Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๔๓. ฉนฺททานนิเทฺทสวณฺณนา
43. Chandadānaniddesavaṇṇanā
๓๙๙. กมฺมปฺปเตฺตติ อุโปสถาทิโน กมฺมสฺส ปเตฺต ยุเตฺต อนุรูเปฯ สเงฺฆ สมาคเตติ จตุวคฺคาทิเก สเงฺฆ เอกตฺถ สนฺนิปติเตฯ เอตฺถ จ ฉนฺทหารเกนาปิ สทฺธิํ จตุวคฺคาทิโก เวทิตโพฺพฯ
399.Kammappatteti uposathādino kammassa patte yutte anurūpe. Saṅghe samāgateti catuvaggādike saṅghe ekattha sannipatite. Ettha ca chandahārakenāpi saddhiṃ catuvaggādiko veditabbo.
๔๐๐. ฉนฺททานาทิวิธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอก’’นฺติอาทิมาหฯ อุปาคมฺมาติ สนฺติํ อาปตฺติํ ปกาเสตฺวา ตโต ปจฺฉา อุปคนฺตฺวาฯ ฉนฺทํ ทเทติ วกฺขมาเนสุ ตีสุ เอเกนปิ พหิ อุโปสถํ กตฺวา อาคโต ฉนฺทํ ทเทยฺย, เกนจิ กรณีเยน สนฺนิปาตฎฺฐานํ คนฺตฺวา กายสามคฺคิํ อเทโนฺต ปน ปาริสุทฺธิํ เทโนฺต ฉนฺทํ ทเทยฺยฯ
400. Chandadānādividhiṃ dassetuṃ ‘‘eka’’ntiādimāha. Upāgammāti santiṃ āpattiṃ pakāsetvā tato pacchā upagantvā. Chandaṃ dadeti vakkhamānesu tīsu ekenapi bahi uposathaṃ katvā āgato chandaṃ dadeyya, kenaci karaṇīyena sannipātaṭṭhānaṃ gantvā kāyasāmaggiṃ adento pana pārisuddhiṃ dento chandaṃ dadeyya.
๔๐๒. อุภินฺนํ ทาเน กิํปโยชนนฺติ อาห ‘‘ปาริสุทฺธี’’ติอาทิฯ ปาริสุทฺธิปฺปทาเนน สงฺฆสฺส อตฺตโน จาปิ อุโปสถํ สมฺปาเทตีติ สมฺพโนฺธฯ ปริสุทฺธิ เอว ปาริสุทฺธิ, ตสฺส ปทานํ, เตนฯ นนุ จ ปาริสุทฺธิตาปทานมตฺตเมว อุโปสถกมฺมํ นามาติ ปาริสุทฺธิปฺปทานํ อตฺตโน อุโปสถํ สมฺปาเทตุ, กถํ สงฺฆสฺสาติ? วุจฺจเต – ปาริสุทฺธิทานสฺส ธมฺมกมฺมตาสมฺปาทเนน สงฺฆสฺสาปิ อุโปสถํ สมฺปาเทตีติฯ
402. Ubhinnaṃ dāne kiṃpayojananti āha ‘‘pārisuddhī’’tiādi. Pārisuddhippadānena saṅghassa attano cāpi uposathaṃ sampādetīti sambandho. Parisuddhi eva pārisuddhi, tassa padānaṃ, tena. Nanu ca pārisuddhitāpadānamattameva uposathakammaṃ nāmāti pārisuddhippadānaṃ attano uposathaṃ sampādetu, kathaṃ saṅghassāti? Vuccate – pārisuddhidānassa dhammakammatāsampādanena saṅghassāpi uposathaṃ sampādetīti.
เอตฺถ ปน จตูสุ เอกสฺส ฉนฺทปาริสุทฺธิํ อาหริตฺวา ตโย ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺติ, ตีสุ วา เอกสฺส ฉนฺทปาริสุทฺธิํ อาหริตฺวา เทฺว ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, อธเมฺมน วคฺคํ อุโปสถกมฺมํฯ จตฺตาโร ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺติ, ตโย วา เทฺว วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, อธเมฺมน สมคฺคํฯ จตูสุ เอกสฺส อาหริตฺวา ตโย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, ตีสุ วา เอกสฺส อาหริตฺวา เทฺว ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺติ, ธเมฺมน วคฺคํฯ สเจ ปน จตฺตาโร สนฺนิปติตฺวา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, ตโย ปาริสุทฺธิอุโปสถํ, เทฺว อญฺญมญฺญํ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺติ, ธเมฺมน สมคฺคํฯ ปวารณกเมฺมสุปิ ปญฺจสุ เอกสฺส ปวารณํ อาหริตฺวา จตฺตาโร คณญตฺติํ ฐเปตฺวา ปวาเรนฺติ, จตูสุ ตีสุ วา เอกสฺส อาหริตฺวา ตโย เทฺว วา สงฺฆญตฺติํ ฐเปตฺวา ปวาเรนฺติ, อธเมฺมน วคฺคํ ปวารณกมฺมนฺติอาทิ วุตฺตนยเมวฯ เสสกมฺมํ วิพาธตีติ อวเสสสงฺฆกิจฺจํ วิพาเธติ อลทฺธาธิปฺปายตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ
Ettha pana catūsu ekassa chandapārisuddhiṃ āharitvā tayo pārisuddhiuposathaṃ karonti, tīsu vā ekassa chandapārisuddhiṃ āharitvā dve pātimokkhaṃ uddisanti, adhammena vaggaṃ uposathakammaṃ. Cattāro pārisuddhiuposathaṃ karonti, tayo vā dve vā pātimokkhaṃ uddisanti, adhammena samaggaṃ. Catūsu ekassa āharitvā tayo pātimokkhaṃ uddisanti, tīsu vā ekassa āharitvā dve pārisuddhiuposathaṃ karonti, dhammena vaggaṃ. Sace pana cattāro sannipatitvā pātimokkhaṃ uddisanti, tayo pārisuddhiuposathaṃ, dve aññamaññaṃ pārisuddhiuposathaṃ karonti, dhammena samaggaṃ. Pavāraṇakammesupi pañcasu ekassa pavāraṇaṃ āharitvā cattāro gaṇañattiṃ ṭhapetvā pavārenti, catūsu tīsu vā ekassa āharitvā tayo dve vā saṅghañattiṃ ṭhapetvā pavārenti, adhammena vaggaṃ pavāraṇakammantiādi vuttanayameva. Sesakammaṃ vibādhatīti avasesasaṅghakiccaṃ vibādheti aladdhādhippāyattāti adhippāyo.
๔๐๓. ทฺวยนฺติ อุโปสถกรณเญฺจว อวเสสกิจฺจญฺจฯ อตฺตโน น สาเธตีติ สมฺพนฺธนียํฯ
403.Dvayanti uposathakaraṇañceva avasesakiccañca. Attano na sādhetīti sambandhanīyaṃ.
๔๐๔. หเรยฺยาติ ปุเพฺพ วุตฺตํ สุทฺธิกฉนฺทํ วา อิมํ วา ฉนฺทปาริสุทฺธิํ หเรยฺยฯ ปรมฺปรา น หารเยติ ปรมฺปรา น อาหเรยฺยฯ กสฺมาติ อาห ‘‘ปรมฺปราหฎา’’ติอาทิฯ เตนาติ ปฐมโต คหิตฉนฺทปาริสุทฺธิเกนฯ ปรมฺปราหฎาติ ยถา พิฬาลสงฺขลิกาย ปฐมํ วลยํ ทุติยํ ปาปุณาติ, ตติยํ น ปาปุณาติ, เอวํ ทุติยสฺส อาคจฺฉติ, ตติยสฺส น อาคจฺฉติฯ ‘‘ปริมฺปราหฎา ฉนฺท-ปาริสุทฺธิ น คจฺฉตี’’ติ วา ปาโฐฯ
404.Hareyyāti pubbe vuttaṃ suddhikachandaṃ vā imaṃ vā chandapārisuddhiṃ hareyya. Paramparā na hārayeti paramparā na āhareyya. Kasmāti āha ‘‘paramparāhaṭā’’tiādi. Tenāti paṭhamato gahitachandapārisuddhikena. Paramparāhaṭāti yathā biḷālasaṅkhalikāya paṭhamaṃ valayaṃ dutiyaṃ pāpuṇāti, tatiyaṃ na pāpuṇāti, evaṃ dutiyassa āgacchati, tatiyassa na āgacchati. ‘‘Parimparāhaṭā chanda-pārisuddhi na gacchatī’’ti vā pāṭho.
๔๐๕. สพฺพูปจารนฺติ ‘‘เอกํสํ จีวรํ กตฺวา’’ ติอาทิ สพฺพํ อุปจารํฯ
405.Sabbūpacāranti ‘‘ekaṃsaṃ cīvaraṃ katvā’’ tiādi sabbaṃ upacāraṃ.
๔๐๖. โส อาคโต อาโรเจตฺวา สงฺฆํ ปวาเรยฺยาติ โยชนาฯ อถาติ อนนฺตรเตฺถฯ อาคโตติ ปวารณํ คเหตฺวา อาคโต ภิกฺขุฯ อาโรเจตฺวาติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรเจตฺวาฯ เอวนฺติ วกฺขมานกฺกเมนฯ
406. So āgato ārocetvā saṅghaṃ pavāreyyāti yojanā. Athāti anantaratthe. Āgatoti pavāraṇaṃ gahetvā āgato bhikkhu. Ārocetvāti bhikkhusaṅghassa ārocetvā. Evanti vakkhamānakkamena.
๔๐๗-๘. คเหตฺวา หารโกติ สมฺพโนฺธฯ นาหฎาติ อาหฎาว น โหตีติ อโตฺถฯ หารโก สงฺฆํ ปตฺวา ตถา เหยฺย, อาหฎา โหตีติ โยชนาฯ ตถา เหยฺยาติ วิพฺภนฺตาทิโก ภเวยฺยฯ
407-8. Gahetvā hārakoti sambandho. Nāhaṭāti āhaṭāva na hotīti attho. Hārako saṅghaṃ patvā tathā heyya, āhaṭā hotīti yojanā. Tathā heyyāti vibbhantādiko bhaveyya.
๔๐๙. สงฺฆํ ปโตฺต ปมโตฺต วา สุโตฺต วา นาโรจเยยฺย อนาปตฺติ จาติ สมฺพโนฺธฯ จ-สโทฺท ฉนฺทปาริสุทฺธิหรณํ สมฺปิเณฺฑตีติฯ
409. Saṅghaṃ patto pamatto vā sutto vā nārocayeyya anāpatti cāti sambandho. Ca-saddo chandapārisuddhiharaṇaṃ sampiṇḍetīti.
ฉนฺททานนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Chandadānaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.