Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā |
จตุมหาปเทสกถา
Catumahāpadesakathā
๓๐๕. ยํ ภิกฺขเว มยา อิทํ น กปฺปตีติ อิเม จตฺตาโร มหาปเทเส ภควา ภิกฺขูนํ นยคฺคหณตฺถาย อาหฯ ตตฺถ ธมฺมสงฺคาหกเตฺถรา สุตฺตํ คเหตฺวา ปริมทฺทนฺตา อิทํ อทฺทสํสุฯ ฐเปตฺวา ธญฺญผลรสนฺติ สตฺตธญฺญรสานิ ปจฺฉาภตฺตํ น กปฺปนฺตีติ ปฎิกฺขิตฺตานิฯ ตาลนาฬิเกรปนสลพุชอลาพุกุมฺภณฺฑปุสฺสผลติปุสผลเอฬาลุกานิ , นว มหาผลานิ สพฺพญฺจ อปรณฺณํ, ธญฺญคติกเมวฯ ตํ กิญฺจาปิ น ปฎิกฺขิตฺตํ, อถ โข อกปฺปิยํ อนุโลเมติ, ตสฺมา ปจฺฉาภตฺตํ น กปฺปติฯ อฎฺฐ ปานานิ อนุญฺญาตานิฯ อวเสสานิ เวตฺตตินฺติณิกมาตุลุงฺคกปิตฺถโกสมฺพกรมนฺทาทิขุทฺทกผลปานานิ อฎฺฐปานคติกาเนว, ตานิ กิญฺจาปิ น อนุญฺญาตานิ, อถ โข กปฺปิยํ อนุโลเมนฺติ, ตสฺมา กปฺปนฺติฯ ฐเปตฺวา หิ สานุโลมํ ธญฺญผลรสํ อญฺญํ ผลปานํ นาม อกปฺปิยํ นตฺถิ, สพฺพํ ยามกาลิกํเยวาติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ
305.Yaṃ bhikkhave mayā idaṃ na kappatīti ime cattāro mahāpadese bhagavā bhikkhūnaṃ nayaggahaṇatthāya āha. Tattha dhammasaṅgāhakattherā suttaṃ gahetvā parimaddantā idaṃ addasaṃsu. Ṭhapetvā dhaññaphalarasanti sattadhaññarasāni pacchābhattaṃ na kappantīti paṭikkhittāni. Tālanāḷikerapanasalabujaalābukumbhaṇḍapussaphalatipusaphalaeḷālukāni , nava mahāphalāni sabbañca aparaṇṇaṃ, dhaññagatikameva. Taṃ kiñcāpi na paṭikkhittaṃ, atha kho akappiyaṃ anulometi, tasmā pacchābhattaṃ na kappati. Aṭṭha pānāni anuññātāni. Avasesāni vettatintiṇikamātuluṅgakapitthakosambakaramandādikhuddakaphalapānāni aṭṭhapānagatikāneva, tāni kiñcāpi na anuññātāni, atha kho kappiyaṃ anulomenti, tasmā kappanti. Ṭhapetvā hi sānulomaṃ dhaññaphalarasaṃ aññaṃ phalapānaṃ nāma akappiyaṃ natthi, sabbaṃ yāmakālikaṃyevāti kurundiyaṃ vuttaṃ.
ภควตา ฉ จีวรานิ อนุญฺญาตานิฯ ธมฺมสงฺคาหกเตฺถเรหิ เตสํ อนุโลมานิ ทุกูลํ, ปตฺตุณฺณํ, จีนปฎฺฎํ, โสมารปฎฺฎํ, อิทฺธิมยิกํ, เทวทตฺติยนฺติ อปรานิ ฉ อนุญฺญาตานิฯ ตตฺถ ‘‘ปตฺตุณฺณ’’นฺติ ปตฺตุณฺณเทเส ปาณเกหิ สญฺชาตวตฺถํฯ เทฺว ปฎา เทสนาเมเนว วุตฺตาฯ ตานิ ตีณิ โกเสยฺยสฺสานุโลมานิฯ ทุกูลํ สาณสฺส, อิตรานิ เทฺว กปฺปาสิกสฺส วา สเพฺพสํ วาฯ
Bhagavatā cha cīvarāni anuññātāni. Dhammasaṅgāhakattherehi tesaṃ anulomāni dukūlaṃ, pattuṇṇaṃ, cīnapaṭṭaṃ, somārapaṭṭaṃ, iddhimayikaṃ, devadattiyanti aparāni cha anuññātāni. Tattha ‘‘pattuṇṇa’’nti pattuṇṇadese pāṇakehi sañjātavatthaṃ. Dve paṭā desanāmeneva vuttā. Tāni tīṇi koseyyassānulomāni. Dukūlaṃ sāṇassa, itarāni dve kappāsikassa vā sabbesaṃ vā.
ภควตา เอกาทส ปเตฺต ปฎิกฺขิปิตฺวา เทฺว ปตฺตา อนุญฺญาตา – โลหปโตฺต เจว มตฺติกาปโตฺต จฯ โลหถาลกํ, มตฺติกาถาลกํ, ตมฺพโลหถาลกนฺติ เตสํเยว อนุโลมานิฯ ภควตา ตโย ตุมฺพา อนุญฺญาตา – โลหตุโมฺพ, กฎฺฐตุโมฺพ, ผลตุโมฺพติฯ กุณฺฑิกา, กญฺจนโก, อุทกตุโมฺพติ เตสํเยว อนุโลมานิฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘ปานียสงฺขปานียสราวกานิ เอเตสํ อนุโลมานี’’ติ วุตฺตํฯ ปฎฺฎิกา, สูกรนฺตนฺติ เทฺว กายพนฺธนานิ อนุญฺญาตานิ, ทุสฺสปเฎฺฎน รชฺชุเกน จ กตกายพนฺธนานิ เตสํ อนุโลมานิฯ เสตจฺฉตฺตํ, กิลญฺชจฺฉตฺตํ, ปณฺณจฺฉตฺตนฺติ ตีณิ ฉตฺตานิ อนุญฺญาตานิฯ เอกปณฺณจฺฉตฺตํ เตสํเยว อนุโลมนฺติ อิมินา นเยน ปาฬิญฺจ อฎฺฐกถญฺจ อนุเปกฺขิตฺวา อญฺญานิปิ กปฺปิยากปฺปิยานํ อนุโลมานิ เวทิตพฺพานิฯ
Bhagavatā ekādasa patte paṭikkhipitvā dve pattā anuññātā – lohapatto ceva mattikāpatto ca. Lohathālakaṃ, mattikāthālakaṃ, tambalohathālakanti tesaṃyeva anulomāni. Bhagavatā tayo tumbā anuññātā – lohatumbo, kaṭṭhatumbo, phalatumboti. Kuṇḍikā, kañcanako, udakatumboti tesaṃyeva anulomāni. Kurundiyaṃ pana ‘‘pānīyasaṅkhapānīyasarāvakāni etesaṃ anulomānī’’ti vuttaṃ. Paṭṭikā, sūkarantanti dve kāyabandhanāni anuññātāni, dussapaṭṭena rajjukena ca katakāyabandhanāni tesaṃ anulomāni. Setacchattaṃ, kilañjacchattaṃ, paṇṇacchattanti tīṇi chattāni anuññātāni. Ekapaṇṇacchattaṃ tesaṃyeva anulomanti iminā nayena pāḷiñca aṭṭhakathañca anupekkhitvā aññānipi kappiyākappiyānaṃ anulomāni veditabbāni.
ตทหุปฎิคฺคหิตํ กาเล กปฺปตีติอาทิ สพฺพํ สมฺภินฺนรสํ สนฺธาย วุตฺตํฯ สเจ หิ ฉลฺลิมฺปิ อนปเนตฺวา สกเลเนว นาฬิเกรผเลน สทฺธิํ ปานกํ ปฎิคฺคหิตํ โหติ , นาฬิเกรํ อปเนตฺวา ตํ วิกาเลปิ กปฺปติฯ อุปริ สปฺปิปิณฺฑํ ฐเปตฺวา สีตลปายาสํ เทนฺติ, ยํ ปายาเสน อสํสฎฺฐํ สปฺปิ, ตํ อปเนตฺวา สตฺตาหํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ พทฺธมธุผาณิตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ตโกฺกลชาติผลาทีหิ อลงฺกริตฺวา ปิณฺฑปาตํ เทนฺติ, ตานิ อุทฺธริตฺวา โธวิตฺวา ยาวชีวํ ปริภุญฺชิตพฺพานิฯ ยาคุยํ ปกฺขิปิตฺวา ทินฺนสิงฺคิเวราทีสุปิ เตลาทีสุ ปกฺขิปิตฺวา ทินฺนลฎฺฐิมธุกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ ยํ ยํ อสมฺภินฺนรสํ โหติ, ตํ ตํ เอกโต ปฎิคฺคหิตมฺปิ ยถา สุทฺธํ โหติ, ตถา โธวิตฺวา วา ตเจฺฉตฺวา วา ตสฺส ตสฺส กาลวเสน ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ
Tadahupaṭiggahitaṃ kāle kappatītiādi sabbaṃ sambhinnarasaṃ sandhāya vuttaṃ. Sace hi challimpi anapanetvā sakaleneva nāḷikeraphalena saddhiṃ pānakaṃ paṭiggahitaṃ hoti , nāḷikeraṃ apanetvā taṃ vikālepi kappati. Upari sappipiṇḍaṃ ṭhapetvā sītalapāyāsaṃ denti, yaṃ pāyāsena asaṃsaṭṭhaṃ sappi, taṃ apanetvā sattāhaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭati. Baddhamadhuphāṇitādīsupi eseva nayo. Takkolajātiphalādīhi alaṅkaritvā piṇḍapātaṃ denti, tāni uddharitvā dhovitvā yāvajīvaṃ paribhuñjitabbāni. Yāguyaṃ pakkhipitvā dinnasiṅgiverādīsupi telādīsu pakkhipitvā dinnalaṭṭhimadhukādīsupi eseva nayo. Evaṃ yaṃ yaṃ asambhinnarasaṃ hoti, taṃ taṃ ekato paṭiggahitampi yathā suddhaṃ hoti, tathā dhovitvā vā tacchetvā vā tassa tassa kālavasena paribhuñjituṃ vaṭṭati.
สเจ ปน สมฺภินฺนรสํ โหติ สํสฎฺฐํ, น วฎฺฎติฯ ยาวกาลิกญฺหิ อตฺตนา สทฺธิํ สมฺภินฺนรสานิ ตีณิปิ ยามกาลิกาทีนิ อตฺตโน สภาวํ อุปเนติ, ยามกาลิกํ เทฺวปิ สตฺตาหกาลิกาทีนิ อตฺตโน สภาวํ อุปเนติ, สตฺตาหกาลิกมฺปิ อตฺตนา สทฺธิํ สํสฎฺฐํ ยาวชีวิกํ อตฺตโน สภาวเญฺญว อุปเนติ; ตสฺมา เตน ตทหุปฎิคฺคหิเตน สทฺธิํ ตทหุปฎิคฺคหิตํ วา ปุเรปฎิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ สตฺตาหํ กปฺปติ ทฺวีหปฎิคฺคหิเตน ฉาหํ, ตีหปฎิคฺคหิเตน ปญฺจาหํ…เป.… สตฺตาหปฎิคฺคหิเตน ตทเหว กปฺปตีติ เวทิตพฺพํฯ ตสฺมาเยว หิ ‘‘สตฺตาหกาลิเกน ภิกฺขเว ยาวชีวิกํ ตทหุปฎิคฺคหิต’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ปฎิคฺคหิตํ สตฺตาหํ กปฺปตี’’ติ วุตฺตํฯ
Sace pana sambhinnarasaṃ hoti saṃsaṭṭhaṃ, na vaṭṭati. Yāvakālikañhi attanā saddhiṃ sambhinnarasāni tīṇipi yāmakālikādīni attano sabhāvaṃ upaneti, yāmakālikaṃ dvepi sattāhakālikādīni attano sabhāvaṃ upaneti, sattāhakālikampi attanā saddhiṃ saṃsaṭṭhaṃ yāvajīvikaṃ attano sabhāvaññeva upaneti; tasmā tena tadahupaṭiggahitena saddhiṃ tadahupaṭiggahitaṃ vā purepaṭiggahitaṃ vā yāvajīvikaṃ sattāhaṃ kappati dvīhapaṭiggahitena chāhaṃ, tīhapaṭiggahitena pañcāhaṃ…pe… sattāhapaṭiggahitena tadaheva kappatīti veditabbaṃ. Tasmāyeva hi ‘‘sattāhakālikena bhikkhave yāvajīvikaṃ tadahupaṭiggahita’’nti avatvā ‘‘paṭiggahitaṃ sattāhaṃ kappatī’’ti vuttaṃ.
กาลยามสตฺตาหาติกฺกเมสุ เจตฺถ วิกาลโภชนสนฺนิธิเภสชฺชสิกฺขาปทานํ วเสน อาปตฺติโย เวทิตพฺพาฯ อิเมสุ จ ปน จตูสุ กาลิเกสุ ยาวกาลิกํ ยามกาลิกนฺติ อิทเมว ทฺวยํ อโนฺตวุตฺถกเญฺจว สนฺนิธิการกญฺจ โหติ, สตฺตาหกาลิกญฺจ ยาวชีวิกญฺจ อกปฺปิยกุฎิยํ นิกฺขิปิตุมฺปิ วฎฺฎติ, สนฺนิธิมฺปิ น ชเนตีติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Kālayāmasattāhātikkamesu cettha vikālabhojanasannidhibhesajjasikkhāpadānaṃ vasena āpattiyo veditabbā. Imesu ca pana catūsu kālikesu yāvakālikaṃ yāmakālikanti idameva dvayaṃ antovutthakañceva sannidhikārakañca hoti, sattāhakālikañca yāvajīvikañca akappiyakuṭiyaṃ nikkhipitumpi vaṭṭati, sannidhimpi na janetīti. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
เภสชฺชกฺขนฺธกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhesajjakkhandhakavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๑๘๕. จตุมหาปเทสกถา • 185. Catumahāpadesakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / จตุมหาปเทสกถาวณฺณนา • Catumahāpadesakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / เกณิยชฎิลวตฺถุกถาวณฺณนา • Keṇiyajaṭilavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / จตุมหาปเทสกถาวณฺณนา • Catumahāpadesakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๘๕. จตุมหาปเทสกถา • 185. Catumahāpadesakathā