Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī |
๖. จตุพฺยูหหารวิภงฺควิภาวนา
6. Catubyūhahāravibhaṅgavibhāvanā
๒๕. เยน เยน สํวณฺณนาวิเสสภูเตน ลกฺขณหารวิภเงฺคน สุตฺตเตฺถหิ สมานตฺถา วิภตฺตา, โส สํวณฺณนาวิเสสภูโต ลกฺขณหารวิภโงฺค ปริปุโณฺณ, ‘‘กตโม จตุพฺยูหหารวิภโงฺค’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม จตุพฺยูโห หาโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ นิทฺทิเฎฺฐสุ โสฬสสุ เทสนาหาราทีสุฯ กตโมติ กตโม สํวณฺณนาวิเสโส จตุพฺยูโห หาโร จตุพฺยูหหารวิภโงฺค นามาติ วิเญฺญโยฺยฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ตตฺถ กตโม จตุพฺยูโห หาโรติ จตุพฺยูหหารวิภโงฺค’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๕)ฯ ‘‘อิมินา จตุพฺยูหหาเรน กตมสฺส เนรุตฺตาทโย คเวสิตพฺพา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘พฺยญฺชเนนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ พฺยญฺชเนนาติ จตุพฺยูหหารสฺส สุตฺตสฺส วิเสสโต พฺยญฺชนวิจยภาวโต ‘‘พฺยญฺชนา’’ติ โวหาริเตน อิมินา จตุพฺยูหหาเรน สุตฺตสฺส เนรุตฺตญฺจ, สุตฺตสฺส อธิปฺปาโย จ, สุตฺตสฺส นิทานญฺจ, สุตฺตสฺส ปุพฺพาปรสนฺธิ จ สํวเณฺณเนฺตหิ คเวสิตโพฺพติ อโตฺถฯ
25. Yena yena saṃvaṇṇanāvisesabhūtena lakkhaṇahāravibhaṅgena suttatthehi samānatthā vibhattā, so saṃvaṇṇanāvisesabhūto lakkhaṇahāravibhaṅgo paripuṇṇo, ‘‘katamo catubyūhahāravibhaṅgo’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamo catubyūho hāro’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu niddiṭṭhesu soḷasasu desanāhārādīsu. Katamoti katamo saṃvaṇṇanāviseso catubyūho hāro catubyūhahāravibhaṅgo nāmāti viññeyyo. Tena vuttaṃ – ‘‘tattha katamo catubyūho hāroti catubyūhahāravibhaṅgo’’ti (netti. aṭṭha. 25). ‘‘Iminā catubyūhahārena katamassa neruttādayo gavesitabbā’’ti pucchitabbattā ‘‘byañjanenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha byañjanenāti catubyūhahārassa suttassa visesato byañjanavicayabhāvato ‘‘byañjanā’’ti vohāritena iminā catubyūhahārena suttassa neruttañca, suttassa adhippāyo ca, suttassa nidānañca, suttassa pubbāparasandhi ca saṃvaṇṇentehi gavesitabboti attho.
‘‘จตุพฺยูหหาเรน คเวสิตเพฺพสุ เนรุตฺตาทีสุ กตมํ สุตฺตสฺส คเวสิตพฺพํ เนรุตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตมํ เนรุตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – ตตฺถ เตสุ อิมินา จตุพฺยูหหาเรน คเวสิตเพฺพสุ เนรุตฺตาทีสุ กตมํ สุตฺตสฺส เนรุตฺตํ นิพฺพจนํ นามาติ เจ ปุเจฺฉยฺย? สุตฺตสฺส ยา นิรุตฺติ นิทฺธาเรตฺวา วุตฺตา สภาวปญฺญตฺติ คเวสิตพฺพา, อิทํ สภาวนิรุตฺติภูตํ นิพฺพจนํ เนรุตฺตํ นามาติฯ ‘‘ยา นิรุตฺติ เนรุตฺตํ นามาติ วุตฺตา, กา ปน สา นิรุตฺตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ปทสํหิตา’’ติ วุตฺตํฯ ปเทสุ สํหิตา ยุตฺตา ปทสํหิตาฯ ยถา ยถา สุตฺตโตฺถ วตฺตโพฺพ, ตถา ตถา ยา สภาวนิรุตฺติ ปวตฺตา, สา ปวตฺตา สภาวนิรุตฺติเยว นิรุตฺติ นามาติ โยชนาฯ ‘‘กา ปน สา สภาวนิรุตฺตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา จ ‘‘ยํ ธมฺมานํ นามโส ญาณ’’นฺติ วุตฺตํฯ ยํ ยาย การณภูตาย นามปญฺญตฺติยา ธมฺมานํ เนยฺยานํ นามโส ปถวีนามาทินา วา ผสฺสนามาทินา วา ขนฺธนามาทินา วา วิวิเธน นาเมน อตฺถธมฺมาทีสุ กุสลสฺส ปุคฺคลสฺส ญาณํ ปวตฺตติ, สา การณภูตา นามปญฺญตฺติ สภาวนิรุตฺติ นามาติ อโตฺถฯ ยนฺติ จ ลิงฺควิปลฺลาโส, ยายาติ อโตฺถฯ ‘‘ลิงฺคปกติธมฺมานํ นามโส ปวตฺตมานํ ญาณํ วิวริตฺวา กเถหี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ยทา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘ยทา หิ ภิกฺขูติอาทินา ‘ธมฺมานํ นามโส ญาณ’นฺติ ปทสฺส อตฺถํ วิวรตี’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๕) วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ อฎฺฐกถายํ วิภชิตฺวา วุโตฺตวาติ น วิจาริโตฯ
‘‘Catubyūhahārena gavesitabbesu neruttādīsu katamaṃ suttassa gavesitabbaṃ nerutta’’nti pucchitabbattā ‘‘tattha katamaṃ nerutta’’ntiādi vuttaṃ. Tassattho – tattha tesu iminā catubyūhahārena gavesitabbesu neruttādīsu katamaṃ suttassa neruttaṃ nibbacanaṃ nāmāti ce puccheyya? Suttassa yā nirutti niddhāretvā vuttā sabhāvapaññatti gavesitabbā, idaṃ sabhāvaniruttibhūtaṃ nibbacanaṃ neruttaṃ nāmāti. ‘‘Yā nirutti neruttaṃ nāmāti vuttā, kā pana sā niruttī’’ti pucchitabbattā ‘‘padasaṃhitā’’ti vuttaṃ. Padesu saṃhitā yuttā padasaṃhitā. Yathā yathā suttattho vattabbo, tathā tathā yā sabhāvanirutti pavattā, sā pavattā sabhāvaniruttiyeva nirutti nāmāti yojanā. ‘‘Kā pana sā sabhāvaniruttī’’ti pucchitabbattā ca ‘‘yaṃ dhammānaṃ nāmaso ñāṇa’’nti vuttaṃ. Yaṃ yāya kāraṇabhūtāya nāmapaññattiyā dhammānaṃ neyyānaṃ nāmaso pathavīnāmādinā vā phassanāmādinā vā khandhanāmādinā vā vividhena nāmena atthadhammādīsu kusalassa puggalassa ñāṇaṃ pavattati, sā kāraṇabhūtā nāmapaññatti sabhāvanirutti nāmāti attho. Yanti ca liṅgavipallāso, yāyāti attho. ‘‘Liṅgapakatidhammānaṃ nāmaso pavattamānaṃ ñāṇaṃ vivaritvā kathehī’’ti vattabbattā ‘‘yadā hī’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘yadā hi bhikkhūtiādinā ‘dhammānaṃ nāmaso ñāṇa’nti padassa atthaṃ vivaratī’’ti (netti. aṭṭha. 25) vuttaṃ. Tassattho aṭṭhakathāyaṃ vibhajitvā vuttovāti na vicārito.
๒๖. เนรุตฺตํ อาจริเยน วิภตฺตํ, อเมฺหหิ จ ญาตํ ‘‘กตโม สุเตฺต คเวสิตโพฺพ ภควโต อธิปฺปาโย’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม อธิปฺปาโย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ ปากโฎฯ อปิจ ‘‘ธโมฺม หเว รกฺขตี’’ติอาทีสุ เยน ปุคฺคเลน อตฺตนา รกฺขิเตน ธเมฺมน รกฺขิตพฺพภาโว อิจฺฉิโต, โส ธมฺมํ รกฺขิสฺสตีติ ภควโต อธิปฺปาโยฯ โย ปุคฺคโล ทุคฺคติโต มุจฺจิตุกาโม, โส ธมฺมํ รกฺขิสฺสตีติ ภควโต อธิปฺปาโยฯ
26. Neruttaṃ ācariyena vibhattaṃ, amhehi ca ñātaṃ ‘‘katamo sutte gavesitabbo bhagavato adhippāyo’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamo adhippāyo’’tiādi vuttaṃ. Tassattho pākaṭo. Apica ‘‘dhammo have rakkhatī’’tiādīsu yena puggalena attanā rakkhitena dhammena rakkhitabbabhāvo icchito, so dhammaṃ rakkhissatīti bhagavato adhippāyo. Yo puggalo duggatito muccitukāmo, so dhammaṃ rakkhissatīti bhagavato adhippāyo.
โจโร ยถา สนฺธิมุเข คหิโตติอาทีสุ โย โจโร ฆาตนโต มุจฺจิตุกาโม, โส โจรกมฺมํ น กริสฺสตีติ ภควโต อธิปฺปาโยฯ โย ปุคฺคโล อปายาทิทุกฺขโต มุจฺจิตุกาโม, โส ปาปกมฺมํ น กริสฺสตีติ ภควโต อธิปฺปาโยฯ
Coro yathā sandhimukhe gahitotiādīsu yo coro ghātanato muccitukāmo, so corakammaṃ na karissatīti bhagavato adhippāyo. Yo puggalo apāyādidukkhato muccitukāmo, so pāpakammaṃ na karissatīti bhagavato adhippāyo.
สุขกามานีติอาทีสุ เย ปุคฺคลา สุขํ อิจฺฉนฺติ, เต ปรหิํสนโต วิวชฺชิสฺสนฺตีติ ภควโต อธิปฺปาโยฯ
Sukhakāmānītiādīsu ye puggalā sukhaṃ icchanti, te parahiṃsanato vivajjissantīti bhagavato adhippāyo.
มิทฺธี ยทา โหติ มหคฺฆโส จาติอาทีสุ เย ปุคฺคลา ปุนปฺปุนํ ปวตฺตมานชาติชรามรณโต มุจฺจิตุกามา, เต โภชเน มตฺตญฺญุโน ภวิสฺสนฺติ, สนฺตุฎฺฐา ภวิสฺสนฺติ, สุทฺธาชีวา ภวิสฺสนฺติ, ปาติโมกฺขสํวรสีลสมฺปนฺนา ภวิสฺสนฺติ, อตนฺทิโน ภวิสฺสนฺติ, วิปสฺสกา ภวิสฺสนฺติ, สคารวา สปฺปติสฺสา ภวิสฺสนฺตีติ ภควโต อธิปฺปาโยฯ
Middhī yadā hoti mahagghaso cātiādīsu ye puggalā punappunaṃ pavattamānajātijarāmaraṇato muccitukāmā, te bhojane mattaññuno bhavissanti, santuṭṭhā bhavissanti, suddhājīvā bhavissanti, pātimokkhasaṃvarasīlasampannā bhavissanti, atandino bhavissanti, vipassakā bhavissanti, sagāravā sappatissā bhavissantīti bhagavato adhippāyo.
อปฺปมาโท อมตปทนฺติอาทีสุ เย ปุคฺคลา มจฺจุโน ภายนฺติ, นิพฺพานมิจฺฉนฺติ, เต ปุคฺคลา ทานสีลภาวนากเมฺมสุ อปฺปมตฺตา ภวิสฺสนฺตีติ ภควโต อธิปฺปาโยฯ
Appamādo amatapadantiādīsu ye puggalā maccuno bhāyanti, nibbānamicchanti, te puggalā dānasīlabhāvanākammesu appamattā bhavissantīti bhagavato adhippāyo.
๒๗. สุเตฺต คเวสิตโพฺพ อธิปฺปาโย อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ วิญฺญาโต, ‘‘กตมํ สุตฺตสฺส คเวสิตพฺพํ นิทาน’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตมํ นิทาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ นิทานนฺติ ผลํ นีหริตฺวา เทตีติ นิทานํฯ กิํ ตํ? การณํฯ ธนิโยติ ธนวฑฺฒนการเณ นิยุโตฺตติ ธนิโยฯ โคปาลโกติ คาโว อิสฺสรภาเวน ปาเลติ รกฺขตีติ โคปาลโกฯ อุปธีหีติ ปุตฺตโคณาทีหิ (สุ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๓๓)ฯ นรสฺสาติ ปุตฺติมนฺตสฺส วา โคปาลกสฺส วา นรสฺสาติ จ ปทฎฺฐานวเสน วา เยภุยฺยวเสน วา คาถายํ อาคตวเสน วา วุตฺตํ, นาริยาปิ อุปธีหิ นนฺทนา อเตฺถวาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
27. Sutte gavesitabbo adhippāyo ācariyena vibhatto, amhehi ca viññāto, ‘‘katamaṃ suttassa gavesitabbaṃ nidāna’’nti pucchitabbattā ‘‘tattha katamaṃ nidāna’’ntiādi vuttaṃ. Tattha nidānanti phalaṃ nīharitvā detīti nidānaṃ. Kiṃ taṃ? Kāraṇaṃ. Dhaniyoti dhanavaḍḍhanakāraṇe niyuttoti dhaniyo. Gopālakoti gāvo issarabhāvena pāleti rakkhatīti gopālako. Upadhīhīti puttagoṇādīhi (su. ni. aṭṭha. 1.33). Narassāti puttimantassa vā gopālakassa vā narassāti ca padaṭṭhānavasena vā yebhuyyavasena vā gāthāyaṃ āgatavasena vā vuttaṃ, nāriyāpi upadhīhi nandanā atthevāti daṭṭhabbā.
อิมินา วตฺถุนาติ อุปธิสงฺขาเตน อิมินาว ปุตฺตควาทินา วตฺถุนาฯ วสติ ปวตฺตติ นนฺทนา เอตฺถ ปุตฺตโคณาทิเกติ วตฺถุฯ นนฺทนํ นีหริตฺวา เทติ ปุตฺตโคณาทิกนฺติ นิทานนฺติ อตฺถํ คเหตฺวา ธนิโย ‘‘อุปธีหิ นรสฺส นนฺทนา’’ติ อาหฯ ภควา ปน ‘‘วสติ ปวตฺตติ โสจนา เอตฺถ ปุตฺตโคณาทิเกหิ วตฺถุ, โสจนํ นีหริตฺวา เทติ ปุตฺตโคณาทิกนฺติ นิทาน’’นฺติ อตฺถํ คเหตฺวา ‘‘อุปธีหิ นรสฺส โสจนา’’ติ อาหฯ ปริคฺคหียเตติ ปริคฺคหํฯ กิํ ตํ? ปุตฺตโคณาทิกํ, ตํ ปริคฺคหํ ‘‘อุปธี’’ติ อาห, น กิเลสูปธิกายขนฺธูปธินฺติฯ
Iminā vatthunāti upadhisaṅkhātena imināva puttagavādinā vatthunā. Vasati pavattati nandanā ettha puttagoṇādiketi vatthu. Nandanaṃ nīharitvā deti puttagoṇādikanti nidānanti atthaṃ gahetvā dhaniyo ‘‘upadhīhi narassa nandanā’’ti āha. Bhagavā pana ‘‘vasati pavattati socanā ettha puttagoṇādikehi vatthu, socanaṃ nīharitvā deti puttagoṇādikanti nidāna’’nti atthaṃ gahetvā ‘‘upadhīhi narassa socanā’’ti āha. Pariggahīyateti pariggahaṃ. Kiṃ taṃ? Puttagoṇādikaṃ, taṃ pariggahaṃ ‘‘upadhī’’ti āha, na kilesūpadhikāyakhandhūpadhinti.
อุปธีสูติ ขนฺธสงฺขาเตสุ กาเยสุฯ กายํ ‘‘อุปธี’’ติ อาห, น ปุตฺตควาทิกํ, น ปริคฺคหํฯ
Upadhīsūti khandhasaṅkhātesu kāyesu. Kāyaṃ ‘‘upadhī’’ti āha, na puttagavādikaṃ, na pariggahaṃ.
พาหิเรสุ วตฺถูสูติ มณิกุณฺฑลปุตฺตทาราทีสุ วตฺถูสุฯ
Bāhiresuvatthūsūti maṇikuṇḍalaputtadārādīsu vatthūsu.
กามสุขนฺติ กามนีเยสุ อสฺสาทสุขวเสน ปวตฺตา ตณฺหาฯ พาหิรวตฺถุกาย ตณฺหายาติ กามนีเยสุ พาหิรวตฺถูสุ อสฺสาทสุขวเสน ปวตฺตาย ตณฺหายฯ
Kāmasukhanti kāmanīyesu assādasukhavasena pavattā taṇhā. Bāhiravatthukāya taṇhāyāti kāmanīyesu bāhiravatthūsu assādasukhavasena pavattāya taṇhāya.
อชฺฌตฺติกวตฺถุกายาติ รูปกายสงฺขาเต อชฺฌตฺติกวตฺถุมฺหิ อภินนฺทนวเสน ปวตฺตายฯ
Ajjhattikavatthukāyāti rūpakāyasaṅkhāte ajjhattikavatthumhi abhinandanavasena pavattāya.
ปุน อชฺฌตฺติกวตฺถุกายาติ ปญฺจกฺขนฺธสงฺขาเต อชฺฌตฺติกวตฺถุมฺหิ สิเนหวเสน ปวตฺตายฯ
Puna ajjhattikavatthukāyāti pañcakkhandhasaṅkhāte ajjhattikavatthumhi sinehavasena pavattāya.
คเวสิตพฺพํ นิทานํ วิภตฺตํ, อเมฺหหิ จ ญาตํ, ‘‘กตโม คเวสิตโพฺพ ปุพฺพาปรสนฺธี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ตตฺถ กตโม ปุพฺพาปรสนฺธี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ เนรุตฺตาธิปฺปายนิทานปุพฺพาปรสนฺธีสุฯ ยถาติ เยน อนฺธการาทินา สภาเวน ‘‘กามนฺธา…เป.… มาตร’’นฺติ ยํ กามตณฺหํ ภควา อาห, อยํ กามตณฺหา ตถา เตน อนฺธการาทินา สภาเวน ‘‘กามนฺธา…เป.… มาตร’’นฺติ คาถา วุตฺตาติ โยชนาฯ
Gavesitabbaṃ nidānaṃ vibhattaṃ, amhehi ca ñātaṃ, ‘‘katamo gavesitabbo pubbāparasandhī’’ti pucchitabbattā tattha katamo pubbāparasandhī’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu neruttādhippāyanidānapubbāparasandhīsu. Yathāti yena andhakārādinā sabhāvena ‘‘kāmandhā…pe… mātara’’nti yaṃ kāmataṇhaṃ bhagavā āha, ayaṃ kāmataṇhā tathā tena andhakārādinā sabhāvena ‘‘kāmandhā…pe… mātara’’nti gāthā vuttāti yojanā.
คาถาโตฺถ ปน – กาเมตีติ กาโม, กามตณฺหา, กาเมน อตฺถสฺส อชานนตาย ธมฺมสฺส, อปสฺสนตาย จ อนฺธาติ กามนฺธาฯ กามตณฺหาสงฺขาเตน ชาเลน อตฺถธมฺมานํ อชานนาปสฺสเนน สญฺฉนฺนา ปลิคุณฺฐิตาติ ชาลสญฺฉนฺนาฯ ตณฺหาสงฺขาเตน ฉทเนน เตสํเยว อตฺถธมฺมานํ อชานนาปสฺสเนน ฉาทิตา ปิหิตาติ ตณฺหาฉทนฉาทิตาฯ อตฺถธเมฺมสุ ปมตฺตสงฺขาเตน ปมาเทน พนฺธเนน พทฺธา พนฺธิตพฺพา ปุคฺคลา ชรามรณํ อเนฺวนฺติ, กุมินามุเข ปวตฺตา มจฺฉา มรณํ อเนฺวนฺติ อิว จ, ขีรปโก วโจฺฉ มาตรํ อเนฺวติ อิว จ, ตถา ชรามรณํ อเนฺวนฺตีติ คเหตโพฺพฯ
Gāthāttho pana – kāmetīti kāmo, kāmataṇhā, kāmena atthassa ajānanatāya dhammassa, apassanatāya ca andhāti kāmandhā. Kāmataṇhāsaṅkhātena jālena atthadhammānaṃ ajānanāpassanena sañchannā paliguṇṭhitāti jālasañchannā. Taṇhāsaṅkhātena chadanena tesaṃyeva atthadhammānaṃ ajānanāpassanena chāditā pihitāti taṇhāchadanachāditā. Atthadhammesu pamattasaṅkhātena pamādena bandhanena baddhā bandhitabbā puggalā jarāmaraṇaṃ anventi, kumināmukhe pavattā macchā maraṇaṃ anventi iva ca, khīrapako vaccho mātaraṃ anveti iva ca, tathā jarāmaraṇaṃ anventīti gahetabbo.
‘‘กามนฺธา…เป.… มาตร’นฺติ ยาย เทสนาย, คาถาย วา กามตณฺหา วุตฺตา, สา เทสนา, คาถา วา กตเมน เทสนาภูเตน อปเรน ยุชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ตถา ปุจฺฉิตฺวา อิมาย เทสนาย, คาถาย วา ยุชฺชตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘สา กตเมนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สาติ ‘‘กามนฺธา…เป.… อเนฺวนฺตี’’ติ เทสนา, คาถา วาฯ ปุพฺพาปเรนาติ ตโต เทสนาโต ปุเพฺพน เทสนาวจเนน, คาถาวจเนน วา อปเรน เทสนาวจเนน, คาถาวจเนน วาฯ ยุชฺชติ ยุชฺชนํ เอติ สเมตีติ ปุจฺฉติฯ
‘‘Kāmandhā…pe… mātara’nti yāya desanāya, gāthāya vā kāmataṇhā vuttā, sā desanā, gāthā vā katamena desanābhūtena aparena yujjatī’’ti pucchitabbattā tathā pucchitvā imāya desanāya, gāthāya vā yujjatīti dassetuṃ ‘‘sā katamenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha sāti ‘‘kāmandhā…pe… anventī’’ti desanā, gāthā vā. Pubbāparenāti tato desanāto pubbena desanāvacanena, gāthāvacanena vā aparena desanāvacanena, gāthāvacanena vā. Yujjati yujjanaṃ eti sametīti pucchati.
ยถาติ เยน อนฺธกรณาทินาฯ ‘‘รโตฺต…เป.… นร’’นฺติ ยํ คาถาวจนํ ภควา อาห, เตน คาถาวจเนน ตถา อนฺธกรณาทินา ยุชฺชตีติ โยชนาฯ คาถาโตฺถ ปน – รโตฺต รญฺชโนฺต ปุคฺคโล อตฺถํ อตฺตหิตปโยชนํ ปรหิตปโยชนํ น ชานาติฯ รโตฺต รญฺชโนฺต ธมฺมํ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส เหตุํ ปญฺญาจกฺขุนา น ปสฺสติฯ ราโค ยํ นรํ ยทา สหเต, ตทา ตสฺส นรสฺส อนฺธํ อนฺธการํ ตมํ อญฺญาณํ โหตีติ คเหตโพฺพฯ
Yathāti yena andhakaraṇādinā. ‘‘Ratto…pe… nara’’nti yaṃ gāthāvacanaṃ bhagavā āha, tena gāthāvacanena tathā andhakaraṇādinā yujjatīti yojanā. Gāthāttho pana – ratto rañjanto puggalo atthaṃ attahitapayojanaṃ parahitapayojanaṃ na jānāti. Ratto rañjanto dhammaṃ yathāvuttassa atthassa hetuṃ paññācakkhunā na passati. Rāgo yaṃ naraṃ yadā sahate, tadā tassa narassa andhaṃ andhakāraṃ tamaṃ aññāṇaṃ hotīti gahetabbo.
อิตีติ เอวํฯ อนฺธตาย อนฺธกรณตาย สญฺฉนฺนตาย สญฺฉนฺนกรณตายฯ สาเยว ตณฺหาติ ‘‘กามนฺธา…เป.… มาตร’’นฺติ คาถาวจเนน ยา กามตณฺหา วุตฺตา, สาเยว กามตณฺหาฯ อภิลปิตาติ ‘‘รโตฺต…เป.… นร’’นฺติ อปเรน คาถาวจเนน ภควตา โวหาริตา โวหรเณน ญาปิตา, อภิลปิตสฺส อตฺถสฺส สมานตา ปุพฺพเทสนา อปรเทสนาย ยุชฺชตีติ วุตฺตํ โหติฯ
Itīti evaṃ. Andhatāya andhakaraṇatāya sañchannatāya sañchannakaraṇatāya. Sāyeva taṇhāti ‘‘kāmandhā…pe… mātara’’nti gāthāvacanena yā kāmataṇhā vuttā, sāyeva kāmataṇhā. Abhilapitāti ‘‘ratto…pe… nara’’nti aparena gāthāvacanena bhagavatā vohāritā voharaṇena ñāpitā, abhilapitassa atthassa samānatā pubbadesanā aparadesanāya yujjatīti vuttaṃ hoti.
‘‘ทฺวีสุ คาถาสุ กตเมหิ ปเทหิ สาเยว ตณฺหา อภิลปิตา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อิเมหิ อภิลปิตาติ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ยญฺจาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปฐมคาถายํ ‘‘กามนฺธา…เป.… ฉาทิตา’’ติ ยญฺจ ปทํ อาห, ทุติยคาถายญฺจ ‘‘รโตฺต…เป.… น ปสฺสตี’’ติ ยญฺจ ปทํ อาหฯ ปริยุฎฺฐาเนหิ ปริยุฎฺฐานทีปเกหิ อิเมหิ ‘‘กามนฺธา…เป.… ปสฺสตี’’ติ ปเทหิ สาเยว ปฐมคาถาย วุตฺตา กามตณฺหา จ ภควตา อภิลปิตาฯ
‘‘Dvīsu gāthāsu katamehi padehi sāyeva taṇhā abhilapitā’’ti pucchitabbattā imehi abhilapitāti niyametvā dassetuṃ ‘‘yañcāhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha paṭhamagāthāyaṃ ‘‘kāmandhā…pe… chāditā’’ti yañca padaṃ āha, dutiyagāthāyañca ‘‘ratto…pe… na passatī’’ti yañca padaṃ āha. Pariyuṭṭhānehi pariyuṭṭhānadīpakehi imehi ‘‘kāmandhā…pe… passatī’’ti padehi sāyeva paṭhamagāthāya vuttā kāmataṇhā ca bhagavatā abhilapitā.
‘‘ยํ อนฺธการํ วุตฺตํ, กตมํ ตํ? ยา ตณฺหา โปโนภวิกา วุตฺตา, กตมา สา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ยํ อนฺธการ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อนฺธการํ ยํ อญฺญาณํ วุตฺตํ, อยํ ทุกฺขสมุทโย ภเวฯ ยา จ ตณฺหา โปโนภวิกา วุตฺตา, อยญฺจ ทุกฺขสมุทโย ภเวติ โยชนาฯ
‘‘Yaṃ andhakāraṃ vuttaṃ, katamaṃ taṃ? Yā taṇhā ponobhavikā vuttā, katamā sā’’ti pucchitabbattā ‘‘yaṃ andhakāra’’ntiādi vuttaṃ. Tattha andhakāraṃ yaṃ aññāṇaṃ vuttaṃ, ayaṃ dukkhasamudayo bhave. Yā ca taṇhā ponobhavikā vuttā, ayañca dukkhasamudayo bhaveti yojanā.
‘‘กามา’’ติ ยญฺจ ปทํ ภควา อาห, เตน ปเทน อิเม กิเลสกามา วุตฺตาฯ ‘‘ชาลสญฺฉนฺนา’’ติ ยญฺจ ปทํ ภควา อาห, เตน ปเทน เตสํเยว กิเลสกามานํ ปโยเคน สมุทาจาเรน ปริยุฎฺฐานํ ภควา ทเสฺสติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ยสฺมิํ สนฺตาเน ตณฺหา อุปฺปนฺนา, ตํ สนฺตานํ สํสารโต นิสฺสริตุํ อทตฺวา รูปารมฺมณาทีหิ ปโลภยมานา หุตฺวา จิตฺตํ กิเลเสหิ ปริยาทาย ติฎฺฐติ, ตสฺมา ตณฺหาย จิตฺตํ ปริยาทาย สนฺตาเน ติฎฺฐมานตฺตาฯ กิเลสวเสนาติ วีติกฺกมกิเลสวเสนฯ ปริยุฎฺฐานวเสนาติ วีติกฺกมนํ อปฺปตฺวา อุปฺปชฺชมานวเสนฯ เยติ วุตฺตปฺปการตณฺหาสหิตปุคฺคลสทิสาฯ เตติ เต ตณฺหาพนฺธนพทฺธา จ เอทิสกา จ ปุคฺคลาฯ ชรามรณํ อเนฺวนฺติ ชรามรณํ อติกฺกมิตุํ น สกฺกุณนฺติฯ อยนฺติ ชรามรณานุปฺปวตฺติ ‘‘ชรามรณมเนฺวนฺตี’’ติ อิมินา วจเนน ภควตา ทสฺสิตาติ โยชนาฯ
‘‘Kāmā’’ti yañca padaṃ bhagavā āha, tena padena ime kilesakāmā vuttā. ‘‘Jālasañchannā’’ti yañca padaṃ bhagavā āha, tena padena tesaṃyeva kilesakāmānaṃ payogena samudācārena pariyuṭṭhānaṃ bhagavā dasseti. Tasmāti yasmā yasmiṃ santāne taṇhā uppannā, taṃ santānaṃ saṃsārato nissarituṃ adatvā rūpārammaṇādīhi palobhayamānā hutvā cittaṃ kilesehi pariyādāya tiṭṭhati, tasmā taṇhāya cittaṃ pariyādāya santāne tiṭṭhamānattā. Kilesavasenāti vītikkamakilesavasena. Pariyuṭṭhānavasenāti vītikkamanaṃ appatvā uppajjamānavasena. Yeti vuttappakārataṇhāsahitapuggalasadisā. Teti te taṇhābandhanabaddhā ca edisakā ca puggalā. Jarāmaraṇaṃ anventi jarāmaraṇaṃ atikkamituṃ na sakkuṇanti. Ayanti jarāmaraṇānuppavatti ‘‘jarāmaraṇamanventī’’ti iminā vacanena bhagavatā dassitāti yojanā.
‘‘กามนฺธา’’ติอาทิคาถาย เจว ‘‘รโตฺต’’ติอาทิคาถาย จ ปุพฺพาปรสนฺธิ อาจริเยน วิภโตฺต , อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กถํ ‘ยสฺส ปปญฺจา ฐิตี จา’ติอาทิคาถาสุ ปุพฺพาปรสนฺธิ อเมฺหหิ วิญฺญาตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ยสฺส ปปญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสา คาถาย – ยสฺส มุนิโน ปปญฺจา ตณฺหามานทิฎฺฐี จ นตฺถิ, ตณฺหามานทิฎฺฐีหิ อภิสงฺขตา สงฺขารา จ นตฺถิ, ฐิตี อนุสยา ตณฺหา จ นตฺถิ, สนฺทานสทิสํ ตณฺหาปริยุฎฺฐานํ นตฺถิ, ปลิฆสทิโส โมโห จ นตฺถิ, โส มุนิ ปปญฺจาทิกํ สพฺพํ วีติวโตฺต อติกฺกโนฺตติ วุจฺจติฯ นิตฺตณฺหํ นิมานํ นิทิฎฺฐิํ นิสนฺทานํ นิปลิฆํ โลเก จรนฺตํ ตํ มุนิํ สเทวโก ตณฺหาสหิโต โลโก น วิชานาตีติ อโตฺถฯ
‘‘Kāmandhā’’tiādigāthāya ceva ‘‘ratto’’tiādigāthāya ca pubbāparasandhi ācariyena vibhatto , amhehi ca ñāto, ‘‘kathaṃ ‘yassa papañcā ṭhitī cā’tiādigāthāsu pubbāparasandhi amhehi viññātabbo’’ti vattabbattā yassa papañcā’’tiādi vuttaṃ. Tassā gāthāya – yassa munino papañcā taṇhāmānadiṭṭhī ca natthi, taṇhāmānadiṭṭhīhi abhisaṅkhatā saṅkhārā ca natthi, ṭhitī anusayā taṇhā ca natthi, sandānasadisaṃ taṇhāpariyuṭṭhānaṃ natthi, palighasadiso moho ca natthi, so muni papañcādikaṃ sabbaṃ vītivatto atikkantoti vuccati. Nittaṇhaṃ nimānaṃ nidiṭṭhiṃ nisandānaṃ nipalighaṃ loke carantaṃ taṃ muniṃ sadevako taṇhāsahito loko na vijānātīti attho.
คาถายํ ปปญฺจาทโย ภควตา วุตฺตา, ‘‘กตเม เต’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ปปญฺจา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อตฺตโน อาธารปุคฺคลํ สํสาเร จิรํ ปปญฺจนฺตาเปนฺตี ตณฺหามานทิฎฺฐิโย จ, ตาหิ ตณฺหามานทิฎฺฐีหิ สหชาตวเสน วา อุปตฺถมฺภนวเสน วา อภิสงฺขตา สงฺขารา จ ปปญฺจา นามฯ สนฺตาเน อปฺปหีนเฎฺฐน อนุสยา ตณฺหา สตฺตานํ ติฎฺฐนเหตุตฺตา ฐิตี นามฯ ปวตฺตมานาย ตณฺหาย ยํ ปริยุฎฺฐานญฺจ ฉตฺติํสตณฺหาย ชาลินิยา ยานิ วิจริตานิ จ วุตฺตานิ, อิทํ สพฺพํ อตฺตโน อาธารํ ปุคฺคลํ พนฺธนเฎฺฐน สนฺทานสทิสตฺตา สนฺทานํ นามฯ โมโห อตฺตโน อาธารสฺส ปุคฺคลสฺส นิพฺพานนครปฺปเวสนสฺส ปฎิเสธกตฺตา ปลิฆสทิสตฺตา ปลิโฆ นามฯ ‘‘ยสฺส ปปญฺจาทโย นตฺถิ, โส กิํ วีติวโตฺต’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เย จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เย วุตฺตปฺปการา ปปญฺจา สงฺขารา, ยา จ วุตฺตปฺปการา ฐิติ, ยํ วุตฺตปฺปการํ สนฺทานญฺจ, ยํ วุตฺตปฺปการํ ปลิฆญฺจ นตฺถีติ วุตฺตา, สพฺพํ เอตํ ปปญฺจาทิกํ โย มุนิ สมติกฺกโนฺต, อยํ มุนิ ‘‘นิตฺตโณฺห’’ติ วุจฺจตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ
Gāthāyaṃ papañcādayo bhagavatā vuttā, ‘‘katame te’’ti pucchitabbattā ‘‘papañcā nāmā’’tiādi vuttaṃ. Attano ādhārapuggalaṃ saṃsāre ciraṃ papañcantāpentī taṇhāmānadiṭṭhiyo ca, tāhi taṇhāmānadiṭṭhīhi sahajātavasena vā upatthambhanavasena vā abhisaṅkhatā saṅkhārā ca papañcā nāma. Santāne appahīnaṭṭhena anusayā taṇhā sattānaṃ tiṭṭhanahetuttā ṭhitī nāma. Pavattamānāya taṇhāya yaṃ pariyuṭṭhānañca chattiṃsataṇhāya jāliniyā yāni vicaritāni ca vuttāni, idaṃ sabbaṃ attano ādhāraṃ puggalaṃ bandhanaṭṭhena sandānasadisattā sandānaṃ nāma. Moho attano ādhārassa puggalassa nibbānanagarappavesanassa paṭisedhakattā palighasadisattā paligho nāma. ‘‘Yassa papañcādayo natthi, so kiṃ vītivatto’’ti pucchitabbattā ‘‘ye cā’’tiādi vuttaṃ. Ye vuttappakārā papañcā saṅkhārā, yā ca vuttappakārā ṭhiti, yaṃ vuttappakāraṃ sandānañca, yaṃ vuttappakāraṃ palighañca natthīti vuttā, sabbaṃ etaṃ papañcādikaṃ yo muni samatikkanto, ayaṃ muni ‘‘nittaṇho’’ti vuccatīti daṭṭhabbo.
๒๘. ‘‘ยสฺส ปปญฺจาติอาทิคาถายํ เย ปปญฺจาทโย วุตฺตา, เตสุ ตณฺหามานทิฎฺฐิเหตุกา สงฺขารา กทา กติวิธํ ผลํ เทนฺติ, ตํสงฺขารสมฺปยุตฺตา ตณฺหา กทา กติวิธํ ผลํ เทตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ ปริยุฎฺฐานสงฺขารา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ปปญฺจสงฺขาราทีสุฯ ปริยุฎฺฐานสงฺขาราติ วีติกฺกมวเสน ปวตฺตา ปริยุฎฺฐานา อกุสลสงฺขารา เจตนาฯ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียาทีติ ทิเฎฺฐ ปสฺสิตเพฺพ ธเมฺม อตฺตภาเว เวทนียํ ผลํ เทตีติ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียา, ทิเฎฺฐ ธเมฺม ผลํ เวเทตีติ วา ทิฎฺฐธมฺมเวทนียาฯ กา สา? อปทุสฺสนียาทีสุ อติทุสฺสนาทิวเสน ปวตฺตา ปฐมชวนเจตนาฯ อุปปเชฺช ผลํ เวเทตีติ อุปปชฺชเวทนียา, สตฺตมชวนเจตนาฯ อปราปริยาเย อตฺตภาเว ผลํ เวเทตีติ อปราปริยายเวทนียา, มเชฺฌ ปวตฺตา ปญฺจ ชวนเจตนาฯ ติผลทานวเสน ติวิธา สงฺขาราฯ เอวํ อิมาย ติวิธาย สงฺขารเจตนาย สมฺปยุตฺตา ติวิธา ตณฺหา ติวิธํ ผลํ ทิเฎฺฐ วา ธเมฺม อตฺตภาเว , อุปปเชฺช วา อนนฺตรภเว, อปเร วา ปริยาเย ภเว เทติ นิพฺพเตฺตตีติ เอวํ ผลนิพฺพตฺตกสงฺขารํ วา ตํสมฺปยุตฺตํ ตณฺหํ วา ภควา อาหฯ
28. ‘‘Yassa papañcātiādigāthāyaṃ ye papañcādayo vuttā, tesu taṇhāmānadiṭṭhihetukā saṅkhārā kadā katividhaṃ phalaṃ denti, taṃsaṅkhārasampayuttā taṇhā kadā katividhaṃ phalaṃ detī’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha pariyuṭṭhānasaṅkhārā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu papañcasaṅkhārādīsu. Pariyuṭṭhānasaṅkhārāti vītikkamavasena pavattā pariyuṭṭhānā akusalasaṅkhārā cetanā. Diṭṭhadhammavedanīyādīti diṭṭhe passitabbe dhamme attabhāve vedanīyaṃ phalaṃ detīti diṭṭhadhammavedanīyā, diṭṭhe dhamme phalaṃ vedetīti vā diṭṭhadhammavedanīyā. Kā sā? Apadussanīyādīsu atidussanādivasena pavattā paṭhamajavanacetanā. Upapajje phalaṃ vedetīti upapajjavedanīyā, sattamajavanacetanā. Aparāpariyāye attabhāve phalaṃ vedetīti aparāpariyāyavedanīyā, majjhe pavattā pañca javanacetanā. Tiphaladānavasena tividhā saṅkhārā. Evaṃ imāya tividhāya saṅkhāracetanāya sampayuttā tividhā taṇhā tividhaṃ phalaṃ diṭṭhe vā dhamme attabhāve , upapajje vā anantarabhave, apare vā pariyāye bhave deti nibbattetīti evaṃ phalanibbattakasaṅkhāraṃ vā taṃsampayuttaṃ taṇhaṃ vā bhagavā āha.
‘‘ยาย เทสนาย, คาถาย วา ผลนิพฺพตฺตกํ สงฺขารํ อาห, สา เทสนา, คาถา วา กตเมน เทสนาภูเตน วา อปเรน ยุชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ยํ โลภปกตํ กมฺมํ กโรตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยา ‘‘ยสฺส…เป.… โลโก’’ติ เทสนา จ ยา ‘‘ยํ โลภปกตํ กมฺมํ…เป.… อปเร วา ปริยาเย’’ติ เทสนา จ วุตฺตา, ภควโต อิทํ เทสนาทฺวยํ อญฺญมญฺญํ ปุพฺพาปเรน ปุพฺพํ อปเรน อปรํ ปุเพฺพน ยุชฺชติ ยุชฺชนํ เอติ สเมติ, ยถา คโงฺคทกํ ยมุโนทเกน, ยมุโนทกมฺปิ คโงฺคทเกน สํสนฺทติ สเมติฯ ‘‘ยสฺส…เป.… โลโก’’ติ เทสนา ‘‘ยํ โลภปกตํ…เป.… ปริยาเย’’ติ เทสนาย สํสนฺทติ สเมติ, ‘‘ยํ โลภปกตํ…เป.… ปริยาเย’’ติ เทสนาปิ ‘‘ยสฺส…เป.… โลโก’’ติ เทสนาย สํสนฺทติ สเมตีติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ ‘‘กถํ ยุชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ ปริยุฎฺฐาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ทิฎฺฐธมฺมเวทนียาทิผลตฺตยนิพฺพตฺตกเฎฺฐน ยุชฺชตีติ วุตฺตํ โหติฯ
‘‘Yāya desanāya, gāthāya vā phalanibbattakaṃ saṅkhāraṃ āha, sā desanā, gāthā vā katamena desanābhūtena vā aparena yujjatī’’ti pucchitabbattā ‘‘yaṃ lobhapakataṃ kammaṃ karotī’’tiādi vuttaṃ. Yā ‘‘yassa…pe… loko’’ti desanā ca yā ‘‘yaṃ lobhapakataṃ kammaṃ…pe… apare vā pariyāye’’ti desanā ca vuttā, bhagavato idaṃ desanādvayaṃ aññamaññaṃ pubbāparena pubbaṃ aparena aparaṃ pubbena yujjati yujjanaṃ eti sameti, yathā gaṅgodakaṃ yamunodakena, yamunodakampi gaṅgodakena saṃsandati sameti. ‘‘Yassa…pe… loko’’ti desanā ‘‘yaṃ lobhapakataṃ…pe… pariyāye’’ti desanāya saṃsandati sameti, ‘‘yaṃ lobhapakataṃ…pe… pariyāye’’ti desanāpi ‘‘yassa…pe… loko’’ti desanāya saṃsandati sametīti attho gahetabbo. ‘‘Kathaṃ yujjatī’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha pariyuṭṭhāna’’ntiādi vuttaṃ, diṭṭhadhammavedanīyādiphalattayanibbattakaṭṭhena yujjatīti vuttaṃ hoti.
ยํ ยํ สุตฺตํ ภควตา เทสิตํ ปุพฺพาปเรน ยุชฺชติ, ตํ ตํ สุตฺตมฺปิ นีหริตฺวา ปุพฺพาปรสํสนฺทนํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สํสนฺทนากาโร วุตฺตนยานุสาเรน คเหตโพฺพฯ ตตฺถาติ เตสุ ปริยุฎฺฐานสงฺขารตณฺหาวิจริเตสุฯ ปริยุฎฺฐานนฺติ รูปารมฺมณาทีนิ อโยนิโสมนสิกาเรน อารพฺภ สตฺตสนฺตาเน ปวตฺตํ ตณฺหาจริตํฯ ปฎิสงฺขานพเลนาติ อสุภานิจฺจาทิทสฺสนพเลน ตทงฺคปฺปหานวเสน ปหาตพฺพํฯ สงฺขาราติ ทสฺสนปหาตพฺพา สงฺขาราฯ ทสฺสนพเลนาติ ทสฺสนสงฺขาตปฐมมคฺคญาณพเลน ปหาตพฺพาฯ ฉตฺติํส ตณฺหาวิจริตานีติ ทสฺสเนน ปหาตพฺพตณฺหาวิจริเตหิ อวเสสานิ ฉตฺติํส ตณฺหาวิจริตานิฯ นิคฺคตา ตณฺหา ยสฺส โส นิตฺตโณฺห, นิตฺตณฺหสฺส ภาโว นิตฺตณฺหตา, กา สา? สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุฯ
Yaṃ yaṃ suttaṃ bhagavatā desitaṃ pubbāparena yujjati, taṃ taṃ suttampi nīharitvā pubbāparasaṃsandanaṃ dassetuṃ ‘‘yathāhā’’tiādi vuttaṃ. Saṃsandanākāro vuttanayānusārena gahetabbo. Tatthāti tesu pariyuṭṭhānasaṅkhārataṇhāvicaritesu. Pariyuṭṭhānanti rūpārammaṇādīni ayonisomanasikārena ārabbha sattasantāne pavattaṃ taṇhācaritaṃ. Paṭisaṅkhānabalenāti asubhāniccādidassanabalena tadaṅgappahānavasena pahātabbaṃ. Saṅkhārāti dassanapahātabbā saṅkhārā. Dassanabalenāti dassanasaṅkhātapaṭhamamaggañāṇabalena pahātabbā. Chattiṃsa taṇhāvicaritānīti dassanena pahātabbataṇhāvicaritehi avasesāni chattiṃsa taṇhāvicaritāni. Niggatā taṇhā yassa so nittaṇho, nittaṇhassa bhāvo nittaṇhatā, kā sā? Saupādisesā nibbānadhātu.
ปปญฺจสงฺขาราภินนฺทนตฺตยํ ยทิปิ อตฺถโต เอกํ สมานํ, เทสนาย ปน ปทกฺขราทีหิ วิเสโส อตฺถีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Papañcasaṅkhārābhinandanattayaṃ yadipi atthato ekaṃ samānaṃ, desanāya pana padakkharādīhi viseso atthīti dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ.
‘‘โยยํ ปุพฺพาปรสนฺธิ อาจริเยน วิภโตฺต, โสยํ กติวิโธ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โส จายํ ปุพฺพาปโร สนฺธี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน วุตฺตํ – ‘‘น เกวลํ สุตฺตนฺตรสํสนฺทนเมว ปุพฺพาปรสนฺธิ, อถ โข อโญฺญปิ อตฺถีติ ทเสฺสตุํ ‘โส จาย’นฺติอาทิ วุตฺต’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๘)ฯ ตตฺถ อตฺถสนฺธีติ กิริยาการกาทิวเสน อตฺถสฺส อเตฺถน สนฺธิฯ ปทสนฺธีติ นามปทาทิกสฺส นามปทาทิกนฺตเรน สนฺธิฯ เทสนาสนฺธีติ วุตฺตปฺปการสฺส เทสนนฺตรสฺส วุตฺตปฺปกาเรน เทสนนฺตเรน สนฺธิฯ นิเทฺทสสนฺธีติ นิเทฺทสนฺตรสฺส นิเทฺทสนฺตเรน สนฺธิฯ
‘‘Yoyaṃ pubbāparasandhi ācariyena vibhatto, soyaṃ katividho’’ti pucchitabbattā ‘‘so cāyaṃ pubbāparo sandhī’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana vuttaṃ – ‘‘na kevalaṃ suttantarasaṃsandanameva pubbāparasandhi, atha kho aññopi atthīti dassetuṃ ‘so cāya’ntiādi vutta’’nti (netti. aṭṭha. 28). Tattha atthasandhīti kiriyākārakādivasena atthassa atthena sandhi. Padasandhīti nāmapadādikassa nāmapadādikantarena sandhi. Desanāsandhīti vuttappakārassa desanantarassa vuttappakārena desanantarena sandhi. Niddesasandhīti niddesantarassa niddesantarena sandhi.
สนฺธิ จ นาม อตฺถาทโย มุญฺจิตฺวา อโญฺญ สภาวธโมฺม นาม นตฺถิ, อตฺถาทีนญฺจ ฉอตฺถปทาทีสุ อวโรธนโต ‘‘อตฺถสนฺธิ ฉปฺปทานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Sandhi ca nāma atthādayo muñcitvā añño sabhāvadhammo nāma natthi, atthādīnañca chaatthapadādīsu avarodhanato ‘‘atthasandhi chappadānī’’tiādi vuttaṃ.
อตฺถสนฺธิพฺยญฺชนสนฺธโย อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กตมา เทสนาสนฺธี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เทสนาสนฺธิ น จ ปถวิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ น จ ปถวิํ นิสฺสาย ฌายติ ฌายี ฌายติ จาติ เอตฺถ ฌายี ฌานสมงฺคี ปุคฺคโล ปถวิํ นิสฺสาย อาลมฺพิตฺวา น จ ฌายติ, สพฺพสงฺขารนิสฺสฎํ ปน นิพฺพานํ นิสฺสาย อาลมฺพิตฺวา ผลสมาปตฺติํ ฌายติ สมาปชฺชติ เอวาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ น จ อาปนฺติอาทีสุปิ เอส นโย โยเชตโพฺพฯ ผลสมาปตฺติสมงฺคี ปุคฺคโล หิ ปถวีอาทโย มุญฺจิตฺวา นิพฺพานเมว อารพฺภ ผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชตีติฯ เอตฺถ จ ปถวีอาทีหิ มหาภูเตหิ กามภวรูปภวา คหิตา รูปปฎิพทฺธวุตฺติตายฯ อากาสานญฺจายตนาทีหิปิ อรูปภโว คหิโต, ภวตฺตยํ วเชฺชตฺวา จ ฌายตีติ อธิปฺปาโยฯ ยทิ ปถวีอาทโย นิสฺสาย น ฌายี ฌายติ จ, เอวํ สติ อิธโลกสงฺขาตํ สตฺตสนฺตานํ วา ปรโลกสงฺขาตํ สตฺตสนฺตานํ วา อนินฺทฺริยสนฺตานํ วา นิสฺสาย ฌายี ฌายตีติ อาสงฺกนียตฺตา ตํ ปริหรโนฺต ‘‘น จ อิมํ โลก’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิมํ โลกนฺติ อิธโลกสงฺขาโต ทิโฎฺฐ อตฺตภาโว สตฺตสนฺตาโน วุโตฺต, ตสฺมิํ นิสฺสาย น ฌายติ ฌายี ฌายติ จฯ ปรโลกนฺติ อิธโลกโต อโญฺญ ภวนฺตรสงฺขาโต สตฺตสนฺตาโน วุโตฺต, ตสฺมิํ นิสฺสาย น จ ฌายติ ฌายี ฌายติ จฯ
Atthasandhibyañjanasandhayo ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘katamā desanāsandhī’’ti pucchitabbattā ‘‘desanāsandhi na ca pathavi’’ntiādi vuttaṃ. Tattha na ca pathaviṃ nissāya jhāyati jhāyī jhāyati cāti ettha jhāyī jhānasamaṅgī puggalo pathaviṃ nissāya ālambitvā na ca jhāyati, sabbasaṅkhāranissaṭaṃ pana nibbānaṃ nissāya ālambitvā phalasamāpattiṃ jhāyati samāpajjati evāti attho daṭṭhabbo. Na ca āpantiādīsupi esa nayo yojetabbo. Phalasamāpattisamaṅgī puggalo hi pathavīādayo muñcitvā nibbānameva ārabbha phalasamāpattiṃ samāpajjatīti. Ettha ca pathavīādīhi mahābhūtehi kāmabhavarūpabhavā gahitā rūpapaṭibaddhavuttitāya. Ākāsānañcāyatanādīhipi arūpabhavo gahito, bhavattayaṃ vajjetvā ca jhāyatīti adhippāyo. Yadi pathavīādayo nissāya na jhāyī jhāyati ca, evaṃ sati idhalokasaṅkhātaṃ sattasantānaṃ vā paralokasaṅkhātaṃ sattasantānaṃ vā anindriyasantānaṃ vā nissāya jhāyī jhāyatīti āsaṅkanīyattā taṃ pariharanto ‘‘na ca imaṃ loka’’ntiādimāha. Tattha imaṃ lokanti idhalokasaṅkhāto diṭṭho attabhāvo sattasantāno vutto, tasmiṃ nissāya na jhāyati jhāyī jhāyati ca. Paralokanti idhalokato añño bhavantarasaṅkhāto sattasantāno vutto, tasmiṃ nissāya na ca jhāyati jhāyī jhāyati ca.
ยมิทํ อุภยนฺติอาทีสุ อิทํ อุภยํ อิธโลกปรโลกทฺวยํ อนฺตเรน วเชฺชตฺวา ยํ รูปายตนํ ทิฎฺฐํ, ตํ รูปายตนมฺปิฯ ยํ สทฺทายตนํ สุตํ, ตํ สทฺทายตนมฺปิฯ ยํ คนฺธายตนรสายตนโผฎฺฐพฺพายตนํ มุตํ, ตํ คนฺธายตนรสายตนโผฎฺฐพฺพายตนมฺปิฯ ยํ อาโปธาตุ อากาสธาตุ ลกฺขณรูปํ โอชาสงฺขาตํ ธมฺมายตเนกเทสรูปํ วิญฺญาตํ, ตํ อาโปธาตาทิกํ ธมฺมายตเนกเทสรูปมฺปิฯ ยํ วตฺถุ ปริเยสิตํ วา อปริเยสิตํ วา สนฺติเก ปตฺตํ, ตํ วตฺถุมฺปิฯ ยํ วตฺถุ ปตฺตํ วา อปฺปตฺตํ วา ปริเยสิตํ ปริเยสนารหํ สุนฺทรํ, ตํ วตฺถุมฺปิฯ ยํ วตฺถุ วิตกฺกิตํ วิตกฺกนวเสน อาลมฺพิตพฺพํ, ตํ วตฺถุมฺปิฯ ยํ วตฺถุ วิจาริตํ อนุมชฺชนวเสน อาลมฺพิตพฺพํ, ตํ วตฺถุมฺปิฯ ยํ วตฺถุ มนสา จิเตฺตเนว อนุจินฺติตํ อนุจินฺตนวเสน อาลมฺพิตพฺพํ, ตํ วตฺถุมฺปิ นิสฺสาย น ฌายติ ฌายี ฌายติ จาติ โยชนา กาตพฺพาฯ
Yamidaṃ ubhayantiādīsu idaṃ ubhayaṃ idhalokaparalokadvayaṃ antarena vajjetvā yaṃ rūpāyatanaṃ diṭṭhaṃ, taṃ rūpāyatanampi. Yaṃ saddāyatanaṃ sutaṃ, taṃ saddāyatanampi. Yaṃ gandhāyatanarasāyatanaphoṭṭhabbāyatanaṃ mutaṃ, taṃ gandhāyatanarasāyatanaphoṭṭhabbāyatanampi. Yaṃ āpodhātu ākāsadhātu lakkhaṇarūpaṃ ojāsaṅkhātaṃ dhammāyatanekadesarūpaṃ viññātaṃ, taṃ āpodhātādikaṃ dhammāyatanekadesarūpampi. Yaṃ vatthu pariyesitaṃ vā apariyesitaṃ vā santike pattaṃ, taṃ vatthumpi. Yaṃ vatthu pattaṃ vā appattaṃ vā pariyesitaṃ pariyesanārahaṃ sundaraṃ, taṃ vatthumpi. Yaṃ vatthu vitakkitaṃ vitakkanavasena ālambitabbaṃ, taṃ vatthumpi. Yaṃ vatthu vicāritaṃ anumajjanavasena ālambitabbaṃ, taṃ vatthumpi. Yaṃ vatthu manasā citteneva anucintitaṃ anucintanavasena ālambitabbaṃ, taṃ vatthumpi nissāya na jhāyati jhāyī jhāyati cāti yojanā kātabbā.
เอตฺถ ทิฎฺฐาทิกํ พหิทฺธารูปเมว คเหตพฺพํ อนินฺทฺริยพทฺธรูปสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ เตนาห อฎฺฐกถาจริโย – ‘‘ตทุภยวินิมุโตฺต อนินฺทฺริยพโทฺธ รูปสนฺตาโน’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๘)ฯ ‘‘ยทิ ฌายี ปุคฺคโล ยถาวุเตฺต ปถวีอาทโย นิสฺสาย น ฌายติ ฌายี ฌายติ จ, เอวํ สติ อยํ ฌายี ปุคฺคโล อิทํ นาม นิสฺสาย ฌายตีติ โลเก เกนจิ ญายติ กิํ, อุทาหุ น ญายตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา น ญายตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อยํ สเทวเก โลเก’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ผลสมาปตฺติฌาเนน ฌายโนฺต อยํ ขีณาสวปุคฺคโล สเทวเก โลเก…เป.… สเทวมนุสฺสาย ปชาย ยตฺถ กตฺถจิปิ อนิสฺสิเตน จิเตฺตน ฌายตีติ สเทวเก โลเก…เป.… สเทวมนุสฺสาย ปชาย เกนจิ น ญายตีติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ เตน วุตฺตํ –
Ettha diṭṭhādikaṃ bahiddhārūpameva gahetabbaṃ anindriyabaddharūpassa adhippetattā. Tenāha aṭṭhakathācariyo – ‘‘tadubhayavinimutto anindriyabaddho rūpasantāno’’ti (netti. aṭṭha. 28). ‘‘Yadi jhāyī puggalo yathāvutte pathavīādayo nissāya na jhāyati jhāyī jhāyati ca, evaṃ sati ayaṃ jhāyī puggalo idaṃ nāma nissāya jhāyatīti loke kenaci ñāyati kiṃ, udāhu na ñāyatī’’ti pucchitabbattā na ñāyatīti dassetuṃ ‘‘ayaṃ sadevake loke’’tiādimāha. Tattha phalasamāpattijhānena jhāyanto ayaṃ khīṇāsavapuggalo sadevake loke…pe… sadevamanussāya pajāya yattha katthacipi anissitena cittena jhāyatīti sadevake loke…pe… sadevamanussāya pajāya kenaci na ñāyatīti attho gahetabbo. Tena vuttaṃ –
‘‘นโม เต ปุริสาชญฺญ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
‘‘Namo te purisājañña, namo te purisuttama;
ยสฺส เต นาภิชานาม, กิํ ตฺวํ นิสฺสาย ฌายสี’’ติฯ (สํ. นิ. ๓.๗๙; เนตฺติ. ๑๐๔);
Yassa te nābhijānāma, kiṃ tvaṃ nissāya jhāyasī’’ti. (saṃ. ni. 3.79; netti. 104);
‘‘เกนจิ อวิญฺญายภาโว เกน สุเตฺตน วิภาเวตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อิมินา โคธิกสุเตฺตน (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) วิภาเวตโพฺพติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา มาโร ปาปิมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อิทานิ ขีณาสวจิตฺตสฺส กตฺถจิปิ อนิสฺสิตภาวํ โคธิกสุเตฺตน (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) วกฺกลิสุเตฺตน (สํ. นิ. ๓.๘๗) จ วิภาเวตุํ ‘ยถา มาโร’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๘) วุตฺตํฯ ตตฺถ ทานาทิปุญฺญการเก, ปุเญฺญ วา มาเรติ นิวาเรตีติ มาโร, อตฺตหิตปรหิเต มาเรตีติ วา มาโรฯ ปาปจิตฺตุปฺปาทวนฺตตาย ปาปิมาฯ ปุพฺพตฺตภาเว โคธสฺส ฆาตกตฺตา ‘‘โคธิโก’’ติ ลทฺธนามสฺส ปรินิพฺพายนฺตสฺส กุลปุตฺตสฺส ปรินิพฺพานโต อุทฺธํ ปฎิสนฺธาทิ วิญฺญาณํ สมเนฺวสโนฺต น ชานาติ น ปสฺสติฯ ‘‘ปรจิตฺตชานนโก มาโร กสฺมา น ชานาตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘โส หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โส โคธิโก หิ ยสฺมา ปปญฺจาตีโต, ตสฺมา ตณฺหาปหาเนน ทิฎฺฐินิสฺสโยปิ อสฺส โคธิกสฺส ยสฺมา นตฺถิ, ตสฺมา จ น ชานาตีติฯ
‘‘Kenaci aviññāyabhāvo kena suttena vibhāvetabbo’’ti pucchitabbattā iminā godhikasuttena (saṃ. ni. 1.159) vibhāvetabboti dassetuṃ ‘‘yathā māro pāpimā’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘idāni khīṇāsavacittassa katthacipi anissitabhāvaṃ godhikasuttena (saṃ. ni. 1.159) vakkalisuttena (saṃ. ni. 3.87) ca vibhāvetuṃ ‘yathā māro’tiādi vutta’’nti (netti. aṭṭha. 28) vuttaṃ. Tattha dānādipuññakārake, puññe vā māreti nivāretīti māro, attahitaparahite māretīti vā māro. Pāpacittuppādavantatāya pāpimā. Pubbattabhāve godhassa ghātakattā ‘‘godhiko’’ti laddhanāmassa parinibbāyantassa kulaputtassa parinibbānato uddhaṃ paṭisandhādi viññāṇaṃ samanvesanto na jānāti na passati. ‘‘Paracittajānanako māro kasmā na jānātī’’ti vattabbattā ‘‘so hī’’tiādi vuttaṃ. So godhiko hi yasmā papañcātīto, tasmā taṇhāpahānena diṭṭhinissayopi assa godhikassa yasmā natthi, tasmā ca na jānātīti.
‘‘โคธิกสุเตฺตเนว วิภาเวตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘โคธิกสุตฺตวกฺกลิสุเตฺตหิ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา อนิสฺสิตภาโว วิภาวิโต, เอวํ สติ สอุปาทิเสสนิพฺพานธาตุยา อนิสฺสิตภาโว เกน วิญฺญายตีติ อโตฺถ ภเวยฺยา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ตทาปิ น วิญฺญายติเยวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สเทวเกน โลเกนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ผลสมาปตฺติฌาเนน ฌายมานา อิเม ขีณาสวา กตฺถจิ อนิสฺสิตจิตฺตา ฌายนฺตีติ สเทวเกน โลเกน น ญายนฺติ สมารเกน…เป.… สเทวมนุสฺสาย น ญายนฺตีติ โยชนา กาตพฺพาฯ อนิสฺสิตจิตฺตา น ญายนฺตีติ เอตฺถ หิ น-กาโร จ ‘‘ฌายมานา’’ติ ปเท น สมฺพนฺธิตโพฺพ ‘‘น ฌายมานา’’ติ อตฺถสฺส สมฺภวโตฯ ‘‘น ญายนฺตี’’ติ ปน สมฺพนฺธิตโพฺพ เหฎฺฐา อฎฺฐกถายํ เอว ‘‘โลเก เกนจิปิ น ญายตี’’ติ วุตฺตตฺตาฯ อยํ เทสนาสนฺธีติ โคธิกสุตฺตวกฺกลิสุตฺตานํ อญฺญมญฺญํ อตฺถวเสน สํสนฺทนา นิทฺธาริตา วิย ‘‘น จ ปถวิํ นิสฺสายา’’ติอาทิเทสนาย จ ‘‘น จ อิมํ โลก’’นฺติอาทิเทสนาย จ ยาย เทสนาย อตฺถวเสน สํสนฺทนา นิทฺธาริตา, ตาย เทสนาย ยตฺถ กตฺถจิ ยํ กิญฺจิ นิสฺสาย ฌายี น ฌายติ, นิพฺพานํ นิสฺสาย ฌายี ฌายตีติ อตฺถวเสน นิทฺธาริตา, อยํ สํสนฺทนา เทสนาสนฺธิ นามาติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ
‘‘Godhikasutteneva vibhāvetabbo’’ti pucchitabbattā ‘‘yathā cā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Godhikasuttavakkalisuttehi anupādisesāya nibbānadhātuyā anissitabhāvo vibhāvito, evaṃ sati saupādisesanibbānadhātuyā anissitabhāvo kena viññāyatīti attho bhaveyyā’’ti vattabbattā tadāpi na viññāyatiyevāti dassetuṃ ‘‘sadevakena lokenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha saupādisesāya nibbānadhātuyā phalasamāpattijhānena jhāyamānā ime khīṇāsavā katthaci anissitacittā jhāyantīti sadevakena lokena na ñāyanti samārakena…pe… sadevamanussāya na ñāyantīti yojanā kātabbā. Anissitacittā na ñāyantīti ettha hi na-kāro ca ‘‘jhāyamānā’’ti pade na sambandhitabbo ‘‘na jhāyamānā’’ti atthassa sambhavato. ‘‘Na ñāyantī’’ti pana sambandhitabbo heṭṭhā aṭṭhakathāyaṃ eva ‘‘loke kenacipi na ñāyatī’’ti vuttattā. Ayaṃ desanāsandhīti godhikasuttavakkalisuttānaṃ aññamaññaṃ atthavasena saṃsandanā niddhāritā viya ‘‘na ca pathaviṃ nissāyā’’tiādidesanāya ca ‘‘na ca imaṃ loka’’ntiādidesanāya ca yāya desanāya atthavasena saṃsandanā niddhāritā, tāya desanāya yattha katthaci yaṃ kiñci nissāya jhāyī na jhāyati, nibbānaṃ nissāya jhāyī jhāyatīti atthavasena niddhāritā, ayaṃ saṃsandanā desanāsandhi nāmāti attho gahetabbo.
เทสนาสนฺธิ อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กตมา นิเทฺทสสนฺธี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตมา นิเทฺทสสนฺธีติ นิสฺสิตจิตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ จตูสุ อตฺถสนฺธิพฺยญฺชนสนฺธิเทสนาสนฺธินิเทฺทสสนฺธีสุ ยา สนฺธิ ‘‘นิเทฺทสสนฺธี’’ติ อุทฺทิฎฺฐา, สา นิเทฺทสโต กตมาติ ปุจฺฉตีติ อโตฺถฯ นิสฺสิตจิตฺตาติ ตณฺหาทิฎฺฐิสหชาตวเสน วา อุปนิสฺสยวเสน วา นิสฺสิตํ จิตฺตํ เยสํ ปุถุชฺชนานนฺติ นิสฺสิตจิตฺตา, ปุถุชฺชนา ปุคฺคลา นิทฺทิสิตพฺพา อิมาย เทสนาย ปุคฺคลาธิฎฺฐานตฺตาฯ ยทิ เทสนา ธมฺมาธิฎฺฐานา, เอวํ สติ นิสฺสิตํ จิตฺตํ เอตฺถ สุตฺตปฺปเทเสสุ เทสิตนฺติ นิสฺสิตจิตฺตา นิสฺสิตจิตฺตชานนตฺถาย เทสิตา สุตฺตปฺปเทสาฯ อนิสฺสิตํ จิตฺตํ เยสํ อริยปุคฺคลานนฺติ อนิสฺสิตจิตฺตา, อริยปุคฺคลา นิทฺทิสิตพฺพา อิมาย เทสนาย ปุคฺคลาธิฎฺฐานตฺตาฯ ธมฺมาธิฎฺฐานาย ปน อนิสฺสิตํ จิตฺตํ ยตฺถ สุตฺตปฺปเทเสสุ เทสิตนฺติ อนิสฺสิตจิตฺตา, อนิสฺสิตจิตฺตชานนตฺถาย เทสิตา สุตฺตปฺปเทสาฯ
Desanāsandhi ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘katamā niddesasandhī’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamā niddesasandhīti nissitacittā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu catūsu atthasandhibyañjanasandhidesanāsandhiniddesasandhīsu yā sandhi ‘‘niddesasandhī’’ti uddiṭṭhā, sā niddesato katamāti pucchatīti attho. Nissitacittāti taṇhādiṭṭhisahajātavasena vā upanissayavasena vā nissitaṃ cittaṃ yesaṃ puthujjanānanti nissitacittā, puthujjanā puggalā niddisitabbā imāya desanāya puggalādhiṭṭhānattā. Yadi desanā dhammādhiṭṭhānā, evaṃ sati nissitaṃ cittaṃ ettha suttappadesesu desitanti nissitacittā nissitacittajānanatthāya desitā suttappadesā. Anissitaṃ cittaṃ yesaṃ ariyapuggalānanti anissitacittā, ariyapuggalā niddisitabbā imāya desanāya puggalādhiṭṭhānattā. Dhammādhiṭṭhānāya pana anissitaṃ cittaṃ yattha suttappadesesu desitanti anissitacittā, anissitacittajānanatthāya desitā suttappadesā.
‘‘นิสฺสิตจิตฺตา เกน นิเทฺทเสน นิทฺทิสิตพฺพา, อนิสฺสิตจิตฺตา เกน นิเทฺทเสน นิทฺทิสิตพฺพา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘นิสฺสิตจิตฺตา อกุสลปเกฺขน นิทฺทิสิตพฺพา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อกุสลปเกฺขน นิเทฺทเสน นิทฺทิสิตพฺพาฯ กุสลปเกฺขนาติอาทีสุปิ เอส นโย โยเชตโพฺพฯ อกุสลปกฺขสามญฺญกุสลปกฺขสามเญฺญหิ ทเสฺสตฺวา อกุสลวิเสสกุสลวิเสเสหิ ทเสฺสตุํ ‘‘นิสฺสิตจิตฺตา สํกิเลเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อยํ นิเทฺทสสนฺธีติ อกุสลปกฺขาทิกสฺส ปุริมนิเทฺทสสฺส สํกิเลสาทิเกน ปจฺฉิเมน นิเทฺทเสน นิสฺสิตจิตฺตวเสน อยํ สํสนฺทนา จ นิเทฺทสสนฺธิ นามฯ กุสลปกฺขาทิกสฺส ปุริมสฺส นิเทฺทสสฺส โวทานาทิเกน ปจฺฉิเมน นิเทฺทเสน อนิสฺสิตจิตฺตวเสน อยํ สํสนฺทนา จ นิเทฺทสสนฺธิ นามาติ วิภชิตฺวา เวทิตพฺพาฯ
‘‘Nissitacittā kena niddesena niddisitabbā, anissitacittā kena niddesena niddisitabbā’’ti pucchitabbattā ‘‘nissitacittā akusalapakkhena niddisitabbā’’tiādi vuttaṃ. Akusalapakkhena niddesena niddisitabbā. Kusalapakkhenātiādīsupi esa nayo yojetabbo. Akusalapakkhasāmaññakusalapakkhasāmaññehi dassetvā akusalavisesakusalavisesehi dassetuṃ ‘‘nissitacittā saṃkilesenā’’tiādi vuttaṃ. Ayaṃ niddesasandhīti akusalapakkhādikassa purimaniddesassa saṃkilesādikena pacchimena niddesena nissitacittavasena ayaṃ saṃsandanā ca niddesasandhi nāma. Kusalapakkhādikassa purimassa niddesassa vodānādikena pacchimena niddesena anissitacittavasena ayaṃ saṃsandanā ca niddesasandhi nāmāti vibhajitvā veditabbā.
‘‘จตุพฺยูหหารสฺส เนรุตฺตมธิปฺปายนิทานปุพฺพาปรสนฺธิปฺปเภเทน เจว อตฺถพฺยญฺชนสนฺธินิเทฺทสสนฺธิเทสนาสนฺธิปฺปเภเทน จ วิภชิตพฺพภาโว เกน อเมฺหหิ ชานิตโพฺพ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตน ตถา วิภชิตพฺพภาเวน อายสฺมา มหากจฺจาโน ‘‘เนรุตฺตมธิปฺปาโย’’ติอาทิกํ (เนตฺติ. ๔ หารสเงฺขป) ยํ วจนํ อาห, เตน วจเนน ตุเมฺหหิ จตุพฺยูหหารสฺส ตถา วิภชิตพฺพภาโว ชานิตโพฺพ สทฺทหิตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ
‘‘Catubyūhahārassa neruttamadhippāyanidānapubbāparasandhippabhedena ceva atthabyañjanasandhiniddesasandhidesanāsandhippabhedena ca vibhajitabbabhāvo kena amhehi jānitabbo saddahitabbo’’ti vattabbabhāvato ‘‘tenāhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tena tathā vibhajitabbabhāvena āyasmā mahākaccāno ‘‘neruttamadhippāyo’’tiādikaṃ (netti. 4 hārasaṅkhepa) yaṃ vacanaṃ āha, tena vacanena tumhehi catubyūhahārassa tathā vibhajitabbabhāvo jānitabbo saddahitabboti vuttaṃ hoti.
‘‘เอตฺตาวตา จ จตุพฺยูหหาโร ปริปุโณฺณ, อโญฺญ นิยุโตฺต นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘นิยุโตฺต จตุพฺยูโห หาโร’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยสฺสํ ยสฺสํ ปาฬิยํ โย โย จตุพฺพิโธ, โส โส จตุพฺยูหหาโร จ ยถาลาภวเสน โยชิโต, ตสฺสํ ตสฺสํ ปาฬิยํ โส โส จตุพฺพิโธ จตุพฺยูหหาโร ตถา นิทฺธาเรตฺวา ยุโตฺต โยชิโตติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
‘‘Ettāvatā ca catubyūhahāro paripuṇṇo, añño niyutto natthī’’ti vattabbattā ‘‘niyutto catubyūho hāro’’ti vuttaṃ. Tattha yassaṃ yassaṃ pāḷiyaṃ yo yo catubbidho, so so catubyūhahāro ca yathālābhavasena yojito, tassaṃ tassaṃ pāḷiyaṃ so so catubbidho catubyūhahāro tathā niddhāretvā yutto yojitoti attho daṭṭhabbo.
อิติ จตุพฺยูหหารวิภเงฺค สตฺติพลานุรูปา รจิตา
Iti catubyūhahāravibhaṅge sattibalānurūpā racitā
วิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ
Vibhāvanā niṭṭhitā.
ปณฺฑิเตหิ ปน อฎฺฐกถาฎีกานุสาเรน คมฺภีรโตฺถ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา คเหตโพฺพติฯ
Paṇḍitehi pana aṭṭhakathāṭīkānusārena gambhīrattho vitthārato vibhajitvā gahetabboti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๖. จตุพฺยูหหารวิภโงฺค • 6. Catubyūhahāravibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๖. จตุพฺยูหหารวิภงฺควณฺณนา • 6. Catubyūhahāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๖. จตุพฺยูหหารวิภงฺควณฺณนา • 6. Catubyūhahāravibhaṅgavaṇṇanā