Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๗. จตุมหาราชสุตฺตํ
7. Catumahārājasuttaṃ
๓๗. ‘‘อฎฺฐมิยํ, ภิกฺขเว, ปกฺขสฺส จตุนฺนํ มหาราชานํ อมจฺจา ปาริสชฺชา อิมํ โลกํ อนุวิจรนฺติ – ‘กจฺจิ พหู มนุสฺสา มนุเสฺสสุ มเตฺตยฺยา เปเตฺตยฺยา สามญฺญา พฺรหฺมญฺญา กุเล เชฎฺฐาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฎิชาคโรนฺติ ปุญฺญานิ กโรนฺตี’ติฯ จาตุทฺทสิํ, ภิกฺขเว, ปกฺขสฺส จตุนฺนํ มหาราชานํ ปุตฺตา อิมํ โลกํ อนุวิจรนฺติ – ‘กจฺจิ พหู มนุสฺสา มนุเสฺสสุ มเตฺตยฺยา เปเตฺตยฺยา สามญฺญา พฺรหฺมญฺญา กุเล เชฎฺฐาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฎิชาคโรนฺติ ปุญฺญานิ กโรนฺตี’ติฯ ตทหุ, ภิกฺขเว, อุโปสเถ ปนฺนรเส จตฺตาโร มหาราชาโน สามเญฺญว อิมํ โลกํ อนุวิจรนฺติ – ‘กจฺจิ พหู มนุสฺสา มนุเสฺสสุ มเตฺตยฺยา เปเตฺตยฺยา สามญฺญา พฺรหฺมญฺญา กุเล เชฎฺฐาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฎิชาคโรนฺติ ปุญฺญานิ กโรนฺตี’’’ติฯ
37. ‘‘Aṭṭhamiyaṃ, bhikkhave, pakkhassa catunnaṃ mahārājānaṃ amaccā pārisajjā imaṃ lokaṃ anuvicaranti – ‘kacci bahū manussā manussesu matteyyā petteyyā sāmaññā brahmaññā kule jeṭṭhāpacāyino uposathaṃ upavasanti paṭijāgaronti puññāni karontī’ti. Cātuddasiṃ, bhikkhave, pakkhassa catunnaṃ mahārājānaṃ puttā imaṃ lokaṃ anuvicaranti – ‘kacci bahū manussā manussesu matteyyā petteyyā sāmaññā brahmaññā kule jeṭṭhāpacāyino uposathaṃ upavasanti paṭijāgaronti puññāni karontī’ti. Tadahu, bhikkhave, uposathe pannarase cattāro mahārājāno sāmaññeva imaṃ lokaṃ anuvicaranti – ‘kacci bahū manussā manussesu matteyyā petteyyā sāmaññā brahmaññā kule jeṭṭhāpacāyino uposathaṃ upavasanti paṭijāgaronti puññāni karontī’’’ti.
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, อปฺปกา โหนฺติ มนุสฺสา มนุเสฺสสุ มเตฺตยฺยา เปเตฺตยฺยา สามญฺญา พฺรหฺมญฺญา กุเล เชฎฺฐาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฎิชาคโรนฺติ ปุญฺญานิ กโรนฺติฯ ตเมนํ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร มหาราชาโน เทวานํ ตาวติํสานํ สุธมฺมาย สภาย สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อาโรเจนฺติ – ‘อปฺปกา โข, มาริสา, มนุสฺสา มนุเสฺสสุ มเตฺตยฺยา เปเตฺตยฺยา สามญฺญา พฺรหฺมญฺญา กุเล เชฎฺฐาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฎิชาคโรนฺติ ปุญฺญานิ กโรนฺตี’ติฯ เตน โข, ภิกฺขเว , เทวา ตาวติํสา อนตฺตมนา โหนฺติ – ‘ทิพฺพา วต, โภ, กายา ปริหายิสฺสนฺติ, ปริปูริสฺสนฺติ อสุรกายา’’’ติฯ
‘‘Sace, bhikkhave, appakā honti manussā manussesu matteyyā petteyyā sāmaññā brahmaññā kule jeṭṭhāpacāyino uposathaṃ upavasanti paṭijāgaronti puññāni karonti. Tamenaṃ, bhikkhave, cattāro mahārājāno devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sudhammāya sabhāya sannisinnānaṃ sannipatitānaṃ ārocenti – ‘appakā kho, mārisā, manussā manussesu matteyyā petteyyā sāmaññā brahmaññā kule jeṭṭhāpacāyino uposathaṃ upavasanti paṭijāgaronti puññāni karontī’ti. Tena kho, bhikkhave , devā tāvatiṃsā anattamanā honti – ‘dibbā vata, bho, kāyā parihāyissanti, paripūrissanti asurakāyā’’’ti.
‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, พหู โหนฺติ มนุสฺสา มนุเสฺสสุ มเตฺตยฺยา เปเตฺตยฺยา สามญฺญา พฺรหฺมญฺญา กุเล เชฎฺฐาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฎิชาคโรนฺติ ปุญฺญานิ กโรนฺติฯ ตเมนํ, ภิกฺขเว , จตฺตาโร มหาราชาโน เทวานํ ตาวติํสานํ สุธมฺมาย สภาย สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อาโรเจนฺติ – ‘พหู โข , มาริสา, มนุสฺสา มนุเสฺสสุ มเตฺตยฺยา เปเตฺตยฺยา สามญฺญา พฺรหฺมญฺญา กุเล เชฎฺฐาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฎิชาคโรนฺติ ปุญฺญานิ กโรนฺตี’ติฯ เตน, ภิกฺขเว, เทวา ตาวติํสา อตฺตมนา โหนฺติ – ‘ทิพฺพา วต, โภ, กายา ปริปูริสฺสนฺติ, ปริหายิสฺสนฺติ อสุรกายา’’’ติฯ
‘‘Sace pana, bhikkhave, bahū honti manussā manussesu matteyyā petteyyā sāmaññā brahmaññā kule jeṭṭhāpacāyino uposathaṃ upavasanti paṭijāgaronti puññāni karonti. Tamenaṃ, bhikkhave , cattāro mahārājāno devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sudhammāya sabhāya sannisinnānaṃ sannipatitānaṃ ārocenti – ‘bahū kho , mārisā, manussā manussesu matteyyā petteyyā sāmaññā brahmaññā kule jeṭṭhāpacāyino uposathaṃ upavasanti paṭijāgaronti puññāni karontī’ti. Tena, bhikkhave, devā tāvatiṃsā attamanā honti – ‘dibbā vata, bho, kāyā paripūrissanti, parihāyissanti asurakāyā’’’ti.
‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สโกฺก เทวานมิโนฺท เทเว ตาวติํเส อนุนยมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘Bhūtapubbaṃ, bhikkhave, sakko devānamindo deve tāvatiṃse anunayamāno tāyaṃ velāyaṃ imaṃ gāthaṃ abhāsi –
‘‘จาตุทฺทสิํ ปญฺจทสิํ, ยา จ ปกฺขสฺส อฎฺฐมี;
‘‘Cātuddasiṃ pañcadasiṃ, yā ca pakkhassa aṭṭhamī;
ปาฎิหาริยปกฺขญฺจ, อฎฺฐงฺคสุสมาคตํ;
Pāṭihāriyapakkhañca, aṭṭhaṅgasusamāgataṃ;
‘‘สา โข ปเนสา, ภิกฺขเว, สเกฺกน เทวานมิเนฺทน คาถา ทุคฺคีตา น สุคีตา ทุพฺภาสิตา น สุภาสิตาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? สโกฺก หิ, ภิกฺขเว, เทวานมิโนฺท อวีตราโค อวีตโทโส อวีตโมโหฯ
‘‘Sā kho panesā, bhikkhave, sakkena devānamindena gāthā duggītā na sugītā dubbhāsitā na subhāsitā. Taṃ kissa hetu? Sakko hi, bhikkhave, devānamindo avītarāgo avītadoso avītamoho.
‘‘โย จ โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา พฺรหฺมจริโย กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทโตฺถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทญฺญา วิมุโตฺต, ตสฺส โข เอตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน 3 กลฺลํ วจนาย –
‘‘Yo ca kho so, bhikkhave, bhikkhu arahaṃ khīṇāsavo vusitavā brahmacariyo katakaraṇīyo ohitabhāro anuppattasadattho parikkhīṇabhavasaṃyojano sammadaññā vimutto, tassa kho etaṃ, bhikkhave, bhikkhuno 4 kallaṃ vacanāya –
‘‘จาตุทฺทสิํ ปญฺจทสิํ, ยา จ ปกฺขสฺส อฎฺฐมี;
‘‘Cātuddasiṃ pañcadasiṃ, yā ca pakkhassa aṭṭhamī;
ปาฎิหาริยปกฺขญฺจ, อฎฺฐงฺคสุสมาคตํ;
Pāṭihāriyapakkhañca, aṭṭhaṅgasusamāgataṃ;
อุโปสถํ อุปวเสยฺย, โยปิสฺส มาทิโส นโร’’ติฯ
Uposathaṃ upavaseyya, yopissa mādiso naro’’ti.
‘‘ตํ กิสฺส เหตุ? โส หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วีตราโค วีตโทโส วีตโมโห’’ติฯ สตฺตมํฯ
‘‘Taṃ kissa hetu? So hi, bhikkhave, bhikkhu vītarāgo vītadoso vītamoho’’ti. Sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. จตุมหาราชสุตฺตวณฺณนา • 7. Catumahārājasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๗. จตุมหาราชสุตฺตวณฺณนา • 7. Catumahārājasuttavaṇṇanā