Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๖. ฉฉกฺกสุตฺตวณฺณนา
6. Chachakkasuttavaṇṇanā
๔๒๐. อาทิมฺหิ กลฺยาณนฺติ อาทิโกฎฺฐาเส กลฺยาณํ เอตสฺสาติ วา อาทิกลฺยาโณ, ตํ อาทิกลฺยาณํ, อาทิกลฺยาณภาโว จ โทสวิคเมน อิจฺฉิตโพฺพฯ ยญฺหิ สพฺพโส วิคตโทสํ, ตํ ปริปุณฺณคุณเมว โหตีติ ‘‘นิโทฺทส’’นฺติ วุตฺตํฯ กตฺวาติ จ ปทํ, ‘‘กลฺยาณํ กตฺวา ภทฺทกํ กตฺวา’’ติ ปุริมปททฺวเยนปิ โยเชตพฺพํฯ เทสนากาโร หิ อิธ กลฺยาณสเทฺทน คหิโตฯ เตเนวาห – ‘‘เทเสตพฺพธมฺมสฺส กลฺยาณตา ทสฺสิตา โหตี’’ติ, ทุติเย ปน อตฺถวิกเปฺป เทเสตพฺพธมฺมสฺส กลฺยาณตา มุเขฺยเนว กถิตา อิตรสฺส อตฺถาปตฺติโตฯ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อยญฺจ เทสนาย โถมนา พุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณาวาติ ทเสฺสตุํ, ‘‘อิติ ภควา อริยวํส’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ธมฺมคฺคหณมฺปิ เทสนาย โถมนา เอวาติ ‘‘นวหิ ปเทหี’’ติ วุตฺตํฯ
420.Ādimhikalyāṇanti ādikoṭṭhāse kalyāṇaṃ etassāti vā ādikalyāṇo, taṃ ādikalyāṇaṃ, ādikalyāṇabhāvo ca dosavigamena icchitabbo. Yañhi sabbaso vigatadosaṃ, taṃ paripuṇṇaguṇameva hotīti ‘‘niddosa’’nti vuttaṃ. Katvāti ca padaṃ, ‘‘kalyāṇaṃ katvā bhaddakaṃ katvā’’ti purimapadadvayenapi yojetabbaṃ. Desanākāro hi idha kalyāṇasaddena gahito. Tenevāha – ‘‘desetabbadhammassa kalyāṇatā dassitā hotī’’ti, dutiye pana atthavikappe desetabbadhammassa kalyāṇatā mukhyeneva kathitā itarassa atthāpattito. Majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇanti etthāpi eseva nayo. Ayañca desanāya thomanā buddhānaṃ āciṇṇasamāciṇṇāvāti dassetuṃ, ‘‘iti bhagavā ariyavaṃsa’’ntiādi vuttaṃ. Dhammaggahaṇampi desanāya thomanā evāti ‘‘navahi padehī’’ti vuttaṃ.
เวทนา ยาถาวโต ชานนํ, ตญฺจ มคฺคกิจฺจํ, ตสฺส อุปาโย วิปสฺสนาติอาห – ‘‘สหวิปสฺสเนน มเคฺคน ชานิตพฺพานี’’ติฯ ปริญฺญาภิสมยาทิกิเจฺจน นิพฺพตฺติยา อสโมฺมหโต จ ปฎิวิชฺฌิตโพฺพฯ เตภูมกจิตฺตเมว กถิตํ สมฺมสนฎฺฐานสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ เอส นโย ธมฺมายตนาทีสุปิฯ ธมฺมายตนสฺส วา อายตนภาวโต พหิทฺธาคหณํ, น สพฺพโส อนชฺฌตฺตภาวโตฯ วิปากเวทนาปจฺจยา ชวนกฺขเณ อุปฺปนฺนตณฺหาติ ฉตฺติํสวิปากเวทนํ นิสฺสาย เอวํ อสฺสาเทนฺตี อนุภเวยฺยนฺติ อกุสลชวนกฺขณโต อุปฺปนฺนตณฺหาฯ
Vedanā yāthāvato jānanaṃ, tañca maggakiccaṃ, tassa upāyo vipassanātiāha – ‘‘sahavipassanena maggena jānitabbānī’’ti. Pariññābhisamayādikiccena nibbattiyā asammohato ca paṭivijjhitabbo. Tebhūmakacittameva kathitaṃ sammasanaṭṭhānassa adhippetattā. Esa nayo dhammāyatanādīsupi. Dhammāyatanassa vā āyatanabhāvato bahiddhāgahaṇaṃ, na sabbaso anajjhattabhāvato. Vipākavedanāpaccayā javanakkhaṇe uppannataṇhāti chattiṃsavipākavedanaṃ nissāya evaṃ assādentī anubhaveyyanti akusalajavanakkhaṇato uppannataṇhā.
๔๒๒. ปาฎิเยโกฺก อนุสนฺธีติ ยถานุสนฺธิอาทีนํ อสมฺภวโตติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํฯ เหฎฺฐาติ วิญฺญาณผสฺสเวทนาตณฺหานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาทสฺสเนน จกฺขายตนาทีนํ รูปายตนาทีนญฺจ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตา ทีปิตา อปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยาภาวโต, ยญฺจ ปจฺจยายตฺตวุตฺติกํ, ตํ อนิจฺจํ อุปฺปาทสมฺภวโต, ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตาติ ขนฺธปญฺจเก จ ฉนฺนํ ฉกฺกานํ วเสน ฆนวินิโพฺภคกรเณน อตฺถโต อนตฺตลกฺขณํ วิภาวิตํฯ น สรูปโตติ สรูปโตปิ ตํ วิภาเวตุกาโม เตเนว ฉฉกฺกานํ วเสน ฆนวินิโพฺภคนเยน พฺยติเรกโต จ อนฺวยโต จ ทเสฺสโนฺต ภควา – ‘‘จกฺขุ อตฺตาติ โย วเทยฺยา’’ติอาทิมาหาติ ยถานุสนฺธิกาว เทสนา วิภาวิตาฯ เตนาห ‘‘เหฎฺฐา กถิตานํ หี’’ติอาทิฯ เหฎฺฐา ปน ฉนฺนํ ฉกฺกานํ วเสน วินิโพฺภคทสฺสนมตฺตํ, น อนตฺตลกฺขณํ วิภาวิตํ , อิธ ปน สรูปโต อนตฺตลกฺขณํ วิภาวิตนฺติ อธิปฺปาเยน อนุสนฺธนฺตรภาวโชตนาฯ ยทิปิ อนตฺตภาโว นาม จตูสุปิ สเจฺจสุ ลพฺภเตว, สเพฺพปิ หิ ธมฺมา อนตฺตา, อิเม ปเนตฺถ เทฺวปิ นยา สมฺมสนวเสน ปวตฺตาติ วุตฺตํ – ‘‘ทฺวินฺนํ สจฺจานํ อนตฺตภาวทสฺสนตฺถ’’นฺติฯ น อุปปชฺชตีติ อุปปตฺติสงฺขาตยุตฺติยา น สเมตีติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘น ยุชฺชตี’’ติฯ อตฺตวาทินา – ‘‘นิโจฺจ ธุโว สสฺสโต’’ติ อภิมโต, จกฺขุญฺจ อุปฺปาทวนฺตตาย อนิจฺจํ, ยํ ปจฺจยายตฺถวุตฺติตา, ตสฺมา ‘‘จกฺขุ อตฺตาติ โย วเทยฺย, ตํ น อุปปชฺชตี’’ติอาทิฯ สกฺกายวตฺถุ จกฺขุ อนตฺตา อนิจฺจภาวโต เสยฺยถาปิ ฆโฎ, จกฺขุํ อนิจฺจํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติภาวโต เสยฺยถาปิ ฆโฎ, จกฺขุ ปจฺจยายตฺตวุตฺติ อุปฺปาทาทิสมฺภวโต เสยฺยถาปิ ฆโฎฯ วิคจฺฉตีติ ภงฺคุปฺปตฺติยา สภาวาวิคเมน วิคจฺฉติฯ เตนาห ‘‘นิรุชฺฌตี’’ติฯ
422.Pāṭiyekko anusandhīti yathānusandhiādīnaṃ asambhavatoti adhippāyena vuttaṃ. Heṭṭhāti viññāṇaphassavedanātaṇhānaṃ paccayāyattavuttitādassanena cakkhāyatanādīnaṃ rūpāyatanādīnañca paccayāyattavuttitā dīpitā apaccayuppannassa paccayābhāvato, yañca paccayāyattavuttikaṃ, taṃ aniccaṃ uppādasambhavato, yadaniccaṃ taṃ dukkhaṃ, yaṃ dukkhaṃ tadanattāti khandhapañcake ca channaṃ chakkānaṃ vasena ghanavinibbhogakaraṇena atthato anattalakkhaṇaṃ vibhāvitaṃ. Na sarūpatoti sarūpatopi taṃ vibhāvetukāmo teneva chachakkānaṃ vasena ghanavinibbhoganayena byatirekato ca anvayato ca dassento bhagavā – ‘‘cakkhu attāti yo vadeyyā’’tiādimāhāti yathānusandhikāva desanā vibhāvitā. Tenāha ‘‘heṭṭhā kathitānaṃ hī’’tiādi. Heṭṭhā pana channaṃ chakkānaṃ vasena vinibbhogadassanamattaṃ, na anattalakkhaṇaṃ vibhāvitaṃ , idha pana sarūpato anattalakkhaṇaṃ vibhāvitanti adhippāyena anusandhantarabhāvajotanā. Yadipi anattabhāvo nāma catūsupi saccesu labbhateva, sabbepi hi dhammā anattā, ime panettha dvepi nayā sammasanavasena pavattāti vuttaṃ – ‘‘dvinnaṃ saccānaṃ anattabhāvadassanattha’’nti. Na upapajjatīti upapattisaṅkhātayuttiyā na sametīti ayamettha atthoti āha ‘‘na yujjatī’’ti. Attavādinā – ‘‘nicco dhuvo sassato’’ti abhimato, cakkhuñca uppādavantatāya aniccaṃ, yaṃ paccayāyatthavuttitā, tasmā ‘‘cakkhu attāti yo vadeyya, taṃ na upapajjatī’’tiādi. Sakkāyavatthu cakkhu anattā aniccabhāvato seyyathāpi ghaṭo, cakkhuṃ aniccaṃ paccayāyattavuttibhāvato seyyathāpi ghaṭo, cakkhu paccayāyattavutti uppādādisambhavato seyyathāpi ghaṭo. Vigacchatīti bhaṅguppattiyā sabhāvāvigamena vigacchati. Tenāha ‘‘nirujjhatī’’ti.
๔๒๔. ยสฺมา กิเลสวฎฺฎมูลกํ กมฺมวฎฺฎํ, กมฺมวฎฺฎมูลกญฺจ วิปากวฎฺฎํฯ กิเลสุปฺปตฺติ จ ตณฺหาทิคฺคาหปุพฺพิกา, ตสฺมา ‘‘ติณฺณํ วา คาหานํ วเสน วฎฺฎํ ทเสฺสตุ’’นฺติ อาหฯ ยสฺมา ปน ตณฺหาปกฺขิกา ธมฺมา สมุทยสจฺจํ, จกฺขาทโย ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ทฺวินฺนํ สจฺจานํ วเสน วฎฺฎํ ทเสฺสตุ’’นฺติฯ ตณฺหามานทิฎฺฐิคฺคาหาว เวทิตพฺพา สกฺกายคามินิปฎิปทาย อธิเปฺปตตฺตาฯ ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา คหณเมเวตฺถ อนุปสฺสนาติ อาห – ‘‘คาหตฺตยวเสน ปสฺสตี’’ติฯ
424. Yasmā kilesavaṭṭamūlakaṃ kammavaṭṭaṃ, kammavaṭṭamūlakañca vipākavaṭṭaṃ. Kilesuppatti ca taṇhādiggāhapubbikā, tasmā ‘‘tiṇṇaṃ vā gāhānaṃ vasena vaṭṭaṃ dassetu’’nti āha. Yasmā pana taṇhāpakkhikā dhammā samudayasaccaṃ, cakkhādayo dukkhasaccaṃ, tasmā vuttaṃ – ‘‘dvinnaṃ saccānaṃ vasena vaṭṭaṃ dassetu’’nti. Taṇhāmānadiṭṭhiggāhāva veditabbā sakkāyagāminipaṭipadāya adhippetattā. ‘‘Etaṃ mamā’’tiādinā gahaṇamevettha anupassanāti āha – ‘‘gāhattayavasena passatī’’ti.
ติณฺณํ คาหานํ ปฎิปกฺขวเสนาติ ตณฺหาทิคฺคาหปฎิปกฺขภูตานํ ทุกฺขานิจฺจานตฺตานุปสฺสนานํ วเสน, ตาหิ วา ติณฺณํ คาหานํ ปฎิปกฺขวเสน วินิเวฐนวเสน อนุปฺปาทนวเสนาติ อโตฺถฯ ปฎิปกฺขวเสน วิวฎฺฎํ ทเสฺสตุนฺติ โยชนาฯ สกฺกายนิโรธคามินี ปฎิปทาติ เอตฺถ นิโรธธโมฺม สรูเปเนว ทสฺสิโตติ อาห – ‘‘นิโรโธ…เป.… ทเสฺสตุ’’นฺติฯ ปฎิเสธวจนานีติ ปฎิเกฺขปวจนานิฯ
Tiṇṇaṃ gāhānaṃ paṭipakkhavasenāti taṇhādiggāhapaṭipakkhabhūtānaṃ dukkhāniccānattānupassanānaṃ vasena, tāhi vā tiṇṇaṃ gāhānaṃ paṭipakkhavasena viniveṭhanavasena anuppādanavasenāti attho. Paṭipakkhavasena vivaṭṭaṃ dassetunti yojanā. Sakkāyanirodhagāminī paṭipadāti ettha nirodhadhammo sarūpeneva dassitoti āha – ‘‘nirodho…pe… dassetu’’nti. Paṭisedhavacanānīti paṭikkhepavacanāni.
๔๒๕. ตณฺหาทีนํ อนุปาทิยนวจนานิ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสเนว วุตฺตานิ ตณฺหาทิฎฺฐีนํเยว อภินนฺทนาทิวเสน ปวตฺติสพฺภาวโตฯ อปฺปหีนโตฺถ อนุสยโตฺถติ อาห – ‘‘อนุเสตีติ อปฺปหีโน โหตี’’ติ อริยมเคฺคน หิ อปฺปหีโน ถามคโต ราคาทิกิเลโส อนุสโย การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนารหภาวโตฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ วฎฺฎทุกฺขกิเลสทุกฺขสฺสาติ วฎฺฎทุกฺขสฺส เจว กิเลสทุกฺขสฺส จฯ สอุปาทิเสสนิพฺพานญฺหิ กิเลสทุกฺขสฺส อนฺตกรณํ, อนุปาทิเสสนิพฺพานํ วฎฺฎทุกฺขสฺสฯ
425. Taṇhādīnaṃ anupādiyanavacanāni taṇhādiṭṭhivaseneva vuttāni taṇhādiṭṭhīnaṃyeva abhinandanādivasena pavattisabbhāvato. Appahīnattho anusayatthoti āha – ‘‘anusetīti appahīno hotī’’ti ariyamaggena hi appahīno thāmagato rāgādikileso anusayo kāraṇalābhe sati uppajjanārahabhāvato. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Vaṭṭadukkhakilesadukkhassāti vaṭṭadukkhassa ceva kilesadukkhassa ca. Saupādisesanibbānañhi kilesadukkhassa antakaraṇaṃ, anupādisesanibbānaṃ vaṭṭadukkhassa.
๔๒๖. เตสนฺติ อนุสยานํฯ ปฎิเกฺขปวเสนาติ ปชหนวเสน, อปฺปวตฺติกรณวเสนาติ อโตฺถฯ อวิชฺชํ ปชหิตฺวาติ อนวเสสโต อวิชฺชํ อปฺปวตฺติธมฺมตํ อาปาเทตฺวาฯ กามํ เหฎฺฐิมมคฺคญาณมฺปิ อวิชฺชาปหายินี วิชฺชา เอว, ตํ ปน ญาณํ อวิชฺชาย อนวเสสปฺปหายกํ น โหติ, อคฺคมคฺคญาเณ ปน อุปฺปเนฺน อวิชฺชาย เลโสปิ นาวสิสฺสตีติ ตเทว อวิชฺชาย ปหายกนฺติ อาห – ‘‘อรหตฺตมคฺควิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวา’’ติฯ
426.Tesanti anusayānaṃ. Paṭikkhepavasenāti pajahanavasena, appavattikaraṇavasenāti attho. Avijjaṃ pajahitvāti anavasesato avijjaṃ appavattidhammataṃ āpādetvā. Kāmaṃ heṭṭhimamaggañāṇampi avijjāpahāyinī vijjā eva, taṃ pana ñāṇaṃ avijjāya anavasesappahāyakaṃ na hoti, aggamaggañāṇe pana uppanne avijjāya lesopi nāvasissatīti tadeva avijjāya pahāyakanti āha – ‘‘arahattamaggavijjaṃ uppādetvā’’ti.
๔๒๗. สยเมว ตถาคเต อตฺตโน พุทฺธานุภาเวน เทเสเนฺต สฎฺฐิ ภิกฺขู อรหตฺตํ ปตฺตาติ อนจฺฉริยเมตํ, อถ กิํ อจฺฉริยนฺติ อาห ‘‘อิม’’นฺติอาทิฯ กเถเนฺตปีติ เอตฺถ อิติสโทฺท ปการโตฺถ, อิมินาว ปกาเรนาติ อโตฺถฯ ปตฺตา เอวาติ สฎฺฐิ ภิกฺขู อรหตฺตํ ปตฺตา เอวาติ โยชนาฯ เอตมฺปิ อนจฺฉริยํ, สตฺถุ สมฺมุขา สาวกา สมุทาคมา มหาภิญฺญา ปภินฺนปฎิสมฺภิทา ตถา ตถา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสนฺตีติฯ เตนาห – ‘‘มหาภิญฺญปฺปตฺตา หิ เต สาวกา’’ติฯ
427. Sayameva tathāgate attano buddhānubhāvena desente saṭṭhi bhikkhū arahattaṃ pattāti anacchariyametaṃ, atha kiṃ acchariyanti āha ‘‘ima’’ntiādi. Kathentepīti ettha itisaddo pakārattho, imināva pakārenāti attho. Pattā evāti saṭṭhi bhikkhū arahattaṃ pattā evāti yojanā. Etampi anacchariyaṃ, satthu sammukhā sāvakā samudāgamā mahābhiññā pabhinnapaṭisambhidā tathā tathā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desentīti. Tenāha – ‘‘mahābhiññappattā hi te sāvakā’’ti.
มหามณฺฑเปติ โลหปาสาทสฺส ปุรโต เอว มหาภิกฺขุสนฺนิปาโต ชาโตติ เตสํ ปโหนกวเสน กเต มหติ สาณิมณฺฑเปติ วทนฺติฯ เตสุปิ ฐาเนสูติ เตสุ ยถาวุตฺตมหามณฺฑปาทีสุ ฐาเนสุฯ มหาเถโร อตฺถีติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เทวเตฺถรสฺส คุเณ สุตฺวา ปสนฺนมานโส มหาเถโร, ตถาปิ วตฺถสมฺปตฺติยา ปสีทิตฺวา ‘‘ตฺวํ ปน นฺหาเปหี’’ติ อาหฯ
Mahāmaṇḍapeti lohapāsādassa purato eva mahābhikkhusannipāto jātoti tesaṃ pahonakavasena kate mahati sāṇimaṇḍapeti vadanti. Tesupi ṭhānesūti tesu yathāvuttamahāmaṇḍapādīsu ṭhānesu. Mahāthero atthīti padaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ. Devattherassa guṇe sutvā pasannamānaso mahāthero, tathāpi vatthasampattiyā pasīditvā ‘‘tvaṃ pana nhāpehī’’ti āha.
เหฎฺฐาปาสาเทติ จ กลฺยาณิยมหาวิหาเร อุโปสถาคาเร เหฎฺฐาปาสาเท เอกทา อุปริปาสาเท เอกทา, กเถสีติฯ จูฬนาคสฺส ตถา มหตี ปริสา เทวตานุภาเวน อภิญฺญาปาทนํ อโหสีติ เกจิ ฯ เถโร ปน มหิทฺธิโก อโหสิ, ตสฺมา ตาว มหติํ ปริสํ อภิญฺญาเปสีติ อปเรฯ
Heṭṭhāpāsādeti ca kalyāṇiyamahāvihāre uposathāgāre heṭṭhāpāsāde ekadā uparipāsāde ekadā, kathesīti. Cūḷanāgassa tathā mahatī parisā devatānubhāvena abhiññāpādanaṃ ahosīti keci . Thero pana mahiddhiko ahosi, tasmā tāva mahatiṃ parisaṃ abhiññāpesīti apare.
ตโต ตโตติ ตสฺสํ ตสฺสํ ทิสายํฯ เอโกวาติ เอกโจฺจ เอว, น พหุโส, กติปยาว ปุถุชฺชนา อเหสุนฺติ อโตฺถฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Tato tatoti tassaṃ tassaṃ disāyaṃ. Ekovāti ekacco eva, na bahuso, katipayāva puthujjanā ahesunti attho. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayattā suviññeyyameva.
ฉฉกฺกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Chachakkasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. ฉฉกฺกสุตฺตํ • 6. Chachakkasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. ฉฉกฺกสุตฺตวณฺณนา • 6. Chachakkasuttavaṇṇanā