Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๗. จตุมหาราชสุตฺตวณฺณนา

    7. Catumahārājasuttavaṇṇanā

    ๓๗. สตฺตเม อมจฺจา ปาริสชฺชาติ ปริจาริกเทวตาฯ อิมํ โลกํ อนุวิจรนฺตีติ อฎฺฐมีทิวเส กิร สโกฺก เทวราชา จตฺตาโร มหาราชาโน อาณาเปติ – ‘‘ตาตา, อชฺช อฎฺฐมีทิวเส มนุสฺสโลกํ อนุวิจริตฺวา ปุญฺญานิ กโรนฺตานํ นามโคตฺตํ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคจฺฉถา’’ติฯ เต คนฺตฺวา อตฺตโน ปริจารเก เปเสนฺติ – ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, มนุสฺสโลกํ วิจริตฺวา ปุญฺญการกานํ นามโคตฺตานิ สุวณฺณปเฎฺฎ ลิขิตฺวา อาเนถา’’ติฯ เต ตถา กโรนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อิมํ โลกํ อนุวิจรนฺตี’’ติฯ กจฺจิ พหูติอาทิ เตสํ อุปปริกฺขาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ เอวํ อุปปริกฺขนฺตา หิ เต อนุวิจรนฺติฯ ตตฺถ อุโปสถํ อุปวสนฺตีติ มาสสฺส อฎฺฐวาเร อุโปสถงฺคานิ อธิฎฺฐหนฺติฯ ปฎิชาคโรนฺตีติ ปฎิชาครอุโปสถกมฺมํ นาม กโรนฺติฯ ตํ กโรนฺตา เอกสฺมิํ อทฺธมาเส จตุนฺนํ อุโปสถทิวสานํ ปจฺจุคฺคมนานุคฺคมนวเสน กโรนฺติฯ ปญฺจมีอุโปสถํ ปจฺจุคฺคจฺฉนฺตา จตุตฺถิยํ อุโปสถิกา โหนฺติ, อนุคจฺฉนฺตา ฉฎฺฐิยํฯ อฎฺฐมีอุโปสถํ ปจฺจุคฺคจฺฉนฺตา สตฺตมิยํ, อนุคจฺฉนฺตา นวมิยํฯ จาตุทฺทสิํ ปจฺจุคฺคจฺฉนฺตา เตรสิยํ, ปนฺนรสีอุโปสถํ อนุคจฺฉนฺตา ปาฎิปเท อุโปสถิกา โหนฺติฯ ปุญฺญานิ กโรนฺตีติ สรณคมนนิจฺจสีลปุปฺผปูชาธมฺมสฺสวนปทีปสหสฺสอาโรปนวิหารกรณาทีนิ นานปฺปการานิ ปุญฺญานิ กโรนฺติฯ เต เอวํ อนุวิจริตฺวา ปุญฺญกมฺมการกานํ นามโคตฺตานิ โสวณฺณมเย ปเฎฺฎ ลิขิตฺวา อาหริตฺวา จตุนฺนํ มหาราชานํ เทนฺติฯ ปุตฺตา อิมํ โลกํ อนุวิจรนฺตีติ จตูหิ มหาราเชหิ ปุริมนเยเนว ปหิตตฺตา อนุวิจรนฺติฯ ตทหูติ ตํทิวสํฯ อุโปสเถติ อุโปสถทิวเสฯ

    37. Sattame amaccā pārisajjāti paricārikadevatā. Imaṃ lokaṃ anuvicarantīti aṭṭhamīdivase kira sakko devarājā cattāro mahārājāno āṇāpeti – ‘‘tātā, ajja aṭṭhamīdivase manussalokaṃ anuvicaritvā puññāni karontānaṃ nāmagottaṃ uggaṇhitvā āgacchathā’’ti. Te gantvā attano paricārake pesenti – ‘‘gacchatha, tātā, manussalokaṃ vicaritvā puññakārakānaṃ nāmagottāni suvaṇṇapaṭṭe likhitvā ānethā’’ti. Te tathā karonti. Tena vuttaṃ – ‘‘imaṃ lokaṃ anuvicarantī’’ti. Kaccibahūtiādi tesaṃ upaparikkhākāradassanatthaṃ vuttaṃ. Evaṃ upaparikkhantā hi te anuvicaranti. Tattha uposathaṃ upavasantīti māsassa aṭṭhavāre uposathaṅgāni adhiṭṭhahanti. Paṭijāgarontīti paṭijāgarauposathakammaṃ nāma karonti. Taṃ karontā ekasmiṃ addhamāse catunnaṃ uposathadivasānaṃ paccuggamanānuggamanavasena karonti. Pañcamīuposathaṃ paccuggacchantā catutthiyaṃ uposathikā honti, anugacchantā chaṭṭhiyaṃ. Aṭṭhamīuposathaṃ paccuggacchantā sattamiyaṃ, anugacchantā navamiyaṃ. Cātuddasiṃ paccuggacchantā terasiyaṃ, pannarasīuposathaṃ anugacchantā pāṭipade uposathikā honti. Puññāni karontīti saraṇagamananiccasīlapupphapūjādhammassavanapadīpasahassaāropanavihārakaraṇādīni nānappakārāni puññāni karonti. Te evaṃ anuvicaritvā puññakammakārakānaṃ nāmagottāni sovaṇṇamaye paṭṭe likhitvā āharitvā catunnaṃ mahārājānaṃ denti. Puttā imaṃ lokaṃ anuvicarantīti catūhi mahārājehi purimanayeneva pahitattā anuvicaranti. Tadahūti taṃdivasaṃ. Uposatheti uposathadivase.

    สเจ, ภิกฺขเว, อปฺปกา โหนฺตีติ จตุนฺนํ มหาราชานํ อมจฺจา ปาริสชฺชา ตา ตา คามนิคมราชธานิโย อุปสงฺกมนฺติ, ตโต ตํ อุปนิสฺสาย อธิวตฺถา เทวตา ‘‘มหาราชานํ อมจฺจา อาคตา’’ติ ปณฺณาการํ คเหตฺวา เตสํ สนฺติกํ คจฺฉนฺติฯ เต ปณฺณาการํ คเหตฺวา ‘‘กจฺจิ นุ โข มาริสา พหู มนุสฺสา มเตฺตยฺยา’’ติ วุตฺตนเยน มนุสฺสานํ ปุญฺญปฎิปตฺติํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, มาริส, อิมสฺมิํ คาเม อสุโก จ อสุโก จ ปุญฺญานิ กโรนฺตี’’ติ วุเตฺต เตสํ นามโคตฺตํ ลิขิตฺวา อญฺญตฺถ คจฺฉนฺติฯ อถ จาตุทฺทสิยํ จตุนฺนํ มหาราชานํ ปุตฺตาปิ ตเมว สุวณฺณปฎฺฎํ คเหตฺวา เตเนว นเยน อนุวิจรนฺตา นามโคตฺตานิ ลิขนฺติฯ ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส จตฺตาโรปิ มหาราชาโน เตเนว นเยน ตสฺมิํเยว สุวณฺณปเฎฺฎ นามโคตฺตานิ ลิขนฺติฯ เต สุวณฺณปฎฺฎปริมาเณเนว – ‘‘อิมสฺมิํ กาเล มนุสฺสา อปฺปกา, อิมสฺมิํ กาเล พหุกา’’ติ ชานนฺติฯ ตํ สนฺธาย ‘‘สเจ, ภิกฺขเว, อปฺปกา โหนฺติ มนุสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เทวานํ ตาวติํสานนฺติ ปฐมํ อภินิพฺพเตฺต เตตฺติํส เทวปุเตฺต อุปาทาย เอวํลทฺธนามานํฯ เตสํ ปน อุปฺปตฺติกถา ทีฆนิกาเย สกฺกปญฺหสุตฺตวณฺณนาย วิตฺถาริตาฯ เตนาติ เตน อาโรจเนน, เตน วา ปุญฺญการกานํ อปฺปกภาเวนฯ ทิพฺพา วต, โภ, กายา ปริหายิสฺสนฺตีติ นวนวานํ เทวปุตฺตานํ อปาตุภาเวน เทวกายา ปริหายิสฺสนฺติ, รมณียํ ทสโยชนสหสฺสํ เทวนครํ สุญฺญํ ภวิสฺสติฯ ปริปูริสฺสนฺติ อสุรกายาติ จตฺตาโร อปายา ปริปูริสฺสนฺติฯ อิมินา ‘‘มยํ ปริปุเณฺณ เทวนคเร เทวสงฺฆมเชฺฌ นกฺขตฺตํ กีฬิตุํ น ลภิสฺสามา’’ติ อนตฺตมนา โหนฺติฯ สุกฺกปเกฺขปิ อิมินาว อุปาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Sace, bhikkhave, appakā hontīti catunnaṃ mahārājānaṃ amaccā pārisajjā tā tā gāmanigamarājadhāniyo upasaṅkamanti, tato taṃ upanissāya adhivatthā devatā ‘‘mahārājānaṃ amaccā āgatā’’ti paṇṇākāraṃ gahetvā tesaṃ santikaṃ gacchanti. Te paṇṇākāraṃ gahetvā ‘‘kacci nu kho mārisā bahū manussā matteyyā’’ti vuttanayena manussānaṃ puññapaṭipattiṃ pucchitvā ‘‘āma, mārisa, imasmiṃ gāme asuko ca asuko ca puññāni karontī’’ti vutte tesaṃ nāmagottaṃ likhitvā aññattha gacchanti. Atha cātuddasiyaṃ catunnaṃ mahārājānaṃ puttāpi tameva suvaṇṇapaṭṭaṃ gahetvā teneva nayena anuvicarantā nāmagottāni likhanti. Tadahuposathe pannarase cattāropi mahārājāno teneva nayena tasmiṃyeva suvaṇṇapaṭṭe nāmagottāni likhanti. Te suvaṇṇapaṭṭaparimāṇeneva – ‘‘imasmiṃ kāle manussā appakā, imasmiṃ kāle bahukā’’ti jānanti. Taṃ sandhāya ‘‘sace, bhikkhave, appakā honti manussā’’tiādi vuttaṃ. Devānaṃ tāvatiṃsānanti paṭhamaṃ abhinibbatte tettiṃsa devaputte upādāya evaṃladdhanāmānaṃ. Tesaṃ pana uppattikathā dīghanikāye sakkapañhasuttavaṇṇanāya vitthāritā. Tenāti tena ārocanena, tena vā puññakārakānaṃ appakabhāvena. Dibbā vata, bho, kāyā parihāyissantīti navanavānaṃ devaputtānaṃ apātubhāvena devakāyā parihāyissanti, ramaṇīyaṃ dasayojanasahassaṃ devanagaraṃ suññaṃ bhavissati. Paripūrissanti asurakāyāti cattāro apāyā paripūrissanti. Iminā ‘‘mayaṃ paripuṇṇe devanagare devasaṅghamajjhe nakkhattaṃ kīḷituṃ na labhissāmā’’ti anattamanā honti. Sukkapakkhepi imināva upāyena attho veditabbo.

    ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สโกฺก เทวานมิโนฺทติ อตฺตโน สกฺกเทวราชกาลํ สนฺธาย กเถติฯ เอกสฺส วา สกฺกสฺส อชฺฌาสยํ คเหตฺวา กเถตีติ วุตฺตํฯ อนุนยมาโนติ อนุโพธยมาโนฯ ตายํ เวลายนฺติ ตสฺมิํ กาเลฯ

    Bhūtapubbaṃ, bhikkhave, sakko devānamindoti attano sakkadevarājakālaṃ sandhāya katheti. Ekassa vā sakkassa ajjhāsayaṃ gahetvā kathetīti vuttaṃ. Anunayamānoti anubodhayamāno. Tāyaṃ velāyanti tasmiṃ kāle.

    ปาฎิหาริยปกฺขญฺจาติ เอตฺถ ปาฎิหาริยปโกฺข นาม อโนฺตวเสฺส เตมาสํ นิพทฺธุโปสโถ, ตํ อสโกฺกนฺตสฺส ทฺวินฺนํ ปวารณานํ อนฺตเร เอกมาสํ นิพทฺธุโปสโถ, ตมฺปิ อสโกฺกนฺตสฺส ปฐมปวารณโต ปฎฺฐาย เอโก อทฺธมาโส ปาฎิหาริยปโกฺขเยว นามฯ อฎฺฐงฺคสุสมาคตนฺติ อฎฺฐหิ คุณเงฺคหิ สมนฺนาคตํฯ โยปิสฺส มาทิโส นโรติ โยปิ สโตฺต มาทิโส ภเวยฺยฯ สโกฺกปิ กิร วุตฺตปฺปการสฺส อุโปสถกมฺมสฺส คุณํ ชานิตฺวา เทฺว เทวโลกสมฺปตฺติโย ปหาย มาสสฺส อฎฺฐ วาเร อุโปสถํ อุปวสติฯ ตสฺมา เอวมาหฯ อปโร นโย – โยปิสฺส มาทิโส นโรติ โยปิ สโตฺต มาทิโส อสฺส, มยา ปตฺตํ สมฺปตฺติํ ปาปุณิตุํ อิเจฺฉยฺยาติ อโตฺถฯ สกฺกา หิ เอวรูเปน อุโปสถกเมฺมน สกฺกสมฺปตฺติํ ปาปุณิตุนฺติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ

    Pāṭihāriyapakkhañcāti ettha pāṭihāriyapakkho nāma antovasse temāsaṃ nibaddhuposatho, taṃ asakkontassa dvinnaṃ pavāraṇānaṃ antare ekamāsaṃ nibaddhuposatho, tampi asakkontassa paṭhamapavāraṇato paṭṭhāya eko addhamāso pāṭihāriyapakkhoyeva nāma. Aṭṭhaṅgasusamāgatanti aṭṭhahi guṇaṅgehi samannāgataṃ. Yopissamādiso naroti yopi satto mādiso bhaveyya. Sakkopi kira vuttappakārassa uposathakammassa guṇaṃ jānitvā dve devalokasampattiyo pahāya māsassa aṭṭha vāre uposathaṃ upavasati. Tasmā evamāha. Aparo nayo – yopissa mādiso naroti yopi satto mādiso assa, mayā pattaṃ sampattiṃ pāpuṇituṃ iccheyyāti attho. Sakkā hi evarūpena uposathakammena sakkasampattiṃ pāpuṇitunti ayamettha adhippāyo.

    วุสิตวาติ วุตฺถวาโสฯ กตกรณีโยติ จตูหิ มเคฺคหิ กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา ฐิโตฯ โอหิตภาโรติ ขนฺธภารกิเลสภารอภิสงฺขารภาเร โอตาเรตฺวา ฐิโตฯ อนุปฺปตฺตสทโตฺถติ สทโตฺถ วุจฺจติ อรหตฺตํ, ตํ อนุปฺปโตฺตฯ ปริกฺขีณภวสํโยชโนติ เยน สํโยชเนน พโทฺธ ภเวสุ อากฑฺฒียติ, ตสฺส ขีณตฺตา ปริกฺขีณภวสํโยชโนฯ สมฺมทญฺญา วิมุโตฺตติ เหตุนา นเยน การเณน ชานิตฺวา วิมุโตฺตฯ กลฺลํ วจนายาติ ยุตฺตํ วตฺตุํฯ

    Vusitavāti vutthavāso. Katakaraṇīyoti catūhi maggehi kattabbakiccaṃ katvā ṭhito. Ohitabhāroti khandhabhārakilesabhāraabhisaṅkhārabhāre otāretvā ṭhito. Anuppattasadatthoti sadattho vuccati arahattaṃ, taṃ anuppatto. Parikkhīṇabhavasaṃyojanoti yena saṃyojanena baddho bhavesu ākaḍḍhīyati, tassa khīṇattā parikkhīṇabhavasaṃyojano. Sammadaññā vimuttoti hetunā nayena kāraṇena jānitvā vimutto. Kallaṃ vacanāyāti yuttaṃ vattuṃ.

    โยปิสฺส มาทิโส นโรติ โยปิ มาทิโส ขีณาสโว อสฺส, โสปิ เอวรูปํ อุโปสถํ อุปวเสยฺยาติ อุโปสถกมฺมสฺส คุณํ ชานโนฺต เอวํ วเทยฺยฯ อปโร นโย โยปิสฺส มาทิโส นโรติ โยปิ สโตฺต มาทิโส อสฺส, มยา ปตฺตํ สมฺปตฺติํ ปาปุณิตุํ อิเจฺฉยฺยาติ อโตฺถฯ สกฺกา หิ เอวรูเปน อุโปสถกเมฺมน ขีณาสวสมฺปตฺติํ ปาปุณิตุนฺติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ อฎฺฐมํ อุตฺตานตฺถเมวฯ

    Yopissa mādiso naroti yopi mādiso khīṇāsavo assa, sopi evarūpaṃ uposathaṃ upavaseyyāti uposathakammassa guṇaṃ jānanto evaṃ vadeyya. Aparo nayo yopissa mādiso naroti yopi satto mādiso assa, mayā pattaṃ sampattiṃ pāpuṇituṃ iccheyyāti attho. Sakkā hi evarūpena uposathakammena khīṇāsavasampattiṃ pāpuṇitunti ayamettha adhippāyo. Aṭṭhamaṃ uttānatthameva.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๗. จตุมหาราชสุตฺตํ • 7. Catumahārājasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๗. จตุมหาราชสุตฺตวณฺณนา • 7. Catumahārājasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact