Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
๔. ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Chabbassasikkhāpadavaṇṇanā
๕๖๒. นวํ นาม กรณํ อุปาทายาติ อิทํ อาทิกรณโต ปฎฺฐาย วสฺสคณนํ ทีเปติฯ กริตฺวา วาติ วจนํ นิฎฺฐานทิวสโต ปฎฺฐายาติ ทีเปติฯ ธาเรตพฺพนฺติ วจนํ ปน ปริโภคโต ปฎฺฐายาติ ทีเปติ, ยสฺมา ลทฺธสมฺมุติกสฺส คตคตฎฺฐาเน ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ โอรโตว กตานิ พหูนิปิ โหนฺติ, ตสฺมา อญฺญํ นวนฺติ กิํ กตโต อญฺญํ, อุทาหุ ธาริตโต อญฺญนฺติ? กิเญฺจตฺถ ยทิ กตโต อญฺญํ, เตสุ อญฺญตรํ ทุกฺกตํ วา ปริโภคชิณฺณํ วา ปุน กาตุํ วฎฺฎติ, ตญฺจ โข วินาปิ ปุราณสนฺถตสฺส สุคตวิทตฺถิํ อปฺปฎิสิทฺธปริยาปนฺนตฺตาฯ กตโต หิ อญฺญํ ปฎิสิทฺธํ, อิทญฺจ ปุพฺพกตนฺติ ตโต อนนฺตรสิกฺขาปทวิโรโธ โหติฯ อถ ธาริตโต อญฺญํ นาม, สมฺมุติ นิรตฺถิกา อาปชฺชติ, ปฐมกตํ เจ อปริภุตฺตํ, สติยาปิ สมฺมุติยา อญฺญํ นวํ น วฎฺฎตีติ อธิปฺปาโย? ตตฺริทํ สนฺนิฎฺฐานนิทสฺสนํ – นิฎฺฐานทิวสโต ปฎฺฐาย ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ ปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ จ สตฺตเม วเสฺส สมฺปเตฺต ฉพฺพสฺสานิ ปริปุณฺณานิ โหนฺติฯ ตญฺจ โข มาสปริเจฺฉทวเสน, น วสฺสปริเจฺฉทวเสนฯ สตฺตเม ปริปุณฺณญฺจ อูนกญฺจ วสฺสํ นาม, ตสฺมา วิปฺปกตเสฺสว สเจ ฉพฺพสฺสานิ ปูเรนฺติ, ปุน นิฎฺฐานทิวสโต ปฎฺฐาย ฉพฺพสฺสานิ ลภนฺติฯ ตญฺจ โข ปริภุตฺตํ วา โหตุ อปริภุตฺตํ วา, ธาริตเมว นามฯ ยสฺมา ‘‘นวํ นาม กรณํ อุปาทาย วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ฉนฺนํ วสฺสานํ ปรโต ตเมว ปุพฺพกตํ ทุกฺกตภาเวน, ปริโภคชิณฺณตาย วา วิชเฎตฺวา ปุน กโรติ, นิฎฺฐานทิวสโต ปฎฺฐาย ฉพฺพสฺสปรมตา ธาเรตพฺพํ, อติเรกํ วาฯ อโนฺต เจ กโรติ, ตเทว อญฺญํ นวํ นาม โหติ กรณํ อุปาทาย, ตสฺมา นิสฺสคฺคิยํฯ อญฺญถา ‘‘นวํ นาม กรณํ อุปาทายา’’ติ อิมินา น โกจิ วิเสโส อตฺถิฯ เอวํ สเนฺต กิํ โหติ? อฎฺฐุปฺปตฺตีติฯ ‘‘ยาจนพหุลา วิญฺญตฺติพหุลา วิหรนฺตี’’ติ หิ ตตฺถ วุตฺตํ, ตญฺจ อญฺญสฺส กรณํ ทีเปติฯ ยทิ เอวํ ตํ นิพฺพิเสสเมว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติฯ อยํ ปนสฺส วิเสโส, ยสฺมา ‘‘อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชติ, อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตโตฺถ วิเสโสติฯ กิํ วุตฺตํ โหติ ? ‘‘นวํ นาม กรณํ อุปาทาย วุจฺจตี’’ติ วุเตฺต อติเรกจีวรสฺส อุปฺปตฺติ วิย ปฎิลาเภนสฺส อุปฺปตฺติ นวตา อาปชฺชติฯ ตโต ปฎิลทฺธทิวสโต ปฎฺฐาย ฉพฺพสฺสปรมตา ธาเรตพฺพํฯ โอเรน เจ ฉนฺนํ วสฺสานํ…เป.… การาเปยฺย, นิสฺสคฺคิยนฺติ อาปชฺชติ, ตสฺมา นวํ นาม กรณเมว อุปาทาย วุจฺจติ, น ปฎิลาภํฯ โอเรน ฉนฺนํ วสฺสานํ อตฺตโน อนุปฺปนฺนตฺตา ‘‘นว’’นฺติ สงฺขฺยํ คตํ, อปฺปฎิลทฺธํ เจ การาเปยฺย, ยถา ลาโภ, ตถา กเรยฺย วา การาเปยฺย วาติ จ น โหติฯ กสฺมา? ยสฺมา อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชติ, อนาปตฺตีติ วิเสโสติฯ
562.Navaṃnāma karaṇaṃ upādāyāti idaṃ ādikaraṇato paṭṭhāya vassagaṇanaṃ dīpeti. Karitvā vāti vacanaṃ niṭṭhānadivasato paṭṭhāyāti dīpeti. Dhāretabbanti vacanaṃ pana paribhogato paṭṭhāyāti dīpeti, yasmā laddhasammutikassa gatagataṭṭhāne channaṃ channaṃ vassānaṃ oratova katāni bahūnipi honti, tasmā aññaṃ navanti kiṃ katato aññaṃ, udāhu dhāritato aññanti? Kiñcettha yadi katato aññaṃ, tesu aññataraṃ dukkataṃ vā paribhogajiṇṇaṃ vā puna kātuṃ vaṭṭati, tañca kho vināpi purāṇasanthatassa sugatavidatthiṃ appaṭisiddhapariyāpannattā. Katato hi aññaṃ paṭisiddhaṃ, idañca pubbakatanti tato anantarasikkhāpadavirodho hoti. Atha dhāritato aññaṃ nāma, sammuti niratthikā āpajjati, paṭhamakataṃ ce aparibhuttaṃ, satiyāpi sammutiyā aññaṃ navaṃ na vaṭṭatīti adhippāyo? Tatridaṃ sanniṭṭhānanidassanaṃ – niṭṭhānadivasato paṭṭhāya channaṃ channaṃ vassānaṃ paricchedo veditabbo. Tattha ca sattame vasse sampatte chabbassāni paripuṇṇāni honti. Tañca kho māsaparicchedavasena, na vassaparicchedavasena. Sattame paripuṇṇañca ūnakañca vassaṃ nāma, tasmā vippakatasseva sace chabbassāni pūrenti, puna niṭṭhānadivasato paṭṭhāya chabbassāni labhanti. Tañca kho paribhuttaṃ vā hotu aparibhuttaṃ vā, dhāritameva nāma. Yasmā ‘‘navaṃ nāma karaṇaṃ upādāya vuccatī’’ti vuttaṃ, tasmā channaṃ vassānaṃ parato tameva pubbakataṃ dukkatabhāvena, paribhogajiṇṇatāya vā vijaṭetvā puna karoti, niṭṭhānadivasato paṭṭhāya chabbassaparamatā dhāretabbaṃ, atirekaṃ vā. Anto ce karoti, tadeva aññaṃ navaṃ nāma hoti karaṇaṃ upādāya, tasmā nissaggiyaṃ. Aññathā ‘‘navaṃ nāma karaṇaṃ upādāyā’’ti iminā na koci viseso atthi. Evaṃ sante kiṃ hoti? Aṭṭhuppattīti. ‘‘Yācanabahulā viññattibahulā viharantī’’ti hi tattha vuttaṃ, tañca aññassa karaṇaṃ dīpeti. Yadi evaṃ taṃ nibbisesameva āpajjatīti? Nāpajjati. Ayaṃ panassa viseso, yasmā ‘‘aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjati, anāpattī’’ti vuttattho visesoti. Kiṃ vuttaṃ hoti ? ‘‘Navaṃ nāma karaṇaṃ upādāya vuccatī’’ti vutte atirekacīvarassa uppatti viya paṭilābhenassa uppatti navatā āpajjati. Tato paṭiladdhadivasato paṭṭhāya chabbassaparamatā dhāretabbaṃ. Orena ce channaṃ vassānaṃ…pe… kārāpeyya, nissaggiyanti āpajjati, tasmā navaṃ nāma karaṇameva upādāya vuccati, na paṭilābhaṃ. Orena channaṃ vassānaṃ attano anuppannattā ‘‘nava’’nti saṅkhyaṃ gataṃ, appaṭiladdhaṃ ce kārāpeyya, yathā lābho, tathā kareyya vā kārāpeyya vāti ca na hoti. Kasmā? Yasmā aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjati, anāpattīti visesoti.
ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Chabbassasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๔. ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทํ • 4. Chabbassasikkhāpadaṃ