Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā |
(๔.) จตุกฺกนิเทฺทสวณฺณนา
(4.) Catukkaniddesavaṇṇanā
๗๙๓. จตุพฺพิเธน ญาณวตฺถุนิเทฺทเส อตฺถิ ทินฺนนฺติอาทีสุ ทินฺนปจฺจยา ผลํ อตฺถีติ อิมินา อุปาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิทํ วุจฺจตีติ ยํ ญาณํ ‘อิทํ กมฺมํ สกํ, อิทํ โน สก’นฺติ ชานาติ – อิทํ กมฺมสฺสกตญาณํ นาม วุจฺจตีติ อโตฺถฯ ตตฺถ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ, จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํ, ติวิธํ มโนทุจฺจริตนฺติ อิทํ น สกกมฺมํ นามฯ ตีสุ ทฺวาเรสุ ทสวิธมฺปิ สุจริตํ สกกมฺมํ นามฯ อตฺตโน วาปิ โหตุ ปรสฺส วา สพฺพมฺปิ อกุสลํ น สกกมฺมํ นามฯ กสฺมา? อตฺถภญฺชนโต อนตฺถชนนโต จฯ อตฺตโน วา โหตุ ปรสฺส วา สพฺพมฺปิ กุสลํ สกกมฺมํ นามฯ กสฺมา? อนตฺถภญฺชนโต อตฺถชนนโต จฯ เอวํ ชานนสมเตฺถ อิมสฺมิํ กมฺมสฺสกตญาเณ ฐตฺวา พหุํ ทานํ ทตฺวา สีลํ ปูเรตฺวา อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา สุเขน สุขํ สมฺปตฺติยา สมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา นิพฺพานํ ปตฺตานํ คณนปริเจฺฉโท นตฺถิฯ ยถา หิ สธโน ปุริโส ปญฺจสุ สกฎสเตสุ สปฺปิมธุผาณิตาทีนิ เจว โลณติลตณฺฑุลาทีนิ จ อาโรเปตฺวา กนฺตารมคฺคํ ปฎิปโนฺน เกนจิเทว กรณีเยน อเตฺถ อุปฺปเนฺน สเพฺพสํ อุปกรณานํ คหิตตฺตา น จิเนฺตติ, น ปริตสฺสติ, สุเขเนว เขมนฺตํ ปาปุณาติ; เอวเมว อิมสฺมิมฺปิ กมฺมสฺสกตญาเณ ฐตฺวา พหุํ ทานํ ทตฺวา…เป.… นิพฺพานํ ปตฺตานํ คณนปโถ นตฺถิฯ ฐเปตฺวา สจฺจานุโลมิกํ ญาณนฺติ มคฺคสจฺจสฺส ปรมตฺถสจฺจสฺส จ อนุโลมนโต สจฺจานุโลมิกนฺติ ลทฺธนามํ วิปสฺสนาญาณํ ฐเปตฺวา อวเสสา สพฺพาปิ สาสวา กุสลา ปญฺญา กมฺมสฺสกตญาณเมวาติ อโตฺถฯ
793. Catubbidhena ñāṇavatthuniddese atthi dinnantiādīsu dinnapaccayā phalaṃ atthīti iminā upāyena attho veditabbo. Idaṃ vuccatīti yaṃ ñāṇaṃ ‘idaṃ kammaṃ sakaṃ, idaṃ no saka’nti jānāti – idaṃ kammassakatañāṇaṃ nāma vuccatīti attho. Tattha tividhaṃ kāyaduccaritaṃ, catubbidhaṃ vacīduccaritaṃ, tividhaṃ manoduccaritanti idaṃ na sakakammaṃ nāma. Tīsu dvāresu dasavidhampi sucaritaṃ sakakammaṃ nāma. Attano vāpi hotu parassa vā sabbampi akusalaṃ na sakakammaṃ nāma. Kasmā? Atthabhañjanato anatthajananato ca. Attano vā hotu parassa vā sabbampi kusalaṃ sakakammaṃ nāma. Kasmā? Anatthabhañjanato atthajananato ca. Evaṃ jānanasamatthe imasmiṃ kammassakatañāṇe ṭhatvā bahuṃ dānaṃ datvā sīlaṃ pūretvā uposathaṃ samādiyitvā sukhena sukhaṃ sampattiyā sampattiṃ anubhavitvā nibbānaṃ pattānaṃ gaṇanaparicchedo natthi. Yathā hi sadhano puriso pañcasu sakaṭasatesu sappimadhuphāṇitādīni ceva loṇatilataṇḍulādīni ca āropetvā kantāramaggaṃ paṭipanno kenacideva karaṇīyena atthe uppanne sabbesaṃ upakaraṇānaṃ gahitattā na cinteti, na paritassati, sukheneva khemantaṃ pāpuṇāti; evameva imasmimpi kammassakatañāṇe ṭhatvā bahuṃ dānaṃ datvā…pe… nibbānaṃ pattānaṃ gaṇanapatho natthi. Ṭhapetvā saccānulomikaṃ ñāṇanti maggasaccassa paramatthasaccassa ca anulomanato saccānulomikanti laddhanāmaṃ vipassanāñāṇaṃ ṭhapetvā avasesā sabbāpi sāsavā kusalā paññā kammassakatañāṇamevāti attho.
๗๙๔. มคฺคสมงฺคิสฺส ญาณํ ทุเกฺขเปตํ ญาณนฺติ เอตฺถ เอกเมว มคฺคญาณํ จตูสุ สเจฺจสุ เอกปฎิเวธวเสน จตูสุ ฐาเนสุ สงฺคหิตํฯ
794. Maggasamaṅgissañāṇaṃ dukkhepetaṃ ñāṇanti ettha ekameva maggañāṇaṃ catūsu saccesu ekapaṭivedhavasena catūsu ṭhānesu saṅgahitaṃ.
๗๙๖. ธเมฺม ญาณนฺติ เอตฺถ มคฺคปญฺญา ตาว จตุนฺนํ สจฺจานํ เอกปฎิเวธวเสน ธเมฺม ญาณํ นาม โหตุ; ผลปญฺญา กถํ ธเมฺม ญาณํ นามาติ? นิโรธสจฺจวเสนฯ ทุวิธาปิ เหสา ปญฺญา อปรปฺปจฺจเย อตฺถปจฺจเกฺข อริยสจฺจธเมฺม กิจฺจโต จ อารมฺมณโต จ ปวตฺตตฺตา ธเมฺม ญาณนฺติ เวทิตพฺพาฯ โส อิมินา ธเมฺมนาติ เอตฺถ มคฺคญาณํ ธมฺมโคจรตฺตา โคจรโวหาเรน ธโมฺมติ วุตฺตํ, อุปโยคเตฺถ วา กรณวจนํ; อิมํ ธมฺมํ ญาเตนาติ อโตฺถ; จตุสจฺจธมฺมํ ชานิตฺวา ฐิเตน มคฺคญาเณนาติ วุตฺตํ โหติฯ ทิเฎฺฐนาติ ทสฺสเนน; ธมฺมํ ปสฺสิตฺวา ฐิเตนาติ อโตฺถฯ ปเตฺตนาติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปตฺวา ฐิตตฺตา ธมฺมํ ปเตฺตนฯ วิทิเตนาติ มคฺคญาเณน จตฺตาริ อริยสจฺจานิ วิทิตานิ ปากฎานิ กตานิฯ ตสฺมา ตํ ธมฺมํ วิทิตํ นาม โหติฯ เตน วิทิตธเมฺมนฯ ปริโยคาเฬฺหนาติ จตุสจฺจธมฺมํ ปริโยคาเหตฺวา ฐิเตนฯ นยํ เนตีติ อตีเต จ อนาคเต จ นยํ เนติ หรติ เปเสติฯ อิทํ ปน น มคฺคญาณสฺส กิจฺจํ, ปจฺจเวกฺขณญาณสฺส กิจฺจํฯ สตฺถารา ปน มคฺคญาณํ อตีตานาคเต นยํ นยนสทิสํ กตํฯ กสฺมา? มคฺคมูลกตฺตาฯ ภาวิตมคฺคสฺส หิ ปจฺจเวกฺขณา นาม โหติฯ ตสฺมา สตฺถา มคฺคญาณเมว นยํ นยนสทิสํ อกาสิฯ อปิจ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ – ยเทตํ อิมินา จตุสจฺจโคจรํ มคฺคญาณํ อธิคตํ, เตน ญาเณน การณภูเตน อตีตานาคเต ปจฺจเวกฺขณญาณสงฺขาตํ นยํ เนติฯ
796. Dhamme ñāṇanti ettha maggapaññā tāva catunnaṃ saccānaṃ ekapaṭivedhavasena dhamme ñāṇaṃ nāma hotu; phalapaññā kathaṃ dhamme ñāṇaṃ nāmāti? Nirodhasaccavasena. Duvidhāpi hesā paññā aparappaccaye atthapaccakkhe ariyasaccadhamme kiccato ca ārammaṇato ca pavattattā dhamme ñāṇanti veditabbā. So iminā dhammenāti ettha maggañāṇaṃ dhammagocarattā gocaravohārena dhammoti vuttaṃ, upayogatthe vā karaṇavacanaṃ; imaṃ dhammaṃ ñātenāti attho; catusaccadhammaṃ jānitvā ṭhitena maggañāṇenāti vuttaṃ hoti. Diṭṭhenāti dassanena; dhammaṃ passitvā ṭhitenāti attho. Pattenāti cattāri ariyasaccāni patvā ṭhitattā dhammaṃ pattena. Viditenāti maggañāṇena cattāri ariyasaccāni viditāni pākaṭāni katāni. Tasmā taṃ dhammaṃ viditaṃ nāma hoti. Tena viditadhammena. Pariyogāḷhenāti catusaccadhammaṃ pariyogāhetvā ṭhitena. Nayaṃ netīti atīte ca anāgate ca nayaṃ neti harati peseti. Idaṃ pana na maggañāṇassa kiccaṃ, paccavekkhaṇañāṇassa kiccaṃ. Satthārā pana maggañāṇaṃ atītānāgate nayaṃ nayanasadisaṃ kataṃ. Kasmā? Maggamūlakattā. Bhāvitamaggassa hi paccavekkhaṇā nāma hoti. Tasmā satthā maggañāṇameva nayaṃ nayanasadisaṃ akāsi. Apica evamettha attho daṭṭhabbo – yadetaṃ iminā catusaccagocaraṃ maggañāṇaṃ adhigataṃ, tena ñāṇena kāraṇabhūtena atītānāgate paccavekkhaṇañāṇasaṅkhātaṃ nayaṃ neti.
อิทานิ ยถา เตน นยํ เนติ, ตํ อาการํ ทเสฺสตุํ เย หิ เกจิ อตีตมทฺธานนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อพฺภญฺญํสูติ ชานิํสุ ปฎิวิชฺฌิํสุฯ อิมเญฺญวาติ ยํ ทุกฺขํ อตีเต อพฺภญฺญํสุ, ยญฺจ อนาคเต อภิชานิสฺสนฺติ, น ตเญฺญว อิมํ; สริกฺขเฎฺฐน ปน เอวํ วุตฺตํฯ อตีเตปิ หิ ฐเปตฺวา ตณฺหํ เตภูมกกฺขเนฺธเยว ทุกฺขสจฺจนฺติ ปฎิวิชฺฌิํสุ, ตณฺหํเยว สมุทยสจฺจนฺติ นิพฺพานเมว นิโรธสจฺจนฺติ อริยมคฺคเมว มคฺคสจฺจนฺติ ปฎิวิชฺฌิํสุ, อนาคเตปิ เอวเมว ปฎิวิชฺฌิสฺสนฺติ, เอตรหิปิ เอวเมว ปฎิวิชฺฌนฺตีติ สริกฺขเฎฺฐน ‘‘อิมเญฺญวา’’ติ วุตฺตํฯ อิทํ วุจฺจติ อนฺวเย ญาณนฺติ อิทํ อนุคมนญาณํ นยนญาณํ การณญาณนฺติ วุจฺจติฯ
Idāni yathā tena nayaṃ neti, taṃ ākāraṃ dassetuṃ ye hi keci atītamaddhānantiādimāha. Tattha abbhaññaṃsūti jāniṃsu paṭivijjhiṃsu. Imaññevāti yaṃ dukkhaṃ atīte abbhaññaṃsu, yañca anāgate abhijānissanti, na taññeva imaṃ; sarikkhaṭṭhena pana evaṃ vuttaṃ. Atītepi hi ṭhapetvā taṇhaṃ tebhūmakakkhandheyeva dukkhasaccanti paṭivijjhiṃsu, taṇhaṃyeva samudayasaccanti nibbānameva nirodhasaccanti ariyamaggameva maggasaccanti paṭivijjhiṃsu, anāgatepi evameva paṭivijjhissanti, etarahipi evameva paṭivijjhantīti sarikkhaṭṭhena ‘‘imaññevā’’ti vuttaṃ. Idaṃ vuccati anvaye ñāṇanti idaṃ anugamanañāṇaṃ nayanañāṇaṃ kāraṇañāṇanti vuccati.
ปริเย ญาณนฺติ จิตฺตปริเจฺฉทญาณํฯ ปรสตฺตานนฺติ ฐเปตฺวา อตฺตานํ เสสสตฺตานํฯ อิตรํ ตเสฺสว เววจนํฯ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาตีติ อตฺตโน จิเตฺตน เตสํ จิตฺตํ สราคาทิวเสน ปริจฺฉินฺทิตฺวา นานปฺปการโต ชานาติฯ สราคํ วาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา สติปฎฺฐานวิภเงฺค วุตฺตเมวฯ อยํ ปน วิเสโส – อิธ อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ วิมุตฺตํ วา จิตฺตนฺติ เอตฺถ โลกุตฺตรมฺปิ ลพฺภติฯ อวิปสฺสนูปคมฺปิ หิ ปรจิตฺตญาณสฺส วิสโย โหติเยวฯ
Pariyeñāṇanti cittaparicchedañāṇaṃ. Parasattānanti ṭhapetvā attānaṃ sesasattānaṃ. Itaraṃ tasseva vevacanaṃ. Cetasā ceto paricca pajānātīti attano cittena tesaṃ cittaṃ sarāgādivasena paricchinditvā nānappakārato jānāti. Sarāgaṃ vātiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā satipaṭṭhānavibhaṅge vuttameva. Ayaṃ pana viseso – idha anuttaraṃ vā cittaṃ vimuttaṃ vā cittanti ettha lokuttarampi labbhati. Avipassanūpagampi hi paracittañāṇassa visayo hotiyeva.
อวเสสา ปญฺญาติ ธเมฺม ญาณาทิกา ติโสฺส ปญฺญา ฐเปตฺวา เสสา สพฺพาปิ ปญฺญา ญาณนฺติ สมฺมตตฺตา สมฺมุติญาณํ นาม โหติฯ วจนโตฺถ ปเนตฺถ สมฺมุติมฺหิ ญาณนฺติ สมฺมุติญาณํฯ
Avasesā paññāti dhamme ñāṇādikā tisso paññā ṭhapetvā sesā sabbāpi paññā ñāṇanti sammatattā sammutiñāṇaṃ nāma hoti. Vacanattho panettha sammutimhi ñāṇanti sammutiñāṇaṃ.
๗๙๗. กามาวจรกุสเล ปญฺญาติ อยญฺหิ เอกเนฺตน วฎฺฎสฺมิํ จุติปฎิสนฺธิํ อาจินเตว, ตสฺมา ‘‘อาจยาย โน อปจยายา’’ติ วุตฺตาฯ โลกุตฺตรมคฺคปญฺญา ปน ยสฺมา จุติปฎิสนฺธิํ อปจินเตว, ตสฺมา ‘‘อปจยาย โน อาจยายา’’ติ วุตฺตาฯ รูปาวจรารูปาวจรปญฺญา จุติปฎิสนฺธิมฺปิ อาจินติ, วิกฺขมฺภนวเสน กิเลเส เจว กิเลสมูลเก จ ธเมฺม อปจินติ, ตสฺมา ‘‘อาจยาย เจว อปจยาย จา’’ติ วุตฺตาฯ เสสา เนว จุติปฎิสนฺธิํ อาจินติ น อปจินติ, ตสฺมา ‘‘เนว อาจยาย โน อปจยายา’’ติ วุตฺตาฯ
797. Kāmāvacarakusale paññāti ayañhi ekantena vaṭṭasmiṃ cutipaṭisandhiṃ ācinateva, tasmā ‘‘ācayāya no apacayāyā’’ti vuttā. Lokuttaramaggapaññā pana yasmā cutipaṭisandhiṃ apacinateva, tasmā ‘‘apacayāya no ācayāyā’’ti vuttā. Rūpāvacarārūpāvacarapaññā cutipaṭisandhimpi ācinati, vikkhambhanavasena kilese ceva kilesamūlake ca dhamme apacinati, tasmā ‘‘ācayāya ceva apacayāya cā’’ti vuttā. Sesā neva cutipaṭisandhiṃ ācinati na apacinati, tasmā ‘‘neva ācayāya no apacayāyā’’ti vuttā.
๗๙๘. น จ อภิญฺญาโย ปฎิวิชฺฌตีติ อิทํ ปฐมชฺฌานปญฺญํ สนฺธาย วุตฺตํฯ สา หิสฺส กามวิเวเกน ปตฺตพฺพตฺตา กิเลสนิพฺพิทาย สํวตฺตติฯ ตาย เจส กาเมสุ วีตราโค โหติ, อภิญฺญาปาทกภาวํ ปน อปฺปตฺตตาย เนว ปญฺจ อภิญฺญาโย ปฎิวิชฺฌติ, นิมิตฺตารมฺมณตฺตา น สจฺจานิ ปฎิวิชฺฌติฯ เอวมยํ ปญฺญา นิพฺพิทาย โหติ โน ปฎิเวธายฯ เสฺววาติ ปฐมชฺฌานํ ปตฺวา ฐิโตฯ กาเมสุ วีตราโค สมาโนติ ตถา วิกฺขมฺภิตานํเยว กามานํ วเสน วีตราโคฯ อภิญฺญาโย ปฎิวิชฺฌตีติ ปญฺจ อภิญฺญาโย ปฎิวิชฺฌติฯ อิทํ จตุตฺถชฺฌานปญฺญํ สนฺธาย วุตฺตํฯ จตุตฺถชฺฌานปญฺญา หิ อภิญฺญาปาทกภาเวนาปิ ปญฺจ อภิญฺญาโย ปฎิวิชฺฌติ, อภิญฺญาภาวปฺปตฺติยาปิ ปฎิวิชฺฌติ เอวฯ ตสฺมา สา ปฎิเวธาย โหติฯ ปฐมชฺฌานปญฺญาย เอว ปน กิเลเสสุปิ นิพฺพินฺทตฺตา โน นิพฺพิทายฯ ยา ปนายํ ทุติยตติยชฺฌานปญฺญา, สา กตรโกฎฺฐาสํ ภชตีติ? โสมนสฺสวเสน ปฐมชฺฌานมฺปิ ภชติ, อวิตกฺกวเสน จตุตฺถชฺฌานมฺปิฯ เอวเมสา ปฐมชฺฌานสนฺนิสฺสิตา วา จตุตฺถชฺฌานสนฺนิสฺสิตา วา กาตพฺพาฯ นิพฺพิทาย เจว ปฎิเวธาย จาติ มคฺคปญฺญา สพฺพสฺมิมฺปิ วเฎฺฎ นิพฺพินฺทนโต นิพฺพิทาย, ฉฎฺฐํ อภิญฺญํ ปฎิวิชฺฌนโต ปฎิเวธาย จ โหติฯ
798. Na ca abhiññāyo paṭivijjhatīti idaṃ paṭhamajjhānapaññaṃ sandhāya vuttaṃ. Sā hissa kāmavivekena pattabbattā kilesanibbidāya saṃvattati. Tāya cesa kāmesu vītarāgo hoti, abhiññāpādakabhāvaṃ pana appattatāya neva pañca abhiññāyo paṭivijjhati, nimittārammaṇattā na saccāni paṭivijjhati. Evamayaṃ paññā nibbidāya hoti no paṭivedhāya. Svevāti paṭhamajjhānaṃ patvā ṭhito. Kāmesu vītarāgo samānoti tathā vikkhambhitānaṃyeva kāmānaṃ vasena vītarāgo. Abhiññāyo paṭivijjhatīti pañca abhiññāyo paṭivijjhati. Idaṃ catutthajjhānapaññaṃ sandhāya vuttaṃ. Catutthajjhānapaññā hi abhiññāpādakabhāvenāpi pañca abhiññāyo paṭivijjhati, abhiññābhāvappattiyāpi paṭivijjhati eva. Tasmā sā paṭivedhāya hoti. Paṭhamajjhānapaññāya eva pana kilesesupi nibbindattā no nibbidāya. Yā panāyaṃ dutiyatatiyajjhānapaññā, sā katarakoṭṭhāsaṃ bhajatīti? Somanassavasena paṭhamajjhānampi bhajati, avitakkavasena catutthajjhānampi. Evamesā paṭhamajjhānasannissitā vā catutthajjhānasannissitā vā kātabbā. Nibbidāyaceva paṭivedhāya cāti maggapaññā sabbasmimpi vaṭṭe nibbindanato nibbidāya, chaṭṭhaṃ abhiññaṃ paṭivijjhanato paṭivedhāya ca hoti.
๗๙๙. ปฐมสฺส ฌานสฺส ลาภีติอาทีสุ ยฺวายํ อปฺปคุณสฺส ปฐมชฺฌานสฺส ลาภีฯ ตํ ตโต วุฎฺฐิตํ อารมฺมณวเสน กามสหคตา หุตฺวา สญฺญามนสิการา สมุทาจรนฺติ ตุทนฺติ โจเทนฺติฯ ตสฺส กามานุปกฺขนฺทานํ สญฺญามนสิการานํ วเสน สา ปฐมชฺฌานปญฺญา หายติ ปริหายติ; ตสฺมา หานภาคินีติ วุตฺตาฯ ตทนุธมฺมตาติ ตทนุรูปสภาวาฯ สติ สนฺติฎฺฐตีติ อิทํ มิจฺฉาสติํ สนฺธาย วุตฺตํ, น สมฺมาสติํฯ ยสฺส หิ ปฐมชฺฌานานุรูปสภาวา ปฐมชฺฌานํ สนฺตโต ปณีตโต ทิสฺวา อสฺสาทยมานา อภินนฺทมานา นิกนฺติ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส นิกนฺติวเสน สา ปฐมชฺฌานปญฺญา เนว หายติ, น วฑฺฒติ, ฐิติโกฎฺฐาสิกา โหติฯ เตน วุตฺตํ ฐิติภาคินี ปญฺญาติฯ อวิตกฺกสหคตาติ อวิตกฺกํ ทุติยชฺฌานํ สนฺตโต ปณีตโต มนสิกโรโต อารมฺมณวเสน อวิตกฺกสหคตาฯ สมุทาจรนฺตีติ ปคุณโต ปฐมชฺฌานโต วุฎฺฐิตํ ทุติยชฺฌานาธิคมตฺถาย ตุทนฺติ โจเทนฺติฯ ตสฺส อุปริ ทุติยชฺฌานานุปกฺขนฺทานํ สญฺญามนสิการานํ วเสน สา ปฐมชฺฌานปญฺญา วิเสสภูตสฺส ทุติยชฺฌานสฺส อุปฺปตฺติฎฺฐานตาย วิเสสภาคินีติ วุตฺตาฯ นิพฺพิทาสหคตาติ ตเมว ปฐมชฺฌานโต วุฎฺฐิตํ นิพฺพิทาสงฺขาเตน วิปสฺสนาญาเณน สหคตาฯ วิปสฺสนาญาณญฺหิ ฌานงฺคเภเท วตฺตเนฺต นิพฺพินฺทติ อุกฺกณฺฐติ, ตสฺมา นิพฺพิทาติ วุจฺจติฯ สมุทาจรนฺตีติ นิพฺพานสจฺฉิกิริยตฺถาย ตุทนฺติ โจเทนฺติฯ วิราคูปสญฺหิตาติ วิราคสงฺขาเตน นิพฺพาเนน อุปสํหิตาฯ วิปสฺสนาญาณมฺหิ สกฺกา อิมินา มเคฺคน วิราคํ นิพฺพานํ สจฺฉิกาตุนฺติ ปวตฺติโต ‘‘วิราคูปสญฺหิต’’นฺติ วุจฺจติฯ ตํสมฺปยุตฺตา สญฺญามนสิการาปิ วิราคูปสญฺหิตา เอว นามฯ ตสฺส เตสํ สญฺญามนสิการานํ วเสน สา ปฐมชฺฌานปญฺญา อริยมคฺคปฎิเวธสฺส ปทฎฺฐานตาย นิเพฺพธภาคินีติ วุตฺตาฯ เอวํ จตูสุ ฐาเนสุ ปฐมชฺฌานปญฺญาว กถิตาฯ ทุติยชฺฌานปญฺญาทีสุปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
799. Paṭhamassa jhānassa lābhītiādīsu yvāyaṃ appaguṇassa paṭhamajjhānassa lābhī. Taṃ tato vuṭṭhitaṃ ārammaṇavasena kāmasahagatā hutvā saññāmanasikārā samudācaranti tudanti codenti. Tassa kāmānupakkhandānaṃ saññāmanasikārānaṃ vasena sā paṭhamajjhānapaññā hāyati parihāyati; tasmā hānabhāginīti vuttā. Tadanudhammatāti tadanurūpasabhāvā. Sati santiṭṭhatīti idaṃ micchāsatiṃ sandhāya vuttaṃ, na sammāsatiṃ. Yassa hi paṭhamajjhānānurūpasabhāvā paṭhamajjhānaṃ santato paṇītato disvā assādayamānā abhinandamānā nikanti uppajjati, tassa nikantivasena sā paṭhamajjhānapaññā neva hāyati, na vaḍḍhati, ṭhitikoṭṭhāsikā hoti. Tena vuttaṃ ṭhitibhāginī paññāti. Avitakkasahagatāti avitakkaṃ dutiyajjhānaṃ santato paṇītato manasikaroto ārammaṇavasena avitakkasahagatā. Samudācarantīti paguṇato paṭhamajjhānato vuṭṭhitaṃ dutiyajjhānādhigamatthāya tudanti codenti. Tassa upari dutiyajjhānānupakkhandānaṃ saññāmanasikārānaṃ vasena sā paṭhamajjhānapaññā visesabhūtassa dutiyajjhānassa uppattiṭṭhānatāya visesabhāginīti vuttā. Nibbidāsahagatāti tameva paṭhamajjhānato vuṭṭhitaṃ nibbidāsaṅkhātena vipassanāñāṇena sahagatā. Vipassanāñāṇañhi jhānaṅgabhede vattante nibbindati ukkaṇṭhati, tasmā nibbidāti vuccati. Samudācarantīti nibbānasacchikiriyatthāya tudanti codenti. Virāgūpasañhitāti virāgasaṅkhātena nibbānena upasaṃhitā. Vipassanāñāṇamhi sakkā iminā maggena virāgaṃ nibbānaṃ sacchikātunti pavattito ‘‘virāgūpasañhita’’nti vuccati. Taṃsampayuttā saññāmanasikārāpi virāgūpasañhitā eva nāma. Tassa tesaṃ saññāmanasikārānaṃ vasena sā paṭhamajjhānapaññā ariyamaggapaṭivedhassa padaṭṭhānatāya nibbedhabhāginīti vuttā. Evaṃ catūsu ṭhānesu paṭhamajjhānapaññāva kathitā. Dutiyajjhānapaññādīsupi imināva nayena attho veditabbo.
๘๐๑. กิเจฺฉน กสิเรน สมาธิํ อุปฺปาเทนฺตสฺสาติ โลกุตฺตรสมาธิํ อุปฺปาเทนฺตสฺส ปุพฺพภาเค อาคมนกาเล กิเจฺฉน กสิเรน ทุเกฺขน สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิลมนฺตสฺส กิเลเส วิกฺขเมฺภตฺวา อาคตสฺสฯ ทนฺธํ ตณฺฐานํ อภิชานนฺตสฺสาติ วิกฺขมฺภิเตสุ กิเลเสสุ วิปสฺสนาปริวาเส จิรํ วสิตฺวา ตํ โลกุตฺตรสมาธิสงฺขาตํ ฐานํ ทนฺธํ สณิกํ อภิชานนฺตสฺส ปฎิวิชฺฌนฺตสฺส , ปาปุณนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ อยํ วุจฺจตีติ ยา เอสา เอวํ อุปฺปชฺชติ, อยํ กิเลสวิกฺขมฺภนปฎิปทาย ทุกฺขตฺตา, วิปสฺสนาปริวาสปญฺญาย จ ทนฺธตฺตา มคฺคกาเล เอกจิตฺตกฺขเณ อุปฺปนฺนาปิ ปญฺญา อาคมนวเสน ทุกฺขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา นามาติ วุจฺจติฯ อุปริ ตีสุ ปเทสุปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
801. Kicchena kasirena samādhiṃ uppādentassāti lokuttarasamādhiṃ uppādentassa pubbabhāge āgamanakāle kicchena kasirena dukkhena sasaṅkhārena sappayogena kilamantassa kilese vikkhambhetvā āgatassa. Dandhaṃ taṇṭhānaṃ abhijānantassāti vikkhambhitesu kilesesu vipassanāparivāse ciraṃ vasitvā taṃ lokuttarasamādhisaṅkhātaṃ ṭhānaṃ dandhaṃ saṇikaṃ abhijānantassa paṭivijjhantassa , pāpuṇantassāti attho. Ayaṃ vuccatīti yā esā evaṃ uppajjati, ayaṃ kilesavikkhambhanapaṭipadāya dukkhattā, vipassanāparivāsapaññāya ca dandhattā maggakāle ekacittakkhaṇe uppannāpi paññā āgamanavasena dukkhapaṭipadā dandhābhiññā nāmāti vuccati. Upari tīsu padesupi imināva nayena attho veditabbo.
๘๐๒. สมาธิสฺส น นิกามลาภิสฺสาติ โย สมาธิสฺส น นิกามลาภี โหติ, โส ตสฺส น นิกามลาภี นามฯ ยสฺส สมาธิ อุปรูปริ สมาปชฺชนตฺถาย อุสฺสกฺกิตุํ ปจฺจโย น โหติ, ตสฺส อปฺปคุณชฺฌานลาภิสฺสาติ อโตฺถฯ อารมฺมณํ โถกํ ผรนฺตสฺสาติ ปริเตฺต สุปฺปมเตฺต วา สราวมเตฺต วา อารมฺมเณ ปริกมฺมํ กตฺวา ตเตฺถว อปฺปนํ ปตฺวา ตํ อวฑฺฒิตํ โถกเมว อารมฺมณํ ผรนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ นนิกามลาภีปฎิปกฺขโต หิ ปคุณชฺฌานลาภี เอตฺถ นิกามลาภีติ วุโตฺตฯ อวฑฺฒิตารมฺมณปฎิปกฺขโต จ วฑฺฒิตารมฺมณํ วิปุลนฺติ วุตฺตํฯ เสสํ ตาทิสเมวฯ
802. Samādhissa na nikāmalābhissāti yo samādhissa na nikāmalābhī hoti, so tassa na nikāmalābhī nāma. Yassa samādhi uparūpari samāpajjanatthāya ussakkituṃ paccayo na hoti, tassa appaguṇajjhānalābhissāti attho. Ārammaṇaṃ thokaṃ pharantassāti paritte suppamatte vā sarāvamatte vā ārammaṇe parikammaṃ katvā tattheva appanaṃ patvā taṃ avaḍḍhitaṃ thokameva ārammaṇaṃ pharantassāti attho. Sesapadesupi eseva nayo. Nanikāmalābhīpaṭipakkhato hi paguṇajjhānalābhī ettha nikāmalābhīti vutto. Avaḍḍhitārammaṇapaṭipakkhato ca vaḍḍhitārammaṇaṃ vipulanti vuttaṃ. Sesaṃ tādisameva.
ชรามรเณเปตํ ญาณนฺติ นิพฺพานเมว อารมฺมณํ กตฺวา จตุนฺนํ สจฺจานํ เอกปฎิเวธวเสน เอตํ วุตฺตํฯ
Jarāmaraṇepetaṃñāṇanti nibbānameva ārammaṇaṃ katvā catunnaṃ saccānaṃ ekapaṭivedhavasena etaṃ vuttaṃ.
ชรามรณํ อารพฺภาติอาทีนิ ปน เอเกกํ วตฺถุํ อารพฺภ ปวตฺติกาเล ปุพฺพภาเค สจฺจววตฺถาปนวเสน วุตฺตานิฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
Jarāmaraṇaṃ ārabbhātiādīni pana ekekaṃ vatthuṃ ārabbha pavattikāle pubbabhāge saccavavatthāpanavasena vuttāni. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.
จตุกฺกนิเทฺทสวณฺณนาฯ
Catukkaniddesavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๖. ญาณวิภโงฺค • 16. Ñāṇavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑๖. ญาณวิภโงฺค • 16. Ñāṇavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๑๖. ญาณวิภโงฺค • 16. Ñāṇavibhaṅgo