Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā |
๖. จตุพฺยูหหารวิภงฺควณฺณนา
6. Catubyūhahāravibhaṅgavaṇṇanā
๒๕. หารานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํฯ หาเรสุ อิมสฺส จตุพฺยูหหารสฺส วิเสสโต สุตฺตสฺส พฺยญฺชนวิจยภาวโตติ โยชนาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘พฺยญฺชน…เป.… ทเสฺสตี’’ติฯ ยายาติ นิรุตฺติยาฯ
25.Hārānanti niddhāraṇe sāmivacanaṃ. Hāresu imassa catubyūhahārassa visesato suttassa byañjanavicayabhāvatoti yojanā. Tena vuttaṃ ‘‘byañjana…pe… dassetī’’ti. Yāyāti niruttiyā.
ยถารหนฺติ สํวณฺณิยมาเน สุเตฺต ยํ ยํ อรหติ นิพฺพจนํ วตฺตุํ, ตํตํโลกสมญฺญานุโรเธเนวฯ ปุพฺพภาคปฎิปทา สมฺปาเทตฺวา ปจฺฉา สจฺจาภิสมยํ ปาปุณาตีติ อาห ‘‘สมฺมุติ…เป.… โหตี’’ติ, ตํตํปญฺญตฺติคฺคหณมุเขน ปรมตฺถคฺคหณํ โหตีติ เอวํ วา อิมินา สมฺพโนฺธฯ
Yathārahanti saṃvaṇṇiyamāne sutte yaṃ yaṃ arahati nibbacanaṃ vattuṃ, taṃtaṃlokasamaññānurodheneva. Pubbabhāgapaṭipadā sampādetvā pacchā saccābhisamayaṃ pāpuṇātīti āha ‘‘sammuti…pe… hotī’’ti, taṃtaṃpaññattiggahaṇamukhena paramatthaggahaṇaṃ hotīti evaṃ vā iminā sambandho.
ยมิทํ อนินฺทฺริยพทฺธรูปสนฺตานํ สนฺธาย ‘‘อุภยมนฺตเรนา’’ติ อิธ วุตฺตํฯ โอตรณหาเร (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๔๒ อาทโย) ปนสฺส ทฺวารปฺปวตฺตผสฺสาทิธเมฺม สนฺธาย วุตฺตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘อุภยมนฺตเรนาติ ผสฺสสมุทิเตสุ ธเมฺมสู’’ติ อโตฺถ วุโตฺตฯ อฎฺฐกถาจริยา ปนาหุ ‘‘อนฺตเรนาติ วจนํ ปน วิกปฺปนฺตรทีปน’’นฺติฯ ตสฺมา อยเมตฺถ อโตฺถ – น อิมํ โลกํ, น หุรํ โลกํ, อถ โข อุภยมนฺตเรนาติฯ อปโร วิกโปฺป – อุภยมนฺตเรนาติ วา วจนํ วิกปฺปนฺตราภาวทีปนํฯ ตสฺสโตฺถ – น อิมํ โลกํ, น หุรํ โลกํ นิสฺสาย ฌายติ ฌายี, อุภยมนฺตเรน ปน อญฺญํ ฐานํ อตฺถีติฯ
Yamidaṃ anindriyabaddharūpasantānaṃ sandhāya ‘‘ubhayamantarenā’’ti idha vuttaṃ. Otaraṇahāre (netti. aṭṭha. 42 ādayo) panassa dvārappavattaphassādidhamme sandhāya vuttabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘ubhayamantarenāti phassasamuditesu dhammesū’’ti attho vutto. Aṭṭhakathācariyā panāhu ‘‘antarenāti vacanaṃ pana vikappantaradīpana’’nti. Tasmā ayamettha attho – na imaṃ lokaṃ, na huraṃ lokaṃ, atha kho ubhayamantarenāti. Aparo vikappo – ubhayamantarenāti vā vacanaṃ vikappantarābhāvadīpanaṃ. Tassattho – na imaṃ lokaṃ, na huraṃ lokaṃ nissāya jhāyati jhāyī, ubhayamantarena pana aññaṃ ṭhānaṃ atthīti.
เยปิ จ ‘‘อนฺตราปรินิพฺพายี, สมฺภเวสี’’ติ จ อิเมสํ สุตฺตปทานํ อตฺถํ มิจฺฉา คเหตฺวา อตฺถิ เอว อนฺตราภโวติ วทนฺติ, เตปิ ยสฺมา อวิหาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ อายุเวมชฺฌํ อนติกฺกมิตฺวา อนฺตรา อคฺคมคฺคาธิคเมน อนวเสสกิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนฺตีติ อนฺตราปรินิพฺพายี, น อนฺตราภวภูโตติ ปุริมสฺส สุตฺตปทสฺส อโตฺถฯ ปจฺฉิมสฺส จ เย ภูตา เอว, น ปุน ภวิสฺสนฺติ, เต หิ (กถา. อนุฎี. ๕๐๗) ขีณาสวา, ปุริมปเทหิ ‘‘ภูตา’’ติ วุตฺตาฯ ตพฺพิปรีตตาย สมฺภวํ เอสนฺตีติ สมฺภเวสิโนฯ อปฺปหีนภวสํโยชนตฺตา เสกฺขา, ปุถุชฺชนา จฯ จตูสุ วา โยนีสุ อณฺฑชชลาพุชสตฺตา ยาว อณฺฑโกสํ, วตฺถิโกสญฺจ น ภินฺทนฺติ, ตาว สมฺภเวสี นามฯ อณฺฑโกสโต, วตฺถิโกสโต จ พหิ นิกฺขนฺตา ภูตา นามฯ สํเสทชโอปปาติกา จ ปฐมจิตฺตกฺขเณ สมฺภเวสี นาม, ทุติยจิตฺตกฺขณโต ปฎฺฐาย ภูตา นามฯ เยน วา อิริยาปเถน ชายนฺติ, ยาว ตโต อญฺญํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สมฺภเวสี, ตโต ปรํ ภูตาติ อโตฺถ, ตสฺมา นตฺถีติ ปฎิกฺขิปิตพฺพํฯ สติ หิ อุชุเก ปาฬิอนุคเต อเตฺถ กิํ อนิทฺธาริตสามตฺถิเยน อนฺตราภเวน อตฺตภาวปริกปฺปิเตน ปโยชนนฺติฯ
Yepi ca ‘‘antarāparinibbāyī, sambhavesī’’ti ca imesaṃ suttapadānaṃ atthaṃ micchā gahetvā atthi eva antarābhavoti vadanti, tepi yasmā avihādīsu tattha tattha āyuvemajjhaṃ anatikkamitvā antarā aggamaggādhigamena anavasesakilesaparinibbānena parinibbāyantīti antarāparinibbāyī, na antarābhavabhūtoti purimassa suttapadassa attho. Pacchimassa ca ye bhūtā eva, na puna bhavissanti, te hi (kathā. anuṭī. 507) khīṇāsavā, purimapadehi ‘‘bhūtā’’ti vuttā. Tabbiparītatāya sambhavaṃ esantīti sambhavesino. Appahīnabhavasaṃyojanattā sekkhā, puthujjanā ca. Catūsu vā yonīsu aṇḍajajalābujasattā yāva aṇḍakosaṃ, vatthikosañca na bhindanti, tāva sambhavesī nāma. Aṇḍakosato, vatthikosato ca bahi nikkhantā bhūtā nāma. Saṃsedajaopapātikā ca paṭhamacittakkhaṇe sambhavesī nāma, dutiyacittakkhaṇato paṭṭhāya bhūtā nāma. Yena vā iriyāpathena jāyanti, yāva tato aññaṃ na pāpuṇanti, tāva sambhavesī, tato paraṃ bhūtāti attho, tasmā natthīti paṭikkhipitabbaṃ. Sati hi ujuke pāḷianugate atthe kiṃ aniddhāritasāmatthiyena antarābhavena attabhāvaparikappitena payojananti.
ยํ ปน เย ‘‘สนฺตานวเสน ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ อวิเจฺฉเทน เทสนฺตเรสุ ปาตุภาโว ทิโฎฺฐฯ ยถา ตํ วีหิอาทิอวิญฺญาณกสนฺตาเน, เอวํ สวิญฺญาณกสนฺตาเนปิ อวิเจฺฉเทน เทสนฺตเรสุ ปาตุภาเวน ภวิตพฺพํฯ อยญฺจ นโย สติ อนฺตราภเว ยุชฺชติ, นาญฺญถา’’ติ ยุตฺติํ วทนฺติฯ เตหิ อิทฺธิมโต เจโตวสิปฺปตฺตสฺส จิตฺตานุคติกํ กายํ อธิฎฺฐหนฺตสฺส ขเณน พฺรหฺมโลกโต อิธูปสงฺกมเน, อิโต วา พฺรหฺมโลกคมเน ยุตฺติ วตฺตพฺพาฯ ยทิ สพฺพเตฺถว วิจฺฉินฺนเทเส ธมฺมานํ ปวตฺติ น อิจฺฉิตา, ยทิปิ สิยา ‘‘อิทฺธิวิสโย อจิเนฺตโยฺย’’ติ, ตํ อิธาปิ สมานํ ‘‘กมฺมวิปาโก อจิเนฺตโยฺย’’ติ วจนโต, ตสฺมา ตํ เตสํ มติมตฺตเมวฯ อจิเนฺตยฺยสภาวา หิ สภาวธมฺมา, เต กตฺถจิ ปจฺจยวิเสเสน วิจฺฉินฺนเทเส ปาตุภวนฺติ, กตฺถจิ อวิจฺฉินฺนเทเส จฯ ตถา หิ มุขโฆสาทีหิ อญฺญสฺมิํ เทเส อาทาสปพฺพตปฺปเทสาทิเก ปฎิพิมฺพปฎิโฆสาทิกํ ปจฺจยุปฺปนฺนํ นิพฺพตฺตมานํ ทิสฺสติ, ตสฺมา น สพฺพํ สพฺพตฺถ อุปเนตพฺพนฺติ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปน ปฎิพิมฺพสฺส อุทาหรณภาวสาธนาทิโก อนฺตราภววิจาโร กถาวตฺถุปฺปกรณสฺสฎีกายํ (กถา. อนุฎี. ๕๐๗) คเหตโพฺพฯ
Yaṃ pana ye ‘‘santānavasena pavattamānānaṃ dhammānaṃ avicchedena desantaresu pātubhāvo diṭṭho. Yathā taṃ vīhiādiaviññāṇakasantāne, evaṃ saviññāṇakasantānepi avicchedena desantaresu pātubhāvena bhavitabbaṃ. Ayañca nayo sati antarābhave yujjati, nāññathā’’ti yuttiṃ vadanti. Tehi iddhimato cetovasippattassa cittānugatikaṃ kāyaṃ adhiṭṭhahantassa khaṇena brahmalokato idhūpasaṅkamane, ito vā brahmalokagamane yutti vattabbā. Yadi sabbattheva vicchinnadese dhammānaṃ pavatti na icchitā, yadipi siyā ‘‘iddhivisayo acinteyyo’’ti, taṃ idhāpi samānaṃ ‘‘kammavipāko acinteyyo’’ti vacanato, tasmā taṃ tesaṃ matimattameva. Acinteyyasabhāvā hi sabhāvadhammā, te katthaci paccayavisesena vicchinnadese pātubhavanti, katthaci avicchinnadese ca. Tathā hi mukhaghosādīhi aññasmiṃ dese ādāsapabbatappadesādike paṭibimbapaṭighosādikaṃ paccayuppannaṃ nibbattamānaṃ dissati, tasmā na sabbaṃ sabbattha upanetabbanti ayamettha saṅkhepo. Vitthārato pana paṭibimbassa udāharaṇabhāvasādhanādiko antarābhavavicāro kathāvatthuppakaraṇassaṭīkāyaṃ (kathā. anuṭī. 507) gahetabbo.
อปเร ปน ‘‘อิธาติ กามภโว, หุรนฺติ อรูปภโว, อุภยมนฺตเรนาติ รูปภโว วุโตฺต’’ติ วทนฺติ, ‘‘อิธาติ ปจฺจยธมฺมา, หุรนฺติ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมา, อุภยมนฺตเรนาติ ปณฺณตฺติธมฺมา วุตฺตา’’ติ จ วทนฺติ, ตํ สพฺพอฎฺฐกถาสุ นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อวสิฎฺฐํ รูปนฺติ อาโปธาตุอากาสธาตูหิ สทฺธิํ ลกฺขณรูปานิ, โอชญฺจ สนฺธายาห อนินฺทฺริยพทฺธรูปสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ ตสฺส ขีณาสวสฺส ตํ นิพฺพานารมฺมณํ จิตฺตํ น ชานนฺติ น ญายนฺติ ‘‘ฌายมานา’’ติ วุตฺตตฺตาฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Apare pana ‘‘idhāti kāmabhavo, huranti arūpabhavo, ubhayamantarenāti rūpabhavo vutto’’ti vadanti, ‘‘idhāti paccayadhammā, huranti paccayuppannadhammā, ubhayamantarenāti paṇṇattidhammā vuttā’’ti ca vadanti, taṃ sabbaaṭṭhakathāsu natthi, tasmā vuttanayeneva attho veditabbo. Avasiṭṭhaṃ rūpanti āpodhātuākāsadhātūhi saddhiṃ lakkhaṇarūpāni, ojañca sandhāyāha anindriyabaddharūpassa adhippetattā. Tassa khīṇāsavassa taṃ nibbānārammaṇaṃ cittaṃ na jānanti na ñāyanti ‘‘jhāyamānā’’ti vuttattā. Sesaṃ suviññeyyameva.
จตุพฺยูหหารวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catubyūhahāravibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๖. จตุพฺยูหหารวิภโงฺค • 6. Catubyūhahāravibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๖. จตุพฺยูหหารวิภงฺควณฺณนา • 6. Catubyūhahāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๖. จตุพฺยูหหารวิภงฺควิภาวนา • 6. Catubyūhahāravibhaṅgavibhāvanā