Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๗. จาตุมสุตฺตํ
7. Cātumasuttaṃ
๑๕๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา จาตุมายํ วิหรติ อามลกีวเนฯ เตน โข ปน สมเยน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุขานิ ปญฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ จาตุมํ อนุปฺปตฺตานิ โหนฺติ ภควนฺตํ ทสฺสนายฯ เต จ อาคนฺตุกา ภิกฺขู เนวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ปฎิสโมฺมทมานา เสนาสนานิ ปญฺญาปยมานา ปตฺตจีวรานิ ปฎิสามยมานา อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา อเหสุํฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘เก ปเนเต, อานนฺท, อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา, เกวฎฺฎา มเญฺญ มจฺฉวิโลเป’’ติ? ‘‘เอตานิ, ภเนฺต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุขานิ ปญฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ จาตุมํ อนุปฺปตฺตานิ ภควนฺตํ ทสฺสนายฯ เต อาคนฺตุกา ภิกฺขู เนวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ปฎิสโมฺมทมานา เสนาสนานิ ปญฺญาปยมานา ปตฺตจีวรานิ ปฎิสามยมานา อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา’’ติฯ ‘‘เตนหานนฺท, มม วจเนน เต ภิกฺขู อามเนฺตหิ – ‘สตฺถา อายสฺมเนฺต อามเนฺตตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา อายสฺมเนฺต อามเนฺตตี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิเนฺน โข เต ภิกฺขู ภควา เอตทโวจ – ‘‘กิํ นุ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา, เกวฎฺฎา มเญฺญ มจฺฉวิโลเป’’ติ? ‘‘อิมานิ, ภเนฺต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุขานิ ปญฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ จาตุมํ อนุปฺปตฺตานิ ภควนฺตํ ทสฺสนายฯ เตเม อาคนฺตุกา ภิกฺขู เนวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ปฎิสโมฺมทมานา เสนาสนานิ ปญฺญาปยมานา ปตฺตจีวรานิ ปฎิสามยมานา อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา’’ติฯ ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ปณาเมมิ โว, น โว มม สนฺติเก วตฺถพฺพ’’นฺติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ปกฺกมิํสุฯ
157. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā cātumāyaṃ viharati āmalakīvane. Tena kho pana samayena sāriputtamoggallānappamukhāni pañcamattāni bhikkhusatāni cātumaṃ anuppattāni honti bhagavantaṃ dassanāya. Te ca āgantukā bhikkhū nevāsikehi bhikkhūhi saddhiṃ paṭisammodamānā senāsanāni paññāpayamānā pattacīvarāni paṭisāmayamānā uccāsaddā mahāsaddā ahesuṃ. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘ke panete, ānanda, uccāsaddā mahāsaddā, kevaṭṭā maññe macchavilope’’ti? ‘‘Etāni, bhante, sāriputtamoggallānappamukhāni pañcamattāni bhikkhusatāni cātumaṃ anuppattāni bhagavantaṃ dassanāya. Te āgantukā bhikkhū nevāsikehi bhikkhūhi saddhiṃ paṭisammodamānā senāsanāni paññāpayamānā pattacīvarāni paṭisāmayamānā uccāsaddā mahāsaddā’’ti. ‘‘Tenahānanda, mama vacanena te bhikkhū āmantehi – ‘satthā āyasmante āmantetī’’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paṭissutvā yena te bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te bhikkhū etadavoca – ‘‘satthā āyasmante āmantetī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato ānandassa paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinne kho te bhikkhū bhagavā etadavoca – ‘‘kiṃ nu tumhe, bhikkhave, uccāsaddā mahāsaddā, kevaṭṭā maññe macchavilope’’ti? ‘‘Imāni, bhante, sāriputtamoggallānappamukhāni pañcamattāni bhikkhusatāni cātumaṃ anuppattāni bhagavantaṃ dassanāya. Teme āgantukā bhikkhū nevāsikehi bhikkhūhi saddhiṃ paṭisammodamānā senāsanāni paññāpayamānā pattacīvarāni paṭisāmayamānā uccāsaddā mahāsaddā’’ti. ‘‘Gacchatha, bhikkhave, paṇāmemi vo, na vo mama santike vatthabba’’nti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paṭissutvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya pakkamiṃsu.
๑๕๘. เตน โข ปน สมเยน จาตุเมยฺยกา สกฺยา สนฺถาคาเร 1 สนฺนิปติตา โหนฺติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ อทฺทสํสุ โข จาตุเมยฺยกา สกฺยา เต ภิกฺขู ทูรโตว อาคจฺฉเนฺต; ทิสฺวาน เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘หนฺท, กหํ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต คจฺฉถา’’ติ? ‘‘ภควตา โข, อาวุโส, ภิกฺขุสโงฺฆ ปณามิโต’’ติฯ ‘‘เตนหายสฺมโนฺต มุหุตฺตํ นิสีทถ, อเปฺปว นาม มยํ สกฺกุเณยฺยาม ภควนฺตํ ปสาเทตุ’’นฺติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู จาตุเมยฺยกานํ สกฺยานํ ปจฺจโสฺสสุํฯ อถ โข จาตุเมยฺยกา สกฺยา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข จาตุเมยฺยกา สกฺยา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อภินนฺทตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ; อภิวทตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต , ภควตา ปุเพฺพ ภิกฺขุสโงฺฆ อนุคฺคหิโต, เอวเมว ภควา เอตรหิ อนุคฺคณฺหาตุ ภิกฺขุสงฺฆํฯ สเนฺตตฺถ, ภเนฺต, ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํฯ เตสํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อลภนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ, สิยา วิปริณาโมฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, พีชานํ ตรุณานํ อุทกํ อลภนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ สิยา วิปริณาโม; เอวเมว โข, ภเนฺต, สเนฺตตฺถ ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ, เตสํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อลภนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ, สิยา วิปริณาโมฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, วจฺฉสฺส ตรุณสฺส มาตรํ อปสฺสนฺตสฺส สิยา อญฺญถตฺตํ, สิยา วิปริณาโม; เอวเมว โข, ภเนฺต, สเนฺตตฺถ ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ, เตสํ ภควนฺตํ อปสฺสนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ, สิยา วิปริณาโมฯ อภินนฺทตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ; อภิวทตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, ภควตา ปุเพฺพ ภิกฺขุสโงฺฆ อนุคฺคหิโต; เอวเมว ภควา เอตรหิ อนุคฺคณฺหาตุ ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติฯ
158. Tena kho pana samayena cātumeyyakā sakyā santhāgāre 2 sannipatitā honti kenacideva karaṇīyena. Addasaṃsu kho cātumeyyakā sakyā te bhikkhū dūratova āgacchante; disvāna yena te bhikkhū tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā te bhikkhū etadavocuṃ – ‘‘handa, kahaṃ pana tumhe āyasmanto gacchathā’’ti? ‘‘Bhagavatā kho, āvuso, bhikkhusaṅgho paṇāmito’’ti. ‘‘Tenahāyasmanto muhuttaṃ nisīdatha, appeva nāma mayaṃ sakkuṇeyyāma bhagavantaṃ pasādetu’’nti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho te bhikkhū cātumeyyakānaṃ sakyānaṃ paccassosuṃ. Atha kho cātumeyyakā sakyā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho cātumeyyakā sakyā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘abhinandatu, bhante, bhagavā bhikkhusaṅghaṃ; abhivadatu, bhante, bhagavā bhikkhusaṅghaṃ. Seyyathāpi, bhante , bhagavatā pubbe bhikkhusaṅgho anuggahito, evameva bhagavā etarahi anuggaṇhātu bhikkhusaṅghaṃ. Santettha, bhante, bhikkhū navā acirapabbajitā adhunāgatā imaṃ dhammavinayaṃ. Tesaṃ bhagavantaṃ dassanāya alabhantānaṃ siyā aññathattaṃ, siyā vipariṇāmo. Seyyathāpi, bhante, bījānaṃ taruṇānaṃ udakaṃ alabhantānaṃ siyā aññathattaṃ siyā vipariṇāmo; evameva kho, bhante, santettha bhikkhū navā acirapabbajitā adhunāgatā imaṃ dhammavinayaṃ, tesaṃ bhagavantaṃ dassanāya alabhantānaṃ siyā aññathattaṃ, siyā vipariṇāmo. Seyyathāpi, bhante, vacchassa taruṇassa mātaraṃ apassantassa siyā aññathattaṃ, siyā vipariṇāmo; evameva kho, bhante, santettha bhikkhū navā acirapabbajitā adhunāgatā imaṃ dhammavinayaṃ, tesaṃ bhagavantaṃ apassantānaṃ siyā aññathattaṃ, siyā vipariṇāmo. Abhinandatu, bhante, bhagavā bhikkhusaṅghaṃ; abhivadatu, bhante, bhagavā bhikkhusaṅghaṃ. Seyyathāpi, bhante, bhagavatā pubbe bhikkhusaṅgho anuggahito; evameva bhagavā etarahi anuggaṇhātu bhikkhusaṅgha’’nti.
๑๕๙. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ 3 วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, เอวเมว – พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต ภควโต ปุรโต ปาตุรโหสิฯ อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภินนฺทตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ; อภิวทตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, ภควตา ปุเพฺพ ภิกฺขุสโงฺฆ อนุคฺคหิโต; เอวเมว ภควา เอตรหิ อนุคฺคณฺหาตุ ภิกฺขุสงฺฆํฯ สเนฺตตฺถ, ภเนฺต, ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ, เตสํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อลภนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ, สิยา วิปริณาโมฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, พีชานํ ตรุณานํ อุทกํ อลภนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ, สิยา วิปริณาโม; เอวเมว โข, ภเนฺต, สเนฺตตฺถ ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ, เตสํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อลภนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ, สิยา วิปริณาโมฯ เสยฺยถาปิ ภเนฺต, วจฺฉสฺส ตรุณสฺส มาตรํ อปสฺสนฺตสฺส สิยา อญฺญถตฺตํ, สิยา วิปริณาโม; เอวเมว โข, ภเนฺต, สเนฺตตฺถ ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ, เตสํ ภควนฺตํ อปสฺสนฺตานํ สิยา อญฺญถตฺตํ, สิยา วิปริณาโมฯ อภินนฺทตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ; อภิวทตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, ภควตา ปุเพฺพ ภิกฺขุสโงฺฆ อนุคฺคหิโต; เอวเมว ภควา เอตรหิ อนุคฺคณฺหาตุ ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติฯ
159. Atha kho brahmā sahampati bhagavato cetasā cetoparivitakkamaññāya – seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ 4 vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, evameva – brahmaloke antarahito bhagavato purato pāturahosi. Atha kho brahmā sahampati ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhinandatu, bhante, bhagavā bhikkhusaṅghaṃ; abhivadatu, bhante, bhagavā bhikkhusaṅghaṃ. Seyyathāpi, bhante, bhagavatā pubbe bhikkhusaṅgho anuggahito; evameva bhagavā etarahi anuggaṇhātu bhikkhusaṅghaṃ. Santettha, bhante, bhikkhū navā acirapabbajitā adhunāgatā imaṃ dhammavinayaṃ, tesaṃ bhagavantaṃ dassanāya alabhantānaṃ siyā aññathattaṃ, siyā vipariṇāmo. Seyyathāpi, bhante, bījānaṃ taruṇānaṃ udakaṃ alabhantānaṃ siyā aññathattaṃ, siyā vipariṇāmo; evameva kho, bhante, santettha bhikkhū navā acirapabbajitā adhunāgatā imaṃ dhammavinayaṃ, tesaṃ bhagavantaṃ dassanāya alabhantānaṃ siyā aññathattaṃ, siyā vipariṇāmo. Seyyathāpi bhante, vacchassa taruṇassa mātaraṃ apassantassa siyā aññathattaṃ, siyā vipariṇāmo; evameva kho, bhante, santettha bhikkhū navā acirapabbajitā adhunāgatā imaṃ dhammavinayaṃ, tesaṃ bhagavantaṃ apassantānaṃ siyā aññathattaṃ, siyā vipariṇāmo. Abhinandatu, bhante, bhagavā bhikkhusaṅghaṃ; abhivadatu, bhante, bhagavā bhikkhusaṅghaṃ. Seyyathāpi, bhante, bhagavatā pubbe bhikkhusaṅgho anuggahito; evameva bhagavā etarahi anuggaṇhātu bhikkhusaṅgha’’nti.
๑๖๐. อสกฺขิํสุ โข จาตุเมยฺยกา จ สกฺยา พฺรหฺมา จ สหมฺปติ ภควนฺตํ ปสาเทตุํ พีชูปเมน จ ตรุณูปเมน จฯ อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อุเฎฺฐถาวุโส, คณฺหถ ปตฺตจีวรํฯ ปสาทิโต ภควา จาตุเมยฺยเกหิ จ สเกฺยหิ พฺรหฺมุนา จ สหมฺปตินา พีชูปเมน จ ตรุณูปเมน จา’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ปฎิสฺสุตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กินฺติ เต, สาริปุตฺต, อโหสิ มยา ภิกฺขุสเงฺฆ ปณามิเต’’ติ? ‘‘เอวํ โข เม, ภเนฺต, อโหสิ – ‘ภควตา ภิกฺขุสโงฺฆ ปณามิโตฯ อโปฺปสฺสุโกฺก ทานิ ภควา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํ อนุยุโตฺต วิหริสฺสติ, มยมฺปิ ทานิ อโปฺปสฺสุกฺกา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารมนุยุตฺตา วิหริสฺสามา’’’ติฯ ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, อาคเมหิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาร’’นฺติฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อามเนฺตสิ – ‘‘กินฺติ เต, โมคฺคลฺลาน, อโหสิ มยา ภิกฺขุสเงฺฆ ปณามิเต’’ติ? ‘‘เอวํ โข เม, ภเนฺต, อโหสิ – ‘ภควตา ภิกฺขุสโงฺฆ ปณามิโตฯ อโปฺปสฺสุโกฺก ทานิ ภควา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํ อนุยุโตฺต วิหริสฺสติ, อหญฺจ ทานิ อายสฺมา จ สาริปุโตฺต ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามา’’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, โมคฺคลฺลาน! อหํ วา หิ, โมคฺคลฺลาน , ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหเรยฺยํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา วา’’ติฯ
160. Asakkhiṃsu kho cātumeyyakā ca sakyā brahmā ca sahampati bhagavantaṃ pasādetuṃ bījūpamena ca taruṇūpamena ca. Atha kho āyasmā mahāmoggallāno bhikkhū āmantesi – ‘‘uṭṭhethāvuso, gaṇhatha pattacīvaraṃ. Pasādito bhagavā cātumeyyakehi ca sakyehi brahmunā ca sahampatinā bījūpamena ca taruṇūpamena cā’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato mahāmoggallānassa paṭissutvā uṭṭhāyāsanā pattacīvaramādāya yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ sāriputtaṃ bhagavā etadavoca – ‘‘kinti te, sāriputta, ahosi mayā bhikkhusaṅghe paṇāmite’’ti? ‘‘Evaṃ kho me, bhante, ahosi – ‘bhagavatā bhikkhusaṅgho paṇāmito. Appossukko dāni bhagavā diṭṭhadhammasukhavihāraṃ anuyutto viharissati, mayampi dāni appossukkā diṭṭhadhammasukhavihāramanuyuttā viharissāmā’’’ti. ‘‘Āgamehi tvaṃ, sāriputta, āgamehi tvaṃ, sāriputta, diṭṭhadhammasukhavihāra’’nti. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ āmantesi – ‘‘kinti te, moggallāna, ahosi mayā bhikkhusaṅghe paṇāmite’’ti? ‘‘Evaṃ kho me, bhante, ahosi – ‘bhagavatā bhikkhusaṅgho paṇāmito. Appossukko dāni bhagavā diṭṭhadhammasukhavihāraṃ anuyutto viharissati, ahañca dāni āyasmā ca sāriputto bhikkhusaṅghaṃ pariharissāmā’’’ti. ‘‘Sādhu sādhu, moggallāna! Ahaṃ vā hi, moggallāna , bhikkhusaṅghaṃ parihareyyaṃ sāriputtamoggallānā vā’’ti.
๑๖๑. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ภยานิ อุทโกโรหเนฺต ปาฎิกงฺขิตพฺพานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? อูมิภยํ 5, กุมฺภีลภยํ, อาวฎฺฎภยํ, สุสุกาภยํ – อิมานิ, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ภยานิ อุทโกโรหเนฺต ปาฎิกงฺขิตพฺพานิฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริมานิ ภยานิ อิเธกเจฺจ ปุคฺคเล อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิเต ปาฎิกงฺขิตพฺพานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? อูมิภยํ, กุมฺภีลภยํ, อาวฎฺฎภยํ, สุสุกาภยํฯ
161. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘cattārimāni, bhikkhave, bhayāni udakorohante pāṭikaṅkhitabbāni. Katamāni cattāri? Ūmibhayaṃ 6, kumbhīlabhayaṃ, āvaṭṭabhayaṃ, susukābhayaṃ – imāni, bhikkhave, cattāri bhayāni udakorohante pāṭikaṅkhitabbāni. Evameva kho, bhikkhave, cattārimāni bhayāni idhekacce puggale imasmiṃ dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajite pāṭikaṅkhitabbāni. Katamāni cattāri? Ūmibhayaṃ, kumbhīlabhayaṃ, āvaṭṭabhayaṃ, susukābhayaṃ.
๑๖๒. ‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, อูมิภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ กุลปุโตฺต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติโณฺณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ ทุโกฺขติโณฺณ ทุกฺขปเรโต; อเปฺปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติฯ ตเมนํ ตถา ปพฺพชิตํ สมานํ สพฺรหฺมจารี โอวทนฺติ, อนุสาสนฺติ – ‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฎิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต อาโลกิตพฺพํ, เอวํ เต วิโลกิตพฺพํ, เอวํ เต สมิญฺชิตพฺพํ, เอวํ เต ปสาริตพฺพํ, เอวํ เต สงฺฆาฎิปตฺตจีวรํ ธาเรตพฺพ’นฺติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘มยํ โข ปุเพฺพ อคาริยภูตา สมานา อเญฺญ โอวทาม, อนุสาสาม 7ฯ อิเม ปนมฺหากํ ปุตฺตมตฺตา มเญฺญ, นตฺตมตฺตา มเญฺญ, อเมฺห 8 โอวทิตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มญฺญนฺตี’ติฯ โส สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อูมิภยสฺส ภีโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวโตฺตฯ ‘อูมิภย’นฺติ โข, ภิกฺขเว, โกธุปายาสเสฺสตํ อธิวจนํฯ
162. ‘‘Katamañca, bhikkhave, ūmibhayaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco kulaputto saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti – ‘otiṇṇomhi jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi dukkhotiṇṇo dukkhapareto; appeva nāma imassa kevalassa dukkhakkhandhassa antakiriyā paññāyethā’ti. Tamenaṃ tathā pabbajitaṃ samānaṃ sabrahmacārī ovadanti, anusāsanti – ‘evaṃ te abhikkamitabbaṃ, evaṃ te paṭikkamitabbaṃ, evaṃ te ālokitabbaṃ, evaṃ te vilokitabbaṃ, evaṃ te samiñjitabbaṃ, evaṃ te pasāritabbaṃ, evaṃ te saṅghāṭipattacīvaraṃ dhāretabba’nti. Tassa evaṃ hoti – ‘mayaṃ kho pubbe agāriyabhūtā samānā aññe ovadāma, anusāsāma 9. Ime panamhākaṃ puttamattā maññe, nattamattā maññe, amhe 10 ovaditabbaṃ anusāsitabbaṃ maññantī’ti. So sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, ūmibhayassa bhīto sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvatto. ‘Ūmibhaya’nti kho, bhikkhave, kodhupāyāsassetaṃ adhivacanaṃ.
๑๖๓. ‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, กุมฺภีลภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ กุลปุโตฺต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติโณฺณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ ทุโกฺขติโณฺณ ทุกฺขปเรโต; อเปฺปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติฯ ตเมนํ ตถา ปพฺพชิตํ สมานํ สพฺรหฺมจารี โอวทนฺติ อนุสาสนฺติ – ‘อิทํ เต ขาทิตพฺพํ, อิทํ เต น ขาทิตพฺพํ; อิทํ เต ภุญฺชิตพฺพํ, อิทํ เต น ภุญฺชิตพฺพํ; อิทํ เต สายิตพฺพํ, อิทํ เต น สายิตพฺพํ; อิทํ เต ปาตพฺพํ, อิทํ เต น ปาตพฺพํ; กปฺปิยํ เต ขาทิตพฺพํ, อกปฺปิยํ เต น ขาทิตพฺพํ; กปฺปิยํ เต ภุญฺชิตพฺพํ, อกปฺปิยํ เต น ภุญฺชิตพฺพํ; กปฺปิยํ เต สายิตพฺพํ, อกปฺปิยํ เต น สายิตพฺพํ ; กปฺปิยํ เต ปาตพฺพํ, อกปฺปิยํ เต น ปาตพฺพํ; กาเล เต ขาทิตพฺพํ, วิกาเล เต น ขาทิตพฺพํ; กาเล เต ภุญฺชิตพฺพํ, วิกาเล เต น ภุญฺชิตพฺพํ; กาเล เต สายิตพฺพํ, วิกาเล เต น สายิตพฺพํ; กาเล เต ปาตพฺพํ, วิกาเล เต น ปาตพฺพ’นฺติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘มยํ โข ปุเพฺพ อคาริยภูตา สมานา ยํ อิจฺฉาม ตํ ขาทาม, ยํ น อิจฺฉาม น ตํ ขาทาม; ยํ อิจฺฉาม ตํ ภุญฺชาม, ยํ น อิจฺฉาม น ตํ ภุญฺชาม; ยํ อิจฺฉาม ตํ สายาม, ยํ น อิจฺฉาม น ตํ สายาม; ยํ อิจฺฉาม ตํ ปิวาม 11, ยํ น อิจฺฉาม น ตํ ปิวาม; กปฺปิยมฺปิ ขาทาม, อกปฺปิยมฺปิ ขาทาม; กปฺปิยมฺปิ ภุญฺชาม, อกปฺปิยมฺปิ ภุญฺชาม; กปฺปิยมฺปิ สายาม, อกปฺปิยมฺปิ สายาม; กปฺปิยมฺปิ ปิวาม, อกปฺปิยมฺปิ ปิวาม; กาเลปิ ขาทาม, วิกาเลปิ ขาทาม; กาเลปิ ภุญฺชาม วิกาเลปิ ภุญฺชาม; กาเลปิ สายาม, วิกาเลปิ สายาม; กาเลปิ ปิวาม, วิกาเลปิ ปิวามฯ ยมฺปิ โน สทฺธา คหปติกา ทิวา วิกาเล ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ เทนฺติ ตตฺถปิเม มุขาวรณํ มเญฺญ กโรนฺตี’ติฯ โส สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, กุมฺภีลภยสฺส ภีโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวโตฺตฯ ‘กุมฺภีลภย’นฺติ โข, ภิกฺขเว, โอทริกตฺตเสฺสตํ อธิวจนํฯ
163. ‘‘Katamañca, bhikkhave, kumbhīlabhayaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco kulaputto saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti – ‘otiṇṇomhi jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi dukkhotiṇṇo dukkhapareto; appeva nāma imassa kevalassa dukkhakkhandhassa antakiriyā paññāyethā’ti. Tamenaṃ tathā pabbajitaṃ samānaṃ sabrahmacārī ovadanti anusāsanti – ‘idaṃ te khāditabbaṃ, idaṃ te na khāditabbaṃ; idaṃ te bhuñjitabbaṃ, idaṃ te na bhuñjitabbaṃ; idaṃ te sāyitabbaṃ, idaṃ te na sāyitabbaṃ; idaṃ te pātabbaṃ, idaṃ te na pātabbaṃ; kappiyaṃ te khāditabbaṃ, akappiyaṃ te na khāditabbaṃ; kappiyaṃ te bhuñjitabbaṃ, akappiyaṃ te na bhuñjitabbaṃ; kappiyaṃ te sāyitabbaṃ, akappiyaṃ te na sāyitabbaṃ ; kappiyaṃ te pātabbaṃ, akappiyaṃ te na pātabbaṃ; kāle te khāditabbaṃ, vikāle te na khāditabbaṃ; kāle te bhuñjitabbaṃ, vikāle te na bhuñjitabbaṃ; kāle te sāyitabbaṃ, vikāle te na sāyitabbaṃ; kāle te pātabbaṃ, vikāle te na pātabba’nti. Tassa evaṃ hoti – ‘mayaṃ kho pubbe agāriyabhūtā samānā yaṃ icchāma taṃ khādāma, yaṃ na icchāma na taṃ khādāma; yaṃ icchāma taṃ bhuñjāma, yaṃ na icchāma na taṃ bhuñjāma; yaṃ icchāma taṃ sāyāma, yaṃ na icchāma na taṃ sāyāma; yaṃ icchāma taṃ pivāma 12, yaṃ na icchāma na taṃ pivāma; kappiyampi khādāma, akappiyampi khādāma; kappiyampi bhuñjāma, akappiyampi bhuñjāma; kappiyampi sāyāma, akappiyampi sāyāma; kappiyampi pivāma, akappiyampi pivāma; kālepi khādāma, vikālepi khādāma; kālepi bhuñjāma vikālepi bhuñjāma; kālepi sāyāma, vikālepi sāyāma; kālepi pivāma, vikālepi pivāma. Yampi no saddhā gahapatikā divā vikāle paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ denti tatthapime mukhāvaraṇaṃ maññe karontī’ti. So sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, kumbhīlabhayassa bhīto sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvatto. ‘Kumbhīlabhaya’nti kho, bhikkhave, odarikattassetaṃ adhivacanaṃ.
๑๖๔. ‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, อาวฎฺฎภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ กุลปุโตฺต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติโณฺณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ ทุโกฺขติโณฺณ ทุกฺขปเรโต; อเปฺปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติฯ อรกฺขิเตเนว กาเยน อรกฺขิตาย วาจาย อนุปฎฺฐิตาย สติยา อสํวุเตหิ อินฺทฺริเยหิ โส ตตฺถ ปสฺสติ คหปติํ วา คหปติปุตฺตํ วา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคีภูตํ ปริจารยมานํ 13ฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘มยํ โข ปุเพฺพ อคาริยภูตา สมานา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาริมฺหาฯ สํวิชฺชนฺติ โข ปน เม กุเล 14 โภคาฯ สกฺกา โภเค จ ภุญฺชิตุํ ปุญฺญานิ จ กาตุ’นฺติฯ โส สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อาวฎฺฎภยสฺส ภีโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวโตฺตฯ ‘อาวฎฺฎภย’นฺติ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจเนฺนตํ กามคุณานํ อธิวจนํฯ
164. ‘‘Katamañca, bhikkhave, āvaṭṭabhayaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco kulaputto saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti – ‘otiṇṇomhi jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi dukkhotiṇṇo dukkhapareto; appeva nāma imassa kevalassa dukkhakkhandhassa antakiriyā paññāyethā’ti. So evaṃ pabbajito samāno pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya pavisati. Arakkhiteneva kāyena arakkhitāya vācāya anupaṭṭhitāya satiyā asaṃvutehi indriyehi so tattha passati gahapatiṃ vā gahapatiputtaṃ vā pañcahi kāmaguṇehi samappitaṃ samaṅgībhūtaṃ paricārayamānaṃ 15. Tassa evaṃ hoti – ‘mayaṃ kho pubbe agāriyabhūtā samānā pañcahi kāmaguṇehi samappitā samaṅgībhūtā paricārimhā. Saṃvijjanti kho pana me kule 16 bhogā. Sakkā bhoge ca bhuñjituṃ puññāni ca kātu’nti. So sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, āvaṭṭabhayassa bhīto sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvatto. ‘Āvaṭṭabhaya’nti kho, bhikkhave, pañcannetaṃ kāmaguṇānaṃ adhivacanaṃ.
๑๖๕. ‘‘กตมญฺจ , ภิกฺขเว, สุสุกาภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ กุลปุโตฺต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติโณฺณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ ทุโกฺขติโณฺณ ทุกฺขปเรโต; อเปฺปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติฯ อรกฺขิเตเนว กาเยน อรกฺขิตาย วาจาย อนุปฎฺฐิตาย สติยา อสํวุเตหิ อินฺทฺริเยหิ โส ตตฺถ ปสฺสติ มาตุคามํ ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วาฯ ตสฺส มาตุคามํ ทิสฺวา ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติฯ โส ราคานุทฺธํเสน 17 จิเตฺตน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ ฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สุสุกาภยสฺส ภีโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวโตฺตฯ ‘สุสุกาภย’นฺติ โข, ภิกฺขเว, มาตุคามเสฺสตํ อธิวจนํฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ภยานิ, อิเธกเจฺจ ปุคฺคเล อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิเต ปาฎิกงฺขิตพฺพานี’’ติฯ
165. ‘‘Katamañca , bhikkhave, susukābhayaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco kulaputto saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti – ‘otiṇṇomhi jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi dukkhotiṇṇo dukkhapareto; appeva nāma imassa kevalassa dukkhakkhandhassa antakiriyā paññāyethā’ti. So evaṃ pabbajito samāno pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya pavisati. Arakkhiteneva kāyena arakkhitāya vācāya anupaṭṭhitāya satiyā asaṃvutehi indriyehi so tattha passati mātugāmaṃ dunnivatthaṃ vā duppārutaṃ vā. Tassa mātugāmaṃ disvā dunnivatthaṃ vā duppārutaṃ vā rāgo cittaṃ anuddhaṃseti. So rāgānuddhaṃsena 18 cittena sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati . Ayaṃ vuccati, bhikkhave, susukābhayassa bhīto sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvatto. ‘Susukābhaya’nti kho, bhikkhave, mātugāmassetaṃ adhivacanaṃ. Imāni kho, bhikkhave, cattāri bhayāni, idhekacce puggale imasmiṃ dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajite pāṭikaṅkhitabbānī’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
จาตุมสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ สตฺตมํฯ
Cātumasuttaṃ niṭṭhitaṃ sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. จาตุมสุตฺตวณฺณนา • 7. Cātumasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๗. จาตุมสุตฺตวณฺณนา • 7. Cātumasuttavaṇṇanā