Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๖. เจโตขิลสุตฺตวณฺณนา
6. Cetokhilasuttavaṇṇanā
๑๘๕. เอวํ เม สุตนฺติ เจโตขิลสุตฺตํฯ ตตฺถ เจโตขิลาติ จิตฺตสฺส ถทฺธภาวา กจวรภาวา ขาณุกภาวาฯ เจตโส วินิพนฺธาติ จิตฺตํ พนฺธิตฺวา มุฎฺฐิยํ กตฺวา วิย คณฺหนฺตีติ เจตโส วินิพนฺธาฯ วุทฺธินฺติอาทีสุ สีเลน วุทฺธิํ, มเคฺคน วิรุฬฺหิํ, นิพฺพาเนน เวปุลฺลํฯ สีลสมาธีหิ วา วุทฺธิํ, วิปสฺสนามเคฺคหิ วิรุฬฺหิํ, ผลนิพฺพาเนหิ เวปุลฺลํฯ สตฺถริ กงฺขตีติ สตฺถุ สรีเร วา คุเณ วา กงฺขติฯ สรีเร กงฺขมาโน ทฺวตฺติํสวรลกฺขณปฺปฎิมณฺฑิตํ นาม สรีรํ อตฺถิ นุ โข นตฺถีติ กงฺขติ, คุเณ กงฺขมาโน อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนชานนสมตฺถํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ อตฺถิ นุ โข นตฺถีติ กงฺขติฯ วิจิกิจฺฉตีติ วิจินโนฺต กิจฺฉติ, ทุกฺขํ อาปชฺชติ, วินิเจฺฉตุํ น สโกฺกติฯ นาธิมุจฺจตีติ เอวเมตนฺติ อธิโมกฺขํ น ปฎิลภติฯ น สมฺปสีทตีติ คุเณสุ โอตริตฺวา นิพฺพิจิกิจฺฉภาเวน ปสีทิตุํ, อนาวิโล ภวิตุํ น สโกฺกติฯ อาตปฺปายาติ กิเลสสนฺตาปกวีริยกรณตฺถายฯ อนุโยคายาติ ปุนปฺปุนํ โยคายฯ สาตจฺจายาติ สตตกิริยาย ปธานายาติ ปทหนตฺถายฯ อยํ ปฐโม เจโตขิโลติ อยํ สตฺถริ วิจิกิจฺฉาสงฺขาโต ปฐโม จิตฺตสฺส ถทฺธภาโว, เอวเมตสฺส ภิกฺขุโน อปฺปหีโน โหติฯ ธเมฺมติ ปริยตฺติธเมฺม จ ปฎิเวธธเมฺม จฯ ปริยตฺติธเมฺม กงฺขมาโน, เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานีติ วทนฺติ, อตฺถิ นุ โข เอตํ นตฺถีติ กงฺขติฯ ปฎิเวธธเมฺม กงฺขมาโน วิปสฺสนานิสฺสโนฺท มโคฺค นาม, มคฺคนิสฺสโนฺท ผลํ นาม, สพฺพสงฺขารปฎินิสฺสโคฺค นิพฺพานํ นามาติ วทนฺติฯ ตํ อตฺถิ นุ โข นตฺถีติ กงฺขติฯ สเงฺฆ กงฺขตีติ สุปฺปฎิปโนฺนติอาทีนํ ปทานํ วเสน เอวรูปํ ปฎิปทํ ปฎิปนฺนา จตฺตาโร มคฺคฎฺฐา จตฺตาโร ผลฎฺฐาติ อฎฺฐนฺนํ ปุคฺคลานํ สมูหภูโต สโงฺฆ นาม, โส อตฺถิ นุ โข นตฺถีติ กงฺขติฯ สิกฺขาย กงฺขมาโน อธิสีลสิกฺขา นาม อธิจิตฺตสิกฺขา นาม อธิปญฺญาสิกฺขา นามาติ วทนฺติฯ สา อตฺถิ นุ โข นตฺถีติ กงฺขติฯ อยํ ปญฺจโมติ อยํ สพฺรหฺมจารีสุ โกปสงฺขาโต ปญฺจโม จิตฺตสฺส ถทฺธภาโว กจวรภาโว ขาณุกภาโวฯ
185.Evaṃme sutanti cetokhilasuttaṃ. Tattha cetokhilāti cittassa thaddhabhāvā kacavarabhāvā khāṇukabhāvā. Cetaso vinibandhāti cittaṃ bandhitvā muṭṭhiyaṃ katvā viya gaṇhantīti cetaso vinibandhā. Vuddhintiādīsu sīlena vuddhiṃ, maggena viruḷhiṃ, nibbānena vepullaṃ. Sīlasamādhīhi vā vuddhiṃ, vipassanāmaggehi viruḷhiṃ, phalanibbānehi vepullaṃ. Satthari kaṅkhatīti satthu sarīre vā guṇe vā kaṅkhati. Sarīre kaṅkhamāno dvattiṃsavaralakkhaṇappaṭimaṇḍitaṃ nāma sarīraṃ atthi nu kho natthīti kaṅkhati, guṇe kaṅkhamāno atītānāgatapaccuppannajānanasamatthaṃ sabbaññutaññāṇaṃ atthi nu kho natthīti kaṅkhati. Vicikicchatīti vicinanto kicchati, dukkhaṃ āpajjati, vinicchetuṃ na sakkoti. Nādhimuccatīti evametanti adhimokkhaṃ na paṭilabhati. Na sampasīdatīti guṇesu otaritvā nibbicikicchabhāvena pasīdituṃ, anāvilo bhavituṃ na sakkoti. Ātappāyāti kilesasantāpakavīriyakaraṇatthāya. Anuyogāyāti punappunaṃ yogāya. Sātaccāyāti satatakiriyāya padhānāyāti padahanatthāya. Ayaṃ paṭhamo cetokhiloti ayaṃ satthari vicikicchāsaṅkhāto paṭhamo cittassa thaddhabhāvo, evametassa bhikkhuno appahīno hoti. Dhammeti pariyattidhamme ca paṭivedhadhamme ca. Pariyattidhamme kaṅkhamāno, tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ caturāsīti dhammakkhandhasahassānīti vadanti, atthi nu kho etaṃ natthīti kaṅkhati. Paṭivedhadhamme kaṅkhamāno vipassanānissando maggo nāma, magganissando phalaṃ nāma, sabbasaṅkhārapaṭinissaggo nibbānaṃ nāmāti vadanti. Taṃ atthi nu kho natthīti kaṅkhati. Saṅghe kaṅkhatīti suppaṭipannotiādīnaṃ padānaṃ vasena evarūpaṃ paṭipadaṃ paṭipannā cattāro maggaṭṭhā cattāro phalaṭṭhāti aṭṭhannaṃ puggalānaṃ samūhabhūto saṅgho nāma, so atthi nu kho natthīti kaṅkhati. Sikkhāya kaṅkhamāno adhisīlasikkhā nāma adhicittasikkhā nāma adhipaññāsikkhā nāmāti vadanti. Sā atthi nu kho natthīti kaṅkhati. Ayaṃ pañcamoti ayaṃ sabrahmacārīsu kopasaṅkhāto pañcamo cittassa thaddhabhāvo kacavarabhāvo khāṇukabhāvo.
๑๘๖. วินิพเนฺธสุ กาเมติ วตฺถุกาเมปิ กิเลสกาเมปิฯ กาเยติ อตฺตโน กาเยฯ รูเปติ พหิทฺธา รูเปฯ ยาวทตฺถนฺติ ยตฺตกํ อิจฺฉติ, ตตฺตกํฯ อุทราวเทหกนฺติ อุทรปูรํฯ ตญฺหิ อุทรํ อวเทหนโต อุทราวเทหกนฺติ วุจฺจติฯ เสยฺยสุขนฺติ มญฺจปีฐสุขํ, อุตุสุขํ วาฯ ปสฺสสุขนฺติ ยถา สมฺปริวตฺตกํ สยนฺตสฺส ทกฺขิณปสฺสวามปสฺสานํ สุขํ โหติ, เอวํ อุปฺปนฺนสุขํฯ มิทฺธสุขนฺติ นิทฺทาสุขํฯ อนุยุโตฺตติ ยุตฺตปยุโตฺต วิหรติฯ
186. Vinibandhesu kāmeti vatthukāmepi kilesakāmepi. Kāyeti attano kāye. Rūpeti bahiddhā rūpe. Yāvadatthanti yattakaṃ icchati, tattakaṃ. Udarāvadehakanti udarapūraṃ. Tañhi udaraṃ avadehanato udarāvadehakanti vuccati. Seyyasukhanti mañcapīṭhasukhaṃ, utusukhaṃ vā. Passasukhanti yathā samparivattakaṃ sayantassa dakkhiṇapassavāmapassānaṃ sukhaṃ hoti, evaṃ uppannasukhaṃ. Middhasukhanti niddāsukhaṃ. Anuyuttoti yuttapayutto viharati.
ปณิธายาติ ปตฺถยิตฺวาฯ สีเลนาติอาทีสุ สีลนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีลํฯ วตนฺติ วตสมาทานํฯ ตโปติ ตปจรณํฯ พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติฯ เทโว วา ภวิสฺสามีติ มเหสกฺขเทโว วา ภวิสฺสามิฯ เทวญฺญตโร วาปิ อเปฺปสกฺขเทเวสุ วา อญฺญตโรฯ
Paṇidhāyāti patthayitvā. Sīlenātiādīsu sīlanti catupārisuddhisīlaṃ. Vatanti vatasamādānaṃ. Tapoti tapacaraṇaṃ. Brahmacariyanti methunavirati. Devo vā bhavissāmīti mahesakkhadevo vā bhavissāmi. Devaññataro vāpi appesakkhadevesu vā aññataro.
๑๘๙. อิทฺธิปาเทสุ ฉนฺทํ นิสฺสาย ปวโตฺต สมาธิ ฉนฺทสมาธิฯ ปธานภูตา สงฺขารา ปธานสงฺขาราฯ สมนฺนาคตนฺติ เตหิ ธเมฺมหิ อุเปตํฯ อิทฺธิยา ปาทํ, อิทฺธิภูตํ วา ปาทนฺติ อิทฺธิปาทํฯ เสเสสุปิ เอเสว นโย, อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถาโร ปน อิทฺธิปาทวิภเงฺค อาคโต เยวฯ วิสุทฺธิมเคฺคปิสฺส อโตฺถ ทีปิโตฯ อิติ อิเมหิ จตูหิ อิทฺธิปาเทหิ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ กถิตํฯ อุโสฺสฬฺหีเยว ปญฺจมีติ เอตฺถ อุโสฺสฬฺหีติ สพฺพตฺถ กตฺตพฺพวีริยํ ทเสฺสติฯ อุโสฺสฬฺหีปนฺนรสงฺคสมนฺนาคโตติ ปญฺจ เจโตขิลปฺปหานานิ ปญฺจ วินิพนฺธปฺปหานานิ จตฺตาโร อิทฺธิปาทา อุโสฺสฬฺหีติ เอวํ อุโสฺสฬฺหิยา สทฺธิํ ปนฺนรสหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคโตฯ ภโพฺพติ อนุรูโป, อนุจฺฉวิโกฯ อภินิพฺภิทายาติ ญาเณน กิเลสเภทายฯ สโมฺพธายาติ จตุมคฺคสโมฺพธายฯ อนุตฺตรสฺสาติ เสฎฺฐสฺสฯ โยคเกฺขมสฺสาติ จตูหิ โยเคหิ เขมสฺส อรหตฺตสฺสฯ อธิคมายาติ ปฎิลาภายฯ เสยฺยถาติ โอปมฺมเตฺถ นิปาโตฯ ปีติ สมฺภาวนเตฺถฯ อุภเยนปิ เสยฺยถาปิ นาม, ภิกฺขเวติ ทเสฺสติ ฯ
189. Iddhipādesu chandaṃ nissāya pavatto samādhi chandasamādhi. Padhānabhūtā saṅkhārā padhānasaṅkhārā. Samannāgatanti tehi dhammehi upetaṃ. Iddhiyā pādaṃ, iddhibhūtaṃ vā pādanti iddhipādaṃ. Sesesupi eseva nayo, ayamettha saṅkhepo. Vitthāro pana iddhipādavibhaṅge āgato yeva. Visuddhimaggepissa attho dīpito. Iti imehi catūhi iddhipādehi vikkhambhanappahānaṃ kathitaṃ. Ussoḷhīyeva pañcamīti ettha ussoḷhīti sabbattha kattabbavīriyaṃ dasseti. Ussoḷhīpannarasaṅgasamannāgatoti pañca cetokhilappahānāni pañca vinibandhappahānāni cattāro iddhipādā ussoḷhīti evaṃ ussoḷhiyā saddhiṃ pannarasahi aṅgehi samannāgato. Bhabboti anurūpo, anucchaviko. Abhinibbhidāyāti ñāṇena kilesabhedāya. Sambodhāyāti catumaggasambodhāya. Anuttarassāti seṭṭhassa. Yogakkhemassāti catūhi yogehi khemassa arahattassa. Adhigamāyāti paṭilābhāya. Seyyathāti opammatthe nipāto. Pīti sambhāvanatthe. Ubhayenapi seyyathāpi nāma, bhikkhaveti dasseti .
กุกฺกุฎิยา อณฺฑานิ อฎฺฐ วา ทส วา ทฺวาทส วาติ เอตฺถ ปน กิญฺจาปิ กุกฺกุฎิยา วุตฺตปฺปการโต อูนาธิกานิปิ อณฺฑานิ โหนฺติ, วจนสิลิฎฺฐตาย ปน เอวํ วุตฺตํฯ เอวญฺหิ โลเก สิลิฎฺฐํ วจนํ โหติฯ ตานสฺสูติ ตานิ อสฺสุ, ภเวยฺยุนฺติ อโตฺถฯ กุกฺกุฎิยา สมฺมา อธิสยิตานีติ ตาย ชเนตฺติยา กุกฺกุฎิยา ปเกฺข ปสาเรตฺวา เตสํ อุปริ สยนฺติยา สมฺมา อธิสยิตานิฯ สมฺมา ปริเสทิตานีติ กาเลน กาลํ อุตุํ คาหาเปนฺติยา สุฎฺฐุ สมนฺตโต เสทิตานิ อุสฺมีกตานิฯ สมฺมา ปริภาวิตานีติ กาเลน กาลํ สุฎฺฐุ สมนฺตโต ภาวิตานิ, กุกฺกุฎคนฺธํ คาหาปิตานีติ อโตฺถฯ กิญฺจาปิ ตสฺสา กุกฺกุฎิยาติ ตสฺสา กุกฺกุฎิยา อิมํ ติวิธกิริยากรเณน อปฺปมาทํ กตฺวา กิญฺจาปิ น เอวํ อิจฺฉา อุปฺปเชฺชยฺยฯ อถ โข ภพฺพาว เตติ อถ โข เต กุกฺกุฎโปตกา วุตฺตนเยน โสตฺถินา อภินิพฺภิชฺชิตุํ ภพฺพาวฯ เต หิ ยสฺมา ตาย กุกฺกุฎิยา เอวํ ตีหากาเรหิ ตานิ อณฺฑานิ ปริปาลียมานานิ น ปูตีนิ โหนฺติฯ โยปิ เนสํ อลฺลสิเนโห, โสปิ ปริยาทานํ คจฺฉติ, กปาลํ ตนุกํ โหติ, ปาทนขสิขา จ มุขตุณฺฑกญฺจ ขรํ โหติ, สยํ ปริปากํ คจฺฉติ, กปาลสฺส ตนุตฺตา พหิ อาโลโก อโนฺต ปญฺญายติ, ตสฺมา ‘‘จิรํ วต มยํ สงฺกุฎิตหตฺถปาทา สมฺพาเธ สยิมฺหา, อยญฺจ พหิ อาโลโก ทิสฺสติ, เอตฺถ ทานิ โน สุขวิหาโร ภวิสฺสตี’’ติ นิกฺขมิตุกามา หุตฺวา กปาลํ ปาเทน ปหรนฺติ, คีวํ ปสาเรนฺติ, ตโต ตํ กปาลํ เทฺวธา ภิชฺชติฯ อถ เต ปเกฺข วิธุนนฺตา ตงฺขณานุรูปํ วิรวนฺตา นิกฺขมนฺติเยว, นิกฺขมิตฺวา จ คามเกฺขตฺตํ อุปโสภยมานา วิจรนฺติฯ
Kukkuṭiyāaṇḍāni aṭṭha vā dasa vā dvādasa vāti ettha pana kiñcāpi kukkuṭiyā vuttappakārato ūnādhikānipi aṇḍāni honti, vacanasiliṭṭhatāya pana evaṃ vuttaṃ. Evañhi loke siliṭṭhaṃ vacanaṃ hoti. Tānassūti tāni assu, bhaveyyunti attho. Kukkuṭiyā sammā adhisayitānīti tāya janettiyā kukkuṭiyā pakkhe pasāretvā tesaṃ upari sayantiyā sammā adhisayitāni. Sammā pariseditānīti kālena kālaṃ utuṃ gāhāpentiyā suṭṭhu samantato seditāni usmīkatāni. Sammā paribhāvitānīti kālena kālaṃ suṭṭhu samantato bhāvitāni, kukkuṭagandhaṃ gāhāpitānīti attho. Kiñcāpi tassā kukkuṭiyāti tassā kukkuṭiyā imaṃ tividhakiriyākaraṇena appamādaṃ katvā kiñcāpi na evaṃ icchā uppajjeyya. Atha kho bhabbāva teti atha kho te kukkuṭapotakā vuttanayena sotthinā abhinibbhijjituṃ bhabbāva. Te hi yasmā tāya kukkuṭiyā evaṃ tīhākārehi tāni aṇḍāni paripālīyamānāni na pūtīni honti. Yopi nesaṃ allasineho, sopi pariyādānaṃ gacchati, kapālaṃ tanukaṃ hoti, pādanakhasikhā ca mukhatuṇḍakañca kharaṃ hoti, sayaṃ paripākaṃ gacchati, kapālassa tanuttā bahi āloko anto paññāyati, tasmā ‘‘ciraṃ vata mayaṃ saṅkuṭitahatthapādā sambādhe sayimhā, ayañca bahi āloko dissati, ettha dāni no sukhavihāro bhavissatī’’ti nikkhamitukāmā hutvā kapālaṃ pādena paharanti, gīvaṃ pasārenti, tato taṃ kapālaṃ dvedhā bhijjati. Atha te pakkhe vidhunantā taṅkhaṇānurūpaṃ viravantā nikkhamantiyeva, nikkhamitvā ca gāmakkhettaṃ upasobhayamānā vicaranti.
เอวเมว โขติ อิทํ โอปมฺมสมฺปฎิปาทนํฯ ตํ เอวํ อเตฺถน สํสเนฺทตฺวา เวทิตพฺพํ – ตสฺสา กุกฺกุฎิยา อเณฺฑสุ ติวิธกิริยากรณํ วิย หิ อิมสฺส ภิกฺขุโน อุโสฺสฬฺหีปนฺนรเสหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตภาโวฯ กุกฺกุฎิยา ติวิธกิริยาสมฺปาทเนน อณฺฑานํ อปูติภาโว วิย ปนฺนรสงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาญาณสฺส อปริหานิฯ ตสฺสา ติวิธกิริยากรเณน อณฺฑานํ อลฺลสิเนหปริยาทานํ วิย ตสฺส ภิกฺขุโน ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน ภวตฺตยานุคตนิกนฺติสิเนหปริยาทานํ ฯ อณฺฑกลาปานํ ตนุภาโว วิย ภิกฺขุโน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโวฯ กุกฺกุฎโปตกานํ ปาทนขมุตุณฺฑกานํ ถทฺธขรภาโว วิย ภิกฺขุโน วิปสฺสนาญาณสฺส ติกฺขขรวิปฺปสนฺนสูรภาโวฯ กุกฺกุฎโปตกานํ ปริณามกาโล วิย ภิกฺขุโน วิปสฺสนาญาณสฺส ปริณามกาโล วฑฺฒิตกาโล คพฺภคฺคหณกาโลฯ กุกฺกุฎโปตกานํ ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปเกฺข ปโปฺผเฎตฺวา โสตฺถินา อภินิกฺขมนกาโล วิย ตสฺส ภิกฺขุโน วิปสฺสนาญาณคพฺภํ คณฺหาเปตฺวา วิจรนฺตสฺส ตชฺชาติกํ อุตุสปฺปายํ วา โภชนสปฺปายํ วา ปุคฺคลสปฺปายํ วา ธมฺมสฺสวนสปฺปายํ วา ลภิตฺวา เอกาสเน นิสินฺนเสฺสว วิปสฺสนํ วเฑฺฒนฺตสฺส อนุปุพฺพาธิคเตน อรหตฺตมเคฺคน อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา อภิญฺญาปเกฺข ปโปฺผเฎตฺวา โสตฺถินา อรหตฺตปฺปตฺตกาโล เวทิตโพฺพฯ ยถา ปน กุกฺกุฎโปตกานํ ปริณตภาวํ ญตฺวา มาตาปิ อณฺฑโกสํ ภินฺทติ, เอวํ ตถารูปสฺส ภิกฺขุโน ญาณปริปากํ ญตฺวา สตฺถาปิ –
Evameva khoti idaṃ opammasampaṭipādanaṃ. Taṃ evaṃ atthena saṃsandetvā veditabbaṃ – tassā kukkuṭiyā aṇḍesu tividhakiriyākaraṇaṃ viya hi imassa bhikkhuno ussoḷhīpannarasehi aṅgehi samannāgatabhāvo. Kukkuṭiyā tividhakiriyāsampādanena aṇḍānaṃ apūtibhāvo viya pannarasaṅgasamannāgatassa bhikkhuno tividhānupassanāsampādanena vipassanāñāṇassa aparihāni. Tassā tividhakiriyākaraṇena aṇḍānaṃ allasinehapariyādānaṃ viya tassa bhikkhuno tividhānupassanāsampādanena bhavattayānugatanikantisinehapariyādānaṃ . Aṇḍakalāpānaṃ tanubhāvo viya bhikkhuno avijjaṇḍakosassa tanubhāvo. Kukkuṭapotakānaṃ pādanakhamutuṇḍakānaṃ thaddhakharabhāvo viya bhikkhuno vipassanāñāṇassa tikkhakharavippasannasūrabhāvo. Kukkuṭapotakānaṃ pariṇāmakālo viya bhikkhuno vipassanāñāṇassa pariṇāmakālo vaḍḍhitakālo gabbhaggahaṇakālo. Kukkuṭapotakānaṃ pādanakhasikhāya vā mukhatuṇḍakena vā aṇḍakosaṃ padāletvā pakkhe papphoṭetvā sotthinā abhinikkhamanakālo viya tassa bhikkhuno vipassanāñāṇagabbhaṃ gaṇhāpetvā vicarantassa tajjātikaṃ utusappāyaṃ vā bhojanasappāyaṃ vā puggalasappāyaṃ vā dhammassavanasappāyaṃ vā labhitvā ekāsane nisinnasseva vipassanaṃ vaḍḍhentassa anupubbādhigatena arahattamaggena avijjaṇḍakosaṃ padāletvā abhiññāpakkhe papphoṭetvā sotthinā arahattappattakālo veditabbo. Yathā pana kukkuṭapotakānaṃ pariṇatabhāvaṃ ñatvā mātāpi aṇḍakosaṃ bhindati, evaṃ tathārūpassa bhikkhuno ñāṇaparipākaṃ ñatvā satthāpi –
‘‘อุจฺฉินฺท สิเนหมตฺตโน, กุมุทํ สารทิกํว ปาณินา;
‘‘Ucchinda sinehamattano, kumudaṃ sāradikaṃva pāṇinā;
สนฺติมคฺคเมว พฺรูหย, นิพฺพานํ สุคเตน เทสิต’’นฺติฯ (ธ. ป. ๒๘๕) –
Santimaggameva brūhaya, nibbānaṃ sugatena desita’’nti. (dha. pa. 285) –
อาทินา นเยน โอภาสํ ผริตฺวา คาถาย อวิชฺชณฺฑโกสํ ปหรติ, โส คาถาปริโยสาเน อวิชฺชาณฺฑโกสํ ภินฺทิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติฯ ตโต ปฎฺฐาย ยถา เต กุกฺกุฎโปตกา คามเกฺขตฺตํ อุปโสภยมานา ตตฺถ ตตฺถ วิจรนฺติ, เอวํ อยมฺปิ มหาขีณาสโว นิพฺพานรมฺมณํ ผลสมาปตฺติํ อเปฺปตฺวา สงฺฆารามํ อุปโสภยมาโน วิจรติฯ
Ādinā nayena obhāsaṃ pharitvā gāthāya avijjaṇḍakosaṃ paharati, so gāthāpariyosāne avijjāṇḍakosaṃ bhinditvā arahattaṃ pāpuṇāti. Tato paṭṭhāya yathā te kukkuṭapotakā gāmakkhettaṃ upasobhayamānā tattha tattha vicaranti, evaṃ ayampi mahākhīṇāsavo nibbānarammaṇaṃ phalasamāpattiṃ appetvā saṅghārāmaṃ upasobhayamāno vicarati.
อิติ อิมสฺมิํ สุเตฺต จตฺตาริ ปหานานิ กถิตานิฯ กถํ? เจโตขิลานญฺหิ เจโตวินิพนฺธานํ ปหาเนน ปฎิสงฺขานปฺปปหานํ กถิตํ, อิทฺธิปาเทหิ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ กถิต, มเคฺค อาคเต สมุเจฺฉทปฺปหานํ กถิตํ, ผเล อาคเต ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ กถิตํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
Iti imasmiṃ sutte cattāri pahānāni kathitāni. Kathaṃ? Cetokhilānañhi cetovinibandhānaṃ pahānena paṭisaṅkhānappapahānaṃ kathitaṃ, iddhipādehi vikkhambhanappahānaṃ kathita, magge āgate samucchedappahānaṃ kathitaṃ, phale āgate paṭippassaddhippahānaṃ kathitaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
เจโตขิลสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cetokhilasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. เจโตขิลสุตฺตํ • 6. Cetokhilasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๖. เจโตขิลสุตฺตวณฺณนา • 6. Cetokhilasuttavaṇṇanā