Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
(๑๘) ๓. สเญฺจตนิยวโคฺค
(18) 3. Sañcetaniyavaggo
๑. เจตนาสุตฺตวณฺณนา
1. Cetanāsuttavaṇṇanā
๑๗๑. ตติยสฺส ปฐเม กายสเญฺจตนาเหตูติ กายกมฺมนิมิตฺตํ, กายิกสฺส กมฺมสฺส กฎตฺตา อุปจิตตฺตาติ อโตฺถฯ เอส นโย เสสสเญฺจตนาทฺวเยปิฯ อุทฺธจฺจสหคตเจตนา ปวตฺติวิปากํ เทติเยวาติ ‘‘วีสติวิธา’’ติ วุตฺตํฯ ตถา วจีสเญฺจตนา มโนสเญฺจตนาติ เอตฺถ กามาวจรกุสลากุสลวเสน วีสติ เจตนา ลพฺภนฺติฯ อิทํ ตถา-สเทฺทน อุปสํหรติฯ อปิเจตฺถ นว มหคฺคตเจตนาปิ ลพฺภนฺตีติ อิมินา นวหิ รูปารูปกุสลเจตนาหิ สทฺธิํ มโนทฺวาเร เอกูนติํสาติ ตีสุ ทฺวาเรสุ เอกูนสตฺตติ เจตนา โหนฺตีติ ทเสฺสติฯ อวิชฺชาปจฺจยาวาติ อิทํ ตาปิ เจตนา อวิชฺชาปจฺจยาว โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ยถาวุตฺตา หิ เอกูนสตฺตติ เจตนา กุสลาปิ อวิชฺชาปจฺจยา โหนฺติ, ปเคว อิตรา อปฺปหีนาวิชฺชเสฺสว อุปฺปชฺชนโต ปหีนาวิชฺชสฺส อนุปฺปชฺชนโตฯ
171. Tatiyassa paṭhame kāyasañcetanāhetūti kāyakammanimittaṃ, kāyikassa kammassa kaṭattā upacitattāti attho. Esa nayo sesasañcetanādvayepi. Uddhaccasahagatacetanā pavattivipākaṃ detiyevāti ‘‘vīsatividhā’’ti vuttaṃ. Tathā vacīsañcetanā manosañcetanāti ettha kāmāvacarakusalākusalavasena vīsati cetanā labbhanti. Idaṃ tathā-saddena upasaṃharati. Apicettha nava mahaggatacetanāpi labbhantīti iminā navahi rūpārūpakusalacetanāhi saddhiṃ manodvāre ekūnatiṃsāti tīsu dvāresu ekūnasattati cetanā hontīti dasseti. Avijjāpaccayāvāti idaṃ tāpi cetanā avijjāpaccayāva hontīti dassanatthaṃ vuttaṃ. Yathāvuttā hi ekūnasattati cetanā kusalāpi avijjāpaccayā honti, pageva itarā appahīnāvijjasseva uppajjanato pahīnāvijjassa anuppajjanato.
ยสฺมา ยํ ตํ ยถาวุตฺตํ เจตนาเภทํ กายสงฺขารเญฺจว วจีสงฺขารญฺจ มโนสงฺขารญฺจ ปเรหิ อนุสฺสาหิโต สามมฺปิ อสงฺขาริกจิเตฺตน กโรติ, ปเรหิ การิยมาโน สสงฺขาริกจิเตฺตนปิ กโรติ, ‘‘อิทํ นาม กมฺมํ กโรโนฺตปิ ตสฺส เอวรูโป นาม วิปาโก ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ กมฺมํ วิปากญฺจ ชานโนฺตปิ กโรติ, มาตาปิตูสุ เจติยวนฺทนาทีนิ กโรเนฺตสุ อนุกโรโนฺต ทารโก วิย เกวลํ กมฺมเญฺญว วิชฺชานโนฺต ‘‘อิมสฺส ปน กมฺมสฺส อยํ วิปาโก’’ติ วิปากํ อชานโนฺตปิ กโรติ , ตสฺมา ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สามํ วา ต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ปเรหิ อนาณโตฺตติ สรเสเนว วตฺตมาโนฯ ชานโนฺตติ อนุสฺสวาทิวเสน ชานโนฺตฯ
Yasmā yaṃ taṃ yathāvuttaṃ cetanābhedaṃ kāyasaṅkhārañceva vacīsaṅkhārañca manosaṅkhārañca parehi anussāhito sāmampi asaṅkhārikacittena karoti, parehi kāriyamāno sasaṅkhārikacittenapi karoti, ‘‘idaṃ nāma kammaṃ karontopi tassa evarūpo nāma vipāko bhavissatī’’ti evaṃ kammaṃ vipākañca jānantopi karoti, mātāpitūsu cetiyavandanādīni karontesu anukaronto dārako viya kevalaṃ kammaññeva vijjānanto ‘‘imassa pana kammassa ayaṃ vipāko’’ti vipākaṃ ajānantopi karoti , tasmā taṃ dassetuṃ ‘‘sāmaṃ vā ta’’ntiādi vuttaṃ. Parehi anāṇattoti saraseneva vattamāno. Jānantoti anussavādivasena jānanto.
นนุ จ ขีณาสโว เจติยํ วนฺทติ, ธมฺมํ ภณติ, กมฺมฎฺฐานํ มนสิ กโรติ, กถมสฺส กายกมฺมาทโย น โหนฺตีติ? อวิปากตฺตาฯ ขีณาสเวน หิ กตกมฺมํ เนว กุสลํ โหติ นากุสลํ, อวิปากํ หุตฺวา กิริยามเตฺต ติฎฺฐติฯ เตนสฺส เต กายาทโย น โหนฺติฯ เตเนวาห ‘‘ขีณาสวสฺส กาเยน กรณกมฺมํ ปญฺญายตี’’ติอาทิฯ ตนฺติ กุสลากุสลํฯ
Nanu ca khīṇāsavo cetiyaṃ vandati, dhammaṃ bhaṇati, kammaṭṭhānaṃ manasi karoti, kathamassa kāyakammādayo na hontīti? Avipākattā. Khīṇāsavena hi katakammaṃ neva kusalaṃ hoti nākusalaṃ, avipākaṃ hutvā kiriyāmatte tiṭṭhati. Tenassa te kāyādayo na honti. Tenevāha ‘‘khīṇāsavassa kāyena karaṇakammaṃ paññāyatī’’tiādi. Tanti kusalākusalaṃ.
ขิฑฺฑาย ปทุสฺสนฺตีติ ขิฑฺฑาปโทสิโน, ขิฑฺฑาปโทสิโน เอว ขิฑฺฑาปโทสิกาฯ ขิฑฺฑาปโทโส วา เอเตสํ อตฺถีติ ขิฑฺฑาปโทสิกาฯ เต กิร ปุญฺญวิเสสาธิคเตน มหเนฺตน อตฺตโน สิริวิภเวน นกฺขตฺตํ กีฬนฺตา ตาย สมฺปตฺติยา มหนฺตตาย ‘‘อาหารํ ปริภุญฺชิมฺหา น ปริภุญฺชิมฺหา’’ติปิ น ชานนฺติฯ อถ เอกาหาราติกฺกมโต ปฎฺฐาย นิรนฺตรํ ขาทนฺตาปิ ปิวนฺตาปิ จวนฺติเยว น ติฎฺฐนฺติฯ กสฺมา? กมฺมชเตชสฺส พลวตาย กรชกายสฺส มนฺทตายฯ มนุสฺสานญฺหิ กมฺมชเตโช มโนฺท, กรชกาโย พลวาฯ เตสํ เตชสฺส มนฺทตาย กายสฺส พลวตาย สตฺตาหมฺปิ อติกฺกมิตฺวา อุโณฺหทกอจฺฉยาคุอาทีหิ สกฺกา กรชกายํ อุปตฺถเมฺภตุํฯ เทวานํ ปน เตโช พลวา โหติ อุฬารปุญฺญนิพฺพตฺตตฺตา อุฬารครุสินิทฺธสุธาหารชีรณโต จฯ กรชํ มนฺทํ มุทุสุขุมาลภาวโตฯ เต เอกํ อาหารเวลํ อกฺกมิตฺวาว สณฺฐาเปตุํ น สโกฺกนฺติฯ ยถา นาม คิมฺหานํ มชฺฌนฺหิเก ตตฺตปาสาเณ ฐปิตํ ปทุมํ วา อุปฺปลํ วา สายนฺหสมเย ฆฎสเตนปิ สิญฺจิยมานํ ปากติกํ น โหติ วินสฺสติเยว, เอวเมว ปจฺฉา นิรนฺตรํ ขาทนฺตาปิ ปิวนฺตาปิ จวนฺติเยว น ติฎฺฐนฺติฯ กตเม ปน เต เทวาติ? ‘‘อิเม นามา’’ติ อฎฺฐกถาย วิจารณา นตฺถิ, ‘‘อาหารูปเจฺฉเทน อาตเป ขิตฺตมาลา วิยา’’ติ วุตฺตตฺตา เย เกจิ กพฬีการาหารูปชีวิโน เทวา เอวํ กโรนฺติ, เต เอวํ จวนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ อภยคิริวาสิโน ปนาหุ ‘‘นิมฺมานรติปรนิมฺมิตวสวตฺติโน เต เทวา, ขิฑฺฑาย ปทุสฺสนมเตฺตเนว เหเต ขิฑฺฑาปโทสิกาติ วุตฺตา’’ติฯ โก ปเนตฺถ เทวานํ อาหาโร, กา อาหารเวลาติ? ‘‘สเพฺพสมฺปิ กามาวจรเทวานํ สุธา อาหาโร, สา เหฎฺฐิเมหิ เหฎฺฐิเมหิ อุปริมานํ อุปริมานํ ปณีตตมา โหติฯ ตํ ยถาสกํ ทิวสวเสเนว ทิวเส ทิวเส ภุญฺชนฺติฯ เกจิ ปน พทรปฺปมาณํ สุธาหารํ ปริภุญฺชนฺติฯ โส ชิวฺหายํ ฐปิตมโตฺตเยว ยาว เกสคฺคนขคฺคา กายํ ผรติ, เตสํเยว ทิวสวเสน สตฺตทิวสํ ยาปนสมโตฺถว โหตี’’ติ วทนฺติฯ
Khiḍḍāya padussantīti khiḍḍāpadosino, khiḍḍāpadosino eva khiḍḍāpadosikā. Khiḍḍāpadoso vā etesaṃ atthīti khiḍḍāpadosikā. Te kira puññavisesādhigatena mahantena attano sirivibhavena nakkhattaṃ kīḷantā tāya sampattiyā mahantatāya ‘‘āhāraṃ paribhuñjimhā na paribhuñjimhā’’tipi na jānanti. Atha ekāhārātikkamato paṭṭhāya nirantaraṃ khādantāpi pivantāpi cavantiyeva na tiṭṭhanti. Kasmā? Kammajatejassa balavatāya karajakāyassa mandatāya. Manussānañhi kammajatejo mando, karajakāyo balavā. Tesaṃ tejassa mandatāya kāyassa balavatāya sattāhampi atikkamitvā uṇhodakaacchayāguādīhi sakkā karajakāyaṃ upatthambhetuṃ. Devānaṃ pana tejo balavā hoti uḷārapuññanibbattattā uḷāragarusiniddhasudhāhārajīraṇato ca. Karajaṃ mandaṃ mudusukhumālabhāvato. Te ekaṃ āhāravelaṃ akkamitvāva saṇṭhāpetuṃ na sakkonti. Yathā nāma gimhānaṃ majjhanhike tattapāsāṇe ṭhapitaṃ padumaṃ vā uppalaṃ vā sāyanhasamaye ghaṭasatenapi siñciyamānaṃ pākatikaṃ na hoti vinassatiyeva, evameva pacchā nirantaraṃ khādantāpi pivantāpi cavantiyeva na tiṭṭhanti. Katame pana te devāti? ‘‘Ime nāmā’’ti aṭṭhakathāya vicāraṇā natthi, ‘‘āhārūpacchedena ātape khittamālā viyā’’ti vuttattā ye keci kabaḷīkārāhārūpajīvino devā evaṃ karonti, te evaṃ cavantīti veditabbā. Abhayagirivāsino panāhu ‘‘nimmānaratiparanimmitavasavattino te devā, khiḍḍāya padussanamatteneva hete khiḍḍāpadosikāti vuttā’’ti. Ko panettha devānaṃ āhāro, kā āhāravelāti? ‘‘Sabbesampi kāmāvacaradevānaṃ sudhā āhāro, sā heṭṭhimehi heṭṭhimehi uparimānaṃ uparimānaṃ paṇītatamā hoti. Taṃ yathāsakaṃ divasavaseneva divase divase bhuñjanti. Keci pana badarappamāṇaṃ sudhāhāraṃ paribhuñjanti. So jivhāyaṃ ṭhapitamattoyeva yāva kesagganakhaggā kāyaṃ pharati, tesaṃyeva divasavasena sattadivasaṃ yāpanasamatthova hotī’’ti vadanti.
อิสฺสาปกตตฺตา ปทุเฎฺฐน มนสา ปทุสฺสนฺตีติ มโนปโทสิกาฯ อุสูยวเสน วา มนโส ปโทโส มโนปโทโส, โส เอเตสํ อตฺถิ วินาสเหตุภูโตติ มโนปโทสิกาฯ อกฺกุโทฺธ รกฺขตีติ กุทฺธสฺส โส โกโธ อิตรสฺมิํ อกฺกุชฺฌเนฺต อนุปาทาโน เอกวารเมว อุปฺปตฺติยา อนาเสวโน จาเวตุํ น สโกฺกติ, อุทกนฺตํ ปตฺวา อคฺคิ วิย นิพฺพายติ, ตสฺมา อกฺกุโทฺธ ตํ จวนโต รกฺขติฯ อุโภสุ ปน กุเทฺธสุ ภิโยฺย ภิโยฺย อญฺญมญฺญมฺหิ ปริวฑฺฒนวเสน ติขิณสมุทาจาโร นิสฺสยทหนรโส โกโธ อุปฺปชฺชมาโน หทยวตฺถุํ นิทหโนฺต อจฺจนฺตสุขุมาลํ กรชกายํ วินาเสติ, ตโต สกโลปิ อตฺตภาโว อนฺตรธายติฯ เตนาห ‘‘อุโภสุ ปนา’’ติอาทิฯ ตถา จาห ภควา ‘‘อญฺญมญฺญมฺหิ ปทุฎฺฐจิตฺตา กิลนฺตกาย…เป.… จวนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๗)ฯ
Issāpakatattā paduṭṭhena manasā padussantīti manopadosikā. Usūyavasena vā manaso padoso manopadoso, so etesaṃ atthi vināsahetubhūtoti manopadosikā. Akkuddho rakkhatīti kuddhassa so kodho itarasmiṃ akkujjhante anupādāno ekavārameva uppattiyā anāsevano cāvetuṃ na sakkoti, udakantaṃ patvā aggi viya nibbāyati, tasmā akkuddho taṃ cavanato rakkhati. Ubhosu pana kuddhesu bhiyyo bhiyyo aññamaññamhi parivaḍḍhanavasena tikhiṇasamudācāro nissayadahanaraso kodho uppajjamāno hadayavatthuṃ nidahanto accantasukhumālaṃ karajakāyaṃ vināseti, tato sakalopi attabhāvo antaradhāyati. Tenāha ‘‘ubhosu panā’’tiādi. Tathā cāha bhagavā ‘‘aññamaññamhi paduṭṭhacittā kilantakāya…pe… cavantī’’ti (dī. ni. 1.47).
กตเม เตน เทวา ทฎฺฐพฺพาติ เอตฺถ เตนาติ ปจฺจเตฺต กรณวจนนฺติ อาห ‘‘กตเม นาม เต เทวา ทฎฺฐพฺพา’’ติฯ กรณเตฺถเยว วา เอตํ กรณวจนนฺติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เตน วา อตฺตภาเวนา’’ติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ
Katame tena devā daṭṭhabbāti ettha tenāti paccatte karaṇavacananti āha ‘‘katame nāma te devā daṭṭhabbā’’ti. Karaṇattheyeva vā etaṃ karaṇavacananti dassento āha ‘‘tena vā attabhāvenā’’ti. Sesamettha uttānameva.
เจตนาสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cetanāsuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. เจตนาสุตฺตํ • 1. Cetanāsuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. เจตนาสุตฺตวณฺณนา • 1. Cetanāsuttavaṇṇanā