Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
(๑๘) ๓. สเญฺจตนิยวโคฺค
(18) 3. Sañcetaniyavaggo
๑. เจตนาสุตฺตํ
1. Cetanāsuttaṃ
๑๗๑. 1 ‘‘กาเย วา, ภิกฺขเว, สติ กายสเญฺจตนาเหตุ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํฯ วาจาย วา, ภิกฺขเว, สติ วจีสเญฺจตนาเหตุ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํฯ มเน วา, ภิกฺขเว, สติ มโนสเญฺจตนาเหตุ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ อวิชฺชาปจฺจยาวฯ
171.2 ‘‘Kāye vā, bhikkhave, sati kāyasañcetanāhetu uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ. Vācāya vā, bhikkhave, sati vacīsañcetanāhetu uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ. Mane vā, bhikkhave, sati manosañcetanāhetu uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ avijjāpaccayāva.
‘‘สามํ วา ตํ, ภิกฺขเว, กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํฯ ปเร วาสฺส 3 ตํ, ภิกฺขเว, กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรนฺติ, ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํฯ สมฺปชาโน วา ตํ, ภิกฺขเว, กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํฯ อสมฺปชาโน วา ตํ, ภิกฺขเว, กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํฯ
‘‘Sāmaṃ vā taṃ, bhikkhave, kāyasaṅkhāraṃ abhisaṅkharoti, yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ. Pare vāssa 4 taṃ, bhikkhave, kāyasaṅkhāraṃ abhisaṅkharonti, yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ. Sampajāno vā taṃ, bhikkhave, kāyasaṅkhāraṃ abhisaṅkharoti, yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ. Asampajāno vā taṃ, bhikkhave, kāyasaṅkhāraṃ abhisaṅkharoti, yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ.
‘‘สามํ วา ตํ, ภิกฺขเว, วจีสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ; ปเร วาสฺส ตํ, ภิกฺขเว , วจีสงฺขารํ อภิสงฺขโรนฺติ; ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ; สมฺปชาโน วา ตํ, ภิกฺขเว, วจีสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ; อสมฺปชาโน วา ตํ, ภิกฺขเว, วจีสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํฯ
‘‘Sāmaṃ vā taṃ, bhikkhave, vacīsaṅkhāraṃ abhisaṅkharoti, yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ; pare vāssa taṃ, bhikkhave , vacīsaṅkhāraṃ abhisaṅkharonti; yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ; sampajāno vā taṃ, bhikkhave, vacīsaṅkhāraṃ abhisaṅkharoti, yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ; asampajāno vā taṃ, bhikkhave, vacīsaṅkhāraṃ abhisaṅkharoti, yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ.
‘‘สามํ วา ตํ, ภิกฺขเว, มโนสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ; ปเร วาสฺส ตํ, ภิกฺขเว, มโนสงฺขารํ อภิสงฺขโรนฺติ, ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ; สมฺปชาโน วา ตํ, ภิกฺขเว, มโนสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ; อสมฺปชาโน วา ตํ, ภิกฺขเว, มโนสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํฯ
‘‘Sāmaṃ vā taṃ, bhikkhave, manosaṅkhāraṃ abhisaṅkharoti, yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ; pare vāssa taṃ, bhikkhave, manosaṅkhāraṃ abhisaṅkharonti, yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ; sampajāno vā taṃ, bhikkhave, manosaṅkhāraṃ abhisaṅkharoti, yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ; asampajāno vā taṃ, bhikkhave, manosaṅkhāraṃ abhisaṅkharoti, yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ.
‘‘อิเมสุ , ภิกฺขเว, ธเมฺมสุ อวิชฺชา อนุปติตา, อวิชฺชายเตฺวว อเสสวิราคนิโรธา โส กาโย น โหติ ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ, สา วาจา น โหติ ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ, โส มโน น โหติ ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ, เขตฺตํ ตํ 5 น โหติ…เป.… วตฺถุํ ตํ น โหติ…เป.… อายตนํ ตํ น โหติ…เป.… อธิกรณํ ตํ น โหติ ยํปจฺจยาสฺส ตํ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺข’’นฺติฯ
‘‘Imesu , bhikkhave, dhammesu avijjā anupatitā, avijjāyatveva asesavirāganirodhā so kāyo na hoti yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ, sā vācā na hoti yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ, so mano na hoti yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ, khettaṃ taṃ 6 na hoti…pe… vatthuṃ taṃ na hoti…pe… āyatanaṃ taṃ na hoti…pe… adhikaraṇaṃ taṃ na hoti yaṃpaccayāssa taṃ uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkha’’nti.
‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อตฺตภาวปฎิลาภาฯ กตเม จตฺตาโร? อตฺถิ, ภิกฺขเว, อตฺตภาวปฎิลาโภ, ยสฺมิํ อตฺตภาวปฎิลาเภ อตฺตสเญฺจตนา กมติ, โน ปรสเญฺจตนาฯ อตฺถิ, ภิกฺขเว, อตฺตภาวปฎิลาโภ, ยสฺมิํ อตฺตภาวปฎิลาเภ ปรสเญฺจตนา กมติ, โน อตฺตสเญฺจตนาฯ อตฺถิ, ภิกฺขเว, อตฺตภาวปฎิลาโภ, ยสฺมิํ อตฺตภาวปฎิลาเภ อตฺตสเญฺจตนา จ กมติ ปรสเญฺจตนา จฯ อตฺถิ, ภิกฺขเว, อตฺตภาวปฎิลาโภ, ยสฺมิํ อตฺตภาวปฎิลาเภ เนวตฺตสเญฺจตนา กมติ, โน ปรสเญฺจตนาฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อตฺตภาวปฎิลาภา’’ติฯ
‘‘Cattārome, bhikkhave, attabhāvapaṭilābhā. Katame cattāro? Atthi, bhikkhave, attabhāvapaṭilābho, yasmiṃ attabhāvapaṭilābhe attasañcetanā kamati, no parasañcetanā. Atthi, bhikkhave, attabhāvapaṭilābho, yasmiṃ attabhāvapaṭilābhe parasañcetanā kamati, no attasañcetanā. Atthi, bhikkhave, attabhāvapaṭilābho, yasmiṃ attabhāvapaṭilābhe attasañcetanā ca kamati parasañcetanā ca. Atthi, bhikkhave, attabhāvapaṭilābho, yasmiṃ attabhāvapaṭilābhe nevattasañcetanā kamati, no parasañcetanā. Ime kho, bhikkhave, cattāro attabhāvapaṭilābhā’’ti.
เอวํ วุเตฺต อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิมสฺส โข อหํ, ภเนฺต, ภควตา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ – ‘ตตฺร, ภเนฺต, ยายํ อตฺตภาวปฎิลาโภ ยสฺมิํ อตฺตภาวปฎิลาเภ อตฺตสเญฺจตนา กมติ โน ปรสเญฺจตนา, อตฺตสเญฺจตนาเหตุ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหา กายา จุติ โหติฯ ตตฺร, ภเนฺต, ยายํ อตฺตภาวปฎิลาโภ ยสฺมิํ อตฺตภาวปฎิลาเภ ปรสเญฺจตนา กมติ โน อตฺตสเญฺจตนา, ปรสเญฺจตนาเหตุ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหา กายา จุติ โหติฯ ตตฺร, ภเนฺต, ยายํ อตฺตภาวปฎิลาโภ ยสฺมิํ อตฺตภาวปฎิลาเภ อตฺตสเญฺจตนา จ กมติ ปรสเญฺจตนา จ, อตฺตสเญฺจตนา จ ปรสเญฺจตนา จ เหตุ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหา กายา จุติ โหติฯ ตตฺร, ภเนฺต, ยายํ อตฺตภาวปฎิลาโภ ยสฺมิํ อตฺตภาวปฎิลาเภ เนว อตฺตสเญฺจตนา กมติ โน ปรสเญฺจตนา, กตเม เตน เทวา ทฎฺฐพฺพา’’’ติ? ‘‘เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคา, สาริปุตฺต, เทวา เตน ทฎฺฐพฺพา’’ติฯ
Evaṃ vutte āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘imassa kho ahaṃ, bhante, bhagavatā saṃkhittena bhāsitassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmi – ‘tatra, bhante, yāyaṃ attabhāvapaṭilābho yasmiṃ attabhāvapaṭilābhe attasañcetanā kamati no parasañcetanā, attasañcetanāhetu tesaṃ sattānaṃ tamhā kāyā cuti hoti. Tatra, bhante, yāyaṃ attabhāvapaṭilābho yasmiṃ attabhāvapaṭilābhe parasañcetanā kamati no attasañcetanā, parasañcetanāhetu tesaṃ sattānaṃ tamhā kāyā cuti hoti. Tatra, bhante, yāyaṃ attabhāvapaṭilābho yasmiṃ attabhāvapaṭilābhe attasañcetanā ca kamati parasañcetanā ca, attasañcetanā ca parasañcetanā ca hetu tesaṃ sattānaṃ tamhā kāyā cuti hoti. Tatra, bhante, yāyaṃ attabhāvapaṭilābho yasmiṃ attabhāvapaṭilābhe neva attasañcetanā kamati no parasañcetanā, katame tena devā daṭṭhabbā’’’ti? ‘‘Nevasaññānāsaññāyatanūpagā, sāriputta, devā tena daṭṭhabbā’’ti.
‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, เหตุ โก ปจฺจโย, เยน มิเธกเจฺจ สตฺตา ตมฺหา กายา จุตา อาคามิโน โหนฺติ อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ? โก ปน, ภเนฺต, เหตุ โก ปจฺจโย, เยน มิเธกเจฺจ สตฺตา ตมฺหา กายา จุตา อนาคามิโน โหนฺติ อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺต’’นฺติ? ‘‘อิธ, สาริปุตฺต, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส โอรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ อปฺปหีนานิ โหนฺติ, โส ทิเฎฺฐว ธเมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ตทสฺสาเทติ, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺติํ อาปชฺชติ; ตตฺถ ฐิโต ตทธิมุโตฺต ตพฺพหุลวิหารี อปริหีโน กาลํ กุรุมาโน เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติฯ โส ตโต จุโต อาคามี โหติ อาคนฺตา อิตฺถตฺตํฯ
‘‘Ko nu kho, bhante, hetu ko paccayo, yena midhekacce sattā tamhā kāyā cutā āgāmino honti āgantāro itthattaṃ? Ko pana, bhante, hetu ko paccayo, yena midhekacce sattā tamhā kāyā cutā anāgāmino honti anāgantāro itthatta’’nti? ‘‘Idha, sāriputta, ekaccassa puggalassa orambhāgiyāni saṃyojanāni appahīnāni honti, so diṭṭheva dhamme nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja viharati. So tadassādeti, taṃ nikāmeti, tena ca vittiṃ āpajjati; tattha ṭhito tadadhimutto tabbahulavihārī aparihīno kālaṃ kurumāno nevasaññānāsaññāyatanūpagānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjati. So tato cuto āgāmī hoti āgantā itthattaṃ.
‘‘อิธ ปน, สาริปุตฺต, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส โอรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปหีนานิ โหนฺติ, โส ทิเฎฺฐว ธเมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ตทสฺสาเทติ, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺติํ อาปชฺชติ; ตตฺถ ฐิโต ตทธิมุโตฺต ตพฺพหุลวิหารี อปริหีโน กาลํ กุรุมาโน เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติฯ โส ตโต จุโต อนาคามี โหติ อนาคนฺตา อิตฺถตฺตํฯ
‘‘Idha pana, sāriputta, ekaccassa puggalassa orambhāgiyāni saṃyojanāni pahīnāni honti, so diṭṭheva dhamme nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja viharati. So tadassādeti, taṃ nikāmeti, tena ca vittiṃ āpajjati; tattha ṭhito tadadhimutto tabbahulavihārī aparihīno kālaṃ kurumāno nevasaññānāsaññāyatanūpagānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjati. So tato cuto anāgāmī hoti anāgantā itthattaṃ.
‘‘อยํ โข, สาริปุตฺต, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน มิเธกเจฺจ สตฺตา ตมฺหา กายา จุตา อาคามิโน โหนฺติ อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํฯ อยํ ปน, สาริปุตฺต, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน มิเธกเจฺจ สตฺตา ตมฺหา กายา จุตา อนาคามิโน โหนฺติ อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺต’’นฺติฯ ปฐมํฯ
‘‘Ayaṃ kho, sāriputta, hetu ayaṃ paccayo, yena midhekacce sattā tamhā kāyā cutā āgāmino honti āgantāro itthattaṃ. Ayaṃ pana, sāriputta, hetu ayaṃ paccayo, yena midhekacce sattā tamhā kāyā cutā anāgāmino honti anāgantāro itthatta’’nti. Paṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. เจตนาสุตฺตวณฺณนา • 1. Cetanāsuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. เจตนาสุตฺตวณฺณนา • 1. Cetanāsuttavaṇṇanā