Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๑๐. เจติยสุตฺตวณฺณนา

    10. Cetiyasuttavaṇṇanā

    ๘๒๒. อุเทนยกฺขสฺส เจติยฎฺฐาเนติ อุเทนสฺส นาม ยกฺขสฺส เทวายตนสเงฺขเปน อิฎฺฐกาหิ กเต มหาชนสฺส จิตฺตีกตฎฺฐาเนฯ กตวิหาโรติ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ตตฺถ กตวิหาโรฯ วุจฺจตีติ ปุริมโวหาเรน ‘‘อุเทนเจติย’’นฺติ วุจฺจติฯ โคตมกาทีสุปีติ โคตมกเจติยนฺติ เอวมาทีสุปิฯ เอเสว นโยติ เจติยฎฺฐาเน กตวิหารภาวํ อติทิสติฯ วฑฺฒิตาติ ภาวนาปาริปูริวเสน ปริพฺรูหิตาฯ ปุนปฺปุนํ กตาติ ภาวนาย พหุลีกรณวเสน อปราปรํ ปวตฺติตา อานีตาฯ ยุตฺตยานํ วิย กตาติ ยถา ยุตฺตมาชญฺญยานํ เฉเกน สารถินา อธิฎฺฐิตํ ยถารุจิ ปวตฺติมรหติ, เอวํ ยถารุจิ ปวตฺตนารหตํ คมิตาฯ ปติฎฺฐานเฎฺฐนาติ อธิฎฺฐานเฎฺฐนฯ วตฺถุ วิย กตาติ สพฺพโส อุปกฺกิเลสวิโสธเนน อิทฺธิวิเสสานํ ปวตฺติฎฺฐานภาวโต สุวิโสธิตปริสฺสยวตฺถุ วิย กตาฯ อธิฎฺฐิตาติ ปฎิปกฺขทูรีภาวโต สุภาวิตภาเวน ตํตํอธิฎฺฐานโยคฺยตาย ฐปิตาฯ สมนฺตโต จิตาติ สพฺพภาเคน ภาวนุปจยํ คมิตาฯ เตนาห ‘‘สุวฑฺฒิตา’’ติฯ สุฎฺฐุ สมารทฺธาติ อิทฺธิภาวนาย สิขปฺปตฺติยา สมฺมเทว สํเสวิตาฯ

    822.Udenayakkhassacetiyaṭṭhāneti udenassa nāma yakkhassa devāyatanasaṅkhepena iṭṭhakāhi kate mahājanassa cittīkataṭṭhāne. Katavihāroti bhagavantaṃ uddissa tattha katavihāro. Vuccatīti purimavohārena ‘‘udenacetiya’’nti vuccati. Gotamakādīsupīti gotamakacetiyanti evamādīsupi. Eseva nayoti cetiyaṭṭhāne katavihārabhāvaṃ atidisati. Vaḍḍhitāti bhāvanāpāripūrivasena paribrūhitā. Punappunaṃ katāti bhāvanāya bahulīkaraṇavasena aparāparaṃ pavattitā ānītā. Yuttayānaṃ viya katāti yathā yuttamājaññayānaṃ chekena sārathinā adhiṭṭhitaṃ yathāruci pavattimarahati, evaṃ yathāruci pavattanārahataṃ gamitā. Patiṭṭhānaṭṭhenāti adhiṭṭhānaṭṭhena. Vatthu viya katāti sabbaso upakkilesavisodhanena iddhivisesānaṃ pavattiṭṭhānabhāvato suvisodhitaparissayavatthu viya katā. Adhiṭṭhitāti paṭipakkhadūrībhāvato subhāvitabhāvena taṃtaṃadhiṭṭhānayogyatāya ṭhapitā. Samantato citāti sabbabhāgena bhāvanupacayaṃ gamitā. Tenāha ‘‘suvaḍḍhitā’’ti. Suṭṭhu samāraddhāti iddhibhāvanāya sikhappattiyā sammadeva saṃsevitā.

    อนิยเมนาติ ‘‘ยสฺส กสฺสจี’’ติ อนิยตวจเนนฯ นิยเมตฺวาติ ‘‘ตถาคตสฺสา’’ติ สรูปคฺคหเณน นิยเมตฺวาฯ อายุปฺปมาณนฺติ ปรมายุปฺปมาณํ วทติฯ ตเสฺสว คหเณ การณํ พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ มหาสีวเตฺถโร ปน มหาโพธิสตฺตานํ จริมภเว ปฎิสนฺธิทายิโน กมฺมสฺส อสเงฺขยฺยายุกตาสํวตฺตนสมตฺถตํ หทเย ฐเปตฺวา พุทฺธานํ อายุสงฺขารสฺส ปริสฺสยวิกฺขมฺภนสมตฺถตา ปาฬิยํ อาคตา เอวาติ อิมํ ภทฺทกปฺปเมว ติเฎฺฐยฺยาติ อโวจฯ

    Aniyamenāti ‘‘yassa kassacī’’ti aniyatavacanena. Niyametvāti ‘‘tathāgatassā’’ti sarūpaggahaṇena niyametvā. Āyuppamāṇanti paramāyuppamāṇaṃ vadati. Tasseva gahaṇe kāraṇaṃ brahmajālavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Mahāsīvatthero pana mahābodhisattānaṃ carimabhave paṭisandhidāyino kammassa asaṅkheyyāyukatāsaṃvattanasamatthataṃ hadaye ṭhapetvā buddhānaṃ āyusaṅkhārassa parissayavikkhambhanasamatthatā pāḷiyaṃ āgatā evāti imaṃ bhaddakappameva tiṭṭheyyāti avoca.

    ขณฺฑิจฺจาทีหิ อภิสุยฺยตีติ เอเตน ยถา อิทฺธิพเลน ชราย น ปฎิฆาโต, เอวํ เตน มรณสฺสปิ น ปฎิฆาโตติ อตฺถโต อาปนฺนเมวาติฯ ‘‘กฺว สโร ขิโตฺต, กฺวจนิ ปติโต’’ติ อญฺญถา วุฎฺฐิเตนปิ เถรวาเทน อฎฺฐกถาวจนเมว สมตฺถิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห ‘‘โส ปน น รุจฺจติ…เป.… นิยมิต’’นฺติฯ

    Khaṇḍiccādīhi abhisuyyatīti etena yathā iddhibalena jarāya na paṭighāto, evaṃ tena maraṇassapi na paṭighātoti atthato āpannamevāti. ‘‘Kva saro khitto, kvacani patito’’ti aññathā vuṭṭhitenapi theravādena aṭṭhakathāvacanameva samatthitanti daṭṭhabbaṃ. Tenāha ‘‘so pana na ruccati…pe… niyamita’’nti.

    ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตติ ยถา กิญฺจิ อตฺถานตฺถํ สลฺลเกฺขตุํ น สกฺกา, เอวํ อภิภูตจิโตฺตฯ โส ปน อภิภโว มหตา อุทโกเฆน อปฺปกสฺส อุทกสฺส อโชฺฌตฺถรณํ วิย อโหสีติ วุตฺตํ ‘‘อโชฺฌตฺถฎจิโตฺต’’ติฯ อโญฺญติ เถรโต, อริเยหิ วา อโญฺญ โย โกจิ ปโร ปุถุชฺชโนฯ ปุถุชฺชนคฺคหณเญฺจตฺถ ยถา สเพฺพน สพฺพํ อปฺปหีนวิปลฺลาโส มาเรน ปริยุฎฺฐิตจิโตฺต กิญฺจิ อตฺถานตฺถํ สลฺลเกฺขตุํ น สโกฺกติ, เอวํ เถโร ภควตา กตํ นิมิโตฺตภาสํ สพฺพโส น สลฺลเกฺขสีติ ทสฺสนตฺถํฯ เตนาห ‘‘มาโร หี’’ติอาทิฯ จตฺตาโร วิปลฺลาสาติ อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ สญฺญาวิปลฺลาโส, จิตฺตวิปลฺลาโส, ทุเกฺข ‘‘สุข’’นฺติ สญฺญาวิปลฺลาโส, จิตฺตวิปลฺลาโสติ อิเม จตฺตาโร วิปลฺลาสาฯ เตนาติ ยทิปิ อิตเร อฎฺฐ วิปลฺลาสา ปหีนา, ยถาวุตฺตานํ จตุนฺนํ วิปลฺลาสานํ อปฺปหีนภาเวนฯ อสฺสาติ เถรสฺสฯ

    Pariyuṭṭhitacittoti yathā kiñci atthānatthaṃ sallakkhetuṃ na sakkā, evaṃ abhibhūtacitto. So pana abhibhavo mahatā udakoghena appakassa udakassa ajjhottharaṇaṃ viya ahosīti vuttaṃ ‘‘ajjhotthaṭacitto’’ti. Aññoti therato, ariyehi vā añño yo koci paro puthujjano. Puthujjanaggahaṇañcettha yathā sabbena sabbaṃ appahīnavipallāso mārena pariyuṭṭhitacitto kiñci atthānatthaṃ sallakkhetuṃ na sakkoti, evaṃ thero bhagavatā kataṃ nimittobhāsaṃ sabbaso na sallakkhesīti dassanatthaṃ. Tenāha ‘‘māro hī’’tiādi. Cattāro vipallāsāti asubhe ‘‘subha’’nti saññāvipallāso, cittavipallāso, dukkhe ‘‘sukha’’nti saññāvipallāso, cittavipallāsoti ime cattāro vipallāsā. Tenāti yadipi itare aṭṭha vipallāsā pahīnā, yathāvuttānaṃ catunnaṃ vipallāsānaṃ appahīnabhāvena. Assāti therassa.

    มทฺทตีติ ผุสนมเตฺตน มทฺทโนฺต วิย โหติ, อญฺญถา เตน มทฺทิเต สตฺตานํ มรณเมว สิยา, กิํ สกฺขิสฺสติ น สกฺขิสฺสตีติ อธิปฺปาโยฯ กสฺมา น สกฺขิสฺสติ? นนุ เอส อคฺคสาวกสฺส มหิทฺธิกสฺส มหานุภาวสฺส กุจฺฉิํ ปวิโฎฺฐติ? สจฺจํ ปวิโฎฺฐ, ตญฺจ โข อตฺตโน มหานุภาวสฺส ทสฺสนตฺถํ, น วิพาธนาธิปฺปาเยนฯ วิพาธนาธิปฺปาเยน ปน อิธ ‘‘กิํ สกฺขิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ หทยมทฺทนสฺส อธิกตตฺตาฯ นิมิโตฺตภาสนฺติ เอตฺถ ‘‘ติฎฺฐตุ ภควา กปฺป’’นฺติ สกลกปฺปํ อวฎฺฐานยาจนาย ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา’’ติอาทินา อญฺญาปเทเสน อตฺตโน จตุริทฺธิปาทภาวนานุภาเวน กปฺปํ อวฎฺฐานสมตฺถตาวเสน สญฺญุปฺปาทนํ นิมิตฺตํฯ ตถา ปน ปริยายคฺคหณํ มุญฺจิตฺวา อุชุกํเยว อตฺตโน อธิปฺปายวิภาวนํ โอภาโสฯ ชานโนฺตเยวาติ มาเรน ปริยุฎฺฐิตภาวํ ชานโนฺต เอวฯ อตฺตโน อปราธเหตุโก สตฺตานํ โสโก ตนุโก โหติ, น พลวาติ อาห – ‘‘โทสาโรปเนน โสกตนุกรณตฺถ’’นฺติฯ กิํ ปน เถโร มาเรน ปริยุฎฺฐิตจิตฺตกาเล ปวตฺติํ ปจฺฉา ชานาตีติ? น ชานาติ สภาเวน, พุทฺธานุภาเวน ปน ชานาติฯ

    Maddatīti phusanamattena maddanto viya hoti, aññathā tena maddite sattānaṃ maraṇameva siyā, kiṃ sakkhissati na sakkhissatīti adhippāyo. Kasmā na sakkhissati? Nanu esa aggasāvakassa mahiddhikassa mahānubhāvassa kucchiṃ paviṭṭhoti? Saccaṃ paviṭṭho, tañca kho attano mahānubhāvassa dassanatthaṃ, na vibādhanādhippāyena. Vibādhanādhippāyena pana idha ‘‘kiṃ sakkhissatī’’ti vuttaṃ hadayamaddanassa adhikatattā. Nimittobhāsanti ettha ‘‘tiṭṭhatu bhagavā kappa’’nti sakalakappaṃ avaṭṭhānayācanāya ‘‘yassa kassaci, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā’’tiādinā aññāpadesena attano caturiddhipādabhāvanānubhāvena kappaṃ avaṭṭhānasamatthatāvasena saññuppādanaṃ nimittaṃ. Tathā pana pariyāyaggahaṇaṃ muñcitvā ujukaṃyeva attano adhippāyavibhāvanaṃ obhāso. Jānantoyevāti mārena pariyuṭṭhitabhāvaṃ jānanto eva. Attano aparādhahetuko sattānaṃ soko tanuko hoti, na balavāti āha – ‘‘dosāropanena sokatanukaraṇattha’’nti. Kiṃ pana thero mārena pariyuṭṭhitacittakāle pavattiṃ pacchā jānātīti? Na jānāti sabhāvena, buddhānubhāvena pana jānāti.

    อนเตฺถ นิโยเชโนฺต คุณมารเณน มาเรติ, วิราควิพนฺธเนน วา ชาตินิมิตฺตตาย ตตฺถ ตตฺถ ชาตํ มาเรโนฺต วิย โหตีติ ‘‘มาเรตีติ มาโร’’ติ วุตฺตํฯ อติปาปตฺตา ปาปิมาฯ กณฺหธมฺมสมนฺนาคโต กโณฺหฯ วิราคาทิคุณานํ อนฺตกรณโต อนฺตโกฯ สตฺตานํ อนตฺถาวหํ ปฎิปตฺติํ น มุญฺจตีติ นมุจิฯ อตฺตโน มารปาเสน ปมเตฺต พนฺธติ, ปมตฺตา วา พนฺธู เอตสฺสาติ ปมตฺตพนฺธุฯ สตฺตมสตฺตาหโต ปรํ สตฺต อหานิ สนฺธายาห ‘‘อฎฺฐเม สตฺตาเห’’ติ, น ปน ปลฺลงฺกสตฺตาหาทิ วิย นิยตกิจฺจสฺส อฎฺฐมสตฺตาหสฺส นาม ลพฺภนโตฯ สตฺตมสตฺตาหสฺส หิ ปรโต อชปาลนิโคฺรธมูเล พฺรหฺมุโน สกฺกสฺส จ ปฎิญฺญาตธมฺมเทสนํ ภควนฺตํ ญตฺวา ‘‘อิทานิ สเตฺต ธมฺมเทสนาย มม วิสยํ อติกฺกาเมสฺสตี’’ติ สญฺชาตโทมนโสฺส หุตฺวา ฐิโต จิเนฺตสิ, ‘‘หนฺทาหํ ทานิ นํ อุปาเยน ปรินิพฺพาเปสฺสามิ, เอวมสฺส มโนรโถ อญฺญถตฺตํ คมิสฺสติ, มม มโนรโถ อิชฺฌิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ ฐิโต – ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภเนฺต, ภควา’’ติอาทินา ปรินิพฺพานํ ยาจิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อฎฺฐเม สตฺตาเห’’ติอาทิฯ ตตฺถ อชฺชาติ อายุสงฺขารโวสฺสชฺชนทิวสํ สนฺธายาหฯ ภควา จสฺส อติพนฺธนาธิปฺปายํ ชานโนฺตปิ ตํ อนาวิกตฺวา ปรินิพฺพานสฺส อกาลภาวเมว ปกาเสโนฺต ยาจนํ ปฎิกฺขิปิฯ เตนาห ‘‘น ตาวาห’’นฺติอาทิฯ

    Anatthe niyojento guṇamāraṇena māreti, virāgavibandhanena vā jātinimittatāya tattha tattha jātaṃ mārento viya hotīti ‘‘māretīti māro’’ti vuttaṃ. Atipāpattā pāpimā. Kaṇhadhammasamannāgato kaṇho. Virāgādiguṇānaṃ antakaraṇato antako. Sattānaṃ anatthāvahaṃ paṭipattiṃ na muñcatīti namuci. Attano mārapāsena pamatte bandhati, pamattā vā bandhū etassāti pamattabandhu. Sattamasattāhato paraṃ satta ahāni sandhāyāha ‘‘aṭṭhame sattāhe’’ti, na pana pallaṅkasattāhādi viya niyatakiccassa aṭṭhamasattāhassa nāma labbhanato. Sattamasattāhassa hi parato ajapālanigrodhamūle brahmuno sakkassa ca paṭiññātadhammadesanaṃ bhagavantaṃ ñatvā ‘‘idāni satte dhammadesanāya mama visayaṃ atikkāmessatī’’ti sañjātadomanasso hutvā ṭhito cintesi, ‘‘handāhaṃ dāni naṃ upāyena parinibbāpessāmi, evamassa manoratho aññathattaṃ gamissati, mama manoratho ijjhissatī’’ti cintetvā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā ekamantaṃ ṭhito – ‘‘parinibbātu dāni, bhante, bhagavā’’tiādinā parinibbānaṃ yāci. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘aṭṭhame sattāhe’’tiādi. Tattha ajjāti āyusaṅkhāravossajjanadivasaṃ sandhāyāha. Bhagavā cassa atibandhanādhippāyaṃ jānantopi taṃ anāvikatvā parinibbānassa akālabhāvameva pakāsento yācanaṃ paṭikkhipi. Tenāha ‘‘na tāvāha’’ntiādi.

    มคฺควเสน พฺยตฺตาติ สจฺจปฎิเวธเวยฺยตฺติเยน พฺยตฺตาฯ ตเถว วินีตาติ มคฺควเสน กิเลสานํ สมุเจฺฉทวินเยน วินีตาฯ ตถา วิสารทาติ อริยมคฺคาธิคเมเนว สตฺถุสาสเน เวสารชฺชปฺปตฺติยา วิสารทา, สารชฺชกรานํ ทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาทิปาปธมฺมานํ วิคเมน วิสารทภาวํ ปตฺตาติ อโตฺถฯ ยสฺส สุตสฺส วเสน วฎฺฎทุกฺขโต นิสฺสรณํ สมฺภวติ, ตํ อิธ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน ‘‘สุต’’นฺติ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘เตปิฎกวเสนา’’ติฯ ติณฺณํ ปิฎกานํ สมูโห เตปิฎกํ, ตีณิ วา ปิฎกานิ ติปิฎกํ, ติปิฎกเมว เตปิฎกํ, ตสฺส วเสนฯ ตเทวาติ ยํ ตํ เตปิฎกํ โสตพฺพภาเวน สุตนฺติ วุตฺตํ, ตเมวฯ ธมฺมนฺติ ปริยตฺติธมฺมํฯ ธาเรนฺตีติ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสํ วิย อวินสฺสนฺตํ กตฺวา สุปฺปคุณสุปฺปวตฺติภาเวน ธาเรนฺติ หทเย ฐเปนฺติฯ อิติ ปริยตฺติธมฺมวเสน พหุสฺสุตธมฺมธรภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปฎิเวธวเสนปิ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อริยธมฺมสฺสาติ มคฺคผลธมฺมสฺส, นววิธสฺส วา โลกุตฺตรธมฺมสฺสฯ อนุธมฺมภูตนฺติ อธิคมายานุรูปํ ธมฺมภูตํฯ อนุจฺฉวิกปฎิปทนฺติ ตเมว วิปสฺสนาธมฺมมาห, ฉพฺพิธา วิสุทฺธิโย วาฯ อนุธมฺมนฺติ นิพฺพานธมฺมสฺส อนุธโมฺม, ยถาวุตฺตปฎิปทา, ตสฺสานุรูปํ อภิสเลฺลขิตํ อปฺปิจฺฉตาทิธมฺมํฯ จรณสีลาติ สมาทาย วตฺตนสีลาฯ อนุมคฺคผลธโมฺม เอติสฺสาติ วา อนุธมฺมา, วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนา, ตสฺส จรณสีลาฯ อตฺตโน อาจริยวาทนฺติ อตฺตโน อาจริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วาทํฯ สเทวกสฺส โลกสฺส อาจารสิกฺขาปเนน อาจริโย, ภควา, ตสฺส วาโท, จตุสจฺจเทสนาฯ

    Maggavasena byattāti saccapaṭivedhaveyyattiyena byattā. Tatheva vinītāti maggavasena kilesānaṃ samucchedavinayena vinītā. Tathā visāradāti ariyamaggādhigameneva satthusāsane vesārajjappattiyā visāradā, sārajjakarānaṃ diṭṭhivicikicchādipāpadhammānaṃ vigamena visāradabhāvaṃ pattāti attho. Yassa sutassa vasena vaṭṭadukkhato nissaraṇaṃ sambhavati, taṃ idha ukkaṭṭhaniddesena ‘‘suta’’nti adhippetanti āha ‘‘tepiṭakavasenā’’ti. Tiṇṇaṃ piṭakānaṃ samūho tepiṭakaṃ, tīṇi vā piṭakāni tipiṭakaṃ, tipiṭakameva tepiṭakaṃ, tassa vasena. Tadevāti yaṃ taṃ tepiṭakaṃ sotabbabhāvena sutanti vuttaṃ, tameva. Dhammanti pariyattidhammaṃ. Dhārentīti suvaṇṇabhājane pakkhittasīhavasaṃ viya avinassantaṃ katvā suppaguṇasuppavattibhāvena dhārenti hadaye ṭhapenti. Iti pariyattidhammavasena bahussutadhammadharabhāvaṃ dassetvā idāni paṭivedhavasenapi taṃ dassento ‘‘atha vā’’tiādi vuttaṃ. Ariyadhammassāti maggaphaladhammassa, navavidhassa vā lokuttaradhammassa. Anudhammabhūtanti adhigamāyānurūpaṃ dhammabhūtaṃ. Anucchavikapaṭipadanti tameva vipassanādhammamāha, chabbidhā visuddhiyo vā. Anudhammanti nibbānadhammassa anudhammo, yathāvuttapaṭipadā, tassānurūpaṃ abhisallekhitaṃ appicchatādidhammaṃ. Caraṇasīlāti samādāya vattanasīlā. Anumaggaphaladhammo etissāti vā anudhammā, vuṭṭhānagāminivipassanā, tassa caraṇasīlā. Attano ācariyavādanti attano ācariyassa sammāsambuddhassa vādaṃ. Sadevakassa lokassa ācārasikkhāpanena ācariyo, bhagavā, tassa vādo, catusaccadesanā.

    อาจิกฺขิสฺสนฺตีติ อาทิโต กเถสฺสนฺติ, อตฺตนา อุคฺคหิตนิยาเมน ปเร อุคฺคณฺหาเปสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ เทเสสฺสนฺตีติ วาเจสฺสนฺติ, ปาฬิํ สมฺมา ปโพเธสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ ปญฺญเปสฺสนฺตีติ ปชานาเปสฺสนฺติ, สงฺกาเสสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ ปฎฺฐเปสฺสนฺตีติ ปกาเรหิ ฐเปสฺสนฺติ, ปกาเสสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ วิวริสฺสนฺตีติ วิวฎํ กริสฺสนฺติฯ วิภชิสฺสนฺตีติ วิภตฺตํ กริสฺสนฺติฯ อุตฺตานีกริสฺสนฺตีติ อนุตฺตานํ คมฺภีรํ อุตฺตานํ ปากฎํ กริสฺสนฺติฯ สหธเมฺมนาติ เอตฺถ ธมฺม-สโทฺท การณปริยาโย ‘‘เหตุมฺหิ ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๒๐) วิยาติ อาห ‘‘สเหตุเกน สการเณน วจเนนา’’ติฯ

    Ācikkhissantīti ādito kathessanti, attanā uggahitaniyāmena pare uggaṇhāpessantīti attho. Desessantīti vācessanti, pāḷiṃ sammā pabodhessantīti attho. Paññapessantīti pajānāpessanti, saṅkāsessantīti attho. Paṭṭhapessantīti pakārehi ṭhapessanti, pakāsessantīti attho. Vivarissantīti vivaṭaṃ karissanti. Vibhajissantīti vibhattaṃ karissanti. Uttānīkarissantīti anuttānaṃ gambhīraṃ uttānaṃ pākaṭaṃ karissanti. Sahadhammenāti ettha dhamma-saddo kāraṇapariyāyo ‘‘hetumhi ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā’’tiādīsu (vibha. 720) viyāti āha ‘‘sahetukena sakāraṇena vacanenā’’ti.

    สปฺปาฎิหาริยนฺติ สนิสฺสรณํฯ ยถา ปรวาทํ ภญฺชิตฺวา สกวาโท ปติฎฺฐหติ, เอวํ เหตุทาหรเณหิ ยถาธิคตมตฺถํ สมฺปาเทตฺวา ธมฺมํ กเถสฺสนฺติฯ เตนาห ‘‘นิยฺยานิกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’’ติ , นววิธํ โลกุตฺตรํ ธมฺมํ ปโพเธสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ‘‘ปญฺญเปสฺสนฺตี’’ติอาทีหิ ฉหิ ปเทหิ ฉ อตฺถปทานิ ทสฺสิตานิ, อาทิโต ปน ทฺวีหิ ปเทหิ ฉ พฺยญฺชนปทานิฯ เอตฺตาวตา เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ สํวณฺณนานเยน สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตํ โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ เนตฺติยํ (เนตฺติ. สงฺคหวาร) ‘‘ทฺวาทส ปทานิ สุตฺตํ, ตํ สพฺพํ พฺยญฺชนญฺจ อโตฺถ จา’’ติฯ

    Sappāṭihāriyanti sanissaraṇaṃ. Yathā paravādaṃ bhañjitvā sakavādo patiṭṭhahati, evaṃ hetudāharaṇehi yathādhigatamatthaṃ sampādetvā dhammaṃ kathessanti. Tenāha ‘‘niyyānikaṃ katvā dhammaṃ desessantī’’ti , navavidhaṃ lokuttaraṃ dhammaṃ pabodhessantīti attho. Ettha ca ‘‘paññapessantī’’tiādīhi chahi padehi cha atthapadāni dassitāni, ādito pana dvīhi padehi cha byañjanapadāni. Ettāvatā tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ saṃvaṇṇanānayena saṅgahetvā dassitaṃ hoti. Vuttañhetaṃ nettiyaṃ (netti. saṅgahavāra) ‘‘dvādasa padāni suttaṃ, taṃ sabbaṃ byañjanañca attho cā’’ti.

    สิกฺขตฺตยสงฺคหิตนฺติ อธิสีลสิกฺขาทิสิกฺขตฺตยสงฺคหํฯ สกลํ สาสนพฺรหฺมจริยนฺติ อนวเสสํ สตฺถุสาสนภูตํ เสฎฺฐจริยํฯ สมิทฺธนฺติ สมฺมเทว วฑฺฒิตํฯ ฌานสฺสาทวเสนาติ เตหิ เตหิ ภิกฺขูหิ สมธิคตฌานสุขวเสนฯ วุฑฺฒิปฺปตฺตนฺติ อุฬารปณีตภาวูปคมเนน สพฺพโส ปริวุฑฺฒิมุปคตํฯ สพฺพปาลิผุลฺลํ วิย อภิญฺญาสมฺปทาหิ สาสนาภิวุฑฺฒิยา มตฺถกปฺปตฺติโตฯ ปติฎฺฐิตวเสนาติ ปติฎฺฐานวเสน, ปติฎฺฐปฺปตฺติยาติ อโตฺถฯ ปฎิเวธวเสน พหุโน ชนสฺส หิตํ พาหุชญฺญํฯ เตนาห ‘‘มหาชนาภิสมยวเสนา’’ติฯ ปุถุ ปุถุลํ ภูตํ ชาตํ, ปุถุตฺตํ ภูตํ ปตฺตนฺติ วา ปุถุภูตํฯ เตนาห ‘‘สพฺพากาเรน ปุถุลภาวปฺปตฺต’’นฺติฯ สุฎฺฐุ ปกาสิตนฺติ สมฺมเทว อาทิกลฺยาณาทิภาเวน ปเวทิตํฯ

    Sikkhattayasaṅgahitanti adhisīlasikkhādisikkhattayasaṅgahaṃ. Sakalaṃ sāsanabrahmacariyanti anavasesaṃ satthusāsanabhūtaṃ seṭṭhacariyaṃ. Samiddhanti sammadeva vaḍḍhitaṃ. Jhānassādavasenāti tehi tehi bhikkhūhi samadhigatajhānasukhavasena. Vuḍḍhippattanti uḷārapaṇītabhāvūpagamanena sabbaso parivuḍḍhimupagataṃ. Sabbapāliphullaṃ viya abhiññāsampadāhi sāsanābhivuḍḍhiyā matthakappattito. Patiṭṭhitavasenāti patiṭṭhānavasena, patiṭṭhappattiyāti attho. Paṭivedhavasena bahuno janassa hitaṃ bāhujaññaṃ. Tenāha ‘‘mahājanābhisamayavasenā’’ti. Puthu puthulaṃ bhūtaṃ jātaṃ, puthuttaṃ bhūtaṃ pattanti vā puthubhūtaṃ. Tenāha ‘‘sabbākārena puthulabhāvappatta’’nti. Suṭṭhu pakāsitanti sammadeva ādikalyāṇādibhāvena paveditaṃ.

    สติํ สูปฎฺฐิตํ กตฺวาติ อยํ กายาทิวิภาโค อตฺตภาวสญฺญิโต ทุกฺขภาโร มยา เอตฺตกํ กาลํ วหิโต, อิทานิ ปน น วหิตโพฺพ, เอตสฺส อวหนตฺถํ จิรตรํ กาลํ อริยมคฺคสมฺภาโร สมฺภโต, สฺวายํ อริยมโคฺค ปฎิวิโทฺธ, ยโต อิเม กายาทโย อสุภาทิโต สภาวาทิโต สมฺมเทว ปริญฺญาตาติ จตุพฺพิธมฺปิ สติํ ยถาตถํ วิสเย สุฎฺฐุ อุปฎฺฐิตํ กตฺวาฯ ญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ ยสฺมา อิมสฺส อตฺตภาวสญฺญิตสฺส ทุกฺขภารสฺส วหเน ปโยชนภูตํ อตฺตหิตํ โพธิมูเล เอว ปริสมาปิตํ, ปรหิตํ ปน พุทฺธเวเนยฺยวินยนํ ปริสมาปิตํ มตฺถกปฺปตฺตํ, ตํ ทานิ มาสตฺตเยเนว ปริสมาปนํ ปาปุณิสฺสติ, ตสฺมา อาห ‘‘วิสาขปุณฺณมายํ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ, เอวํ พุทฺธญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา สจฺจภาเคน วินิจฺฉยํ กตฺวาฯ อายุสงฺขารํ วิสฺสชีติ อายุโน ชีวิตสฺส อภิสงฺขรณํ ผลสมาปตฺติธมฺมํ น สมาปชฺชิสฺสามีติ วิสฺสชิ, ตํ วิสฺสชฺชเนเนว เตน อภิสงฺขรียมานํ ชีวิตสงฺขารํ น ปวตฺตยิสฺสามีติ วิสฺสชิฯ เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ

    Satiṃsūpaṭṭhitaṃ katvāti ayaṃ kāyādivibhāgo attabhāvasaññito dukkhabhāro mayā ettakaṃ kālaṃ vahito, idāni pana na vahitabbo, etassa avahanatthaṃ cirataraṃ kālaṃ ariyamaggasambhāro sambhato, svāyaṃ ariyamaggo paṭividdho, yato ime kāyādayo asubhādito sabhāvādito sammadeva pariññātāti catubbidhampi satiṃ yathātathaṃ visaye suṭṭhu upaṭṭhitaṃ katvā. Ñāṇena paricchinditvāti yasmā imassa attabhāvasaññitassa dukkhabhārassa vahane payojanabhūtaṃ attahitaṃ bodhimūle eva parisamāpitaṃ, parahitaṃ pana buddhaveneyyavinayanaṃ parisamāpitaṃ matthakappattaṃ, taṃ dāni māsattayeneva parisamāpanaṃ pāpuṇissati, tasmā āha ‘‘visākhapuṇṇamāyaṃ parinibbāyissāmī’’ti, evaṃ buddhañāṇena paricchinditvā saccabhāgena vinicchayaṃ katvā. Āyusaṅkhāraṃ vissajīti āyuno jīvitassa abhisaṅkharaṇaṃ phalasamāpattidhammaṃ na samāpajjissāmīti vissaji, taṃ vissajjaneneva tena abhisaṅkharīyamānaṃ jīvitasaṅkhāraṃ na pavattayissāmīti vissaji. Tenāha ‘‘tatthā’’tiādi.

    ฐานมหนฺตตายปิ ปวตฺติอาการมหนฺตตายปิ มหโนฺต ปถวีกโมฺปฯ ตตฺถ ฐานมหนฺตตาย ภูมิจาลสฺส มหนฺตตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตทา…เป.… อกมฺปิตฺถา’’ติ วุตฺตํ, สา ปน ชาติเขตฺตภูตา ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอว, น ยา กาจิฯ ยา มหาภินีหารมหาชาติอาทีสุปิ อกมฺปิตฺถ, ตทาปิ ตตฺตกาย เอว กมฺปเน กิํ การณํ? ชาติเขตฺตภาเวน ตเสฺสว อาทิโต ปริคฺคหสฺส กตตฺตา, ปริคฺคหณญฺจสฺส ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺพํฯ ตถา หิ ปุริมพุทฺธานมฺปิ ตตฺตกเมว ชาติเขตฺตํ อโหสิฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ทสสหสฺสี โลกธาตุ นิสฺสทฺทา โหติ นิรากุลา…เป.… มหาสมุโทฺท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปตี’’ติ จ อาทิฯ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา ฉปฺปการปฺปเวธเนนฯ อวีตราเค ภิํเสตีติ ภิํสโน, โส เอว ภิํสนโกติ อาห ‘‘ภยชนโก’’ติฯ เทวเภริโยติ เทวทุนฺทุภิสทฺทสฺส ปริยายวจนมตฺตํ, น เจตฺถ กาจิ เภรี เทวทุนฺทุภีติ อธิเปฺปตา, อถ โข อุปฺปาตภาเวน ลพฺภมาโน อากาสโต นิโคฺฆสสโทฺทฯ เตนาห ‘‘เทโว’’ติอาทิฯ เทโวติ เมโฆฯ ตสฺส หิ ตทา อจฺฉภาเวน อากาสสฺส วสฺสาภาเวน สุกฺขคชฺชิตสญฺญิเต สเทฺท นิจฺฉรเนฺต เทวทุนฺทุภิสมญฺญาฯ เตนาห ‘‘เทโว สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชี’’ติฯ

    Ṭhānamahantatāyapi pavattiākāramahantatāyapi mahanto pathavīkampo. Tattha ṭhānamahantatāya bhūmicālassa mahantataṃ dassetuṃ ‘‘tadā…pe… akampitthā’’ti vuttaṃ, sā pana jātikhettabhūtā dasasahassī lokadhātu eva, na yā kāci. Yā mahābhinīhāramahājātiādīsupi akampittha, tadāpi tattakāya eva kampane kiṃ kāraṇaṃ? Jātikhettabhāvena tasseva ādito pariggahassa katattā, pariggahaṇañcassa dhammatāvasena veditabbaṃ. Tathā hi purimabuddhānampi tattakameva jātikhettaṃ ahosi. Tathā hi vuttaṃ ‘‘dasasahassī lokadhātu nissaddā hoti nirākulā…pe… mahāsamuddo ābhujati, dasasahassī pakampatī’’ti ca ādi. Udakapariyantaṃ katvā chappakārappavedhanena. Avītarāge bhiṃsetīti bhiṃsano, so eva bhiṃsanakoti āha ‘‘bhayajanako’’ti. Devabheriyoti devadundubhisaddassa pariyāyavacanamattaṃ, na cettha kāci bherī devadundubhīti adhippetā, atha kho uppātabhāvena labbhamāno ākāsato nigghosasaddo. Tenāha ‘‘devo’’tiādi. Devoti megho. Tassa hi tadā acchabhāvena ākāsassa vassābhāvena sukkhagajjitasaññite sadde niccharante devadundubhisamaññā. Tenāha ‘‘devo sukkhagajjitaṃ gajjī’’ti.

    ปีติเวควิสฺสฎฺฐนฺติ ‘‘เอวํ จิรตรกาลํ วหิโต อยํ อตฺตภาวสญฺญิโต ทุกฺขภาโร, ทานิ น จิรเสฺสว นิกฺขิปิสฺสามี’’ติ สญฺชาตโสมนโสฺส ภควา สภาเวเนว ปีติเวควิสฺสฎฺฐํ อุทานํ อุทาเนติ, เอวํ อุทาเนเนฺตน อยมฺปิ อโตฺถ สาธิโต โหตีติ ทสฺสนตฺถํ อฎฺฐกถายํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Pītivegavissaṭṭhanti ‘‘evaṃ ciratarakālaṃ vahito ayaṃ attabhāvasaññito dukkhabhāro, dāni na cirasseva nikkhipissāmī’’ti sañjātasomanasso bhagavā sabhāveneva pītivegavissaṭṭhaṃ udānaṃ udāneti, evaṃ udānentena ayampi attho sādhito hotīti dassanatthaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘kasmā’’tiādi vuttaṃ.

    ตุลียตีติ ตุลนฺติ ตุล-สโทฺท กมฺมสาธโนติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตุลิต’’นฺติ วุตฺตํฯ อปฺปานุภาวตาย ปริจฺฉินฺนํฯ ตถา หิ ตํ ปฎิปเกฺขน ปริโต ขณฺฑิตภาเวน ปริตฺตนฺติ วุจฺจติฯ ปฎิปกฺขวิกฺขมฺภนโต ทีฆสนฺตานตาย วิปุลผลตาย จ น ตุลํ น ปริจฺฉินฺนํฯ เยหิ การเณหิ ปุเพฺพ อวิเสสโต ‘‘มหคฺคตํ อตุล’’นฺติ วุตฺตํ, ตานิ การณานิ รูปาวจรโต อารุปฺปสฺส สาติสยํ วิชฺชนฺตีติ อรูปาวจรํ อตุลนฺติ วุตฺตํ, อิตรญฺจ ตุลนฺติฯ อปฺปวิปากนฺติ ตีสุปิ กเมฺมสุ ยํ อปฺปวิปากํ หีนํ, ตํ ตุลํฯ พหุวิปากนฺติ ยํ มหาวิปากํ ปณีตํ, ตํ อตุลํฯ ยํ ปเนตฺถ มชฺฌิมํ, ตํ หีนํ อุกฺกฎฺฐนฺติ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ทฺวีสุ ภาเคสุ ปกฺขิปิตพฺพํฯ หีนตฺติกวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว อปฺปพหุวิปากตํ นิทฺธาเรตฺวา ตสฺส วเสน ตุลาตุลภาโว เวทิตโพฺพฯ สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโวติ อาห ‘‘สมฺภว^ เหตุภูต’’นฺติฯ นิยกชฺฌตฺตรโตติ สสนฺตานธเมฺมสุ วิปสฺสนาวเสน โคจราเสวนาย จ รโตฯ สวิปากํ สมานํ ปวตฺติวิปากมตฺตทายิกมฺมํ สวิปากเฎฺฐน สมฺภวํ, น จ ตํ กามาทิ^ ภวาภิสงฺขารกนฺติ ตโต วิเสสนตฺถํ สมฺภวนฺติ วตฺวา ‘‘ภวสงฺขาร’’นฺติ วุตฺตํฯ โอสฺสชีติ อริยมเคฺคน อวสฺสชิฯ กวจํ วิย อตฺตภาวํ ปริโยนนฺธิตฺวา ฐิตํ อตฺตนิ สมฺภูตตฺตา อตฺตสมฺภวํ กิเลสญฺจ อภินฺทีติ กิเลสเภทสหภาวิกโมฺมสฺสชฺชนํ ทเสฺสโนฺต ตทุภยสฺส การณมาห ‘‘อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต’’ติฯ

    Tulīyatīti tulanti tula-saddo kammasādhanoti dassetuṃ ‘‘tulita’’nti vuttaṃ. Appānubhāvatāya paricchinnaṃ. Tathā hi taṃ paṭipakkhena parito khaṇḍitabhāvena parittanti vuccati. Paṭipakkhavikkhambhanato dīghasantānatāya vipulaphalatāya ca na tulaṃ na paricchinnaṃ. Yehi kāraṇehi pubbe avisesato ‘‘mahaggataṃ atula’’nti vuttaṃ, tāni kāraṇāni rūpāvacarato āruppassa sātisayaṃ vijjantīti arūpāvacaraṃ atulanti vuttaṃ, itarañca tulanti. Appavipākanti tīsupi kammesu yaṃ appavipākaṃ hīnaṃ, taṃ tulaṃ. Bahuvipākanti yaṃ mahāvipākaṃ paṇītaṃ, taṃ atulaṃ. Yaṃ panettha majjhimaṃ, taṃ hīnaṃ ukkaṭṭhanti dvidhā bhinditvā dvīsu bhāgesu pakkhipitabbaṃ. Hīnattikavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva appabahuvipākataṃ niddhāretvā tassa vasena tulātulabhāvo veditabbo. Sambhavati etasmāti sambhavoti āha ‘‘sambhava^ hetubhūta’’nti. Niyakajjhattaratoti sasantānadhammesu vipassanāvasena gocarāsevanāya ca rato. Savipākaṃ samānaṃ pavattivipākamattadāyikammaṃ savipākaṭṭhena sambhavaṃ, na ca taṃ kāmādi^ bhavābhisaṅkhārakanti tato visesanatthaṃ sambhavanti vatvā ‘‘bhavasaṅkhāra’’nti vuttaṃ. Ossajīti ariyamaggena avassaji. Kavacaṃ viya attabhāvaṃ pariyonandhitvā ṭhitaṃ attani sambhūtattā attasambhavaṃkilesañca abhindīti kilesabhedasahabhāvikammossajjanaṃ dassento tadubhayassa kāraṇamāha ‘‘ajjhattarato samāhito’’ti.

    ปฐมวิกเปฺป อวสชฺชนเมว วุตฺตํฯ เอตฺถ อวสชฺชนากาโรติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตีเรโนฺตติ ‘‘อุปฺปาโท ภยํ, อนุปฺปาโท เขม’’นฺติอาทินา วีมํสโนฺตฯ ตุเลโนฺต ตีเรโนฺตติอาทินา สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘ปญฺจกฺขนฺธา’’ติอาทิํ วตฺวา ภวสงฺขารสฺส อวสชฺชนาการํ สรูปโต ทเสฺสติฯ เอวนฺติอาทินา ปน อุทานคาถาวณฺณนายํ อาทิโต วุตฺตมตฺถํ นิคมนวเสน ทเสฺสติฯ อภีตภาวญาปนตฺถญฺจาติ อยมฺปิ อโตฺถ สงฺคหิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Paṭhamavikappe avasajjanameva vuttaṃ. Ettha avasajjanākāroti taṃ dassento ‘‘atha vā’’tiādimāha. Tattha tīrentoti ‘‘uppādo bhayaṃ, anuppādo khema’’ntiādinā vīmaṃsanto. Tulento tīrentotiādinā saṅkhepato vuttamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘pañcakkhandhā’’tiādiṃ vatvā bhavasaṅkhārassa avasajjanākāraṃ sarūpato dasseti. Evantiādinā pana udānagāthāvaṇṇanāyaṃ ādito vuttamatthaṃ nigamanavasena dasseti. Abhītabhāvañāpanatthañcāti ayampi attho saṅgahitoti daṭṭhabbaṃ.

    จาปาลวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Cāpālavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๐. เจติยสุตฺตํ • 10. Cetiyasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. เจติยสุตฺตวณฺณนา • 10. Cetiyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact