Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๒. ฉพฺพิโสธนสุตฺตํ
2. Chabbisodhanasuttaṃ
๙๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
98. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อญฺญํ พฺยากโรติ – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติฯ ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ภาสิตํ เนว อภินนฺทิตพฺพํ นปฺปฎิโกฺกสิตพฺพํฯ อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฎิโกฺกสิตฺวา ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพ – ‘จตฺตาโรเม, อาวุโส, โวหารา เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สมฺมทกฺขาตาฯ กตเม จตฺตาโร? ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐวาทิตา, สุเต สุตวาทิตา, มุเต มุตวาทิตา, วิญฺญาเต วิญฺญาตวาทิตา – อิเม โข, อาวุโส, จตฺตาโร โวหารา เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สมฺมทกฺขาตาฯ กถํ ชานโต ปนายสฺมโต, กถํ ปสฺสโต อิเมสุ จตูสุ โวหาเรสุ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’นฺติ? ขีณาสวสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วุสิตวโต กตกรณียสฺส โอหิตภารสฺส อนุปฺปตฺตสทตฺถสฺส ปริกฺขีณภวสํโยชนสฺส สมฺมทญฺญาวิมุตฺตสฺส อยมนุธโมฺม โหติ เวยฺยากรณาย – ‘ทิเฎฺฐ โข อหํ , อาวุโส, อนุปาโย อนปาโย อนิสฺสิโต อปฺปฎิพโทฺธ วิปฺปมุโตฺต วิสํยุโตฺต วิมริยาทีกเตน เจตสา วิหรามิฯ สุเต โข อหํ, อาวุโส…เป.… มุเต โข อหํ, อาวุโส… วิญฺญาเต โข อหํ, อาวุโส, อนุปาโย อนปาโย อนิสฺสิโต อปฺปฎิพโทฺธ วิปฺปมุโตฺต วิสํยุโตฺต วิมริยาทีกเตน เจตสา วิหรามิฯ เอวํ โข เม, อาวุโส, ชานโต เอวํ ปสฺสโต อิเมสุ จตูสุ โวหาเรสุ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’นฺติฯ ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘สาธู’ติ ภาสิตํ อภินนฺทิตพฺพํ อนุโมทิตพฺพํฯ ‘สาธู’ติ ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุตฺตริํ ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพฯ
‘‘Idha, bhikkhave, bhikkhu aññaṃ byākaroti – ‘khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’ti. Tassa, bhikkhave, bhikkhuno bhāsitaṃ neva abhinanditabbaṃ nappaṭikkositabbaṃ. Anabhinanditvā appaṭikkositvā pañho pucchitabbo – ‘cattārome, āvuso, vohārā tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sammadakkhātā. Katame cattāro? Diṭṭhe diṭṭhavāditā, sute sutavāditā, mute mutavāditā, viññāte viññātavāditā – ime kho, āvuso, cattāro vohārā tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sammadakkhātā. Kathaṃ jānato panāyasmato, kathaṃ passato imesu catūsu vohāresu anupādāya āsavehi cittaṃ vimutta’nti? Khīṇāsavassa, bhikkhave, bhikkhuno vusitavato katakaraṇīyassa ohitabhārassa anuppattasadatthassa parikkhīṇabhavasaṃyojanassa sammadaññāvimuttassa ayamanudhammo hoti veyyākaraṇāya – ‘diṭṭhe kho ahaṃ , āvuso, anupāyo anapāyo anissito appaṭibaddho vippamutto visaṃyutto vimariyādīkatena cetasā viharāmi. Sute kho ahaṃ, āvuso…pe… mute kho ahaṃ, āvuso… viññāte kho ahaṃ, āvuso, anupāyo anapāyo anissito appaṭibaddho vippamutto visaṃyutto vimariyādīkatena cetasā viharāmi. Evaṃ kho me, āvuso, jānato evaṃ passato imesu catūsu vohāresu anupādāya āsavehi cittaṃ vimutta’nti. Tassa, bhikkhave, bhikkhuno ‘sādhū’ti bhāsitaṃ abhinanditabbaṃ anumoditabbaṃ. ‘Sādhū’ti bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uttariṃ pañho pucchitabbo.
๙๙. ‘‘‘ปญฺจิเม, อาวุโส, อุปาทานกฺขนฺธา เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สมฺมทกฺขาตาฯ กตเม ปญฺจ? เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ, เวทนุปาทานกฺขโนฺธ, สญฺญุปาทานกฺขโนฺธ, สงฺขารุปาทานกฺขโนฺธ, วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธ – อิเม โข, อาวุโส, ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สมฺมทกฺขาตาฯ กถํ ชานโต ปนายสฺมโต, กถํ ปสฺสโต อิเมสุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’นฺติ? ขีณาสวสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วุสิตวโต กตกรณียสฺส โอหิตภารสฺส อนุปฺปตฺตสทตฺถสฺส ปริกฺขีณภวสํโยชนสฺส สมฺมทญฺญาวิมุตฺตสฺส อยมนุธโมฺม โหติ เวยฺยากรณาย – ‘รูปํ โข อหํ, อาวุโส, อพลํ วิราคุนํ 1 อนสฺสาสิกนฺติ วิทิตฺวา เย รูเป อุปายูปาทานา 2 เจตโส อธิฎฺฐานาภินิเวสานุสยา เตสํ ขยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฎินิสฺสคฺคา วิมุตฺตํ เม จิตฺตนฺติ ปชานามิฯ เวทนํ โข อหํ, อาวุโส…เป.… สญฺญํ โข อหํ, อาวุโส… สงฺขาเร โข อหํ, อาวุโส… วิญฺญาณํ โข อหํ, อาวุโส, อพลํ วิราคุนํ อนสฺสาสิกนฺติ วิทิตฺวา เย วิญฺญาเณ อุปายูปาทานา เจตโส อธิฎฺฐานาภินิเวสานุสยา เตสํ ขยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฎินิสฺสคฺคา วิมุตฺตํ เม จิตฺตนฺติ ปชานามิฯ เอวํ โข เม, อาวุโส, ชานโต เอวํ ปสฺสโต อิเมสุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’นฺติฯ ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘สาธู’ติ ภาสิตํ อภินนฺทิตพฺพํ, อนุโมทิตพฺพํฯ ‘สาธู’ติ ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุตฺตริํ ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพฯ
99. ‘‘‘Pañcime, āvuso, upādānakkhandhā tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sammadakkhātā. Katame pañca? Seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho, vedanupādānakkhandho, saññupādānakkhandho, saṅkhārupādānakkhandho, viññāṇupādānakkhandho – ime kho, āvuso, pañcupādānakkhandhā tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sammadakkhātā. Kathaṃ jānato panāyasmato, kathaṃ passato imesu pañcasu upādānakkhandhesu anupādāya āsavehi cittaṃ vimutta’nti? Khīṇāsavassa, bhikkhave, bhikkhuno vusitavato katakaraṇīyassa ohitabhārassa anuppattasadatthassa parikkhīṇabhavasaṃyojanassa sammadaññāvimuttassa ayamanudhammo hoti veyyākaraṇāya – ‘rūpaṃ kho ahaṃ, āvuso, abalaṃ virāgunaṃ 3 anassāsikanti viditvā ye rūpe upāyūpādānā 4 cetaso adhiṭṭhānābhinivesānusayā tesaṃ khayā virāgā nirodhā cāgā paṭinissaggā vimuttaṃ me cittanti pajānāmi. Vedanaṃ kho ahaṃ, āvuso…pe… saññaṃ kho ahaṃ, āvuso… saṅkhāre kho ahaṃ, āvuso… viññāṇaṃ kho ahaṃ, āvuso, abalaṃ virāgunaṃ anassāsikanti viditvā ye viññāṇe upāyūpādānā cetaso adhiṭṭhānābhinivesānusayā tesaṃ khayā virāgā nirodhā cāgā paṭinissaggā vimuttaṃ me cittanti pajānāmi. Evaṃ kho me, āvuso, jānato evaṃ passato imesu pañcasu upādānakkhandhesu anupādāya āsavehi cittaṃ vimutta’nti. Tassa, bhikkhave, bhikkhuno ‘sādhū’ti bhāsitaṃ abhinanditabbaṃ, anumoditabbaṃ. ‘Sādhū’ti bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uttariṃ pañho pucchitabbo.
๑๐๐. ‘‘‘ฉยิมา , อาวุโส, ธาตุโย เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สมฺมทกฺขาตาฯ กตมา ฉ? ปถวีธาตุ, อาโปธาตุ, เตโชธาตุ, วาโยธาตุ, อากาสธาตุ, วิญฺญาณธาตุ – อิมา โข, อาวุโส, ฉ ธาตุโย เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สมฺมทกฺขาตาฯ กถํ ชานโต ปนายสฺมโต, กถํ ปสฺสโต อิมาสุ ฉสุ ธาตูสุ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’นฺติ? ขีณาสวสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วุสิตวโต กตกรณียสฺส โอหิตภารสฺส อนุปฺปตฺตสทตฺถสฺส ปริกฺขีณภวสํโยชนสฺส สมฺมทญฺญาวิมุตฺตสฺส อยมนุธโมฺม โหติ เวยฺยากรณาย – ‘ปถวีธาตุํ โข อหํ, อาวุโส, น อตฺตโต อุปคจฺฉิํ, น จ ปถวีธาตุนิสฺสิตํ อตฺตานํฯ เย จ ปถวีธาตุนิสฺสิตา อุปายูปาทานา เจตโส อธิฎฺฐานาภินิเวสานุสยา เตสํ ขยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฎินิสฺสคฺคา วิมุตฺตํ เม จิตฺตนฺติ ปชานามิฯ อาโปธาตุํ โข อหํ, อาวุโส…เป.… เตโชธาตุํ โข อหํ, อาวุโส… วาโยธาตุํ โข อหํ, อาวุโส… อากาสธาตุํ โข อหํ, อาวุโส… วิญฺญาณธาตุํ โข อหํ, อาวุโส, น อตฺตโต อุปคจฺฉิํ, น จ วิญฺญาณธาตุนิสฺสิตํ อตฺตานํฯ เย จ วิญฺญาณธาตุนิสฺสิตา อุปายูปาทานา เจตโส อธิฎฺฐานาภินิเวสานุสยา เตสํ ขยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฎินิสฺสคฺคา วิมุตฺตํ เม จิตฺตนฺติ ปชานามิฯ เอวํ โข เม, อาวุโส, ชานโต, เอวํ ปสฺสโต อิมาสุ ฉสุ ธาตูสุ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’นฺติฯ ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘สาธู’ติ ภาสิตํ อภินนฺทิตพฺพํ, อนุโมทิตพฺพํฯ ‘สาธู’ติ ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุตฺตริํ ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพฯ
100. ‘‘‘Chayimā , āvuso, dhātuyo tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sammadakkhātā. Katamā cha? Pathavīdhātu, āpodhātu, tejodhātu, vāyodhātu, ākāsadhātu, viññāṇadhātu – imā kho, āvuso, cha dhātuyo tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sammadakkhātā. Kathaṃ jānato panāyasmato, kathaṃ passato imāsu chasu dhātūsu anupādāya āsavehi cittaṃ vimutta’nti? Khīṇāsavassa, bhikkhave, bhikkhuno vusitavato katakaraṇīyassa ohitabhārassa anuppattasadatthassa parikkhīṇabhavasaṃyojanassa sammadaññāvimuttassa ayamanudhammo hoti veyyākaraṇāya – ‘pathavīdhātuṃ kho ahaṃ, āvuso, na attato upagacchiṃ, na ca pathavīdhātunissitaṃ attānaṃ. Ye ca pathavīdhātunissitā upāyūpādānā cetaso adhiṭṭhānābhinivesānusayā tesaṃ khayā virāgā nirodhā cāgā paṭinissaggā vimuttaṃ me cittanti pajānāmi. Āpodhātuṃ kho ahaṃ, āvuso…pe… tejodhātuṃ kho ahaṃ, āvuso… vāyodhātuṃ kho ahaṃ, āvuso… ākāsadhātuṃ kho ahaṃ, āvuso… viññāṇadhātuṃ kho ahaṃ, āvuso, na attato upagacchiṃ, na ca viññāṇadhātunissitaṃ attānaṃ. Ye ca viññāṇadhātunissitā upāyūpādānā cetaso adhiṭṭhānābhinivesānusayā tesaṃ khayā virāgā nirodhā cāgā paṭinissaggā vimuttaṃ me cittanti pajānāmi. Evaṃ kho me, āvuso, jānato, evaṃ passato imāsu chasu dhātūsu anupādāya āsavehi cittaṃ vimutta’nti. Tassa, bhikkhave, bhikkhuno ‘sādhū’ti bhāsitaṃ abhinanditabbaṃ, anumoditabbaṃ. ‘Sādhū’ti bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uttariṃ pañho pucchitabbo.
๑๐๑. ‘‘‘ฉ โข ปนิมานิ, อาวุโส, อชฺฌตฺติกพาหิรานิ 5 อายตนานิ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สมฺมทกฺขาตานิฯ กตมานิ ฉ? จกฺขุ เจว รูปา จ, โสตญฺจ สทฺทา จ, ฆานญฺจ คนฺธา จ, ชิวฺหา จ รสา จ, กาโย จ โผฎฺฐพฺพา จ, มโน จ ธมฺมา จ – อิมานิ โข, อาวุโส, ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สมฺมทกฺขาตานิฯ กถํ ชานโต ปนายสฺมโต, กถํ ปสฺสโต อิเมสุ ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสุ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’นฺติ? ขีณาสวสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วุสิตวโต กตกรณียสฺส โอหิตภารสฺส อนุปฺปตฺตสทตฺถสฺส ปริกฺขีณภวสํโยชนสฺส สมฺมทญฺญาวิมุตฺตสฺส อยมนุธโมฺม โหติ เวยฺยากรณาย – ‘จกฺขุสฺมิํ, อาวุโส, รูเป จกฺขุวิญฺญาเณ จกฺขุวิญฺญาณวิญฺญาตเพฺพสุ ธเมฺมสุ โย ฉโนฺท โย ราโค ยา นนฺที 6 ยา ตณฺหา เย จ อุปายูปาทานา เจตโส อธิฎฺฐานาภินิเวสานุสยา เตสํ ขยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฎินิสฺสคฺคา วิมุตฺตํ เม จิตฺตนฺติ ปชานามิฯ โสตสฺมิํ, อาวุโส, สเทฺท โสตวิญฺญาเณ…เป.… ฆานสฺมิํ, อาวุโส, คเนฺธ ฆานวิญฺญาเณ… ชิวฺหาย, อาวุโส, รเส ชิวฺหาวิญฺญาเณ… กายสฺมิํ, อาวุโส, โผฎฺฐเพฺพ กายวิญฺญาเณ… มนสฺมิํ, อาวุโส, ธเมฺม มโนวิญฺญาเณ มโนวิญฺญาณวิญฺญาตเพฺพสุ ธเมฺมสุ โย ฉโนฺท โย ราโค ยา นนฺที ยา ตณฺหา เย จ อุปายูปาทานา เจตโส อธิฎฺฐานาภินิเวสานุสยา เตสํ ขยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฎินิสฺสคฺคา วิมุตฺตํ เม จิตฺตนฺติ ปชานามิฯ เอวํ โข เม, อาวุโส, ชานโต เอวํ ปสฺสโต อิเมสุ ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสุ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’นฺติฯ ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘สาธู’ติ ภาสิตํ อภินนฺทิตพฺพํ อนุโมทิตพฺพํฯ ‘สาธู’ติ ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุตฺตริํ ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพฯ
101. ‘‘‘Cha kho panimāni, āvuso, ajjhattikabāhirāni 7 āyatanāni tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sammadakkhātāni. Katamāni cha? Cakkhu ceva rūpā ca, sotañca saddā ca, ghānañca gandhā ca, jivhā ca rasā ca, kāyo ca phoṭṭhabbā ca, mano ca dhammā ca – imāni kho, āvuso, cha ajjhattikabāhirāni āyatanāni tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sammadakkhātāni. Kathaṃ jānato panāyasmato, kathaṃ passato imesu chasu ajjhattikabāhiresu āyatanesu anupādāya āsavehi cittaṃ vimutta’nti? Khīṇāsavassa, bhikkhave, bhikkhuno vusitavato katakaraṇīyassa ohitabhārassa anuppattasadatthassa parikkhīṇabhavasaṃyojanassa sammadaññāvimuttassa ayamanudhammo hoti veyyākaraṇāya – ‘cakkhusmiṃ, āvuso, rūpe cakkhuviññāṇe cakkhuviññāṇaviññātabbesu dhammesu yo chando yo rāgo yā nandī 8 yā taṇhā ye ca upāyūpādānā cetaso adhiṭṭhānābhinivesānusayā tesaṃ khayā virāgā nirodhā cāgā paṭinissaggā vimuttaṃ me cittanti pajānāmi. Sotasmiṃ, āvuso, sadde sotaviññāṇe…pe… ghānasmiṃ, āvuso, gandhe ghānaviññāṇe… jivhāya, āvuso, rase jivhāviññāṇe… kāyasmiṃ, āvuso, phoṭṭhabbe kāyaviññāṇe… manasmiṃ, āvuso, dhamme manoviññāṇe manoviññāṇaviññātabbesu dhammesu yo chando yo rāgo yā nandī yā taṇhā ye ca upāyūpādānā cetaso adhiṭṭhānābhinivesānusayā tesaṃ khayā virāgā nirodhā cāgā paṭinissaggā vimuttaṃ me cittanti pajānāmi. Evaṃ kho me, āvuso, jānato evaṃ passato imesu chasu ajjhattikabāhiresu āyatanesu anupādāya āsavehi cittaṃ vimutta’nti. Tassa, bhikkhave, bhikkhuno ‘sādhū’ti bhāsitaṃ abhinanditabbaṃ anumoditabbaṃ. ‘Sādhū’ti bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uttariṃ pañho pucchitabbo.
๑๐๒. ‘‘‘กถํ ชานโต ปนายสฺมโต, กถํ ปสฺสโต อิมสฺมิญฺจ สวิญฺญาณเก กาเย พหิทฺธา จ สพฺพนิมิเตฺตสุ อหํการมมํการมานานุสยา สมูหตา’ติ 9? ขีณาสวสฺส , ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วุสิตวโต กตกรณียสฺส โอหิตภารสฺส อนุปฺปตฺตสทตฺถสฺส ปริกฺขีณภวสํโยชนสฺส สมฺมทญฺญาวิมุตฺตสฺส อยมนุธโมฺม โหติ เวยฺยากรณาย – ‘ปุเพฺพ โข อหํ, อาวุโส, อคาริยภูโต สมาโน อวิทฺทสุ อโหสิํฯ ตสฺส เม ตถาคโต วา ตถาคตสาวโก วา ธมฺมํ เทเสสิฯ ตาหํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฎิลภิํฯ โส เตน สทฺธาปฎิลาเภน สมนฺนาคโต อิติ ปฎิสญฺจิกฺขิํ – สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อโพฺภกาโส ปพฺพชฺชาฯ นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํฯ ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’’’นฺติฯ
102. ‘‘‘Kathaṃ jānato panāyasmato, kathaṃ passato imasmiñca saviññāṇake kāye bahiddhā ca sabbanimittesu ahaṃkāramamaṃkāramānānusayā samūhatā’ti 10? Khīṇāsavassa , bhikkhave, bhikkhuno vusitavato katakaraṇīyassa ohitabhārassa anuppattasadatthassa parikkhīṇabhavasaṃyojanassa sammadaññāvimuttassa ayamanudhammo hoti veyyākaraṇāya – ‘pubbe kho ahaṃ, āvuso, agāriyabhūto samāno aviddasu ahosiṃ. Tassa me tathāgato vā tathāgatasāvako vā dhammaṃ desesi. Tāhaṃ dhammaṃ sutvā tathāgate saddhaṃ paṭilabhiṃ. So tena saddhāpaṭilābhena samannāgato iti paṭisañcikkhiṃ – sambādho gharāvāso rajāpatho, abbhokāso pabbajjā. Nayidaṃ sukaraṃ agāraṃ ajjhāvasatā ekantaparipuṇṇaṃ ekantaparisuddhaṃ saṅkhalikhitaṃ brahmacariyaṃ carituṃ. Yaṃnūnāhaṃ kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajeyya’’’nti.
‘‘โส โข อหํ, อาวุโส, อปเรน สมเยน อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย, อปฺปํ วา ญาติปริวฎฺฎํ ปหาย มหนฺตํ วา ญาติปริวฎฺฎํ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิํฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปโนฺน ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต อโหสิํ นิหิตทโณฺฑ นิหิตสโตฺถ, ลชฺชี ทยาปโนฺน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหาสิํฯ อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต อโหสิํ ทินฺนาทายี ทินฺนปาฎิกงฺขี, อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหาสิํฯ อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี อโหสิํ อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมาฯ มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฎิวิรโต อโหสิํ สจฺจวาที สจฺจสโนฺธ เถโต ปจฺจยิโก อวิสํวาทโก โลกสฺสฯ ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรโต อโหสิํ, อิโต สุตฺวา น อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, อมุตฺร วา สุตฺวา น อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทาย; อิติ ภินฺนานํ วา สนฺธาตา สหิตานํ วา อนุปฺปทาตา สมคฺคาราโม สมคฺครโต สมคฺคนนฺที สมคฺคกรณิํ วาจํ ภาสิตา อโหสิํฯ ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรโต อโหสิํ; ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปิํ วาจํ ภาสิตา อโหสิํฯ สมฺผปฺปลาปํ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต อโหสิํ; กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที นิธานวติํ วาจํ ภาสิตา อโหสิํ กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวติํ อตฺถสํหิตํฯ
‘‘So kho ahaṃ, āvuso, aparena samayena appaṃ vā bhogakkhandhaṃ pahāya mahantaṃ vā bhogakkhandhaṃ pahāya, appaṃ vā ñātiparivaṭṭaṃ pahāya mahantaṃ vā ñātiparivaṭṭaṃ pahāya kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajiṃ. So evaṃ pabbajito samāno bhikkhūnaṃ sikkhāsājīvasamāpanno pāṇātipātaṃ pahāya pāṇātipātā paṭivirato ahosiṃ nihitadaṇḍo nihitasattho, lajjī dayāpanno sabbapāṇabhūtahitānukampī vihāsiṃ. Adinnādānaṃ pahāya adinnādānā paṭivirato ahosiṃ dinnādāyī dinnapāṭikaṅkhī, athenena sucibhūtena attanā vihāsiṃ. Abrahmacariyaṃ pahāya brahmacārī ahosiṃ ārācārī virato methunā gāmadhammā. Musāvādaṃ pahāya musāvādā paṭivirato ahosiṃ saccavādī saccasandho theto paccayiko avisaṃvādako lokassa. Pisuṇaṃ vācaṃ pahāya pisuṇāya vācāya paṭivirato ahosiṃ, ito sutvā na amutra akkhātā imesaṃ bhedāya, amutra vā sutvā na imesaṃ akkhātā amūsaṃ bhedāya; iti bhinnānaṃ vā sandhātā sahitānaṃ vā anuppadātā samaggārāmo samaggarato samagganandī samaggakaraṇiṃ vācaṃ bhāsitā ahosiṃ. Pharusaṃ vācaṃ pahāya pharusāya vācāya paṭivirato ahosiṃ; yā sā vācā nelā kaṇṇasukhā pemanīyā hadayaṅgamā porī bahujanakantā bahujanamanāpā tathārūpiṃ vācaṃ bhāsitā ahosiṃ. Samphappalāpaṃ pahāya samphappalāpā paṭivirato ahosiṃ; kālavādī bhūtavādī atthavādī dhammavādī vinayavādī nidhānavatiṃ vācaṃ bhāsitā ahosiṃ kālena sāpadesaṃ pariyantavatiṃ atthasaṃhitaṃ.
‘‘โส พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฎิวิรโต อโหสิํ, เอกภตฺติโก อโหสิํ รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนาฯ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฎิวิรโต อโหสิํฯ มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฎฺฐานา ปฎิวิรโต อโหสิํฯ อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฎิวิรโต อโหสิํฯ ชาตรูปรชตปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต อโหสิํ, อามกธญฺญปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต อโหสิํ, อามกมํสปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต อโหสิํ; อิตฺถิกุมาริกปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต อโหสิํ, ทาสิทาสปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต อโหสิํ, อเชฬกปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต อโหสิํ, กุกฺกุฎสูกรปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต อโหสิํ , หตฺถิควสฺสวฬวปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต อโหสิํ, เขตฺตวตฺถุปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต อโหสิํฯ ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคา ปฎิวิรโต อโหสิํ, กยวิกฺกยา ปฎิวิรโต อโหสิํ, ตุลากูฎกํสกูฎมานกูฎา ปฎิวิรโต อโหสิํ, อุโกฺกฎนวญฺจนนิกติสาจิโยคา ปฎิวิรโต อโหสิํ, เฉทนวธพนฺธนวิปราโมสอาโลปสหสาการา ปฎิวิรโต อโหสิํฯ
‘‘So bījagāmabhūtagāmasamārambhā paṭivirato ahosiṃ, ekabhattiko ahosiṃ rattūparato virato vikālabhojanā. Naccagītavāditavisūkadassanā paṭivirato ahosiṃ. Mālāgandhavilepanadhāraṇamaṇḍanavibhūsanaṭṭhānā paṭivirato ahosiṃ. Uccāsayanamahāsayanā paṭivirato ahosiṃ. Jātarūparajatapaṭiggahaṇā paṭivirato ahosiṃ, āmakadhaññapaṭiggahaṇā paṭivirato ahosiṃ, āmakamaṃsapaṭiggahaṇā paṭivirato ahosiṃ; itthikumārikapaṭiggahaṇā paṭivirato ahosiṃ, dāsidāsapaṭiggahaṇā paṭivirato ahosiṃ, ajeḷakapaṭiggahaṇā paṭivirato ahosiṃ, kukkuṭasūkarapaṭiggahaṇā paṭivirato ahosiṃ , hatthigavassavaḷavapaṭiggahaṇā paṭivirato ahosiṃ, khettavatthupaṭiggahaṇā paṭivirato ahosiṃ. Dūteyyapahiṇagamanānuyogā paṭivirato ahosiṃ, kayavikkayā paṭivirato ahosiṃ, tulākūṭakaṃsakūṭamānakūṭā paṭivirato ahosiṃ, ukkoṭanavañcananikatisāciyogā paṭivirato ahosiṃ, chedanavadhabandhanaviparāmosaālopasahasākārā paṭivirato ahosiṃ.
‘‘โส สนฺตุโฎฺฐ อโหสิํ กายปริหาริเกน จีวเรน, กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตนฯ โส เยน เยเนว 11 ปกฺกมิํ สมาทาเยว ปกฺกมิํฯ เสยฺยถาปิ นาม ปกฺขี สกุโณ เยน เยเนว เฑติ สปตฺตภาโรว เฑติ; เอวเมว โข อหํ, อาวุโส; สนฺตุโฎฺฐ อโหสิํ กายปริหาริเกน จีวเรน, กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตนฯ โส เยน เยเนว ปกฺกมิํ สมาทาเยว ปกฺกมิํฯ โส อิมินา อริเยน สีลกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อนวชฺชสุขํ ปฎิสํเวเทสิํฯ
‘‘So santuṭṭho ahosiṃ kāyaparihārikena cīvarena, kucchiparihārikena piṇḍapātena. So yena yeneva 12 pakkamiṃ samādāyeva pakkamiṃ. Seyyathāpi nāma pakkhī sakuṇo yena yeneva ḍeti sapattabhārova ḍeti; evameva kho ahaṃ, āvuso; santuṭṭho ahosiṃ kāyaparihārikena cīvarena, kucchiparihārikena piṇḍapātena. So yena yeneva pakkamiṃ samādāyeva pakkamiṃ. So iminā ariyena sīlakkhandhena samannāgato ajjhattaṃ anavajjasukhaṃ paṭisaṃvedesiṃ.
๑๐๓. ‘‘โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี อโหสิํ นานุพฺยญฺชนคฺคาหี; ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฎิปชฺชิํ ; รกฺขิํ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชิํฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป.… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป.… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป.… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา…เป.… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย น นิมิตฺตคฺคาหี อโหสิํ นานุพฺยญฺชนคฺคาหี; ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฎิปชฺชิํ; รกฺขิํ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชิํฯ โส อิมินา อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อพฺยาเสกสุขํ ปฎิสํเวเทสิํฯ
103. ‘‘So cakkhunā rūpaṃ disvā na nimittaggāhī ahosiṃ nānubyañjanaggāhī; yatvādhikaraṇamenaṃ cakkhundriyaṃ asaṃvutaṃ viharantaṃ abhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā anvāssaveyyuṃ, tassa saṃvarāya paṭipajjiṃ ; rakkhiṃ cakkhundriyaṃ, cakkhundriye saṃvaraṃ āpajjiṃ. Sotena saddaṃ sutvā…pe… ghānena gandhaṃ ghāyitvā…pe… jivhāya rasaṃ sāyitvā…pe… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā…pe… manasā dhammaṃ viññāya na nimittaggāhī ahosiṃ nānubyañjanaggāhī; yatvādhikaraṇamenaṃ manindriyaṃ asaṃvutaṃ viharantaṃ abhijjhādomanassā pāpakā akusalā dhammā anvāssaveyyuṃ, tassa saṃvarāya paṭipajjiṃ; rakkhiṃ manindriyaṃ, manindriye saṃvaraṃ āpajjiṃ. So iminā ariyena indriyasaṃvarena samannāgato ajjhattaṃ abyāsekasukhaṃ paṭisaṃvedesiṃ.
‘‘โส อภิกฺกเนฺต ปฎิกฺกเนฺต สมฺปชานการี อโหสิํ, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี อโหสิํ, สมิญฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี อโหสิํ, สงฺฆาฎิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี อโหสิํ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี อโหสิํ, อุจฺจารปสฺสาวกเมฺม สมฺปชานการี อโหสิํ, คเต ฐิเต นิสิเนฺน สุเตฺต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี อโหสิํฯ
‘‘So abhikkante paṭikkante sampajānakārī ahosiṃ, ālokite vilokite sampajānakārī ahosiṃ, samiñjite pasārite sampajānakārī ahosiṃ, saṅghāṭipattacīvaradhāraṇe sampajānakārī ahosiṃ, asite pīte khāyite sāyite sampajānakārī ahosiṃ, uccārapassāvakamme sampajānakārī ahosiṃ, gate ṭhite nisinne sutte jāgarite bhāsite tuṇhībhāve sampajānakārī ahosiṃ.
‘‘โส อิมินา จ อริเยน สีลกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต, (อิมาย จ อริยาย สนฺตุฎฺฐิยา สมนฺนาคโต,) 13 อิมินา จ อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต, อิมินา จ อริเยน สติสมฺปชเญฺญน สมนฺนาคโต วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชิํ อรญฺญํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อโพฺภกาสํ ปลาลปุญฺชํฯ โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต นิสีทิํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ
‘‘So iminā ca ariyena sīlakkhandhena samannāgato, (imāya ca ariyāya santuṭṭhiyā samannāgato,) 14 iminā ca ariyena indriyasaṃvarena samannāgato, iminā ca ariyena satisampajaññena samannāgato vivittaṃ senāsanaṃ bhajiṃ araññaṃ rukkhamūlaṃ pabbataṃ kandaraṃ giriguhaṃ susānaṃ vanapatthaṃ abbhokāsaṃ palālapuñjaṃ. So pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto nisīdiṃ pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā.
‘‘โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิเชฺฌน เจตสา วิหาสิํ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธสิํฯ พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิโตฺต วิหาสิํ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี, พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธสิํฯ ถินมิทฺธํ ปหาย วิคตถินมิโทฺธ วิหาสิํ อาโลกสญฺญี สโต สมฺปชาโน, ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธสิํฯ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหาสิํ อชฺฌตฺตํ, วูปสนฺตจิโตฺต, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธสิํฯ วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิหาสิํ อกถํกถี กุสเลสุ ธเมฺมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธสิํฯ
‘‘So abhijjhaṃ loke pahāya vigatābhijjhena cetasā vihāsiṃ, abhijjhāya cittaṃ parisodhesiṃ. Byāpādapadosaṃ pahāya abyāpannacitto vihāsiṃ sabbapāṇabhūtahitānukampī, byāpādapadosā cittaṃ parisodhesiṃ. Thinamiddhaṃ pahāya vigatathinamiddho vihāsiṃ ālokasaññī sato sampajāno, thinamiddhā cittaṃ parisodhesiṃ. Uddhaccakukkuccaṃ pahāya anuddhato vihāsiṃ ajjhattaṃ, vūpasantacitto, uddhaccakukkuccā cittaṃ parisodhesiṃ. Vicikicchaṃ pahāya tiṇṇavicikiccho vihāsiṃ akathaṃkathī kusalesu dhammesu, vicikicchāya cittaṃ parisodhesiṃ.
๑๐๔. ‘‘โส อิเม ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ…เป.… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ
104. ‘‘So ime pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ. Vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ…pe… tatiyaṃ jhānaṃ… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต อาสวานํ ขยญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิํฯ โส อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, อยํ ทุกฺขสมุทโยติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, อยํ ทุกฺขนิโรโธติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ; อิเม อาสวาติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, อยํ อาสวสมุทโยติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, อยํ อาสวนิโรโธติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฎิปทาติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํฯ ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถः วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณํ อโหสิฯ ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อพฺภญฺญาสิํฯ เอวํ โข เม, อาวุโส, ชานโต เอวํ ปสฺสโต อิมสฺมิญฺจ สวิญฺญาณเก กาเย พหิทฺธา จ สพฺพนิมิเตฺตสุ อหํการมมํการมานานุสยา สมูหตา’’ติ ฯ ‘‘ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘สาธู’ติ ภาสิตํ อภินนฺทิตพฺพํ อนุโมทิตพฺพํฯ ‘สาธู’ติ ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจาริํ สมนุปสฺสามา’’’ติ 15ฯ
‘‘So evaṃ samāhite citte parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpakkilese mudubhūte kammaniye ṭhite āneñjappatte āsavānaṃ khayañāṇāya cittaṃ abhininnāmesiṃ. So idaṃ dukkhanti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ayaṃ dukkhasamudayoti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ayaṃ dukkhanirodhoti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadāti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ; ime āsavāti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ayaṃ āsavasamudayoti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ayaṃ āsavanirodhoti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ayaṃ āsavanirodhagāminī paṭipadāti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ. Tassa me evaṃ jānato evaṃ passato kāmāsavāpi cittaṃ vimuccittha, bhavāsavāpi cittaṃ vimuccittha, avijjāsavāpi cittaṃ vimuccitthaः vimuttasmiṃ vimuttamiti ñāṇaṃ ahosi. Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyāti abbhaññāsiṃ. Evaṃ kho me, āvuso, jānato evaṃ passato imasmiñca saviññāṇake kāye bahiddhā ca sabbanimittesu ahaṃkāramamaṃkāramānānusayā samūhatā’’ti . ‘‘Tassa, bhikkhave, bhikkhuno ‘sādhū’ti bhāsitaṃ abhinanditabbaṃ anumoditabbaṃ. ‘Sādhū’ti bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā evamassa vacanīyo – ‘lābhā no, āvuso, suladdhaṃ no, āvuso, ye mayaṃ āyasmantaṃ tādisaṃ sabrahmacāriṃ samanupassāmā’’’ti 16.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
ฉพฺพิโสธนสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ
Chabbisodhanasuttaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ฉพฺพิโสธนสุตฺตวณฺณนา • 2. Chabbisodhanasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๒. ฉพฺพิโสธนสุตฺตวณฺณนา • 2. Chabbisodhanasuttavaṇṇanā