Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā |
๔. จตุกฺกนิเทฺทสวณฺณนา
4. Catukkaniddesavaṇṇanā
๑๓๒. จตุกฺกนิเทฺทเส – อสปฺปุริโสติ ลามกปุริโสฯ ปาณํ อติปาเตตีติ ปาณาติปาตีฯ อทินฺนํ อาทิยตีติ อทินฺนาทายีฯ กาเมสุ มิจฺฉา จรตีติ กาเมสุมิจฺฉาจารีฯ มุสา วทตีติ มุสาวาทีฯ สุราเมรยมชฺชปมาเท ติฎฺฐตีติ สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐายีฯ
132. Catukkaniddese – asappurisoti lāmakapuriso. Pāṇaṃ atipātetīti pāṇātipātī. Adinnaṃ ādiyatīti adinnādāyī. Kāmesu micchā caratīti kāmesumicchācārī. Musā vadatīti musāvādī. Surāmerayamajjapamāde tiṭṭhatīti surāmerayamajjapamādaṭṭhāyī.
๑๓๓. ปาณาติปาเต สมาทเปตีติ ยถา ปาณํ อติปาเตติ, ตถา นํ ตตฺถ คหณํ คณฺหาเปติฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ยสฺมา สยํ กเตน จ ทุสฺสีเลฺยน สมนฺนาคโต ยญฺจ สมาทปิเตน กตํ, ตโต อุปฑฺฒสฺส ทายาโท, ตสฺมา อสปฺปุริเสน อสปฺปุริสตโรติ วุจฺจติฯ สปฺปุริโสติ อุตฺตมปุริโสฯ
133. Pāṇātipāte samādapetīti yathā pāṇaṃ atipāteti, tathā naṃ tattha gahaṇaṃ gaṇhāpeti. Sesesupi eseva nayo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo yasmā sayaṃ katena ca dussīlyena samannāgato yañca samādapitena kataṃ, tato upaḍḍhassa dāyādo, tasmā asappurisena asappurisataroti vuccati. Sappurisoti uttamapuriso.
๑๓๕. สปฺปุริเสน สปฺปุริสตโรติ อตฺตนา กเตน สุสีเลฺยน สมนฺนาคตตฺตา ยญฺจ สมาทปิโต กโรติฯ ตโต อุปฑฺฒสฺส ทายาทตฺตา อุตฺตมปุริเสน อุตฺตมปุริสตโรฯ
135. Sappurisena sappurisataroti attanā katena susīlyena samannāgatattā yañca samādapito karoti. Tato upaḍḍhassa dāyādattā uttamapurisena uttamapurisataro.
๑๓๖. ปาโปติ อกุสลกมฺมปถสงฺขาเตน ทสวิเธน ปาเปน สมนฺนาคโตฯ
136. Pāpoti akusalakammapathasaṅkhātena dasavidhena pāpena samannāgato.
๑๓๘. กลฺยาโณติ กุสลกมฺมปถสงฺขาเตน ทสวิเธน กลฺยาณธเมฺมน สมนฺนาคโต สุทฺธโก ภทฺรโกฯ เสสเมตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมวฯ
138. Kalyāṇoti kusalakammapathasaṅkhātena dasavidhena kalyāṇadhammena samannāgato suddhako bhadrako. Sesamettha heṭṭhā vuttanayattā uttānatthameva.
๑๔๐. ปาปธมฺมาทีสุ – ปาโป ธโมฺม อสฺสาติ ปาปธโมฺมฯ กลฺยาโณ ธโมฺม อสฺสาติ กลฺยาณธโมฺมฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ
140. Pāpadhammādīsu – pāpo dhammo assāti pāpadhammo. Kalyāṇo dhammo assāti kalyāṇadhammo. Sesamettha uttānatthameva.
๑๔๔. สาวชฺชาทีสุ – สาวโชฺชติ สโทโสฯ สาวเชฺชน กายกเมฺมนาติ สโทเสน ปาณาติปาตาทินา กายกเมฺมนฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ตีหิ ทฺวาเรหิ อายูหนกมฺมสฺส สโทสตฺตา, คูถกุณปาทิภริโต ปเทโส วิย สาวโชฺชติ วุจฺจติฯ
144. Sāvajjādīsu – sāvajjoti sadoso. Sāvajjena kāyakammenāti sadosena pāṇātipātādinā kāyakammena. Itaresupi eseva nayo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo tīhi dvārehi āyūhanakammassa sadosattā, gūthakuṇapādibharito padeso viya sāvajjoti vuccati.
๑๔๕. สาวเชฺชน พหุลนฺติ ยสฺส สาวชฺชเมว กายกมฺมํ พหุ โหติ, อปฺปํ อนวชฺชํ; โส สาวเชฺชน พหุลํ กายกเมฺมน สมนฺนาคโต, อปฺปํ อนวเชฺชนาติ วุจฺจติฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ โก ปน เอวรูโป โหตีติ? โย คามธมฺมตาย วา นิคมธมฺมตาย วา กทาจิ กรหจิ อุโปสถํ สมาทิยติ, สีลานิ ปูเรติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ตีหิ ทฺวาเรหิ อายูหนกเมฺมสุ สาวชฺชเสฺสว พหุลตาย อนวชฺชสฺส อปฺปตาย วชฺชพหุโลติ วุจฺจติฯ
145. Sāvajjena bahulanti yassa sāvajjameva kāyakammaṃ bahu hoti, appaṃ anavajjaṃ; so sāvajjena bahulaṃ kāyakammena samannāgato, appaṃ anavajjenāti vuccati. Itaresupi eseva nayo. Ko pana evarūpo hotīti? Yo gāmadhammatāya vā nigamadhammatāya vā kadāci karahaci uposathaṃ samādiyati, sīlāni pūreti. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo tīhi dvārehi āyūhanakammesu sāvajjasseva bahulatāya anavajjassa appatāya vajjabahuloti vuccati.
ยถา หิ เอกสฺมิํ ปเทเส ทุพฺพณฺณานิ ทุคฺคนฺธานิ ปุปฺผานิ ราสิกตานสฺสุ, เตสํ อุปริ ตหํ ตหํ อติมุตฺตกวสฺสิกปาฎลานิ ปติตานิ ภเวยฺยุํฯ เอวรูโป อยํ ปุคฺคโล เวทิตโพฺพฯ ยถา ปน เอกสฺมิํ ปเทเส อติมุตฺตกวสฺสิกปาฎลานิ ราสิกตานสฺสุ, เตสํ อุปริ ตหํ ตหํ ทุพฺพณฺณทุคฺคนฺธานิ พทรปุปฺผาทีนิ ปติตานิ ภเวยฺยุํฯ เอวรูโป ตติโย ปุคฺคโล เวทิตโพฺพฯ จตุโตฺถ ปน ตีหิปิ ทฺวาเรหิ อายูหนกมฺมสฺส นิโทฺทสตฺตา, จตุมธุรภริตสุวณฺณปาติ วิย ทฎฺฐโพฺพฯ เตสุ ปฐโม อนฺธพาลปุถุชฺชโนฯ ทุติโย อนฺตรนฺตรา กุสลสฺส การโก โลกิยปุถุชฺชโนฯ ตติโย โสตาปโนฺน สกทาคามิอนาคามิโนปิ เอเตเนว สงฺคหิตาฯ จตุโตฺถ ขีณาสโวฯ โส หิ เอกเนฺตน อนวโชฺชเยวฯ อยํ องฺคุตฺตรฎฺฐกถาโยฯ
Yathā hi ekasmiṃ padese dubbaṇṇāni duggandhāni pupphāni rāsikatānassu, tesaṃ upari tahaṃ tahaṃ atimuttakavassikapāṭalāni patitāni bhaveyyuṃ. Evarūpo ayaṃ puggalo veditabbo. Yathā pana ekasmiṃ padese atimuttakavassikapāṭalāni rāsikatānassu, tesaṃ upari tahaṃ tahaṃ dubbaṇṇaduggandhāni badarapupphādīni patitāni bhaveyyuṃ. Evarūpo tatiyo puggalo veditabbo. Catuttho pana tīhipi dvārehi āyūhanakammassa niddosattā, catumadhurabharitasuvaṇṇapāti viya daṭṭhabbo. Tesu paṭhamo andhabālaputhujjano. Dutiyo antarantarā kusalassa kārako lokiyaputhujjano. Tatiyo sotāpanno sakadāgāmianāgāminopi eteneva saṅgahitā. Catuttho khīṇāsavo. So hi ekantena anavajjoyeva. Ayaṃ aṅguttaraṭṭhakathāyo.
๑๔๘. อุคฺฆฎิตญฺญูอาทีสุ – อุคฺฆฎิตญฺญูติ เอตฺถ อุคฺฆฎิตํ นาม ญาณุคฺฆาฎนํ, ญาเณ อุคฺฆฎิตมเตฺตเยว ชานาตีติ อโตฺถฯ สห อุทาหฎเวลายาติ อุทาหาเร อุทาหฎมเตฺตเยวฯ ธมฺมาภิสมโยติ จตุสจฺจธมฺมสฺส ญาเณน สทฺธิํ อภิสมโยฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ ‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’ติอาทินา นเยน สํขิเตฺตน มาติกาย ฐปิยมานาย เทสนานุสาเรน ญาณํ เปเสตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิตุํ สมโตฺถ ปุคฺคโล อุคฺฆฎิตญฺญูติ วุจฺจติฯ
148. Ugghaṭitaññūādīsu – ugghaṭitaññūti ettha ugghaṭitaṃ nāma ñāṇugghāṭanaṃ, ñāṇe ugghaṭitamatteyeva jānātīti attho. Saha udāhaṭavelāyāti udāhāre udāhaṭamatteyeva. Dhammābhisamayoti catusaccadhammassa ñāṇena saddhiṃ abhisamayo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ ‘cattāro satipaṭṭhānā’tiādinā nayena saṃkhittena mātikāya ṭhapiyamānāya desanānusārena ñāṇaṃ pesetvā arahattaṃ gaṇhituṃ samattho puggalo ugghaṭitaññūti vuccati.
๑๔๙. วิปญฺจิตํ วิตฺถาริตเมว อตฺถํ ชานาตีติ วิปญฺจิตญฺญูฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ สงฺขิเตฺตน มาติกํ ฐเปตฺวา วิตฺถาเรน อเตฺถ ภาชิยมาเน อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมโตฺถ ปุคฺคโล วิปญฺจิตญฺญูติ วุจฺจติฯ
149. Vipañcitaṃ vitthāritameva atthaṃ jānātīti vipañcitaññū. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ saṅkhittena mātikaṃ ṭhapetvā vitthārena atthe bhājiyamāne arahattaṃ pāpuṇituṃ samattho puggalo vipañcitaññūti vuccati.
๑๕๐. อุเทฺทสาทีหิ เนตโพฺพติ เนโยฺยฯ อนุปุเพฺพน ธมฺมาภิสมโย โหตีติ อนุกฺกเมน อรหตฺตปฺปตฺติฯ
150. Uddesādīhi netabboti neyyo. Anupubbena dhammābhisamayo hotīti anukkamena arahattappatti.
๑๕๑. พฺยญฺชนปทเมว ปรมํ อสฺสาติ ปทปรโมฯ น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหตีติ น เตน อตฺตภาเวน ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา มคฺคํ วา ผลํ วา นิพฺพเตฺตตุํ สโกฺกตีติ อโตฺถฯ
151. Byañjanapadameva paramaṃ assāti padaparamo. Na tāya jātiyā dhammābhisamayo hotīti na tena attabhāvena jhānaṃ vā vipassanaṃ vā maggaṃ vā phalaṃ vā nibbattetuṃ sakkotīti attho.
๑๕๒. ยุตฺตปฎิภานาทีสุ – ปฎิภานํ วุจฺจติ ญาณมฺปิ, ญาณสฺส อุปฎฺฐิตวจนมฺปิฯ ตํ อิธ อธิเปฺปตํฯ อตฺถยุตฺตํ การณยุตฺตญฺจ ปฎิภานมสฺสาติ ยุตฺตปฺปฎิภาโนฯ ปุจฺฉิตานนฺตรเมว สีฆํ พฺยากาตุํ อสมตฺถตาย โน มุตฺตํ ปฎิภานมสฺสาติ โน มุตฺตปฺปฎิภาโนฯ อิมินา นเยน เสสา เวทิตพฺพาฯ เอตฺถ ปน ปฐโม – กิญฺจิ กาลํ วีมํสิตฺวา ยุตฺตเมว เปกฺขติ, ติปิฎกจูฬนาคเตฺถโร วิยฯ โส กิร ปญฺหํ ปุโฎฺฐ ปริคฺคเหตฺวา ยุตฺตปยุตฺตการณเมว กเถติฯ
152. Yuttapaṭibhānādīsu – paṭibhānaṃ vuccati ñāṇampi, ñāṇassa upaṭṭhitavacanampi. Taṃ idha adhippetaṃ. Atthayuttaṃ kāraṇayuttañca paṭibhānamassāti yuttappaṭibhāno. Pucchitānantarameva sīghaṃ byākātuṃ asamatthatāya no muttaṃ paṭibhānamassāti no muttappaṭibhāno. Iminā nayena sesā veditabbā. Ettha pana paṭhamo – kiñci kālaṃ vīmaṃsitvā yuttameva pekkhati, tipiṭakacūḷanāgatthero viya. So kira pañhaṃ puṭṭho pariggahetvā yuttapayuttakāraṇameva katheti.
ทุติโย – ปุจฺฉานนฺตรเมว เยน วา เตน วา วจเนน ปฎิพาหติ, วีมํสิตฺวาปิ จ ยุตฺตํ น เปกฺขติ จตุนิกายิกปณฺฑิตติสฺสเตฺถโร วิยฯ โส กิร ปญฺหํ ปุโฎฺฐ ปญฺหปริโยสานมฺปิ นาคเมติ, ยํ วา ตํ วา กเถติเยวฯ วจนตฺถํ ปนสฺส วีมํสิยมานํ กตฺถจิ น ลคฺคติฯ
Dutiyo – pucchānantarameva yena vā tena vā vacanena paṭibāhati, vīmaṃsitvāpi ca yuttaṃ na pekkhati catunikāyikapaṇḍitatissatthero viya. So kira pañhaṃ puṭṭho pañhapariyosānampi nāgameti, yaṃ vā taṃ vā kathetiyeva. Vacanatthaṃ panassa vīmaṃsiyamānaṃ katthaci na laggati.
ตติโย – ปุจฺฉาสมกาลเมว ยุตฺตํ เปกฺขติ, ตงฺขณเญฺญว วจนํ พฺยากโรติ ติปิฎกจูฬาภยเตฺถโร วิยฯ โส กิร ปญฺหํ ปุโฎฺฐ สีฆเมว กเถติ, ยุตฺตปยุตฺตการโณ จ โหติฯ
Tatiyo – pucchāsamakālameva yuttaṃ pekkhati, taṅkhaṇaññeva vacanaṃ byākaroti tipiṭakacūḷābhayatthero viya. So kira pañhaṃ puṭṭho sīghameva katheti, yuttapayuttakāraṇo ca hoti.
จตุโตฺถ – ปุโฎฺฐ สมาโน เนว ยุตฺตํ เปกฺขติ , น เยน วา เตน วา ปฎิพาหิตุํ สโกฺกติ ติพฺพนฺธการนิมุโคฺค วิย โหติ ลาฬุทายิเตฺถโร วิยฯ
Catuttho – puṭṭho samāno neva yuttaṃ pekkhati , na yena vā tena vā paṭibāhituṃ sakkoti tibbandhakāranimuggo viya hoti lāḷudāyitthero viya.
๑๕๖. ธมฺมกถิเกสุ – อปฺปญฺจ ภาสตีติ สมฺปตฺตปริสาย โถกเมว กเถติฯ อสหิตญฺจาติ กเถโนฺต จ ปน น อตฺถยุตฺตํ การณยุตฺตํ กเถติฯ ปริสา จสฺส น กุสลา โหตีติ โสตุํ นิสินฺนปริสา จสฺส ยุตฺตายุตฺตํ การณาการณํ สิลิฎฺฐาสิลิฎฺฐํ น ชานาตีติ อโตฺถฯ เอวรูโปติ อยํ เอวํชาติโก พาลธมฺมกถิโกฯ เอวํชาติกาย พาลปริสาย ธมฺมกถิโกเตฺวว นามํ ลภติฯ อิมินา นเยน สพฺพตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอตฺถ จ เทฺวเยว ชนา สภาวธมฺมกถิกา, อิตเร ปน ธมฺมกถิกานํ อนฺตเร ปวิฎฺฐตฺตา เอวํ วุตฺตาฯ
156. Dhammakathikesu – appañca bhāsatīti sampattaparisāya thokameva katheti. Asahitañcāti kathento ca pana na atthayuttaṃ kāraṇayuttaṃ katheti. Parisā cassa na kusalā hotīti sotuṃ nisinnaparisā cassa yuttāyuttaṃ kāraṇākāraṇaṃ siliṭṭhāsiliṭṭhaṃ na jānātīti attho. Evarūpoti ayaṃ evaṃjātiko bāladhammakathiko. Evaṃjātikāya bālaparisāya dhammakathikotveva nāmaṃ labhati. Iminā nayena sabbattha attho veditabbo. Ettha ca dveyeva janā sabhāvadhammakathikā, itare pana dhammakathikānaṃ antare paviṭṭhattā evaṃ vuttā.
๑๕๗. วลาหกูปเมสุ วลาหกาติ เมฆาฯ คชฺชิตาติ ถนิตาฯ ตตฺถ คชฺชิตฺวา โน วสฺสนภาโว นาม ปาปโกฯ มนุสฺสา หิ ยถา เทโว คชฺชติ ‘สุวุฎฺฐิกา ภวิสฺสตี’ติ พีชานิ นีหริตฺวา วปนฺติฯ อถ เทเว อวสฺสเนฺต เขเตฺต พีชานิ เขเตฺตเยว นสฺสนฺติ, เคเห พีชานิ เคเหเยว นสฺสนฺตีติ ทุพฺภิกฺขํ โหติฯ โน คชฺชิตฺวา วสฺสนภาโวปิ ปาปโกวฯ มนุสฺสา หิ ‘อิมสฺมิํ กาเล ทุพฺพุฎฺฐิกา ภวิสฺสตี’ติ นินฺนฎฺฐาเนสุเยว วปฺปํ กโรนฺติฯ อถ เทโว วสฺสิตฺวา สพฺพพีชานิ มหาสมุทฺทํ ปาเปติ, ทุพฺภิกฺขเมว โหติฯ คชฺชิตฺวา วสฺสนภาโว ปน ภทฺทโกฯ ตทา หิ สุภิกฺขํ โหติฯ โน คชฺชิตฺวา โน วสฺสนภาโว เอกนฺตปาปโกวฯ
157. Valāhakūpamesu valāhakāti meghā. Gajjitāti thanitā. Tattha gajjitvā no vassanabhāvo nāma pāpako. Manussā hi yathā devo gajjati ‘suvuṭṭhikā bhavissatī’ti bījāni nīharitvā vapanti. Atha deve avassante khette bījāni khetteyeva nassanti, gehe bījāni geheyeva nassantīti dubbhikkhaṃ hoti. No gajjitvā vassanabhāvopi pāpakova. Manussā hi ‘imasmiṃ kāle dubbuṭṭhikā bhavissatī’ti ninnaṭṭhānesuyeva vappaṃ karonti. Atha devo vassitvā sabbabījāni mahāsamuddaṃ pāpeti, dubbhikkhameva hoti. Gajjitvā vassanabhāvo pana bhaddako. Tadā hi subhikkhaṃ hoti. No gajjitvā no vassanabhāvo ekantapāpakova.
ภาสิตา โหติ โน กตฺตาติ ‘อิทานิ คนฺถธุรํ ปูเรสฺสามิ, วาสธุรํ ปูเรสฺสามี’ติ กเถติเยว, น ปน อุเทฺทสํ คณฺหาติ, น กมฺมฎฺฐานํ ภาเวติฯ
Bhāsitā hoti no kattāti ‘idāni ganthadhuraṃ pūressāmi, vāsadhuraṃ pūressāmī’ti kathetiyeva, na pana uddesaṃ gaṇhāti, na kammaṭṭhānaṃ bhāveti.
กตฺตา โหติ โน ภาสิตาติ ‘คนฺถธุรํ วา ปูเรสฺสามิ วาสธุรํ วา’ติ น ภาสติฯ สมฺปเตฺต ปน กาเล ตมตฺถํ สมฺปาเทติฯ อิมินา นเยน อิตเรปิ เวทิตพฺพาฯ สพฺพํ ปเนตํ ปจฺจยทายเกเนว กถิตํฯ เอโก หิ ‘อสุกทิวเส นาม ทานํ ทสฺสามี’ติ สงฺฆํ นิมเนฺตติ, สมฺปตฺตกาเล โน กโรติฯ อยํ ปุคฺคโล ปุเญฺญน ปริหายติ, ภิกฺขุสโงฺฆปิ ลาเภน ปริหายติ ฯ อปโร สงฺฆํ อนิมเนฺตตฺวาว สกฺการํ กตฺวา ‘ภิกฺขู อาเนสฺสามี’ติ น ลภติ, สเพฺพ อญฺญตฺถ นิมนฺติตา โหนฺติฯ อยมฺปิ ปุเญฺญน ปริหายติ , สโงฺฆปิ เตน ลาเภน ปริหายติฯ อปโร ปฐมํ สงฺฆํ นิมเนฺตตฺวา, ปจฺฉา สกฺการํ กตฺวา ทานํ เทติ, อยํ กิจฺจการี โหติฯ อปโร เนว สงฺฆํ นิมเนฺตติ, น ทานํ เทติ, อยํ ‘ปาปปุคฺคโล’ติ เวทิตโพฺพฯ
Kattā hoti no bhāsitāti ‘ganthadhuraṃ vā pūressāmi vāsadhuraṃ vā’ti na bhāsati. Sampatte pana kāle tamatthaṃ sampādeti. Iminā nayena itarepi veditabbā. Sabbaṃ panetaṃ paccayadāyakeneva kathitaṃ. Eko hi ‘asukadivase nāma dānaṃ dassāmī’ti saṅghaṃ nimanteti, sampattakāle no karoti. Ayaṃ puggalo puññena parihāyati, bhikkhusaṅghopi lābhena parihāyati . Aparo saṅghaṃ animantetvāva sakkāraṃ katvā ‘bhikkhū ānessāmī’ti na labhati, sabbe aññattha nimantitā honti. Ayampi puññena parihāyati , saṅghopi tena lābhena parihāyati. Aparo paṭhamaṃ saṅghaṃ nimantetvā, pacchā sakkāraṃ katvā dānaṃ deti, ayaṃ kiccakārī hoti. Aparo neva saṅghaṃ nimanteti, na dānaṃ deti, ayaṃ ‘pāpapuggalo’ti veditabbo.
๑๕๘. มูสิกูปเมสุ – คาธํ กตฺตา โน วสิตาติ อตฺตโน อาสยํ พิลํ กูปํ ขณติ, โน ตตฺถ วสติ, กิสฺมิญฺจิเทว ฐาเน วสติ, เอวํ พิฬาราทิอมิตฺตวสํ คจฺฉติฯ ขตฺตาติปิ ปาโฐฯ วสิตา โน คาธํ กตฺตาติ สยํ น ขณติ, ปเรน ขเต พิเล วสติ, เอวํ ชีวิตํ รกฺขติฯ ตติยา เทฺวปิ กโรนฺตี, ชีวิตํ รกฺขติฯ จตุตฺถา เทฺวปิ อกโรนฺตี อมิตฺตวสํ คจฺฉติฯ อิมาย ปน อุปมาย อุปมิเตสุ ปุคฺคเลสุ ปฐโม ยถา สา มูสิกา คาธํ ขณติ, เอวํ นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ อุคฺคณฺหาติฯ ยถา ปน สา ตตฺถ น วสติ, กิสฺมิญฺจิเทว ฐาเน วสนฺตี, อมิตฺตวสํ คจฺฉติ; ตถา อยมฺปิ ปริยตฺติวเสน ญาณํ เปเสตฺวา จตุสจฺจธมฺมํ น ปฎิวิชฺฌติ, โลกามิสฎฺฐาเนสุเยว จรโนฺต มจฺจุมารกิเลสมารเทวปุตฺตมารสงฺขาตานํ อมิตฺตานํ วสํ คจฺฉติฯ ทุติโย ยถา สา มูสิกา คาธํ น ขณติ, เอวํ นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ น อุคฺคณฺหาติฯ ยถา ปน ปเรน ขตพิเล วสนฺตี ชีวิตํ รกฺขติ; เอวํ ปรสฺส กถํ สุตฺวา จตุสจฺจธมฺมํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา ติณฺณํ มารานํ วสํ อติกฺกมติฯ อิมินา นเยน ตติยจตุเตฺถสุปิ โอปมฺมสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํฯ
158. Mūsikūpamesu – gādhaṃ kattā no vasitāti attano āsayaṃ bilaṃ kūpaṃ khaṇati, no tattha vasati, kismiñcideva ṭhāne vasati, evaṃ biḷārādiamittavasaṃ gacchati. Khattātipi pāṭho. Vasitā no gādhaṃ kattāti sayaṃ na khaṇati, parena khate bile vasati, evaṃ jīvitaṃ rakkhati. Tatiyā dvepi karontī, jīvitaṃ rakkhati. Catutthā dvepi akarontī amittavasaṃ gacchati. Imāya pana upamāya upamitesu puggalesu paṭhamo yathā sā mūsikā gādhaṃ khaṇati, evaṃ navaṅgaṃ satthusāsanaṃ uggaṇhāti. Yathā pana sā tattha na vasati, kismiñcideva ṭhāne vasantī, amittavasaṃ gacchati; tathā ayampi pariyattivasena ñāṇaṃ pesetvā catusaccadhammaṃ na paṭivijjhati, lokāmisaṭṭhānesuyeva caranto maccumārakilesamāradevaputtamārasaṅkhātānaṃ amittānaṃ vasaṃ gacchati. Dutiyo yathā sā mūsikā gādhaṃ na khaṇati, evaṃ navaṅgaṃ satthusāsanaṃ na uggaṇhāti. Yathā pana parena khatabile vasantī jīvitaṃ rakkhati; evaṃ parassa kathaṃ sutvā catusaccadhammaṃ paṭivijjhitvā tiṇṇaṃ mārānaṃ vasaṃ atikkamati. Iminā nayena tatiyacatutthesupi opammasaṃsandanaṃ veditabbaṃ.
๑๕๙. อมฺพูปเมสุ – อามํ ปกฺกวณฺณีติ อโนฺต อามํ พหิ ปกฺกสทิสํฯ ปกฺกํ อามวณฺณีติ อโนฺต ปกฺกํ พหิ อามสทิสํฯ เสสทฺวเยสุปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ ยถา อเมฺพ อปกฺกภาโว อามตา โหติ, เอวํ ปุคฺคเลปิ ปุถุชฺชนภาโว อามตา, อริยภาโว ปกฺกตาฯ ยถา จ ตตฺถ ปกฺกสทิสตา ปกฺกวณฺณิตา; เอวํ ปุคฺคเลปิ อริยานํ อภิกฺกมนาทิสทิสตา ปกฺกวณฺณิตาติ – อิมินา นเยน อุปมิตปุคฺคเลสุ โอปมฺมสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํฯ
159. Ambūpamesu – āmaṃ pakkavaṇṇīti anto āmaṃ bahi pakkasadisaṃ. Pakkaṃ āmavaṇṇīti anto pakkaṃ bahi āmasadisaṃ. Sesadvayesupi eseva nayo. Tattha yathā ambe apakkabhāvo āmatā hoti, evaṃ puggalepi puthujjanabhāvo āmatā, ariyabhāvo pakkatā. Yathā ca tattha pakkasadisatā pakkavaṇṇitā; evaṃ puggalepi ariyānaṃ abhikkamanādisadisatā pakkavaṇṇitāti – iminā nayena upamitapuggalesu opammasaṃsandanaṃ veditabbaṃ.
๑๖๐. กุมฺภูปเมสุ – กุโมฺภติ ฆโฎฯ ตุโจฺฉติ อโนฺต ริโตฺตฯ ปิหิโตติ ปิทหิตฺวา ฐปิโตฯ ปุโรติ อโนฺต ปุโณฺณฯ วิวโฎติ วิวริตฺวา ฐปิโตฯ อุปมิตปุคฺคเลสุ ปเนตฺถ อโนฺต คุณสารวิรหิโต ตุโจฺฉ พาหิรโสภนตาย ปิหิโต ปุคฺคโล เวทิตโพฺพฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ
160. Kumbhūpamesu – kumbhoti ghaṭo. Tucchoti anto ritto. Pihitoti pidahitvā ṭhapito. Puroti anto puṇṇo. Vivaṭoti vivaritvā ṭhapito. Upamitapuggalesu panettha anto guṇasāravirahito tuccho bāhirasobhanatāya pihito puggalo veditabbo. Sesesupi eseva nayo.
๑๖๑. อุทกรหทูปเมสุ – อุทกรหโท ตาว ชณฺณุมเตฺตปิ อุทเก สติ ปณฺณรสสมฺภินฺนวณฺณตฺตา วา พหลตฺตา วา อุทกสฺส อปญฺญายมานตโล อุตฺตาโน คมฺภีโรภาโส นาม โหติฯ ติโปริส จตุโปริเสปิ ปน อุทเก สติ อจฺฉตฺตา อุทกสฺส ปญฺญายมานตโล คมฺภีโร อุตฺตาโนภาโส นาม โหติฯ อุภยการณสมฺภาวโต ปน อิตเร เทฺว เวทิตพฺพาฯ ปุคฺคโลปิ กิเลสุสฺสทภาวโต คุณคมฺภีรตาย จ อภาวโต คุณคมฺภีรานํ สทิเสหิ อภิกฺกมาทีหิ ยุโตฺต อุตฺตาโน คมฺภีโรภาโส นามฯ อิมินา นเยน เสสาปิ เวทิตพฺพาฯ
161. Udakarahadūpamesu – udakarahado tāva jaṇṇumattepi udake sati paṇṇarasasambhinnavaṇṇattā vā bahalattā vā udakassa apaññāyamānatalo uttāno gambhīrobhāso nāma hoti. Tiporisa catuporisepi pana udake sati acchattā udakassa paññāyamānatalo gambhīro uttānobhāso nāma hoti. Ubhayakāraṇasambhāvato pana itare dve veditabbā. Puggalopi kilesussadabhāvato guṇagambhīratāya ca abhāvato guṇagambhīrānaṃ sadisehi abhikkamādīhi yutto uttāno gambhīrobhāso nāma. Iminā nayena sesāpi veditabbā.
๑๖๒. พลีพทฺทูปเมสุ – พลีพโทฺท ตาว โย อตฺตโน โคคณํ ฆเฎฺฎติ อุเพฺพเชติ, ปรโคคเณ ปน โสรโต สุขสีโล โหติ – อยํ สกควจโณฺฑ โน ปรควจโณฺฑ นามฯ ปุคฺคโลปิ อตฺตโน ปริสํ ฆเฎฺฎโนฺต วิชฺฌโนฺต ผรุเสน สมุทาจรโนฺต, ปรปริสาย ปน โสรจฺจํ นิวาตวุตฺติตํ อาปชฺชโนฺต สกควจโณฺฑ โหติ โน ปรควจโณฺฑ นามาติฯ อิมินา นเยน เสสาปิ เวทิตพฺพาฯ นิเทฺทสวาเร ปเนตฺถ อุเพฺพชิตา โหตีติ ฆเฎฺฎตฺวา วิชฺฌิตฺวา อุเพฺพคปฺปตฺตํ กโรติเจฺจว อโตฺถฯ
162. Balībaddūpamesu – balībaddo tāva yo attano gogaṇaṃ ghaṭṭeti ubbejeti, paragogaṇe pana sorato sukhasīlo hoti – ayaṃ sakagavacaṇḍo no paragavacaṇḍo nāma. Puggalopi attano parisaṃ ghaṭṭento vijjhanto pharusena samudācaranto, paraparisāya pana soraccaṃ nivātavuttitaṃ āpajjanto sakagavacaṇḍo hoti no paragavacaṇḍo nāmāti. Iminā nayena sesāpi veditabbā. Niddesavāre panettha ubbejitā hotīti ghaṭṭetvā vijjhitvā ubbegappattaṃ karoticceva attho.
๑๖๓. อาสีวิสูปเมสุ – อาสีวิโส ตาว ยสฺส วิสํ อาสุํ อาคจฺฉติ สีฆํ ผรติ; โฆรํ ปน น โหติ, จิรกาลํ น ปีเฬติ – อยํ อาคตวิโส โน โฆรวิโสฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ ปุคฺคลวิภาชนํ ปน อุตฺตานตฺถเมวฯ
163. Āsīvisūpamesu – āsīviso tāva yassa visaṃ āsuṃ āgacchati sīghaṃ pharati; ghoraṃ pana na hoti, cirakālaṃ na pīḷeti – ayaṃ āgataviso no ghoraviso. Sesapadesupi eseva nayo. Puggalavibhājanaṃ pana uttānatthameva.
๑๖๔. อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสิตา โหตีติอาทีสุ อนนุวิจฺจาติ อตุลยิตฺวา, อปริคฺคณฺหิตฺวาฯ อปริโยคาเหตฺวาติ ปญฺญาย คุเณ อโนคาเหตฺวาฯ
164. Ananuvicca apariyogāhetvā avaṇṇārahassa vaṇṇaṃ bhāsitā hotītiādīsu ananuviccāti atulayitvā, apariggaṇhitvā. Apariyogāhetvāti paññāya guṇe anogāhetvā.
๑๖๖. ภูตํ ตจฺฉนฺติ วิชฺชมานโต ภูตํ, อวิปรีตโต ตจฺฉํฯ กาเลนาติ ยุตฺตปยุตฺตกาเลนฯ ตตฺร กาลญฺญู โหตีติ ยมิทํ กาเลนาติ วุตฺตํฯ ตตฺร โย ปุคฺคโล กาลญฺญู โหติ, กาลํ ชานาติ, ตสฺส ปญฺหสฺส เวยฺยากรณตฺถาย ‘‘อิมสฺมิํ กาเล ปุจฺฉิเตนาปิ มยา น กเถตพฺพา, อิมสฺมิํ กาเล กเถตพฺพา’’ติ – อยํ กาเลน ภณติ นามฯ อุเปกฺขโก วิหรตีติ มชฺฌตฺตภูตาย อุเปกฺขาย ฐิโต หุตฺวา วิหรติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ
166. Bhūtaṃ tacchanti vijjamānato bhūtaṃ, aviparītato tacchaṃ. Kālenāti yuttapayuttakālena. Tatra kālaññū hotīti yamidaṃ kālenāti vuttaṃ. Tatra yo puggalo kālaññū hoti, kālaṃ jānāti, tassa pañhassa veyyākaraṇatthāya ‘‘imasmiṃ kāle pucchitenāpi mayā na kathetabbā, imasmiṃ kāle kathetabbā’’ti – ayaṃ kālena bhaṇati nāma. Upekkhako viharatīti majjhattabhūtāya upekkhāya ṭhito hutvā viharati. Sesaṃ sabbattha uttānatthameva.
๑๖๗. อุฎฺฐานผลูปชีวีติอาทีสุ – โย อุฎฺฐานวีริเยเนว ทิวสํ วีตินาเมตฺวา ตสฺส นิสฺสนฺทผลมตฺตํ กิญฺจิเทว ลภิตฺวา ชีวิกํ กเปฺปติ, ตํ ปน อุฎฺฐานํ อาคมฺม กิญฺจิ ปุญฺญผลํ น ปฎิลภติ, ตํ สนฺธาย ยสฺส ปุคฺคลสฺส อุฎฺฐหโตติอาทิ วุตฺตํฯ ตตูปริ เทวาติ ตโต อุปริ พฺรหฺมกายิกาทโย เทวาฯ เตสญฺหิ อุฎฺฐานวีริเยน กิจฺจํ นาม นตฺถิฯ ปุญฺญผลเมว อุปชีวนฺติฯ ปุญฺญวโต จาติ อิทํ ปุญฺญวเนฺต ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย เจว ภุมฺมเทเว อาทิํ กตฺวา นิมฺมานรติปริโยสาเน เทเว จ สนฺธาย วุตฺตํฯ สเพฺพปิ เหเต วายามผลเญฺจว ปุญฺญผลญฺจ อนุภวนฺติฯ เนรยิกา ปน เนว อุฎฺฐาเนน อาชีวํ อุปฺปาเทตุํ สโกฺกนฺติ, นาปิ เนสํ ปุญฺญผเลน โกจิ อาชีโว อุปฺปชฺชติฯ
167. Uṭṭhānaphalūpajīvītiādīsu – yo uṭṭhānavīriyeneva divasaṃ vītināmetvā tassa nissandaphalamattaṃ kiñcideva labhitvā jīvikaṃ kappeti, taṃ pana uṭṭhānaṃ āgamma kiñci puññaphalaṃ na paṭilabhati, taṃ sandhāya yassa puggalassa uṭṭhahatotiādi vuttaṃ. Tatūpari devāti tato upari brahmakāyikādayo devā. Tesañhi uṭṭhānavīriyena kiccaṃ nāma natthi. Puññaphalameva upajīvanti. Puññavato cāti idaṃ puññavante khattiyabrāhmaṇādayo ceva bhummadeve ādiṃ katvā nimmānaratipariyosāne deve ca sandhāya vuttaṃ. Sabbepi hete vāyāmaphalañceva puññaphalañca anubhavanti. Nerayikā pana neva uṭṭhānena ājīvaṃ uppādetuṃ sakkonti, nāpi nesaṃ puññaphalena koci ājīvo uppajjati.
๑๖๘. ตมาทีสุ – ‘‘นีเจ กุเล ปจฺจาชาโต’’ติอาทิเกน ตเมน ยุโตฺตติ ตโมฯ กายทุจฺจริตาทีหิ ปุน นิรยตมูปคมนโต ตมปรายโณฯ เนสาทกุเลติ มิคลุทฺทกาทีนํ กุเลฯ เวนกุเลติ วิลีวการกุเลฯ รถการกุเลติ จมฺมการกุเลฯ ปุกฺกุสกุเลติ ปุปฺผฉฑฺฑกกุเลฯ กสิรวุตฺติเกติ ทุกฺขวุตฺติเกฯ ทุพฺพโณฺณติ ปํสุปิสาจโก วิย ฌามขาณุวโณฺณฯ ทุทฺทสิโกติ วิชาตมาตุยาปิ อมนาปทสฺสโนฯ โอโกฎิมโกติ ลกุณฺฑโกฯ กาโณติ เอกกฺขิกาโณ วา อุภยกฺขิกาโณ วาฯ กุณีติ เอกหตฺถกุณี วา อุภยหตฺถกุณี วาฯ ขโญฺชติ เอกปาทขโญฺช วา อุภยปาทขโญฺช วาฯ ปกฺขหโตติ หตปโกฺข ปีฐสปฺปีฯ ปทีเปยฺยสฺสาติ เตลกปลฺลกาทิโน ปทีปูปกรณสฺสฯ เอวํ ปุคฺคโล ตโม โหติ ตมปรายโณติ เอตฺถ เอโก ปุคฺคโล พหิทฺธา อาโลกํ อทิสฺวา มาตุกุจฺฉิสฺมิเญฺญว กาลํ กตฺวา อปาเยสุ นิพฺพตฺตโนฺต สกเลปิ กเปฺป สํสรติฯ โสปิ ตโม ตมปรายโณวฯ โส ปน กุหกปุคฺคโล ภเวยฺยฯ กุหกสฺส หิ เอวรูปา นิพฺพตฺติ โหตีติ วุตฺตํฯ
168. Tamādīsu – ‘‘nīce kule paccājāto’’tiādikena tamena yuttoti tamo. Kāyaduccaritādīhi puna nirayatamūpagamanato tamaparāyaṇo. Nesādakuleti migaluddakādīnaṃ kule. Venakuleti vilīvakārakule. Rathakārakuleti cammakārakule. Pukkusakuleti pupphachaḍḍakakule. Kasiravuttiketi dukkhavuttike. Dubbaṇṇoti paṃsupisācako viya jhāmakhāṇuvaṇṇo. Duddasikoti vijātamātuyāpi amanāpadassano. Okoṭimakoti lakuṇḍako. Kāṇoti ekakkhikāṇo vā ubhayakkhikāṇo vā. Kuṇīti ekahatthakuṇī vā ubhayahatthakuṇī vā. Khañjoti ekapādakhañjo vā ubhayapādakhañjo vā. Pakkhahatoti hatapakkho pīṭhasappī. Padīpeyyassāti telakapallakādino padīpūpakaraṇassa. Evaṃ puggalo tamo hoti tamaparāyaṇoti ettha eko puggalo bahiddhā ālokaṃ adisvā mātukucchismiññeva kālaṃ katvā apāyesu nibbattanto sakalepi kappe saṃsarati. Sopi tamo tamaparāyaṇova. So pana kuhakapuggalo bhaveyya. Kuhakassa hi evarūpā nibbatti hotīti vuttaṃ.
เอตฺถ จ นีเจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ จณฺฑาลกุเล วาติอาทีหิ อาคมนวิปตฺติ เจว ปุพฺพุปฺปนฺนปจฺจยวิปตฺติ จ ทสฺสิตาฯ ทลิเทฺทติอาทีหิ ปวตฺติปจฺจยวิปตฺติฯ กสิรวุตฺติเกติอาทีหิ อาชีวุปายวิปตฺติฯ ทุพฺพโณฺณติอาทีหิ รูปวิปตฺติฯ พหฺวาพาโธติอาทีหิ ทุกฺขการณสมาโยโคฯ น ลาภีติอาทีหิ สุขการณวิปตฺติ เจว อุปโภควิปตฺติ จฯ กาเยน ทุจฺจริตนฺติอาทีหิ ตมปรายณภาวสฺส การณสมาโยโคฯ กายสฺส เภทาติอาทีหิ สมฺปรายิกตมูปคโมฯ สุกฺกปโกฺข วุตฺตปฎิปกฺขนเยน เวทิตโพฺพฯ
Ettha ca nīce kule paccājāto hoti caṇḍālakule vātiādīhi āgamanavipatti ceva pubbuppannapaccayavipatti ca dassitā. Daliddetiādīhi pavattipaccayavipatti. Kasiravuttiketiādīhi ājīvupāyavipatti. Dubbaṇṇotiādīhi rūpavipatti. Bahvābādhotiādīhi dukkhakāraṇasamāyogo. Na lābhītiādīhi sukhakāraṇavipatti ceva upabhogavipatti ca. Kāyena duccaritantiādīhi tamaparāyaṇabhāvassa kāraṇasamāyogo. Kāyassa bhedātiādīhi samparāyikatamūpagamo. Sukkapakkho vuttapaṭipakkhanayena veditabbo.
อปิเจตฺถ ติวิธาย กุลสมฺปตฺติยา ปจฺจาชาติอาทิเกน โชตินา ยุตฺตโต โชติ, อาโลกภูโตติ วุตฺตํ โหติฯ กายสุจริตาทีหิ ปน สคฺคูปปตฺติโชติภาวูปคมนโต โชติปรายโณฯ ขตฺติยมหาสาลกุเล วาติอาทีสุ ขตฺติยมหาสาลาติ ขตฺติยา มหาสารา มหาสารปฺปตฺตา ขตฺติยาฯ เยสญฺหิ ขตฺติยานํ เหฎฺฐิมเนฺตน โกฎิสตํ นิธานคตํ โหติ, ตโย กหาปณกุมฺภา วฬญฺชนตฺถาย เคหมเชฺฌ ราสิํ กตฺวา ฐปิตา โหนฺติ, เต ขตฺติยมหาสาลา นามฯ เยสํ พฺราหฺมณานํ อสีติโกฎิธนํ นิหิตํ โหติ, ทิยโฑฺฒ กหาปณกุโมฺภ วฬญฺชนตฺถาย เคหมเชฺฌ ราสิํ กตฺวา ฐปิโต โหติ, เต พฺราหฺมณมหาสาลา นามฯ เยสํ คหปตีนํ จตฺตาลีสโกฎิธนํ นิหิตํ โหติ, กหาปณกุโมฺภ วฬญฺชตฺถาย เคหมเชฺฌ ราสิํ กตฺวา ฐปิโต โหติ, เต คหปติมหาสาลา นามฯ เตสํ กุเลติ อโตฺถฯ อเฑฺฒติ อิสฺสเรฯ นิธานคตธนสฺส มหนฺตตาย มหทฺธเนฯ สุวณฺณรชตภาชนาทีนํ อุปโภคภณฺฑานํ มหนฺตตาย มหาโภเคฯ นิธานคตสฺส ชาตรูปรชตสฺส ปหูตตาย ปหูตชาตรูปรชเตฯ วิตฺตูปกรณสฺส ตุฎฺฐิกรณสฺส ปหูตตาย ปหูตวิตฺตูปกรเณฯ โคธนาทีนญฺจ สตฺตวิธธญฺญานญฺจ ปหูตตาย ปหูตธนธเญฺญฯ อภิรูโปติ สุนฺทรรูโปฯ ทสฺสนีโยติ อญฺญํ กมฺมํ ปหาย ทิวสมฺปิ ปสฺสิตพฺพยุโตฺตฯ ปาสาทิโกติ ทสฺสเนเนว จิตฺตปสาทาวโหฯ ปรมายาติ อุตฺตมายฯ วณฺณโปกฺขรตายาติ โปกฺขรวณฺณตายฯ โปกฺขรํ วุจฺจติ สรีรํฯ ตสฺส วณฺณสมฺปตฺติยาติ อโตฺถฯ สมนฺนาคโตติ อุเปโตฯ
Apicettha tividhāya kulasampattiyā paccājātiādikena jotinā yuttato joti, ālokabhūtoti vuttaṃ hoti. Kāyasucaritādīhi pana saggūpapattijotibhāvūpagamanato jotiparāyaṇo. Khattiyamahāsālakule vātiādīsu khattiyamahāsālāti khattiyā mahāsārā mahāsārappattā khattiyā. Yesañhi khattiyānaṃ heṭṭhimantena koṭisataṃ nidhānagataṃ hoti, tayo kahāpaṇakumbhā vaḷañjanatthāya gehamajjhe rāsiṃ katvā ṭhapitā honti, te khattiyamahāsālā nāma. Yesaṃ brāhmaṇānaṃ asītikoṭidhanaṃ nihitaṃ hoti, diyaḍḍho kahāpaṇakumbho vaḷañjanatthāya gehamajjhe rāsiṃ katvā ṭhapito hoti, te brāhmaṇamahāsālā nāma. Yesaṃ gahapatīnaṃ cattālīsakoṭidhanaṃ nihitaṃ hoti, kahāpaṇakumbho vaḷañjatthāya gehamajjhe rāsiṃ katvā ṭhapito hoti, te gahapatimahāsālā nāma. Tesaṃ kuleti attho. Aḍḍheti issare. Nidhānagatadhanassa mahantatāya mahaddhane. Suvaṇṇarajatabhājanādīnaṃ upabhogabhaṇḍānaṃ mahantatāya mahābhoge. Nidhānagatassa jātarūparajatassa pahūtatāya pahūtajātarūparajate. Vittūpakaraṇassa tuṭṭhikaraṇassa pahūtatāya pahūtavittūpakaraṇe. Godhanādīnañca sattavidhadhaññānañca pahūtatāya pahūtadhanadhaññe. Abhirūpoti sundararūpo. Dassanīyoti aññaṃ kammaṃ pahāya divasampi passitabbayutto. Pāsādikoti dassaneneva cittapasādāvaho. Paramāyāti uttamāya. Vaṇṇapokkharatāyāti pokkharavaṇṇatāya. Pokkharaṃ vuccati sarīraṃ. Tassa vaṇṇasampattiyāti attho. Samannāgatoti upeto.
๑๖๙. โอณโตณตาทีสุ – ทิฎฺฐธมฺมิกาย วา สมฺปรายิกาย วา สมฺปตฺติยา วิรหิโต โอณโตฯ นีโจ, ลามโกติ อโตฺถฯ ตพฺพิปกฺขโต อุณฺณโตฯ อุโจฺจ, อุคฺคโตติ อโตฺถฯ เสสเมตฺถ ตมาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อปิจ – โอณโตณโตติ อิทานิ นีโจ, อายติมฺปิ นีโจว ภวิสฺสติฯ โอณตุณฺณโตติ อิทานิ นีโจ, อายติํ อุโจฺจ ภวิสฺสติฯ อุณฺณโตณโตติ อิทานิ อุโจฺจ, อายติํ นีโจ ภวิสฺสติฯ อุณฺณตุณฺณโตติ อิทานิ อุโจฺจ, อายติมฺปิ อุโจฺจว ภวิสฺสตีติฯ
169. Oṇatoṇatādīsu – diṭṭhadhammikāya vā samparāyikāya vā sampattiyā virahito oṇato. Nīco, lāmakoti attho. Tabbipakkhato uṇṇato. Ucco, uggatoti attho. Sesamettha tamādīsu vuttanayeneva veditabbaṃ. Apica – oṇatoṇatoti idāni nīco, āyatimpi nīcova bhavissati. Oṇatuṇṇatoti idāni nīco, āyatiṃ ucco bhavissati. Uṇṇatoṇatoti idāni ucco, āyatiṃ nīco bhavissati. Uṇṇatuṇṇatoti idāni ucco, āyatimpi uccova bhavissatīti.
๑๗๐. รุกฺขูปเมสุ – รุโกฺข ตาว เผคฺคุสารปริวาโรติ วนเชฎฺฐกรุโกฺข สยํ เผคฺคุ โหติ , ปริวารรุกฺขา ปนสฺส สารา โหนฺติฯ อิมินา นเยน เสสา เวทิตพฺพาฯ ปุคฺคเลสุ ปน สีลสารวิรหโต เผคฺคุตา, สีลาจารสมนฺนาคเมน จ สารตา เวทิตพฺพาฯ
170. Rukkhūpamesu – rukkho tāva pheggusāraparivāroti vanajeṭṭhakarukkho sayaṃ pheggu hoti , parivārarukkhā panassa sārā honti. Iminā nayena sesā veditabbā. Puggalesu pana sīlasāravirahato pheggutā, sīlācārasamannāgamena ca sāratā veditabbā.
๑๗๑. รูปปฺปมาณาทีสุ – สมฺปตฺติยุตฺตํ รูปํ ปมาณํ กโรตีติ รูปปฺปมาโณฯ ตตฺถ ปสาทํ ชเนตีติ รูปปฺปสโนฺนฯ กิตฺติสทฺทภูตํ โฆสํ ปมาณํ กโรตีติ โฆสปฺปมาโณฯ อาโรหํ วาติอาทีสุ ปน – อาโรหนฺติ อุจฺจตฺตนํฯ ปริณาหนฺติ กิสถูลภาวาปคตํ ปริเกฺขปสมฺปตฺติํฯ สณฺฐานนฺติ องฺคปจฺจงฺคานํ ทีฆรสฺสวฎฺฎตาทิยุตฺตฎฺฐาเนสุ ตถาภาวํฯ ปาริปูรินฺติ ยถาวุตฺตปฺปการานํ อนูนตํ, ลกฺขณปริปุณฺณภาวํ วาฯ ปรวณฺณนายาติ ปเรหิ ปรมฺมุขา นิจฺฉาริตาย คุณวณฺณนายฯ ปรโถมนายาติ ปเรหิ ถุติวเสน คาถาทิอุปนิพนฺธเนน วุตฺตาย โถมนายฯ ปรปสํสนายาติ ปเรหิ สมฺมุขา วุตฺตาย ปสํสายฯ ปรวณฺณหาริกายาติ ปรมฺปรถุติวเสน ปเรหิ ปวตฺติตาย วณฺณหรณายฯ
171. Rūpappamāṇādīsu – sampattiyuttaṃ rūpaṃ pamāṇaṃ karotīti rūpappamāṇo. Tattha pasādaṃ janetīti rūpappasanno. Kittisaddabhūtaṃ ghosaṃ pamāṇaṃ karotīti ghosappamāṇo. Ārohaṃ vātiādīsu pana – ārohanti uccattanaṃ. Pariṇāhanti kisathūlabhāvāpagataṃ parikkhepasampattiṃ. Saṇṭhānanti aṅgapaccaṅgānaṃ dīgharassavaṭṭatādiyuttaṭṭhānesu tathābhāvaṃ. Pāripūrinti yathāvuttappakārānaṃ anūnataṃ, lakkhaṇaparipuṇṇabhāvaṃ vā. Paravaṇṇanāyāti parehi parammukhā nicchāritāya guṇavaṇṇanāya. Parathomanāyāti parehi thutivasena gāthādiupanibandhanena vuttāya thomanāya. Parapasaṃsanāyāti parehi sammukhā vuttāya pasaṃsāya. Paravaṇṇahārikāyāti paramparathutivasena parehi pavattitāya vaṇṇaharaṇāya.
๑๗๒. จีวรลูขนฺติ จีวรสฺส ทุพฺพณฺณาทิภาเวน ลูขตํฯ ปตฺตลูขนฺติ ภาชนสฺส วณฺณสณฺฐานวตฺถูหิ ลูขตํฯ เสนาสนลูขนฺติ นาฎกาทิสมฺปตฺติวิรเหน เสนาสนสฺส ลูขตํฯ วิวิธนฺติ อเจลกาทิภาเวน อเนกปฺปการํฯ ทุกฺกรการิกนฺติ สรีรตาปนํฯ
172. Cīvaralūkhanti cīvarassa dubbaṇṇādibhāvena lūkhataṃ. Pattalūkhanti bhājanassa vaṇṇasaṇṭhānavatthūhi lūkhataṃ. Senāsanalūkhanti nāṭakādisampattivirahena senāsanassa lūkhataṃ. Vividhanti acelakādibhāvena anekappakāraṃ. Dukkarakārikanti sarīratāpanaṃ.
อปโร นโย – อิเมสุ หิ จตูสุ ปุคฺคเลสุ รูเป ปมาณํ คเหตฺวา ปสโนฺน รูปปฺปมาโณ นามฯ รูปปฺปสโนฺนติ ตเสฺสว อตฺถวจนํฯ โฆเส ปมาณํ คเหตฺวา ปสโนฺน โฆสปฺปมาโณ นามฯ จีวรลูขปตฺตลูเขสุ ปมาณํ คเหตฺวา ปสโนฺน ลูขปฺปมาโณ นามฯ ธเมฺม ปมาณํ คเหตฺวา ปสโนฺน ธมฺมปฺปมาโณ นามฯ อิตรานิ เตสํเยว อตฺถวจนานิฯ สพฺพสเตฺต จ ตโย โกฎฺฐาเส กตฺวา เทฺว โกฎฺฐาสา รูปปฺปมาณา, เอโก น รูปปฺปมาโณฯ ปญฺจ โกฎฺฐาเส กตฺวา จตฺตาโร โกฎฺฐาสา โฆสปฺปมาณา, เอโก น โฆสปฺปมาโณฯ ทส โกฎฺฐาเส กตฺวา นว โกฎฺฐาสา ลูขปฺปมาณา, เอโก น ลูขปฺปมาโณฯ สตสหสฺสํ โกฎฺฐาเส กตฺวา ปน เอโก โกฎฺฐาโสว ธมฺมปฺปมาโณ, เสสา น ธมฺมปฺปมาณาฯ เอวมยํ จตุปฺปมาโณ โลกสนฺนิวาโสฯ
Aparo nayo – imesu hi catūsu puggalesu rūpe pamāṇaṃ gahetvā pasanno rūpappamāṇo nāma. Rūpappasannoti tasseva atthavacanaṃ. Ghose pamāṇaṃ gahetvā pasanno ghosappamāṇo nāma. Cīvaralūkhapattalūkhesu pamāṇaṃ gahetvā pasanno lūkhappamāṇo nāma. Dhamme pamāṇaṃ gahetvā pasanno dhammappamāṇo nāma. Itarāni tesaṃyeva atthavacanāni. Sabbasatte ca tayo koṭṭhāse katvā dve koṭṭhāsā rūpappamāṇā, eko na rūpappamāṇo. Pañca koṭṭhāse katvā cattāro koṭṭhāsā ghosappamāṇā, eko na ghosappamāṇo. Dasa koṭṭhāse katvā nava koṭṭhāsā lūkhappamāṇā, eko na lūkhappamāṇo. Satasahassaṃ koṭṭhāse katvā pana eko koṭṭhāsova dhammappamāṇo, sesā na dhammappamāṇā. Evamayaṃ catuppamāṇo lokasannivāso.
เอตสฺมิํ จตุปฺปมาเณ โลกสนฺนิวาเส พุเทฺธสุ อปฺปสนฺนา มนฺทา, ปสนฺนาว พหุกาฯ รูปปฺปมาณสฺส หิ พุทฺธรูปโต อุตฺตริ ปสาทาวหํ รูปํ นาม นตฺถิฯ โฆสปฺปมาณสฺส พุทฺธานํ กิตฺติโฆสโต อุตฺตริ ปสาทาวโห โฆโส นาม นตฺถิฯ ลูขปฺปมาณสฺส กาสิกานิ วตฺถานิ มหารหานิ กญฺจนภาชนานิ ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเก สพฺพสมฺปตฺติยุเตฺต ปาสาทวเร ปหาย ปํสุกูลจีวรเสลมยปตฺตรุกฺขมูลาทิเสนาสนเสวิโน พุทฺธสฺส ภควโต ลูขโต อุตฺตริ ปสาทาวหํ อญฺญํ ลูขํ นาม นตฺถิฯ ธมฺมปฺปมาณสฺส สเทวเก โลเก อสาธารณสีลาทิคุณสฺส ตถาคตสฺส สีลาทิคุณโต อุตฺตริ ปสาทาวโห อโญฺญ สีลาทิคุโณ นาม นตฺถิฯ อิติ ภควา อิมํ จตุปฺปมาณิกํ โลกสนฺนิวาสํ มุฎฺฐินา คเหตฺวา วิย ฐิโตติฯ
Etasmiṃ catuppamāṇe lokasannivāse buddhesu appasannā mandā, pasannāva bahukā. Rūpappamāṇassa hi buddharūpato uttari pasādāvahaṃ rūpaṃ nāma natthi. Ghosappamāṇassa buddhānaṃ kittighosato uttari pasādāvaho ghoso nāma natthi. Lūkhappamāṇassa kāsikāni vatthāni mahārahāni kañcanabhājanāni tiṇṇaṃ utūnaṃ anucchavike sabbasampattiyutte pāsādavare pahāya paṃsukūlacīvaraselamayapattarukkhamūlādisenāsanasevino buddhassa bhagavato lūkhato uttari pasādāvahaṃ aññaṃ lūkhaṃ nāma natthi. Dhammappamāṇassa sadevake loke asādhāraṇasīlādiguṇassa tathāgatassa sīlādiguṇato uttari pasādāvaho añño sīlādiguṇo nāma natthi. Iti bhagavā imaṃ catuppamāṇikaṃ lokasannivāsaṃ muṭṭhinā gahetvā viya ṭhitoti.
๑๗๓. อตฺตหิตาย ปฎิปนฺนาทีสุ – สีลสมฺปโนฺนติ สีเลน สมฺปโนฺน สมนฺนาคโตฯ สมาธิสมฺปโนฺนติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ จ สีลํ โลกิยโลกุตฺตรํ กถิตํฯ ตถา สมาธิปญฺญา จฯ วิมุตฺติ อรหตฺตผลวิมุตฺติเยวฯ ญาณทสฺสนํ เอกูนวีสติวิธํ ปจฺจเวกฺขณญาณํฯ โน ปรนฺติอาทีสุ – ปรปุคฺคลํ ‘‘ตยาปิ สีลสมฺปเนฺนน ภวิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วตฺวา ยถา สีลํ สมาทิยติ, เอวํ น สมาทเปติ, น คณฺหาเปติฯ เอเสว นโย สพฺพตฺถฯ เอเตสุ ปน จตูสุ ปฐโม วกฺกลิเตฺถรสทิโส โหติฯ ทุติโย อุปนนฺทสกฺยปุตฺตสทิโส ฯ ตติโย สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานเตฺถรสทิโสฯ จตุโตฺถ เทวทตฺตสทิโสติ เวทิตโพฺพฯ
173. Attahitāya paṭipannādīsu – sīlasampannoti sīlena sampanno samannāgato. Samādhisampannotiādīsupi eseva nayo. Ettha ca sīlaṃ lokiyalokuttaraṃ kathitaṃ. Tathā samādhipaññā ca. Vimutti arahattaphalavimuttiyeva. Ñāṇadassanaṃ ekūnavīsatividhaṃ paccavekkhaṇañāṇaṃ. No parantiādīsu – parapuggalaṃ ‘‘tayāpi sīlasampannena bhavituṃ vaṭṭatī’’ti vatvā yathā sīlaṃ samādiyati, evaṃ na samādapeti, na gaṇhāpeti. Eseva nayo sabbattha. Etesu pana catūsu paṭhamo vakkalittherasadiso hoti. Dutiyo upanandasakyaputtasadiso . Tatiyo sāriputtamoggallānattherasadiso. Catuttho devadattasadisoti veditabbo.
๑๗๔. อตฺตนฺตปาทีสุ – อตฺตานํ ตปติ ทุกฺขาเปตีติ อตฺตนฺตโปฯ อตฺตโน ปริตาปนานุโยคํ อตฺตปริตาปนานุโยคํฯ อเจลโกติ นิเจฺจโล, นโคฺคฯ มุตฺตาจาโรติ วิสฎฺฐาจาโรฯ อุจฺจารกมฺมาทีสุ โลกิยกุลปุตฺตาจาเรน วิรหิโต ฐิตโกว อุจฺจารํ กโรติ, ปสฺสาวํ กโรติ, ขาทติ, ภุญฺชติ จฯ หตฺถาปเลขโนติ หเตฺถ ปิณฺฑมฺหิ นิฎฺฐิเต ชิวฺหาย หตฺถํ อปเลขติฯ อุจฺจารํ วา กตฺวา หตฺถสฺมิเญฺญว ทณฺฑกสญฺญี หุตฺวา หเตฺถน อปเลขตีติ ทเสฺสติฯ เต กิร ทณฺฑกํ สโตฺตติ ปญฺญเปนฺติฯ ตสฺมา เตสํ ปฎิปทํ ปูเรโนฺต เอวํ กโรติฯ ภิกฺขาคหณตฺถํ ‘เอหิ ภทฺทเนฺต’ติ วุโตฺต, น เอตีติ นเอหิภทฺทนฺติโกฯ เตน หิ ‘ติฎฺฐ ภทฺทเนฺต’ติ วุโตฺตปิ น ติฎฺฐตีติ นติฎฺฐภทฺทนฺติโกฯ ตทุภยมฺปิ เหตํ ติตฺถิยา ‘‘เอตสฺส วจนํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ น กโรนฺติฯ อภิหฎนฺติ ปุเรตรํ คเหตฺวา อาหฎํ ภิกฺขํฯ อุทฺทิสฺสกตนฺติ ‘‘อิมํ ตุเมฺห อุทฺทิสฺส กต’’นฺติ เอวํ อาโรจิตภิกฺขํฯ น นิมนฺตนนฺติ ‘‘อสุกํ นาม กุลํ วา วีถิํ วา คามํ วา ปวิเสยฺยาถา’’ติ เอวํ นิมนฺติตภิกฺขมฺปิ น สาทิยติ, น คณฺหาติฯ
174. Attantapādīsu – attānaṃ tapati dukkhāpetīti attantapo. Attano paritāpanānuyogaṃ attaparitāpanānuyogaṃ. Acelakoti niccelo, naggo. Muttācāroti visaṭṭhācāro. Uccārakammādīsu lokiyakulaputtācārena virahito ṭhitakova uccāraṃ karoti, passāvaṃ karoti, khādati, bhuñjati ca. Hatthāpalekhanoti hatthe piṇḍamhi niṭṭhite jivhāya hatthaṃ apalekhati. Uccāraṃ vā katvā hatthasmiññeva daṇḍakasaññī hutvā hatthena apalekhatīti dasseti. Te kira daṇḍakaṃ sattoti paññapenti. Tasmā tesaṃ paṭipadaṃ pūrento evaṃ karoti. Bhikkhāgahaṇatthaṃ ‘ehi bhaddante’ti vutto, na etīti naehibhaddantiko. Tena hi ‘tiṭṭha bhaddante’ti vuttopi na tiṭṭhatīti natiṭṭhabhaddantiko. Tadubhayampi hetaṃ titthiyā ‘‘etassa vacanaṃ kataṃ bhavissatī’’ti na karonti. Abhihaṭanti puretaraṃ gahetvā āhaṭaṃ bhikkhaṃ. Uddissakatanti ‘‘imaṃ tumhe uddissa kata’’nti evaṃ ārocitabhikkhaṃ. Na nimantananti ‘‘asukaṃ nāma kulaṃ vā vīthiṃ vā gāmaṃ vā paviseyyāthā’’ti evaṃ nimantitabhikkhampi na sādiyati, na gaṇhāti.
น กุมฺภิมุขาติ กุมฺภิโต อุทฺธริตฺวา ทิยฺยมานํ ภิกฺขํ น คณฺหาติฯ น กโฬปิมุขาติ กโฬปีติ อุกฺขลิ, ปจฺฉิ วาฯ ตโตปิ น คณฺหาติฯ กสฺมา? กุมฺภี กโฬปิโย กฎจฺฉุนา ปหารํ ลภนฺตีติฯ น เอฬกมนฺตรนฺติ อุมฺมารํ อนฺตรํ กตฺวา ทิยฺยมานํ น คณฺหาติฯ กสฺมา? อยํ มํ นิสฺสาย อนฺตรกรณํ ลภตีติฯ ทณฺฑมุสเลสุปิ เอเสว นโยฯ ทฺวินฺนนฺติ ทฺวีสุ ภุญฺชมาเนสุ เอกสฺมิํ อุฎฺฐาย เทเนฺต น คณฺหติฯ กสฺมา? กพฬนฺตราโย โหตีติฯ น คพฺภินิยาติอาทีสุ ปน คพฺภินิยา กุจฺฉิยํ ทารโก กิลมติฯ ปายนฺติยา ทารกสฺส ขีรนฺตราโย โหติฯ ปุริสนฺตรคตาย รติอนฺตราโย โหตีติ น คณฺหาติ น สงฺกิตฺตีสูติ สงฺกิเตฺตตฺวา กตภเตฺตสุฯ ทุพฺภิกฺขสมเย กิร อเจลกสาวกา อเจลกานํ อตฺถาย ตโต ตโต ตณฺฑุลาทีนิ สมาทเปตฺวา ภตฺตํ ปจนฺติ, อุกฺกฎฺฐาเจลโก ตโต น ปฎิคฺคณฺหาติฯ น ยตฺถ สาติ ยตฺถ สุนโข ‘ปิณฺฑํ ลภิสฺสามี’ติ อุปฎฺฐิโต โหติ, ตตฺถ ตสฺส อทตฺวา อาหฎํ น คณฺหาติฯ กสฺมา? เอตสฺส ปิณฺฑนฺตราโย โหตีติฯ
Nakumbhimukhāti kumbhito uddharitvā diyyamānaṃ bhikkhaṃ na gaṇhāti. Na kaḷopimukhāti kaḷopīti ukkhali, pacchi vā. Tatopi na gaṇhāti. Kasmā? Kumbhī kaḷopiyo kaṭacchunā pahāraṃ labhantīti. Na eḷakamantaranti ummāraṃ antaraṃ katvā diyyamānaṃ na gaṇhāti. Kasmā? Ayaṃ maṃ nissāya antarakaraṇaṃ labhatīti. Daṇḍamusalesupi eseva nayo. Dvinnanti dvīsu bhuñjamānesu ekasmiṃ uṭṭhāya dente na gaṇhati. Kasmā? Kabaḷantarāyo hotīti. Na gabbhiniyātiādīsu pana gabbhiniyā kucchiyaṃ dārako kilamati. Pāyantiyā dārakassa khīrantarāyo hoti. Purisantaragatāya ratiantarāyo hotīti na gaṇhāti na saṅkittīsūti saṅkittetvā katabhattesu. Dubbhikkhasamaye kira acelakasāvakā acelakānaṃ atthāya tato tato taṇḍulādīni samādapetvā bhattaṃ pacanti, ukkaṭṭhācelako tato na paṭiggaṇhāti. Na yattha sāti yattha sunakho ‘piṇḍaṃ labhissāmī’ti upaṭṭhito hoti, tattha tassa adatvā āhaṭaṃ na gaṇhāti. Kasmā? Etassa piṇḍantarāyo hotīti.
สณฺฑสณฺฑจารินีติ สมูหสมูหจารินีฯ สเจ หิ อเจลกํ ทิสฺวา ‘อิมสฺส ภิกฺขํ ทสฺสามา’ติ มานุสฺสกา ภตฺตเคหํ ปวิสนฺติ, เตสุ จ ปวิสเนฺตสุ กโฬปิมุขาทีสุ นิลีนา มกฺขิกา อุปฺปติตฺวา สณฺฑสณฺฑา จรนฺติ, ตโต อาหฎํ ภิกฺขํ น คณฺหาติฯ กสฺมา? มํ นิสฺสาย มกฺขิกานํ โคจรนฺตราโย ชาโตติฯ ถุโสทกนฺติ สพฺพสสฺสสมฺภาเรหิ กตํ โสวีรกํฯ เอตฺถ จ สุราปานเมว สาวชฺชํฯ อยํ ปน เอตสฺมิมฺปิ สาวชฺชสญฺญีฯ เอกาคาริโกติ โย เอกสฺมิํเยว เคเห ภิกฺขํ ลภิตฺวา นิวตฺตติฯ เอกาโลปิโกติ โย เอเกเนว อาโลเปน ยาเปติฯ ทฺวาคาริกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอกิสฺสาปิ ทตฺติยาติ เอกาย ทตฺติยาฯ ทตฺติ นาม เอกา ขุทฺทกปาติ โหติ, ยตฺถ อคฺคภิกฺขํ ปกฺขิปิตฺวา ฐเปนฺติฯ
Saṇḍasaṇḍacārinīti samūhasamūhacārinī. Sace hi acelakaṃ disvā ‘imassa bhikkhaṃ dassāmā’ti mānussakā bhattagehaṃ pavisanti, tesu ca pavisantesu kaḷopimukhādīsu nilīnā makkhikā uppatitvā saṇḍasaṇḍā caranti, tato āhaṭaṃ bhikkhaṃ na gaṇhāti. Kasmā? Maṃ nissāya makkhikānaṃ gocarantarāyo jātoti. Thusodakanti sabbasassasambhārehi kataṃ sovīrakaṃ. Ettha ca surāpānameva sāvajjaṃ. Ayaṃ pana etasmimpi sāvajjasaññī. Ekāgārikoti yo ekasmiṃyeva gehe bhikkhaṃ labhitvā nivattati. Ekālopikoti yo ekeneva ālopena yāpeti. Dvāgārikādīsupi eseva nayo. Ekissāpi dattiyāti ekāya dattiyā. Datti nāma ekā khuddakapāti hoti, yattha aggabhikkhaṃ pakkhipitvā ṭhapenti.
เอกาหิกนฺติ เอกทิวสนฺตริกํฯ อฑฺฒมาสิกนฺติ อฑฺฒมาสนฺตริกํฯ ปริยายภตฺตโภชนนฺติ วารภตฺตโภชนํฯ เอกาหวาเรน ทฺวีหวาเรน สตฺตาหวาเรน อฑฺฒมาสวาเรนาติ – เอวํ ทิวสวาเรน อาภตภตฺตโภชนํฯ สากภโกฺขติ อลฺลสากภโกฺขฯ สามากภโกฺขติ สามากตณฺฑุลภโกฺขฯ นีวาราทีสุ – นีวารา นาม ตาว อรเญฺญ สยํ ชาตา วีหิชาติฯ ททฺทุลนฺติ จมฺมกาเรหิ จมฺมํ วิลิขิตฺวา ฉฑฺฑิตกสฎํฯ หฎํ วุจฺจติ สิเลโสปิ, เสวาโลปิ กณิการาทิรุกฺขนิยฺยาโสปิฯ กณนฺติ กุณฺฑกํฯ อาจาโมติ ภตฺตอุกฺขลิกาย ลโคฺค ฌาโมทโนฯ ตํ ฉฑฺฑิตฎฺฐาเน คเหตฺวา ขาทติฯ ‘‘โอทนกญฺชิย’’นฺติปิ วทนฺติฯ ปิญฺญากาทโย ปากฎา เอวฯ ปวตฺตผลโภชีติ ปติตผลโภชีฯ
Ekāhikanti ekadivasantarikaṃ. Aḍḍhamāsikanti aḍḍhamāsantarikaṃ. Pariyāyabhattabhojananti vārabhattabhojanaṃ. Ekāhavārena dvīhavārena sattāhavārena aḍḍhamāsavārenāti – evaṃ divasavārena ābhatabhattabhojanaṃ. Sākabhakkhoti allasākabhakkho. Sāmākabhakkhoti sāmākataṇḍulabhakkho. Nīvārādīsu – nīvārā nāma tāva araññe sayaṃ jātā vīhijāti. Daddulanti cammakārehi cammaṃ vilikhitvā chaḍḍitakasaṭaṃ. Haṭaṃ vuccati silesopi, sevālopi kaṇikārādirukkhaniyyāsopi. Kaṇanti kuṇḍakaṃ. Ācāmoti bhattaukkhalikāya laggo jhāmodano. Taṃ chaḍḍitaṭṭhāne gahetvā khādati. ‘‘Odanakañjiya’’ntipi vadanti. Piññākādayo pākaṭā eva. Pavattaphalabhojīti patitaphalabhojī.
สาณานีติ สาณวากเจลานิฯ มสาณานีติ มิสฺสกเจลานิฯ ฉวทุสฺสานีติ มตสรีรโต ฉฑฺฑิตวตฺถานิฯ เอรกติณาทีนิ วา คเนฺถตฺวา กตนิวาสนานิฯ ปํสุกูลานีติ ปถวิยํ ฉฑฺฑิตนนฺตกานิฯ ติรีฎานีติ รุกฺขตฺตจวตฺถานิฯ อชินนฺติ อชินมิคจมฺมํฯ อชินกฺขิปนฺติ ตเทว มเชฺฌ ผาลิตํฯ สขุรกนฺติปิ วทนฺติฯ กุสจีรนฺติ กุสติณานิ คเนฺถตฺวา กตจีรกํฯ วากจีรผลกจีเรสุปิ เอเสว นโยฯ เกสกมฺพลนฺติ มนุสฺสเกเสหิ กตกมฺพลํฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ตนฺตาวุตานํ วตฺถานํ เกสกมฺพโล เตสํ ปติกุโฎฺฐ อกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๓๘)ฯ วาฬกมฺพลนฺติ อสฺสวาฬาทีหิ กตกมฺพลํฯ อุลูกปกฺขนฺติ อุลูกปตฺตานิ คเนฺถตฺวา กตนิวาสนํฯ อุพฺภฎฺฐโกติ อุทฺธํ ฐิตโกฯ
Sāṇānīti sāṇavākacelāni. Masāṇānīti missakacelāni. Chavadussānīti matasarīrato chaḍḍitavatthāni. Erakatiṇādīni vā ganthetvā katanivāsanāni. Paṃsukūlānīti pathaviyaṃ chaḍḍitanantakāni. Tirīṭānīti rukkhattacavatthāni. Ajinanti ajinamigacammaṃ. Ajinakkhipanti tadeva majjhe phālitaṃ. Sakhurakantipi vadanti. Kusacīranti kusatiṇāni ganthetvā katacīrakaṃ. Vākacīraphalakacīresupi eseva nayo. Kesakambalanti manussakesehi katakambalaṃ. Yaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘seyyathāpi, bhikkhave, yāni kānici tantāvutānaṃ vatthānaṃ kesakambalo tesaṃ patikuṭṭho akkhāyatī’’ti (a. ni. 3.138). Vāḷakambalanti assavāḷādīhi katakambalaṃ. Ulūkapakkhanti ulūkapattāni ganthetvā katanivāsanaṃ. Ubbhaṭṭhakoti uddhaṃ ṭhitako.
อุกฺกุฎิกปฺปธานมนุยุโตฺตติ อุกฺกุฎิกวีริยํ อนุยุโตฺตฯ คจฺฉโนฺตปิ อุกฺกุฎิโกว หุตฺวา อุปฺปติตฺวา อุปฺปติตฺวา คจฺฉติฯ กณฺฎกาปสฺสยิโกติ อยกณฺฎเก วา ปกติกณฺฎเก วา ภูมิยํ โกเฎฺฎตฺวา ตตฺถ จมฺมํ อตฺถริตฺวา ฐานจงฺกมาทีนิ กโรติฯ เสยฺยนฺติ สยโนฺตปิ ตเตฺถว เสยฺยํ กเปฺปติฯ สายํ ตติยมสฺสาติ สายตติยกํฯ ‘‘ปาโต, มชฺฌนฺหิเก, สายนฺติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ ปาปํ ปวาเหสฺสามี’’ติ อุทโกโรหนานุโยคํ อนุยุโตฺต วิหรติฯ
Ukkuṭikappadhānamanuyuttoti ukkuṭikavīriyaṃ anuyutto. Gacchantopi ukkuṭikova hutvā uppatitvā uppatitvā gacchati. Kaṇṭakāpassayikoti ayakaṇṭake vā pakatikaṇṭake vā bhūmiyaṃ koṭṭetvā tattha cammaṃ attharitvā ṭhānacaṅkamādīni karoti. Seyyanti sayantopi tattheva seyyaṃ kappeti. Sāyaṃ tatiyamassāti sāyatatiyakaṃ. ‘‘Pāto, majjhanhike, sāyanti divasassa tikkhattuṃ pāpaṃ pavāhessāmī’’ti udakorohanānuyogaṃ anuyutto viharati.
๑๗๕. ปรํ ตปตีติ ปรนฺตโปฯ ปเรสํ ปริตาปนานุโยคํ ปรปริตาปนานุโยคํฯ โอรพฺภิกาทีสุ – อุรพฺภา วุจฺจนฺติ เอฬกาฯ อุรเพฺภ หนตีติ โอรพฺภิโกฯ สูกริกาทีสุปิ – เอเสว นโยฯ ลุโทฺทติ ทารุโณ กกฺขโฬฯ มจฺฉฆาตโกติ มจฺฉพโนฺธ เกวโฎฺฎฯ พนฺธนาคาริโกติ พนฺธนาคารโคปโกฯ กุรูรกมฺมนฺตาติ ทารุณกมฺมนฺตาฯ
175. Paraṃ tapatīti parantapo. Paresaṃ paritāpanānuyogaṃ paraparitāpanānuyogaṃ. Orabbhikādīsu – urabbhā vuccanti eḷakā. Urabbhe hanatīti orabbhiko. Sūkarikādīsupi – eseva nayo. Luddoti dāruṇo kakkhaḷo. Macchaghātakoti macchabandho kevaṭṭo. Bandhanāgārikoti bandhanāgāragopako. Kurūrakammantāti dāruṇakammantā.
๑๗๖. มุทฺธาวสิโตฺตติ ขตฺติยาภิเสเกน มุทฺธนิ อภิสิโตฺตฯ ปุรตฺถิเมน นครสฺสาติ นครโต ปุรตฺถิมทิสายฯ สนฺธาคารนฺติ ยญฺญสาลํ ฯ ขราชินํ นิวาเสตฺวาติ สขุรํ อชินจมฺมํ นิวาเสตฺวาฯ สปฺปิเตเลนาติ สปฺปินา จ เตเลน จฯ ฐเปตฺวา หิ สปฺปิํ อวเสโส โย โกจิ เสฺนโห เตลนฺติ วุจฺจติฯ กณฺฑุวมาโนติ นขานํ ฉินฺนตฺตา กณฺฑุวิตพฺพกาเล เตน กณฺฑุวมาโนฯ อนนฺตรหิตายาติ อสนฺถตายฯ สรูปวจฺฉายาติ สทิสวจฺฉายฯ สเจ คาวี เสตา โหติ, วโจฺฉปิ เสตโกว สเจ กพรา วา, รตฺตา วา, วโจฺฉปิ ตาทิโสวาติ – เอวํ สรูปวจฺฉายฯ โส เอวมาหาติ โส ราชา เอวํ วเทติฯ วจฺฉตราติ ตรุณวจฺฉกภาวํ อติกฺกนฺตา พลววจฺฉาฯ วจฺฉตรีสุปิ เอเสว นโยฯ พริหิสตฺถายาติ ปริเกฺขปกรณตฺถาย เจว ยญฺญภูมิยํ อตฺถรณตฺถาย จฯ
176. Muddhāvasittoti khattiyābhisekena muddhani abhisitto. Puratthimena nagarassāti nagarato puratthimadisāya. Sandhāgāranti yaññasālaṃ . Kharājinaṃ nivāsetvāti sakhuraṃ ajinacammaṃ nivāsetvā. Sappitelenāti sappinā ca telena ca. Ṭhapetvā hi sappiṃ avaseso yo koci sneho telanti vuccati. Kaṇḍuvamānoti nakhānaṃ chinnattā kaṇḍuvitabbakāle tena kaṇḍuvamāno. Anantarahitāyāti asanthatāya. Sarūpavacchāyāti sadisavacchāya. Sace gāvī setā hoti, vacchopi setakova sace kabarā vā, rattā vā, vacchopi tādisovāti – evaṃ sarūpavacchāya. So evamāhāti so rājā evaṃ vadeti. Vacchatarāti taruṇavacchakabhāvaṃ atikkantā balavavacchā. Vacchatarīsupi eseva nayo. Barihisatthāyāti parikkhepakaraṇatthāya ceva yaññabhūmiyaṃ attharaṇatthāya ca.
๑๗๗. ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวฯ นิจฺฉาโตติ ฉาตํ วุจฺจติ ตณฺหา, สา อสฺส นตฺถีติ นิจฺฉาโตฯ สพฺพกิเลสานํ นิพฺพุตตฺตา นิพฺพุโตฯ อโนฺต ตาปนกิเลสานํ อภาวา สีตโล ชาโตติ สีตีภูโตฯ ฌานมคฺคผลนิพฺพานสุขานิ ปฎิสํเวเทตีติ สุขปฺปฎิสํเวทีฯ พฺรหฺมภูเตน อตฺตนาติ เสฎฺฐภูเตน อตฺตนาฯ
177. Diṭṭheva dhammeti imasmiṃyeva attabhāve. Nicchātoti chātaṃ vuccati taṇhā, sā assa natthīti nicchāto. Sabbakilesānaṃ nibbutattā nibbuto. Anto tāpanakilesānaṃ abhāvā sītalo jātoti sītībhūto. Jhānamaggaphalanibbānasukhāni paṭisaṃvedetīti sukhappaṭisaṃvedī. Brahmabhūtena attanāti seṭṭhabhūtena attanā.
อิมํ ปน ปุคฺคลํ พุทฺธุปฺปาทโต ปฎฺฐาย ทเสฺสตุํ – อิธ ตถาคโตติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตถาคโตติ อฎฺฐหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต – ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธเมฺม ยาถาวโต อภิสมฺพุโทฺธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถาวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนเฎฺฐน ตถาคโตติฯ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธติอาทีนิ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตาเนวฯ ตํ ธมฺมนฺติ ตํ วุตฺตปฺปการสมฺปทํ ธมฺมํฯ สุณาติ คหปติ วาติ กสฺมา ปฐมํ คหปติํ นิทฺทิสติ? นิหตมานตฺตา อุสฺสนฺนตฺตา จฯ เยภุเยฺยน หิ ขตฺติยกุลโต ปพฺพชิตา ชาติํ นิสฺสาย มานํ กโรนฺติฯ พฺราหฺมณกุลา ปพฺพชิตา มเนฺต นิสฺสาย มานํ กโรนฺติฯ หีนชจฺจกุลา ปพฺพชิตา อตฺตโน วิชาติตาย ปติฎฺฐาตุํ น สโกฺกนฺติฯ คหปติทารกา ปน กเจฺฉหิ เสทํ มุญฺจเนฺตหิ ปิฎฺฐิยา โลณํ ปุปฺผมานาย ภูมิํ กสิตฺวา ตาทิสสฺส มานสฺส อภาวโต นิหตมานทปฺปา โหนฺติฯ เต ปพฺพชิตฺวา มานํ วา ทปฺปํ วา อกตฺวา ยถาพลํ พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตา สโกฺกนฺติ อรหเตฺต ปติฎฺฐาตุํฯ อิตเรหิ จ กุเลหิ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตา นาม น พหุกา, คหปติกาว พหุกาฯ อิติ นิหตมานตฺตา อุสฺสนฺนตฺตา จ ปฐมํ คหปติํ นิทฺทิสตีติฯ
Imaṃ pana puggalaṃ buddhuppādato paṭṭhāya dassetuṃ – idha tathāgatotiādimāha. Tattha tathāgatoti aṭṭhahi kāraṇehi bhagavā tathāgato – tathā āgatoti tathāgato, tathā gatoti tathāgato, tathalakkhaṇaṃ āgatoti tathāgato, tathadhamme yāthāvato abhisambuddhoti tathāgato, tathadassitāya tathāgato, tathāvāditāya tathāgato, tathākāritāya tathāgato, abhibhavanaṭṭhena tathāgatoti. Arahaṃ sammāsambuddhotiādīni visuddhimagge vitthāritāneva. Taṃ dhammanti taṃ vuttappakārasampadaṃ dhammaṃ. Suṇāti gahapati vāti kasmā paṭhamaṃ gahapatiṃ niddisati? Nihatamānattā ussannattā ca. Yebhuyyena hi khattiyakulato pabbajitā jātiṃ nissāya mānaṃ karonti. Brāhmaṇakulā pabbajitā mante nissāya mānaṃ karonti. Hīnajaccakulā pabbajitā attano vijātitāya patiṭṭhātuṃ na sakkonti. Gahapatidārakā pana kacchehi sedaṃ muñcantehi piṭṭhiyā loṇaṃ pupphamānāya bhūmiṃ kasitvā tādisassa mānassa abhāvato nihatamānadappā honti. Te pabbajitvā mānaṃ vā dappaṃ vā akatvā yathābalaṃ buddhavacanaṃ uggahetvā vipassanāya kammaṃ karontā sakkonti arahatte patiṭṭhātuṃ. Itarehi ca kulehi nikkhamitvā pabbajitā nāma na bahukā, gahapatikāva bahukā. Iti nihatamānattā ussannattā ca paṭhamaṃ gahapatiṃ niddisatīti.
อญฺญตรสฺมิํ วาติ อิตเรสํ วา กุลานํ อญฺญตรสฺมิํฯ ปจฺจาชาโตติ ปติชาโตฯ ตถาคเต สทฺธํ ปฎิลภตีติ ปริสุทฺธํ ธมฺมํ สุตฺวา ธมฺมสฺสามิมฺหิ ตถาคเต ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ วต โส ภควา’’ติ สทฺธํ ปฎิลภติฯ อิติ ปฎิสญฺจิกฺขตีติ เอวํ ปจฺจเวกฺขติฯ สมฺพาโธ ฆราวาโสติ สเจปิ สฎฺฐิหเตฺถ ฆเร โยชนสตนฺตเรปิ วา เทฺว ชายมฺปติกา วสนฺติ, ตถาปิ เนสํ สกิญฺจนสปลิโพธเฎฺฐน ฆราวาโส สมฺพาโธเยวฯ รโชปโถติ ราครชาทีนํ อุฎฺฐานฎฺฐานนฺติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ อาคมนปโถติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ อลคฺคนเฎฺฐน อโพฺภกาโส วิยาติ อโพฺภกาโสฯ ปพฺพชิโต หิ กูฎาคารรตนปาสาเท จ เทววิมานาทีสุ จ สุปิหิตทฺวารวาตปาเนสุ ปฎิจฺฉเนฺนสุ วสโนฺตปิ เนว ลคฺคติ, น สชฺชติ, น พชฺฌติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อโพฺภกาโส ปพฺพชฺชา’’ติฯ
Aññatarasmiṃ vāti itaresaṃ vā kulānaṃ aññatarasmiṃ. Paccājātoti patijāto. Tathāgate saddhaṃ paṭilabhatīti parisuddhaṃ dhammaṃ sutvā dhammassāmimhi tathāgate ‘‘sammāsambuddho vata so bhagavā’’ti saddhaṃ paṭilabhati. Iti paṭisañcikkhatīti evaṃ paccavekkhati. Sambādho gharāvāsoti sacepi saṭṭhihatthe ghare yojanasatantarepi vā dve jāyampatikā vasanti, tathāpi nesaṃ sakiñcanasapalibodhaṭṭhena gharāvāso sambādhoyeva. Rajopathoti rāgarajādīnaṃ uṭṭhānaṭṭhānanti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Āgamanapathotipi vattuṃ vaṭṭati. Alagganaṭṭhena abbhokāso viyāti abbhokāso. Pabbajito hi kūṭāgāraratanapāsāde ca devavimānādīsu ca supihitadvāravātapānesu paṭicchannesu vasantopi neva laggati, na sajjati, na bajjhati. Tena vuttaṃ – ‘‘abbhokāso pabbajjā’’ti.
อปิจ – สมฺพาโธ ฆราวาโส กุสลกิริยาย โอกาสาภาวโตฯ รโชปโถ อสํวุตสงฺการฎฺฐานํ วิย รชานํ กิเลสรชานํ สนฺนิปาตฎฺฐานโตฯ อโพฺภกาโส ปพฺพชฺชา กุสลกิริยาย ยถาสุขํ โอกาสสมฺภาวโตฯ นยิทํ สุกรํ…เป.… ปพฺพเชยฺยนฺติ เอตฺถ อยํ สเงฺขปกถา – ยเทตํ สิกฺขตฺตยพฺรหฺมจริยํ เอกมฺปิ ทิวสํ อขณฺฑํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริปุณฺณํฯ เอกทิวสมฺปิ จ กิเลสมเลน อมลินํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริสุทฺธํฯ สงฺขลิขิตํ ลิขิตสงฺขสทิสํ โธตสงฺขสปฺปฎิภาคํ จริตพฺพํฯ อิทํ น สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา อคารมเชฺฌ วสเนฺตน เอกนฺตปริปุณฺณํ…เป.… จริตุํ – ‘‘ยํนูนาหํ เกเส จ มสฺสุญฺจ โอหาเรตฺวา กสายรสปีตตาย กาสายานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ปริทหิตฺวา อคารสฺมา นิกฺขมิตฺวา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’’นฺติฯ เอตฺถ จ ยสฺมา อคารสฺส หิตํ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ ‘‘อคาริย’’นฺติ วุจฺจติ, ตญฺจ ปพฺพชฺชาย นตฺถิ, ตสฺมา ปพฺพชฺชา ‘‘อนคาริย’’นฺติ ญาตพฺพาฯ ตํ อนคาริยํฯ ปพฺพเชยฺยนฺติ ปฎิปเชฺชยฺยํฯ อปฺปํ วาติ สหสฺสโต เหฎฺฐา โภคกฺขโนฺธ อโปฺป นาม โหติ, สหสฺสโต ปฎฺฐาย มหาฯ อพนฺธนเฎฺฐน ญาติเยว ญาติปริวโฎฺฎฯ โสปิ วีสติยา เหฎฺฐา อโปฺป โหติ, วีสติยา ปฎฺฐาย มหาฯ
Apica – sambādho gharāvāso kusalakiriyāya okāsābhāvato. Rajopatho asaṃvutasaṅkāraṭṭhānaṃ viya rajānaṃ kilesarajānaṃ sannipātaṭṭhānato. Abbhokāso pabbajjā kusalakiriyāya yathāsukhaṃ okāsasambhāvato. Nayidaṃ sukaraṃ…pe… pabbajeyyanti ettha ayaṃ saṅkhepakathā – yadetaṃ sikkhattayabrahmacariyaṃ ekampi divasaṃ akhaṇḍaṃ katvā carimakacittaṃ pāpetabbatāya ekantaparipuṇṇaṃ. Ekadivasampi ca kilesamalena amalinaṃ katvā carimakacittaṃ pāpetabbatāya ekantaparisuddhaṃ. Saṅkhalikhitaṃ likhitasaṅkhasadisaṃ dhotasaṅkhasappaṭibhāgaṃ caritabbaṃ. Idaṃ na sukaraṃ agāraṃ ajjhāvasatā agāramajjhe vasantena ekantaparipuṇṇaṃ…pe… carituṃ – ‘‘yaṃnūnāhaṃ kese ca massuñca ohāretvā kasāyarasapītatāya kāsāyāni brahmacariyaṃ carantānaṃ anucchavikāni vatthāni acchādetvā paridahitvā agārasmā nikkhamitvā anagāriyaṃ pabbajeyya’’nti. Ettha ca yasmā agārassa hitaṃ kasivāṇijjādikammaṃ ‘‘agāriya’’nti vuccati, tañca pabbajjāya natthi, tasmā pabbajjā ‘‘anagāriya’’nti ñātabbā. Taṃ anagāriyaṃ. Pabbajeyyanti paṭipajjeyyaṃ. Appaṃ vāti sahassato heṭṭhā bhogakkhandho appo nāma hoti, sahassato paṭṭhāya mahā. Abandhanaṭṭhena ñātiyeva ñātiparivaṭṭo. Sopi vīsatiyā heṭṭhā appo hoti, vīsatiyā paṭṭhāya mahā.
๑๗๘. ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปโนฺนติ ยา ภิกฺขูนํ อธิสีลสงฺขาตา สิกฺขา, ตญฺจฯ ยตฺถ เจเต สห ชีวนฺติ, เอกชีวิกา สภาควุตฺติโน โหนฺติ, ตํ ภควตา ปญฺญตฺตสิกฺขาปทสงฺขาตํ สาชีวญฺจฯ ตตฺถ สิกฺขนภาเวน สมาปโนฺนติ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปโนฺนฯ สมาปโนฺนติ สิกฺขํ ปริปูเรโนฺต สาชีวญฺจ อวีติกฺกมโนฺต หุตฺวา ตทุภยํ อุปคโตติ อโตฺถฯ ปาณาติปาตํ ปหายาติอาทีสุ ปาณาติปาตาทิกถา เหฎฺฐา วิตฺถาริตา เอวฯ ปหายาติ อิมํ ปาณาติปาตเจตนาสงฺขาตํ ทุสฺสีลฺยํ ปชหิตฺวาฯ ปฎิวิรโต โหตีติ ปหีนกาลโต ปฎฺฐาย ตโต ทุสฺสีลฺยโต โอรโต วิรโตว โหติฯ นิหิตทโณฺฑ นิหิตสโตฺถติ ปรูปฆาตตฺถาย ทณฺฑํ วา สตฺถํ วา อาทาย อวตฺตนโต นิกฺขิตฺตทโณฺฑ เจว นิกฺขิตฺตสโตฺถ จาติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ฐเปตฺวา ทณฺฑํ, สพฺพมฺปิ อวเสสํ อุปกรณํ สตฺตานํ วินาสนภาวโต ‘สตฺถ’นฺติ เวทิตพฺพํฯ ยํ ปน ภิกฺขู กตฺตรทณฺฑํ วา ทนฺตกฎฺฐวาสิํ วา ปิปฺผลิกํ วา คเหตฺวา วิจรนฺติ, น ตํ ปรูปฆาตตฺถายฯ ตสฺมา นิหิตทณฺฑา นิหิตสตฺถาเตฺวว สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ ลชฺชีติ ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย ลชฺชาย สมนฺนาคโตฯ ทยาปโนฺนติ ทยํ เมตฺตจิตฺตตํ อาปโนฺนฯ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปีติ สเพฺพ ปาณภูเต หิเตน อนุกมฺปโกฯ ตาย ทยาปนฺนตาย สเพฺพสํ ปาณภูตานํ หิตจิตฺตโกติ อโตฺถฯ วิหรตีติ อิริยติ, ปาเลติฯ
178. Bhikkhūnaṃ sikkhāsājīvasamāpannoti yā bhikkhūnaṃ adhisīlasaṅkhātā sikkhā, tañca. Yattha cete saha jīvanti, ekajīvikā sabhāgavuttino honti, taṃ bhagavatā paññattasikkhāpadasaṅkhātaṃ sājīvañca. Tattha sikkhanabhāvena samāpannoti bhikkhūnaṃ sikkhāsājīvasamāpanno. Samāpannoti sikkhaṃ paripūrento sājīvañca avītikkamanto hutvā tadubhayaṃ upagatoti attho. Pāṇātipātaṃ pahāyātiādīsu pāṇātipātādikathā heṭṭhā vitthāritā eva. Pahāyāti imaṃ pāṇātipātacetanāsaṅkhātaṃ dussīlyaṃ pajahitvā. Paṭivirato hotīti pahīnakālato paṭṭhāya tato dussīlyato orato viratova hoti. Nihitadaṇḍo nihitasatthoti parūpaghātatthāya daṇḍaṃ vā satthaṃ vā ādāya avattanato nikkhittadaṇḍo ceva nikkhittasattho cāti attho. Ettha ca ṭhapetvā daṇḍaṃ, sabbampi avasesaṃ upakaraṇaṃ sattānaṃ vināsanabhāvato ‘sattha’nti veditabbaṃ. Yaṃ pana bhikkhū kattaradaṇḍaṃ vā dantakaṭṭhavāsiṃ vā pipphalikaṃ vā gahetvā vicaranti, na taṃ parūpaghātatthāya. Tasmā nihitadaṇḍā nihitasatthātveva saṅkhaṃ gacchanti. Lajjīti pāpajigucchanalakkhaṇāya lajjāya samannāgato. Dayāpannoti dayaṃ mettacittataṃ āpanno. Sabbapāṇabhūtahitānukampīti sabbe pāṇabhūte hitena anukampako. Tāya dayāpannatāya sabbesaṃ pāṇabhūtānaṃ hitacittakoti attho. Viharatīti iriyati, pāleti.
ทินฺนเมว อาทิยตีติ ทินฺนาทายีฯ จิเตฺตนปิ ทินฺนเมว ปฎิกงฺขตีติ ทินฺนปาฎิกงฺขีฯ เถเนตีติ เถโนฯ น เถเนน อเถเนนฯ อเถนตฺตาเยว สุจิภูเตนฯ อตฺตนาติ อตฺตภาเวนฯ อเถนํ สุจิภูตํ อตฺตภาวํ กตฺวา วิหรตีติ วุตฺตํ โหติฯ
Dinnameva ādiyatīti dinnādāyī. Cittenapi dinnameva paṭikaṅkhatīti dinnapāṭikaṅkhī. Thenetīti theno. Na thenena athenena. Athenattāyeva sucibhūtena. Attanāti attabhāvena. Athenaṃ sucibhūtaṃ attabhāvaṃ katvā viharatīti vuttaṃ hoti.
อพฺรหฺมจริยนฺติ อเสฎฺฐจริยํฯ พฺรหฺมํ เสฎฺฐํ อาจารํ จรตีติ พฺรหฺมจารีฯ อาราจารีติ อพฺรหฺมจริยโต ทูรจารีฯ เมถุนาติ ราคปริยุฎฺฐานวเสน สทิสตฺตา เมถุนกาติ ลทฺธโวหาเรหิ ปฎิเสวิตพฺพโต เมถุนาติ สงฺขํ คตา อสทฺธมฺมาฯ คามธมฺมาติ คามวาสีนํ ธมฺมาฯ
Abrahmacariyanti aseṭṭhacariyaṃ. Brahmaṃ seṭṭhaṃ ācāraṃ caratīti brahmacārī. Ārācārīti abrahmacariyato dūracārī. Methunāti rāgapariyuṭṭhānavasena sadisattā methunakāti laddhavohārehi paṭisevitabbato methunāti saṅkhaṃ gatā asaddhammā. Gāmadhammāti gāmavāsīnaṃ dhammā.
สจฺจํ วทตีติ สจฺจวาทีฯ สเจฺจน สจฺจํ สนฺทหติ ฆเฎตีติ สจฺจสโนฺธฯ น อนฺตรนฺตรา มุสา วทตีติ อโตฺถฯ โย หิ ปุริโส กทาจิ มุสา วทติ, กทาจิ สจฺจํ, ตสฺส มุสาวาเทน อนฺตริตตฺตา สจฺจํ สเจฺจน น ฆฎียติ, ตสฺมา น โส สจฺจสโนฺธฯ อยํ ปน น ตาทิโสฯ ชีวิตเหตุปิ มุสา อวตฺวา สเจฺจน สจฺจํ สนฺทหติเยวาติ สจฺจสโนฺธฯ เถโตติ ถิโร, ถิรกโถติ อโตฺถฯ เอโก หิ ปุคฺคโล หลิทฺทิราโค วิย, ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุโก วิย, อสฺสปิเฎฺฐ ฐปิตกุมฺภณฺฑมิว จ, น ถิรกโถ โหติฯ เอโก ปาสาณเลขา วิย, อินฺทขีโล วิย จ ถิรกโถ โหติฯ อสินา สีเส ฉินฺทเนฺตปิ เทฺว กถา น กเถติฯ อยํ วุจฺจติ เถโตฯ ปจฺจยิโกติ ปตฺติยายิตพฺพโก, สทฺธายิโกติ อโตฺถฯ เอกโจฺจ หิ ปุคฺคโล น ปจฺจยิโก โหติฯ ‘อิทํ เกน วุตฺตํ? อสุเกนา’ติ วุเตฺต ‘มา ตสฺส วจนํ สทฺทหถา’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติฯ เอโก ปจฺจยิโก โหติฯ ‘อิทํ เกน วุตฺตํ? อสุเกนา’ติ วุเตฺต ‘ยทิ เตน วุตฺตํ, อิทเมว ปมาณํ, อิทานิ อุปปริกฺขิตพฺพํ นตฺถิ, เอวเมว อิท’นฺติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติฯ อยํ วุจฺจติ ปจฺจยิโกฯ อวิสํวาทโก โลกสฺสาติ ตาย สจฺจวาทิตาย โลกํ น วิสํวาเทตีติ อโตฺถฯ
Saccaṃ vadatīti saccavādī. Saccena saccaṃ sandahati ghaṭetīti saccasandho. Na antarantarā musā vadatīti attho. Yo hi puriso kadāci musā vadati, kadāci saccaṃ, tassa musāvādena antaritattā saccaṃ saccena na ghaṭīyati, tasmā na so saccasandho. Ayaṃ pana na tādiso. Jīvitahetupi musā avatvā saccena saccaṃ sandahatiyevāti saccasandho. Thetoti thiro, thirakathoti attho. Eko hi puggalo haliddirāgo viya, thusarāsimhi nikhātakhāṇuko viya, assapiṭṭhe ṭhapitakumbhaṇḍamiva ca, na thirakatho hoti. Eko pāsāṇalekhā viya, indakhīlo viya ca thirakatho hoti. Asinā sīse chindantepi dve kathā na katheti. Ayaṃ vuccati theto. Paccayikoti pattiyāyitabbako, saddhāyikoti attho. Ekacco hi puggalo na paccayiko hoti. ‘Idaṃ kena vuttaṃ? Asukenā’ti vutte ‘mā tassa vacanaṃ saddahathā’ti vattabbataṃ āpajjati. Eko paccayiko hoti. ‘Idaṃ kena vuttaṃ? Asukenā’ti vutte ‘yadi tena vuttaṃ, idameva pamāṇaṃ, idāni upaparikkhitabbaṃ natthi, evameva ida’nti vattabbataṃ āpajjati. Ayaṃ vuccati paccayiko. Avisaṃvādako lokassāti tāya saccavāditāya lokaṃ na visaṃvādetīti attho.
อิเมสํ เภทายาติ เยสํ อิโต สุตฺวาติ วุตฺตานํ สนฺติเก สุตํ, เตสํ เภทายฯ ภินฺนานํ วา สนฺธาตาติ ทฺวินฺนํ มิตฺตานํ วา สมานุปชฺฌายกาทีนํ วา เกนจิเทว การเณน ภินฺนานํ เอกเมกํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘ตุมฺหากํ อีทิเส กุเล ชาตานํ, เอวํ พหุสฺสุตานํ อิทํ น ยุตฺต’นฺติอาทีนิ วตฺวา สนฺธานํ กตฺตาฯ อนุปฺปทาตาติ สนฺธานานุปฺปทาตาฯ เทฺว ชเน สมเคฺค ทิสฺวา – ‘ตุมฺหากํ เอวรูเป กุเล ชาตานํ, เอวรูเปหิ คุเณหิ สมนฺนาคตานํ อนุจฺฉวิกเมต’นฺติอาทีนิ วตฺวา ทฬฺหีกมฺมํ กตฺตาติ อโตฺถฯ สมโคฺค อาราโม อสฺสาติ สมคฺคาราโมฯ ยตฺถ สมคฺคา นตฺถิ, ตตฺถ วสิตุมฺปิ น อิจฺฉตีติ อโตฺถฯ สมคฺคราโมติปิ ปาฬิฯ อยเมว อโตฺถฯ สมคฺครโตติ สมเคฺคสุ รโตฯ เต ปหาย อญฺญตฺร คนฺตุมฺปิ น อิจฺฉตีติ อโตฺถฯ สมเคฺค ทิสฺวาปิ สุตฺวาปิ นนฺทตีติ สมคฺคนนฺทีฯ สมคฺคกรณิํ วาจํ ภาสิตาติ ยา วาจา สเตฺต สมเคฺคเยว กโรติ, ตํ สามคฺคีคุณปริทีปกเมว วาจํ ภาสติ, น อิตรนฺติฯ
Imesaṃbhedāyāti yesaṃ ito sutvāti vuttānaṃ santike sutaṃ, tesaṃ bhedāya. Bhinnānaṃ vā sandhātāti dvinnaṃ mittānaṃ vā samānupajjhāyakādīnaṃ vā kenacideva kāraṇena bhinnānaṃ ekamekaṃ upasaṅkamitvā – ‘tumhākaṃ īdise kule jātānaṃ, evaṃ bahussutānaṃ idaṃ na yutta’ntiādīni vatvā sandhānaṃ kattā. Anuppadātāti sandhānānuppadātā. Dve jane samagge disvā – ‘tumhākaṃ evarūpe kule jātānaṃ, evarūpehi guṇehi samannāgatānaṃ anucchavikameta’ntiādīni vatvā daḷhīkammaṃ kattāti attho. Samaggo ārāmo assāti samaggārāmo. Yattha samaggā natthi, tattha vasitumpi na icchatīti attho. Samaggarāmotipi pāḷi. Ayameva attho. Samaggaratoti samaggesu rato. Te pahāya aññatra gantumpi na icchatīti attho. Samagge disvāpi sutvāpi nandatīti samagganandī. Samaggakaraṇiṃ vācaṃ bhāsitāti yā vācā satte samaggeyeva karoti, taṃ sāmaggīguṇaparidīpakameva vācaṃ bhāsati, na itaranti.
กาเลน วทตีติ กาลวาทีฯ วตฺตพฺพยุตฺตกาลํ สลฺลเกฺขตฺวา วทตีติ อโตฺถฯ ภูตํ ตถํ ตจฺฉํ สภาวเมว วทตีติ ภูตวาทีฯ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกตฺถสนฺนิสฺสิตเมว กตฺวา วทตีติ อตฺถวาทีฯ นวโลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา วทตีติ ธมฺมวาทีฯ สํวรวินยปหานวินยสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา วทตีติ วินยวาทีฯ นิธานํ วุจฺจติ ฐปโนกาโสฯ นิธานมสฺส อตฺถีติ นิธานวตีฯ หทเย นิธาตพฺพยุตฺตกํ วาจํ ภาสิตาติ อโตฺถฯ กาเลนาติ เอวรูปิํ ภาสมาโนปิ จ ‘‘อหํ นิธานวติํ วาจํ ภาสิสฺสามี’’ติ น อกาเลน ภาสติฯ ยุตฺตกาลํ ปน สลฺลเกฺขตฺวาว ภาสตีติ อโตฺถฯ สาปเทสนฺติ สอุปมํ, สการณนฺติ อโตฺถฯ ปริยนฺตวตินฺติ ปริเจฺฉทํ ทเสฺสตฺวาฯ ยถาสฺสา ปริเจฺฉโท ปญฺญายติ, เอวํ ภาสตีติ อโตฺถฯ อตฺถสํหิตนฺติ อเนเกหิปิ นเยหิ วิภชเนฺตน ปริยาทาตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อตฺถสมฺปนฺนํ ภาสติฯ ยํ วา โส อตฺถวาที อตฺถํ วทติ, เตน อเตฺถน สํหิตตฺตา อตฺถสํหิตํ วาจํ ภาสติฯ น อญฺญํ นิกฺขิปิตฺวา อญฺญํ ภาสตีติ วุตฺตํ โหติฯ
Kālena vadatīti kālavādī. Vattabbayuttakālaṃ sallakkhetvā vadatīti attho. Bhūtaṃ tathaṃ tacchaṃ sabhāvameva vadatīti bhūtavādī. Diṭṭhadhammikasamparāyikatthasannissitameva katvā vadatīti atthavādī. Navalokuttaradhammasannissitaṃ katvā vadatīti dhammavādī. Saṃvaravinayapahānavinayasannissitaṃ katvā vadatīti vinayavādī. Nidhānaṃ vuccati ṭhapanokāso. Nidhānamassa atthīti nidhānavatī. Hadaye nidhātabbayuttakaṃ vācaṃ bhāsitāti attho. Kālenāti evarūpiṃ bhāsamānopi ca ‘‘ahaṃ nidhānavatiṃ vācaṃ bhāsissāmī’’ti na akālena bhāsati. Yuttakālaṃ pana sallakkhetvāva bhāsatīti attho. Sāpadesanti saupamaṃ, sakāraṇanti attho. Pariyantavatinti paricchedaṃ dassetvā. Yathāssā paricchedo paññāyati, evaṃ bhāsatīti attho. Atthasaṃhitanti anekehipi nayehi vibhajantena pariyādātuṃ asakkuṇeyyatāya atthasampannaṃ bhāsati. Yaṃ vā so atthavādī atthaṃ vadati, tena atthena saṃhitattā atthasaṃhitaṃ vācaṃ bhāsati. Na aññaṃ nikkhipitvā aññaṃ bhāsatīti vuttaṃ hoti.
๑๗๙. พีชคามภูตคามสมารมฺภาติ มูลพีชํ, ขนฺธพีชํ, ผฬุพีชํ, อคฺคพีชํ พีชพีชนฺติ ปญฺจวิธสฺส พีชคามสฺส เจว ยสฺส กสฺสจิ นีลติณรุกฺขาทิกสฺส ภูตคามสฺส จ สมารมฺภาฯ เฉทนเภทนปจนาทิภาเวน วิโกปนา ปฎิวิรโตติ อโตฺถฯ เอกภตฺติโกติ ปาตราสภตฺตํ, สายมาสภตฺตนฺติ เทฺว ภตฺตานิฯ เตสุ ปาตราสภตฺตํ อโนฺตมชฺฌนฺหิเกน ปริจฺฉินฺนํฯ อิตรํ มชฺฌนฺหิกโต อุทฺธํ อโนฺตอรุเณนฯ ตสฺมา อโนฺตมชฺฌนฺหิเก ทสกฺขตฺตุํ ภุญฺชมาโนปิ เอกภตฺติโกว โหติฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – เอกภตฺติโกติฯ รตฺติยา โภชนํ รตฺติ, ตโต อุปรโตติ รตฺตูปรโตฯ อติกฺกเนฺต มชฺฌนฺหิเก ยาว สูริยสตฺถงฺคมนา โภชนํ วิกาลโภชนํ นาม, ตโต วิรตตฺตา วิรโต วิกาลโภชนาฯ สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา วิสูกํ ปฎาณีภูตํ ทสฺสนนฺติ วิสูกทสฺสนํฯ อตฺตนา นจฺจนนจฺจาปนาทิวเสน นจฺจา จ คีตา จ วาทิตา จ อนฺตมโส มยูรนจฺจนาปนาทิวเสนปิ ปวตฺตานํ นจฺจาทีนํ วิสูกภูตา ทสฺสนา จาติ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนาฯ นจฺจาทีนิ หิ อตฺตนา ปโยเชตุํ วา ปเรหิ ปโยชาเปตุํ วา ยุตฺตานิ ปสฺสิตุํ วา เนว ภิกฺขูนํ น ภิกฺขุนีนํ วฎฺฎนฺติฯ มาลาทีสุ – มาลาติ ยํกิญฺจิ ปุปฺผํฯ คนฺธนฺติ ยํกิญฺจิ คนฺธชาตํฯ วิเลปนนฺติ ฉวิราคกรณํฯ ตตฺถ ปิฬนฺธโนฺต ธาเรติ นามฯ อูนฎฺฐานํ ปูเรโนฺต มเณฺฑติ นามฯ คนฺธวเสน ฉวิราควเสน จ สาทิยโนฺต วิภูเสติ นามฯ ฐานํ วุจฺจติ การณํฯ ตสฺมา ยาย ทุสฺสีลฺยเจตนาย ตานิ มาลาธารณาทีนิ มหาชโน กโรติ, ตโต ปฎิวิรโตติ อโตฺถฯ อุจฺจาสยนํ วุจฺจติ ปมาณาติกฺกนฺตํฯ มหาสยนํ อกปฺปิยสนฺถตํ, ตโต ปฎิวิรโตติ อโตฺถฯ ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํฯ รชตนฺติ กหาปโณ, โลหมาสโก, ชตุมาสโก, ทารุมาสโกติ เย โวหารํ คจฺฉนฺติฯ ตสฺส อุภยสฺสาปิ ปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต, เนว นํ อุคฺคณฺหาติ, น อุคฺคณฺหาเปติ, น อุปนิกฺขิตฺตํ สาทิยตีติ อโตฺถฯ
179. Bījagāmabhūtagāmasamārambhāti mūlabījaṃ, khandhabījaṃ, phaḷubījaṃ, aggabījaṃ bījabījanti pañcavidhassa bījagāmassa ceva yassa kassaci nīlatiṇarukkhādikassa bhūtagāmassa ca samārambhā. Chedanabhedanapacanādibhāvena vikopanā paṭiviratoti attho. Ekabhattikoti pātarāsabhattaṃ, sāyamāsabhattanti dve bhattāni. Tesu pātarāsabhattaṃ antomajjhanhikena paricchinnaṃ. Itaraṃ majjhanhikato uddhaṃ antoaruṇena. Tasmā antomajjhanhike dasakkhattuṃ bhuñjamānopi ekabhattikova hoti. Taṃ sandhāya vuttaṃ – ekabhattikoti. Rattiyā bhojanaṃ ratti, tato uparatoti rattūparato. Atikkante majjhanhike yāva sūriyasatthaṅgamanā bhojanaṃ vikālabhojanaṃ nāma, tato viratattā virato vikālabhojanā. Sāsanassa ananulomattā visūkaṃ paṭāṇībhūtaṃ dassananti visūkadassanaṃ. Attanā naccananaccāpanādivasena naccā ca gītā ca vāditā ca antamaso mayūranaccanāpanādivasenapi pavattānaṃ naccādīnaṃ visūkabhūtā dassanā cāti naccagītavāditavisūkadassanā. Naccādīni hi attanā payojetuṃ vā parehi payojāpetuṃ vā yuttāni passituṃ vā neva bhikkhūnaṃ na bhikkhunīnaṃ vaṭṭanti. Mālādīsu – mālāti yaṃkiñci pupphaṃ. Gandhanti yaṃkiñci gandhajātaṃ. Vilepananti chavirāgakaraṇaṃ. Tattha piḷandhanto dhāreti nāma. Ūnaṭṭhānaṃ pūrento maṇḍeti nāma. Gandhavasena chavirāgavasena ca sādiyanto vibhūseti nāma. Ṭhānaṃ vuccati kāraṇaṃ. Tasmā yāya dussīlyacetanāya tāni mālādhāraṇādīni mahājano karoti, tato paṭiviratoti attho. Uccāsayanaṃ vuccati pamāṇātikkantaṃ. Mahāsayanaṃ akappiyasanthataṃ, tato paṭiviratoti attho. Jātarūpanti suvaṇṇaṃ. Rajatanti kahāpaṇo, lohamāsako, jatumāsako, dārumāsakoti ye vohāraṃ gacchanti. Tassa ubhayassāpi paṭiggahaṇā paṭivirato, neva naṃ uggaṇhāti, na uggaṇhāpeti, na upanikkhittaṃ sādiyatīti attho.
อามกธญฺญปฎิคฺคหณาติ สาลิวีหิยวโคธุมกงฺคุวรกกุทฺรูสกสงฺขาตสฺส สตฺตวิธสฺสาปิ อามกธญฺญสฺส ปฎิคฺคหณาฯ น เกวลญฺจ เอเตสํ ปฎิคฺคหณเมว, อามสนมฺปิ ภิกฺขูนํ น วฎฺฎติเยวฯ อามกมํสปฎิคฺคหณาติ เอตฺถ อญฺญตฺร โอทิสฺส อนุญฺญาตา อามกมจฺฉมํสานํ ปฎิคฺคหณเมว ภิกฺขูนํ น วฎฺฎติ, โน อามสนํฯ อิตฺถิกุมาริกปฎิคฺคหณาติ เอตฺถ อิตฺถีติ ปุริสนฺตรคตาฯ อิตรา กุมาริกา นามฯ ตาสํ ปฎิคฺคหณมฺปิ อามสนมฺปิ อกปฺปิยเมวฯ ทาสิทาสปฎิคฺคหณาติ เอตฺถ ทาสิทาสวเสเนว เตสํ ปฎิคฺคหณํ น วฎฺฎติฯ ‘กปฺปิยการกํ ทมฺมิ’, ‘อารามิกํ ทมฺมี’ติ เอวํ วุเตฺต ปน วฎฺฎติฯ อเชฬกาทีสุปิ เขตฺตวตฺถุปริโยสาเนสุ กปฺปิยากปฺปิยนโย วินยวเสน อุปปริกฺขิตโพฺพฯ ตตฺถ เขตฺตํ นาม ยสฺมิํ ปุพฺพณฺณํ รุหติฯ วตฺถุ นาม ยสฺมิํ อปรณฺณํ รุหติฯ ยตฺถ วา อุภยมฺปิ รุหติ ตํ เขตฺตํฯ ตทตฺถาย อกตภูมิภาโค วตฺถุฯ เขตฺตวตฺถุสีเสน เจตฺถ วาปิตฬากาทีนิปิ สงฺคหิตาเนวฯ
Āmakadhaññapaṭiggahaṇāti sālivīhiyavagodhumakaṅguvarakakudrūsakasaṅkhātassa sattavidhassāpi āmakadhaññassa paṭiggahaṇā. Na kevalañca etesaṃ paṭiggahaṇameva, āmasanampi bhikkhūnaṃ na vaṭṭatiyeva. Āmakamaṃsapaṭiggahaṇāti ettha aññatra odissa anuññātā āmakamacchamaṃsānaṃ paṭiggahaṇameva bhikkhūnaṃ na vaṭṭati, no āmasanaṃ. Itthikumārikapaṭiggahaṇāti ettha itthīti purisantaragatā. Itarā kumārikā nāma. Tāsaṃ paṭiggahaṇampi āmasanampi akappiyameva. Dāsidāsapaṭiggahaṇāti ettha dāsidāsavaseneva tesaṃ paṭiggahaṇaṃ na vaṭṭati. ‘Kappiyakārakaṃ dammi’, ‘ārāmikaṃ dammī’ti evaṃ vutte pana vaṭṭati. Ajeḷakādīsupi khettavatthupariyosānesu kappiyākappiyanayo vinayavasena upaparikkhitabbo. Tattha khettaṃ nāma yasmiṃ pubbaṇṇaṃ ruhati. Vatthu nāma yasmiṃ aparaṇṇaṃ ruhati. Yattha vā ubhayampi ruhati taṃ khettaṃ. Tadatthāya akatabhūmibhāgo vatthu. Khettavatthusīsena cettha vāpitaḷākādīnipi saṅgahitāneva.
ทูเตยฺยํ วุจฺจติ ทูตกมฺมํฯ คิหีนํ ปหิตํ ปณฺณํ วา สาสนํ วา คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ คมนํ ฯ ปหีณคมนํ วุจฺจติ ปรฆรํ เปสิตสฺส ขุทฺทกคมนํฯ อนุโยโค นาม ตทุภยกรณํฯ ตสฺมา ทูเตยฺยปหีณคมนานํ อนุโคติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ กยวิกฺกยาติ กยา จ วิกฺกยา จฯ ตุลากูฎาทีสุ – กูฎนฺติ วญฺจนํฯ ตตฺถ ตุลากูฎํ นาม รูปกูฎํ, องฺคกูฎํ คหณกูฎํ, ปฎิจฺฉนฺนกูฎนฺติ จตุพฺพิธํ โหติฯ ตตฺถ รูปกูฎํ นาม เทฺว ตุลา สมรูปา กตฺวา คณฺหโนฺต มหติยา คณฺหาติ, ททโนฺต ขุทฺทิกาย เทติฯ องฺคกูฎํ นาม คณฺหโนฺต ปจฺฉาภาเค หเตฺถน ตุลํ อกฺกมติ, ททโนฺต ปุพฺพภาเคฯ คหณกูฎํ นาม คณฺหโนฺต มูเล รชฺชุํ คณฺหาติ, ททโนฺต อเคฺคฯ ปฎิจฺฉนฺนกูฎํ นาม ตุลํ สุสิรํ กตฺวา อโนฺต อยจุณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา คณฺหโนฺต ตํ ปจฺฉาภาเค กโรติ, ททโนฺต อคฺคภาเคฯ
Dūteyyaṃ vuccati dūtakammaṃ. Gihīnaṃ pahitaṃ paṇṇaṃ vā sāsanaṃ vā gahetvā tattha tattha gamanaṃ . Pahīṇagamanaṃ vuccati paragharaṃ pesitassa khuddakagamanaṃ. Anuyogo nāma tadubhayakaraṇaṃ. Tasmā dūteyyapahīṇagamanānaṃ anugoti evamettha attho daṭṭhabbo. Kayavikkayāti kayā ca vikkayā ca. Tulākūṭādīsu – kūṭanti vañcanaṃ. Tattha tulākūṭaṃ nāma rūpakūṭaṃ, aṅgakūṭaṃ gahaṇakūṭaṃ, paṭicchannakūṭanti catubbidhaṃ hoti. Tattha rūpakūṭaṃ nāma dve tulā samarūpā katvā gaṇhanto mahatiyā gaṇhāti, dadanto khuddikāya deti. Aṅgakūṭaṃ nāma gaṇhanto pacchābhāge hatthena tulaṃ akkamati, dadanto pubbabhāge. Gahaṇakūṭaṃ nāma gaṇhanto mūle rajjuṃ gaṇhāti, dadanto agge. Paṭicchannakūṭaṃ nāma tulaṃ susiraṃ katvā anto ayacuṇṇaṃ pakkhipitvā gaṇhanto taṃ pacchābhāge karoti, dadanto aggabhāge.
กํโส วุจฺจติ สุวณฺณปาติฯ ตาย วญฺจนํ กํสกูฎํฯ กถํ? เอกํ สุวณฺณปาติํ กตฺวา อญฺญา เทฺว ติโสฺส โลหปาติโย สุวณฺณวณฺณา กโรนฺติ, ตโต ชนปทํ คนฺตฺวา กิญฺจิเทว อฑฺฒกุลํ ปวิสิตฺวา สุวณฺณภาชนานิ กิณถา’ติ วตฺวา อเคฺฆ ปุจฺฉิเต สมคฺฆตรํ ทาตุกามา โหนฺติฯ ตโต เตหิ ‘กถํ อิเมสํ สุวณฺณภาโว ชานิตโพฺพ’ติ วุเตฺต ‘วีมํสิตฺวา คณฺหถา’ติ สุวณฺณปาติํ ปาสาเณ ฆํสิตฺวา สพฺพปาติโย ทตฺวา คจฺฉนฺติฯ
Kaṃso vuccati suvaṇṇapāti. Tāya vañcanaṃ kaṃsakūṭaṃ. Kathaṃ? Ekaṃ suvaṇṇapātiṃ katvā aññā dve tisso lohapātiyo suvaṇṇavaṇṇā karonti, tato janapadaṃ gantvā kiñcideva aḍḍhakulaṃ pavisitvā suvaṇṇabhājanāni kiṇathā’ti vatvā agghe pucchite samagghataraṃ dātukāmā honti. Tato tehi ‘kathaṃ imesaṃ suvaṇṇabhāvo jānitabbo’ti vutte ‘vīmaṃsitvā gaṇhathā’ti suvaṇṇapātiṃ pāsāṇe ghaṃsitvā sabbapātiyo datvā gacchanti.
มานกูฎํ นาม หทยเภทสิขาเภทรชฺชุเภทวเสน ติวิธํ โหติฯ ตตฺถ หทยเภโท สปฺปิเตลาทิมินนกาเล ลพฺภติฯ ตานิ หิ คณฺหโนฺต เหฎฺฐา ฉิเทฺทน มาเนน ‘สณิกํ อาสิญฺจา’ติ วตฺวา อโนฺตภาชเน พหุํ ปคฺฆราเปตฺวา คณฺหาติฯ ททโนฺต ฉิทฺทํ ปิธาย สีฆํ ปูเรตฺวา เทติฯ สิขาเภโท ติลตณฺฑุลาทิมินนกาเล ลพฺภติฯ ตานิ หิ คณฺหโนฺต สณิกํ สิขํ อุสฺสาเปตฺวา คณฺหาติฯ ททโนฺต เวเคน ปูเรตฺวา สิขํ ฉินฺทโนฺต เทติฯ รชฺชุเภโท เขตฺตวตฺถุมินนกาเล ลพฺภติฯ ลญฺชํ อลภนฺตา หิ เขตฺตํ อมหนฺตมฺปิ มหนฺตํ กตฺวา มินนฺติฯ
Mānakūṭaṃ nāma hadayabhedasikhābhedarajjubhedavasena tividhaṃ hoti. Tattha hadayabhedo sappitelādiminanakāle labbhati. Tāni hi gaṇhanto heṭṭhā chiddena mānena ‘saṇikaṃ āsiñcā’ti vatvā antobhājane bahuṃ paggharāpetvā gaṇhāti. Dadanto chiddaṃ pidhāya sīghaṃ pūretvā deti. Sikhābhedo tilataṇḍulādiminanakāle labbhati. Tāni hi gaṇhanto saṇikaṃ sikhaṃ ussāpetvā gaṇhāti. Dadanto vegena pūretvā sikhaṃ chindanto deti. Rajjubhedo khettavatthuminanakāle labbhati. Lañjaṃ alabhantā hi khettaṃ amahantampi mahantaṃ katvā minanti.
อุโกฺกฎนาทีสุ – อุโกฺกฎนนฺติ อสฺสามิเก สามิเก กาตุํ ลญฺชคฺคหณํฯ วญฺจนนฺติ เตหิ เตหิ อุปาเยหิ ปเรสํ วญฺจนํฯ ตตฺริทเมกํ วตฺถุ – เอโก กิร ลุทฺทโก มิคญฺจ มิคโปตกญฺจ คเหตฺวา อาคจฺฉติฯ ตเมโก ธุโตฺต – ‘‘กิํ โภ มิโค อคฺฆติ, กิํ มิคโปตโก’’ติ อาหฯ ‘‘มิโค เทฺว กหาปเณ, มิคโปตโก เอก’’นฺติ จ วุเตฺต กหาปณํ ทตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา โถกํ คนฺตฺวา นิวโตฺต , ‘‘น เม โภ มิคโปตเกน อโตฺถ, มิคํ เม เทหี’’ติ อาหฯ เตน หิ ‘‘เทฺว กหาปเณ เทหี’’ติฯ โส อาห – ‘‘นนุ เต, โภ, มยา ปฐมํ เอโก กหาปโณ ทิโนฺน’’ติ? ‘‘อาม ทิโนฺน’’ติฯ อิทมฺปิ มิคโปตกํ คณฺห, เอวํ โส จ กหาปโณ อยญฺจ กหาปณคฺฆณโก มิคโปตโกติ เทฺว กหาปณา ภวิสฺสนฺตีติฯ โส ‘‘การณํ วทตี’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา มิคํ อทาสีติฯ
Ukkoṭanādīsu – ukkoṭananti assāmike sāmike kātuṃ lañjaggahaṇaṃ. Vañcananti tehi tehi upāyehi paresaṃ vañcanaṃ. Tatridamekaṃ vatthu – eko kira luddako migañca migapotakañca gahetvā āgacchati. Tameko dhutto – ‘‘kiṃ bho migo agghati, kiṃ migapotako’’ti āha. ‘‘Migo dve kahāpaṇe, migapotako eka’’nti ca vutte kahāpaṇaṃ datvā migapotakaṃ gahetvā thokaṃ gantvā nivatto , ‘‘na me bho migapotakena attho, migaṃ me dehī’’ti āha. Tena hi ‘‘dve kahāpaṇe dehī’’ti. So āha – ‘‘nanu te, bho, mayā paṭhamaṃ eko kahāpaṇo dinno’’ti? ‘‘Āma dinno’’ti. Idampi migapotakaṃ gaṇha, evaṃ so ca kahāpaṇo ayañca kahāpaṇagghaṇako migapotakoti dve kahāpaṇā bhavissantīti. So ‘‘kāraṇaṃ vadatī’’ti sallakkhetvā migapotakaṃ gahetvā migaṃ adāsīti.
นิกตีติ โยควเสน วา มายาวเสน วา อปามงฺคํ ปามงฺคนฺติ, อมณิํ มณีติ, อสุวณฺณํ สุวณฺณนฺติ กตฺวา ปติรูปเกน วญฺจนํฯ สาจิโยโคติ กุฎิลโยโคฯ เอเตสํเยว อุโกฺกฎนาทีนเมตํ นามํฯ ตสฺมา อุโกฺกฎนสาจิโยโค วญฺจนสาจิโยโค นิกติสาจิโยโคติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เกจิ อญฺญํ ทเสฺสตฺวา อญฺญสฺส ปริวตฺตนํ ‘สาจิโยโค’ติ วทนฺติฯ ตํ ปน วญฺจเนเนว สงฺคหิตํฯ
Nikatīti yogavasena vā māyāvasena vā apāmaṅgaṃ pāmaṅganti, amaṇiṃ maṇīti, asuvaṇṇaṃ suvaṇṇanti katvā patirūpakena vañcanaṃ. Sāciyogoti kuṭilayogo. Etesaṃyeva ukkoṭanādīnametaṃ nāmaṃ. Tasmā ukkoṭanasāciyogo vañcanasāciyogo nikatisāciyogoti evamettha attho daṭṭhabbo. Keci aññaṃ dassetvā aññassa parivattanaṃ ‘sāciyogo’ti vadanti. Taṃ pana vañcaneneva saṅgahitaṃ.
เฉทนาทีสุ – เฉทนนฺติ หตฺถเจฺฉทนาทิฯ วโธติ มารณํฯ พโนฺธติ รชฺชุพนฺธนาทีหิ พนฺธนํฯ วิปราโมโสติ หิมวิปราโมโส, คุมฺพวิปราโมโสติ ทุวิโธฯ ยญฺหิ หิมปาตสมเย หิเมน ปฎิจฺฉนฺนา หุตฺวา มคฺคปฺปฎิปนฺนํ ชนํ มุสนฺติ, อยํ หิมวิปราโมโสฯ ยํ คุมฺพาทีหิ ปฎิจฺฉนฺนา มุสนฺติ, อยํ คุมฺพวิปราโมโสฯ อาโลโป วุจฺจติ คามนิคมาทีนํ วิโลปกรณํฯ สหสากาโรติ สาหสิกกิริยาฯ เคหํ ปวิสิตฺวา มนุสฺสานํ อุเร สตฺถํ ฐเปตฺวา อิจฺฉิตภณฺฑคฺคหณํฯ เอวเมตสฺมา เฉทน…เป.… สหสาการา ปฎิวิรโต โหติฯ
Chedanādīsu – chedananti hatthacchedanādi. Vadhoti māraṇaṃ. Bandhoti rajjubandhanādīhi bandhanaṃ. Viparāmosoti himaviparāmoso, gumbaviparāmosoti duvidho. Yañhi himapātasamaye himena paṭicchannā hutvā maggappaṭipannaṃ janaṃ musanti, ayaṃ himaviparāmoso. Yaṃ gumbādīhi paṭicchannā musanti, ayaṃ gumbaviparāmoso. Ālopo vuccati gāmanigamādīnaṃ vilopakaraṇaṃ. Sahasākāroti sāhasikakiriyā. Gehaṃ pavisitvā manussānaṃ ure satthaṃ ṭhapetvā icchitabhaṇḍaggahaṇaṃ. Evametasmā chedana…pe… sahasākārā paṭivirato hoti.
๑๘๐. โส สนฺตุโฎฺฐ โหตีติ โส จตูสุ ปจฺจเยสุ ทฺวาทสวิเธน อิตรีตรปจฺจยสโนฺตเสน สมนฺนาคโต โหติฯ กายปริหาริเกนาติ กายํ ปริหรณมตฺตเกนฯ กุจฺฉิปริหาริเกนาติ กุจฺฉิปริหรณมตฺตเกนฯ สมาทาเยว ปกฺกมตีติ อฎฺฐวิธํ ภิกฺขุ ปริกฺขารมตฺตกํ สพฺพํ คเหตฺวาว กายปฎิพทฺธํ กตฺวาว คจฺฉติฯ ‘‘มม วิหาโร ปริเวณํ อุปฎฺฐาโก’’ติ สโงฺค วา พโทฺธ วา น โหติฯ โส ชิยา มุตฺตสโร วิย ยูถา ปกฺกโนฺต, มตฺตหตฺถี วิย อิจฺฉิติจฺฉิตํ เสนาสนํ วนสณฺฑํ รุกฺขมูลํ วนปตฺถํ ปพฺภารํ ปริภุญฺชโนฺต เอโกว ติฎฺฐติ, เอโกว นิสีทติฯ สพฺพิริยาปเถสุ เอโกว อทุติโยฯ
180. So santuṭṭho hotīti so catūsu paccayesu dvādasavidhena itarītarapaccayasantosena samannāgato hoti. Kāyaparihārikenāti kāyaṃ pariharaṇamattakena. Kucchiparihārikenāti kucchipariharaṇamattakena. Samādāyeva pakkamatīti aṭṭhavidhaṃ bhikkhu parikkhāramattakaṃ sabbaṃ gahetvāva kāyapaṭibaddhaṃ katvāva gacchati. ‘‘Mama vihāro pariveṇaṃ upaṭṭhāko’’ti saṅgo vā baddho vā na hoti. So jiyā muttasaro viya yūthā pakkanto, mattahatthī viya icchiticchitaṃ senāsanaṃ vanasaṇḍaṃ rukkhamūlaṃ vanapatthaṃ pabbhāraṃ paribhuñjanto ekova tiṭṭhati, ekova nisīdati. Sabbiriyāpathesu ekova adutiyo.
‘‘จาตุทฺทิโส อปฺปฎิโฆ จ โหติ,
‘‘Cātuddiso appaṭigho ca hoti,
สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรน;
Santussamāno itarītarena;
ปริสฺสยานํ สหิตา อฉมฺภี,
Parissayānaṃ sahitā achambhī,
เอโก จเร ขคฺควิสาณกโปฺป’’ติฯ (สุ. นิ. ๔๒);
Eko care khaggavisāṇakappo’’ti. (su. ni. 42);
เอวํ วณฺณิตํ ขคฺควิสาณกปฺปตํ อาปชฺชติฯ
Evaṃ vaṇṇitaṃ khaggavisāṇakappataṃ āpajjati.
อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย สาเธโนฺต, ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปกฺขี สกุโณติ ปกฺขยุโตฺต สกุโณฯ เฑตีติ อุปฺปตติฯ อยํ ปเนตฺถ สเงฺขปโตฺถ – สกุโณ นาม ‘‘อสุกสฺมิํ ปเทเส รุโกฺข ปริปกฺกผโล’’ติ ญตฺวา นานาทิสาหิ อาคนฺตฺวา นขปกฺขตุณฺฑาทีหิ ตสฺส ผลานิ วิชฺฌนฺตา วิธุนนฺตา ขาทนฺติฯ ‘‘อิทํ อชฺชตนาย, อิทํ สฺวาตนาย ภวิสฺสตี’’ติ เตสํ น โหติฯ ผเล ปน ขีเณ เนว รุกฺขสฺส อารกฺขํ ฐเปนฺติ, น ตตฺถ ปตฺตํ วา นขํ วา ตุณฺฑํ วา ฐเปนฺติฯ อถ โข ตสฺมิํ รุเกฺข อนเปโกฺข หุตฺวา โย ยํ ทิสาภาคํ อิจฺฉติ, โส เตน สปตฺตภาโรว อุปฺปติตฺวา คจฺฉติฯ เอวเมว อยํ ภิกฺขุ นิสฺสโงฺค นิรเปโกฺขเยว ปกฺกมติ, เตน วุตฺตํ สมาทาเยว ปกฺกมตีติฯ อริเยนาติ นิโทฺทเสนฯ อชฺฌตฺตนฺติ สเก อตฺตภาเวฯ อนวชฺชสุขนฺติ นิโทฺทสสุขํฯ
Idāni tamatthaṃ upamāya sādhento, ‘‘seyyathāpī’’tiādimāha. Tattha pakkhī sakuṇoti pakkhayutto sakuṇo. Ḍetīti uppatati. Ayaṃ panettha saṅkhepattho – sakuṇo nāma ‘‘asukasmiṃ padese rukkho paripakkaphalo’’ti ñatvā nānādisāhi āgantvā nakhapakkhatuṇḍādīhi tassa phalāni vijjhantā vidhunantā khādanti. ‘‘Idaṃ ajjatanāya, idaṃ svātanāya bhavissatī’’ti tesaṃ na hoti. Phale pana khīṇe neva rukkhassa ārakkhaṃ ṭhapenti, na tattha pattaṃ vā nakhaṃ vā tuṇḍaṃ vā ṭhapenti. Atha kho tasmiṃ rukkhe anapekkho hutvā yo yaṃ disābhāgaṃ icchati, so tena sapattabhārova uppatitvā gacchati. Evameva ayaṃ bhikkhu nissaṅgo nirapekkhoyeva pakkamati, tena vuttaṃ samādāyeva pakkamatīti. Ariyenāti niddosena. Ajjhattanti sake attabhāve. Anavajjasukhanti niddosasukhaṃ.
๑๘๑. โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ โส อิมินา อริเยน สีลกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ จกฺขุวิญฺญาเณน รูปํ ปสฺสิตฺวาติ อโตฺถฯ เสสปเทสุปิ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ อพฺยาเสกสุขนฺติ กิเลเสหิ อนวสิตฺตสุขํฯ อวิกิณฺณสุขนฺติปิ วุตฺตํฯ อินฺทฺริยสํวรสุขญฺหิ ทิฎฺฐาทีสุ ทิฎฺฐมตฺตาทิวเสน ปวตฺตตาย อวิกิณฺณํ โหติฯ
181. So cakkhunā rūpaṃ disvāti so iminā ariyena sīlakkhandhena samannāgato bhikkhu cakkhuviññāṇena rūpaṃ passitvāti attho. Sesapadesupi yaṃ vattabbaṃ, taṃ sabbaṃ heṭṭhā vuttameva. Abyāsekasukhanti kilesehi anavasittasukhaṃ. Avikiṇṇasukhantipi vuttaṃ. Indriyasaṃvarasukhañhi diṭṭhādīsu diṭṭhamattādivasena pavattatāya avikiṇṇaṃ hoti.
๑๘๒. โส อภิกฺกเนฺต ปฎิกฺกเนฺตติ โส มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ สํวเรน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อิเมสุ อภิกฺกนฺตปฎิกฺกนฺตาทีสุ สตฺตสุ ฐาเนสุ สติสมฺปชญฺญวเสน สมฺปชานการี โหติฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ ฌานวิภเงฺค วุตฺตเมวฯ
182. Soabhikkante paṭikkanteti so manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ saṃvarena samannāgato bhikkhu imesu abhikkantapaṭikkantādīsu sattasu ṭhānesu satisampajaññavasena sampajānakārī hoti. Tattha yaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ jhānavibhaṅge vuttameva.
โส อิมินา จาติอาทินา กิํ ทเสฺสติ? อรญฺญวาสสฺส ปจฺจยสมฺปตฺติํ ทเสฺสติฯ ยสฺส หิ อิเม จตฺตาโร ปจฺจยา นตฺถิ , ตสฺส อรญฺญวาโส น อิชฺฌติ, ติรจฺฉานคเตหิ วา วนจรเกหิ วา สทฺธิํ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติฯ อรเญฺญ อธิวตฺถา เทวตา ‘‘กิํ เอวรูปสฺส ปาปภิกฺขุโน อรญฺญวาเสนา’’ติ เภรวํ สทฺทํ สาเวนฺติฯ หเตฺถหิ สีสํ ปหริตฺวา ปลายนาการํ กโรนฺติ ฯ ‘‘อสุโก ภิกฺขุ อรญฺญํ ปวิสิตฺวา อิทญฺจิทญฺจ ปาปกมฺมํ อกาสี’’ติ อยโส ปตฺถรติฯ ยสฺส ปเนเต จตฺตาโร ปจฺจยา อตฺถิ, ตสฺส อรญฺญวาโส อิชฺฌติฯ โส หิ อตฺตโน สีลํ ปจฺจเวกฺขโนฺต กิญฺจิ กาฬกํ วา ติลกํ วา อปสฺสโนฺต ปีติํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ขยโต วยโต สมฺมสโนฺต อริยภูมิํ โอกฺกมติฯ อรเญฺญ อธิวตฺถา เทวตา อตฺตมนา วณฺณํ ภาสนฺติฯ อิติสฺส อุทเก ปกฺขิตฺตเตลพินฺทุ วิย ยโส วิตฺถาริโก โหติฯ วิวิตฺตนฺติอาทีนิ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถาเนวฯ โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต…เป.… ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานาตีติ เอตฺตเก ฐาเน ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตเมวฯ
So iminā cātiādinā kiṃ dasseti? Araññavāsassa paccayasampattiṃ dasseti. Yassa hi ime cattāro paccayā natthi , tassa araññavāso na ijjhati, tiracchānagatehi vā vanacarakehi vā saddhiṃ vattabbataṃ āpajjati. Araññe adhivatthā devatā ‘‘kiṃ evarūpassa pāpabhikkhuno araññavāsenā’’ti bheravaṃ saddaṃ sāventi. Hatthehi sīsaṃ paharitvā palāyanākāraṃ karonti . ‘‘Asuko bhikkhu araññaṃ pavisitvā idañcidañca pāpakammaṃ akāsī’’ti ayaso pattharati. Yassa panete cattāro paccayā atthi, tassa araññavāso ijjhati. So hi attano sīlaṃ paccavekkhanto kiñci kāḷakaṃ vā tilakaṃ vā apassanto pītiṃ uppādetvā taṃ khayato vayato sammasanto ariyabhūmiṃ okkamati. Araññe adhivatthā devatā attamanā vaṇṇaṃ bhāsanti. Itissa udake pakkhittatelabindu viya yaso vitthāriko hoti. Vivittantiādīni heṭṭhā vuttatthāneva. So evaṃ samāhite citte…pe… yathākammūpage satte pajānātīti ettake ṭhāne yaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ sabbaṃ visuddhimagge vuttameva.
๑๘๕. ตติยวิชฺชาย โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺตติ วิปสฺสนาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพํฯ อาสวานํ ขยญาณายาติ อรหตฺตมคฺคญาณตฺถายฯ อรหตฺตมโคฺค หิ อาสวานํ วินาสนโต อาสวานํ ขโยติ วุจฺจติฯ ตตฺร เจตํ ญาณํ ตปฺปริยาปนฺนตฺตาติฯ จิตฺตํ อภินินฺนาเมตีติ วิปสฺสนาจิตฺตํ อภินีหรติฯ โส อิทํ ทุกฺขนฺติ เอวมาทีสุ – ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิโยฺย’’ติ สพฺพมฺปิ ทุกฺขสจฺจํ สรสลกฺขณปฺปฎิเวเธน ยถาภูตํ ปชานาติ, ปฎิวิชฺฌติฯ ตสฺส จ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติกํ ตณฺหํ – อยํ ทุกฺขสมุทโยติ; ตทุภยมฺปิ ยํ ฐานํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ, ตํ เตสํ อปฺปวตฺติํ นิพฺพานํ – อยํ ทุกฺขนิโรโธติ; ตสฺส จ สมฺปาปกํ อริยมคฺคํ – อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาติ สรสลกฺขณปฎิเวเธน ยถาภูตํ ปชานาติ, ปฎิวิชฺฌตีติ – เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
185. Tatiyavijjāya so evaṃ samāhite citteti vipassanāpādakaṃ catutthajjhānacittaṃ veditabbaṃ. Āsavānaṃ khayañāṇāyāti arahattamaggañāṇatthāya. Arahattamaggo hi āsavānaṃ vināsanato āsavānaṃ khayoti vuccati. Tatra cetaṃ ñāṇaṃ tappariyāpannattāti. Cittaṃ abhininnāmetīti vipassanācittaṃ abhinīharati. So idaṃ dukkhanti evamādīsu – ‘‘ettakaṃ dukkhaṃ, na ito bhiyyo’’ti sabbampi dukkhasaccaṃ sarasalakkhaṇappaṭivedhena yathābhūtaṃ pajānāti, paṭivijjhati. Tassa ca dukkhassa nibbattikaṃ taṇhaṃ – ayaṃ dukkhasamudayoti; tadubhayampi yaṃ ṭhānaṃ patvā nirujjhati, taṃ tesaṃ appavattiṃ nibbānaṃ – ayaṃ dukkhanirodhoti; tassa ca sampāpakaṃ ariyamaggaṃ – ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadāti sarasalakkhaṇapaṭivedhena yathābhūtaṃ pajānāti, paṭivijjhatīti – evamattho veditabbo.
เอวํ สรูปโต สจฺจานิ ทเสฺสตฺวา อิทานิ กิเลสวเสน ปริยายโต ทเสฺสโนฺต อิเม อาสวาติอาทิมาหฯ ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโตติ ตสฺส เอวํ ชานนฺตสฺส เอวํ ปสฺสนฺตสฺส สห วิปสฺสนาย โกฎิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถติฯ กามาสวาติ กามาสวโตฯ วิมุจฺจตีติ อิมินา มคฺคกฺขณํ ทเสฺสติฯ วิมุตฺตสฺมินฺติ อิมินา ผลกฺขณํ ทเสฺสติฯ มคฺคกฺขเณ หิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ผลกฺขเณ วิมุตฺตํ โหติฯ วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณนฺติ อิมินา ปจฺจเวกฺขณญาณํ ทเสฺสติฯ ขีณา ชาตีติอาทีหิ ตสฺส ภูมิํฯ เตน หิ ญาเณน โส ปจฺจเวกฺขโนฺต ‘ขีณา ชาตี’ติอาทีนิ ปชานาติฯ วุสิตนฺติ วุฎฺฐํ ปริวุฎฺฐํ กตํ จริตํ นิฎฺฐิตนฺติ อโตฺถฯ พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํฯ ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธิํ สตฺต เสกฺขา พฺรหฺมจริยวาสํ วสนฺติ นามฯ ขีณาสโว วุฎฺฐวาโสฯ ตสฺมา โส อตฺตโน พฺรหฺมจริยวาสํ ปจฺจเวกฺขโนฺต วุสิตํ พฺรหฺมจริยนฺติ ปชานาติฯ กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สเจฺจสุ จตูหิ มเคฺคหิ ปริญฺญาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฎฺฐาปิตนฺติ อโตฺถฯ ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย หิ ตํ กิจฺจํ กโรนฺติ; ขีณาสโว กตกรณีโยฯ ตสฺมา โส อตฺตโน กรณียํ ปจฺจเวกฺขโนฺตฯ ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ ปชานาติฯ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ‘‘อิทานิ ปุน เอตฺถภาวาย เอวํ โสฬสกิจฺจภาวาย กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนากิจฺจํ นตฺถี’’ติ ปชานาติฯ
Evaṃ sarūpato saccāni dassetvā idāni kilesavasena pariyāyato dassento ime āsavātiādimāha. Tassa evaṃ jānato evaṃpassatoti tassa evaṃ jānantassa evaṃ passantassa saha vipassanāya koṭippattaṃ maggaṃ katheti. Kāmāsavāti kāmāsavato. Vimuccatīti iminā maggakkhaṇaṃ dasseti. Vimuttasminti iminā phalakkhaṇaṃ dasseti. Maggakkhaṇe hi cittaṃ vimuccati, phalakkhaṇe vimuttaṃ hoti. Vimuttasmiṃ vimuttamiti ñāṇanti iminā paccavekkhaṇañāṇaṃ dasseti. Khīṇā jātītiādīhi tassa bhūmiṃ. Tena hi ñāṇena so paccavekkhanto ‘khīṇā jātī’tiādīni pajānāti. Vusitanti vuṭṭhaṃ parivuṭṭhaṃ kataṃ caritaṃ niṭṭhitanti attho. Brahmacariyanti maggabrahmacariyaṃ. Puthujjanakalyāṇakena hi saddhiṃ satta sekkhā brahmacariyavāsaṃ vasanti nāma. Khīṇāsavo vuṭṭhavāso. Tasmā so attano brahmacariyavāsaṃ paccavekkhanto vusitaṃ brahmacariyanti pajānāti. Kataṃ karaṇīyanti catūsu saccesu catūhi maggehi pariññāpahānasacchikiriyābhāvanāvasena soḷasavidhampi kiccaṃ niṭṭhāpitanti attho. Puthujjanakalyāṇakādayo hi taṃ kiccaṃ karonti; khīṇāsavo katakaraṇīyo. Tasmā so attano karaṇīyaṃ paccavekkhanto. ‘‘Kataṃ karaṇīya’’nti pajānāti. Nāparaṃ itthattāyāti ‘‘idāni puna etthabhāvāya evaṃ soḷasakiccabhāvāya kilesakkhayāya vā maggabhāvanākiccaṃ natthī’’ti pajānāti.
๑๘๖. สราคาทีสุ – อปฺปหีโนติ วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน วา ตทงฺคปฺปหาเนน วา สมุเจฺฉทปฺปหาเนน วา อปฺปหีโนฯ
186. Sarāgādīsu – appahīnoti vikkhambhanappahānena vā tadaṅgappahānena vā samucchedappahānena vā appahīno.
๑๘๗. ลาภี โหตีติอาทีสุ – ลาภีติ ลาภวา ปฎิลภิตฺวา ฐิโตฯ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺสาติ นิยกชฺฌตฺตสงฺขาเต อตฺตโน จิเตฺต อุปฺปนฺนสฺส เจโตสมถสฺสฯ อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนายาติ อธิปญฺญาสงฺขาตาย ขนฺธธเมฺมสุ อนิจฺจาทิวเสน ปวตฺตาย วิปสฺสนายฯ รูปสหคตานนฺติ รูปนิมิตฺตารมฺมณานํ รูปาวจรสมาปตฺตีนํฯ อรูปสหคตานนฺติ น รูปนิมิตฺตารมฺมณานํ อรูปสมาปตฺตีนํฯ เอตฺถ จ ปฐโม อฎฺฐสมาปตฺติลาภี ปุถุชฺชโนฯ ทุติโย สุกฺขวิปสฺสกอริยสาวโกฯ ตติโย อฎฺฐสมาปตฺติลาภี อริยสาวโกฯ จตุโตฺถ โลกิยมหาชโน เวทิตโพฺพฯ
187. Lābhī hotītiādīsu – lābhīti lābhavā paṭilabhitvā ṭhito. Ajjhattaṃ cetosamathassāti niyakajjhattasaṅkhāte attano citte uppannassa cetosamathassa. Adhipaññādhammavipassanāyāti adhipaññāsaṅkhātāya khandhadhammesu aniccādivasena pavattāya vipassanāya. Rūpasahagatānanti rūpanimittārammaṇānaṃ rūpāvacarasamāpattīnaṃ. Arūpasahagatānanti na rūpanimittārammaṇānaṃ arūpasamāpattīnaṃ. Ettha ca paṭhamo aṭṭhasamāpattilābhī puthujjano. Dutiyo sukkhavipassakaariyasāvako. Tatiyo aṭṭhasamāpattilābhī ariyasāvako. Catuttho lokiyamahājano veditabbo.
๑๘๘. อนุโสตคามีอาทีสุ – อนุโสตคามีติ วฎฺฎโสตํ อนุคโต, วฎฺฎโสเต นิมุโคฺค ปุถุชฺชโน เวทิตโพฺพฯ ปฎิโสตคามีติ ปฎิโสตคมโน ฯ อนุโสตํ อคนฺตฺวา ปฎิโสตํ คจฺฉนฺตเสฺสตํ อธิวจนํฯ ปาปญฺจ กมฺมํ น กโรตีติ ปญฺญตฺตํ วีติกฺกมโนฺต น กโรติฯ สหาปิ ทุเกฺขน สหาปิ โทมนเสฺสนาติ กิเลสปริยุฎฺฐาเน สติ อุปฺปเนฺนน ทุกฺขโทมนเสฺสน สทฺธิมฺปิฯ ปริปุณฺณนฺติ ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ เอกายปิ อนูนํฯ ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํฯ พฺรหฺมจริยนฺติ เสฎฺฐจริยํฯ อิมินา วาเรน โสตาปนฺนสกทาคามิโน กถิตาฯ กิํ ปน เต รุทนฺตา พฺรหฺมจริยํ จรนฺตีติ? อามฯ กิเลสโรทเนน รุทนฺตา จรนฺติ นามฯ สีลสมฺปโนฺน ปุถุชฺชนภิกฺขุปิ เอเตฺถว สงฺคหิโตฯ
188. Anusotagāmīādīsu – anusotagāmīti vaṭṭasotaṃ anugato, vaṭṭasote nimuggo puthujjano veditabbo. Paṭisotagāmīti paṭisotagamano . Anusotaṃ agantvā paṭisotaṃ gacchantassetaṃ adhivacanaṃ. Pāpañca kammaṃ na karotīti paññattaṃ vītikkamanto na karoti. Sahāpi dukkhena sahāpi domanassenāti kilesapariyuṭṭhāne sati uppannena dukkhadomanassena saddhimpi. Paripuṇṇanti tissannaṃ sikkhānaṃ ekāyapi anūnaṃ. Parisuddhanti nirupakkilesaṃ. Brahmacariyanti seṭṭhacariyaṃ. Iminā vārena sotāpannasakadāgāmino kathitā. Kiṃ pana te rudantā brahmacariyaṃ carantīti? Āma. Kilesarodanena rudantā caranti nāma. Sīlasampanno puthujjanabhikkhupi ettheva saṅgahito.
ฐิตโตฺตติ ฐิตสภาโวฯ อนาคามีติ กามราคพฺยาปาเทหิ อกมฺปนียจิตฺตตาย จ ตมฺหา โลกา อนาวตฺติธมฺมตาย จ ฐิตสภาโว นามฯ ติโณฺณติ ตณฺหาโสตํ อุตฺติโณฺณฯ ปารงฺคโตติ นิพฺพานปารํ คโตฯ ถเล ติฎฺฐตีติ อรหตฺตผลสมาปตฺติถเล ติฎฺฐติฯ เจโตวิมุตฺตินฺติ ผลสมาธิํฯ ปญฺญาวิมุตฺตินฺติ ผลญาณํฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ ขีณาสโว ‘‘ติโณฺณ ปารงฺคโต ถเล ติฎฺฐติ พฺราหฺมโณ’’ติ วุจฺจติฯ พาหิตปาปตาย หิ เอส พฺราหฺมโณ นามฯ
Ṭhitattoti ṭhitasabhāvo. Anāgāmīti kāmarāgabyāpādehi akampanīyacittatāya ca tamhā lokā anāvattidhammatāya ca ṭhitasabhāvo nāma. Tiṇṇoti taṇhāsotaṃ uttiṇṇo. Pāraṅgatoti nibbānapāraṃ gato. Thale tiṭṭhatīti arahattaphalasamāpattithale tiṭṭhati. Cetovimuttinti phalasamādhiṃ. Paññāvimuttinti phalañāṇaṃ. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ khīṇāsavo ‘‘tiṇṇo pāraṅgato thale tiṭṭhati brāhmaṇo’’ti vuccati. Bāhitapāpatāya hi esa brāhmaṇo nāma.
๑๘๙. อปฺปสฺสุตาทีสุ – อปฺปกํ สุตํ โหตีติ นวเงฺค สตฺถุสาสเน กิญฺจิเทว โถกํ สุตํ โหติฯ น อตฺถมญฺญาย, น ธมฺมมญฺญาย ธมฺมานุธมฺมปฎิปโนฺน โหตีติ อฎฺฐกถญฺจ ปาฬิญฺจ ชานิตฺวา โลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุรูปธมฺมํ ปุพฺพภาคปฎิปทํ ปฎิปโนฺน น โหติฯ อิมินา นเยน สพฺพตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
189. Appassutādīsu – appakaṃ sutaṃ hotīti navaṅge satthusāsane kiñcideva thokaṃ sutaṃ hoti. Na atthamaññāya, na dhammamaññāya dhammānudhammapaṭipanno hotīti aṭṭhakathañca pāḷiñca jānitvā lokuttaradhammassa anurūpadhammaṃ pubbabhāgapaṭipadaṃ paṭipanno na hoti. Iminā nayena sabbattha attho veditabbo.
๑๙๐. สมณมจลาทีสุ – สมณมจโลติ สมณอจโล, มกาโร ปทสนฺธิกโรฯ นิจฺจลสมโณ, ถิรสมโณติ อโตฺถ ฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ โสตาปโนฺน สาสเน มูลชาตาย สทฺธาย ปติฎฺฐิตตฺตา ‘สมณมจโล’ติ วุจฺจติฯ สกทาคามี ปน รชฺชนกิเลสสฺส อตฺถิตาย สมณปทุโมติ วุโตฺตฯ รตฺตโฎฺฐ หิ อิธ ปทุมโฎฺฐ นามาติ วุตฺตํฯ อนาคามี กามราคสงฺขาตสฺส รชฺชนกิเลสสฺส นตฺถิตาย สมณปุณฺฑรีโกติ วุโตฺตฯ ปณฺฑรโฎฺฐ หิ อิธ ปุณฺฑรีกโฎฺฐ นามาติ วุตฺตํ ฯ ขีณาสโว จ ถทฺธภาวกรานํ กิเลสานํ อภาเวน สมเณสุ สมณสุขุมาโล นามาติ วุโตฺตฯ อปฺปทุกฺขเฎฺฐนปิ เจส สมณสุขุมาโลเยวาติฯ
190. Samaṇamacalādīsu – samaṇamacaloti samaṇaacalo, makāro padasandhikaro. Niccalasamaṇo, thirasamaṇoti attho . Ayaṃ vuccatīti ayaṃ sotāpanno sāsane mūlajātāya saddhāya patiṭṭhitattā ‘samaṇamacalo’ti vuccati. Sakadāgāmī pana rajjanakilesassa atthitāya samaṇapadumoti vutto. Rattaṭṭho hi idha padumaṭṭho nāmāti vuttaṃ. Anāgāmī kāmarāgasaṅkhātassa rajjanakilesassa natthitāya samaṇapuṇḍarīkoti vutto. Paṇḍaraṭṭho hi idha puṇḍarīkaṭṭho nāmāti vuttaṃ . Khīṇāsavo ca thaddhabhāvakarānaṃ kilesānaṃ abhāvena samaṇesu samaṇasukhumālo nāmāti vutto. Appadukkhaṭṭhenapi cesa samaṇasukhumāloyevāti.
จตุกฺกนิเทฺทสวณฺณนาฯ
Catukkaniddesavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปุคฺคลปญฺญตฺติปาฬิ • Puggalapaññattipāḷi / ๔. จตุกฺกปุคฺคลปญฺญตฺติ • 4. Catukkapuggalapaññatti
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๔. จตุกฺกนิเทฺทสวณฺณนา • 4. Catukkaniddesavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๔. จตุกฺกนิเทฺทสวณฺณนา • 4. Catukkaniddesavaṇṇanā