Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā

    ๖. จตุพฺยูหหารวิภงฺควณฺณนา

    6. Catubyūhahāravibhaṅgavaṇṇanā

    ๒๕. ตตฺถ กตโม จตุพฺยูโห หาโรติ จตุพฺยูหหารวิภโงฺคฯ ตตฺถ พฺยญฺชเนน สุตฺตสฺส เนรุตฺตญฺจ อธิปฺปาโย จ นิทานญฺจ ปุพฺพาปรสนฺธิ จ คเวสิตโพฺพติ สเงฺขเปน ตาว จตุพฺยูหํ ทเสฺสติฯ ‘‘พฺยญฺชเนนา’’ติ อิมินา หารานํ สุตฺตสฺส พฺยญฺชนวิจยภาวโต พฺยญฺชนมุเขเนว เอเต จตุพฺยูหหารปทตฺถา นิทฺธาเรตพฺพาติ ทเสฺสติฯ เนรุตฺตนฺติ นิรุตฺตํ นิพฺพจนนฺติ อโตฺถฯ นิรุตฺตเมว เนรุตฺตํฯ เตเนวาห – ‘‘ยา นิรุตฺติปทสํหิตา’’ติฯ ตสฺสโตฺถ – ยา นิรุตฺติ, อิทํ เนรุตฺตํฯ กา ปน สา นิรุตฺติ? ปทสํหิตาติ ปเทสุ สํหิตา ยุตฺตา, ลิงฺควจนกาลสาธนปุริสาทิวิเสสโยเคน โย โย อโตฺถ ยถา ยถา วตฺตโพฺพ, ตถา ตถา ปวตฺตสภาวนิรุตฺตีติ อโตฺถฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ยํ ธมฺมานํ นามโส ญาณ’’นฺติฯ

    25.Tattha katamo catubyūho hāroti catubyūhahāravibhaṅgo. Tattha byañjanena suttassa neruttañca adhippāyo ca nidānañca pubbāparasandhi ca gavesitabboti saṅkhepena tāva catubyūhaṃ dasseti. ‘‘Byañjanenā’’ti iminā hārānaṃ suttassa byañjanavicayabhāvato byañjanamukheneva ete catubyūhahārapadatthā niddhāretabbāti dasseti. Neruttanti niruttaṃ nibbacananti attho. Niruttameva neruttaṃ. Tenevāha – ‘‘yā niruttipadasaṃhitā’’ti. Tassattho – yā nirutti, idaṃ neruttaṃ. Kā pana sā nirutti? Padasaṃhitāti padesu saṃhitā yuttā, liṅgavacanakālasādhanapurisādivisesayogena yo yo attho yathā yathā vattabbo, tathā tathā pavattasabhāvaniruttīti attho. Tathā hi vuttaṃ ‘‘yaṃ dhammānaṃ nāmaso ñāṇa’’nti.

    ตตฺถ นฺติ เหตุอเตฺถ นิปาโต, ยาย การณภูตายาติ อโตฺถฯ ธมฺมานนฺติ เญยฺยธมฺมานํฯ นามโสติ ปถวี ผโสฺส ขนฺธา ธาตุ ติโสฺส ผุโสฺสติ เอวมาทินามวิเสเสน ญาณํ ปวตฺตติ, อยํ สภาวนิรุตฺติ นามฯ ปถวีติ หิ เอวมาทิกํ สทฺทํ คเหตฺวา ตโต ปรํ สเงฺกตทฺวาเรน ตทตฺถปฎิปตฺติ ตํตํอนิยตนามปญฺญตฺติคฺคหณวเสเนว โหตีติฯ อถ วา ปทสํหิตาติ ปเทน สํหิตา ฯ ปทโต หิ ปทตฺถาวโพโธฯ โส ปนสฺส อเตฺถ ปวตฺตินิมิตฺตภูตาย ปญฺญตฺติยา คหิตาย เอว โหตีติ สา ปน ปญฺญตฺติ นิรุตฺติสงฺขาตปเทน สํหิตา ปทตฺถํ โพเธตีติ ปทสํหิตาติ วุตฺตาฯ ‘‘ยทา หิ ภิกฺขู’’ติอาทินา ‘‘ธมฺมานํ นามโส ญาณ’’นฺติ ปทสฺส อตฺถํ วิวรติฯ

    Tattha yanti hetuatthe nipāto, yāya kāraṇabhūtāyāti attho. Dhammānanti ñeyyadhammānaṃ. Nāmasoti pathavī phasso khandhā dhātu tisso phussoti evamādināmavisesena ñāṇaṃ pavattati, ayaṃ sabhāvanirutti nāma. Pathavīti hi evamādikaṃ saddaṃ gahetvā tato paraṃ saṅketadvārena tadatthapaṭipatti taṃtaṃaniyatanāmapaññattiggahaṇavaseneva hotīti. Atha vā padasaṃhitāti padena saṃhitā . Padato hi padatthāvabodho. So panassa atthe pavattinimittabhūtāya paññattiyā gahitāya eva hotīti sā pana paññatti niruttisaṅkhātapadena saṃhitā padatthaṃ bodhetīti padasaṃhitāti vuttā. ‘‘Yadā hi bhikkhū’’tiādinā ‘‘dhammānaṃ nāmaso ñāṇa’’nti padassa atthaṃ vivarati.

    ตตฺถ อตฺถสฺสาติ สทฺทาภิเธยฺยสฺส อตฺถสฺสฯ นามํ ชานาตีติ นามปญฺญตฺติวเสน อยํ นามาติ นามํ ชานาติฯ ธมฺมสฺสาติ สภาวธมฺมสฺสฯ ตถา ตถา นํ อภินิโรเปตีติ โย โย อโตฺถ ธโมฺม จ ยถา ยถา จ โวหริตโพฺพ, ตถา ตถา นํ นามํ โวหารํ อภินิโรเปติ เทเสตีติ อโตฺถฯ เอตฺตาวตา จ อยํ ภิกฺขุ อตฺถกุสโล ยาว อเนกาธิวจนกุสโลติ วุจฺจตีติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ

    Tattha atthassāti saddābhidheyyassa atthassa. Nāmaṃ jānātīti nāmapaññattivasena ayaṃ nāmāti nāmaṃ jānāti. Dhammassāti sabhāvadhammassa. Tathātathā naṃ abhiniropetīti yo yo attho dhammo ca yathā yathā ca voharitabbo, tathā tathā naṃ nāmaṃ vohāraṃ abhiniropeti desetīti attho. Ettāvatā ca ayaṃ bhikkhu atthakusalo yāva anekādhivacanakusaloti vuccatīti sambandhitabbaṃ.

    ตตฺถ อตฺถกุสโลติ ปาฬิอเตฺถ กุสโลฯ ธมฺมกุสโลติ ปาฬิยํ กุสโลฯ พฺยญฺชนกุสโลติ อกฺขเรสุ จ วาเกฺยสุ จ กุสโลฯ นิรุตฺติกุสโลติ นิพฺพจเน กุสโลฯ ปุพฺพาปรกุสโลติ เทสนาย ปุพฺพาปรกุสโลฯ เทสนากุสโลติ ธมฺมสฺส เทสนาย กุสโลฯ อตีตาธิวจนกุสโลติ อตีตปญฺญตฺติกุสโลฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ เอวํ สพฺพานิ กาตพฺพานิ, ชนปทนิรุตฺตานีติ ยตฺตกานิ สตฺตโวหารปทานิ, ตานิ สพฺพานิ ยถาสมฺภวํ สุเตฺต นิพฺพจนวเสน กาตพฺพานิ วตฺตพฺพานีติ อโตฺถฯ สพฺพา จ ชนปทนิรุตฺติโยติ สพฺพา จ โลกสมญฺญาโย ยถารหํ กาตพฺพาฯ ‘‘สมญฺญํ นาติธาเวยฺยา’’ติ หิ วุตฺตํฯ ตถา หิ สมฺมุติสจฺจมุเขเนว ปรมตฺถสจฺจาธิคโม โหตีติฯ

    Tattha atthakusaloti pāḷiatthe kusalo. Dhammakusaloti pāḷiyaṃ kusalo. Byañjanakusaloti akkharesu ca vākyesu ca kusalo. Niruttikusaloti nibbacane kusalo. Pubbāparakusaloti desanāya pubbāparakusalo. Desanākusaloti dhammassa desanāya kusalo. Atītādhivacanakusaloti atītapaññattikusalo. Esa nayo sesesupi. Evaṃ sabbāni kātabbāni, janapadaniruttānīti yattakāni sattavohārapadāni, tāni sabbāni yathāsambhavaṃ sutte nibbacanavasena kātabbāni vattabbānīti attho. Sabbā ca janapadaniruttiyoti sabbā ca lokasamaññāyo yathārahaṃ kātabbā. ‘‘Samaññaṃ nātidhāveyyā’’ti hi vuttaṃ. Tathā hi sammutisaccamukheneva paramatthasaccādhigamo hotīti.

    ๒๖.

    26.

    อธิปฺปายกเณฺฑ อนุตฺตานํ นาม นตฺถิฯ

    Adhippāyakaṇḍe anuttānaṃ nāma natthi.

    ๒๗. นิทานกเณฺฑ อิมินา วตฺถุนาติ อิมินา ปุตฺตควาทิกิตฺตนสงฺขาเตน การเณนฯ การณเญฺหตฺถ วตฺถุ นิทานนฺติ จ วุตฺตํฯ อิมินา นเยน สพฺพตฺถ นิทานนิทฺธารณํ เวทิตพฺพํฯ

    27. Nidānakaṇḍe iminā vatthunāti iminā puttagavādikittanasaṅkhātena kāraṇena. Kāraṇañhettha vatthu nidānanti ca vuttaṃ. Iminā nayena sabbattha nidānaniddhāraṇaṃ veditabbaṃ.

    กามนฺธาติ กิเลสกาเมน อนฺธาฯ ชาลสญฺฉนฺนาติ ตณฺหาชาลปลิคุณฺฐิตาฯ ตณฺหาฉทนฉาทิตาติ ตณฺหาสงฺขาเตน อนฺธกาเรน ปิหิตาฯ พนฺธนาพทฺธาติ กามคุณสงฺขาเตน พนฺธเนน พทฺธาฯ ‘‘ปมตฺตพนฺธนา’’ติปิ ปาโฐ, ปมาเทนาติ อโตฺถฯ ปุพฺพาปเรนาติ ปุเพฺพน วา อปเรน วา เทสนนฺตเรนาติ อธิปฺปาโยฯ ยุชฺชตีติ โยคํ อุเปติ, สเมตีติ อโตฺถฯ อิเมหิ ปเทหิ ปริยุฎฺฐาเนหีติ อิเมหิ ยถาวุเตฺตหิ คาถาปเทหิ ตณฺหาปริยุฎฺฐานทีปเกหิฯ สาเยว ตณฺหาติ ยา ปุริมคาถาย วุตฺตา, สาเยว ตณฺหาฯ ‘‘ยญฺจาหา’’ติอาทินา ทฺวินฺนมฺปิ คาถานํ อตฺถสํสนฺทเนน ปุพฺพาปรํ วิภาเวติฯ ปโยเคนาติ สมุทาจาเรนฯ ตสฺมาติ ยตฺถ สยํ อุปฺปนฺนา, ตํ สนฺตานํ นิสฺสริตุํ อเทนฺตี นานารมฺมเณหิ ปโลภยมานา กิเลเสหิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ ตสฺมา กิเลสวเสน จ ปริยุฎฺฐานวเสน จ ตณฺหาพนฺธนํ วุตฺตาฯ

    Kāmandhāti kilesakāmena andhā. Jālasañchannāti taṇhājālapaliguṇṭhitā. Taṇhāchadanachāditāti taṇhāsaṅkhātena andhakārena pihitā. Bandhanābaddhāti kāmaguṇasaṅkhātena bandhanena baddhā. ‘‘Pamattabandhanā’’tipi pāṭho, pamādenāti attho. Pubbāparenāti pubbena vā aparena vā desanantarenāti adhippāyo. Yujjatīti yogaṃ upeti, sametīti attho. Imehi padehipariyuṭṭhānehīti imehi yathāvuttehi gāthāpadehi taṇhāpariyuṭṭhānadīpakehi. Sāyeva taṇhāti yā purimagāthāya vuttā, sāyeva taṇhā. ‘‘Yañcāhā’’tiādinā dvinnampi gāthānaṃ atthasaṃsandanena pubbāparaṃ vibhāveti. Payogenāti samudācārena. Tasmāti yattha sayaṃ uppannā, taṃ santānaṃ nissarituṃ adentī nānārammaṇehi palobhayamānā kilesehi cittaṃ pariyādāya tiṭṭhati. Tasmā kilesavasena ca pariyuṭṭhānavasena ca taṇhābandhanaṃ vuttā.

    ปปเญฺจนฺติ สํสาเร จิรํ ฐเปนฺตีติ ปปญฺจาฯ ติฎฺฐนฺติ เอตาหีติ ฐิตีฯ พนฺธนเฎฺฐน สนฺทานํ วิยาติ สนฺทานํฯ นิพฺพานนครปฺปเวสสฺส ปฎิเสธนโต ปลิฆํ วิยาติ ปลิฆํฯ อนวเสสตณฺหาปหาเนน นิตฺตโณฺหฯ อตฺตหิตปรหิตานํ อิธโลกปรโลกานญฺจ มุนนโต มุนีติ เอวํ คาถาย ปทโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปปญฺจาทิอตฺถา ปน ปาฬิยํ วิภตฺตา เอวาติฯ ตตฺถ ยเสฺสเต ปปญฺจาทโย อพฺภตฺถํ คตา, ตสฺส ตณฺหาย เลโสปิ น ภวติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘โย เอตํ สพฺพํ สมติกฺกโนฺต, อยํ วุจฺจติ นิตฺตโณฺห’’ติฯ

    Papañcenti saṃsāre ciraṃ ṭhapentīti papañcā. Tiṭṭhanti etāhīti ṭhitī. Bandhanaṭṭhena sandānaṃ viyāti sandānaṃ. Nibbānanagarappavesassa paṭisedhanato palighaṃ viyāti palighaṃ. Anavasesataṇhāpahānena nittaṇho. Attahitaparahitānaṃ idhalokaparalokānañca munanato munīti evaṃ gāthāya padattho veditabbo. Papañcādiatthā pana pāḷiyaṃ vibhattā evāti. Tattha yassete papañcādayo abbhatthaṃ gatā, tassa taṇhāya lesopi na bhavati. Tena vuttaṃ – ‘‘yo etaṃ sabbaṃ samatikkanto, ayaṃ vuccati nittaṇho’’ti.

    ๒๘. ปริยุฎฺฐานนฺติ ‘‘ตณฺหาย ปริยุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตานิ ตณฺหาวิจริตานิฯ สงฺขาราติ ‘‘ตทภิสงฺขตา สงฺขารา’’ติ วุตฺตา ตณฺหาทิฎฺฐิมานเหตุกา สงฺขาราฯ เต ปน ยสฺมา สตฺตสุ ชวนเจตนาสุ ปฐมเจตนา สติ ปจฺจยสมวาเย อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว ผลํ เทติฯ ปจฺฉิมเจตนา อนนฺตเร อตฺตภาเวฯ อุภินฺนํ เวมชฺฌเจตนา ยตฺถ กตฺถจิ ผลํ เทติ, ตสฺมา วิปจฺจโนกาสวเสน วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ทิฎฺฐธมฺมเวทนียา วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยสฺมา ปน ตํตํเจตนาสมฺปยุตฺตา ตณฺหาปิ เจตนา วิย ทิฎฺฐธมฺมเวทนียาทิวเสน ติธา โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘เอวํ ตณฺหา ติวิธํ ผลํ เทตี’’ติฯ ปุพฺพาปเรน ยุชฺชตีติ ยํ ปุพฺพํ ปุริมํ สงฺขารานํ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียตาทิวจนํ วุตฺตํ, ตํ อิมินา อปเรน กมฺมสฺส ทิฎฺฐธมฺมเวทนียตาทิวจเนน ยุชฺชติ คโงฺคทกํ วิย ยมุโนทเกน สํสนฺทติ สเมตีติ อโตฺถฯ

    28.Pariyuṭṭhānanti ‘‘taṇhāya pariyuṭṭhāna’’nti vuttāni taṇhāvicaritāni. Saṅkhārāti ‘‘tadabhisaṅkhatā saṅkhārā’’ti vuttā taṇhādiṭṭhimānahetukā saṅkhārā. Te pana yasmā sattasu javanacetanāsu paṭhamacetanā sati paccayasamavāye imasmiṃyeva attabhāve phalaṃ deti. Pacchimacetanā anantare attabhāve. Ubhinnaṃ vemajjhacetanā yattha katthaci phalaṃ deti, tasmā vipaccanokāsavasena vibhajitvā dassetuṃ ‘‘diṭṭhadhammavedanīyā vā’’tiādi vuttaṃ. Yasmā pana taṃtaṃcetanāsampayuttā taṇhāpi cetanā viya diṭṭhadhammavedanīyādivasena tidhā hoti, tasmā vuttaṃ – ‘‘evaṃ taṇhā tividhaṃ phalaṃ detī’’ti. Pubbāparena yujjatīti yaṃ pubbaṃ purimaṃ saṅkhārānaṃ diṭṭhadhammavedanīyatādivacanaṃ vuttaṃ, taṃ iminā aparena kammassa diṭṭhadhammavedanīyatādivacanena yujjati gaṅgodakaṃ viya yamunodakena saṃsandati sametīti attho.

    สงฺขารา ทสฺสนพเลนาติ จตูสุ ทิฎฺฐิคตสมฺปยุเตฺตสุ วิจิกิจฺฉาสมฺปยุเตฺต จาติ ปญฺจสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ สงฺขารา ปฐมมคฺคปญฺญาพเลนฯ ฉตฺติํส ตณฺหาวิจริตานิ ภาวนาพเลนาติ ปฐมมเคฺคน ปหีนาวเสสวเสน วุตฺตํ, น สเพฺพสํ วเสนฯ

    Saṅkhārā dassanabalenāti catūsu diṭṭhigatasampayuttesu vicikicchāsampayutte cāti pañcasu cittuppādesu saṅkhārā paṭhamamaggapaññābalena. Chattiṃsa taṇhāvicaritāni bhāvanābalenāti paṭhamamaggena pahīnāvasesavasena vuttaṃ, na sabbesaṃ vasena.

    อนุพโนฺธติ ตณฺหาทีนํ อนุปฺปพเนฺธน ปวตฺติฯ โย จาปิ ปปโญฺจติอาทินา ‘‘ปปเญฺจตี’’ติอาทินา วุตฺตํ ราธสุตฺตญฺจสํสนฺทติฯ เตเนวาห – ‘‘อิทํ เอกตฺถ’’นฺติฯ ยทิปิ อตฺถโต เอกํ, เทสนาย ปน วิเสโส วิชฺชตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิ จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอวนฺติ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรนฯ สุเตฺตนาติ สํวณฺณิยมาเนน สุเตฺตนฯ สุตฺตนฺติ สุตฺตนฺตรํฯ สํสนฺทยิตฺวาติ วิมิสฺสิตฺวา อตฺถโต อภินฺนํ กตฺวาฯ ปุพฺพาปเรน สทฺธิํ โยชยิตฺวาติ ปุเพฺพน วา อปเรน วา สุเตฺตน สทฺธิํ อตฺถโต สมฺพนฺธํ โยเชตฺวาฯ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎํ กโรติ เตน สุตฺตสฺส อโตฺถ นิทฺทิโฎฺฐ โหติ วิตฺถาริโต สุตฺตนฺตรทสฺสเนนฯ

    Anubandhoti taṇhādīnaṃ anuppabandhena pavatti. Yo cāpi papañcotiādinā ‘‘papañcetī’’tiādinā vuttaṃ rādhasuttañcasaṃsandati. Tenevāha – ‘‘idaṃ ekattha’’nti. Yadipi atthato ekaṃ, desanāya pana viseso vijjatīti dassetuṃ ‘‘api cā’’tiādi vuttaṃ. Evanti iminā vuttappakārena. Suttenāti saṃvaṇṇiyamānena suttena. Suttanti suttantaraṃ. Saṃsandayitvāti vimissitvā atthato abhinnaṃ katvā. Pubbāparena saddhiṃ yojayitvāti pubbena vā aparena vā suttena saddhiṃ atthato sambandhaṃ yojetvā. Vuttamevatthaṃ pākaṭaṃ karoti tena suttassa attho niddiṭṭho hoti vitthārito suttantaradassanena.

    น เกวลํ สุตฺตนฺตรสํสนฺทนเมว ปุพฺพาปรสนฺธิ, อถ โข อโญฺญปิ อตฺถีติ ทเสฺสตุํ ‘‘โส จาย’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อตฺถสนฺธีติ กิริยาการกาทิวเสน อตฺถสฺส สมฺพโนฺธฯ โส ปน ยสฺมา สงฺกาสนาทีนํ ฉนฺนํ อตฺถปทานํเยว โหติ, สพฺพสฺสาปิ ปทตฺถสฺส ตทวโรธโตฯ

    Na kevalaṃ suttantarasaṃsandanameva pubbāparasandhi, atha kho aññopi atthīti dassetuṃ ‘‘so cāya’’ntiādi vuttaṃ. Tattha atthasandhīti kiriyākārakādivasena atthassa sambandho. So pana yasmā saṅkāsanādīnaṃ channaṃ atthapadānaṃyeva hoti, sabbassāpi padatthassa tadavarodhato.

    สมฺพโนฺธ จ นาม น โกจิ อโตฺถฯ ตสฺมา ‘‘อตฺถสนฺธิ ฉปฺปทานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ พฺยญฺชนสนฺธีติ ปทสฺส ปทนฺตเรน สมฺพโนฺธฯ ยสฺมา ปน สพฺพมฺปิ นามาทิปทํ ฉหิ พฺยญฺชนปเทหิ อสงฺคหิตํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘พฺยญฺชนสนฺธิ ฉปฺปทานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Sambandho ca nāma na koci attho. Tasmā ‘‘atthasandhi chappadānī’’tiādi vuttaṃ. Byañjanasandhīti padassa padantarena sambandho. Yasmā pana sabbampi nāmādipadaṃ chahi byañjanapadehi asaṅgahitaṃ nāma natthi, tasmā ‘‘byañjanasandhi chappadānī’’tiādi vuttaṃ.

    เทสนาสนฺธีติ ยถาวุตฺตเทสนนฺตเรน เทสนาย สํสนฺทนํฯ น จ ปถวิํ นิสฺสายาติ ปถวิํ วิสยสงฺขาตํ นิสฺสยํ กตฺวา, ปถวิํ อาลมฺพิตฺวาติ อโตฺถฯ ฌายีติ ผลสมาปตฺติฌาเนน ฌายีฯ โส หิ สพฺพสงฺขารนิสฺสฎํ นิพฺพานํ อาลมฺพิตฺวา สมาปชฺชนวเสน ฌายติ, น ปถวิํ นิสฺสาย ฌายตีติ วุโตฺตฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ จ จตูหิ มหาภูเตหิ รูปปฺปฎิพทฺธวุตฺติตาย สโพฺพ กามภโว รูปภโว จ คหิตาฯ อรูปภโว ปน สรูเปเนว คหิโตติ สพฺพํ โลกํ ปริยาทิยิตฺวา ปุน อเญฺญนปิ ปริยาเยน ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘น จ อิมํ โลก’’นฺติอาทิมาหฯ สโพฺพ หิ โลโก อิธโลโก ปรโลโก จาติ เทฺวว โกฎฺฐาสา โหนฺติฯ ยสฺมา ปน ‘‘อิธโลโก’’ติ วิเสสโต ทิฎฺฐธมฺมภูโต สตฺตสนฺตาโน วุจฺจติฯ ‘‘ปรโลโก’’ติ ภวนฺตรสเงฺขปคโต สตฺตสนฺตาโน ตทุภยวินิมุโตฺต อนินฺทฺริยพโทฺธ รูปสนฺตาโนฯ ตสฺมา ตํ สนฺธาย ‘‘ยมิทํ อุภยมนฺตเรนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Desanāsandhīti yathāvuttadesanantarena desanāya saṃsandanaṃ. Na ca pathaviṃ nissāyāti pathaviṃ visayasaṅkhātaṃ nissayaṃ katvā, pathaviṃ ālambitvāti attho. Jhāyīti phalasamāpattijhānena jhāyī. So hi sabbasaṅkhāranissaṭaṃ nibbānaṃ ālambitvā samāpajjanavasena jhāyati, na pathaviṃ nissāya jhāyatīti vutto. Sesapadesupi eseva nayo. Ettha ca catūhi mahābhūtehi rūpappaṭibaddhavuttitāya sabbo kāmabhavo rūpabhavo ca gahitā. Arūpabhavo pana sarūpeneva gahitoti sabbaṃ lokaṃ pariyādiyitvā puna aññenapi pariyāyena taṃ dassetuṃ ‘‘na ca imaṃ loka’’ntiādimāha. Sabbo hi loko idhaloko paraloko cāti dveva koṭṭhāsā honti. Yasmā pana ‘‘idhaloko’’ti visesato diṭṭhadhammabhūto sattasantāno vuccati. ‘‘Paraloko’’ti bhavantarasaṅkhepagato sattasantāno tadubhayavinimutto anindriyabaddho rūpasantāno. Tasmā taṃ sandhāya ‘‘yamidaṃ ubhayamantarenā’’tiādi vuttaṃ.

    เย ปน ‘‘อุภยมนฺตเรนา’’ติ วจนํ คเหตฺวา อนฺตราภวํ อิจฺฉนฺติ, เตสํ ตํ มิจฺฉาฯ อนฺตราภโว หิ อภิธเมฺม ปฎิกฺขิโตฺตติฯ ทิฎฺฐนฺติ รูปายตนํ ฯ สุตนฺติ สทฺทายตนํฯ มุตนฺติ ปตฺวา คเหตพฺพโต คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฎฺฐพฺพายตนญฺจฯ วิญฺญาตนฺติ อวสิฎฺฐํ ธมฺมารมฺมณปริยาปนฺนรูปํฯ ปตฺตนฺติ ปริเยสิตฺวา วา อปริเยสิตฺวา วา ปตฺตํฯ ปริเยสิตนฺติ ปตฺตํ วา อปฺปตฺตํ วา ปริเยสิตํฯ วิตกฺกิตํ วิจาริตนฺติ วิตกฺกนวเสน อนุมชฺชนวเสน จ อาลมฺพิตํฯ มนสานุจินฺติตนฺติ จิเตฺตน อนุ อนุ จินฺติตํฯ อยํ สเทวเก…เป.… อนิสฺสิเตน จิเตฺตน น ญายติ ฌายโนฺตติ อยํ ขีณาสโว ผลสมาปตฺติฌาเนน ฌายโนฺต ปุเพฺพว ตณฺหาทิฎฺฐินิสฺสยานํ สุฎฺฐุ ปหีนตฺตา สเทวเก โลเก…เป.… มนุสฺสาย ยตฺถ กตฺถจิปิ อนิสฺสิเตน จิเตฺตน ฌายติ นามฯ ตโต เอว โลเก เกนจิปิ น ญายติ ‘‘อยํ อิทํ นาม นิสฺสาย ฌายตี’’ติฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Ye pana ‘‘ubhayamantarenā’’ti vacanaṃ gahetvā antarābhavaṃ icchanti, tesaṃ taṃ micchā. Antarābhavo hi abhidhamme paṭikkhittoti. Diṭṭhanti rūpāyatanaṃ . Sutanti saddāyatanaṃ. Mutanti patvā gahetabbato gandhāyatanaṃ rasāyatanaṃ phoṭṭhabbāyatanañca. Viññātanti avasiṭṭhaṃ dhammārammaṇapariyāpannarūpaṃ. Pattanti pariyesitvā vā apariyesitvā vā pattaṃ. Pariyesitanti pattaṃ vā appattaṃ vā pariyesitaṃ. Vitakkitaṃ vicāritanti vitakkanavasena anumajjanavasena ca ālambitaṃ. Manasānucintitanti cittena anu anu cintitaṃ. Ayaṃ sadevake…pe… anissitena cittena na ñāyati jhāyantoti ayaṃ khīṇāsavo phalasamāpattijhānena jhāyanto pubbeva taṇhādiṭṭhinissayānaṃ suṭṭhu pahīnattā sadevake loke…pe… manussāya yattha katthacipi anissitena cittena jhāyati nāma. Tato eva loke kenacipi na ñāyati ‘‘ayaṃ idaṃ nāma nissāya jhāyatī’’ti. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘นโม เต ปุริสาชญฺญ, นโม เต ปุริสุตฺตม;

    ‘‘Namo te purisājañña, namo te purisuttama;

    ยสฺส เต นาภิชานาม, กิํ ตฺวํ นิสฺสาย ฌายสี’’ติฯ (เนตฺติ. ๑๐๔);

    Yassa te nābhijānāma, kiṃ tvaṃ nissāya jhāyasī’’ti. (netti. 104);

    อิทานิ ขีณาสวจิตฺตสฺส กตฺถจิปิ อนิสฺสิตภาวํ โคธิกสุเตฺตน (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) วกฺกลิสุเตฺตน (สํ. นิ. ๓.๘๗) จ วิภาเวตุํ ‘‘ยถา มาโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วิญฺญาณํ สมเนฺวสโนฺตติ ปรินิพฺพานโต อุทฺธํ วิญฺญาณํ ปริเยสโนฺตฯ ‘‘ปปญฺจาตีโต’’ติอาทินา อทสฺสนสฺส การณมาหฯ อนิสฺสิตจิตฺตา น ญายนฺติ ฌายมานาติ น เกวลํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ขีณาสวสฺส จิตฺตคติํ มาราทโย น ชานนฺติ, อปิ จ โข สอุปาทิเสสายปิ นิพฺพานธาตุยา ตสฺส ตํ น ชานนฺตีติ อโตฺถฯ อยํ เทสนาสนฺธีติ โคธิกสุตฺตวกฺกลิสุตฺตานํ วิย สุตฺตนฺตานํ อญฺญมญฺญอตฺถสํสนฺทนา เทสนาสนฺธิ นามฯ

    Idāni khīṇāsavacittassa katthacipi anissitabhāvaṃ godhikasuttena (saṃ. ni. 1.159) vakkalisuttena (saṃ. ni. 3.87) ca vibhāvetuṃ ‘‘yathā māro’’tiādi vuttaṃ. Viññāṇaṃ samanvesantoti parinibbānato uddhaṃ viññāṇaṃ pariyesanto. ‘‘Papañcātīto’’tiādinā adassanassa kāraṇamāha. Anissitacittā na ñāyanti jhāyamānāti na kevalaṃ anupādisesāya nibbānadhātuyā khīṇāsavassa cittagatiṃ mārādayo na jānanti, api ca kho saupādisesāyapi nibbānadhātuyā tassa taṃ na jānantīti attho. Ayaṃ desanāsandhīti godhikasuttavakkalisuttānaṃ viya suttantānaṃ aññamaññaatthasaṃsandanā desanāsandhi nāma.

    นิเทฺทสสนฺธีติ นิเทฺทสสฺส สนฺธิ นิเทฺทสสนฺธิ, นิเทฺทเสน วา สนฺธิ นิเทฺทสสนฺธิฯ ปุริเมน สุตฺตสฺส นิเทฺทเสน ตเสฺสว ปจฺฉิมสฺส นิเทฺทสสฺส, ปจฺฉิเมน วา ปุริมสฺส สมฺพนฺธนนฺติ อโตฺถฯ ตํ ทเสฺสตุํ ยสฺมา ภควา เยภุเยฺยน ปฐมํ วฎฺฎํ ทเสฺสตฺวา ปจฺฉา วิวฎฺฎํ ทเสฺสติ, ตสฺมา ‘‘นิสฺสิตจิตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ นิสฺสิตํ จิตฺตํ เอเตสนฺติ นิสฺสิตจิตฺตา, ปุคฺคลา, นิทฺทิสิตพฺพา ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย เทสนายาติ อธิปฺปาโยฯ ธมฺมาธิฎฺฐานาย ปน นิสฺสิตํ จิตฺตํ เอตฺถาติ นิสฺสิตจิตฺตา, นิสฺสิตจิตฺตวโนฺต ตณฺหาทิฎฺฐินิสฺสยวเสน ปวตฺตา สุตฺตปเทสาฯ เสสเมตฺถ สพฺพํ ปากฎเมวฯ

    Niddesasandhīti niddesassa sandhi niddesasandhi, niddesena vā sandhi niddesasandhi. Purimena suttassa niddesena tasseva pacchimassa niddesassa, pacchimena vā purimassa sambandhananti attho. Taṃ dassetuṃ yasmā bhagavā yebhuyyena paṭhamaṃ vaṭṭaṃ dassetvā pacchā vivaṭṭaṃ dasseti, tasmā ‘‘nissitacittā’’tiādi vuttaṃ. Tattha nissitaṃ cittaṃ etesanti nissitacittā, puggalā, niddisitabbā puggalādhiṭṭhānāya desanāyāti adhippāyo. Dhammādhiṭṭhānāya pana nissitaṃ cittaṃ etthāti nissitacittā, nissitacittavanto taṇhādiṭṭhinissayavasena pavattā suttapadesā. Sesamettha sabbaṃ pākaṭameva.

    จตุพฺยูหหารวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catubyūhahāravibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๖. จตุพฺยูหหารวิภโงฺค • 6. Catubyūhahāravibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๖. จตุพฺยูหหารวิภงฺควณฺณนา • 6. Catubyūhahāravibhaṅgavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๖. จตุพฺยูหหารวิภงฺควิภาวนา • 6. Catubyūhahāravibhaṅgavibhāvanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact