Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    จตุตฺถชฺฌานกถา

    Catutthajjhānakathā

    ‘‘ปุเพฺพวา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘กทา ปน เนสํ ปหานํ โหตี’’ติ โจทนํ สมุฎฺฐาเปตฺวา อาห ‘‘จตุนฺนํ ฌานานํ อุปจารกฺขเณ’’ติฯ เอวํ เวทิตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ ปหานกฺกเมน อวุตฺตานนฺติ เอตฺถ ปหานกฺกโม นาม ปหายกธมฺมานํ อุปฺปตฺติปฎิปาฎิฯ เตน ปน วุจฺจมาเน ‘‘ทุกฺขํ โทมนสฺสํ สุขํ โสมนสฺส’’นฺติ วตฺตพฺพํ สิยา, กสฺมา อิโต อญฺญถา วจนนฺติ อาห ‘‘อินฺทฺริยวิภเงฺค’’ติอาทิ ฯ อุเทฺทสกฺกเมนาติ ‘‘สุขินฺทฺริยํ ทุกฺขินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ โทมนสฺสินฺทฺริย’’นฺติ เอวํ ปวตฺตอุเทฺทสกฺกเมนฯ

    ‘‘Pubbevā’’ti vuttattā ‘‘kadā pana nesaṃ pahānaṃ hotī’’ti codanaṃ samuṭṭhāpetvā āha ‘‘catunnaṃ jhānānaṃ upacārakkhaṇe’’ti. Evaṃ veditabbanti sambandho. Pahānakkamena avuttānanti ettha pahānakkamo nāma pahāyakadhammānaṃ uppattipaṭipāṭi. Tena pana vuccamāne ‘‘dukkhaṃ domanassaṃ sukhaṃ somanassa’’nti vattabbaṃ siyā, kasmā ito aññathā vacananti āha ‘‘indriyavibhaṅge’’tiādi . Uddesakkamenāti ‘‘sukhindriyaṃ dukkhindriyaṃ somanassindriyaṃ domanassindriya’’nti evaṃ pavattauddesakkamena.

    อถ กสฺมา ฌาเนเสฺวว นิโรโธ วุโตฺตติ สมฺพโนฺธฯ กตฺถ จุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยนฺติ อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุปฺปนฺนํ อวิกฺขมฺภิตํ ทุกฺขินฺทฺริยํฯ กตฺถ จ อปริเสสํ นิรุชฺฌตีติ นิโรธฎฺฐานํ นิโรธการณํ ปุจฺฉติฯ เตน กตฺถาติ ปุจฺฉาย เอตฺถาติ วิสฺสชฺชเนปิ เหตุมฺหิ ภุมฺมวจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ ฌานานุภาวนิมิตฺตญฺหิ อนุปฺปชฺชนฺตํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตีติ วุตฺตํฯ อติสยนิโรโธ สุฎฺฐุ ปหานํ อุชุปฎิปเกฺขน วูปสโมฯ นิโรโธ ปหานมตฺตํฯ นานาวชฺชเนติ เยน อาวชฺชเนน อปฺปนาวีถิ, ตโต ภินฺนาวชฺชเน อเนกาวชฺชเน วาฯ อปฺปนาวีถิยญฺหิ อุปจาโร เอกาวชฺชโน, อิตโร อเนกาวชฺชโน อเนกกฺขตฺตุํ ปวตฺตนโตฯ วิสมนิสชฺชาย อุปฺปนฺนกิลมโถ วิสมาสนุปตาโปฯ ปีติผรเณนาติ ปีติยา ผรณรสตฺตา ปีติสมุฎฺฐานานํ วา ปณีตรูปานํ กายสฺส พฺยาปนโต วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘สโพฺพ กาโย สุโขกฺกโนฺต โหตี’’ติฯ ปณีตรูปผุฎฺฐสรีรสฺส สุโขกฺกนฺตกายตฺตา กุโต ทุกฺขุปฺปตฺติ วิสมาสนุปตาปาทินาติ อาห ‘‘ปฎิปเกฺขน อวิหตตฺตา’’ติฯ วิตกฺกวิจารปจฺจเยปีติ ปิ-สโทฺท อฎฺฐานปฺปยุโตฺต, โส ‘‘ปหีนสฺสา’’ติ เอตฺถ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตโพฺพฯ ปหีนสฺสปิ โทมนสฺสินฺทฺริยสฺสาติ อิทญฺจ ‘‘สิยา อุปฺปตฺตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เอตนฺติ โทมนสฺสินฺทฺริยํฯ ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ ‘‘ตสฺส มยฺหํ อติจิรํ วิตกฺกยโต วิจารยโต กาโยปิ กิลมิ, จิตฺตมฺปิ อูหญฺญี’’ติ วจนโต กายจิตฺตเขทานํ วิตกฺกวิจารปจฺจยตา เวทิตพฺพาฯ วิตกฺกวิจารภาเวติ เอตฺถ ‘‘อุปฺปชฺชติ โทมนสฺสินฺทฺริย’’นฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺตีติ ตตฺถ ทุติยชฺฌานูปจาเร อสฺส ปหีนสฺสปิ โทมนสฺสินฺทฺริยสฺส อุปฺปตฺติ ภเวยฺยฯ

    Atha kasmā jhānesveva nirodho vuttoti sambandho. Kattha cuppannaṃ dukkhindriyanti attano paccayehi uppannaṃ avikkhambhitaṃ dukkhindriyaṃ. Kattha ca aparisesaṃ nirujjhatīti nirodhaṭṭhānaṃ nirodhakāraṇaṃ pucchati. Tena katthāti pucchāya etthāti vissajjanepi hetumhi bhummavacanaṃ daṭṭhabbaṃ. Jhānānubhāvanimittañhi anuppajjantaṃ dukkhindriyaṃ aparisesaṃ nirujjhatīti vuttaṃ. Atisayanirodho suṭṭhu pahānaṃ ujupaṭipakkhena vūpasamo. Nirodho pahānamattaṃ. Nānāvajjaneti yena āvajjanena appanāvīthi, tato bhinnāvajjane anekāvajjane vā. Appanāvīthiyañhi upacāro ekāvajjano, itaro anekāvajjano anekakkhattuṃ pavattanato. Visamanisajjāya uppannakilamatho visamāsanupatāpo. Pītipharaṇenāti pītiyā pharaṇarasattā pītisamuṭṭhānānaṃ vā paṇītarūpānaṃ kāyassa byāpanato vuttaṃ. Tenāha ‘‘sabbo kāyo sukhokkanto hotī’’ti. Paṇītarūpaphuṭṭhasarīrassa sukhokkantakāyattā kuto dukkhuppatti visamāsanupatāpādināti āha ‘‘paṭipakkhena avihatattā’’ti. Vitakkavicārapaccayepīti pi-saddo aṭṭhānappayutto, so ‘‘pahīnassā’’ti ettha ānetvā sambandhitabbo. Pahīnassapi domanassindriyassāti idañca ‘‘siyā uppattī’’ti iminā sambandhitabbaṃ. Etanti domanassindriyaṃ. ‘‘Uppajjatī’’ti iminā sambandho. ‘‘Tassa mayhaṃ aticiraṃ vitakkayato vicārayato kāyopi kilami, cittampi ūhaññī’’ti vacanato kāyacittakhedānaṃ vitakkavicārapaccayatā veditabbā. Vitakkavicārabhāveti ettha ‘‘uppajjati domanassindriya’’nti ānetvā sambandhitabbaṃ. Tatthassa siyā uppattīti tattha dutiyajjhānūpacāre assa pahīnassapi domanassindriyassa uppatti bhaveyya.

    เอตฺถ จ ยเทเก วทนฺติ ‘‘ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺตีติ วทเนฺตน ฌานลาภีนมฺปิ โทมนสฺสุปฺปตฺติ อตฺถีติ ทสฺสิตํ โหติ, เตน จ อนีวรณสภาโว โลโภ วิย โทโสปิ อตฺถีติ ทีเปติฯ น หิ โทเสน วินา โทมนสฺสํ ปวตฺตติ, น เจตฺถ ปฎฺฐานปาฬิยา วิโรโธ จิเนฺตตโพฺพฯ ยสฺมา ตตฺถ ปริหีนชฺฌานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมานํ โทมนสฺสํ ทสฺสิตํ, อปริหีนชฺฌานํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชมานสฺส โทมนสฺสสฺส อสมฺภวโต ฌานลาภีนํ สพฺพโส โทมนสฺสํ นุปฺปชฺชตีติ จ น สกฺกา วตฺตุํ อฎฺฐสมาปตฺติลาภิโน อปิ ตสฺส อุปฺปนฺนตฺตา, น เหว โข โส ปริหีนชฺฌาโน อโหสี’’ติ, ตํ อยุตฺตํ อนีวรณสภาวสฺส โทมนสฺสสฺส อภาวโตฯ ยทิ สิยา, รูปารูปาวจรสตฺตานมฺปิ อุปฺปเชฺชยฺย, น จ อุปฺปชฺชติฯ ตถา หิ อารุเปฺป กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฎิจฺจ ถินมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจนีวรณํ อวิชฺชานีวรณนฺติอาทีสุ พฺยาปาทกุกฺกุจฺจนีวรณานิ อนุทฺธฎานิ, น เจตฺถ อนีวรณตาปริยาโย กามจฺฉนฺทาทีนมฺปิ อนีวรณานํเยว นีวรณสทิสตาย นีวรณปริยายสฺส วุตฺตตฺตาฯ ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อฎฺฐสมาปตฺติลาภิโน อปิ ตสฺส อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ, ตมฺปิ อการณํ อุปฺปชฺชมาเนน จ โทมนเสฺสน ฌานโต ปริหายนโตฯ ลหุเกน ปน ปจฺจเยน ปริหีนํ ตาทิสา นํ อปฺปกสิเรเนว ปฎิปากติกํ กโรนฺตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺตี’’ติ อิทํ ปน ปริกปฺปนวจนํ อุปจารกฺขเณ โทมนสฺสสฺส อปฺปหีนภาวทสฺสนตฺถํฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘น เตฺวว อโนฺตอปฺปนาย’’นฺติฯ ยทิ ปน ตทา โทมนสฺสํ อุปฺปเชฺชยฺย, ปฐมชฺฌานมฺปิสฺส ปริหีนเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปหีนมฺปิ โสมนสฺสินฺทฺริยํ ปีติ วิย น ทูเรติ กตฺวา ‘‘อาสนฺนตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ นานาวชฺชนูปจาเร ปหีนมฺปิ ปหานงฺคํ ปฎิปเกฺขน อวิหตตฺตา อนฺตรนฺตรา อุปฺปเชฺชยฺย วาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อปฺปนาปฺปตฺตายา’’ติอาทิมาหฯ ตาทิสาย อาเสวนาย อิจฺฉิตพฺพตฺตา ยถา มคฺควีถิโต ปุเพฺพ เทฺว ตโย ชวนวารา สทิสานุปสฺสนาว ปวตฺตนฺติ, เอวมิธาปิ อปฺปนาวารโต ปุเพฺพ เทฺว ตโย ชวนวารา อุเปกฺขาสหคตาว ปวตฺตนฺตีติ วทนฺติฯ

    Ettha ca yadeke vadanti ‘‘tatthassa siyā uppattīti vadantena jhānalābhīnampi domanassuppatti atthīti dassitaṃ hoti, tena ca anīvaraṇasabhāvo lobho viya dosopi atthīti dīpeti. Na hi dosena vinā domanassaṃ pavattati, na cettha paṭṭhānapāḷiyā virodho cintetabbo. Yasmā tattha parihīnajjhānaṃ ārammaṇaṃ katvā pavattamānaṃ domanassaṃ dassitaṃ, aparihīnajjhānaṃ ārammaṇaṃ katvā uppajjamānassa domanassassa asambhavato jhānalābhīnaṃ sabbaso domanassaṃ nuppajjatīti ca na sakkā vattuṃ aṭṭhasamāpattilābhino api tassa uppannattā, na heva kho so parihīnajjhāno ahosī’’ti, taṃ ayuttaṃ anīvaraṇasabhāvassa domanassassa abhāvato. Yadi siyā, rūpārūpāvacarasattānampi uppajjeyya, na ca uppajjati. Tathā hi āruppe kāmacchandanīvaraṇaṃ paṭicca thinamiddhanīvaraṇaṃ uddhaccanīvaraṇaṃ avijjānīvaraṇantiādīsu byāpādakukkuccanīvaraṇāni anuddhaṭāni, na cettha anīvaraṇatāpariyāyo kāmacchandādīnampi anīvaraṇānaṃyeva nīvaraṇasadisatāya nīvaraṇapariyāyassa vuttattā. Yaṃ pana vuttaṃ ‘‘aṭṭhasamāpattilābhino api tassa uppannattā’’ti, tampi akāraṇaṃ uppajjamānena ca domanassena jhānato parihāyanato. Lahukena pana paccayena parihīnaṃ tādisā naṃ appakasireneva paṭipākatikaṃ karontīti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Tatthassa siyā uppattī’’ti idaṃ pana parikappanavacanaṃ upacārakkhaṇe domanassassa appahīnabhāvadassanatthaṃ. Tathā hi vuttaṃ ‘‘na tveva antoappanāya’’nti. Yadi pana tadā domanassaṃ uppajjeyya, paṭhamajjhānampissa parihīnamevāti daṭṭhabbaṃ. Pahīnampi somanassindriyaṃ pīti viya na dūreti katvā ‘‘āsannattā’’ti vuttaṃ. Nānāvajjanūpacāre pahīnampi pahānaṅgaṃ paṭipakkhena avihatattā antarantarā uppajjeyya vāti imamatthaṃ dassento ‘‘appanāppattāyā’’tiādimāha. Tādisāya āsevanāya icchitabbattā yathā maggavīthito pubbe dve tayo javanavārā sadisānupassanāva pavattanti, evamidhāpi appanāvārato pubbe dve tayo javanavārā upekkhāsahagatāva pavattantīti vadanti.

    สมาหรีติ สมาเนสิ, สงฺคเหตฺวา อภาสีติ อโตฺถฯ สุขุมาติ สุขทุกฺขานิ วิย อโนฬาริกตฺตา อวิภูตตาย สุขุมา, ตโต เอว อนุมินิตพฺพสภาวตฺตา ทุพฺพิเญฺญยฺยาฯ ทุฎฺฐสฺสาติ ทุฎฺฐปโยคสฺส, ทุทฺทมสฺสาติ อโตฺถฯ สกฺกา โหติ เอสา คาหยิตุนฺติ อญฺญาโปหนนเยน สกฺกา คาหยิตุนฺติ อธิปฺปาโยฯ อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยาติ อิทเมว จตุตฺถํ ฌานํ ทฎฺฐพฺพํฯ ปจฺจยทสฺสนตฺถนฺติ อธิคมสฺส อุปายภูตปจฺจยทสฺสนตฺถํฯ เตนาห ‘‘ทุกฺขปฺปหานาทโย หิ ตสฺสา ปจฺจยา’’ติฯ ทุกฺขปฺปหานาทโยติ จ โสปจารา ปฐมชฺฌานาทโยเวตฺถ อธิเปฺปตาฯ ปหีนาติ วุตฺตาติ ‘‘ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๔๗; สํ. นิ. ๕.๑๐๒๑) วุตฺตตฺตาฯ เอตาติ สุขาทโย เวทนาฯ สุขํ โสมนสฺสสฺส ปจฺจโยติ วสนคนฺธาเลปนปุปฺผาภรณสมาเลปนาทินิพฺพตฺตํ กายิกสุขํ โสมนสฺสสฺส ปจฺจโยฯ ‘‘สุขาย โข, อาวุโส วิสาข เวทนาย, ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) วจนโต อาห ‘‘โสมนสฺสํ ราคสฺส ปจฺจโย’’ติฯ ‘‘ทุกฺขาย โข, อาวุโส วิสาข, เวทนาย ปฎิฆานุสโย อนุเสตี’’ติ วจนโต วุตฺตํ ‘‘โทมนสฺสํ โทสสฺส ปจฺจโย’’ติฯ สุขาทิฆาเตนาติ สุขาทีนํ ปหาเนนฯ

    Samāharīti samānesi, saṅgahetvā abhāsīti attho. Sukhumāti sukhadukkhāni viya anoḷārikattā avibhūtatāya sukhumā, tato eva anuminitabbasabhāvattā dubbiññeyyā. Duṭṭhassāti duṭṭhapayogassa, duddamassāti attho. Sakkā hoti esā gāhayitunti aññāpohananayena sakkā gāhayitunti adhippāyo. Adukkhamasukhāya cetovimuttiyāti idameva catutthaṃ jhānaṃ daṭṭhabbaṃ. Paccayadassanatthanti adhigamassa upāyabhūtapaccayadassanatthaṃ. Tenāha ‘‘dukkhappahānādayo hi tassā paccayā’’ti. Dukkhappahānādayoti ca sopacārā paṭhamajjhānādayovettha adhippetā. Pahīnāti vuttāti ‘‘pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā’’ti (ma. ni. 3.147; saṃ. ni. 5.1021) vuttattā. Etāti sukhādayo vedanā. Sukhaṃsomanassassa paccayoti vasanagandhālepanapupphābharaṇasamālepanādinibbattaṃ kāyikasukhaṃ somanassassa paccayo. ‘‘Sukhāya kho, āvuso visākha vedanāya, rāgānusayo anusetī’’ti (ma. ni. 1.465) vacanato āha ‘‘somanassaṃ rāgassa paccayo’’ti. ‘‘Dukkhāya kho, āvuso visākha, vedanāya paṭighānusayo anusetī’’ti vacanato vuttaṃ ‘‘domanassaṃ dosassa paccayo’’ti. Sukhādighātenāti sukhādīnaṃ pahānena.

    อทุกฺขมสุขนฺติ เอตฺถ น ทุกฺขนฺติ อทุกฺขํ, ทุกฺขวิทูรํฯ ยสฺมา ตตฺถ ทุกฺขํ นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขาภาเวนา’’ติฯ อสุขนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ เอเตนาติ ทุกฺขสุขปฎิเกฺขปวจเนนฯ ปฎิปกฺขภูตนฺติ อิทํ อิธ ตติยเวทนาย ทุกฺขาทีนํ สมติกฺกมวเสน ปตฺตพฺพตฺตา วุตฺตํ, น กุสลากุสลานํ วิย อุชุวิปจฺจนีกตายฯ อิฎฺฐานิฎฺฐวิปรีตานุภวนลกฺขณาติ อิฎฺฐานิฎฺฐวิปรีตสฺส มชฺฌตฺตารมฺมณสฺส, อิฎฺฐานิฎฺฐวิปรีตํ วา มชฺฌตฺตากาเรน อนุภวนลกฺขณาฯ ตโต เอว มชฺฌตฺตรสาฯ อวิภูตปจฺจุปฎฺฐานาติ สุขทุกฺขานิ วิย น วิภูตาการา ปิฎฺฐิปาสาเณ มิคคตมโคฺค วิย เตหิ อนุมาตพฺพาวิภูตากาโรปฎฺฐานาฯ สุขนิโรโธ นาม อิธ จตุตฺถชฺฌานูปจาโร, โส ปทฎฺฐานํ เอติสฺสาติ สุขนิโรธปทฎฺฐานาฯ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธินฺติ ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปเนตํ สมาสปทนฺติ อาห ‘‘อุเปกฺขาย ชนิตสติปาริสุทฺธิ’’นฺติฯ สพฺพปจฺจนีกธมฺมปริสุทฺธาย ปจฺจนีกสมเนปิ อพฺยาวฎาย ปาริสุทฺธุเปกฺขาย วตฺตมานาย จตุตฺถชฺฌาเน สติ สมฺปหํสนปญฺญา วิย สุปริสุทฺธา สุวิสทา จ โหตีติ อาห ‘‘สติยา ปาริสุทฺธิ, สา อุเปกฺขาย กตา น อเญฺญนา’’ติฯ ยทิ ตตฺรมชฺฌตฺตตา อิธ ‘‘อุเปกฺขา’’ติ อธิเปฺปตา, กถํ สติเยว ปาริสุทฺธาติ วุตฺตาติ อาห ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิฯ สติสีเสนาติ สติํ อุตฺตมงฺคํ กตฺวา, ปธานํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ

    Adukkhamasukhanti ettha na dukkhanti adukkhaṃ, dukkhavidūraṃ. Yasmā tattha dukkhaṃ natthi, tasmā vuttaṃ ‘‘dukkhābhāvenā’’ti. Asukhanti etthāpi eseva nayo. Etenāti dukkhasukhapaṭikkhepavacanena. Paṭipakkhabhūtanti idaṃ idha tatiyavedanāya dukkhādīnaṃ samatikkamavasena pattabbattā vuttaṃ, na kusalākusalānaṃ viya ujuvipaccanīkatāya. Iṭṭhāniṭṭhaviparītānubhavanalakkhaṇāti iṭṭhāniṭṭhaviparītassa majjhattārammaṇassa, iṭṭhāniṭṭhaviparītaṃ vā majjhattākārena anubhavanalakkhaṇā. Tato eva majjhattarasā. Avibhūtapaccupaṭṭhānāti sukhadukkhāni viya na vibhūtākārā piṭṭhipāsāṇe migagatamaggo viya tehi anumātabbāvibhūtākāropaṭṭhānā. Sukhanirodho nāma idha catutthajjhānūpacāro, so padaṭṭhānaṃ etissāti sukhanirodhapadaṭṭhānā. Upekkhāsatipārisuddhinti purimapade uttarapadalopenetaṃ samāsapadanti āha ‘‘upekkhāya janitasatipārisuddhi’’nti. Sabbapaccanīkadhammaparisuddhāya paccanīkasamanepi abyāvaṭāya pārisuddhupekkhāya vattamānāya catutthajjhāne sati sampahaṃsanapaññā viya suparisuddhā suvisadā ca hotīti āha ‘‘satiyā pārisuddhi, sā upekkhāya katā na aññenā’’ti. Yadi tatramajjhattatā idha ‘‘upekkhā’’ti adhippetā, kathaṃ satiyeva pārisuddhāti vuttāti āha ‘‘na kevala’’ntiādi. Satisīsenāti satiṃ uttamaṅgaṃ katvā, padhānaṃ katvāti vuttaṃ hoti.

    เอวมปิ กสฺมา อิเธว สติ ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธี’’ติ วุตฺตาติ อนุโยคํ สนฺธาย ‘‘ตตฺถ กิญฺจาปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เหฎฺฐา ตีสุ ฌาเนสุ วิชฺชมานายปิ ตตฺรมชฺฌตฺตตาย ปจฺจนีกาภิภวนโต สหายปจฺจยเวกลฺลโต จ อปาริสุทฺธิ, ตถา ตํสมฺปยุตฺตานํ ตทภาวโต อิธ ปาริสุทฺธีติ อิมมตฺถํ อุปมาวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สูริยปฺปภาภิภวาติ สูริยปฺปภาย อภิภุยฺยมานตฺตาฯ อติกฺขตาย จนฺทเลขา วิย รตฺติปิ โสมฺมสภาวา สภาคาย รตฺติยเมว จ จนฺทเลขา สมุชฺชลตีติ สา ตสฺสา สงฺคยฺหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โสมฺมภาเวน จ อตฺตโน อุปการกเตฺตน วา สภาคาย รตฺติยา’’ติ อาหฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ

    Evamapi kasmā idheva sati ‘‘upekkhāsatipārisuddhī’’ti vuttāti anuyogaṃ sandhāya ‘‘tattha kiñcāpī’’tiādi vuttaṃ. Tattha heṭṭhā tīsu jhānesu vijjamānāyapi tatramajjhattatāya paccanīkābhibhavanato sahāyapaccayavekallato ca apārisuddhi, tathā taṃsampayuttānaṃ tadabhāvato idha pārisuddhīti imamatthaṃ upamāvasena dassetuṃ ‘‘yathā panā’’tiādi vuttaṃ. Sūriyappabhābhibhavāti sūriyappabhāya abhibhuyyamānattā. Atikkhatāya candalekhā viya rattipi sommasabhāvā sabhāgāya rattiyameva ca candalekhā samujjalatīti sā tassā saṅgayhatīti dassento ‘‘sommabhāvena ca attano upakārakattena vā sabhāgāya rattiyā’’ti āha. Sesamettha uttānatthameva.

    จตุตฺถชฺฌานกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Catutthajjhānakathā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact