabhedaṃ dassetumāha ‘‘tathā’’tiādi.
๓๐๐๖. ตชฺชนาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน นิยสฺสาทีนํ คหณํฯ เตสํ สตฺตนฺนํ กมฺมานํฯ ปสฺสทฺธิ วูปสโมฯ
3006.Tajjanādīnanti ādi-saddena niyassādīnaṃ gahaṇaṃ. Tesaṃ sattannaṃ kammānaṃ. Passaddhi vūpasamo.
๓๐๐๗. ‘‘ภิกฺขุนีนํ โอวาโท’’ติ ภิกฺขุโนวาทกสมฺมุติ ผลูปจาเรน วุตฺตาฯ
3007.‘‘Bhikkhunīnaṃovādo’’ti bhikkhunovādakasammuti phalūpacārena vuttā.
๓๐๐๘-๙. มูลปฎิกฺกโสฺส มูลาย ปฎิกสฺสนา, คาถาพนฺธวเสน ก-การสฺส เทฺวภาโวฯ อุกฺขิตฺตสฺสานุวตฺติกาติ อุกฺขิตฺตานุวตฺติกา เอกา ยาวตติยกา, อฎฺฐ สงฺฆาทิเสสา, อริโฎฺฐ จณฺฑกาฬี จ เทฺว, อิเม เอกาทส ยาวตติยกา ภวนฺติฯ อิเมสํ วสาติ อุกฺขิตฺตานุวตฺติกาทีนิ ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน วุตฺตานิ, อิเมสํ สมนุภาสนกมฺมานํ วเสนฯ ทเสกาติ เอกาทสฯ
3008-9.Mūlapaṭikkasso mūlāya paṭikassanā, gāthābandhavasena ka-kārassa dvebhāvo. Ukkhittassānuvattikāti ukkhittānuvattikā ekā yāvatatiyakā, aṭṭha saṅghādisesā, ariṭṭho caṇḍakāḷī ca dve, ime ekādasa yāvatatiyakā bhavanti. Imesaṃ vasāti ukkhittānuvattikādīni puggalādhiṭṭhānena vuttāni, imesaṃ samanubhāsanakammānaṃ vasena. Dasekāti ekādasa.
๓๐๑๑. เอวํ จตุนฺนมฺปิ กมฺมานํ ฐานเภทํ ทเสฺสตฺวา อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ กาตพฺพปฺปการํ ทเสฺสตุมาห ‘‘อปโลกนกมฺมญฺจา’’ติอาทิฯ ญตฺติยาปิ น การเย, ญตฺติทุติเยนปิ น การเยติ โยชนาฯ
3011. Evaṃ catunnampi kammānaṃ ṭhānabhedaṃ dassetvā anvayato, byatirekato ca kātabbappakāraṃ dassetumāha ‘‘apalokanakammañcā’’tiādi. Ñattiyāpi na kāraye, ñattidutiyenapi na kārayeti yojanā.
๓๐๑๒. อปโลกนกเมฺม วุตฺตลกฺขเณน ญตฺติกมฺมาทีนมฺปิ กาตพฺพปฺปกาโร สกฺกา วิญฺญาตุนฺติ ตํ อทเสฺสตฺวา ญตฺติทุติยกเมฺม ลพฺภมานวิเสสํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ญตฺติทุติยกมฺมานี’’ติอาทิฯ อปโลเกตฺวา กาตพฺพานิ ลหุกานิปิ ญตฺติทุติยกมฺมานิ อตฺถีติ โยชนาฯ ตานิ ปน กตมานีติ อาห ‘‘สพฺพา สมฺมุติโย สิยุ’’นฺติฯ เอตฺถ สีมาสมฺมุติํ วินา เสสา ติจีวเรนอวิปฺปวาสสมฺมุติอาทโย สพฺพาปิ สมฺมุติโยติ อโตฺถฯ
3012. Apalokanakamme vuttalakkhaṇena ñattikammādīnampi kātabbappakāro sakkā viññātunti taṃ adassetvā ñattidutiyakamme labbhamānavisesaṃ dassetumāha ‘‘ñattidutiyakammānī’’tiādi. Apaloketvā kātabbāni lahukānipi ñattidutiyakammāni atthīti yojanā. Tāni pana katamānīti āha ‘‘sabbā sammutiyo siyu’’nti. Ettha sīmāsammutiṃ vinā sesā ticīvarenaavippavāsasammutiādayo sabbāpi sammutiyoti attho.
๓๐๑๓. เสสานีติ ยถาวุเตฺตหิ เสสานิ สีมาสมฺมุติอาทีนิ ฉ กมฺมานิฯ น วฎฺฎตีติ น วฎฺฎนฺติ, คาถาพนฺธวเสน น-การโลโปฯ ยถาห ‘‘สีมาสมฺมุติ, สีมาสมูหนนํ, กถินทานํ, กถินุทฺธาโร, กุฎิวตฺถุเทสนา, วิหารวตฺถุเทสนาติ อิมานิ ฉ กมฺมานิ ครุกานิ อปโลเกตฺวา กาตุํ น วฎฺฎนฺติ, ญตฺติทุติยกมฺมวาจํ สาเวตฺวาว กาตพฺพานี’’ติ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๘๒)ฯ ‘‘อปโลเกตฺวา กาตุํ ปน น วฎฺฎตี’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, ญตฺติจตุตฺถกมฺมวเสนาปิ กาตุํ น วฎฺฎเนฺตวฯ เตเนวาห ‘‘ยถาวุตฺตนเยเนว, เตน เตเนว การเย’’ติ, โย โย นโย ตํ ตํ กมฺมํ กาตุํ วุโตฺต, เตเนว เตเนว นเยนาติ อโตฺถฯ
3013.Sesānīti yathāvuttehi sesāni sīmāsammutiādīni cha kammāni. Na vaṭṭatīti na vaṭṭanti, gāthābandhavasena na-kāralopo. Yathāha ‘‘sīmāsammuti, sīmāsamūhananaṃ, kathinadānaṃ, kathinuddhāro, kuṭivatthudesanā, vihāravatthudesanāti imāni cha kammāni garukāni apaloketvā kātuṃ na vaṭṭanti, ñattidutiyakammavācaṃ sāvetvāva kātabbānī’’ti (pari. aṭṭha. 482). ‘‘Apaloketvā kātuṃ pana na vaṭṭatī’’ti idaṃ nidassanamattaṃ, ñatticatutthakammavasenāpi kātuṃ na vaṭṭanteva. Tenevāha ‘‘yathāvuttanayeneva, tena teneva kāraye’’ti, yo yo nayo taṃ taṃ kammaṃ kātuṃ vutto, teneva teneva nayenāti attho.
จตุพฺพิธกมฺมกถาวณฺณนาฯ
Catubbidhakammakathāvaṇṇanā.