Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā

    จตุตฺถปาราชิกกถาวณฺณนา

    Catutthapārājikakathāvaṇṇanā

    ๓๐๖-๗. เอวํ นาติสเงฺขปวิตฺถารนเยน ตติยปาราชิกวินิจฺฉยํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ จตุตฺถปาราชิกวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘อสนฺต’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ ‘‘อสนฺต’’นฺติ อเปกฺขิตฺวา ‘‘อตฺตนี’’ติ จ ‘‘ฌานาทิเภท’’นฺติ อเปกฺขิตฺวา ‘‘อุตฺตริมนุสฺสธมฺม’’นฺติ จ ‘‘สมุทาจเรยฺยา’’ติ อเปกฺขิตฺวา ‘‘โย ภิกฺขู’’ติ จ สามตฺถิยา ลพฺภตีติ อชฺฌาหริตฺวา ‘‘อตฺตนิ อสนฺต’’นฺติอาทินา นเยน โยเชตพฺพํฯ

    306-7. Evaṃ nātisaṅkhepavitthāranayena tatiyapārājikavinicchayaṃ dassetvā idāni catutthapārājikavinicchayaṃ dassetumāha ‘‘asanta’’ntiādi. Tattha ‘‘asanta’’nti apekkhitvā ‘‘attanī’’ti ca ‘‘jhānādibheda’’nti apekkhitvā ‘‘uttarimanussadhamma’’nti ca ‘‘samudācareyyā’’ti apekkhitvā ‘‘yo bhikkhū’’ti ca sāmatthiyā labbhatīti ajjhāharitvā ‘‘attani asanta’’ntiādinā nayena yojetabbaṃ.

    อตฺตนิ อสนฺตนฺติ ตสฺมิํ อตฺตภาเว อตฺตโน สนฺตาเน อนุปฺปาทิตตาย อวิชฺชมานํฯ อตฺตสฺสิตเมว กตฺวาติ อตฺตุปนายิกํ กตฺวา อตฺตนิ วิชฺชมานํ วิย กตฺวา ตํ อุปเนตฺวา ฯ ภวํ อธิฎฺฐาย จ วตฺตมานนฺติ ปฎิสนฺธิโต ปฎฺฐาย จ วตฺตนฺตํ ภวํ จิเตฺตน อธิฎฺฐหิตฺวา ตเกฺกตฺวา, จิเตฺต ฐเปตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ อญฺญาปเทสญฺจ วินาติ ‘‘โย เต วิหาเร วสตีธ ภิกฺขู’’ติอาทินา นเยน วกฺขมานํ ปริยายกถํ ฐเปตฺวาฯ อธิมานญฺจ วินาติ อทิเฎฺฐ ทิฎฺฐสญฺญิตาทิสภาวํ อธิคตมานสงฺขาตํ ‘‘อธิคตอุตฺตริมนุสฺสธโมฺม อหมฺหี’’ติ อธิมานญฺจ ฐเปตฺวาฯ ฌานาทิเภทนฺติ ฌานาทโย เภทา วิเสสา ยสฺส ตํ ฌานาทิเภทํ, ‘‘อุตฺตริมนุสฺสธโมฺม นาม ฌานํ วิโมโกฺข สมาธิ สมาปตฺติ ญาณทสฺสนํ มคฺคภาวนา ผลสจฺฉิ กิริยา กิเลสปฺปหานํ วินีวรณตา จิตฺตสฺส สุญฺญาคาเร อภิรตี’’ติ (ปารา. ๑๙๘, ๑๙๙) ปทภาชเน วุตฺตํ ฌานาทิธมฺมวิเสสนฺติ อโตฺถฯ ‘‘อุตฺตริมนุสฺสธมฺมนฺติ อุตฺตริมนุสฺสานํ ฌายีนเญฺจว อริยานญฺจ ธมฺม’’นฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๑๙๗) อฎฺฐกถาย วุตฺตํ ฌานลาภีหิ เจว อฎฺฐหิ อริยปุคฺคเลหิ จ อธิคตตฺตา เตสํ สนฺตกนฺติ สงฺขฺยํ คตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ

    Attaniasantanti tasmiṃ attabhāve attano santāne anuppāditatāya avijjamānaṃ. Attassitameva katvāti attupanāyikaṃ katvā attani vijjamānaṃ viya katvā taṃ upanetvā . Bhavaṃ adhiṭṭhāya ca vattamānanti paṭisandhito paṭṭhāya ca vattantaṃ bhavaṃ cittena adhiṭṭhahitvā takketvā, citte ṭhapetvāti vuttaṃ hoti. Aññāpadesañca vināti ‘‘yo te vihāre vasatīdha bhikkhū’’tiādinā nayena vakkhamānaṃ pariyāyakathaṃ ṭhapetvā. Adhimānañca vināti adiṭṭhe diṭṭhasaññitādisabhāvaṃ adhigatamānasaṅkhātaṃ ‘‘adhigatauttarimanussadhammo ahamhī’’ti adhimānañca ṭhapetvā. Jhānādibhedanti jhānādayo bhedā visesā yassa taṃ jhānādibhedaṃ, ‘‘uttarimanussadhammo nāma jhānaṃ vimokkho samādhi samāpatti ñāṇadassanaṃ maggabhāvanā phalasacchi kiriyā kilesappahānaṃ vinīvaraṇatā cittassa suññāgāre abhiratī’’ti (pārā. 198, 199) padabhājane vuttaṃ jhānādidhammavisesanti attho. ‘‘Uttarimanussadhammanti uttarimanussānaṃ jhāyīnañceva ariyānañca dhamma’’nti (pārā. aṭṭha. 2.197) aṭṭhakathāya vuttaṃ jhānalābhīhi ceva aṭṭhahi ariyapuggalehi ca adhigatattā tesaṃ santakanti saṅkhyaṃ gataṃ uttarimanussadhammaṃ.

    วิญฺญตฺติปเถ ฐิตสฺส กาเยน วา วาจาย วา โย ภิกฺขุ สมุทาจเรยฺยาติ อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํฯ วิญฺญตฺติปเถ ฐิตสฺสาติ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร ปเทเส ฐิตสฺส ‘‘อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา คหฎฺฐสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา’’ติ (ปารา. ๑๙๘) ปทภาชเน วุตฺตสฺส ยสฺส กสฺสจิฯ กาเยน วาติ หตฺถมุทฺทาทิวเสน กาเยน วาฯ ‘‘สิกฺขาปจฺจกฺขานํ หตฺถมุทฺทาย สีสํ น โอตรติ, อิทํ อภูตาโรจนํ หตฺถมุทฺทายปิ โอตรตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๒๑๕) อฎฺฐกถายํ วุตฺตตฺตา อิธ หตฺถมุทฺทาทิหตฺถวิกาโร จ องฺคปจฺจงฺคโจปนญฺจ ‘‘กาเยนา’’ติ อิมินา คเหตพฺพํฯ วาจาย วาติ โย สวนูปจาเร ฐิโต เตน วิญฺญาตุํ สกฺกุเณเยฺยน เยน เกนจิ โวหาเรน วาฯ โย ภิกฺขูติ โย อุปสมฺปโนฺน เถโร วา นโว วา มชฺฌิโม วาฯ สมุทาจเรยฺยาติ ‘‘ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชามี’’ติอาทิวจนปฺปกาเรสุ ยํ กญฺจิ ปการํ วเทยฺยฯ ตทเตฺถติ เตน วุตฺตวากฺยสฺส อเตฺถฯ ญาเตวาติ ญาเต เอวฯ มาตุคามํ วา ปุริสํ วา ยํ กิญฺจิ อุทฺทิสฺส วุเตฺต, เตเนว วา อนุทฺทิสฺส วุเตฺต สวนูปจาเร ฐิเตน เยน เกนจิ มนุสฺสภูเตน วจนสมนนฺตรเมว ‘‘อยํ ปฐมชฺฌานลาภี’’ติอาทิเก ยถาวุเตฺต อตฺถปฺปกาเร ญาเตเยวฯ ‘‘โส’’ติ อชฺฌาหริตฺวา ‘‘โส ปุน รุฬฺหิภาเว อภโพฺพ’’ติ โยเชตพฺพํ, อตฺตนิ อวิชฺชมานคุณํ สนฺตํ วิย กตฺวา อิจฺฉาจาเร ฐตฺวา เอวํ กถิตปุคฺคโล สีเล ปติฎฺฐาย อุปรูปริ ลพฺภมานโลกิยโลกุตฺตรคุเณหิ พุทฺธิสงฺขาตํ สาสเน พุทฺธิมธิคนฺตุํ อนรโหติ อโตฺถ ฯ กิํ วิยาติ อาห ‘‘ยเถว…เป.… รุฬิภาเว’’ติฯ ‘‘ยถา’’ติ เอเตน สมฺพโนฺธ ‘‘ตถา’’ติ, ยถา ตาโล มตฺถกจฺฉิโนฺน อภโพฺพ ปุน วิรุฬฺหิยา, โสปิ ปาราชิกํ อาปโนฺน ตเถว ทฎฺฐโพฺพติ อโตฺถฯ

    Viññattipathe ṭhitassa kāyena vā vācāya vā yo bhikkhu samudācareyyāti ajjhāharitvā yojetabbaṃ. Viññattipathe ṭhitassāti dvādasahatthabbhantare padese ṭhitassa ‘‘itthiyā vā purisassa vā gahaṭṭhassa vā pabbajitassa vā’’ti (pārā. 198) padabhājane vuttassa yassa kassaci. Kāyena vāti hatthamuddādivasena kāyena vā. ‘‘Sikkhāpaccakkhānaṃ hatthamuddāya sīsaṃ na otarati, idaṃ abhūtārocanaṃ hatthamuddāyapi otaratī’’ti (pārā. aṭṭha. 2.215) aṭṭhakathāyaṃ vuttattā idha hatthamuddādihatthavikāro ca aṅgapaccaṅgacopanañca ‘‘kāyenā’’ti iminā gahetabbaṃ. Vācāya vāti yo savanūpacāre ṭhito tena viññātuṃ sakkuṇeyyena yena kenaci vohārena vā. Yo bhikkhūti yo upasampanno thero vā navo vā majjhimo vā. Samudācareyyāti ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjāmī’’tiādivacanappakāresu yaṃ kañci pakāraṃ vadeyya. Tadattheti tena vuttavākyassa atthe. Ñātevāti ñāte eva. Mātugāmaṃ vā purisaṃ vā yaṃ kiñci uddissa vutte, teneva vā anuddissa vutte savanūpacāre ṭhitena yena kenaci manussabhūtena vacanasamanantarameva ‘‘ayaṃ paṭhamajjhānalābhī’’tiādike yathāvutte atthappakāre ñāteyeva. ‘‘So’’ti ajjhāharitvā ‘‘so puna ruḷhibhāve abhabbo’’ti yojetabbaṃ, attani avijjamānaguṇaṃ santaṃ viya katvā icchācāre ṭhatvā evaṃ kathitapuggalo sīle patiṭṭhāya uparūpari labbhamānalokiyalokuttaraguṇehi buddhisaṅkhātaṃ sāsane buddhimadhigantuṃ anarahoti attho . Kiṃ viyāti āha ‘‘yatheva…pe… ruḷibhāve’’ti. ‘‘Yathā’’ti etena sambandho ‘‘tathā’’ti, yathā tālo matthakacchinno abhabbo puna viruḷhiyā, sopi pārājikaṃ āpanno tatheva daṭṭhabboti attho.

    ๓๐๘-๙. อิทานิ ‘‘ญาเตว อภโพฺพ’’ติ จ ‘‘อญฺญาปเทสญฺจ วินา’’ติ จ เอตสฺมิํ วากฺยทฺวเย พฺยติเรกตฺถวเสน สมฺภวนฺตํ อาปตฺติเภทํ ทเสฺสตุมาห ‘‘อสนฺตเมวา’’ติอาทิฯ

    308-9. Idāni ‘‘ñāteva abhabbo’’ti ca ‘‘aññāpadesañca vinā’’ti ca etasmiṃ vākyadvaye byatirekatthavasena sambhavantaṃ āpattibhedaṃ dassetumāha ‘‘asantamevā’’tiādi.

    อนนฺตรนฺติ ‘‘ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชามี’’ติอาทิวจนสมนนฺตรเมวฯ โสติ ทฺวาทสหตฺถพฺภนฺตเร ฐตฺวา เยน ตํ วจนํ สุตํ, โส ปโร ปุคฺคโลฯ ชานาติ เจติ ‘‘อยํ ปฐมชฺฌานลาภี’’ติอาทิวเสน เตน วุตฺตวจนปฺปกาเรน อตฺถํ อวิราเธตฺวา อจิเรเนว สเจ ชานาตีติ อโตฺถฯ โย ปน ฌานาทีนํ อตฺตนา อลทฺธภาเวน วา อาคเม อุคฺคหปริปุจฺฉาทิวเสน อปริจิตตฺตา วา ฌานาทิสรูปํ อชานโนฺตปิ เกวลํ ‘‘ฌานํ วิโมโกฺข สมาธิ สมาปตฺตี’’ติอาทิวจนานํ สุตปุพฺพตฺตา เตน ‘‘ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชามี’’ติอาทิวจเน วุเตฺต ‘‘ฌานํ กิร เอส สมาปชฺชตี’’ติ ยทิ เอตฺตกมตฺถมฺปิ ชานาติ, โสปิ ‘‘ชานาติ’’เจฺจว อฎฺฐกถายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๒๑๕) วุโตฺตติ คเหตโพฺพฯ จุโต หีติ หิ-สโทฺท อวธารเณ, อตฺตนา วุเตฺต เตน ตตฺตเกเยว ญาเต โส อสนฺตคุณทีปโก ปาปปุคฺคโล ผลสมฺปตฺติสมฺปนฺนํ อิมํ สาสนามตมหาปาทปํ อารุยฺหาปิ ผลํ อปริภุญฺชิตฺวา วิราเธตฺวา ปติตฺวา มโต นาม โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ อิมเสฺสวตฺถสฺส ‘‘อสนฺต’’มิจฺจาทินา ปฐมํ วุตฺตสฺสปิ พฺยติเรกตฺถํ ทเสฺสตุํ อนุวาทวเสน วุตฺตตฺตา ปุนรุตฺติโทโส น โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Anantaranti ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjāmī’’tiādivacanasamanantarameva. Soti dvādasahatthabbhantare ṭhatvā yena taṃ vacanaṃ sutaṃ, so paro puggalo. Jānāti ceti ‘‘ayaṃ paṭhamajjhānalābhī’’tiādivasena tena vuttavacanappakārena atthaṃ avirādhetvā acireneva sace jānātīti attho. Yo pana jhānādīnaṃ attanā aladdhabhāvena vā āgame uggahaparipucchādivasena aparicitattā vā jhānādisarūpaṃ ajānantopi kevalaṃ ‘‘jhānaṃ vimokkho samādhi samāpattī’’tiādivacanānaṃ sutapubbattā tena ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjāmī’’tiādivacane vutte ‘‘jhānaṃ kira esa samāpajjatī’’ti yadi ettakamatthampi jānāti, sopi ‘‘jānāti’’cceva aṭṭhakathāyaṃ (pārā. aṭṭha. 2.215) vuttoti gahetabbo. Cuto hīti hi-saddo avadhāraṇe, attanā vutte tena tattakeyeva ñāte so asantaguṇadīpako pāpapuggalo phalasampattisampannaṃ imaṃ sāsanāmatamahāpādapaṃ āruyhāpi phalaṃ aparibhuñjitvā virādhetvā patitvā mato nāma hotīti vuttaṃ hoti. Imassevatthassa ‘‘asanta’’miccādinā paṭhamaṃ vuttassapi byatirekatthaṃ dassetuṃ anuvādavasena vuttattā punaruttidoso na hotīti daṭṭhabbaṃ.

    อิทานิ ตํ พฺยติเรกตฺถํ ทเสฺสตุมาห ‘‘โน เจ…เป.… โหตี’’ติฯ ยสฺส โส อาโรเจติ, โส เจชานาติ, อสฺส อสนฺตคุณทีปกสฺส มุสาวาทิโนฯ

    Idāni taṃ byatirekatthaṃ dassetumāha ‘‘no ce…pe… hotī’’ti. Yassa so āroceti, so ce na jānāti, assa asantaguṇadīpakassa musāvādino.

    ‘‘อญฺญาปเทสญฺจ วินา’’ติ อิมินา ทสฺสิตพฺยติเรกตฺถสฺส ภาวาภาเว สมฺภวนฺตํ อาปตฺติเภทํ ทเสฺสตุมาห ‘‘โย เต’’ติอาทิฯ โย ภิกฺขุ เต ตว อิธ อิมสฺมิํ วิหาเร วสตีติ โยชนาฯ ทีปิเตติ อตฺตโน อธิปฺปาเย ปกาสิเตฯ ชานาติ เจติ โย ตถา วุตฺตวจนํ อโสฺสสิ, โส ‘‘เอส อญฺญาปเทเสน อตฺตโน ฌานลาภิตํ ทีเปตี’’ติ วา ‘‘เอโส ฌานลาภี’’ติ วา วจนสมนนฺตรเมว สเจ ชานาติฯ อสฺสาติ เอวํ กถิตวจนวโต ตสฺส ภิกฺขุโนฯ ตํ เตน วุตฺตวจนํฯ ทุกฺกฎเมว โหติ, น ถุลฺลจฺจยนฺติ อโตฺถฯ อตฺตโน อาวาสการานํ ทายกานํ อญฺญสฺส ปวตฺติํ กเถนฺตสฺส วิย อตฺตโนเยว อสนฺตคุณํ สนฺตมิว กตฺวา กถนากาโร อิมาย คาถาย อตฺถโต วุโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ

    ‘‘Aññāpadesañca vinā’’ti iminā dassitabyatirekatthassa bhāvābhāve sambhavantaṃ āpattibhedaṃ dassetumāha ‘‘yo te’’tiādi. Yo bhikkhu te tava idha imasmiṃ vihāre vasatīti yojanā. Dīpiteti attano adhippāye pakāsite. Jānāti ceti yo tathā vuttavacanaṃ assosi, so ‘‘esa aññāpadesena attano jhānalābhitaṃ dīpetī’’ti vā ‘‘eso jhānalābhī’’ti vā vacanasamanantarameva sace jānāti. Assāti evaṃ kathitavacanavato tassa bhikkhuno. Taṃ tena vuttavacanaṃ. Dukkaṭameva hoti, na thullaccayanti attho. Attano āvāsakārānaṃ dāyakānaṃ aññassa pavattiṃ kathentassa viya attanoyeva asantaguṇaṃ santamiva katvā kathanākāro imāya gāthāya atthato vuttoti daṭṭhabbo.

    เอตฺถ จ ฌานลาภีติ จาติ อวุตฺตสมุจฺจยเตฺถน -สเทฺทน ปาฬิยํ (ปารา. ๒๒๐) อาคตา อวเสสปริยายวารา จ สงฺคหิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตถา ฌานลาภีติ เอตฺถ ฌานคฺคหเณน วิโมกฺขาทีนญฺจ อุปลกฺขิตตฺตา ฌานาทิทสวิธอุตฺตริมนุสฺสธมฺมวิสยปริยายกถํ สุตวตา ตงฺขเณ ตทเตฺถ ญาเต ปริยายสมุลฺลาปเกน อาปชฺชิตพฺพํ ถุลฺลจฺจยญฺจ อวิญฺญาเต วา จิเรน วิญฺญาเต วา อาปชฺชิตพฺพํ ทุกฺกฎญฺจ อิมาย คาถาย อตฺถโต ทสฺสิตเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Ettha ca jhānalābhīti cāti avuttasamuccayatthena ca-saddena pāḷiyaṃ (pārā. 220) āgatā avasesapariyāyavārā ca saṅgahitāti daṭṭhabbaṃ. Tathā jhānalābhīti ettha jhānaggahaṇena vimokkhādīnañca upalakkhitattā jhānādidasavidhauttarimanussadhammavisayapariyāyakathaṃ sutavatā taṅkhaṇe tadatthe ñāte pariyāyasamullāpakena āpajjitabbaṃ thullaccayañca aviññāte vā cirena viññāte vā āpajjitabbaṃ dukkaṭañca imāya gāthāya atthato dassitamevāti daṭṭhabbaṃ.

    ๓๑๐. เอตนฺติ ยถาวุตฺตปฺปการํ ฌานาทิเภทํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํฯ อธิมานาติ ‘‘อธิคโตห’’นฺติ เอวํ อุปฺปนฺนมานา, อธิกมานาติ อโตฺถ, ‘‘อยํ ธโมฺม มยา อธิคโต’’ติ ทฬฺหมุปฺปเนฺนน มาเนน กเถนฺตสฺสาติ วุตฺตํ โหติฯ วุโตฺต อนาปตฺตินโยติ อาปตฺติยา อภาโว อนาปตฺติ, สา เอว นโย เนตโพฺพ พุชฺฌิตโพฺพติ กตฺวา, อนาปตฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘อธิมาเนนา’’ติ เอวํ วุโตฺต ภควตาติ อโตฺถ, ‘‘อธิคตธโมฺมห’’นฺติ อธิมาเนน ‘‘อหํ ปฐมชฺฌานลาภี’’ติอาทีนิ วทนฺตสฺส อนาปตฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    310.Etanti yathāvuttappakāraṃ jhānādibhedaṃ uttarimanussadhammaṃ. Adhimānāti ‘‘adhigatoha’’nti evaṃ uppannamānā, adhikamānāti attho, ‘‘ayaṃ dhammo mayā adhigato’’ti daḷhamuppannena mānena kathentassāti vuttaṃ hoti. Vutto anāpattinayoti āpattiyā abhāvo anāpatti, sā eva nayo netabbo bujjhitabboti katvā, anāpattīti vuttaṃ hoti. ‘‘Adhimānenā’’ti evaṃ vutto bhagavatāti attho, ‘‘adhigatadhammoha’’nti adhimānena ‘‘ahaṃ paṭhamajjhānalābhī’’tiādīni vadantassa anāpattīti vuttaṃ hoti.

    อยมธิมาโน กสฺส โหติ, กสฺส น โหตีติ เจ? อริยานํ น โหติ มคฺคปจฺจเวกฺขณาทีหิ ปญฺจหิ ปจฺจเวกฺขณาหิ สญฺชาตโสมนสฺสานํ วิติณฺณกงฺขตฺตาฯ ทุสฺสีลสฺสาปิ น โหติ ตสฺส อริยคุณาธิคเม นิรุสฺสาหตฺตาฯ สุสีลสฺสาปิ กมฺมฎฺฐานานุโยครหิตสฺส นิทฺทารามตาทิมนุยุตฺตสฺส น โหติ วิสฺสฎฺฐภาวนาภิโยคตฺตาฯ สุปริสุทฺธาย สีลสมฺปตฺติยา ปติฎฺฐาย สมถภาวนามนุยุตฺตสฺส รูปารูปสมาปตฺติยํ ปตฺตาสิโน วา วิปสฺสนาภิยุตฺตสฺส โสปกฺกิเลโสทยพฺพยญาณลาภิโน วา อุปฺปชฺชติฯ โส สมถวิปสฺสนาภาวนาหิ กิเลสสมุทาจารสฺส อภาเว อุปฺปเนฺน เต วิเสสภาคิโน ภวิตุํ อทตฺวา ฐิติภาคิโน กตฺวา ฐเปตีติ เวทิตโพฺพฯ

    Ayamadhimāno kassa hoti, kassa na hotīti ce? Ariyānaṃ na hoti maggapaccavekkhaṇādīhi pañcahi paccavekkhaṇāhi sañjātasomanassānaṃ vitiṇṇakaṅkhattā. Dussīlassāpi na hoti tassa ariyaguṇādhigame nirussāhattā. Susīlassāpi kammaṭṭhānānuyogarahitassa niddārāmatādimanuyuttassa na hoti vissaṭṭhabhāvanābhiyogattā. Suparisuddhāya sīlasampattiyā patiṭṭhāya samathabhāvanāmanuyuttassa rūpārūpasamāpattiyaṃ pattāsino vā vipassanābhiyuttassa sopakkilesodayabbayañāṇalābhino vā uppajjati. So samathavipassanābhāvanāhi kilesasamudācārassa abhāve uppanne te visesabhāgino bhavituṃ adatvā ṭhitibhāgino katvā ṭhapetīti veditabbo.

    ปนาติ อปิ-สทฺทโตฺถฯ ‘‘เอว’’นฺติ อิมินา ‘‘อนาปตฺตินโย วุโตฺต’’ติ ปจฺจามสติฯ ‘‘อวตฺตุกามสฺสา’’ติ อิทญฺจ ปาฬิยํ อาคตํ ‘‘อนุลฺลปนาธิปฺปายสฺสา’’ติ (ปารา. ๒๒๒, ๒๒๕) อิทญฺจ อนตฺถนฺตรํฯ อวตฺตุกามสฺสาติ เอวํ วุโตฺตติ โยชนาฯ โกหเญฺญน ปาปิจฺฉาปกตสฺส ‘‘ฌานาทีนํ ลาภิมฺหี’’ติ วทนฺตสฺส อชฺฌาสโย อุลฺลปนาธิปฺปาโย นาม, ตถา อหุตฺวา สพฺรหฺมจารีสุ อญฺญํ พฺยากโรนฺตสฺส เอวเมว อนาปตฺติภาโว วุโตฺต ภควตาติ อโตฺถฯ อาทิกสฺสาปิ เอวํ วุโตฺตติ โยชนาฯ ‘‘อนาปตฺติ อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๒๒๒) อาทิกมฺมิกสฺสาปิ อนาปตฺติภาโว วุโตฺต ภควตาติ อโตฺถฯ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเท วคฺคุมุทาตีริยา ภิกฺขู อาทิกมฺมิกาฯ อวุตฺตสมุจฺจยเตฺถน ตถา-สเทฺทน อิธ อวุตฺตอุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนฎฺฎา คหิตาฯ

    Panāti api-saddattho. ‘‘Eva’’nti iminā ‘‘anāpattinayo vutto’’ti paccāmasati. ‘‘Avattukāmassā’’ti idañca pāḷiyaṃ āgataṃ ‘‘anullapanādhippāyassā’’ti (pārā. 222, 225) idañca anatthantaraṃ. Avattukāmassāti evaṃ vuttoti yojanā. Kohaññena pāpicchāpakatassa ‘‘jhānādīnaṃ lābhimhī’’ti vadantassa ajjhāsayo ullapanādhippāyo nāma, tathā ahutvā sabrahmacārīsu aññaṃ byākarontassa evameva anāpattibhāvo vutto bhagavatāti attho. Ādikassāpi evaṃ vuttoti yojanā. ‘‘Anāpatti ādikammikassā’’ti (pārā. 222) ādikammikassāpi anāpattibhāvo vutto bhagavatāti attho. Imasmiṃ sikkhāpade vaggumudātīriyā bhikkhū ādikammikā. Avuttasamuccayatthena tathā-saddena idha avuttaummattakakhittacittavedanaṭṭā gahitā.

    ๓๑๑. ปาปิจฺฉตาติ ‘‘เอวํ มํ ชโน สมฺภาเวสฺสตี’’ติ ฌานลาภิตาทิเหตุกาย สมฺภาวนาย สมฺภาวนานิมิตฺตสฺส ปจฺจยปฎิลาภสฺส ปตฺถนาสงฺขาตาย ปาปิกาย ลามิกาย อิจฺฉาย สมนฺนาคตภาโว จฯ ตสฺสาติ ยํ ฌานาทิเภทภินฺนํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ สมุลฺลปิ, ตสฺส ธมฺมสฺสฯ อสนฺตภาโวติ อตฺตสนฺตาเน ปจฺจุปฺปนฺนชาติยํ อนุปฺปาทิตภาเวน อวิชฺชมานภาโวฯ มนุสฺสกสฺส อาโรจนเญฺจวาติ วุตฺตวจนสฺส อตฺถํ ตงฺขเณ ชานนกสฺส มนุสฺสชาติกสฺส ‘‘ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชิ’’นฺติอาทินา นเยน สวนูปจาเร ฐตฺวา อาโรจนญฺจฯ นญฺญาปเทเสน อาโรจนญฺจาติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘โย เต วิหาเร วสติ, โส ภิกฺขุ ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชี’’ติอาทินา (ปารา. ๒๒๐) นเยน ปวตฺตอญฺญาปเทสํ วินา อุชุกเมว อาโรจนญฺจฯ ตเทว ญาณนฺติ ตทา เอว ญาณํ, อจิรายิตฺวา วุตฺตกฺขเณเยว ชานนนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ จตุตฺถปาราชิกาปตฺติยํฯ ธีรา วินยธราฯ

    311.Pāpicchatāti ‘‘evaṃ maṃ jano sambhāvessatī’’ti jhānalābhitādihetukāya sambhāvanāya sambhāvanānimittassa paccayapaṭilābhassa patthanāsaṅkhātāya pāpikāya lāmikāya icchāya samannāgatabhāvo ca. Tassāti yaṃ jhānādibhedabhinnaṃ uttarimanussadhammaṃ samullapi, tassa dhammassa. Asantabhāvoti attasantāne paccuppannajātiyaṃ anuppāditabhāvena avijjamānabhāvo. Manussakassa ārocanañcevāti vuttavacanassa atthaṃ taṅkhaṇe jānanakassa manussajātikassa ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajji’’ntiādinā nayena savanūpacāre ṭhatvā ārocanañca. Naññāpadesena ārocanañcāti sambandho. ‘‘Yo te vihāre vasati, so bhikkhu paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjī’’tiādinā (pārā. 220) nayena pavattaaññāpadesaṃ vinā ujukameva ārocanañca. Tadeva ñāṇanti tadā eva ñāṇaṃ, acirāyitvā vuttakkhaṇeyeva jānananti attho. Etthāti imasmiṃ catutthapārājikāpattiyaṃ. Dhīrā vinayadharā.

    ๓๑๒. ปฐเม ทุติเย จเนฺตติ มนุสฺสวิคฺคหปาราชิกวชฺชิเต ยถาวุตฺตปาราชิกตฺตเยฯ ปริยาโย น วิชฺชตีติ ปาราชิกาปตฺติปถํ ปริยายวจนํ น ลภติฯ ‘‘น ปเนตเร’’ติ อิทํ เอตฺถาปิ โยเชตพฺพํ, อิตเร ปน ตติยปาราชิเก ปริยาโย น วิชฺชตีติ อโตฺถฯ ‘‘มรณวณฺณํ วา สํวเณฺณยฺยา’’ติ (ปารา. ๑๗๒) จ ‘‘อโมฺภ ปุริส กิํ ตุยฺหิมินา’’ติอาทินา (ปารา. ๑๗๑) จ ‘‘โย เอวํ มรติ, โส ธนํ วา ลภตี’’ติอาทินา (ปารา. ๑๗๕) จ ปริยาเยน วทนฺตสฺส ปาราชิกเมวาติ วุตฺตํ โหติฯ อาณตฺติ ปาราชิกเหตุอาณตฺติกปฺปโยโคฯ น ปเนตเรติ ปฐมจตุตฺถปาราชิกทฺวเย ปน ปาราชิกเหตุภูตา อาณตฺติ น ลภตีติ อโตฺถฯ

    312.Paṭhame dutiye canteti manussaviggahapārājikavajjite yathāvuttapārājikattaye. Pariyāyo na vijjatīti pārājikāpattipathaṃ pariyāyavacanaṃ na labhati. ‘‘Na panetare’’ti idaṃ etthāpi yojetabbaṃ, itare pana tatiyapārājike pariyāyo na vijjatīti attho. ‘‘Maraṇavaṇṇaṃ vā saṃvaṇṇeyyā’’ti (pārā. 172) ca ‘‘ambho purisa kiṃ tuyhiminā’’tiādinā (pārā. 171) ca ‘‘yo evaṃ marati, so dhanaṃ vā labhatī’’tiādinā (pārā. 175) ca pariyāyena vadantassa pārājikamevāti vuttaṃ hoti. Āṇatti pārājikahetuāṇattikappayogo. Na panetareti paṭhamacatutthapārājikadvaye pana pārājikahetubhūtā āṇatti na labhatīti attho.

    ๓๑๓. อาทีติ ปฐมปาราชิกํฯ เอกสมุฎฺฐานนฺติ เอกการณํฯ สมุฎฺฐาติ อาปตฺติ เอตสฺมาติ สมุฎฺฐานํ, การณํ กายาทิฯ ตํ ปน ฉพฺพิธํ กาโย, วาจา, กายวาจา, กายจิตฺตํ, วาจาจิตฺตํ, กายวาจาจิตฺตนฺติฯ เตสํ วินิจฺฉยํ อุตฺตเร (อุ. วิ. ๓๒๕ อาทโย) ยถาคตฎฺฐาเนเยว จ วณฺณยิสฺสามฯ ตตฺริทํ เอกสมุฎฺฐานํ เอกํ กายจิตฺตํ สมุฎฺฐานํ เอตสฺสาติ กตฺวาฯ เตนาห ‘‘ทุวงฺคํ กายจิตฺตโต’’ติฯ ‘‘ตํ สมุฎฺฐาน’’นฺติ อชฺฌาหาโรฯ เยน สมุฎฺฐาเนน ปฐมปาราชิกาปตฺติ อุปฺปชฺชติ, ตํสมุฎฺฐานสงฺขาตํ การณํฯ องฺคชาตสงฺขาตํ กายญฺจ เสวนจิตฺตญฺจาติ ทฺวยํ องฺคํ อวยวํ เอตสฺสาติ ทุวงฺคํ, ตทุภยสภาวนฺติ อโตฺถ ยถา ‘‘ทุวงฺคํ จตุตฺถชฺฌาน’’นฺติฯ เสสาติ อวสิฎฺฐานิ ตีณิ ปาราชิกานิฯ ติสมุฎฺฐานาติ กายจิตฺตํ, วาจาจิตฺตํ, กายวาจาจิตฺตนฺติ ติสมุฎฺฐานา ตีณิ สมุฎฺฐานานิ เอเตสนฺติ กตฺวาฯ เตสนฺติ เตสํ ติณฺณํ สมุฎฺฐานานํฯ องฺคานีติ อวยวานิฯ สตฺต กาโย, จิตฺตํ, วาจา, จิตฺตํ, กาโย, วาจา, จิตฺตนฺติ, ตํสภาวาติ วุตฺตํ โหติฯ

    313.Ādīti paṭhamapārājikaṃ. Ekasamuṭṭhānanti ekakāraṇaṃ. Samuṭṭhāti āpatti etasmāti samuṭṭhānaṃ, kāraṇaṃ kāyādi. Taṃ pana chabbidhaṃ kāyo, vācā, kāyavācā, kāyacittaṃ, vācācittaṃ, kāyavācācittanti. Tesaṃ vinicchayaṃ uttare (u. vi. 325 ādayo) yathāgataṭṭhāneyeva ca vaṇṇayissāma. Tatridaṃ ekasamuṭṭhānaṃ ekaṃ kāyacittaṃ samuṭṭhānaṃ etassāti katvā. Tenāha ‘‘duvaṅgaṃ kāyacittato’’ti. ‘‘Taṃ samuṭṭhāna’’nti ajjhāhāro. Yena samuṭṭhānena paṭhamapārājikāpatti uppajjati, taṃsamuṭṭhānasaṅkhātaṃ kāraṇaṃ. Aṅgajātasaṅkhātaṃ kāyañca sevanacittañcāti dvayaṃ aṅgaṃ avayavaṃ etassāti duvaṅgaṃ, tadubhayasabhāvanti attho yathā ‘‘duvaṅgaṃ catutthajjhāna’’nti. Sesāti avasiṭṭhāni tīṇi pārājikāni. Tisamuṭṭhānāti kāyacittaṃ, vācācittaṃ, kāyavācācittanti tisamuṭṭhānā tīṇi samuṭṭhānāni etesanti katvā. Tesanti tesaṃ tiṇṇaṃ samuṭṭhānānaṃ. Aṅgānīti avayavāni. Satta kāyo, cittaṃ, vācā, cittaṃ, kāyo, vācā, cittanti, taṃsabhāvāti vuttaṃ hoti.

    ๓๑๔. อาทีติ เมถุนธมฺมปฎิเสวนจิตฺตสมฺปยุตฺตเจตนาสภาวํ ปฐมปาราชิกํฯ สุโขเปกฺขายุตํ อุทีริตนฺติ โยชนาฯ อิฎฺฐาลมฺพณปฎิลาภาทิโสมนสฺสเหตุมฺหิ สติ สุขเวทนาสมฺปยุตฺตํ โหติ, ตสฺมิํ อสติ อุเปกฺขาเวทนาย สมฺปยุตฺตํ โหตีติ วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ

    314.Ādīti methunadhammapaṭisevanacittasampayuttacetanāsabhāvaṃ paṭhamapārājikaṃ. Sukhopekkhāyutaṃ udīritanti yojanā. Iṭṭhālambaṇapaṭilābhādisomanassahetumhi sati sukhavedanāsampayuttaṃ hoti, tasmiṃ asati upekkhāvedanāya sampayuttaṃ hotīti vuttanti attho.

    ตติยํ ทุกฺขเวทนนฺติ ตติยํ มนุสฺสวิคฺคหปาราชิกํ โทสจิตฺตสมฺปยุตฺตเจตนาสภาวตฺตา ทุกฺขเวทนาย สมฺปยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ

    Tatiyaṃ dukkhavedananti tatiyaṃ manussaviggahapārājikaṃ dosacittasampayuttacetanāsabhāvattā dukkhavedanāya sampayuttanti attho.

    ทุติยนฺติ อทินฺนาทานเจตนาลกฺขณํ ทุติยปาราชิกํฯ โลเภน ปรสนฺตกํ โจริกาย คณฺหนฺตสฺส โสมนสฺสสมฺปยุตฺตํ โหติ, โกเธน อภิภูตสฺส วิลุมฺปิตฺวา วา วิลุมฺปาเปตฺวา วา คณฺหโต โทมนสฺสสมฺปยุตฺตํ โหติ, โสมนสฺสํ, โทมนสฺสญฺจ วินา อคฺคเหตุกาโม วิย หุตฺวา อุทาสีนสฺส คณฺหโต อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตํ โหตีติ ‘‘ติเวทนมุทีริต’’นฺติ อาหฯ

    Dutiyanti adinnādānacetanālakkhaṇaṃ dutiyapārājikaṃ. Lobhena parasantakaṃ corikāya gaṇhantassa somanassasampayuttaṃ hoti, kodhena abhibhūtassa vilumpitvā vā vilumpāpetvā vā gaṇhato domanassasampayuttaṃ hoti, somanassaṃ, domanassañca vinā aggahetukāmo viya hutvā udāsīnassa gaṇhato upekkhāsampayuttaṃ hotīti ‘‘tivedanamudīrita’’nti āha.

    จตุตฺถญฺจาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสมุลฺลปนเจตนาลกฺขณํ จตุตฺถปาราชิกญฺจฯ สมฺภาวนิจฺฉาย ปจฺจยาสาย วา ตุฎฺฐตุฎฺฐเสฺสว ‘‘อหํ ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชามี’’ติอาทินา นเยน อตฺตโน อุตฺตริมนุสฺสธมฺมลาภิตํ วทนฺตสฺส โสมนสฺสสมฺปยุตฺตํ โหติ, อญฺญปุคฺคเลสุ ปฎิหตจิตฺตสฺส กลหปุเรกฺขารตาย วทโต โทมนสฺสสมฺปยุตฺตํ โหติ, ปจฺจยาลาเภน ชิฆจฺฉาทิทุกฺขํ สหิตุมสกฺกุเณยฺยตาย อุทาสีนสฺส วทโต อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตํ โหตีติ ‘‘ติเวทนมุทีริต’’นฺติ อาหฯ

    Catutthañcāti uttarimanussadhammasamullapanacetanālakkhaṇaṃ catutthapārājikañca. Sambhāvanicchāya paccayāsāya vā tuṭṭhatuṭṭhasseva ‘‘ahaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjāmī’’tiādinā nayena attano uttarimanussadhammalābhitaṃ vadantassa somanassasampayuttaṃ hoti, aññapuggalesu paṭihatacittassa kalahapurekkhāratāya vadato domanassasampayuttaṃ hoti, paccayālābhena jighacchādidukkhaṃ sahitumasakkuṇeyyatāya udāsīnassa vadato upekkhāsampayuttaṃ hotīti ‘‘tivedanamudīrita’’nti āha.

    ๓๑๕. อฎฺฐ จิตฺตานีติ โลภสหคตานิ อฎฺฐ จิตฺตานิ ลพฺภเรติ โยชนา, ลพฺภนฺตีติ อโตฺถ, เจตนาสภาเวน ปฐมปาราชิเกน สมฺปยุตฺตานีติ วุตฺตํ โหติฯ เอวมุปริปิฯ ทุเวติ ปฎิฆสมฺปยุตฺตานิ เทฺว จิตฺตานิฯ ทส จิตฺตานีติ โลภสหคตานิ อฎฺฐ, เทฺว ปฎิฆสมฺปยุตฺตานีติฯ ลพฺภเรติ สมฺปยุตฺตภาเวน ลพฺภนฺติฯ

    315.Aṭṭha cittānīti lobhasahagatāni aṭṭha cittāni labbhareti yojanā, labbhantīti attho, cetanāsabhāvena paṭhamapārājikena sampayuttānīti vuttaṃ hoti. Evamuparipi. Duveti paṭighasampayuttāni dve cittāni. Dasa cittānīti lobhasahagatāni aṭṭha, dve paṭighasampayuttānīti. Labbhareti sampayuttabhāvena labbhanti.

    ๓๑๖. ตสฺมาติ ยสฺมา ยถาวุตฺตจิเตฺตหิ สมฺปยุตฺตํ, เตน เหตุนาฯ กฺริยาติ กรเณน อาปชฺชิตพฺพตฺตา กิริยาฯ วีติกฺกมสญฺญาย อภาเวน มุจฺจนโต สญฺญาย วิโมโกฺข เอตสฺสาติ สญฺญาวิโมกฺขํฯ โลกวชฺชนฺติ โลเกน อกุสลภาวโต วชฺชนียนฺติ ทีปิตํ ปกาสิตํฯ

    316.Tasmāti yasmā yathāvuttacittehi sampayuttaṃ, tena hetunā. Kriyāti karaṇena āpajjitabbattā kiriyā. Vītikkamasaññāya abhāvena muccanato saññāya vimokkho etassāti saññāvimokkhaṃ. Lokavajjanti lokena akusalabhāvato vajjanīyanti dīpitaṃ pakāsitaṃ.

    ๓๑๗. อาปตฺติยํเยวาติ เอวกาเรน น สิกฺขาปเทติ ทเสฺสติฯ อิทํ วิธานนฺติ สมุฎฺฐานาทิกํ อิทํ ยถาวุตฺตํ วิธานํฯ วิภาวินาติ ปญฺญวตา วินยธเรนฯ

    317.Āpattiyaṃyevāti evakārena na sikkhāpadeti dasseti. Idaṃ vidhānanti samuṭṭhānādikaṃ idaṃ yathāvuttaṃ vidhānaṃ. Vibhāvināti paññavatā vinayadharena.

    ๓๑๘-๙. มุทุปิฎฺฐิ จาติ ลตา วิย นมิตฺวา กรณํ ทเสฺสตฺวา นจฺจิตุํ สมวาหิตฺวา มุทุกตปิฎฺฐิโก จฯ ลมฺพี จาติ ปลมฺพมาเนน ทีเฆน องฺคชาเตน ยุโตฺตฯ ลมฺพตีติ ลมฺพํ, องฺคชาตํ, ตํ ยสฺส อตฺถิ โส ลมฺพีฯ อิเม เทฺวปิ กามปริฬาหาตุรภาเว สติ อตฺตโน องฺคชาตํ อตฺตโน มุขํ, วจฺจมคฺคญฺจ ปเวเสตฺวา วีติกฺกมิตุมรหตฺตา ปาราชิกาปนฺนสทิสตฺตา ปริวชฺชิตาฯ มุขคฺคาหีติ มุเขน คหณํ มุขคฺคาโห, โส เอตสฺส อตฺถีติ มุขคฺคาหี, ปรสฺส องฺคชาตํ มุเขน คณฺหโนฺตติ อโตฺถฯ นิสีทโกติ ปรสฺส องฺคชาเต อตฺตโน วจฺจมเคฺคน นิสีทโนฺตฯ อิเม เทฺว สหวาสิกานํ สีลวินาสนโต อเญฺญหิ สํวสิตุํ อนรหาติ ปาราชิกาปนฺนสทิสตฺตา วิวชฺชิตาฯ เตสนฺติ อสํวาสตาสามเญฺญน จตฺตาโร ปาราชิกาปเนฺน สงฺคณฺหาติฯ ‘‘เตสญฺจ มเคฺคนมคฺคปฎิปตฺติสามเญฺญน ปฐมปาราชิกาปนฺนเสฺสว อนุโลมิกาติ คเหตพฺพา’’ อิเจฺจวํ นิสฺสเนฺทเห วุตฺตํฯ อิมินา จ อกตวีติกฺกมานมฺปิ มุทุปิฎฺฐิอาทีนํ จตุนฺนํ อนุโลมปาราชิกภาโว วุโตฺตติ วิญฺญายติฯ

    318-9.Mudupiṭṭhi cāti latā viya namitvā karaṇaṃ dassetvā naccituṃ samavāhitvā mudukatapiṭṭhiko ca. Lambī cāti palambamānena dīghena aṅgajātena yutto. Lambatīti lambaṃ, aṅgajātaṃ, taṃ yassa atthi so lambī. Ime dvepi kāmapariḷāhāturabhāve sati attano aṅgajātaṃ attano mukhaṃ, vaccamaggañca pavesetvā vītikkamitumarahattā pārājikāpannasadisattā parivajjitā. Mukhaggāhīti mukhena gahaṇaṃ mukhaggāho, so etassa atthīti mukhaggāhī, parassa aṅgajātaṃ mukhena gaṇhantoti attho. Nisīdakoti parassa aṅgajāte attano vaccamaggena nisīdanto. Ime dve sahavāsikānaṃ sīlavināsanato aññehi saṃvasituṃ anarahāti pārājikāpannasadisattā vivajjitā. Tesanti asaṃvāsatāsāmaññena cattāro pārājikāpanne saṅgaṇhāti. ‘‘Tesañca maggenamaggapaṭipattisāmaññena paṭhamapārājikāpannasseva anulomikāti gahetabbā’’ iccevaṃ nissandehe vuttaṃ. Iminā ca akatavītikkamānampi mudupiṭṭhiādīnaṃ catunnaṃ anulomapārājikabhāvo vuttoti viññāyati.

    สมนฺตปาสาทิกายํ ปน –

    Samantapāsādikāyaṃ pana –

    ‘‘อปรานิปิ ลมฺพี, มุทุปิฎฺฐิโก, ปรสฺส องฺคชาตํ มุเขน คณฺหาติ, ปรสฺส องฺคชาเต อภินิสีทตีติ อิเมสํ จตุนฺนํ วเสน จตฺตาริ อนุโลมปาราชิกานีติ วทนฺติฯ เอตานิ หิ ยสฺมา อุภินฺนํ ราควเสน สทิสภาวูปคตานํ ธโมฺม ‘เมถุนธโมฺม’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา เอเตน ปริยาเยน เมถุนํ ธมฺมํ อปฺปฎิเสวิตฺวาเยว เกวลํ มเคฺคน มคฺคปฺปเวสนวเสน อาปชฺชิตพฺพตฺตา เมถุนธมฺมปาราชิกสฺส อนุโลเมนฺตีติ ‘อนุโลมปาราชิกานี’ติ วุจฺจนฺตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๒๓๓) –

    ‘‘Aparānipi lambī, mudupiṭṭhiko, parassa aṅgajātaṃ mukhena gaṇhāti, parassa aṅgajāte abhinisīdatīti imesaṃ catunnaṃ vasena cattāri anulomapārājikānīti vadanti. Etāni hi yasmā ubhinnaṃ rāgavasena sadisabhāvūpagatānaṃ dhammo ‘methunadhammo’ti vuccati, tasmā etena pariyāyena methunaṃ dhammaṃ appaṭisevitvāyeva kevalaṃ maggena maggappavesanavasena āpajjitabbattā methunadhammapārājikassa anulomentīti ‘anulomapārājikānī’ti vuccantī’’ti (pārā. aṭṭha. 2.233) –

    วุตฺตตฺตา จ ตพฺพณฺณนาย จ สารตฺถทีปนิยํ

    Vuttattā ca tabbaṇṇanāya ca sāratthadīpaniyaṃ

    ‘‘ลมฺพํทีฆตาย ปลมฺพมานํ องฺคชาตเมตสฺสาติ ลมฺพีฯ โส เอตฺตาวตา น ปาราชิโก, อถ โข ยทา อนภิรติยา ปีฬิโต อตฺตโน องฺคชาตํ มุเข วา วจฺจมเคฺค วา ปเวเสติ, ตทา ปาราชิโก โหติฯ มุทุกา ปิฎฺฐิ เอตสฺสาติ มุทุปิฎฺฐิโก, กตปริกมฺมาย มุทุกาย ปิฎฺฐิยา สมนฺนาคโตฯ โสปิ ยทา อนภิรติยา ปีฬิโต อตฺตโน องฺคชาตํ อตฺตโน มุเข ปเวเสติ ตทา ปาราชิโก โหติฯ ปรสฺส องฺคชาตํ มุเขน คณฺหาตีติ โย อนภิรติยา ปีฬิโต ปรสฺส สุตฺตสฺส วา ปมตฺตสฺส วา องฺคชาตํ อตฺตโน มุเขน คณฺหาติฯ ปรสฺส องฺคชาเต อภินิสีทตีติ โย อนภิรติยา ปีฬิโต ปรสฺส องฺคชาตํ กมฺมนิยํ ทิสฺวา อตฺตโน วจฺจมเคฺคน ตสฺสูปริ อภินิสีทติ, ตํ อตฺตโน วจฺจมคฺคํ ปเวเสตีติ อโตฺถฯ ลมฺพีอาทโย จตฺตาโร กิญฺจาปิ ปฐมปาราชิเกน สงฺคหิตา, ยสฺมา ปน อุภินฺนํ ราคปริยุฎฺฐานสงฺขาเตน ปริยาเยน เมถุนํ ธมฺมํ อปฺปฎิเสวิโน โหนฺติ, ตสฺมา วิสุํ วุตฺตา’’ติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๒๓๓) –

    ‘‘Lambaṃdīghatāya palambamānaṃ aṅgajātametassāti lambī. So ettāvatā na pārājiko, atha kho yadā anabhiratiyā pīḷito attano aṅgajātaṃ mukhe vā vaccamagge vā paveseti, tadā pārājiko hoti. Mudukā piṭṭhi etassāti mudupiṭṭhiko, kataparikammāya mudukāya piṭṭhiyā samannāgato. Sopi yadā anabhiratiyā pīḷito attano aṅgajātaṃ attano mukhe paveseti tadā pārājiko hoti. Parassa aṅgajātaṃ mukhena gaṇhātīti yo anabhiratiyā pīḷito parassa suttassa vā pamattassa vā aṅgajātaṃ attano mukhena gaṇhāti. Parassa aṅgajāte abhinisīdatīti yo anabhiratiyā pīḷito parassa aṅgajātaṃ kammaniyaṃ disvā attano vaccamaggena tassūpari abhinisīdati, taṃ attano vaccamaggaṃ pavesetīti attho. Lambīādayo cattāro kiñcāpi paṭhamapārājikena saṅgahitā, yasmā pana ubhinnaṃ rāgapariyuṭṭhānasaṅkhātena pariyāyena methunaṃ dhammaṃ appaṭisevino honti, tasmā visuṃ vuttā’’ti (sārattha. ṭī. 2.233) –

    วุตฺตตฺตา จ กตวีติกฺกมาเยเวเต ‘‘ปาราชิกา’’ติ คเหตพฺพาฯ

    Vuttattā ca katavītikkamāyevete ‘‘pārājikā’’ti gahetabbā.

    ภิกฺขุนีนญฺจ จตฺตารีติ เอตฺถ ‘‘อสาธารณานี’’ติ ปาฐเสโส, ภิกฺขูหิ อสาธารณานิ ภิกฺขุนีนเมว นิยตานิ อุพฺภชาณุมณฺฑลิกา, วชฺชปฎิจฺฉาทิกา, อุกฺขิตฺตานุวตฺติกา, อฎฺฐวตฺถุกาติ จตฺตาริ ปาราชิกานิ จฯ วิพฺภนฺตา ภิกฺขุนี สยนฺติ เอตฺถ ‘‘เตสํ อนุโลมิกา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เตสํ จตุนฺนํ ปาราชิกานํ อนุโลมิกา สยํ วิพฺภนฺตา ภิกฺขุนี จาติ โยชนาฯ จิตฺตวสิกา หุตฺวา อตฺตนา นิวตฺถจีวรมฺปิ หิ มาตุคามานํ นิวาสนนีหาเรน สยเมว นิวาเสตฺวา คิหิเวสํ โรเจตฺวา คหิตมเตฺต สาสนโต จุตา ภิกฺขุนี จาติ วุตฺตํ โหติฯ เอวํกรเณน คิหิภาวาปนฺนตาสามเญฺญน สํวาสารหา น โหนฺตีติ อิเมสํ จตุนฺนํ ปาราชิกานํ อนุโลมิกา ชาตาฯ

    Bhikkhunīnañca cattārīti ettha ‘‘asādhāraṇānī’’ti pāṭhaseso, bhikkhūhi asādhāraṇāni bhikkhunīnameva niyatāni ubbhajāṇumaṇḍalikā, vajjapaṭicchādikā, ukkhittānuvattikā, aṭṭhavatthukāti cattāri pārājikāni ca. Vibbhantā bhikkhunī sayanti ettha ‘‘tesaṃ anulomikā’’ti ānetvā sambandhitabbaṃ. Tesaṃ catunnaṃ pārājikānaṃ anulomikā sayaṃ vibbhantā bhikkhunī cāti yojanā. Cittavasikā hutvā attanā nivatthacīvarampi hi mātugāmānaṃ nivāsananīhārena sayameva nivāsetvā gihivesaṃ rocetvā gahitamatte sāsanato cutā bhikkhunī cāti vuttaṃ hoti. Evaṃkaraṇena gihibhāvāpannatāsāmaññena saṃvāsārahā na hontīti imesaṃ catunnaṃ pārājikānaṃ anulomikā jātā.

    ตถาติ ยถา อิเม ทสฺสิตา เตน อสํวาสารหตาย, ภิกฺขุภาวาย อภพฺพตาย จ ปาราชิกาว, ตถา เอกาทส อภพฺพปุคฺคลาปิ โหนฺตีติ อโตฺถฯ เอกาทสาภพฺพาติ มาตุฆาตโก, ปิตุฆาตโก, อรหนฺตฆาตโก, สงฺฆเภทโก, โลหิตุปฺปาทโก, ปณฺฑโก, ติรจฺฉานคโต, อุภโตพฺยญฺชนโก, เถยฺยสํวาสโก, ภิกฺขุนิทูสโก, ติตฺถิยปกฺกนฺตโกติ เอกาทสฯ สเพฺพเต จตุวีสติ เอเต สเพฺพ จตุวีสติ ปุคฺคลา สโมธานโต เวทิตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ

    Tathāti yathā ime dassitā tena asaṃvāsārahatāya, bhikkhubhāvāya abhabbatāya ca pārājikāva, tathā ekādasa abhabbapuggalāpi hontīti attho. Ekādasābhabbāti mātughātako, pitughātako, arahantaghātako, saṅghabhedako, lohituppādako, paṇḍako, tiracchānagato, ubhatobyañjanako, theyyasaṃvāsako, bhikkhunidūsako, titthiyapakkantakoti ekādasa. Sabbete catuvīsati ete sabbe catuvīsati puggalā samodhānato veditabbāti adhippāyo.

    ๓๒๐. อิเม จตุวีสติ ปาราชิกา ปุคฺคลา สีสจฺฉิโนฺนว ชีวิตุํ อิธ ภิกฺขุภาวาย อภพฺพาติ วุตฺตาติ โยชนาฯ

    320. Ime catuvīsati pārājikā puggalā sīsacchinnova jīvituṃ idha bhikkhubhāvāya abhabbāti vuttāti yojanā.

    ๓๒๑. อิเมสํ เอกาทสนฺนํ อภพฺพตาย เหตุทสฺสนตฺถมาห ‘‘ปณฺฑโก จา’’ติอาทิฯ ปณฺฑโก จาติ อาสิตฺตปณฺฑโก, อุสูยปณฺฑโก, ปกฺขปณฺฑโก, โอปกฺกมิกปณฺฑโก, นปุํสกปณฺฑโกติ วุโตฺต ปญฺจวิโธ ปณฺฑโก จฯ ติรจฺฉาโนติ ติริยํ อญฺฉติ คจฺฉตีติ ‘‘ติรจฺฉาโน’’ติ คหิโต นาคสุปณฺณาทิโก สพฺพติรจฺฉานโยนิโก จฯ ยกฺขาทโย สเพฺพ อมนุสฺสาปิ อิธ ติรจฺฉาเนเยว สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพาฯ อุภโตพฺยญฺชโนปิ จาติ อิตฺถิปุริสพฺยญฺชนสาธเกหิ อุภโต กมฺมโต ชาตานิ ถนาทิกานิ พฺยญฺชนานิ ยสฺสาติ นิรุโตฺต อิตฺถิอุภโตพฺยญฺชโน , ปุริสอุภโตพฺยญฺชโนติ ทุวิโธ อุภโตพฺยญฺชโน จฯ วตฺถุวิปนฺนาติ ตพฺภาวภาวิตาย ภิกฺขุภาโว วสติ เอตฺถาติ วตฺถุ, ปุคฺคลานํ ภิกฺขุภาวารหตา, สา ปน ปพฺพชฺชากฺขนฺธกาคตสพฺพโทสวิรหิตคุณสมฺปยุตฺตตา, ตํ วิปนฺนํ ปณฺฑกภาวาทิโยเคน เยสํ เต ‘‘วตฺถุวิปนฺนา’’ติ คเหตพฺพาฯ หิ-สโทฺท เหตุมฺหิฯ ยสฺมา วตฺถุวิปนฺนา, ตสฺมา อิธ อตฺตภาเว ปพฺพชฺชาย อภพฺพาติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘อเหตุปฎิสนฺธิกา’’ติ วจเนน อิเมสํ วิปากาวรณยุตฺตภาวมาห, อิมินา เอเตสํ มคฺคาธิคมสฺส วาริตภาโว ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํฯ

    321. Imesaṃ ekādasannaṃ abhabbatāya hetudassanatthamāha ‘‘paṇḍako cā’’tiādi. Paṇḍako cāti āsittapaṇḍako, usūyapaṇḍako, pakkhapaṇḍako, opakkamikapaṇḍako, napuṃsakapaṇḍakoti vutto pañcavidho paṇḍako ca. Tiracchānoti tiriyaṃ añchati gacchatīti ‘‘tiracchāno’’ti gahito nāgasupaṇṇādiko sabbatiracchānayoniko ca. Yakkhādayo sabbe amanussāpi idha tiracchāneyeva saṅgahitāti veditabbā. Ubhatobyañjanopi cāti itthipurisabyañjanasādhakehi ubhato kammato jātāni thanādikāni byañjanāni yassāti nirutto itthiubhatobyañjano , purisaubhatobyañjanoti duvidho ubhatobyañjano ca. Vatthuvipannāti tabbhāvabhāvitāya bhikkhubhāvo vasati etthāti vatthu, puggalānaṃ bhikkhubhāvārahatā, sā pana pabbajjākkhandhakāgatasabbadosavirahitaguṇasampayuttatā, taṃ vipannaṃ paṇḍakabhāvādiyogena yesaṃ te ‘‘vatthuvipannā’’ti gahetabbā. Hi-saddo hetumhi. Yasmā vatthuvipannā, tasmā idha attabhāve pabbajjāya abhabbāti vuttaṃ hoti. ‘‘Ahetupaṭisandhikā’’ti vacanena imesaṃ vipākāvaraṇayuttabhāvamāha, iminā etesaṃ maggādhigamassa vāritabhāvo dassitoti veditabbaṃ.

    ๓๒๒. ปญฺจานนฺตริกาติ กมฺมาวรเณน ยุตฺตตาย สคฺคโมกฺขสมฺปตฺติโต ปริหายิตฺวา มรณานนฺตรํ อปายปฎิสนฺธิยํ นิยตา มาตุฆาตกาทโย ปญฺจานนฺตริกา จฯ เถยฺยสํวาโสปิ จาติ ลิงฺคเตฺถนโก, สํวาสเตฺถนโก, อุภยเตฺถนโกติ ติวิโธ เถยฺยสํวาสโก จฯ ทูสโกติ ปกตตฺตาย ภิกฺขุนิยา เมถุนํ ปฎิเสวิตฺวา ตสฺสา ทูสิตตฺตา ภิกฺขุนิํ ทูเสตีติ ‘‘ภิกฺขุนิทูสโก’’ติ วุโตฺต จฯ ติตฺถิปกฺกนฺตโก จาติ ติตฺถิยานํ ลทฺธิํ, เวสญฺจ โรเจตฺวา ตํ คเหตฺวา เตสมนฺตรํ ปวิโฎฺฐ จฯ อิติ อฎฺฐ ปน กิริยานฎฺฐาติ โยชนาฯ อิตีติ อิทมตฺถตฺตา อิเมติ วุตฺตํ โหติฯ เต อิเมติ สมฺพโนฺธฯ เต อิเม อฎฺฐ ปน มาตุวธาทิกิริยาย อิหตฺตภาเว ภิกฺขุภาวาย อนรหา หุตฺวา นฎฺฐาติ อโตฺถฯ เอตฺตาวตา เอกาทสอภพฺพานํ อภพฺพตาย การณํ ทสฺสิตํ โหติฯ

    322.Pañcānantarikāti kammāvaraṇena yuttatāya saggamokkhasampattito parihāyitvā maraṇānantaraṃ apāyapaṭisandhiyaṃ niyatā mātughātakādayo pañcānantarikā ca. Theyyasaṃvāsopi cāti liṅgatthenako, saṃvāsatthenako, ubhayatthenakoti tividho theyyasaṃvāsako ca. Dūsakoti pakatattāya bhikkhuniyā methunaṃ paṭisevitvā tassā dūsitattā bhikkhuniṃ dūsetīti ‘‘bhikkhunidūsako’’ti vutto ca. Titthipakkantako cāti titthiyānaṃ laddhiṃ, vesañca rocetvā taṃ gahetvā tesamantaraṃ paviṭṭho ca. Iti aṭṭha pana kiriyānaṭṭhāti yojanā. Itīti idamatthattā imeti vuttaṃ hoti. Te imeti sambandho. Te ime aṭṭha pana mātuvadhādikiriyāya ihattabhāve bhikkhubhāvāya anarahā hutvā naṭṭhāti attho. Ettāvatā ekādasaabhabbānaṃ abhabbatāya kāraṇaṃ dassitaṃ hoti.

    ๓๒๓. มยา ปาราชิกานํ สารภูโต โย อยํ วินิจฺฉโย วุโตฺต, ตสฺส วินิจฺฉยสฺส อนุสาเรน อนุคมเนน เสโสปิ วินิจฺฉโย พุเธน ปณฺฑิเตน อเสสโตว วิญฺญาตุํ สกฺกาติ โยชนาฯ

    323. Mayā pārājikānaṃ sārabhūto yo ayaṃ vinicchayo vutto, tassa vinicchayassa anusārena anugamanena sesopi vinicchayo budhena paṇḍitena asesatova viññātuṃ sakkāti yojanā.

    ๓๒๔. ปฎุภาวกเร ปรเม วิวิเธหิ นเยหิ ยุเตฺต วินยปิฎเก ปรมตฺถนยํ อภิปตฺถยตา อยํ สตตํ ปริยาปุณิตโพฺพติ โยชนาฯ ตตฺถ วิวิเธหิ นานปฺปกาเรหิฯ นเยหีติ นียนฺติ วุตฺตานุสาเรน อุทีริยนฺตีติ ‘‘นยา’’ติ วุเตฺตหิ จกฺกเปยฺยาลาทีหิ นเยหิฯ ปรมตฺถนยนฺติ ปรโม จ โส อโตฺถ จาติ ปรมโตฺถ, ปรโม วา วิเสเสน นิจฺฉิตโพฺพ อโตฺถ ปรมโตฺถ, โสเยว วินิจฺฉยตฺถิกานํ พุทฺธิยา เนตโพฺพติ ปรมตฺถนโย, วินิจฺฉยูปาโย นียติ เอเตนาติ กตฺวา ‘‘ปรมตฺถนโย’’ติ วุจฺจติ, ตํ ปรมตฺถนยํฯ อภิปตฺถยตาติ วินยปิฎเก วินิจฺฉยํ วา ตทุปายํ วา ปตฺถยตา, อิจฺฉเนฺตนาติ อโตฺถฯ ‘‘ปริยาปุณิตโพฺพ อย’’นฺติ ปทเจฺฉโทฯ ม-กาโร อาคมสนฺธิโช, โอ-การสฺส อ-การาเทโสฯ ปริยาปุณิตโพฺพติ ปฐิตโพฺพ, โสตโพฺพ จิเนฺตตโพฺพ ธาเรตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ อยนฺติ วินยวินิจฺฉโยฯ

    324. Paṭubhāvakare parame vividhehi nayehi yutte vinayapiṭake paramatthanayaṃ abhipatthayatā ayaṃ satataṃ pariyāpuṇitabboti yojanā. Tattha vividhehi nānappakārehi. Nayehīti nīyanti vuttānusārena udīriyantīti ‘‘nayā’’ti vuttehi cakkapeyyālādīhi nayehi. Paramatthanayanti paramo ca so attho cāti paramattho, paramo vā visesena nicchitabbo attho paramattho, soyeva vinicchayatthikānaṃ buddhiyā netabboti paramatthanayo, vinicchayūpāyo nīyati etenāti katvā ‘‘paramatthanayo’’ti vuccati, taṃ paramatthanayaṃ. Abhipatthayatāti vinayapiṭake vinicchayaṃ vā tadupāyaṃ vā patthayatā, icchantenāti attho. ‘‘Pariyāpuṇitabbo aya’’nti padacchedo. Ma-kāro āgamasandhijo, o-kārassa a-kārādeso. Pariyāpuṇitabboti paṭhitabbo, sotabbo cintetabbo dhāretabboti vuttaṃ hoti. Ayanti vinayavinicchayo.

    อิติ วินยตฺถสารสนฺทีปนิยา

    Iti vinayatthasārasandīpaniyā

    วินยวินิจฺฉยวณฺณนาย

    Vinayavinicchayavaṇṇanāya

    จตุตฺถปาราชิกกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catutthapārājikakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact