Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā

    (๖.) ฉกฺกนิเทฺทสวณฺณนา

    (6.) Chakkaniddesavaṇṇanā

    ๙๔๔. ฉกฺกนิเทฺทเส ยสฺมา กุโทฺธ วา โกธวเสน, สนฺทิฎฺฐิปรามาสี วา สนฺทิฎฺฐิปรามาสิตาย กลหํ วิคฺคหํ วิวาทํ อาปชฺชติ, ตสฺมา โกธาทโย ‘วิวาทมูลานี’ติ วุตฺตาฯ

    944. Chakkaniddese yasmā kuddho vā kodhavasena, sandiṭṭhiparāmāsī vā sandiṭṭhiparāmāsitāya kalahaṃ viggahaṃ vivādaṃ āpajjati, tasmā kodhādayo ‘vivādamūlānī’ti vuttā.

    ฉนฺทราคนิเทฺทเส กามเคหสิตตฺตา ฉนฺทราคา เคหสฺสิตา ธมฺมาติ สงฺคหโต วตฺวา ปุน ปเภทโต ทเสฺสตุํ มนาปิเยสุ รูเปสูติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ มนาปิเยสูติ มนวฑฺฒนเกสุ อิเฎฺฐสุฯ วิโรธา เอว วิโรธวตฺถูนิฯ อมนาปิเยสูติ อนิเฎฺฐสุฯ

    Chandarāganiddese kāmagehasitattā chandarāgā gehassitā dhammāti saṅgahato vatvā puna pabhedato dassetuṃ manāpiyesu rūpesūtiādi vuttaṃ. Tattha manāpiyesūti manavaḍḍhanakesu iṭṭhesu. Virodhā eva virodhavatthūni. Amanāpiyesūti aniṭṭhesu.

    ๙๔๕. อคารเวสุ อคารโวติ คารววิรหิโตฯ อปฺปติโสฺสติ อปฺปติสฺสโย อนีจวุตฺติฯ เอตฺถ ปน โย ภิกฺขุ สตฺถริ ธรมาเน ตีสุ กาเลสุ อุปฎฺฐานํ น ยาติ, สตฺถริ อนุปาหเน จงฺกมเนฺต สอุปาหโน จงฺกมติ , นีเจ จงฺกเม จงฺกมเนฺต อุเจฺจ จงฺกเม จงฺกมติ, เหฎฺฐา วสเนฺต อุปริ วสติ, สตฺถุทสฺสนฎฺฐาเน อุโภ อํเส ปารุปติ, ฉตฺตํ ธาเรติ, อุปาหนํ ธาเรติ, นฺหายติ, อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา กโรติ, ปรินิพฺพุเต วา ปน เจติยํ วนฺทิตุํ น คจฺฉติ, เจติยสฺส ปญฺญายนฎฺฐาเน สตฺถุทสฺสนฎฺฐาเน วุตฺตํ สพฺพํ กโรติ – อยํ สตฺถริ อคารโว นามฯ โย ปน ธมฺมสวเน สงฺฆุเฎฺฐ สกฺกจฺจํ น คจฺฉติ, สกฺกจฺจํ ธมฺมํ น สุณาติ, สมุลฺลปโนฺต นิสีทติ, น สกฺกจฺจํ คณฺหาติ, น สกฺกจฺจํ วาเจติ – ‘อยํ ธเมฺม อคารโว นามฯ โย ปน เถเรน ภิกฺขุนา อนชฺฌิโฎฺฐ ธมฺมํ เทเสติ, ปญฺหํ กเถติ, วุเฑฺฒ ภิกฺขู ฆเฎฺฎโนฺต คจฺฉติ, ติฎฺฐติ, นิสีทติ, ทุสฺสปลฺลตฺถิกํ วา หตฺถปลฺลตฺถิกํ วา กโรติ, สงฺฆมเชฺฌ อุโภ อํเส ปารุปติ, ฉตฺตุปาหนํ ธาเรติ – อยํ สเงฺฆ อคารโว นามฯ เอกภิกฺขุสฺมิมฺปิ หิ อคารเว กเต สเงฺฆ อคารโว กโตว โหติฯ ติโสฺส สิกฺขา ปน อปูรยมาโนว สิกฺขาย อคารโว นามฯ อปฺปมาทลกฺขณํ อนนุพฺรูหยมาโน อปฺปมาเท อคารโว นามฯ ทุวิธํ ปฎิสนฺถารํ อกโรโนฺต ปฎิสนฺถาเร อคารโว นามฯ

    945. Agāravesu agāravoti gāravavirahito. Appatissoti appatissayo anīcavutti. Ettha pana yo bhikkhu satthari dharamāne tīsu kālesu upaṭṭhānaṃ na yāti, satthari anupāhane caṅkamante saupāhano caṅkamati , nīce caṅkame caṅkamante ucce caṅkame caṅkamati, heṭṭhā vasante upari vasati, satthudassanaṭṭhāne ubho aṃse pārupati, chattaṃ dhāreti, upāhanaṃ dhāreti, nhāyati, uccāraṃ vā passāvaṃ vā karoti, parinibbute vā pana cetiyaṃ vandituṃ na gacchati, cetiyassa paññāyanaṭṭhāne satthudassanaṭṭhāne vuttaṃ sabbaṃ karoti – ayaṃ satthari agāravo nāma. Yo pana dhammasavane saṅghuṭṭhe sakkaccaṃ na gacchati, sakkaccaṃ dhammaṃ na suṇāti, samullapanto nisīdati, na sakkaccaṃ gaṇhāti, na sakkaccaṃ vāceti – ‘ayaṃ dhamme agāravo nāma. Yo pana therena bhikkhunā anajjhiṭṭho dhammaṃ deseti, pañhaṃ katheti, vuḍḍhe bhikkhū ghaṭṭento gacchati, tiṭṭhati, nisīdati, dussapallatthikaṃ vā hatthapallatthikaṃ vā karoti, saṅghamajjhe ubho aṃse pārupati, chattupāhanaṃ dhāreti – ayaṃ saṅghe agāravo nāma. Ekabhikkhusmimpi hi agārave kate saṅghe agāravo katova hoti. Tisso sikkhā pana apūrayamānova sikkhāya agāravo nāma. Appamādalakkhaṇaṃ ananubrūhayamāno appamāde agāravo nāma. Duvidhaṃ paṭisanthāraṃ akaronto paṭisanthāre agāravo nāma.

    ปริหานิยา ธมฺมาติ ปริหานกรา ธมฺมาฯ กมฺมารามตาติ นวกเมฺม วา จีวรวิจารณาทีสุ วา กเมฺมสุ อภิรติ ยุตฺตปยุตฺตตาฯ ภสฺสารามตาติ ติรจฺฉานกถาวเสน ภเสฺส ยุตฺตปยุตฺตตาฯ นิทฺทารามตาติ นิทฺทาย ยุตฺตปยุตฺตตาฯ สงฺคณิการามตาติ สงฺคณิกาย ยุตฺตปยุตฺตตาฯ สํสคฺคารามตาติ สวนสํสเคฺค, ทสฺสนสํสเคฺค, สมุลฺลาปสํสเคฺค, ปริโภคสํสเคฺค, กายสํสเคฺคติ ปญฺจวิเธ สํสเคฺค ยุตฺตปยุตฺตตาฯ ปปญฺจารามตาติ ตณฺหามานทิฎฺฐิปปเญฺจสุ ยุตฺตปยุตฺตตาฯ

    Parihāniyā dhammāti parihānakarā dhammā. Kammārāmatāti navakamme vā cīvaravicāraṇādīsu vā kammesu abhirati yuttapayuttatā. Bhassārāmatāti tiracchānakathāvasena bhasse yuttapayuttatā. Niddārāmatāti niddāya yuttapayuttatā. Saṅgaṇikārāmatāti saṅgaṇikāya yuttapayuttatā. Saṃsaggārāmatāti savanasaṃsagge, dassanasaṃsagge, samullāpasaṃsagge, paribhogasaṃsagge, kāyasaṃsaggeti pañcavidhe saṃsagge yuttapayuttatā. Papañcārāmatāti taṇhāmānadiṭṭhipapañcesu yuttapayuttatā.

    ๙๔๖. โสมนสฺสุปวิจาราทีสุ โสมนเสฺสน สทฺธิํ อุปวิจรนฺตีติ โสมนสฺสุปวิจาราฯ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ จกฺขุวิญฺญาเณน รูปํ ปสฺสิตฺวาฯ โสมนสฺสฎฺฐานิยนฺติ โสมนสฺสสฺส อารมฺมณวเสน การณภูตํฯ อุปวิจรตีติ ตตฺถ วิจารปฺปวตฺตเนน อุปวิจรติฯ วิตโกฺก ปน ตํสมฺปยุโตฺต วาติ อิมินา นเยน ตีสุปิ ฉเกฺกสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    946. Somanassupavicārādīsu somanassena saddhiṃ upavicarantīti somanassupavicārā. Cakkhunā rūpaṃ disvāti cakkhuviññāṇena rūpaṃ passitvā. Somanassaṭṭhāniyanti somanassassa ārammaṇavasena kāraṇabhūtaṃ. Upavicaratīti tattha vicārappavattanena upavicarati. Vitakko pana taṃsampayutto vāti iminā nayena tīsupi chakkesu attho veditabbo.

    ๙๔๗. เคหสิตานีติ กามคุณนิสฺสิตานิฯ โสมนสฺสานีติ เจตสิกสุขานิฯ โทมนสฺสานีติ เจตสิกทุกฺขานิฯ อุเปกฺขาติ อญฺญาณสมฺปยุตฺตา อุเปกฺขา เวทนา, อญฺญาณุเปกฺขาติปิ เอตาสํเยว นามํฯ

    947. Gehasitānīti kāmaguṇanissitāni. Somanassānīti cetasikasukhāni. Domanassānīti cetasikadukkhāni. Upekkhāti aññāṇasampayuttā upekkhā vedanā, aññāṇupekkhātipi etāsaṃyeva nāmaṃ.

    ๙๔๘. อตฺถิ เม อตฺตาติ วาติ สพฺพปเทสุ วา-สโทฺท วิกปฺปโตฺถ; เอวํ วา ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ โหติฯ อตฺถิ เม อตฺตาติ เจตฺถ สสฺสตทิฎฺฐิ สพฺพกาเลสุ อตฺตโน อตฺถิตํ คณฺหาติฯ สจฺจโต เถตโตติ ภูตโต จ ถิรโต จ; อิทํ สจฺจนฺติ สุฎฺฐุ ทฬฺหภาเวนาติ วุตฺตํ โหติฯ นตฺถิ เม อตฺตาติ อยํ ปน อุเจฺฉททิฎฺฐิ, สโต สตฺตสฺส ตตฺถ ตตฺถ วิภวคฺคหณโตฯ อถ วา ปุริมาปิ ตีสุ กาเลสุ อตฺถีติ คหณโต สสฺสตทิฎฺฐิ, ปจฺจุปฺปนฺนเมว อตฺถีติ คณฺหนฺตี อุเจฺฉททิฎฺฐิฯ ปจฺฉิมาปิ อตีตานาคเตสุ นตฺถีติ คหณโต ‘ภสฺมนฺตา อาหุติโย’ติ คหิตทิฎฺฐิกานํ วิย อุเจฺฉททิฎฺฐิ, อตีเตเยว นตฺถีติ คณฺหนฺตี อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกเสฺสว สสฺสตทิฎฺฐิฯ อตฺตนา วา อตฺตานํ สญฺชานามีติ สญฺญากฺขนฺธสีเสน ขเนฺธ อตฺตาติ คเหตฺวา สญฺญาย อวเสสกฺขเนฺธ สญฺชานนโต ‘อิมินา อตฺตนา อิมํ อตฺตานํ สญฺชานามี’ติ เอวํ โหติฯ อตฺตนา วา อนตฺตานนฺติ สญฺญากฺขนฺธํเยว อตฺตาติ คเหตฺวา อิตเร จตฺตาโร ขเนฺธ อนตฺตาติ คเหตฺวา สญฺญาย เตสํ ชานนโต เอวํ โหติฯ อนตฺตนา วา อตฺตานนฺติ สญฺญากฺขนฺธํ อนตฺตาติ อิตเร จ จตฺตาโร ขเนฺธ อตฺตาติ คเหตฺวา สญฺญาย เตสํ ชานนโต เอวํ โหติฯ สพฺพาปิ สสฺสตุเจฺฉททิฎฺฐิโยวฯ

    948. Atthi me attāti vāti sabbapadesu vā-saddo vikappattho; evaṃ vā diṭṭhi uppajjatīti vuttaṃ hoti. Atthi me attāti cettha sassatadiṭṭhi sabbakālesu attano atthitaṃ gaṇhāti. Saccato thetatoti bhūtato ca thirato ca; idaṃ saccanti suṭṭhu daḷhabhāvenāti vuttaṃ hoti. Natthi me attāti ayaṃ pana ucchedadiṭṭhi, sato sattassa tattha tattha vibhavaggahaṇato. Atha vā purimāpi tīsu kālesu atthīti gahaṇato sassatadiṭṭhi, paccuppannameva atthīti gaṇhantī ucchedadiṭṭhi. Pacchimāpi atītānāgatesu natthīti gahaṇato ‘bhasmantā āhutiyo’ti gahitadiṭṭhikānaṃ viya ucchedadiṭṭhi, atīteyeva natthīti gaṇhantī adhiccasamuppannikasseva sassatadiṭṭhi. Attanā vā attānaṃ sañjānāmīti saññākkhandhasīsena khandhe attāti gahetvā saññāya avasesakkhandhe sañjānanato ‘iminā attanā imaṃ attānaṃ sañjānāmī’ti evaṃ hoti. Attanā vā anattānanti saññākkhandhaṃyeva attāti gahetvā itare cattāro khandhe anattāti gahetvā saññāya tesaṃ jānanato evaṃ hoti. Anattanā vā attānanti saññākkhandhaṃ anattāti itare ca cattāro khandhe attāti gahetvā saññāya tesaṃ jānanato evaṃ hoti. Sabbāpi sassatucchedadiṭṭhiyova.

    วโท เวเทโยฺยติ อาทโย ปน สสฺสตทิฎฺฐิยา เอว อภินิเวสาการาฯ ตตฺถ วทตีติ วโท; วจีกมฺมสฺส การโกติ วุตฺตํ โหติฯ เวทยตีติ เวเทโยฺย; ชานาติ อนุภวติ จาติ วุตฺตํ โหติฯ อิทานิ ยํ โส เวเทติ ตํ ทเสฺสตุํ ตตฺร ตตฺร ทีฆรตฺตํ กลฺยาณปาปกานนฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺร ตตฺราติ เตสุ เตสุ โยนิคติฐิตินิวาสนิกาเยสุ อารมฺมเณสุ วาฯ ทีฆรตฺตนฺติ จิรรตฺตํฯ ปจฺจนุโภตีติ ปฎิสํเวทยติฯ น โส ชาโต นาโหสีติ โส อตฺตา อชาติธมฺมโต น ชาโต นาม; สทา วิชฺชมาโน เยวาติ อโตฺถฯ เตเนว อตีเต นาโหสิ, อนาคเตปิ น ภวิสฺสติฯ โย หิ ชาโต โส อโหสิ, โย จ ชายิสฺสติ โส ภวิสฺสตีติฯ อถวา ‘น โส ชาโต นาโหสี’ติ โส สทา วิชฺชมานตฺตา อตีเตปิ น ชาตุ นาโหสิ , อนาคเตปิ น ชาตุ น ภวิสฺสติฯ นิโจฺจติ อุปฺปาทวยรหิโตฯ ธุโวติ ถิโร สารภูโตฯ สสฺสโตติ สพฺพกาลิโกฯ อวิปริณามธโมฺมติ อตฺตโน ปกติภาวํ อวิชหนธโมฺม กกณฺฎโก วิย นานปฺปการตฺตํ นาปชฺชติฯ เอวมยํ สพฺพาสวทิฎฺฐิ (ม. นิ. ๑.๑๗ อาทโย) นาม กถิตาฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    Vado vedeyyoti ādayo pana sassatadiṭṭhiyā eva abhinivesākārā. Tattha vadatīti vado; vacīkammassa kārakoti vuttaṃ hoti. Vedayatīti vedeyyo; jānāti anubhavati cāti vuttaṃ hoti. Idāni yaṃ so vedeti taṃ dassetuṃ tatra tatra dīgharattaṃ kalyāṇapāpakānantiādi vuttaṃ. Tattha tatra tatrāti tesu tesu yonigatiṭhitinivāsanikāyesu ārammaṇesu vā. Dīgharattanti cirarattaṃ. Paccanubhotīti paṭisaṃvedayati. Na so jāto nāhosīti so attā ajātidhammato na jāto nāma; sadā vijjamāno yevāti attho. Teneva atīte nāhosi, anāgatepi na bhavissati. Yo hi jāto so ahosi, yo ca jāyissati so bhavissatīti. Athavā ‘na so jāto nāhosī’ti so sadā vijjamānattā atītepi na jātu nāhosi , anāgatepi na jātu na bhavissati. Niccoti uppādavayarahito. Dhuvoti thiro sārabhūto. Sassatoti sabbakāliko. Avipariṇāmadhammoti attano pakatibhāvaṃ avijahanadhammo kakaṇṭako viya nānappakārattaṃ nāpajjati. Evamayaṃ sabbāsavadiṭṭhi (ma. ni. 1.17 ādayo) nāma kathitā. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.

    ฉกฺกนิเทฺทสวณฺณนาฯ

    Chakkaniddesavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๗. ขุทฺทกวตฺถุวิภโงฺค • 17. Khuddakavatthuvibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑๗. ขุทฺทกวตฺถุวิภโงฺค • 17. Khuddakavatthuvibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๑๗. ขุทฺทกวตฺถุวิภโงฺค • 17. Khuddakavatthuvibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact