Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๗. จาตุมสุตฺตวณฺณนา

    7. Cātumasuttavaṇṇanā

    ๑๕๗. เอวํ เม สุตนฺติ จาตุมสุตฺตํฯ ตตฺถ จาตุมายนฺติ เอวํนามเก คาเมฯ ปญฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานีติ อธุนา ปพฺพชิตานํ ภิกฺขูนํ ปญฺจ สตานิฯ เถรา กิร จิเนฺตสุํ – ‘‘อิเม กุลปุตฺตา ทสพลํ อทิสฺวาว ปพฺพชิตา, เอเตสํ ภควนฺตํ ทเสฺสสฺสาม, ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ยถาอุปนิสฺสเยน ปติฎฺฐหิสฺสนฺตี’’ติฯ ตสฺมา เต ภิกฺขู คเหตฺวา อาคตาฯ ปฎิสโมฺมทมานาติ ‘‘กจฺจาวุโส, ขมนีย’’นฺติอาทิํ ปฎิสนฺถารกถํ กุรุมานาฯ เสนาสนานิ ปญฺญาปยมานาติ อตฺตโน อตฺตโน อาจริยุปชฺฌายานํ วสนฎฺฐานานิ ปุจฺฉิตฺวา ทฺวารวาตปานานิ วิวริตฺวา มญฺจปีฐกฎสารกาทีนิ นีหริตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา ยถาฎฺฐาเน สณฺฐาปยมานาฯ ปตฺตจีวรานิ ปฎิสามยมานาติ, ภเนฺต, อิทํ เม ปตฺตํ ฐเปถ, อิทํ จีวรํ, อิทํ ถาลกํ, อิทํ อุทกตุมฺพํ, อิมํ กตฺตรยฎฺฐินฺติ เอวํ สมณปริกฺขาเร สโงฺคปยมานาฯ

    157.Evaṃme sutanti cātumasuttaṃ. Tattha cātumāyanti evaṃnāmake gāme. Pañcamattāni bhikkhusatānīti adhunā pabbajitānaṃ bhikkhūnaṃ pañca satāni. Therā kira cintesuṃ – ‘‘ime kulaputtā dasabalaṃ adisvāva pabbajitā, etesaṃ bhagavantaṃ dassessāma, bhagavato santike dhammaṃ sutvā attano attano yathāupanissayena patiṭṭhahissantī’’ti. Tasmā te bhikkhū gahetvā āgatā. Paṭisammodamānāti ‘‘kaccāvuso, khamanīya’’ntiādiṃ paṭisanthārakathaṃ kurumānā. Senāsanāni paññāpayamānāti attano attano ācariyupajjhāyānaṃ vasanaṭṭhānāni pucchitvā dvāravātapānāni vivaritvā mañcapīṭhakaṭasārakādīni nīharitvā papphoṭetvā yathāṭṭhāne saṇṭhāpayamānā. Pattacīvarāni paṭisāmayamānāti, bhante, idaṃ me pattaṃ ṭhapetha, idaṃ cīvaraṃ, idaṃ thālakaṃ, idaṃ udakatumbaṃ, imaṃ kattarayaṭṭhinti evaṃ samaṇaparikkhāre saṅgopayamānā.

    อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทาติ อุทฺธํ อุคฺคตตฺตา อุจฺจํ, ปตฺถฎตฺตา มหนฺตํ อวินิโพฺภคสทฺทํ กโรนฺตาฯ เกวฎฺฎา มเญฺญ มจฺฉวิโลเปติ เกวฎฺฎานํ มจฺฉปจฺฉิฐปิตฎฺฐาเน มหาชโน สนฺนิปติตฺวา – ‘‘อิธ อญฺญํ เอกํ มจฺฉํ เทหิ, เอกํ มจฺฉผาลํ เทหิ, เอตสฺส เต มหา ทิโนฺน, มยฺหํ ขุทฺทโก’’ติ เอวํ อุจฺจาสทฺทํ มหาสทฺทํ กโรนฺติฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ มจฺฉคหณตฺถํ ชาเล ปกฺขิเตฺตปิ ตสฺมิํ ฐาเน เกวฎฺฎา เจว อเญฺญ จ ‘‘ปวิโฎฺฐ น ปวิโฎฺฐ, คหิโต น คหิโต’’ติ มหาสทฺทํ กโรนฺติฯ ตมฺปิ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ปณาเมมีติ นีหรามิฯ น โว มม สนฺติเก วตฺถพฺพนฺติ ตุเมฺห มาทิสสฺส พุทฺธสฺส วสนฎฺฐานํ อาคนฺตฺวา เอวํ มหาสทฺทํ กโรถ, อตฺตโน ธมฺมตาย วสนฺตา กิํ นาม สารุปฺปํ กริสฺสถ, ตุมฺหาทิสานํ มม สนฺติเก วสนกิจฺจํ นตฺถีติ ทีเปติฯ เตสุ เอกภิกฺขุปิ ‘‘ภควา ตุเมฺห มหาสทฺทมตฺตเกน อเมฺห ปณาเมถา’’ติ วา อญฺญํ วา กิญฺจิ วตฺตุํ นาสกฺขิ, สเพฺพ ภควโต วจนํ สมฺปฎิจฺฉนฺตา ‘‘เอวํ, ภเนฺต,’’ติ วตฺวา นิกฺขมิํสุฯ เอวํ ปน เตสํ อโหสิ ‘‘มยํ สตฺถารํ ปสฺสิสฺสาม, ธมฺมกถํ โสสฺสาม, สตฺถุ สนฺติเก วสิสฺสามาติ อาคตาฯ เอวรูปสฺส ปน ครุโน สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา มหาสทฺทํ กริมฺหา, อมฺหากเมว โทโสยํ, ปณามิตมฺหา, น โน ลทฺธํ ภควโต สนฺติเก วตฺถุํ, น สุวณฺณวณฺณสรีรํ โอโลเกตุํ, น มธุรสฺสเรน ธมฺมํ โสตุ’’นฺติฯ เต พลวโทมนสฺสชาตา หุตฺวา ปกฺกมิํสุฯ

    Uccāsaddā mahāsaddāti uddhaṃ uggatattā uccaṃ, patthaṭattā mahantaṃ avinibbhogasaddaṃ karontā. Kevaṭṭā maññe macchavilopeti kevaṭṭānaṃ macchapacchiṭhapitaṭṭhāne mahājano sannipatitvā – ‘‘idha aññaṃ ekaṃ macchaṃ dehi, ekaṃ macchaphālaṃ dehi, etassa te mahā dinno, mayhaṃ khuddako’’ti evaṃ uccāsaddaṃ mahāsaddaṃ karonti. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Macchagahaṇatthaṃ jāle pakkhittepi tasmiṃ ṭhāne kevaṭṭā ceva aññe ca ‘‘paviṭṭho na paviṭṭho, gahito na gahito’’ti mahāsaddaṃ karonti. Tampi sandhāyetaṃ vuttaṃ. Paṇāmemīti nīharāmi. Na vo mama santike vatthabbanti tumhe mādisassa buddhassa vasanaṭṭhānaṃ āgantvā evaṃ mahāsaddaṃ karotha, attano dhammatāya vasantā kiṃ nāma sāruppaṃ karissatha, tumhādisānaṃ mama santike vasanakiccaṃ natthīti dīpeti. Tesu ekabhikkhupi ‘‘bhagavā tumhe mahāsaddamattakena amhe paṇāmethā’’ti vā aññaṃ vā kiñci vattuṃ nāsakkhi, sabbe bhagavato vacanaṃ sampaṭicchantā ‘‘evaṃ, bhante,’’ti vatvā nikkhamiṃsu. Evaṃ pana tesaṃ ahosi ‘‘mayaṃ satthāraṃ passissāma, dhammakathaṃ sossāma, satthu santike vasissāmāti āgatā. Evarūpassa pana garuno satthu santikaṃ āgantvā mahāsaddaṃ karimhā, amhākameva dosoyaṃ, paṇāmitamhā, na no laddhaṃ bhagavato santike vatthuṃ, na suvaṇṇavaṇṇasarīraṃ oloketuṃ, na madhurassarena dhammaṃ sotu’’nti. Te balavadomanassajātā hutvā pakkamiṃsu.

    ๑๕๘. เตนุปสงฺกมิํสูติ เต กิร สกฺยา อาคมนสมเยปิ เต ภิกฺขู ตเตฺถว นิสินฺนา ปสฺสิํสุฯ อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘กิํ นุ โข เอเต ภิกฺขู ปวิสิตฺวาว ปฎินิวตฺตา, ชานิสฺสาม ตํ การณ’’นฺติ จิเนฺตตฺวา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิํสุฯ หนฺทาติ ววสฺสคฺคเตฺถ นิปาโตฯ กหํ ปน ตุเมฺหติ ตุเมฺห อิทาเนว อาคนฺตฺวา กหํ คจฺฉถ, กิํ ตุมฺหากํ โกจิ อุปทฺทโว, อุทาหุ ทสพลสฺสาติ? เตสํ ปน ภิกฺขูนํ, – ‘‘อาวุโส, มยํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อาคตา, ทิโฎฺฐ โน ภควา, อิทานิ อตฺตโน วสนฎฺฐานํ คจฺฉามา’’ติ กิญฺจาปิ เอวํ วจนปริหาโร อตฺถิ, เอวรูปํ ปน เลสกปฺปํ อกตฺวา ยถาภูตเมว อาโรเจตฺวา ภควตา โข, อาวุโส, ภิกฺขุสโงฺฆ ปณามิโตติ อาหํสุฯ เต ปน ราชาโน สาสเน ธุรวหา, ตสฺมา จิเนฺตสุํ – ‘‘ทฺวีหิ อคฺคสาวเกหิ สทฺธิํ ปญฺจสุ ภิกฺขุสเตสุ คจฺฉเนฺตสุ ภควโต ปาทมูลํ วิคจฺฉิสฺสติ, อิเมสํ นิวตฺตนาการํ กริสฺสามา’’ติฯ เอวํ จิเนฺตตฺวา เตน หายสฺมโนฺตติอาทิมาหํสุฯ เตสุปิ ภิกฺขูสุ ‘‘มยํ มหาสทฺทมตฺตเกน ปณามิตา, น มยํ ชีวิตุํ อสโกฺกนฺตา ปพฺพชิตา’’ติ เอกภิกฺขุปิ ปฎิปฺผริโต นาม นาโหสิ, สเพฺพ ปน สมกํเยว, ‘‘เอวมาวุโส,’’ติ สมฺปฎิจฺฉิํสุฯ

    158.Tenupasaṅkamiṃsūti te kira sakyā āgamanasamayepi te bhikkhū tattheva nisinnā passiṃsu. Atha nesaṃ etadahosi – ‘‘kiṃ nu kho ete bhikkhū pavisitvāva paṭinivattā, jānissāma taṃ kāraṇa’’nti cintetvā yena te bhikkhū tenupasaṅkamiṃsu. Handāti vavassaggatthe nipāto. Kahaṃ pana tumheti tumhe idāneva āgantvā kahaṃ gacchatha, kiṃ tumhākaṃ koci upaddavo, udāhu dasabalassāti? Tesaṃ pana bhikkhūnaṃ, – ‘‘āvuso, mayaṃ bhagavantaṃ dassanāya āgatā, diṭṭho no bhagavā, idāni attano vasanaṭṭhānaṃ gacchāmā’’ti kiñcāpi evaṃ vacanaparihāro atthi, evarūpaṃ pana lesakappaṃ akatvā yathābhūtameva ārocetvā bhagavatā kho, āvuso, bhikkhusaṅgho paṇāmitoti āhaṃsu. Te pana rājāno sāsane dhuravahā, tasmā cintesuṃ – ‘‘dvīhi aggasāvakehi saddhiṃ pañcasu bhikkhusatesu gacchantesu bhagavato pādamūlaṃ vigacchissati, imesaṃ nivattanākāraṃ karissāmā’’ti. Evaṃ cintetvā tena hāyasmantotiādimāhaṃsu. Tesupi bhikkhūsu ‘‘mayaṃ mahāsaddamattakena paṇāmitā, na mayaṃ jīvituṃ asakkontā pabbajitā’’ti ekabhikkhupi paṭippharito nāma nāhosi, sabbe pana samakaṃyeva, ‘‘evamāvuso,’’ti sampaṭicchiṃsu.

    ๑๕๙. อภินนฺทตูติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาคมนํ อิจฺฉโนฺต อภินนฺทตุฯ อภิวทตูติ เอตุ ภิกฺขุสโงฺฆติ เอวํ จิตฺตํ อุปฺปาเทโนฺต อภิวทตุฯ อนุคฺคหิโตติ อามิสานุคฺคเหน จ ธมฺมานุคฺคเหน จ อนุคฺคหิโตฯ อญฺญถตฺตนฺติ ทสพลสฺส ทสฺสนํ น ลภามาติ ปสาทญฺญถตฺตํ ภเวยฺยฯ วิปริณาโมติ ปสาทญฺญถเตฺตน วิพฺภมนฺตานํ วิปริณามญฺญถตฺตํ ภเวยฺยฯ พีชานํ ตรุณานนฺติ ตรุณสสฺสานํฯ สิยา อญฺญถตฺตนฺติ อุทกวารกาเล อุทกํ อลภนฺตานํ มิลาตภาเวน อญฺญถตฺตํ ภเวยฺย, สุสฺสิตฺวา มิลาตภาวํ อาปชฺชเนน วิปริณาโม ภเวยฺยฯ วจฺฉกสฺส ปน ขีรปิปาสาย สุสฺสนํ อญฺญถตฺตํ นาม, สุสฺสิตฺวา กาลกิริยา วิปริณาโม นามฯ

    159.Abhinandatūti bhikkhusaṅghassa āgamanaṃ icchanto abhinandatu. Abhivadatūti etu bhikkhusaṅghoti evaṃ cittaṃ uppādento abhivadatu. Anuggahitoti āmisānuggahena ca dhammānuggahena ca anuggahito. Aññathattanti dasabalassa dassanaṃ na labhāmāti pasādaññathattaṃ bhaveyya. Vipariṇāmoti pasādaññathattena vibbhamantānaṃ vipariṇāmaññathattaṃ bhaveyya. Bījānaṃ taruṇānanti taruṇasassānaṃ. Siyā aññathattanti udakavārakāle udakaṃ alabhantānaṃ milātabhāvena aññathattaṃ bhaveyya, sussitvā milātabhāvaṃ āpajjanena vipariṇāmo bhaveyya. Vacchakassa pana khīrapipāsāya sussanaṃ aññathattaṃ nāma, sussitvā kālakiriyā vipariṇāmo nāma.

    ๑๖๐. ปสาทิโต ภควาติ เถโร กิร ตตฺถ นิสิโนฺนว ทิพฺพจกฺขุนา พฺรหฺมานํ อาคตํ อทฺทส , ทิพฺพาย โสตธาตุยา จ อายาจนสทฺทํ สุณิ, เจโตปริยญาเณน ภควโต ปสนฺนภาวํ อญฺญาสิฯ ตสฺมา – ‘‘กญฺจิ ภิกฺขุํ เปเสตฺวา ปโกฺกสิยมานานํ คมนํ นาม น ผาสุกํ, ยาว สตฺถา น เปเสติ, ตาวเทว คมิสฺสามา’’ติ มญฺญมาโน เอวมาหฯ อโปฺปสฺสุโกฺกติ อเญฺญสุ กิเจฺจสุ อนุสฺสุโกฺก หุตฺวาฯ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารนฺติ ผลสมาปตฺติวิหารํ อนุยุโตฺต มเญฺญ ภควา วิหริตุกาโม, โส อิทานิ ยถารุจิยา วิหริสฺสตีติ เอวํ เม อโหสีติ วทติฯ มยมฺปิ ทานีติ มยํ ปรํ โอวทมานา วิหารโต นิกฺกฑฺฒิตา, กิํ อมฺหากํ ปโรวาเทนฯ อิทานิ มยมฺปิ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาเรเนว วิหริสฺสามาติ ทีเปติฯ เถโร อิมสฺมิํ ฐาเน วิรโทฺธ อตฺตโน ภารภาวํ น อญฺญาสิฯ อยญฺหิ ภิกฺขุสโงฺฆ ทฺวินฺนมฺปิ มหาเถรานํ ภาโร, เตน นํ ปฎิเสเธโนฺต ภควา อาคเมหีติอาทิมาหฯ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโร ปน อตฺตโน ภารภาวํ อญฺญาสิฯ เตนสฺส ภควา สาธุการํ อทาสิฯ

    160.Pasādito bhagavāti thero kira tattha nisinnova dibbacakkhunā brahmānaṃ āgataṃ addasa , dibbāya sotadhātuyā ca āyācanasaddaṃ suṇi, cetopariyañāṇena bhagavato pasannabhāvaṃ aññāsi. Tasmā – ‘‘kañci bhikkhuṃ pesetvā pakkosiyamānānaṃ gamanaṃ nāma na phāsukaṃ, yāva satthā na peseti, tāvadeva gamissāmā’’ti maññamāno evamāha. Appossukkoti aññesu kiccesu anussukko hutvā. Diṭṭhadhammasukhavihāranti phalasamāpattivihāraṃ anuyutto maññe bhagavā viharitukāmo, so idāni yathāruciyā viharissatīti evaṃ me ahosīti vadati. Mayampidānīti mayaṃ paraṃ ovadamānā vihārato nikkaḍḍhitā, kiṃ amhākaṃ parovādena. Idāni mayampi diṭṭhadhammasukhavihāreneva viharissāmāti dīpeti. Thero imasmiṃ ṭhāne viraddho attano bhārabhāvaṃ na aññāsi. Ayañhi bhikkhusaṅgho dvinnampi mahātherānaṃ bhāro, tena naṃ paṭisedhento bhagavā āgamehītiādimāha. Mahāmoggallānatthero pana attano bhārabhāvaṃ aññāsi. Tenassa bhagavā sādhukāraṃ adāsi.

    ๑๖๑. จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเวติ กสฺมา อารภิ? อิมสฺมิํ สาสเน จตฺตาริ ภยานิฯ โย ตานิ อภีโต โหติ, โส อิมสฺมิํ สาสเน ปติฎฺฐาตุํ สโกฺกติฯ อิตโร ปน น สโกฺกตีติ ทเสฺสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ อุทโกโรหเนฺตติ อุทกํ โอโรหเนฺต ปุคฺคเลฯ กุมฺภีลภยนฺติ สุํสุมารภยํฯ สุสุกาภยนฺติ จณฺฑมจฺฉภยํฯ

    161.Cattārimāni, bhikkhaveti kasmā ārabhi? Imasmiṃ sāsane cattāri bhayāni. Yo tāni abhīto hoti, so imasmiṃ sāsane patiṭṭhātuṃ sakkoti. Itaro pana na sakkotīti dassetuṃ imaṃ desanaṃ ārabhi. Tattha udakorohanteti udakaṃ orohante puggale. Kumbhīlabhayanti suṃsumārabhayaṃ. Susukābhayanti caṇḍamacchabhayaṃ.

    ๑๖๒. โกธุปายาสเสฺสตํ อธิวจนนฺติ ยถา หิ พาหิรํ อุทกํ โอติโณฺณ อูมีสุ โอสีทิตฺวา มรติ, เอวํ อิมสฺมิํ สาสเน โกธุปายาเส โอสีทิตฺวา วิพฺภมติฯ ตสฺมา โกธุปายาโส ‘‘อูมิภย’’นฺติ วุโตฺตฯ

    162.Kodhupāyāsassetaṃ adhivacananti yathā hi bāhiraṃ udakaṃ otiṇṇo ūmīsu osīditvā marati, evaṃ imasmiṃ sāsane kodhupāyāse osīditvā vibbhamati. Tasmā kodhupāyāso ‘‘ūmibhaya’’nti vutto.

    ๑๖๓. โอทริกตฺตเสฺสตํ อธิวจนนฺติ ยถา หิ พาหิรํ อุทกํ โอติโณฺณ กุมฺภีเลน ขาทิโต มรติ, เอวํ อิมสฺมิํ สาสเน โอทริกเตฺตน ขาทิโต วิพฺภมติฯ ตสฺมา โอทริกตฺตํ ‘‘กุมฺภีลภย’’นฺติ วุตฺตํฯ

    163.Odarikattassetaṃ adhivacananti yathā hi bāhiraṃ udakaṃ otiṇṇo kumbhīlena khādito marati, evaṃ imasmiṃ sāsane odarikattena khādito vibbhamati. Tasmā odarikattaṃ ‘‘kumbhīlabhaya’’nti vuttaṃ.

    ๑๖๔. อรกฺขิเตเนว กาเยนาติ สีสปฺปจาลกาทิกรเณน อรกฺขิตกาโย หุตฺวาฯ อรกฺขิตาย วาจายาติ ทุฎฺฐุลฺลภาสนาทิวเสน อรกฺขิตวาโจ หุตฺวาฯ อนุปฎฺฐิตาย สติยาติ กายคตาสติํ อนุปฎฺฐาเปตฺวาฯ อสํวุเตหีติ อปิหิเตหิฯ ปญฺจเนฺนตํ กามคุณานํ อธิวจนนฺติ ยถา หิ พาหิรํ อุทกํ โอติโณฺณ อาวเฎฺฎ นิมุชฺชิตฺวา มรติ, เอวํ อิมสฺมิํ สาสเน ปพฺพชิโต ปญฺจกามคุณาวเฎฺฎ นิมุชฺชิตฺวา วิพฺภมติฯ ตสฺมา ปญฺจ กามคุณา ‘‘อาวฎฺฎภย’’นฺติ วุตฺตาฯ

    164.Arakkhiteneva kāyenāti sīsappacālakādikaraṇena arakkhitakāyo hutvā. Arakkhitāya vācāyāti duṭṭhullabhāsanādivasena arakkhitavāco hutvā. Anupaṭṭhitāyasatiyāti kāyagatāsatiṃ anupaṭṭhāpetvā. Asaṃvutehīti apihitehi. Pañcannetaṃkāmaguṇānaṃ adhivacananti yathā hi bāhiraṃ udakaṃ otiṇṇo āvaṭṭe nimujjitvā marati, evaṃ imasmiṃ sāsane pabbajito pañcakāmaguṇāvaṭṭe nimujjitvā vibbhamati. Tasmā pañca kāmaguṇā ‘‘āvaṭṭabhaya’’nti vuttā.

    ๑๖๕. อนุทฺธํเสตีติ กิลเมติ มิลาเปติฯ ราคานุทฺธํเสนาติ ราคานุทฺธํสิเตนฯ มาตุคามเสฺสตํ อธิวจนนฺติ ยถา หิ พาหิรํ อุทกํ โอติโณฺณ จณฺฑมจฺฉํ อาคมฺม ลทฺธปฺปหาโร มรติ, เอวํ อิมสฺมิํ สาสเน มาตุคามํ อาคมฺม อุปฺปนฺนกามราโค วิพฺภมติฯ ตสฺมา มาตุคาโม ‘‘สุสุกาภย’’นฺติ วุโตฺตฯ

    165.Anuddhaṃsetīti kilameti milāpeti. Rāgānuddhaṃsenāti rāgānuddhaṃsitena. Mātugāmassetaṃ adhivacananti yathā hi bāhiraṃ udakaṃ otiṇṇo caṇḍamacchaṃ āgamma laddhappahāro marati, evaṃ imasmiṃ sāsane mātugāmaṃ āgamma uppannakāmarāgo vibbhamati. Tasmā mātugāmo ‘‘susukābhaya’’nti vutto.

    อิมานิ ปน จตฺตาริ ภยานิ ภายิตฺวา ยถา อุทกํ อโนโรหนฺตสฺส อุทกํ นิสฺสาย อานิสํโส นตฺถิ, อุทกปิปาสาย ปิปาสิโต จ โหติ รโชชเลฺลน กิลิฎฺฐสรีโร จ, เอวเมวํ อิมานิ จตฺตาริ ภยานิ ภายิตฺวา สาสเน อปพฺพชนฺตสฺสาปิ อิมํ สาสนํ นิสฺสาย อานิสํโส นตฺถิ, ตณฺหาปิปาสาย ปิปาสิโต จ โหติ กิเลสรเชน สํกิลิฎฺฐจิโตฺต จฯ ยถา ปน อิมานิ จตฺตาริ ภยานิ อภายิตฺวา อุทกํ โอโรหนฺตสฺส วุตฺตปฺปกาโร อานิสํโส โหติ, เอวํ อิมานิ อภายิตฺวา สาสเน ปพฺพชิตสฺสาปิ วุตฺตปฺปกาโร อานิสํโส โหติฯ เถโร ปนาห – ‘‘จตฺตาริ ภยานิ ภายิตฺวา อุทกํ อโนตรโนฺต โสตํ ฉินฺทิตฺวา ปรตีรํ ปาปุณิตุํ น สโกฺกติ, อภายิตฺวา โอตรโนฺต สโกฺกติ, เอวเมวํ ภายิตฺวา สาสเน อปพฺพชโนฺตปิ ตณฺหาโสตํ ฉินฺทิตฺวา นิพฺพานปารํ ทฎฺฐุํ น สโกฺกติ, อภายิตฺวา ปพฺพชโนฺต ปน สโกฺกตี’’ติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวฯ อยํ ปน เทสนา เนยฺยปุคฺคลสฺส วเสน นิฎฺฐาปิตาติฯ

    Imāni pana cattāri bhayāni bhāyitvā yathā udakaṃ anorohantassa udakaṃ nissāya ānisaṃso natthi, udakapipāsāya pipāsito ca hoti rajojallena kiliṭṭhasarīro ca, evamevaṃ imāni cattāri bhayāni bhāyitvā sāsane apabbajantassāpi imaṃ sāsanaṃ nissāya ānisaṃso natthi, taṇhāpipāsāya pipāsito ca hoti kilesarajena saṃkiliṭṭhacitto ca. Yathā pana imāni cattāri bhayāni abhāyitvā udakaṃ orohantassa vuttappakāro ānisaṃso hoti, evaṃ imāni abhāyitvā sāsane pabbajitassāpi vuttappakāro ānisaṃso hoti. Thero panāha – ‘‘cattāri bhayāni bhāyitvā udakaṃ anotaranto sotaṃ chinditvā paratīraṃ pāpuṇituṃ na sakkoti, abhāyitvā otaranto sakkoti, evamevaṃ bhāyitvā sāsane apabbajantopi taṇhāsotaṃ chinditvā nibbānapāraṃ daṭṭhuṃ na sakkoti, abhāyitvā pabbajanto pana sakkotī’’ti. Sesaṃ sabbattha uttānameva. Ayaṃ pana desanā neyyapuggalassa vasena niṭṭhāpitāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    จาตุมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Cātumasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๗. จาตุมสุตฺตํ • 7. Cātumasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๗. จาตุมสุตฺตวณฺณนา • 7. Cātumasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact