Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๓. ฉฬภิชาติสุตฺตํ
3. Chaḷabhijātisuttaṃ
๕๗. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเตฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปูรเณน, ภเนฺต, กสฺสเปน ฉฬภิชาติโย ปญฺญตฺตา – กณฺหาภิชาติ ปญฺญตฺตา, นีลาภิชาติ ปญฺญตฺตา, โลหิตาภิชาติ ปญฺญตฺตา, หลิทฺทาภิชาติ ปญฺญตฺตา, สุกฺกาภิชาติ ปญฺญตฺตา, ปรมสุกฺกาภิชาติ ปญฺญตฺตาฯ
57. Ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati gijjhakūṭe pabbate. Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘pūraṇena, bhante, kassapena chaḷabhijātiyo paññattā – kaṇhābhijāti paññattā, nīlābhijāti paññattā, lohitābhijāti paññattā, haliddābhijāti paññattā, sukkābhijāti paññattā, paramasukkābhijāti paññattā.
‘‘ตตฺริทํ , ภเนฺต, ปูรเณน กสฺสเปน กณฺหาภิชาติ ปญฺญตฺตา, โอรพฺภิกา สูกริกา สากุณิกา มาควิกา ลุทฺทา มจฺฉฆาตกา โจรา โจรฆาตกา พนฺธนาคาริกา เย วา ปนเญฺญปิ เกจิ กุรูรกมฺมนฺตาฯ
‘‘Tatridaṃ , bhante, pūraṇena kassapena kaṇhābhijāti paññattā, orabbhikā sūkarikā sākuṇikā māgavikā luddā macchaghātakā corā coraghātakā bandhanāgārikā ye vā panaññepi keci kurūrakammantā.
‘‘ตตฺริทํ, ภเนฺต, ปูรเณน กสฺสเปน นีลาภิชาติ ปญฺญตฺตา, ภิกฺขู กณฺฎกวุตฺติกา เย วา ปนเญฺญปิ เกจิ กมฺมวาทา กฺริยวาทาฯ
‘‘Tatridaṃ, bhante, pūraṇena kassapena nīlābhijāti paññattā, bhikkhū kaṇṭakavuttikā ye vā panaññepi keci kammavādā kriyavādā.
‘‘ตตฺริทํ, ภเนฺต, ปูรเณน กสฺสเปน โลหิตาภิชาติ ปญฺญตฺตา, นิคณฺฐา เอกสาฎกา ฯ
‘‘Tatridaṃ, bhante, pūraṇena kassapena lohitābhijāti paññattā, nigaṇṭhā ekasāṭakā .
‘‘ตตฺริทํ, ภเนฺต, ปูรเณน กสฺสเปน หลิทฺทาภิชาติ ปญฺญตฺตา, คิหี โอทาตวสนา อเจลกสาวกา ฯ
‘‘Tatridaṃ, bhante, pūraṇena kassapena haliddābhijāti paññattā, gihī odātavasanā acelakasāvakā .
‘‘ตตฺริทํ, ภเนฺต, ปูรเณน กสฺสเปน สุกฺกาภิชาติ ปญฺญตฺตา, อาชีวกา อาชีวกินิโยฯ
‘‘Tatridaṃ, bhante, pūraṇena kassapena sukkābhijāti paññattā, ājīvakā ājīvakiniyo.
‘‘ตตฺริทํ, ภเนฺต, ปูรเณน กสฺสเปน ปรมสุกฺกาภิชาติ ปญฺญตฺตา, นโนฺท วโจฺฉ กิโส สํกิโจฺจ มกฺขลิ โคสาโลฯ ปูรเณน, ภเนฺต, กสฺสเปน อิมา ฉฬภิชาติโย ปญฺญตฺตา’’ติฯ
‘‘Tatridaṃ, bhante, pūraṇena kassapena paramasukkābhijāti paññattā, nando vaccho kiso saṃkicco makkhali gosālo. Pūraṇena, bhante, kassapena imā chaḷabhijātiyo paññattā’’ti.
‘‘กิํ ปนานนฺท, ปูรณสฺส กสฺสปสฺส สโพฺพ โลโก เอตทพฺภนุชานาติ อิมา ฉฬภิชาติโย ปญฺญาเปตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เสยฺยถาปิ, อานนฺท, ปุริโส ทลิโทฺท อสฺสโก อนาฬฺหิโก, ตสฺส อกามกสฺส พิลํ โอลเคฺคยฺยุํ – ‘อิทํ เต, อโมฺภ ปุริส, มํสญฺจ ขาทิตพฺพํ, มูลญฺจ อนุปฺปทาตพฺพ’นฺติฯ เอวเมวํ โข, อานนฺท, ปูรเณน กสฺสเปน อปฺปฎิญฺญาย เอเตสํ สมณพฺราหฺมณานํ อิมา ฉฬภิชาติโย ปญฺญตฺตา, ยถา ตํ พาเลน อพฺยเตฺตน อเขตฺตญฺญุนา อกุสเลนฯ
‘‘Kiṃ panānanda, pūraṇassa kassapassa sabbo loko etadabbhanujānāti imā chaḷabhijātiyo paññāpetu’’nti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Seyyathāpi, ānanda, puriso daliddo assako anāḷhiko, tassa akāmakassa bilaṃ olaggeyyuṃ – ‘idaṃ te, ambho purisa, maṃsañca khāditabbaṃ, mūlañca anuppadātabba’nti. Evamevaṃ kho, ānanda, pūraṇena kassapena appaṭiññāya etesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ imā chaḷabhijātiyo paññattā, yathā taṃ bālena abyattena akhettaññunā akusalena.
‘‘อหํ โข ปนานนฺท, ฉฬภิชาติโย ปญฺญาเปมิฯ ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กตมา จานนฺท, ฉฬภิชาติโย ? อิธานนฺท, เอกโจฺจ กณฺหาภิชาติโย สมาโน กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติฯ อิธ ปนานนฺท, เอกโจฺจ กณฺหาภิชาติโย สมาโน สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติฯ อิธ ปนานนฺท, เอกโจฺจ กณฺหาภิชาติโย สมาโน อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานํ อภิชายติฯ อิธ ปนานนฺท, เอกโจฺจ สุกฺกาภิชาติโย สมาโน กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติฯ อิธ ปนานนฺท, เอกโจฺจ สุกฺกาภิชาติโย สมาโน สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติฯ อิธ ปนานนฺท, เอกโจฺจ สุกฺกาภิชาติโย สมาโน อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานํ อภิชายติฯ
‘‘Ahaṃ kho panānanda, chaḷabhijātiyo paññāpemi. Taṃ suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca – ‘‘katamā cānanda, chaḷabhijātiyo ? Idhānanda, ekacco kaṇhābhijātiyo samāno kaṇhaṃ dhammaṃ abhijāyati. Idha panānanda, ekacco kaṇhābhijātiyo samāno sukkaṃ dhammaṃ abhijāyati. Idha panānanda, ekacco kaṇhābhijātiyo samāno akaṇhaṃ asukkaṃ nibbānaṃ abhijāyati. Idha panānanda, ekacco sukkābhijātiyo samāno kaṇhaṃ dhammaṃ abhijāyati. Idha panānanda, ekacco sukkābhijātiyo samāno sukkaṃ dhammaṃ abhijāyati. Idha panānanda, ekacco sukkābhijātiyo samāno akaṇhaṃ asukkaṃ nibbānaṃ abhijāyati.
‘‘กถญฺจานนฺท, กณฺหาภิชาติโย สมาโน กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติ? อิธานนฺท, เอกโจฺจ นีเจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ – จณฺฑาลกุเล วา เนสาทกุเล วา เวนกุเล 1 วา รถการกุเล วา ปุกฺกุสกุเล วา, ทลิเทฺท อปฺปนฺนปานโภชเน กสิรวุตฺติเก, ยตฺถ กสิเรน ฆาสจฺฉาโท ลพฺภติฯ โส จ โหติ ทุพฺพโณฺณ ทุทฺทสิโก โอโกฎิมโก พวฺหาพาโธ กาโณ วา กุณี วา ขโญฺช วา ปกฺขหโต วา, น ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส วตฺถสฺส ยานสฺส มาลาคนฺธวิเลปนสฺส เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺสฯ โส กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติฯ โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ เอวํ โข, อานนฺท, กณฺหาภิชาติโย สมาโน กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติฯ
‘‘Kathañcānanda, kaṇhābhijātiyo samāno kaṇhaṃ dhammaṃ abhijāyati? Idhānanda, ekacco nīce kule paccājāto hoti – caṇḍālakule vā nesādakule vā venakule 2 vā rathakārakule vā pukkusakule vā, dalidde appannapānabhojane kasiravuttike, yattha kasirena ghāsacchādo labbhati. So ca hoti dubbaṇṇo duddasiko okoṭimako bavhābādho kāṇo vā kuṇī vā khañjo vā pakkhahato vā, na lābhī annassa pānassa vatthassa yānassa mālāgandhavilepanassa seyyāvasathapadīpeyyassa. So kāyena duccaritaṃ carati, vācāya duccaritaṃ carati, manasā duccaritaṃ carati. So kāyena duccaritaṃ caritvā, vācāya duccaritaṃ caritvā, manasā duccaritaṃ caritvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati. Evaṃ kho, ānanda, kaṇhābhijātiyo samāno kaṇhaṃ dhammaṃ abhijāyati.
‘‘กถญฺจานนฺท, กณฺหาภิชาติโย สมาโน สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติ? อิธานนฺท, เอกโจฺจ นีเจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ – จณฺฑาลกุเล วา…เป.… เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺสฯ โส กาเยน สุจริตํ จรติ, วาจาย สุจริตํ จรติ, มนสา สุจริตํ จรติฯ โส กาเยน สุจริตํ จริตฺวา, วาจาย สุจริตํ จริตฺวา, มนสา สุจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ เอวํ โข, อานนฺท, กณฺหาภิชาติโย สมาโน สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติฯ
‘‘Kathañcānanda, kaṇhābhijātiyo samāno sukkaṃ dhammaṃ abhijāyati? Idhānanda, ekacco nīce kule paccājāto hoti – caṇḍālakule vā…pe… seyyāvasathapadīpeyyassa. So kāyena sucaritaṃ carati, vācāya sucaritaṃ carati, manasā sucaritaṃ carati. So kāyena sucaritaṃ caritvā, vācāya sucaritaṃ caritvā, manasā sucaritaṃ caritvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Evaṃ kho, ānanda, kaṇhābhijātiyo samāno sukkaṃ dhammaṃ abhijāyati.
‘‘กถญฺจานนฺท, กณฺหาภิชาติโย สมาโน อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานํ อภิชายติ? อิธานนฺท, เอกโจฺจ นีเจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ – จณฺฑาลกุเล วา…เป.… โส จ โหติ ทุพฺพโณฺณ ทุทฺทสิโก โอโกฎิมโก ฯ โส เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ, จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุปฺปติฎฺฐิตจิโตฺต, สอา โพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานํ อภิชายติฯ เอวํ โข, อานนฺท, กณฺหาภิชาติโย สมาโน อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานํ อภิชายติฯ
‘‘Kathañcānanda, kaṇhābhijātiyo samāno akaṇhaṃ asukkaṃ nibbānaṃ abhijāyati? Idhānanda, ekacco nīce kule paccājāto hoti – caṇḍālakule vā…pe… so ca hoti dubbaṇṇo duddasiko okoṭimako . So kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. So evaṃ pabbajito samāno pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe, catūsu satipaṭṭhānesu suppatiṭṭhitacitto, saā bojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvā akaṇhaṃ asukkaṃ nibbānaṃ abhijāyati. Evaṃ kho, ānanda, kaṇhābhijātiyo samāno akaṇhaṃ asukkaṃ nibbānaṃ abhijāyati.
‘‘กถญฺจานนฺท, สุกฺกาภิชาติโย สมาโน กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติ? อิธานนฺท, เอกโจฺจ อุเจฺจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ – ขตฺติยมหาสาลกุเล วา พฺราหฺมณมหาสาลกุเล วา คหปติมหาสาลกุเล วา, อเฑฺฒ มหทฺธเน มหาโภเค ปหูตชาตรูปรชเต ปหูตวิตฺตูปกรเณ ปหูตธนธเญฺญฯ โส จ โหติ อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต, ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส วตฺถสฺส ยานสฺส มาลาคนฺธวิเลปนสฺส เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺสฯ โส กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติฯ โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ เอวํ โข, อานนฺท, สุกฺกาภิชาติโย สมาโน กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติฯ
‘‘Kathañcānanda, sukkābhijātiyo samāno kaṇhaṃ dhammaṃ abhijāyati? Idhānanda, ekacco ucce kule paccājāto hoti – khattiyamahāsālakule vā brāhmaṇamahāsālakule vā gahapatimahāsālakule vā, aḍḍhe mahaddhane mahābhoge pahūtajātarūparajate pahūtavittūpakaraṇe pahūtadhanadhaññe. So ca hoti abhirūpo dassanīyo pāsādiko paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgato, lābhī annassa pānassa vatthassa yānassa mālāgandhavilepanassa seyyāvasathapadīpeyyassa. So kāyena duccaritaṃ carati, vācāya duccaritaṃ carati, manasā duccaritaṃ carati. So kāyena duccaritaṃ caritvā, vācāya duccaritaṃ caritvā, manasā duccaritaṃ caritvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati. Evaṃ kho, ānanda, sukkābhijātiyo samāno kaṇhaṃ dhammaṃ abhijāyati.
‘‘กถญฺจานนฺท, สุกฺกาภิชาติโย สมาโน สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติ? อิธานนฺท, เอกโจฺจ อุเจฺจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ – ขตฺติยมหาสาลกุเล วา…เป.… เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺสฯ โส กาเยน สุจริตํ จรติ, วาจาย สุจริตํ จรติ, มนสา สุจริตํ จรติฯ โส กาเยน สุจริตํ จริตฺวา, วาจาย สุจริตํ จริตฺวา, มนสา สุจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ เอวํ โข, อานนฺท, สุกฺกาภิชาติโย สมาโน สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติฯ
‘‘Kathañcānanda, sukkābhijātiyo samāno sukkaṃ dhammaṃ abhijāyati? Idhānanda, ekacco ucce kule paccājāto hoti – khattiyamahāsālakule vā…pe… seyyāvasathapadīpeyyassa. So kāyena sucaritaṃ carati, vācāya sucaritaṃ carati, manasā sucaritaṃ carati. So kāyena sucaritaṃ caritvā, vācāya sucaritaṃ caritvā, manasā sucaritaṃ caritvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Evaṃ kho, ānanda, sukkābhijātiyo samāno sukkaṃ dhammaṃ abhijāyati.
‘‘กถญฺจานนฺท, สุกฺกาภิชาติโย สมาโน อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานํ อภิชายติ? อิธานนฺท , เอกโจฺจ อุเจฺจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ – ขตฺติยมหาสาลกุเล วา พฺราหฺมณมหาสาลกุเล วา คหปติมหาสาลกุเล วา, อเฑฺฒ มหทฺธเน มหาโภเค ปหูตชาตรูปรชเต ปหูตวิตฺตูปกรเณ ปหูตธนธเญฺญฯ โส จ โหติ อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต, ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส วตฺถสฺส ยานสฺส มาลาคนฺธวิเลปนสฺส เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺส ฯ โส เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ, จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุปฺปติฎฺฐิตจิโตฺต, สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานํ อภิชายติฯ เอวํ โข, อานนฺท, สุกฺกาภิชาติโย สมาโน อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานํ อภิชายติฯ อิมา โข, อานนฺท, ฉฬภิชาติโย’’ติฯ ตติยํฯ
‘‘Kathañcānanda, sukkābhijātiyo samāno akaṇhaṃ asukkaṃ nibbānaṃ abhijāyati? Idhānanda , ekacco ucce kule paccājāto hoti – khattiyamahāsālakule vā brāhmaṇamahāsālakule vā gahapatimahāsālakule vā, aḍḍhe mahaddhane mahābhoge pahūtajātarūparajate pahūtavittūpakaraṇe pahūtadhanadhaññe. So ca hoti abhirūpo dassanīyo pāsādiko paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgato, lābhī annassa pānassa vatthassa yānassa mālāgandhavilepanassa seyyāvasathapadīpeyyassa . So kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. So evaṃ pabbajito samāno pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe, catūsu satipaṭṭhānesu suppatiṭṭhitacitto, satta bojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvā akaṇhaṃ asukkaṃ nibbānaṃ abhijāyati. Evaṃ kho, ānanda, sukkābhijātiyo samāno akaṇhaṃ asukkaṃ nibbānaṃ abhijāyati. Imā kho, ānanda, chaḷabhijātiyo’’ti. Tatiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ฉฬภิชาติสุตฺตวณฺณนา • 3. Chaḷabhijātisuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒. ฉฬภิชาติสุตฺตวณฺณนา • 2. Chaḷabhijātisuttavaṇṇanā