Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๑๐. จตุตฺถอนาคตภยสุตฺตวณฺณนา
10. Catutthaanāgatabhayasuttavaṇṇanā
๘๐. ทสเม ปญฺจวิเธน สํสเคฺคนาติ ‘‘สวนสํสโคฺค, ทสฺสนสํสโคฺค, สมุลฺลาปสํสโคฺค, สโมฺภคสํสโคฺค, กายสํสโคฺค’’ติ เอวํ วุเตฺตน ปญฺจวิเธน สํสเคฺคนฯ สํสชฺชติ เอเตนาติ สํสโคฺค, ราโคฯ สวนเหตุโก, สวนวเสน วา ปวโตฺต สํสโคฺค สวนสํสโคฺคฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ กายสํสโคฺค ปน กายปรามาโสฯ เตสุ ปเรหิ วา กถิยมานํ รูปาทิสมฺปตฺติํ อตฺตนา วา สิตลปิตคีตสทฺทํ สุณนฺตสฺส โสตวิญฺญาณวีถิวเสน อุปฺปโนฺน ราโค สวนสํสโคฺค นามฯ วิสภาครูปํ โอโลเกนฺตสฺส ปน จกฺขุวิญฺญาณวีถิวเสน อุปฺปโนฺน ราโค ทสฺสนสํสโคฺค นามฯ อญฺญมญฺญอาลาปสลฺลาปวเสน อุปฺปนฺนราโค สมุลฺลาปสํสโคฺค นามฯ ภิกฺขุโน ภิกฺขุนิยา สนฺตกํ, ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุสฺส สนฺตกํ คเหตฺวา ปริโภคกรณวเสน อุปฺปนฺนราโค สโมฺภคสํสโคฺค นามฯ หตฺถคฺคาหาทิวเสน อุปฺปโนฺน ราโค กายสํสโคฺค นามฯ
80. Dasame pañcavidhena saṃsaggenāti ‘‘savanasaṃsaggo, dassanasaṃsaggo, samullāpasaṃsaggo, sambhogasaṃsaggo, kāyasaṃsaggo’’ti evaṃ vuttena pañcavidhena saṃsaggena. Saṃsajjati etenāti saṃsaggo, rāgo. Savanahetuko, savanavasena vā pavatto saṃsaggo savanasaṃsaggo. Esa nayo sesesupi. Kāyasaṃsaggo pana kāyaparāmāso. Tesu parehi vā kathiyamānaṃ rūpādisampattiṃ attanā vā sitalapitagītasaddaṃ suṇantassa sotaviññāṇavīthivasena uppanno rāgo savanasaṃsaggo nāma. Visabhāgarūpaṃ olokentassa pana cakkhuviññāṇavīthivasena uppanno rāgo dassanasaṃsaggo nāma. Aññamaññaālāpasallāpavasena uppannarāgo samullāpasaṃsaggo nāma. Bhikkhuno bhikkhuniyā santakaṃ, bhikkhuniyā bhikkhussa santakaṃ gahetvā paribhogakaraṇavasena uppannarāgo sambhogasaṃsaggo nāma. Hatthaggāhādivasena uppanno rāgo kāyasaṃsaggo nāma.
อเนกวิหิตนฺติ อนฺนสนฺนิธิปานสนฺนิธิวตฺถสนฺนิธิยานสนฺนิธิสยนสนฺนิธิคนฺธสนฺนิธิ- อามิสสนฺนิธิวเสน อเนกปฺปการํฯ สนฺนิธิกตสฺสาติ เอเตน ‘‘สนฺนิธิการปริโภค’’นฺติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๐) เอตฺถ การ-สทฺทสฺส กมฺมตฺถตํ ทเสฺสติฯ ยถา วา ‘‘อาจยํ คามิโน’’ติ วตฺตเพฺพ อนุนาสิกโลเปน ‘‘อาจยคามิโน’’ติ นิเทฺทโส กโต, เอวํ ‘‘สนฺนิธิการํ ปริโภค’’นฺติ วตฺตเพฺพ อนุนาสิกโลเปน ‘‘สนฺนิธิการปริโภค’’นฺติ วุตฺตํ, สนฺนิธิํ กตฺวา ปริโภคนฺติ อโตฺถฯ
Anekavihitanti annasannidhipānasannidhivatthasannidhiyānasannidhisayanasannidhigandhasannidhi- āmisasannidhivasena anekappakāraṃ. Sannidhikatassāti etena ‘‘sannidhikāraparibhoga’’nti (dha. sa. tikamātikā 10) ettha kāra-saddassa kammatthataṃ dasseti. Yathā vā ‘‘ācayaṃ gāmino’’ti vattabbe anunāsikalopena ‘‘ācayagāmino’’ti niddeso kato, evaṃ ‘‘sannidhikāraṃ paribhoga’’nti vattabbe anunāsikalopena ‘‘sannidhikāraparibhoga’’nti vuttaṃ, sannidhiṃ katvā paribhoganti attho.
‘‘สนฺนิธิกตสฺส ปริโภค’’นฺติ เอตฺถ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๒) ปน ทุวิธา กถา วินยวเสน สเลฺลขวเสน จฯ วินยวเสน ตาว ยํ กิญฺจิ อนฺนํ อชฺช ปฎิคฺคหิตํ อปรชฺชุ สนฺนิธิการํ โหติ, ตสฺส ปริโภเค ปาจิตฺติยํฯ อตฺตนา ลทฺธํ ปน สามเณรานํ ทตฺวา เตหิ ลทฺธํ วา ปาเปตฺวา ทุติยทิวเส ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติ, สเลฺลโข ปน น โหติฯ ปานสนฺนิธิมฺหิปิ เอเสว นโยฯ วตฺถสนฺนิธิมฺหิ อนธิฎฺฐิตาวิกปฺปิตํ สนฺนิธิ จ โหติ, สเลฺลขญฺจ โกเปติฯ อยํ นิปฺปริยายกถาฯ ปริยายโต ปน ติจีวรสนฺตุเฎฺฐน ภวิตพฺพํ, จตุตฺถํ ลภิตฺวา อญฺญสฺส ทาตพฺพํฯ สเจ ยสฺส กสฺสจิ ทาตุํ น สโกฺกติ, ยสฺส ปน ทาตุกาโม โหติ, โส อุเทฺทสตฺถาย วา ปริปุจฺฉตฺถาย วา คโต, อาคตมเตฺต ทาตพฺพํ, อทาตุํ น วฎฺฎติฯ จีวเร ปน อปฺปโหเนฺต, สติยา วา ปจฺจาสาย อนุญฺญาตกาลํ ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ สูจิสุตฺตจีวรการกานํ อลาเภ ตโตปิ วินยกมฺมํ กตฺวา ฐเปตุํ วฎฺฎติ ‘‘อิมสฺมิํ ชิเณฺณ ปุน อีทิสํ กุโต ลภิสฺสามี’’ติ ปน ฐเปตุํ น วฎฺฎติ, สนฺนิธิ จ โหติ, สเลฺลขญฺจ โกเปติฯ
‘‘Sannidhikatassa paribhoga’’nti ettha (dī. ni. aṭṭha. 1.12) pana duvidhā kathā vinayavasena sallekhavasena ca. Vinayavasena tāva yaṃ kiñci annaṃ ajja paṭiggahitaṃ aparajju sannidhikāraṃ hoti, tassa paribhoge pācittiyaṃ. Attanā laddhaṃ pana sāmaṇerānaṃ datvā tehi laddhaṃ vā pāpetvā dutiyadivase bhuñjituṃ vaṭṭati, sallekho pana na hoti. Pānasannidhimhipi eseva nayo. Vatthasannidhimhi anadhiṭṭhitāvikappitaṃ sannidhi ca hoti, sallekhañca kopeti. Ayaṃ nippariyāyakathā. Pariyāyato pana ticīvarasantuṭṭhena bhavitabbaṃ, catutthaṃ labhitvā aññassa dātabbaṃ. Sace yassa kassaci dātuṃ na sakkoti, yassa pana dātukāmo hoti, so uddesatthāya vā paripucchatthāya vā gato, āgatamatte dātabbaṃ, adātuṃ na vaṭṭati. Cīvare pana appahonte, satiyā vā paccāsāya anuññātakālaṃ ṭhapetuṃ vaṭṭati. Sūcisuttacīvarakārakānaṃ alābhe tatopi vinayakammaṃ katvā ṭhapetuṃ vaṭṭati ‘‘imasmiṃ jiṇṇe puna īdisaṃ kuto labhissāmī’’ti pana ṭhapetuṃ na vaṭṭati, sannidhi ca hoti, sallekhañca kopeti.
ยานสนฺนิธิมฺหิ ยานํ นาม วยฺหํ รโถ สกฎํ สนฺทมานิกา ปาฎงฺกีติฯ น ปเนตํ ปพฺพชิตสฺส ยานํ, อุปาหนํ ปน ยานํฯ เอกภิกฺขุสฺส หิ เอโก อรญฺญวาสตฺถาย, เอโก โธตปาทกตฺถายาติ อุกฺกํสโต เทฺว อุปาหนสงฺฆาฎกา วฎฺฎนฺติ, ตติยํ ลภิตฺวา อญฺญสฺส ทาตโพฺพฯ ‘‘อิมสฺมิํ ชิเณฺณ อญฺญํ กุโต ลภิสฺสามี’’ติ ฐเปตุํ น วฎฺฎติ, สนฺนิธิ จ โหติ, สเลฺลขญฺจ โกเปติฯ สยนสนฺนิธิมฺหิ สยนนฺติ มโญฺจฯ เอกสฺส ภิกฺขุโน เอโก สยนคเพฺภ, เอโก ทิวาฎฺฐาเนติ อุกฺกํสโต เทฺว มญฺจา วฎฺฎนฺติฯ ตโต อุตฺตริํ ลภิตฺวา อญฺญสฺส ภิกฺขุโน, คณสฺส วา ทาตโพฺพ, อทาตุํ น วฎฺฎติ, สนฺนิธิ เจว โหติ, สเลฺลโข จ กุปฺปติฯ คนฺธสนฺนิธิมฺหิ ภิกฺขุโน กณฺฑุกจฺฉุฉวิโทสาทิอาพาเธ สติ คนฺธา วฎฺฎนฺติฯ คนฺธตฺถิเกน คนฺธญฺจ อาหราเปตฺวา ตสฺมิํ โรเค วูปสเนฺต อเญฺญสํ วา อาพาธิกานํ ทาตพฺพํ, ทฺวาเร ปญฺจงฺคุลิฆรธูปนาทีสุ วา อุปเนตพฺพํฯ ‘‘ปุน โรเค สติ ภวิสฺสตี’’ติ ฐเปตุํ น วฎฺฎติ, คนฺธสนฺนิธิ จ โหติ, สเลฺลขญฺจ โกเปติฯ
Yānasannidhimhi yānaṃ nāma vayhaṃ ratho sakaṭaṃ sandamānikā pāṭaṅkīti. Na panetaṃ pabbajitassa yānaṃ, upāhanaṃ pana yānaṃ. Ekabhikkhussa hi eko araññavāsatthāya, eko dhotapādakatthāyāti ukkaṃsato dve upāhanasaṅghāṭakā vaṭṭanti, tatiyaṃ labhitvā aññassa dātabbo. ‘‘Imasmiṃ jiṇṇe aññaṃ kuto labhissāmī’’ti ṭhapetuṃ na vaṭṭati, sannidhi ca hoti, sallekhañca kopeti. Sayanasannidhimhi sayananti mañco. Ekassa bhikkhuno eko sayanagabbhe, eko divāṭṭhāneti ukkaṃsato dve mañcā vaṭṭanti. Tato uttariṃ labhitvā aññassa bhikkhuno, gaṇassa vā dātabbo, adātuṃ na vaṭṭati, sannidhi ceva hoti, sallekho ca kuppati. Gandhasannidhimhi bhikkhuno kaṇḍukacchuchavidosādiābādhe sati gandhā vaṭṭanti. Gandhatthikena gandhañca āharāpetvā tasmiṃ roge vūpasante aññesaṃ vā ābādhikānaṃ dātabbaṃ, dvāre pañcaṅguligharadhūpanādīsu vā upanetabbaṃ. ‘‘Puna roge sati bhavissatī’’ti ṭhapetuṃ na vaṭṭati, gandhasannidhi ca hoti, sallekhañca kopeti.
อามิสนฺติ วุตฺตาวเสสํ ทฎฺฐพฺพํฯ เสยฺยถิทํ – อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ ‘‘ตถารูเป กาเล อุปการาย ภวิสฺสนฺตี’’ติ ติลตณฺฑุลมุคฺคมาสนาฬิเกรโลณมจฺฉสปฺปิเตลกุลาลภาชนาทีนิ อาหราเปตฺวา ฐเปติฯ โส วสฺสกาเล กาลเสฺสว สามเณเรหิ ยาคุํ ปจาเปตฺวา ปริภุญฺชิตฺวา ‘‘สามเณร อุทกกทฺทเม ทุกฺขํ คามํ ปวิสิตุํ, คจฺฉ อสุกกุลํ คนฺตฺวา มยฺหํ วิหาเร นิสินฺนภาวํ อาโรเจหิ, อสุกกุลโต ทธิอาทีนิ อาหรา’’ติ เปเสติฯ ภิกฺขูหิ ‘‘กิํ, ภเนฺต , คามํ ปวิสิสฺสามา’’ติ วุเตฺตปิ ‘‘ทุปฺปเวโส, อาวุโส, อิทานิ คาโม’’ติ วทติฯ เต ‘‘โหตุ, ภเนฺต, อจฺฉถ ตุเมฺห, มยํ ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา อาหริสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺติฯ อถ สามเณโร ทธิอาทีนิ อาหริตฺวา ภตฺตญฺจ พฺยญฺชนญฺจ สมฺปาเทตฺวา อุปเนติ, ตํ ภุญฺชนฺตเสฺสว อุปฎฺฐากา ภตฺตํ ปหิณนฺติ, ตโตปิ มนาปมนาปํ ภุญฺชติฯ อถ ภิกฺขู ปิณฺฑปาตํ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺติ, ตโตปิ มนาปมนาปํ ภุญฺชติเยวฯ เอวํ จตุมาสมฺปิ วีตินาเมติฯ อยํ วุจฺจติ ภิกฺขุ มุณฺฑกุฎุมฺพิกชีวิกํ ชีวติ, น สมณชีวิกนฺติฯ เอวรูโป อามิสสนฺนิธิ นาม โหติฯ ภิกฺขุโน ปน วสนฎฺฐาเน เอกา ตณฺฑุลนาฬิ เอโก คุฬปิโณฺฑ กุฑุวมตฺตํ สปฺปีติ เอตฺตกํ นิเธตุํ วฎฺฎติ อกาเล สมฺปตฺตโจรานํ อตฺถายฯ เต หิ เอตฺตกํ อามิสปฎิสนฺถารํ อลภนฺตา ชีวิตา โวโรเปยฺยุํ, ตสฺมา สเจ หิ เอตฺตกํ นตฺถิ, อาหราเปตฺวาปิ ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ อผาสุกกาเล จ ยเทตฺถ กปฺปิยํ, ตํ อตฺตนาปิ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ กปฺปิยกุฎิยํ ปน พหุํ ฐเปนฺตสฺสปิ สนฺนิธิ นาม นตฺถิฯ
Āmisanti vuttāvasesaṃ daṭṭhabbaṃ. Seyyathidaṃ – idhekacco bhikkhu ‘‘tathārūpe kāle upakārāya bhavissantī’’ti tilataṇḍulamuggamāsanāḷikeraloṇamacchasappitelakulālabhājanādīni āharāpetvā ṭhapeti. So vassakāle kālasseva sāmaṇerehi yāguṃ pacāpetvā paribhuñjitvā ‘‘sāmaṇera udakakaddame dukkhaṃ gāmaṃ pavisituṃ, gaccha asukakulaṃ gantvā mayhaṃ vihāre nisinnabhāvaṃ ārocehi, asukakulato dadhiādīni āharā’’ti peseti. Bhikkhūhi ‘‘kiṃ, bhante , gāmaṃ pavisissāmā’’ti vuttepi ‘‘duppaveso, āvuso, idāni gāmo’’ti vadati. Te ‘‘hotu, bhante, acchatha tumhe, mayaṃ bhikkhaṃ pariyesitvā āharissāmā’’ti gacchanti. Atha sāmaṇero dadhiādīni āharitvā bhattañca byañjanañca sampādetvā upaneti, taṃ bhuñjantasseva upaṭṭhākā bhattaṃ pahiṇanti, tatopi manāpamanāpaṃ bhuñjati. Atha bhikkhū piṇḍapātaṃ gahetvā āgacchanti, tatopi manāpamanāpaṃ bhuñjatiyeva. Evaṃ catumāsampi vītināmeti. Ayaṃ vuccati bhikkhu muṇḍakuṭumbikajīvikaṃ jīvati, na samaṇajīvikanti. Evarūpo āmisasannidhi nāma hoti. Bhikkhuno pana vasanaṭṭhāne ekā taṇḍulanāḷi eko guḷapiṇḍo kuḍuvamattaṃ sappīti ettakaṃ nidhetuṃ vaṭṭati akāle sampattacorānaṃ atthāya. Te hi ettakaṃ āmisapaṭisanthāraṃ alabhantā jīvitā voropeyyuṃ, tasmā sace hi ettakaṃ natthi, āharāpetvāpi ṭhapetuṃ vaṭṭati. Aphāsukakāle ca yadettha kappiyaṃ, taṃ attanāpi paribhuñjituṃ vaṭṭati. Kappiyakuṭiyaṃ pana bahuṃ ṭhapentassapi sannidhi nāma natthi.
จตุตฺถอนาคตภยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catutthaanāgatabhayasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
โยธาชีววคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Yodhājīvavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. จตุตฺถอนาคตภยสุตฺตํ • 10. Catutthaanāgatabhayasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. จตุตฺถอนาคตภยสุตฺตวณฺณนา • 10. Catutthaanāgatabhayasuttavaṇṇanā