Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๖. เจโตขิลสุตฺตวณฺณนา
6. Cetokhilasuttavaṇṇanā
๑๘๕. เจโต เตหิ ขิลยติ ถทฺธภาวํ อาปชฺชตีติ เจโตขิลาฯ เตนาห ‘‘จิตฺตสฺส ถทฺธภาวา’’ติฯ ยสฺมา เตหิ อุปฺปเนฺนหิ จิตฺตํ อุกฺลาปีชาตํ ฐานํ วิย อมนุญฺญํ เขตฺตํ วิย จ ขาณุกนิจิตํ อมหปฺผลํ โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘กจวรภาวา ขาณุกภาวา’’ติฯ ‘‘จิตฺตสฺสา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ จิตฺตํ พนฺธิตฺวาติ ตณฺหาปวตฺติภาวโต กุสลจารสฺส อวสรจชนวเสน จิตฺตํ พทฺธํ วิย สโมโรเธตฺวาฯ เตนาห ‘‘มุฎฺฐิยํ กตฺวา วิย คณฺหนฺตี’’ติฯ สทฺทตฺถโต ปน เจโต วิรูปํ นิพนฺธียติ สํยมียติ เอเตหีติ เจตโส วินิพนฺธา ยสฺส จตุพฺพิธํ สีลํ อขณฺฑาทิภาวปฺปตฺติยา สุปริสุทฺธํ วิเสสภาคิยตฺตา อปฺปกสิเรเนว มคฺคผลาวหํ มหาสงฺฆรกฺขิตเตฺถรสฺส วิย, โส ตาทิเสน สีเลน อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย วุทฺธิํ อาปชฺชิสฺสตีติ อาห ‘‘สีเลน วุทฺธิ’’นฺติฯ ยสฺส ปน อริยมโคฺค อุปฺปชฺชโนฺต วิรูฬฺหมูโล วิย ปาทโป สุปฺปติฎฺฐิโต, โส สาสเน วิรูฬฺหิํ อาปโนฺนติ อาห ‘‘มเคฺคน วิรูฬฺหิ’’นฺติฯ โย สพฺพโส กิเลสนิพฺพานปฺปโตฺต, โส อรหา สีลาทิธมฺมกฺขนฺธปาริปูริยา สติเวปุลฺลปฺปโตฺต โหตีติ อาห ‘‘นิพฺพาเนน เวปุลฺล’’นฺติฯ ทุติยวิกเปฺป อโตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตโพฺพฯ
185. Ceto tehi khilayati thaddhabhāvaṃ āpajjatīti cetokhilā. Tenāha ‘‘cittassa thaddhabhāvā’’ti. Yasmā tehi uppannehi cittaṃ uklāpījātaṃ ṭhānaṃ viya amanuññaṃ khettaṃ viya ca khāṇukanicitaṃ amahapphalaṃ hoti. Tena vuttaṃ ‘‘kacavarabhāvā khāṇukabhāvā’’ti. ‘‘Cittassā’’ti ānetvā sambandhitabbaṃ. Cittaṃ bandhitvāti taṇhāpavattibhāvato kusalacārassa avasaracajanavasena cittaṃ baddhaṃ viya samorodhetvā. Tenāha ‘‘muṭṭhiyaṃ katvā viya gaṇhantī’’ti. Saddatthato pana ceto virūpaṃ nibandhīyati saṃyamīyati etehīti cetaso vinibandhā yassa catubbidhaṃ sīlaṃ akhaṇḍādibhāvappattiyā suparisuddhaṃ visesabhāgiyattā appakasireneva maggaphalāvahaṃ mahāsaṅgharakkhitattherassa viya, so tādisena sīlena imasmiṃ dhammavinaye vuddhiṃ āpajjissatīti āha ‘‘sīlena vuddhi’’nti. Yassa pana ariyamaggo uppajjanto virūḷhamūlo viya pādapo suppatiṭṭhito, so sāsane virūḷhiṃ āpannoti āha ‘‘maggena virūḷhi’’nti. Yo sabbaso kilesanibbānappatto, so arahā sīlādidhammakkhandhapāripūriyā sativepullappatto hotīti āha ‘‘nibbānena vepulla’’nti. Dutiyavikappe attho vuttanayānusārena veditabbo.
พุทฺธานํ ธมฺมกาโย วิย รูปกาโยปิ อนญฺญสาธารณตาย อนุตฺตรคุณาธิฎฺฐานตาย จ อปจฺจกฺขการีนํ สํสยวตฺถุ โหติเยวาติ ‘‘สรีเร วา คุเณ วา กงฺขตี’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยถา มหาปุริสลกฺขเณน อนุพฺยญฺชนาทโย รูปกายคุณา คหิตา เอว โหนฺติ อวินาภาวโตติ ‘‘ทฺวตฺติํสวรลกฺขณปฺปฎิมณฺฑิต’’มิเจฺจว วุตฺตํ, เอวํ อนาวรณญาเณน สเพฺพปิ อนนฺตาปริเมยฺยเภทา ธมฺมกายคุณา คหิตา เอว โหนฺตีติ สพฺพญฺญุตญฺญาณคฺคหณเมว กตํ นานนฺตริยภาวโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ กงฺขหีติ ‘‘อโห วต เต คุณา น ภเวยฺยุํ, ภเวยฺยุํ วา’’ติ ปตฺถนุปฺปาทนวเสน กงฺขติฯ ปุริโม หิ วิปรีตชฺฌาสโย, อิตโร ยถาภูตญาณชฺฌาสโยฯ วิจินโนฺตติ วิจยภูตาย ปญฺญาย เต วิเวเจตุกาโม ตทภาวโต กิจฺฉํ ทุกฺขํ อาปชฺชติ, กิจฺฉปฺปตฺติ จ ตตฺถ นิเจฺฉตุํ อสมตฺถตาเยวาติ อาห ‘‘วินิเจฺฉตุํ น สโกฺกตี’’ติฯ วิคตา จิกิจฺฉาติ วิจิกิจฺฉาฯ อธิโมกฺขํ น ปฎิลภตีติ ‘‘เอวเมต’’นฺติ โอกปฺปนวเสน คุเณสุ วินิจฺฉยํ นาธิคจฺฉติฯ โอตริตฺวาติ ญาเณน อนุปวิสิตฺวาฯ ปสีทิตุนฺติ ‘‘ปสนฺนรูปธมฺมกายคุเณหิ ภควา’’ติ ปสีทิตุํฯ อนาวิโล อกาลุโสฺส โหตุํ น สโกฺกติฯ ‘‘กงฺขตี’’ติ อิมินา ทุพฺพลา วิมติ วุตฺตา, ‘‘วิจิกิจฺฉตี’’ติ อิมินา มชฺฌิมา, ‘‘นาธิมุจฺจตี’’ติ อิมินา พลวตี, ‘‘น สมฺปสีทตี’’ติ อิมินา ติวิธายปิ วิมติยา วเสน อุปฺปนฺนจิตฺตกาลุสฺสิยํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Buddhānaṃ dhammakāyo viya rūpakāyopi anaññasādhāraṇatāya anuttaraguṇādhiṭṭhānatāya ca apaccakkhakārīnaṃ saṃsayavatthu hotiyevāti ‘‘sarīre vā guṇe vā kaṅkhatī’’ti vuttaṃ. Tattha yathā mahāpurisalakkhaṇena anubyañjanādayo rūpakāyaguṇā gahitā eva honti avinābhāvatoti ‘‘dvattiṃsavaralakkhaṇappaṭimaṇḍita’’micceva vuttaṃ, evaṃ anāvaraṇañāṇena sabbepi anantāparimeyyabhedā dhammakāyaguṇā gahitā eva hontīti sabbaññutaññāṇaggahaṇameva kataṃ nānantariyabhāvatoti daṭṭhabbaṃ. Kaṅkhahīti ‘‘aho vata te guṇā na bhaveyyuṃ, bhaveyyuṃ vā’’ti patthanuppādanavasena kaṅkhati. Purimo hi viparītajjhāsayo, itaro yathābhūtañāṇajjhāsayo. Vicinantoti vicayabhūtāya paññāya te vivecetukāmo tadabhāvato kicchaṃ dukkhaṃ āpajjati, kicchappatti ca tattha nicchetuṃ asamatthatāyevāti āha ‘‘vinicchetuṃ na sakkotī’’ti. Vigatā cikicchāti vicikicchā. Adhimokkhaṃ na paṭilabhatīti ‘‘evameta’’nti okappanavasena guṇesu vinicchayaṃ nādhigacchati. Otaritvāti ñāṇena anupavisitvā. Pasīditunti ‘‘pasannarūpadhammakāyaguṇehi bhagavā’’ti pasīdituṃ. Anāvilo akālusso hotuṃ na sakkoti. ‘‘Kaṅkhatī’’ti iminā dubbalā vimati vuttā, ‘‘vicikicchatī’’ti iminā majjhimā, ‘‘nādhimuccatī’’ti iminā balavatī, ‘‘na sampasīdatī’’ti iminā tividhāyapi vimatiyā vasena uppannacittakālussiyaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ.
อาตปฺปายาติอาทิโต ตปติ สนฺตปติ กิเลเสติ อาตปฺปํ, อารมฺภธาตุ, ตทตฺถายฯ อนุโยคายาติ ยถา สํกิเลสธมฺมานํ อวสโร น โหติ, เอวํ อนุ อนุ ยุญฺชนํ อนุโยโค, นิกฺกมธาตุ, ตทตฺถายฯ เตนาห ‘‘ปุนปฺปุนํ โยคายา’’ติฯ สาตจฺจายาติ ยถา อุปรูปริ วิเสสาธิคโม โหติ, ตถา สตตสฺส นิรนฺตรปวตฺตสฺส อนุโยคสฺส ภาโว สาตจฺจํ, ปรกฺกมธาตุ, ตทตฺถายฯ ปธานายาติ สนฺตเมวํ ติวิธธาตุสํวฑฺฒิตานุภาวํ สพฺพกิเลสวิทฺธํสนสมตฺถํ ปธานสงฺขาตํ วีริยํ, ตทตฺถายฯ เอตฺถ จ อาตปฺปาย จิตฺตํ น นมติ ยถาวุตฺตกงฺขาวเสน, ปเคว อนุโยคาทิอตฺถนฺติ ทเสฺสตุํ จตฺตาริปิ ปทานิ คหิตานิ, อนวเสสวิเสสทสฺสนตฺถํ วาฯ เกจิ ปน ‘‘อาตปฺปเววจนาเนว อนุโยคาทิปทานี’’ติ วทนฺติฯ เอตฺตาวตา ภควา สตฺถริ กงฺขาย จิตฺตสฺส ถทฺธกจวรขาณุกภาเวน อกุสลภาวาทิอาปาทนโต เจโตขิลภาวํ ทเสฺสติฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ
Ātappāyātiādito tapati santapati kileseti ātappaṃ, ārambhadhātu, tadatthāya. Anuyogāyāti yathā saṃkilesadhammānaṃ avasaro na hoti, evaṃ anu anu yuñjanaṃ anuyogo, nikkamadhātu, tadatthāya. Tenāha ‘‘punappunaṃ yogāyā’’ti. Sātaccāyāti yathā uparūpari visesādhigamo hoti, tathā satatassa nirantarapavattassa anuyogassa bhāvo sātaccaṃ, parakkamadhātu, tadatthāya. Padhānāyāti santamevaṃ tividhadhātusaṃvaḍḍhitānubhāvaṃ sabbakilesaviddhaṃsanasamatthaṃ padhānasaṅkhātaṃ vīriyaṃ, tadatthāya. Ettha ca ātappāya cittaṃ na namati yathāvuttakaṅkhāvasena, pageva anuyogādiatthanti dassetuṃ cattāripi padāni gahitāni, anavasesavisesadassanatthaṃ vā. Keci pana ‘‘ātappavevacanāneva anuyogādipadānī’’ti vadanti. Ettāvatā bhagavā satthari kaṅkhāya cittassa thaddhakacavarakhāṇukabhāvena akusalabhāvādiāpādanato cetokhilabhāvaṃ dasseti. Sesesupi eseva nayo.
สิกฺขาคฺคหเณน ปฎิปตฺติสทฺธมฺมสฺส คหิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ปริยตฺติธเมฺม จ ปฎิเวธธเมฺม จา’’ติฯ ปริยตฺติธเมฺม ยตฺถ กงฺขาย สมฺภโว, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตยิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํ ปรมฺปราย ปฎิเวธาวหภาวาทิวเสนปิ เอกจฺจานํ ตตฺถ สํสยุปฺปตฺติโตฯ ยถา จ ปฎิเวเธ กงฺขา วุตฺตา, เอวํ อธิคมธเมฺมปิ ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพาฯ ตถา หิ เอกเจฺจ ‘‘กสิณาทิภาวนาย ฌานานิ อิชฺฌนฺตี’’ติ วทนฺติฯ ‘‘กสิณนิสฺสโนฺท อารุปฺปาติ, เมตฺตาทินิสฺสโนฺท จตุตฺถพฺรหฺมวิหาโร’’ติ เอวมาทินา กงฺขติเยวาติฯ เอตฺถ จ นวโลกุตฺตเรสุ ปญฺญตฺติยํเยว กงฺขาปวตฺติ เวทิตพฺพา อสํกิเลสิกตฺตา โลกุตฺตรธมฺมานํฯ
Sikkhāggahaṇena paṭipattisaddhammassa gahitattā vuttaṃ ‘‘pariyattidhamme ca paṭivedhadhamme cā’’ti. Pariyattidhamme yattha kaṅkhāya sambhavo, taṃ dassetuṃ ‘‘caturāsīti dhammakkhandhasahassānī’’tiādi vuttaṃ. Tayidaṃ nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ paramparāya paṭivedhāvahabhāvādivasenapi ekaccānaṃ tattha saṃsayuppattito. Yathā ca paṭivedhe kaṅkhā vuttā, evaṃ adhigamadhammepi pavattatīti veditabbā. Tathā hi ekacce ‘‘kasiṇādibhāvanāya jhānāni ijjhantī’’ti vadanti. ‘‘Kasiṇanissando āruppāti, mettādinissando catutthabrahmavihāro’’ti evamādinā kaṅkhatiyevāti. Ettha ca navalokuttaresu paññattiyaṃyeva kaṅkhāpavatti veditabbā asaṃkilesikattā lokuttaradhammānaṃ.
เอวรูปนฺติ เอทิสํ สุปฺปฎิปตฺติ-อุชุปฺปฎิปตฺติ-ญายปฺปฎิปตฺติ-สามีจิปฺปฎิปตฺติ-สงฺขาตํ สมฺมาปฎิปทํฯ อธิสีลสิกฺขาทโย โลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุธมฺมภูตา เวทิตพฺพาฯ เอวญฺหิ มคฺคผลสิกฺขาหิ อิมาสํ วิเสโส สิโทฺธ โหติฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สิกฺขาคฺคหเณน ปฎิปตฺติสทฺธมฺมสฺส คหิตตฺตา’’ติฯ เอตฺถ จ ยถา วิจิกิจฺฉา วตฺถุตฺตยสฺส สิกฺขาย จ คุเณสุ อนธิมุจฺจนอสมฺปสีทนวเสน อปฺปฎิปตฺติภาวโต จิตฺตสฺส ถทฺธภาโว อาสปฺปนปริสปฺปนวเสน ปวตฺติยา กจวรขาณุกภาโว จ, เอวํ สพฺรหฺมจารีสุ อาฆาตจณฺฑิกฺกาทิวเสน จิตฺตสฺส ถทฺธภาโว จ อุปหนนวิรุชฺฌนาทิวเสน กจวรขาณุกภาโว จ เวทิตโพฺพฯ อริยสงฺฆวิสยา วิจิกิจฺฉา, ปุคฺคลวิสยา กาจิ นตฺถีติ สงฺฆวิสยาว คหิตา, สาสนิกวเสน จายํ เจโตขิลเทสนาติ สพฺรหฺมจารีวิสโยว โกโป คหิโตฯ
Evarūpanti edisaṃ suppaṭipatti-ujuppaṭipatti-ñāyappaṭipatti-sāmīcippaṭipatti-saṅkhātaṃ sammāpaṭipadaṃ. Adhisīlasikkhādayo lokuttaradhammassa anudhammabhūtā veditabbā. Evañhi maggaphalasikkhāhi imāsaṃ viseso siddho hoti. Tathā hi vuttaṃ ‘‘sikkhāggahaṇena paṭipattisaddhammassa gahitattā’’ti. Ettha ca yathā vicikicchā vatthuttayassa sikkhāya ca guṇesu anadhimuccanaasampasīdanavasena appaṭipattibhāvato cittassa thaddhabhāvo āsappanaparisappanavasena pavattiyā kacavarakhāṇukabhāvo ca, evaṃ sabrahmacārīsu āghātacaṇḍikkādivasena cittassa thaddhabhāvo ca upahananavirujjhanādivasena kacavarakhāṇukabhāvo ca veditabbo. Ariyasaṅghavisayā vicikicchā, puggalavisayā kāci natthīti saṅghavisayāva gahitā, sāsanikavasena cāyaṃ cetokhiladesanāti sabrahmacārīvisayova kopo gahito.
๑๘๖. ยถา วตฺถุกาโม, เอวํ กิเลสกาโมปิ อสฺสาทนีโย เอวาติ ‘‘กิเลสกาเมปี’’ติ วุตฺตํฯ เตนาห ภควา ‘‘รูปตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓; วิภ. ๒๐๓)ฯ กามนิเทฺทเส (มหานิ. ๑) สเพฺพปิ เตภูมกา ธมฺมา กามนียเฎฺฐน ‘‘กามา’’ติ วุตฺตา, พลวกามราควตฺถุภูตาเยเวตฺถ กามคฺคหเณน คหิตาติฯ วินิพทฺธวตฺถุภาเวน ยถา วิสุํ อตฺตโน กาโย คหิโต, ตถา ปเรสํ ตถารูปา รูปธมฺมา สมูหเฎฺฐนาติ อาห ‘‘รูเปติ พหิทฺธารูเป’’ติฯ ยถา หิ ปญฺจกามคุณิโก ราโค ฌานาทิวิเสสาธิคมสฺส วินิพทฺธาย สํวตฺตติ, เอวํ อตฺตโน กาเย อเปกฺขา พหิทฺธา จ สกปริกฺขารญาติมิตฺตาทีสุ อเปกฺขาติฯ เกจิ ปเนตฺถ ‘‘รูเปติ รูปชฺฌาเน’’ติอาทินา ปปเญฺจนฺติฯ ตทยุตฺตํ ฌานาธิคมวินิพทฺธานํ สีลสฺส จ สํกิเลสภูตานํ เจโตวินิพทฺธภาเวน คหิตตฺตาฯ
186. Yathā vatthukāmo, evaṃ kilesakāmopi assādanīyo evāti ‘‘kilesakāmepī’’ti vuttaṃ. Tenāha bhagavā ‘‘rūpataṇhā loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ, etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisatī’’tiādi (dī. ni. 2.400; ma. ni. 1.133; vibha. 203). Kāmaniddese (mahāni. 1) sabbepi tebhūmakā dhammā kāmanīyaṭṭhena ‘‘kāmā’’ti vuttā, balavakāmarāgavatthubhūtāyevettha kāmaggahaṇena gahitāti. Vinibaddhavatthubhāvena yathā visuṃ attano kāyo gahito, tathā paresaṃ tathārūpā rūpadhammā samūhaṭṭhenāti āha ‘‘rūpeti bahiddhārūpe’’ti. Yathā hi pañcakāmaguṇiko rāgo jhānādivisesādhigamassa vinibaddhāya saṃvattati, evaṃ attano kāye apekkhā bahiddhā ca sakaparikkhārañātimittādīsu apekkhāti. Keci panettha ‘‘rūpeti rūpajjhāne’’tiādinā papañcenti. Tadayuttaṃ jhānādhigamavinibaddhānaṃ sīlassa ca saṃkilesabhūtānaṃ cetovinibaddhabhāvena gahitattā.
ยาวทตฺถนฺติ ยาว อเตฺถติ อภิกงฺขติ, ตาวฯ เตนาห ‘‘ยตฺตกํ อิจฺฉติ, ตตฺตก’’นฺติฯ นฺติ ยาวทตฺถํ อุทรปูรํ ภุตฺตํฯ อวเทหนโต ปูรณโตฯ เสยฺยสุขนฺติ เสยฺยํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชนกสุขํฯ ปสฺสสุขนฺติ ปสฺสานํ สมฺปริวตฺตเนน อุปฺปชฺชนกสุขํฯ นิทฺทาสุขนฺติ นิทฺทายเนน อุปฺปชฺชนกสุขํฯ
Yāvadatthanti yāva attheti abhikaṅkhati, tāva. Tenāha ‘‘yattakaṃ icchati, tattaka’’nti. Nti yāvadatthaṃ udarapūraṃ bhuttaṃ. Avadehanato pūraṇato. Seyyasukhanti seyyaṃ paṭicca uppajjanakasukhaṃ. Passasukhanti passānaṃ samparivattanena uppajjanakasukhaṃ. Niddāsukhanti niddāyanena uppajjanakasukhaṃ.
สีเลนาติอาทิ ปตฺถนาการทสฺสนํฯ วตสมาทานนฺติ ธุตงฺคาทิวตานุฎฺฐานํฯ ตโปติ วีริยารโมฺภฯ โส หิ กิเลสานํ ตปนเฎฺฐน นิคฺคณฺหนเฎฺฐน ตปจรณนฺติ วุตฺตํฯ
Sīlenātiādi patthanākāradassanaṃ. Vatasamādānanti dhutaṅgādivatānuṭṭhānaṃ. Tapoti vīriyārambho. So hi kilesānaṃ tapanaṭṭhena niggaṇhanaṭṭhena tapacaraṇanti vuttaṃ.
๑๘๙. ฉนฺทํ นิสฺสายาติ ฉนฺทํ ธุรํ, ฉนฺทํ เชฎฺฐกํ, ฉนฺทํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา ปวตฺติวเสน ฉนฺทํ นิสฺสายฯ เชฎฺฐกเฎฺฐน ปธานภูตา, ปธานภาวํ วา ปตฺตาติ ปธานภูตาฯ เตหิ ธเมฺมหีติ ฉนฺทนิสฺสเยน ปวตฺตสมาธินา เจว ‘‘ปธานสงฺขาโร’’ติ วุตฺตวีริเยน จฯ อุเปตนฺติ สมฺปยุตฺตํฯ อิชฺฌนเฎฺฐน อิทฺธิ, นิปฺผตฺติอเตฺถน ปฎิลาภเฎฺฐน จาติ อโตฺถ, ตสฺสา อิทฺธิยา ปาทํ ปาทกํ ปทฎฺฐานภูตํฯ อถ วา อิชฺฌนฺติ ตาย อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิ, สาว อุปริวิเสสานํ อธิฎฺฐานภาวโต ปาโทฯ เตนาห ‘‘อิทฺธิภูตํ วา ปาทนฺติ อิทฺธิปาท’’นฺติฯ เสเสสุปีติ วีริยิทฺธิปาทาทีสุปิฯ อสฺสาติ อิทฺธิปาทสฺสฯ อโตฺถ ทีปิโตติ ทีปนตฺถํ กตํ, ตสฺมา วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๒.๓๖๙) ตสฺส อตฺถวิจาโร คเหตโพฺพฯ อิทฺธิปาทานํ สมาธิปธานตฺตา วุตฺตํ ‘‘วิกฺขมฺภนปฺปหานํ กถิต’’นฺติฯ เตสํ เตสํ กุสลธมฺมานํ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทนกิริยาย อุปฺปนฺนานํ ปริพฺรูหนกิริยาย อุสฺสหนโต อุโสฺสฬฺหี, ถามปฺปตฺตา ปรกฺกมธาตุฯ สา ปน จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ วิเสสปจฺจยภูตา เต อุปาทาย ‘‘ปญฺจมี’’ติ วุตฺตา, สา จ ยสฺมา สมถวิปสฺสนาภาวนาสุ ตตฺถ จอาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ สาเธตพฺพํ วีริยํ, ตสฺมา อาห ‘‘อุโสฺสฬฺหีติ สพฺพตฺถ กตฺตพฺพวีริยํ ทเสฺสตี’’ติฯ ปุพฺพภาคิยสมถวิปสฺสนาสาธนํ ปหาตพฺพธมฺมวิภาเคน ภินฺทิตฺวา อาห ‘‘ปญฺจ เจโตขิลปฺปหานานิ ปญฺจ วินิพนฺธปฺปหานานี’’ติฯ ภโพฺพติ ยุโตฺต อรหติ นิปฺผตฺติยาฯ ญาเณนาติ มคฺคญาเณนฯ กิเลสเภทายาติ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทนายฯ เขมสฺสาติ อนุปทฺทวสฺสฯ
189.Chandaṃ nissāyāti chandaṃ dhuraṃ, chandaṃ jeṭṭhakaṃ, chandaṃ pubbaṅgamaṃ katvā pavattivasena chandaṃ nissāya. Jeṭṭhakaṭṭhena padhānabhūtā, padhānabhāvaṃ vā pattāti padhānabhūtā. Tehi dhammehīti chandanissayena pavattasamādhinā ceva ‘‘padhānasaṅkhāro’’ti vuttavīriyena ca. Upetanti sampayuttaṃ. Ijjhanaṭṭhena iddhi, nipphattiatthena paṭilābhaṭṭhena cāti attho, tassā iddhiyā pādaṃ pādakaṃ padaṭṭhānabhūtaṃ. Atha vā ijjhanti tāya iddhā vuddhā ukkaṃsagatā hontīti iddhi, sāva uparivisesānaṃ adhiṭṭhānabhāvato pādo. Tenāha ‘‘iddhibhūtaṃ vā pādanti iddhipāda’’nti. Sesesupīti vīriyiddhipādādīsupi. Assāti iddhipādassa. Attho dīpitoti dīpanatthaṃ kataṃ, tasmā visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyaṃ (visuddhi. mahāṭī. 2.369) tassa atthavicāro gahetabbo. Iddhipādānaṃ samādhipadhānattā vuttaṃ ‘‘vikkhambhanappahānaṃ kathita’’nti. Tesaṃ tesaṃ kusaladhammānaṃ anuppannānaṃ uppādanakiriyāya uppannānaṃ paribrūhanakiriyāya ussahanato ussoḷhī, thāmappattā parakkamadhātu. Sā pana catunnaṃ iddhipādānaṃ visesapaccayabhūtā te upādāya ‘‘pañcamī’’ti vuttā, sā ca yasmā samathavipassanābhāvanāsu tattha caādimajjhapariyosānesu sādhetabbaṃ vīriyaṃ, tasmā āha ‘‘ussoḷhīti sabbattha kattabbavīriyaṃ dassetī’’ti. Pubbabhāgiyasamathavipassanāsādhanaṃ pahātabbadhammavibhāgena bhinditvā āha ‘‘pañca cetokhilappahānāni pañca vinibandhappahānānī’’ti. Bhabboti yutto arahati nipphattiyā. Ñāṇenāti maggañāṇena. Kilesabhedāyāti kilesānaṃ samucchindanāya. Khemassāti anupaddavassa.
สมฺภาวนเตฺถติ (สารตฺถ. ฎี. ๑.๑๑; อ. นิ. ฎี. ๓.๗.๗๑) ‘‘อปิ นาเมวํ สิยา’’ติ วิกปฺปนโตฺถ สมฺภาวนโตฺถฯ เอวํ หีติ เอวํ เอกเมว สงฺขฺยํ อวตฺวา อปราย สงฺขฺยาย สทฺธิํ วจนํ โลเก สิลิฎฺฐวจนํ โหติ ยถา ‘‘เทฺว วา ตีณิ วา อุทกผุสิตานี’’ติฯ สมฺมา อธิสยิตานีติ ปาทาทีหิ อตฺตนา เนสํ กิญฺจิ อุปฆาตํ อกโรนฺติยา พหิวาตาทิปริสฺสยปริหรณตฺถํ สมฺมเทว อุปริ สยิตานิฯ อุตุํ คาหาเปนฺติยาติ เตสํ อลฺลสิเนหปริยาทานตฺถํ อตฺตโน กายุสฺมาวเสน อุตุํ คณฺหาเปนฺติยาฯ เตนาห ‘‘อุสฺมีกตานี’’ติฯ สมฺมา ปริภาวิตานีติ สมฺมเทว สพฺพโส กุกฺกุฎวาสนาย วาสิตานิฯ เตนาห ‘‘กุกฺกุฎคนฺธํ คาหาปิตานี’’ติฯ อยญฺจ กุกฺกุฎคนฺธปริภาวนา สมฺมาอธิสยนสมฺมาปริเสทนนิปฺผตฺติยา ‘‘อนุนิปฺผาที’’ติ (สารตฺถ. ฎี. ๑.๑๑) ทฎฺฐพฺพาฯ เตหิ ปน สทฺธิํเยว อิชฺฌนโต วุตฺตํ ‘‘ติวิธกิริยากรเณนา’’ติฯ กิญฺจาปิ น เอวํ ‘‘อโห วติเม’’ติอาทินา อิจฺฉา อุปฺปเชฺชยฺย, การณสฺส ปน สมฺปาทิตตฺตา อถ โข ภพฺพาว อภินิพฺภิชฺชิตุนฺติ โยชนา ฯ กสฺมา ภพฺพาติ อาห ‘‘เต หิ ยสฺมา ตายา’’ติอาทิฯ เอตฺถ ยถา กปาลสฺส ตนุตา อาโลกสฺส อโนฺต ปญฺญายมานสฺส การณํ, ตถา กปาลสฺส ตนุตาย นขสิขามุขตุณฺฑกานํ ขรตาย จ อลฺลสิเนหสฺส ปริยาทานํ การณวจนนฺติ ทฎฺฐพฺพํ, ตสฺมาติ อาโลกสฺส อโนฺต ปญฺญายมานโต, สยญฺจ ปริปากคตตฺตาฯ
Sambhāvanattheti (sārattha. ṭī. 1.11; a. ni. ṭī. 3.7.71) ‘‘api nāmevaṃ siyā’’ti vikappanattho sambhāvanattho. Evaṃ hīti evaṃ ekameva saṅkhyaṃ avatvā aparāya saṅkhyāya saddhiṃ vacanaṃ loke siliṭṭhavacanaṃ hoti yathā ‘‘dve vā tīṇi vā udakaphusitānī’’ti. Sammā adhisayitānīti pādādīhi attanā nesaṃ kiñci upaghātaṃ akarontiyā bahivātādiparissayapariharaṇatthaṃ sammadeva upari sayitāni. Utuṃ gāhāpentiyāti tesaṃ allasinehapariyādānatthaṃ attano kāyusmāvasena utuṃ gaṇhāpentiyā. Tenāha ‘‘usmīkatānī’’ti. Sammā paribhāvitānīti sammadeva sabbaso kukkuṭavāsanāya vāsitāni. Tenāha ‘‘kukkuṭagandhaṃ gāhāpitānī’’ti. Ayañca kukkuṭagandhaparibhāvanā sammāadhisayanasammāparisedananipphattiyā ‘‘anunipphādī’’ti (sārattha. ṭī. 1.11) daṭṭhabbā. Tehi pana saddhiṃyeva ijjhanato vuttaṃ ‘‘tividhakiriyākaraṇenā’’ti. Kiñcāpi na evaṃ ‘‘aho vatime’’tiādinā icchā uppajjeyya, kāraṇassa pana sampāditattā atha kho bhabbāva abhinibbhijjitunti yojanā . Kasmā bhabbāti āha ‘‘te hi yasmā tāyā’’tiādi. Ettha yathā kapālassa tanutā ālokassa anto paññāyamānassa kāraṇaṃ, tathā kapālassa tanutāya nakhasikhāmukhatuṇḍakānaṃ kharatāya ca allasinehassa pariyādānaṃ kāraṇavacananti daṭṭhabbaṃ, tasmāti ālokassa anto paññāyamānato, sayañca paripākagatattā.
โอปมฺมสมฺปฎิปาทนนฺติ โอปมฺมตฺถสฺส อุปเมเยฺยน สมฺมเทว ปฎิปาทนํฯ อเตฺถนาติ อุปเมยฺยเตฺถนฯ ยถา กุกฺกุฎิยา อเณฺฑสุ ติวิธกิริยาย กรณํ กุกฺกุฎจฺฉาปกานํ อณฺฑโกสโต นิกฺขมนสฺส มูลการณํ, เอวํ ภิกฺขุโน อุโสฺสฬฺหีปนฺนรสานิ องฺคานิ อวิชฺชณฺฑโกสโต นิกฺขมนสฺส มูลการณนฺติ อาห ‘‘ตสฺสา กุกฺกุฎิยา…เป.… สมนฺนาคตภาโว’’ติฯ ปฎิจฺฉาทนสามเญฺญน อวิชฺชาย อณฺฑโกสสทิสตาย พลววิปสฺสนาวเสน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโว, วิปสฺสนาญาณสฺส ปริณามกาโล วุฎฺฐานคามินิภาวาปตฺติ, ตทา จ สา มคฺคญาณคพฺภํ ธาเรนฺตี วิย โหตีติ อาห ‘‘คพฺภคฺคหณกาโล’’ติฯ อภิญฺญาปเกฺขติ โลกิยาภิญฺญาปเกฺขฯ โลกุตฺตราภิญฺญา หิ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาลิกาติฯ คาถาย อวิชฺชณฺฑโกสํ ปหรตีติ เทสนาวิลาเสน วิเนยฺยสนฺตานคตํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ฆเฎฺฎติ, ยถาฐาเน ฐาตุํ น เทติฯ
Opammasampaṭipādananti opammatthassa upameyyena sammadeva paṭipādanaṃ. Atthenāti upameyyatthena. Yathā kukkuṭiyā aṇḍesu tividhakiriyāya karaṇaṃ kukkuṭacchāpakānaṃ aṇḍakosato nikkhamanassa mūlakāraṇaṃ, evaṃ bhikkhuno ussoḷhīpannarasāni aṅgāni avijjaṇḍakosato nikkhamanassa mūlakāraṇanti āha ‘‘tassā kukkuṭiyā…pe… samannāgatabhāvo’’ti. Paṭicchādanasāmaññena avijjāya aṇḍakosasadisatāya balavavipassanāvasena avijjaṇḍakosassa tanubhāvo, vipassanāñāṇassa pariṇāmakālo vuṭṭhānagāminibhāvāpatti, tadā ca sā maggañāṇagabbhaṃ dhārentī viya hotīti āha ‘‘gabbhaggahaṇakālo’’ti. Abhiññāpakkheti lokiyābhiññāpakkhe. Lokuttarābhiññā hi avijjaṇḍakosaṃ padālikāti. Gāthāya avijjaṇḍakosaṃ paharatīti desanāvilāsena vineyyasantānagataṃ avijjaṇḍakosaṃ ghaṭṭeti, yathāṭhāne ṭhātuṃ na deti.
ปฎิสงฺขานปฺปหานนฺติ ตทงฺคปฺปหานปุพฺพกํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํฯ ปุพฺพภาคิยา อิทฺธิปาทา ปาฬิยํ คหิตาติ ‘‘อิทฺธิปาเทหิ วิกฺขมฺภนปฺปหาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘อุโสฺสฬฺหิปนฺนรสงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภโพฺพ อภินิพฺพิทายา’’ติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๑.๑๘๙) โลกุตฺตริทฺธิปาทา ปน สโมฺพธคฺคหเณเนว คหิตาฯ มเคฺค อาคเตติ อุโสฺสฬฺหีปนฺนรสงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาปยโต มเคฺค อาคเต อุปฺปเนฺน, ปาฬิยํ วา อภินิพฺภิทาสโมฺพธคฺคหเณหิ มเคฺค อาคเตฯ ผเล อาคเตติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ นิพฺพานสฺส ปน ปาฬิยํ อนาคตตฺตา นิสฺสรณปฺปหานํ น คหิตํฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Paṭisaṅkhānappahānanti tadaṅgappahānapubbakaṃ vikkhambhanappahānaṃ. Pubbabhāgiyā iddhipādā pāḷiyaṃ gahitāti ‘‘iddhipādehi vikkhambhanappahāna’’nti vuttaṃ. ‘‘Ussoḷhipannarasaṅgasamannāgato bhikkhu bhabbo abhinibbidāyā’’tiādivacanato (ma. ni. 1.189) lokuttariddhipādā pana sambodhaggahaṇeneva gahitā. Magge āgateti ussoḷhīpannarasaṅgasamannāgatassa bhikkhuno vipassanaṃ ussukkāpayato magge āgate uppanne, pāḷiyaṃ vā abhinibbhidāsambodhaggahaṇehi magge āgate. Phale āgateti etthāpi vuttanayena attho veditabbo. Nibbānassa pana pāḷiyaṃ anāgatattā nissaraṇappahānaṃ na gahitaṃ. Sesaṃ suviññeyyameva.
เจโตขิลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Cetokhilasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. เจโตขิลสุตฺตํ • 6. Cetokhilasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. เจโตขิลสุตฺตวณฺณนา • 6. Cetokhilasuttavaṇṇanā