Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๗. ฉฬงฺคทานสุตฺตํ
7. Chaḷaṅgadānasuttaṃ
๓๗. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน เวฬุกณฺฑกี 1 นนฺทมาตา อุปาสิกา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุเข ภิกฺขุสเงฺฆ ฉฬงฺคสมนฺนาคตํ ทกฺขิณํ ปติฎฺฐาเปติฯ อทฺทสา โข ภควา ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน เวฬุกณฺฑกิํ นนฺทมาตรํ อุปาสิกํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุเข ภิกฺขุสเงฺฆ ฉฬงฺคสมนฺนาคตํ ทกฺขิณํ ปติฎฺฐาเปนฺติํฯ ทิสฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เอสา, ภิกฺขเว, เวฬุกณฺฑกี นนฺทมาตา อุปาสิกา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุเข ภิกฺขุสเงฺฆ ฉฬงฺคสมนฺนาคตํ ทกฺขิณํ ปติฎฺฐาเปติ’’ฯ
37. Ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena veḷukaṇḍakī 2 nandamātā upāsikā sāriputtamoggallānappamukhe bhikkhusaṅghe chaḷaṅgasamannāgataṃ dakkhiṇaṃ patiṭṭhāpeti. Addasā kho bhagavā dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena veḷukaṇḍakiṃ nandamātaraṃ upāsikaṃ sāriputtamoggallānappamukhe bhikkhusaṅghe chaḷaṅgasamannāgataṃ dakkhiṇaṃ patiṭṭhāpentiṃ. Disvā bhikkhū āmantesi – ‘‘esā, bhikkhave, veḷukaṇḍakī nandamātā upāsikā sāriputtamoggallānappamukhe bhikkhusaṅghe chaḷaṅgasamannāgataṃ dakkhiṇaṃ patiṭṭhāpeti’’.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ฉฬงฺคสมนฺนาคตา ทกฺขิณา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว , ทายกสฺส ตีณงฺคานิ โหนฺติ, ปฎิคฺคาหกานํ ตีณงฺคานิฯ กตมานิ ทายกสฺส ตีณงฺคานิ? อิธ, ภิกฺขเว, ทายโก ปุเพฺพว ทานา สุมโน โหติ, ททํ จิตฺตํ ปสาเทติ, ทตฺวา อตฺตมโน โหติฯ อิมานิ ทายกสฺส ตีณงฺคานิฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, chaḷaṅgasamannāgatā dakkhiṇā hoti? Idha, bhikkhave , dāyakassa tīṇaṅgāni honti, paṭiggāhakānaṃ tīṇaṅgāni. Katamāni dāyakassa tīṇaṅgāni? Idha, bhikkhave, dāyako pubbeva dānā sumano hoti, dadaṃ cittaṃ pasādeti, datvā attamano hoti. Imāni dāyakassa tīṇaṅgāni.
‘‘กตมานิ ปฎิคฺคาหกานํ ตีณงฺคานิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปฎิคฺคาหกา วีตราคา วา โหนฺติ ราควินยาย วา ปฎิปนฺนา, วีตโทสา วา โหนฺติ โทสวินยาย วา ปฎิปนฺนา, วีตโมหา วา โหนฺติ โมหวินยาย วา ปฎิปนฺนาฯ อิมานิ ปฎิคฺคาหกานํ ตีณงฺคานิฯ อิติ ทายกสฺส ตีณงฺคานิ, ปฎิคฺคาหกานํ ตีณงฺคานิฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ฉฬงฺคสมนฺนาคตา ทกฺขิณา โหติฯ
‘‘Katamāni paṭiggāhakānaṃ tīṇaṅgāni? Idha, bhikkhave, paṭiggāhakā vītarāgā vā honti rāgavinayāya vā paṭipannā, vītadosā vā honti dosavinayāya vā paṭipannā, vītamohā vā honti mohavinayāya vā paṭipannā. Imāni paṭiggāhakānaṃ tīṇaṅgāni. Iti dāyakassa tīṇaṅgāni, paṭiggāhakānaṃ tīṇaṅgāni. Evaṃ kho, bhikkhave, chaḷaṅgasamannāgatā dakkhiṇā hoti.
‘‘เอวํ ฉฬงฺคสมนฺนาคตาย, ภิกฺขเว, ทกฺขิณาย น สุกรํ ปุญฺญสฺส ปมาณํ คเหตุํ – ‘เอตฺตโก ปุญฺญาภิสโนฺท กุสลาภิสโนฺท สุขสฺสาหาโร โสวคฺคิโก สุขวิปาโก สคฺคสํวตฺตนิโก อิฎฺฐาย กนฺตาย มนาปาย หิตาย สุขาย สํวตฺตตี’ติฯ อถ โข อสเงฺขฺยโยฺย 3 อปฺปเมโยฺย มหาปุญฺญกฺขโนฺธเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ
‘‘Evaṃ chaḷaṅgasamannāgatāya, bhikkhave, dakkhiṇāya na sukaraṃ puññassa pamāṇaṃ gahetuṃ – ‘ettako puññābhisando kusalābhisando sukhassāhāro sovaggiko sukhavipāko saggasaṃvattaniko iṭṭhāya kantāya manāpāya hitāya sukhāya saṃvattatī’ti. Atha kho asaṅkhyeyyo 4 appameyyo mahāpuññakkhandhotveva saṅkhaṃ gacchati.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหาสมุเทฺท น สุกรํ อุทกสฺส ปมาณํ คเหตุํ – ‘เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกานีติ วา เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกสตานีติ วา เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกสหสฺสานีติ วา เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกสตสหสฺสานี’ติ วาฯ อถ โข อสเงฺขฺยโยฺย อปฺปเมโยฺย มหาอุทกกฺขโนฺธเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, เอวํ ฉฬงฺคสมนฺนาคตาย ทกฺขิณาย น สุกรํ ปุญฺญสฺส ปมาณํ คเหตุํ – ‘เอตฺตโก ปุญฺญาภิสโนฺท กุสลาภิสโนฺท สุขสฺสาหาโร โสวคฺคิโก สุขวิปาโก สคฺคสํวตฺตนิโก อิฎฺฐาย กนฺตาย มนาปาย หิตาย สุขาย สํวตฺตตี’ติฯ อถ โข อสเงฺขฺยโยฺย อปฺปเมโยฺย มหาปุญฺญกฺขโนฺธเตฺวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติฯ
‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, mahāsamudde na sukaraṃ udakassa pamāṇaṃ gahetuṃ – ‘ettakāni udakāḷhakānīti vā ettakāni udakāḷhakasatānīti vā ettakāni udakāḷhakasahassānīti vā ettakāni udakāḷhakasatasahassānī’ti vā. Atha kho asaṅkhyeyyo appameyyo mahāudakakkhandhotveva saṅkhaṃ gacchati. Evamevaṃ kho, bhikkhave, evaṃ chaḷaṅgasamannāgatāya dakkhiṇāya na sukaraṃ puññassa pamāṇaṃ gahetuṃ – ‘ettako puññābhisando kusalābhisando sukhassāhāro sovaggiko sukhavipāko saggasaṃvattaniko iṭṭhāya kantāya manāpāya hitāya sukhāya saṃvattatī’ti. Atha kho asaṅkhyeyyo appameyyo mahāpuññakkhandhotveva saṅkhaṃ gacchatī’’ti.
เขตฺตํ ยญฺญสฺส สมฺปนฺนํ, สญฺญตา พฺรหฺมจารโย 11ฯ
Khettaṃ yaññassa sampannaṃ, saññatā brahmacārayo 12.
‘‘สยํ อาจมยิตฺวาน, ทตฺวา สเกหิ ปาณิภิ;
‘‘Sayaṃ ācamayitvāna, datvā sakehi pāṇibhi;
อตฺตโน ปรโต เจโส, ยโญฺญ โหติ มหปฺผโลฯ
Attano parato ceso, yañño hoti mahapphalo.
อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลกํ, ปณฺฑิโต อุปปชฺชตี’’ติฯ สตฺตมํ;
Abyāpajjaṃ sukhaṃ lokaṃ, paṇḍito upapajjatī’’ti. sattamaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. ทานสุตฺตวณฺณนา • 7. Dānasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๗. ฉฬงฺคทานสุตฺตวณฺณนา • 7. Chaḷaṅgadānasuttavaṇṇanā