Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๒. ฉพฺพิโสธนสุตฺตวณฺณนา

    2. Chabbisodhanasuttavaṇṇanā

    ๙๘. ขีณา ชาตีติ อตฺตโน ชาติกฺขยํ ปฎิชานเนฺตน อรหตฺตํ พฺยากตํ โหติ อรหโต ตทภาวโตฯ ตถา วุสิตํ พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยวาโส เม ปริโยสิโตติ ปฎิชานเนฺตนปิฯ กตํ กรณียนฺติ จตูหิ มเคฺคหิ จตูสุ สเจฺจสุ ปริญฺญาทิวเสน โสฬสวิธสฺสปิ กิจฺจสฺส อตฺตนา นิฎฺฐาปิตภาวํ ปฎิชานเนฺตนปิฯ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อายติํ ปุนพฺภวาภาวํ, อายติํ วา ปริญฺญาทิกรณียาภาวํ ปฎิชานเนฺตนปีติ อาห – ‘‘เอเกนปิ ปเทน อญฺญา พฺยากตาว โหตี’’ติฯ ทฺวิกฺขตฺตุํ พทฺธํ ปน สุพทฺธํ วิยาติ วุตฺตํฯ อิธ ปน อญฺญาพฺยากรณํ จตูหิ ปเทหิ อาคตํ, ตสฺมา วตฺตพฺพเมว เจตฺถ นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ เจตนาย ทิฎฺฐวาทิตา นาม อริยโวหาโรฯ สภาโวติ ปกติอโตฺถ หิ อยํ ธมฺมสโทฺท, ‘‘ชาติธมฺมา ชราธมฺมา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๗๔-๒๗๕) วิย ตสฺมา, อนุธโมฺมติ อริยภาวํ อนุคตา ปกตีติ อโตฺถฯ ปรมปฺปิจฺฉตาย อริยา อตฺตโน คุเณ อนาวิกโรนฺตาปิ สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวปเวทนตฺถเญฺจว สพฺรหฺมจารีนํ สมฺมาปฎิปตฺติยํ อุสฺสาหชนนตฺถญฺจ ตาทิสานํ ปรินิพฺพานสมเยเยว อาวิกโรนฺตีติ อธิปฺปาเยนาห – ‘‘ปรินิพฺพุตสฺส…เป.… กาตโพฺพ’’ติฯ

    98.Khīṇājātīti attano jātikkhayaṃ paṭijānantena arahattaṃ byākataṃ hoti arahato tadabhāvato. Tathā vusitaṃ brahmacariyanti maggabrahmacariyavāso me pariyositoti paṭijānantenapi. Kataṃ karaṇīyanti catūhi maggehi catūsu saccesu pariññādivasena soḷasavidhassapi kiccassa attanā niṭṭhāpitabhāvaṃ paṭijānantenapi. Nāparaṃ itthattāyāti āyatiṃ punabbhavābhāvaṃ, āyatiṃ vā pariññādikaraṇīyābhāvaṃ paṭijānantenapīti āha – ‘‘ekenapi padena aññā byākatāva hotī’’ti. Dvikkhattuṃ baddhaṃ pana subaddhaṃ viyāti vuttaṃ. Idha pana aññābyākaraṇaṃ catūhi padehi āgataṃ, tasmā vattabbameva cettha natthīti adhippāyo. Cetanāya diṭṭhavāditā nāma ariyavohāro. Sabhāvoti pakatiattho hi ayaṃ dhammasaddo, ‘‘jātidhammā jarādhammā’’tiādīsu (ma. ni. 1.274-275) viya tasmā, anudhammoti ariyabhāvaṃ anugatā pakatīti attho. Paramappicchatāya ariyā attano guṇe anāvikarontāpi sāsanassa niyyānikabhāvapavedanatthañceva sabrahmacārīnaṃ sammāpaṭipattiyaṃ ussāhajananatthañca tādisānaṃ parinibbānasamayeyeva āvikarontīti adhippāyenāha – ‘‘parinibbutassa…pe… kātabbo’’ti.

    ๙๙. ทุพฺพลนฺติ เผคฺคุ วิย สุเภชฺชนียํ พลวิรหิตํ, อสารนฺติ อโตฺถฯ วิราคุตนฺติ ปลุชฺชนสภาวํฯ วิคจฺฉนสภาวนฺติ วินาสคมนสภาวํฯ อนิจฺจทุกฺขวิปริณามตฺตา อสฺสาสเลสสฺสปิ อภาวโต อสฺสาสวิรหิตํฯ อารมฺมณกรณวเสน สมนฺนาคมนวเสน จ ยถารหํ อุเปนฺติ อุปคจฺฉนฺตีติ อุปยา, ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ อุปาทิยนฺติ ทฬฺหคฺคาหํ คณฺหนฺตีติ อุปาทานาฯ อธิติฎฺฐติ เจตโส อภินนฺทนภูตาติ เจตโส อธิฎฺฐานํฯ ตาหีติ ตณฺหาทิฎฺฐีหิฯ นฺติ จิตฺตํฯ อภินิวิสตีติ อภิรติวเสน นิวิสติ, อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – สกฺกายธเมฺมสุ จิตฺตํ อภินิวิสติ ‘‘เอตํ มมํ, เอโส เม อตฺตา’’ติ อโชฺฌสาย ติฎฺฐติ เอตาหิ อภินิเวสาหิ, ตถา สกฺกายธเมฺมสุ จิตฺตํ อนุเสติ เอตาหีติ อนุสยา, ตณฺหาทิฎฺฐิโยฯ ยทเคฺคน หิ เตภูมกธเมฺมสุ ราคาทโย อนุเสนฺติ, ตทเคฺคน ตํสหคตธมฺมา ตตฺถ อนุเสนฺตีติ ปริยาเยน, ‘‘ตํ อนุเสตี’’ติ วุตฺตํฯ ขยา วิราคาติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนนฺติ ‘‘ขเยน วิราเคนา’’ติ เหตุมฺหิ กรณวเสน อโตฺถ วุโตฺตฯ วิราเคนาติ จ อิติสโทฺท อาทิ อโตฺถ ฯ เตน ‘‘นิโรเธนา’’ติ เอวมาทิกํ คหิตํ โหติฯ อญฺญมญฺญเววจนาเนว อุปยาทีนํ สมุเจฺฉทเสฺสว โพธนโตฯ

    99.Dubbalanti pheggu viya subhejjanīyaṃ balavirahitaṃ, asāranti attho. Virāgutanti palujjanasabhāvaṃ. Vigacchanasabhāvanti vināsagamanasabhāvaṃ. Aniccadukkhavipariṇāmattā assāsalesassapi abhāvato assāsavirahitaṃ. Ārammaṇakaraṇavasena samannāgamanavasena ca yathārahaṃ upenti upagacchantīti upayā, ‘‘etaṃ mama, eso me attā’’ti upādiyanti daḷhaggāhaṃ gaṇhantīti upādānā. Adhitiṭṭhati cetaso abhinandanabhūtāti cetaso adhiṭṭhānaṃ. Tāhīti taṇhādiṭṭhīhi. Tanti cittaṃ. Abhinivisatīti abhirativasena nivisati, ayañhettha attho – sakkāyadhammesu cittaṃ abhinivisati ‘‘etaṃ mamaṃ, eso me attā’’ti ajjhosāya tiṭṭhati etāhi abhinivesāhi, tathā sakkāyadhammesu cittaṃ anuseti etāhīti anusayā, taṇhādiṭṭhiyo. Yadaggena hi tebhūmakadhammesu rāgādayo anusenti, tadaggena taṃsahagatadhammā tattha anusentīti pariyāyena, ‘‘taṃ anusetī’’ti vuttaṃ. Khayā virāgāti hetumhi nissakkavacananti ‘‘khayena virāgenā’’ti hetumhi karaṇavasena attho vutto. Virāgenāti ca itisaddo ādi attho . Tena ‘‘nirodhenā’’ti evamādikaṃ gahitaṃ hoti. Aññamaññavevacanāneva upayādīnaṃ samucchedasseva bodhanato.

    ๑๐๐. ปติฎฺฐาติ เอตฺถ เสสภูตตฺตยํ อุปาทารูปญฺจาติ ปติฎฺฐานา, นิชฺชีวเฎฺฐน ธาตุจาติ ปติฎฺฐานธาตุฯ นฺหานียจุณฺณํ พาหิรอุทกํ วิย เสสภูตตฺตยํ อาพนฺธตีติ อาพนฺธนํฯ ปจนียภตฺตํ พาหิรเตโช วิย เสสภูตตฺตยํ ปริปาเจตีติ ปริปาจนํฯ พาหิรวาโต วิย เสสภูตตฺตยํ วิตฺถเมฺภตีติ วิตฺถมฺภนํฯ ธาตุสทฺทโตฺถ วุโตฺตเยวฯ อสมฺผุฎฺฐธาตูติ อสมฺผุสิตภาโว เตสํ วิปริมฎฺฐตาภาวโตฯ วิชานนํ อารมฺมณูปลทฺธิฯ อหํ อตฺตาติ อหํ, ‘‘รูปธโมฺม เม อตฺตา’’ติ อตฺตโกฎฺฐาเสน อตฺตภาเวน น อุปคมิํ น คณฺหิํฯ นิสฺสิตนิสฺสิตาปิ นิสฺสิตา เอว นามาติ อาห ‘‘ปถวีธาตุนิสฺสิตาวา’’ติฯ อตฺตนา วา ปน ตนฺนิสฺสิตาติ ‘‘เอเกน ปริยาเยนา’’ติฯ อุปาทารุปมฺปิ กามํ นิสฺสิตมฺปิ โหติฯ ตถาปิ ตํ นิสฺสิตํ โหติเยวาติ ตํ น อุทฺธฎํฯ ปริเจฺฉทกรตฺตา ปริเจฺฉทากาสสฺส ‘‘อวินิโพฺภควเสนา’’ติ วุตฺตํฯ เตน จ ตถา ปริจฺฉินฺนตฺตา สพฺพมฺปิ ภูตุปาทารูปํ อากาสธาตุนิสฺสิตํ นามฯ ตํ นิสฺสาย ปวตฺติยา อุปาทารูปํ วิย ภูตรูปานิ, อรูปกฺขนฺธา วิย จ วตฺถุรูปานิ, ‘‘ตํนิสฺสิตรูปวตฺถุกา อรูปกฺขนฺธา’’ติ วุตฺตนเยน อากาสธาตุนิสฺสิตจกฺขาทิรูปธมฺมวตฺถุกา เวทนาทโย อรูปกฺขนฺธา อากาสธาตุนิสฺสิตา นามาติ อิมมตฺถํ ตถา-สเทฺทน อุปสํหรติฯ อิธาปีติ อากาสธาตุนิสฺสิตปเทปิ, น ปถวีธาตุนิสฺสิตปทาทีสุ เอวฯ รูปารูปนฺติ สพฺพมฺปิ รูปารูปํ คหิตเมว โหติ, อคฺคหิตํ นตฺถิฯ สหชาตา…เป.… นิสฺสิตนฺติ อิทํ นิปฺปริยายสิทฺธํ นิสฺสยตฺตํ คเหตฺวา วุตฺตํฯ เหฎฺฐา วุตฺตนเยน ปริยายสิเทฺธ นิสฺสยเตฺต คยฺหมาเน – ‘‘ปจฺฉาชาตปจฺจโยติ ปจฺฉาชาตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๑๑) วจนโต สพฺพํ จตุสมุฎฺฐานิกรูปํ, ‘‘วิญฺญาณธาตุนิสฺสิต’’นฺติ วตฺตพฺพํฯ ตถา อนนฺตรวิญฺญาณธาตุปจฺจยา ปวตฺตนโต, ‘‘วิญฺญาณธาตุนิสฺสิต’’นฺติ วตฺตพฺพํฯ

    100. Patiṭṭhāti ettha sesabhūtattayaṃ upādārūpañcāti patiṭṭhānā, nijjīvaṭṭhena dhātucāti patiṭṭhānadhātu. Nhānīyacuṇṇaṃ bāhiraudakaṃ viya sesabhūtattayaṃ ābandhatīti ābandhanaṃ. Pacanīyabhattaṃ bāhiratejo viya sesabhūtattayaṃ paripācetīti paripācanaṃ. Bāhiravāto viya sesabhūtattayaṃ vitthambhetīti vitthambhanaṃ. Dhātusaddattho vuttoyeva. Asamphuṭṭhadhātūti asamphusitabhāvo tesaṃ viparimaṭṭhatābhāvato. Vijānanaṃ ārammaṇūpaladdhi. Ahaṃ attāti ahaṃ, ‘‘rūpadhammo me attā’’ti attakoṭṭhāsena attabhāvena na upagamiṃ na gaṇhiṃ. Nissitanissitāpi nissitā eva nāmāti āha ‘‘pathavīdhātunissitāvā’’ti. Attanā vā pana tannissitāti ‘‘ekena pariyāyenā’’ti. Upādārupampi kāmaṃ nissitampi hoti. Tathāpi taṃ nissitaṃ hotiyevāti taṃ na uddhaṭaṃ. Paricchedakarattā paricchedākāsassa ‘‘avinibbhogavasenā’’ti vuttaṃ. Tena ca tathā paricchinnattā sabbampi bhūtupādārūpaṃ ākāsadhātunissitaṃ nāma. Taṃ nissāya pavattiyā upādārūpaṃ viya bhūtarūpāni, arūpakkhandhā viya ca vatthurūpāni, ‘‘taṃnissitarūpavatthukā arūpakkhandhā’’ti vuttanayena ākāsadhātunissitacakkhādirūpadhammavatthukā vedanādayo arūpakkhandhā ākāsadhātunissitā nāmāti imamatthaṃ tathā-saddena upasaṃharati. Idhāpīti ākāsadhātunissitapadepi, na pathavīdhātunissitapadādīsu eva. Rūpārūpanti sabbampi rūpārūpaṃ gahitameva hoti, aggahitaṃ natthi. Sahajātā…pe… nissitanti idaṃ nippariyāyasiddhaṃ nissayattaṃ gahetvā vuttaṃ. Heṭṭhā vuttanayena pariyāyasiddhe nissayatte gayhamāne – ‘‘pacchājātapaccayoti pacchājātā cittacetasikā dhammā purejātassa imassa kāyassa pacchājātapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.11) vacanato sabbaṃ catusamuṭṭhānikarūpaṃ, ‘‘viññāṇadhātunissita’’nti vattabbaṃ. Tathā anantaraviññāṇadhātupaccayā pavattanato, ‘‘viññāṇadhātunissita’’nti vattabbaṃ.

    ๑๐๑. รุปฺปติ วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ รูปนฺติ อยมโตฺถ จกฺขุทฺวาเร อาปาถคเต รูปายตเน นิปฺปริยายโต ลพฺภติ, น อาปาถมนาคเตฯ จกฺขุวิญฺญาณวิญฺญาตพฺพภาโว ปน อาปาถมนาคเตปิ ตสฺมิํ ลพฺภเตว ตํสภาวานติวตฺถนโตฯ รูปายตนํ ทฺวิธา วิภชิตฺวาฯ เถโร ปน อาปาถํ อนาคตสฺสาปิ รูปายตนสฺส รูปภาวํ น สกฺกา ปฎิกฺขิปิตุนฺติ ทฺวิธากรณํ นานุชานโนฺต ฉโนฺนวาทํ นิทเสฺสติ, ‘‘อุปริ ฉโนฺนวาเท กินฺติ กริสฺสถา’’ติฯ ตตฺถ หิ ‘‘จกฺขุํ, อาวุโส ฉนฺน, จกฺขุวิญฺญาณํ จกฺขุวิญฺญาณวิญฺญาตเพฺพ ธเมฺม’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๙๑) อาคตํ, น เจตฺถ จกฺขุทฺวาเร อาปาถํ อาคตเมว รูปายตนํ จกฺขุวิญฺญาณวิญฺญาตพฺพปเทน คหิตํ, น อาปาถํ อนาคตนฺติ สกฺกา วิญฺญาตุํ อวิเสเสเนว รูปายตเนน ตณฺหามานทิฎฺฐิคาหาภาวสฺส โชติตตฺตาฯ เตนาห ‘‘น ยิทํ ลพฺภตี’’ติฯ รูปเมวาติ รูปายตนเมวฯ ยทิ เอวํ ‘‘จกฺขุวิญฺญาณวิญฺญาตเพฺพสุ ธเมฺมสู’’ติ ปทํ กถํ เนตพฺพนฺติ อาห – ‘‘จกฺขุวิญฺญาณสมฺปยุตฺตา ปนา’’ติอาทิฯ จกฺขุวิญฺญาเณน สทฺธิํ วิญฺญาตเพฺพสูติ เยน มโนวิญฺญาเณน จกฺขุวิญฺญาณํ อนิจฺจนฺติอาทินา จกฺขุวิญฺญาเณน สทฺธิํ เตน วิญฺญาตเพฺพสุ ตํสมฺปยุตฺตธเมฺมสูติ อโตฺถฯ ตณฺหาฉโนฺทติ ตสฺสนสภาโว ฉโนฺท, น กตฺตุกมฺยตา ฉโนฺทเยวาติ ตณฺหาฉโนฺทฯ รชฺชนวเสนาติ วตฺถํ วิย รงฺคชาตํ จิตฺตสฺส อนุรญฺชนวเสนฯ อภินนฺทนวเสนาติ อารมฺมเณ อภิรมิตฺวา นนฺทนวเสนฯ สปฺปีติกตณฺหา หิ นนฺทีติ วุจฺจติฯ ตณฺหายนวเสน ตณฺหา

    101. Ruppati vaṇṇavikāraṃ āpajjamānaṃ hadayaṅgatabhāvaṃ pakāsetīti rūpanti ayamattho cakkhudvāre āpāthagate rūpāyatane nippariyāyato labbhati, na āpāthamanāgate. Cakkhuviññāṇaviññātabbabhāvo pana āpāthamanāgatepi tasmiṃ labbhateva taṃsabhāvānativatthanato. Rūpāyatanaṃ dvidhā vibhajitvā. Thero pana āpāthaṃ anāgatassāpi rūpāyatanassa rūpabhāvaṃ na sakkā paṭikkhipitunti dvidhākaraṇaṃ nānujānanto channovādaṃ nidasseti, ‘‘upari channovāde kinti karissathā’’ti. Tattha hi ‘‘cakkhuṃ, āvuso channa, cakkhuviññāṇaṃ cakkhuviññāṇaviññātabbe dhamme’’ti (ma. ni. 3.391) āgataṃ, na cettha cakkhudvāre āpāthaṃ āgatameva rūpāyatanaṃ cakkhuviññāṇaviññātabbapadena gahitaṃ, na āpāthaṃ anāgatanti sakkā viññātuṃ aviseseneva rūpāyatanena taṇhāmānadiṭṭhigāhābhāvassa jotitattā. Tenāha ‘‘na yidaṃ labbhatī’’ti. Rūpamevāti rūpāyatanameva. Yadi evaṃ ‘‘cakkhuviññāṇaviññātabbesu dhammesū’’ti padaṃ kathaṃ netabbanti āha – ‘‘cakkhuviññāṇasampayuttā panā’’tiādi. Cakkhuviññāṇena saddhiṃ viññātabbesūti yena manoviññāṇena cakkhuviññāṇaṃ aniccantiādinā cakkhuviññāṇena saddhiṃ tena viññātabbesu taṃsampayuttadhammesūti attho. Taṇhāchandoti tassanasabhāvo chando, na kattukamyatā chandoyevāti taṇhāchando. Rajjanavasenāti vatthaṃ viya raṅgajātaṃ cittassa anurañjanavasena. Abhinandanavasenāti ārammaṇe abhiramitvā nandanavasena. Sappītikataṇhā hi nandīti vuccati. Taṇhāyanavasena taṇhā.

    ๑๐๒. อหงฺกาโรติ ‘‘เสโยฺยหมสฺมี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๒๑, ๑๒๓๙; วิภ. ๘๓๒, ๘๖๖; สํ. นิ. ๔.๑๐๘; มหานิ. ๒๑, ๑๗๘) อหํกรณํฯ เยน หิ มมํ กโรติ, เอตํ มมงฺกาโรฯ เสฺววาติ ‘‘อหงฺกาโร’’ติ วุตฺตมาโนฯ เอวํ จตุตฺถชฺฌาเน นิทฺทิเฎฺฐ สพฺพาสุ โลกิยาภิญฺญาสุ วุจฺจมานาสุ เหฎฺฐา วิชฺชาทฺวยํ วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน, ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ทิพฺพจกฺขุญฺจ อวตฺวา กสฺมา วุตฺต’’นฺติ อาห? อิตโร อิธ สพฺพวาเรสุปิ โลกุตฺตรธมฺมปุจฺฉา อธิกตา ตสฺมา ‘‘โส เอวํ สมาหิเต’’ติอาทินา ตติยา วิชฺชา กถิตาติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘ภิกฺขู โลกิยธมฺมํ น ปุจฺฉนฺตี’’ติอาทิมาหฯ เอกวิสฺสชฺชิตสุตฺตํ นาเมตํ ตติยวิชฺชาย เอว อาคตตฺตาฯ อริยธมฺมวเสนปิสฺส สมญฺญา อเตฺถวาติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘ฉพฺพิโสธนนฺติปิสฺส นาม’’นฺติ วตฺวา เตสุ ธเมฺมสุ เภทํ ทเสฺสตุํ, ‘‘เอตฺถ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วิสุทฺธาติ ตสฺสา โจทนาย โสธนวเสน วิโสธิตาฯ เอกเมว กตฺวาติ เอกวารวเสเนว ปาฬิยํ เอกชฺฌํ อาคตตฺตา เอกเมว โกฎฺฐาสํ กตฺวาฯ ยทิ เอวํ กถํ วา ฉพฺพิโสธนตาติ อาห – ‘‘จตูหิ อาหาเรหิ สทฺธิ’’นฺติ กถํ ปเนตฺถ จตฺตาโร อาหารา คเหตพฺพาติ? เกจิ ตาว อาหุ – ‘‘สาธูติ ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุตฺตริ ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพ’’ติ เหฎฺฐา อาคเตน นเยน อาหารวาโร อาหริตฺวา วตฺตโพฺพติฯ ‘‘พหิทฺธา สพฺพนิมิเตฺตสู’’ติ เอตฺถ อาหารานมฺปิ สงฺคหิตตฺตา อาหารา อตฺถโต อาคตา เอวาติ อเญฺญฯ อปเร ปน รูปกฺขนฺธคฺคหเณน กพฬีกาโร อาหาโร , สงฺขารกฺขนฺธคฺคหเณน ผสฺสาหาโร, มโนสเญฺจตนาหารคฺคหเณน วิญฺญาณาหาโร สรูปโตปิ คหิโตติ วทนฺติฯ

    102.Ahaṅkāroti ‘‘seyyohamasmī’’tiādinā (dha. sa. 1121, 1239; vibha. 832, 866; saṃ. ni. 4.108; mahāni. 21, 178) ahaṃkaraṇaṃ. Yena hi mamaṃ karoti, etaṃ mamaṅkāro. Svevāti ‘‘ahaṅkāro’’ti vuttamāno. Evaṃ catutthajjhāne niddiṭṭhe sabbāsu lokiyābhiññāsu vuccamānāsu heṭṭhā vijjādvayaṃ vattabbanti adhippāyena, ‘‘pubbenivāsaṃ dibbacakkhuñca avatvā kasmā vutta’’nti āha? Itaro idha sabbavāresupi lokuttaradhammapucchā adhikatā tasmā ‘‘so evaṃ samāhite’’tiādinā tatiyā vijjā kathitāti dassento, ‘‘bhikkhū lokiyadhammaṃ na pucchantī’’tiādimāha. Ekavissajjitasuttaṃ nāmetaṃ tatiyavijjāya eva āgatattā. Ariyadhammavasenapissa samaññā atthevāti dassento, ‘‘chabbisodhanantipissa nāma’’nti vatvā tesu dhammesu bhedaṃ dassetuṃ, ‘‘ettha hī’’tiādi vuttaṃ. Visuddhāti tassā codanāya sodhanavasena visodhitā. Ekameva katvāti ekavāravaseneva pāḷiyaṃ ekajjhaṃ āgatattā ekameva koṭṭhāsaṃ katvā. Yadi evaṃ kathaṃ vā chabbisodhanatāti āha – ‘‘catūhi āhārehi saddhi’’nti kathaṃ panettha cattāro āhārā gahetabbāti? Keci tāva āhu – ‘‘sādhūti bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uttari pañho pucchitabbo’’ti heṭṭhā āgatena nayena āhāravāro āharitvā vattabboti. ‘‘Bahiddhā sabbanimittesū’’ti ettha āhārānampi saṅgahitattā āhārā atthato āgatā evāti aññe. Apare pana rūpakkhandhaggahaṇena kabaḷīkāro āhāro , saṅkhārakkhandhaggahaṇena phassāhāro, manosañcetanāhāraggahaṇena viññāṇāhāro sarūpatopi gahitoti vadanti.

    ‘‘ฉพฺพิโสธน’’นฺติ อิมสฺส สุตฺตสฺส สมญฺญาย อนฺวตฺถตํ ทเสฺสตฺวา อายติมฺปิ ตาทิเสน พฺยากรเณน ภิกฺขูนํ ปฎิปตฺติมฺปิ ทสฺสนตฺถํ, ‘‘อิเม ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ วินยนิเทฺทสปริยาเยนาติ วินยนิเทฺทเส อาคเตน การเณนฯ วินเย วา อาคตนิเทฺทสานุกฺกเมนฯ

    ‘‘Chabbisodhana’’nti imassa suttassa samaññāya anvatthataṃ dassetvā āyatimpi tādisena byākaraṇena bhikkhūnaṃ paṭipattimpi dassanatthaṃ, ‘‘ime panā’’tiādi āraddhaṃ. Vinayaniddesapariyāyenāti vinayaniddese āgatena kāraṇena. Vinaye vā āgataniddesānukkamena.

    อธิคนฺตพฺพโต อธิคโม, ฌานาทิอธิคมปุจฺฉาฯ เตนาห – ‘‘ฌานวิโมกฺขาทีสู’’ติอาทิฯ อุปายปุจฺฉาติ อธิคโมปายปุจฺฉาฯ กินฺตีติ เกน ปกาเรน วิธินาติ อโตฺถฯ

    Adhigantabbato adhigamo, jhānādiadhigamapucchā. Tenāha – ‘‘jhānavimokkhādīsū’’tiādi. Upāyapucchāti adhigamopāyapucchā. Kintīti kena pakārena vidhināti attho.

    กตเมสํ ตฺวํ ธมฺมานํ ลาภีติ อิทํ ปน ปุเพฺพ ‘‘กิํ เต อธิคต’’นฺติ อนิทฺธาริตเภทา ฌานาทิวิเสสา ปุจฺฉิตาติ อิทานิ เตสํ นิทฺธาเรตฺวา ปุจฺฉนาการทสฺสนํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ยถาวุเตฺตหิ อากาเรหิ อธิคมพฺยากรณํ โสเธตพฺพํ, ตสฺมาฯ เอตฺตาวตาวาติ เอตฺตเกน พฺยากรณมเตฺตเนว น สกฺกาโร กาตโพฺพฯ พฺยากรณญฺหิ เอกจฺจสฺส อยาถาวโตปิ โหติ, ยถา นาม ชาตรูปปติรูปํ ชาตรูปํ วิย ขายตีติ ชาตรูปํ นิฆํสนตาปนเฉทเนหิ โสเธตพฺพํ เอวเมวํ อิเมสุ อิทาเนว วุเตฺตสุ ฉสุ ฐาเนสุ ปกฺขิปิตฺวา โสธนตฺถํ วตฺตโพฺพ วิโมกฺขาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน สมาธิ-สมาปตฺติ-ญาณทสฺสน-มคฺคภาวนา-ผลสจฺฉิกิริยา สงฺคณฺหาติฯ

    Katamesaṃ tvaṃ dhammānaṃ lābhīti idaṃ pana pubbe ‘‘kiṃ te adhigata’’nti aniddhāritabhedā jhānādivisesā pucchitāti idāni tesaṃ niddhāretvā pucchanākāradassanaṃ. Tasmāti yasmā yathāvuttehi ākārehi adhigamabyākaraṇaṃ sodhetabbaṃ, tasmā. Ettāvatāvāti ettakena byākaraṇamatteneva na sakkāro kātabbo. Byākaraṇañhi ekaccassa ayāthāvatopi hoti, yathā nāma jātarūpapatirūpaṃ jātarūpaṃ viya khāyatīti jātarūpaṃ nighaṃsanatāpanachedanehi sodhetabbaṃ evamevaṃ imesu idāneva vuttesu chasu ṭhānesu pakkhipitvā sodhanatthaṃ vattabbo vimokkhādīsūti ādi-saddena samādhi-samāpatti-ñāṇadassana-maggabhāvanā-phalasacchikiriyā saṅgaṇhāti.

    ปากโฎ โหติ อธิคตวิเสสสฺส สติสโมฺมสาภาวโตฯ เสสปุจฺฉาสุปิ ‘‘ปากโฎ โหตี’’ติ ปเท เอเสว นโยฯ อุคฺคหปริปุจฺฉากุสลาติ สชฺฌายมคฺคสํวณฺณนาสุ นิปุณาฯ ยาย ปฎิปทาย ยสฺส อริยมโคฺค อาคจฺฉติ, สา ปุพฺพภาคปฎิปตฺติ อาคมนปฎิปทาฯ โสเธตพฺพาติ สุทฺธา อุทาหุ อสุทฺธาติ วิจารณวเสน โสเธตพฺพาฯ น สุชฺฌตีติ ตตฺถ ตตฺถ ปมาทปฎิปตฺติภาวโตฯ อปเนตโพฺพ อตฺตโน ปฎิญฺญายฯ ‘‘สุชฺฌตี’’ติ วตฺวา สุชฺฌนาการํ ทเสฺสตุํ, ‘‘ทีฆรตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ปญฺญายตีติ เอตฺถ ‘‘ยที’’ติ ปทํ อาเนตฺวา ยทิ โส ภิกฺขุ ตาย ปฎิปทาย ยทิ ปญฺญายตีติ สมฺพโนฺธฯ ขีณาสวปฎิปตฺติสทิสา ปฎิปทา โหติ ทีฆรตฺตํ วิกฺขมฺภิตกิเลสตฺตาฯ

    Pākaṭo hoti adhigatavisesassa satisammosābhāvato. Sesapucchāsupi ‘‘pākaṭo hotī’’ti pade eseva nayo. Uggahaparipucchākusalāti sajjhāyamaggasaṃvaṇṇanāsu nipuṇā. Yāya paṭipadāya yassa ariyamaggo āgacchati, sā pubbabhāgapaṭipatti āgamanapaṭipadā. Sodhetabbāti suddhā udāhu asuddhāti vicāraṇavasena sodhetabbā. Na sujjhatīti tattha tattha pamādapaṭipattibhāvato. Apanetabbo attano paṭiññāya. ‘‘Sujjhatī’’ti vatvā sujjhanākāraṃ dassetuṃ, ‘‘dīgharatta’’ntiādi vuttaṃ. Paññāyatīti ettha ‘‘yadī’’ti padaṃ ānetvā yadi so bhikkhu tāya paṭipadāya yadi paññāyatīti sambandho. Khīṇāsavapaṭipattisadisā paṭipadā hoti dīgharattaṃ vikkhambhitakilesattā.

    นทิยา สมุทฺทํ ปกฺขนฺทนฎฺฐานํ นทีมุขทฺวารํฯ มทฺทมาโนติ พทรสาฬวํ สรสํ ปเตฺต ปกฺขิโตฺต หุตฺวา มทฺทมาโนฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Nadiyā samuddaṃ pakkhandanaṭṭhānaṃ nadīmukhadvāraṃ. Maddamānoti badarasāḷavaṃ sarasaṃ patte pakkhitto hutvā maddamāno. Sesaṃ suviññeyyameva.

    ฉพฺพิโสธนสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Chabbisodhanasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๒. ฉพฺพิโสธนสุตฺตํ • 2. Chabbisodhanasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ฉพฺพิโสธนสุตฺตวณฺณนา • 2. Chabbisodhanasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact