Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๗. จาตุมสุตฺตวณฺณนา
7. Cātumasuttavaṇṇanā
๑๕๗. ยถาอุปนิสฺสเยนาติ โย โย อุปนิสฺสโย ยถาอุปนิสฺสโย, เตน ยถาอุปนิสฺสเยน สมฺมาปโยเคนฯ ปติฎฺฐหิสฺสนฺติ สาสเน ปติฎฺฐํ ปฎิลภิสฺสนฺติฯ วสนฎฺฐานานีติ วสฺสคฺคาทิวเสน วสนฎฺฐานานิฯ สณฺฐาปยมานาติ สุวิภตฺตภาเวน ฐเปนฺตาฯ
157.Yathāupanissayenāti yo yo upanissayo yathāupanissayo, tena yathāupanissayena sammāpayogena. Patiṭṭhahissanti sāsane patiṭṭhaṃ paṭilabhissanti. Vasanaṭṭhānānīti vassaggādivasena vasanaṭṭhānāni. Saṇṭhāpayamānāti suvibhattabhāvena ṭhapentā.
อวินิโพฺภคสทฺทนฺติ วินิภุญฺชิตฺวา คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยสทฺทํฯ วจีโฆโสปิ หิ พหูหิ เอกจฺจํ ปวตฺติโต ฐานโต จ ทูรตโร เกวลํ มหานิโคฺฆโส เอว หุตฺวา โสตปถมาคจฺฉติฯ มจฺฉวิโลเปติ มเจฺฉ วิลุมฺปิตฺวา วิย คหเณ, มจฺฉานํ วา นยเนฯ
Avinibbhogasaddanti vinibhuñjitvā gahetuṃ asakkuṇeyyasaddaṃ. Vacīghosopi hi bahūhi ekaccaṃ pavattito ṭhānato ca dūrataro kevalaṃ mahānigghoso eva hutvā sotapathamāgacchati. Macchavilopeti macche vilumpitvā viya gahaṇe, macchānaṃ vā nayane.
๑๕๘. ววสฺสคฺคเตฺถติ นิจฺฉยเตฺถ, อิทํ ตาว อเมฺหหิ วุจฺจมานวจนํ เอกนฺตโสตพฺพํ, ปจฺฉา ตุเมฺหหิ กาตพฺพํ กโรถาติ อธิปฺปาโยฯ วจนปริหาโรติ เตหิ สกฺยราชูหิ วุตฺตวจนสฺส ปริหาโรฯ เลสกปฺปนฺติ กปฺปิยเลสํฯ ธุรวหาติ ธุรวาหิโน, โธรยฺหาติ อโตฺถฯ ปาทมูลนฺติ อุปจารํ วทติฯ วิคจฺฉิสฺสตีติ หายิสฺสติฯ ปฎิปฺผริโตติ น ภควโต สมฺมุขาว, สกฺยราชูนํ ปุรโตปิ วิปฺผริโตว โหติฯ
158.Vavassaggattheti nicchayatthe, idaṃ tāva amhehi vuccamānavacanaṃ ekantasotabbaṃ, pacchā tumhehi kātabbaṃ karothāti adhippāyo. Vacanaparihāroti tehi sakyarājūhi vuttavacanassa parihāro. Lesakappanti kappiyalesaṃ. Dhuravahāti dhuravāhino, dhorayhāti attho. Pādamūlanti upacāraṃ vadati. Vigacchissatīti hāyissati. Paṭippharitoti na bhagavato sammukhāva, sakyarājūnaṃ puratopi vippharitova hoti.
๑๕๙. อภินนฺทตูติ อภิมุโข หุตฺวา ปโมทตุฯ อภิวทตูติ อภิรูปวเสน วทตุฯ ปสาทญฺญถตฺตนฺติ อปฺปสาทสฺส วิปริณาโม หีนายาวตฺตนสงฺขาตํ ปริวตฺตนํ, เตนาห ‘‘วิพฺภมนฺตานํฯ วิปริณามญฺญถตฺต’’นฺติฯ การณูปจาเรน สเสฺสสุ พีชปริยาโยติ อาห ‘‘พีชานํ ตรุณานนฺติ ตรุณสสฺสาน’’นฺติฯ ตรุณภาเวเนว ตสฺส ภาวิโน ผลสฺส อภาเวน วิปริณาโมฯ
159.Abhinandatūti abhimukho hutvā pamodatu. Abhivadatūti abhirūpavasena vadatu. Pasādaññathattanti appasādassa vipariṇāmo hīnāyāvattanasaṅkhātaṃ parivattanaṃ, tenāha ‘‘vibbhamantānaṃ. Vipariṇāmaññathatta’’nti. Kāraṇūpacārena sassesu bījapariyāyoti āha ‘‘bījānaṃ taruṇānanti taruṇasassāna’’nti. Taruṇabhāveneva tassa bhāvino phalassa abhāvena vipariṇāmo.
๑๖๐. กตฺตพฺพสฺส สรเสเนว กรณํ จิตฺตรุจิยํ, น ตถา ปรสฺส อุสฺสาทเนนาติ อาห – ‘‘ปโกฺกสิยมานานํ คมนํ นาม น ผาสุก’’นฺติฯ มยมฺปิ ภควา วิย ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาเรเนว วิหริสฺสามาติ ทีเปติ ปกติยา วิเวกชฺฌาสยภาวโต วิรโทฺธ อาคตสฺส ภารสฺส อวหนโตเยวฯ เตนาห ‘‘อตฺตโน ภารภาวํ น อญฺญาสี’’ติฯ
160. Kattabbassa saraseneva karaṇaṃ cittaruciyaṃ, na tathā parassa ussādanenāti āha – ‘‘pakkosiyamānānaṃ gamanaṃ nāma na phāsuka’’nti. Mayampi bhagavā viya diṭṭhadhammasukhavihāreneva viharissāmāti dīpeti pakatiyā vivekajjhāsayabhāvato viraddho āgatassa bhārassa avahanatoyeva. Tenāha ‘‘attano bhārabhāvaṃ na aññāsī’’ti.
๑๖๑. กสฺมา อารภีติ? สปฺปายโตฯ ปญฺจสตา หิ ภิกฺขู อภินวา, ตสฺมา เตสํ โอวาททานตฺถํ ภควา อิมํ เทสนํ อารภีติฯ
161.Kasmāārabhīti? Sappāyato. Pañcasatā hi bhikkhū abhinavā, tasmā tesaṃ ovādadānatthaṃ bhagavā imaṃ desanaṃ ārabhīti.
๑๖๒. โกธุปายาสสฺสาติ เอตฺถ กุชฺฌนเฎฺฐน โกโธ, เสฺวว จิตฺตสฺส กายสฺส จ อติปฺปมทฺทนมถนุปฺปาทเนหิ ทฬฺหํ อายาสเฎฺฐน อุปายาโสฯ อเนกวารํ ปวตฺติตฺวา อตฺตนา สมเวตํ สตฺตํ อโชฺฌตฺถริตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตุํ อทตฺวา อนยพฺยสนปาปเนน โกธุปายาสสฺส อูมิสทิสตา ทฎฺฐพฺพาฯ เตนาห ‘‘โกธุปายาเส’’ติอาทิฯ
162.Kodhupāyāsassāti ettha kujjhanaṭṭhena kodho, sveva cittassa kāyassa ca atippamaddanamathanuppādanehi daḷhaṃ āyāsaṭṭhena upāyāso. Anekavāraṃ pavattitvā attanā samavetaṃ sattaṃ ajjhottharitvā sīsaṃ ukkhipituṃ adatvā anayabyasanapāpanena kodhupāyāsassa ūmisadisatā daṭṭhabbā. Tenāha ‘‘kodhupāyāse’’tiādi.
๑๖๓. โอทริกเตฺตน ขาทิโตติ โอทริกภาเวน อามิสเคเธน มิจฺฉาชีเวน ชีวิกากปฺปเนน นาสิตสีลาทิคุณตาย ขาทิตธมฺมสรีโรฯ
163.Odarikattena khāditoti odarikabhāvena āmisagedhena micchājīvena jīvikākappanena nāsitasīlādiguṇatāya khāditadhammasarīro.
๑๖๔. ปญฺจกามคุณาวเฎฺฎ นิมุชฺชิตฺวาติ เอตฺถ กามราคาภิภูเต สเตฺต อิโต จ เอโตฺต, เอโตฺต จ อิโตติ เอวํ มนาปิยรูปาทิวิสยสงฺขาเต อาวเฎฺฎ อตฺตานํ สํสาเรตฺวา ยถา ตโต พหิภูเต เนกฺขเมฺม จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ, เอวํ อาวเฎฺฎตฺวา พฺยสนาปาทเนน กามคุณานํ อาวฎฺฎสทิสตา ทฎฺฐพฺพาฯ เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิฯ
164.Pañcakāmaguṇāvaṭṭenimujjitvāti ettha kāmarāgābhibhūte satte ito ca etto, etto ca itoti evaṃ manāpiyarūpādivisayasaṅkhāte āvaṭṭe attānaṃ saṃsāretvā yathā tato bahibhūte nekkhamme cittampi na uppādeti, evaṃ āvaṭṭetvā byasanāpādanena kāmaguṇānaṃ āvaṭṭasadisatā daṭṭhabbā. Tenāha ‘‘yathā hī’’tiādi.
๑๖๕. ราคานุทฺธํสิเตนาติ ราเคน อนุทฺธํสิเตนฯ จณฺฑมจฺฉํ อาคมฺมาติ สุสุกาทิจณฺฑมจฺฉํ อาคมฺมฯ มาตุคามํ อาคมฺมาติ มาตุคาโม หิ โยนิโสมนสิการรหิตํ อธีรปุริสํ อิตฺถิกุตฺตภูเตหิ อตฺตโน หาวภาววิลาเสหิ อภิภุยฺย คเหตฺวา ธีรชาติยมฺปิ อตฺตโน รูปาทีหิ ปโลภนวเสน อนวเสสํ อตฺตโน อุปการธเมฺม สีลาทิเก สมฺปาเทตุํ อสมตฺถํ กโรโนฺต อนยพฺยสนํ ปาเปติฯ เตนาห – ‘‘มาตุคามํ อาคมฺม อุปฺปนฺนกามราโค วิพฺภมตี’’ติฯ
165.Rāgānuddhaṃsitenāti rāgena anuddhaṃsitena. Caṇḍamacchaṃ āgammāti susukādicaṇḍamacchaṃ āgamma. Mātugāmaṃ āgammāti mātugāmo hi yonisomanasikārarahitaṃ adhīrapurisaṃ itthikuttabhūtehi attano hāvabhāvavilāsehi abhibhuyya gahetvā dhīrajātiyampi attano rūpādīhi palobhanavasena anavasesaṃ attano upakāradhamme sīlādike sampādetuṃ asamatthaṃ karonto anayabyasanaṃ pāpeti. Tenāha – ‘‘mātugāmaṃ āgamma uppannakāmarāgo vibbhamatī’’ti.
ภยํ นาม ยตฺถ ภายิตพฺพวตฺถุ, ตตฺถ โอตรนฺตเสฺสว โหติ, น อโนตรนฺตสฺส, ตํ โอตริตฺวา ภยํ วิโนเทตฺวา ตตฺถ กิจฺจํ สาเธตพฺพํ, อิตรถา จตฺถสิทฺธิ น โหตีติ อิมมตฺถํ อุปโมปมิตพฺพสรูปวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อุทกํ นิสฺสาย อานิสํโส ปิปาสวินยนํ สรีรสุทฺธิ ปริฬาหูปสโม กายอุตุคฺคาหาปนนฺติ เอวมาทิฯ สาสนํ นิสฺสาย อานิสํโส ปน สเงฺขปโต วฎฺฎทุกฺขูปสโม, วิตฺถารโต ปน สีลานิสํสาทิวเสน อเนกวิโธ, โส วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๙) วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ วุตฺตปฺปกาโร อานิสํโส โหติ ตานิ ภยานิ อภิภุยฺย ปวตฺตสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ อิมานิ อภายิตฺวาติ อิมานิ โกธูปายาสาทิภยานิ อภิภุยฺย ปวตฺติตฺวา อภายิตฺวาฯ โกธูปายาสาทโย หิ ภายติ เอตสฺมาติ ภยนฺติ วุตฺตาฯ เถโรติ มหาธมฺมรกฺขิตเตฺถโรฯ กามํ ปหานาภิสมยกาโล เอว สจฺฉิกิริยาภิสมโย, สมฺมาทิฎฺฐิยา ปน สํกิเลสโวทานธเมฺมสุ กิจฺจํ อสํกิณฺณํ กตฺวา ทเสฺสตุํ สมานกาลิกมฺปิ อสมานกาลิกํ วิย วุตฺตํ ‘‘ตณฺหาโสตํ ฉินฺทิตฺวา นิพฺพานปารํ ทฎฺฐุํ น สโกฺกตี’’ติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Bhayaṃ nāma yattha bhāyitabbavatthu, tattha otarantasseva hoti, na anotarantassa, taṃ otaritvā bhayaṃ vinodetvā tattha kiccaṃ sādhetabbaṃ, itarathā catthasiddhi na hotīti imamatthaṃ upamopamitabbasarūpavasena dassetuṃ ‘‘yathā’’tiādi vuttaṃ. Tattha udakaṃ nissāya ānisaṃso pipāsavinayanaṃ sarīrasuddhi pariḷāhūpasamo kāyautuggāhāpananti evamādi. Sāsanaṃ nissāya ānisaṃso pana saṅkhepato vaṭṭadukkhūpasamo, vitthārato pana sīlānisaṃsādivasena anekavidho, so visuddhimagge (visuddhi. 1.9) vuttanayena veditabbo. Vuttappakāro ānisaṃso hoti tāni bhayāni abhibhuyya pavattassāti adhippāyo. Imāni abhāyitvāti imāni kodhūpāyāsādibhayāni abhibhuyya pavattitvā abhāyitvā. Kodhūpāyāsādayo hi bhāyati etasmāti bhayanti vuttā. Theroti mahādhammarakkhitatthero. Kāmaṃ pahānābhisamayakālo eva sacchikiriyābhisamayo, sammādiṭṭhiyā pana saṃkilesavodānadhammesu kiccaṃ asaṃkiṇṇaṃ katvā dassetuṃ samānakālikampi asamānakālikaṃ viya vuttaṃ ‘‘taṇhāsotaṃ chinditvā nibbānapāraṃ daṭṭhuṃ na sakkotī’’ti. Sesaṃ suviññeyyameva.
จาตุมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Cātumasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๗. จาตุมสุตฺตํ • 7. Cātumasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. จาตุมสุตฺตวณฺณนา • 7. Cātumasuttavaṇṇanā