Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๒. ฉฬภิชาติสุตฺตวณฺณนา
2. Chaḷabhijātisuttavaṇṇanā
๕๗. ตติเย อภิชาติโยติ เอตฺถ อภิ-สโทฺท อุปสคฺคมตฺตํ, น อตฺถวิเสสโชตโกติ อาห ‘‘ฉ ชาติโย’’ติฯ อภิชายตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ
57. Tatiye abhijātiyoti ettha abhi-saddo upasaggamattaṃ, na atthavisesajotakoti āha ‘‘cha jātiyo’’ti. Abhijāyatīti etthāpi eseva nayo.
อุรเพฺภ หนนฺตีติ โอรพฺภิกาฯ เอวํ สูกริกาทโย เวทิตพฺพาฯ โรเทนฺติ กุรุรกมฺมนฺตตาย สปฺปฎิพเทฺธ สเตฺต อสฺสูนิ โมเจนฺตีติ รุทฺทา, เต เอว ลุทฺทา ร-การสฺส ล-การํ กตฺวาฯ อิมินา อเญฺญปิ เย เกจิ มาควิกา เนสาทา วุตฺตา, เต ปาปกมฺมปฺปสุตตาย ‘‘กณฺหาภิชาตี’’ติ วทติฯ
Urabbhe hanantīti orabbhikā. Evaṃ sūkarikādayo veditabbā. Rodenti kururakammantatāya sappaṭibaddhe satte assūni mocentīti ruddā, te eva luddā ra-kārassa la-kāraṃ katvā. Iminā aññepi ye keci māgavikā nesādā vuttā, te pāpakammappasutatāya ‘‘kaṇhābhijātī’’ti vadati.
ภิกฺขูติ จ พุทฺธสาสเน ภิกฺขูฯ เต กิร สจฺฉนฺทราเคน ปริภุญฺชนฺตีติ อธิปฺปาเยน จตูสุ ปจฺจเยสุ กณฺฎเก ปกฺขิปิตฺวา ขาทนฺตีติ ‘‘กณฺฎกวุตฺติกา’’ติ วทติฯ กสฺมาติ เจ? ยสฺมา เต ปณีเต ปจฺจเย ปฎิเสวนฺตีติ ตสฺส มิจฺฉาคาโหฯ ญายลเทฺธปิ ปจฺจเย ภุญฺชมานา อาชีวกสมยสฺส วิโลมคฺคาหิตาย ปจฺจเยสุ กณฺฎเก ปกฺขิปิตฺวา ขาทนฺติ นามาติ วทตีติฯ อถ วา กณฺฎกวุตฺติกา เอวํนามกา เอเก ปพฺพชิตา, เย สวิเสสํ อตฺตกิลมถานุโยคํ อนุยุตฺตาฯ ตถา หิ เต กณฺฎเก วตฺตนฺตา วิย โหนฺตีติ ‘‘กณฺฎกวุตฺติกา’’ติ วุตฺตาฯ อิมเมว จ อตฺถวิกปฺปํ สนฺธายาห ‘‘กณฺฎกวุตฺติกาติ สมณา นาเมเต’’ติฯ
Bhikkhūti ca buddhasāsane bhikkhū. Te kira sacchandarāgena paribhuñjantīti adhippāyena catūsu paccayesu kaṇṭake pakkhipitvā khādantīti ‘‘kaṇṭakavuttikā’’ti vadati. Kasmāti ce? Yasmā te paṇīte paccaye paṭisevantīti tassa micchāgāho. Ñāyaladdhepi paccaye bhuñjamānā ājīvakasamayassa vilomaggāhitāya paccayesu kaṇṭake pakkhipitvā khādanti nāmāti vadatīti. Atha vā kaṇṭakavuttikā evaṃnāmakā eke pabbajitā, ye savisesaṃ attakilamathānuyogaṃ anuyuttā. Tathā hi te kaṇṭake vattantā viya hontīti ‘‘kaṇṭakavuttikā’’ti vuttā. Imameva ca atthavikappaṃ sandhāyāha ‘‘kaṇṭakavuttikāti samaṇā nāmete’’ti.
โลหิตาภิชาติ นาม นิคณฺฐา เอกสาฎกาติ วุตฺตาฯ เต กิร ฐตฺวา ภุญฺชนนหานปฺปฎิเกฺขปาทิวตสมาโยเคน ปุริเมหิ ทฺวีหิ ปณฺฑรตราฯ
Lohitābhijāti nāma nigaṇṭhā ekasāṭakāti vuttā. Te kira ṭhatvā bhuñjananahānappaṭikkhepādivatasamāyogena purimehi dvīhi paṇḍaratarā.
อเจลกสาวกาติ อาชีวกสาวเก วทติฯ เต กิร อาชีวกลทฺธิยา สุวิสุทฺธจิตฺตตาย นิคเณฺฐหิปิ ปณฺฑรตราฯ เอวญฺจ กตฺวา อตฺตโน ปจฺจยทายเก นิคเณฺฐหิปิ เชฎฺฐกตเร กโรติฯ
Acelakasāvakāti ājīvakasāvake vadati. Te kira ājīvakaladdhiyā suvisuddhacittatāya nigaṇṭhehipi paṇḍaratarā. Evañca katvā attano paccayadāyake nigaṇṭhehipi jeṭṭhakatare karoti.
อาชีวกา อาชีวกินิโย ‘‘สุกฺกาภิชาตี’’ติ วุตฺตาฯ เต กิร ปุริเมหิ จตูหิ ปณฺฑรตราฯ นนฺทาทโย หิ ตถารูปํ อาชีวกปฺปฎิปตฺติํ อุกฺกํสํ ปาเปตฺวา ฐิตา, ตสฺมา นิคเณฺฐหิ อาชีวกสาวเกหิ จ ปณฺฑรตราติ ‘‘ปรมสุกฺกาภิชาตี’’ติ วุตฺตาฯ
Ājīvakā ājīvakiniyo ‘‘sukkābhijātī’’ti vuttā. Te kira purimehi catūhi paṇḍaratarā. Nandādayo hi tathārūpaṃ ājīvakappaṭipattiṃ ukkaṃsaṃ pāpetvā ṭhitā, tasmā nigaṇṭhehi ājīvakasāvakehi ca paṇḍaratarāti ‘‘paramasukkābhijātī’’ti vuttā.
พิลํ โอลเคฺคยฺยุนฺติ มํสภาคํ นฺหารุนา วา เกนจิ วา คนฺถิตฺวา ปุริสสฺส หเตฺถ วา เกเส วา โอลมฺพนวเสน พเนฺธยฺยุํฯ อิมินา สตฺถธมฺมํ นาม ทเสฺสติฯ สตฺถวาโห กิร มหากนฺตารํ ปฎิปโนฺน อนฺตรามเคฺค โคเณ มเต มํสํ คเหตฺวา สเพฺพสํ สตฺถิกานํ ‘‘อิทํ ขาทิตฺวา เอตฺตกํ มูลํ ทาตพฺพ’’นฺติ โกฎฺฐาสํ โอลมฺพติฯ โคณมํสํ นาม ขาทนฺตาปิ อตฺถิ, อขาทนฺตาปิ อตฺถิ, ขาทนฺตาปิ มูลํ ทาตุํ สโกฺกนฺตาปิ อสโกฺกนฺตาปิฯ สตฺถวาโห เยน มูเลน โคโณ คหิโต, ตํ มูลํ สตฺถิเกหิ ธารณตฺถํ สเพฺพสํ พลกฺกาเรน โกฎฺฐาสํ ทตฺวา มูลํ คณฺหาติฯ อยํ สตฺถธโมฺมฯ
Bilaṃ olaggeyyunti maṃsabhāgaṃ nhārunā vā kenaci vā ganthitvā purisassa hatthe vā kese vā olambanavasena bandheyyuṃ. Iminā satthadhammaṃ nāma dasseti. Satthavāho kira mahākantāraṃ paṭipanno antarāmagge goṇe mate maṃsaṃ gahetvā sabbesaṃ satthikānaṃ ‘‘idaṃ khāditvā ettakaṃ mūlaṃ dātabba’’nti koṭṭhāsaṃ olambati. Goṇamaṃsaṃ nāma khādantāpi atthi, akhādantāpi atthi, khādantāpi mūlaṃ dātuṃ sakkontāpi asakkontāpi. Satthavāho yena mūlena goṇo gahito, taṃ mūlaṃ satthikehi dhāraṇatthaṃ sabbesaṃ balakkārena koṭṭhāsaṃ datvā mūlaṃ gaṇhāti. Ayaṃ satthadhammo.
กณฺหาภิชาติโย สมาโนติ กเณฺห นีจกุเล ชาโต หุตฺวาฯ กณฺหธมฺมนฺติ ปจฺจเตฺต อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘กณฺหสภาโว หุตฺวา อภิชายตี’’ติ, ตํ อโนฺตคธเหตุอตฺถํ ปทํ, อุปฺปาเทตีติ อโตฺถฯ ตสฺมา กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายตีติ กาฬกํ ทสทุสฺสีลฺยธมฺมํ อุปฺปาเทติฯ สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายตีติ เอตฺถาปิ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ โส หิ ‘‘อหํ ปุเพฺพปิ ปุญฺญานํ อกตตฺตา นีจกุเล นิพฺพโตฺต, อิทานิ ปุญฺญํ กริสฺสามี’’ติ ปุญฺญสงฺขาตํ ปณฺฑรธมฺมํ กโรติฯ
Kaṇhābhijātiyo samānoti kaṇhe nīcakule jāto hutvā. Kaṇhadhammanti paccatte upayogavacananti āha ‘‘kaṇhasabhāvo hutvā abhijāyatī’’ti, taṃ antogadhahetuatthaṃ padaṃ, uppādetīti attho. Tasmā kaṇhaṃ dhammaṃ abhijāyatīti kāḷakaṃ dasadussīlyadhammaṃ uppādeti. Sukkaṃ dhammaṃ abhijāyatīti etthāpi iminā nayena attho veditabbo. So hi ‘‘ahaṃ pubbepi puññānaṃ akatattā nīcakule nibbatto, idāni puññaṃ karissāmī’’ti puññasaṅkhātaṃ paṇḍaradhammaṃ karoti.
อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานนฺติ สเจ กณฺหํ ภเวยฺย, กณฺหวิปากํ ทเทยฺย ยถา ทสวิธํ ทุสฺสีลฺยธมฺมํฯ สเจ สุกฺกํ, สุกฺกวิปากํ ทเทยฺย ยถา ทานสีลาทิกุสลกมฺมํฯ ทฺวินฺนมฺปิ อปฺปทานโต ‘‘อกณฺหํ อสุกฺก’’นฺติ วุตฺตํฯ นิพฺพานญฺจ นาม อิมสฺมิํ อเตฺถ อรหตฺตํ อธิเปฺปตํ ‘‘อภิชายตี’’ติ วจนโต ฯ ตญฺหิ กิเลสนิพฺพานเนฺต ชาตตฺตา นิพฺพานํ นาม ยถา ‘‘ราคาทีนํ ขยเนฺต ชาตตฺตา ราคกฺขโย, โทสกฺขโย, โมหกฺขโย’’ติฯ ปฎิปฺปสฺสมฺภนวเสน วา กิเลสานํ นิพฺพาปนโต นิพฺพานํฯ ตํ เอส อภิชายติ ปสวติฯ อิธาปิ หิ อโนฺตคธเหตุ อตฺถํ ‘‘ชายตี’’ติ ปทํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘ชายตี’’ติ อิมสฺส ปาปุณาตีหิ อตฺถํ คเหตฺวาว ‘‘นิพฺพานํ ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํฯ สุกฺกาภิชาติโย สมาโนติ สุเกฺก อุจฺจกุเล ชาโต หุตฺวาฯ เสสเมตฺถ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Akaṇhaṃ asukkaṃ nibbānanti sace kaṇhaṃ bhaveyya, kaṇhavipākaṃ dadeyya yathā dasavidhaṃ dussīlyadhammaṃ. Sace sukkaṃ, sukkavipākaṃ dadeyya yathā dānasīlādikusalakammaṃ. Dvinnampi appadānato ‘‘akaṇhaṃ asukka’’nti vuttaṃ. Nibbānañca nāma imasmiṃ atthe arahattaṃ adhippetaṃ ‘‘abhijāyatī’’ti vacanato . Tañhi kilesanibbānante jātattā nibbānaṃ nāma yathā ‘‘rāgādīnaṃ khayante jātattā rāgakkhayo, dosakkhayo, mohakkhayo’’ti. Paṭippassambhanavasena vā kilesānaṃ nibbāpanato nibbānaṃ. Taṃ esa abhijāyati pasavati. Idhāpi hi antogadhahetu atthaṃ ‘‘jāyatī’’ti padaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘jāyatī’’ti imassa pāpuṇātīhi atthaṃ gahetvāva ‘‘nibbānaṃ pāpuṇātī’’ti vuttaṃ. Sukkābhijātiyo samānoti sukke uccakule jāto hutvā. Sesamettha suviññeyyameva.
ฉฬภิชาติสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Chaḷabhijātisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. ฉฬภิชาติสุตฺตํ • 3. Chaḷabhijātisuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ฉฬภิชาติสุตฺตวณฺณนา • 3. Chaḷabhijātisuttavaṇṇanā