Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๒. ฉโนฺนวาทสุตฺตวณฺณนา
2. Channovādasuttavaṇṇanā
๓๘๙. ฉโนฺนติ อิทํ ตสฺส นามนฺติ อาห ‘‘เอวํนามโก เถโร’’ติฯ ยสฺส ปน สตฺถารา ปรินิพฺพานกาเล พฺรหฺมทโณฺฑ อาณโตฺต, อยํ โส น โหตีติ ทเสฺสโนฺต อาห – ‘‘น อภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺตเตฺถโร’’ติ, โลกนาถสฺส อภินิกฺขมนกาเล กปิลปุรโต นิกฺขโนฺตติ อโตฺถฯ คิลานปุจฺฉกาติ คิลานสฺส ปุจฺฉนกา, คิลานภาวสฺส อวตฺถํ โสตุกามาติ อโตฺถฯ สสนโต หิํสนโต สตฺถนฺติ อาห ‘‘ชีวิตหารกสตฺถ’’นฺติฯ
389.Channoti idaṃ tassa nāmanti āha ‘‘evaṃnāmako thero’’ti. Yassa pana satthārā parinibbānakāle brahmadaṇḍo āṇatto, ayaṃ so na hotīti dassento āha – ‘‘na abhinikkhamanaṃ nikkhantatthero’’ti, lokanāthassa abhinikkhamanakāle kapilapurato nikkhantoti attho. Gilānapucchakāti gilānassa pucchanakā, gilānabhāvassa avatthaṃ sotukāmāti attho. Sasanato hiṃsanato satthanti āha ‘‘jīvitahārakasattha’’nti.
๓๙๐. อุปวชฺชํ เอตสฺส นตฺถีติ อนุปวชฺชํ, กรชกายํ กตฺวา อายติํ อุปฺปตฺติรหิตนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อนุปฺปตฺติก’’นฺติฯ
390. Upavajjaṃ etassa natthīti anupavajjaṃ, karajakāyaṃ katvā āyatiṃ uppattirahitanti attho. Tenāha ‘‘anuppattika’’nti.
๓๙๑. ขยวยํ ญตฺวาติ สงฺขารคตํ ขณภงฺคํ เนตฺวา ญาเณน ยาถาวโต ญตฺวาฯ เนตํ มมาติ ทุกฺขโต สมนุปสฺสนา สงฺขาเรสุ ทิเฎฺฐสุ มมํการาภาวโตฯ เนโสหมสฺมีติ อนิจฺจโต สมนุปสฺสนา อนิจฺจโต เตสุ ทิเฎฺฐสุ อหํการาภาวโตฯ น เมโส อตฺตาติ อนตฺตโต สมนุปสฺสนา อนตฺตโต เตสุ ทิเฎฺฐสุ อตฺตคฺคาหาภาวโตติ อาห – ‘‘เนตํ มม…เป.… อตฺตาติ สมนุปสฺสามี’’ติฯ
391.Khayavayaṃ ñatvāti saṅkhāragataṃ khaṇabhaṅgaṃ netvā ñāṇena yāthāvato ñatvā. Netaṃ mamāti dukkhato samanupassanā saṅkhāresu diṭṭhesu mamaṃkārābhāvato. Nesohamasmīti aniccato samanupassanā aniccato tesu diṭṭhesu ahaṃkārābhāvato. Na meso attāti anattato samanupassanā anattato tesu diṭṭhesu attaggāhābhāvatoti āha – ‘‘netaṃ mama…pe… attāti samanupassāmī’’ti.
๓๙๓. ตสฺมา ปุถุชฺชโนติ ยสฺมา อริโย สพฺพโส ปริญฺญาตวตฺถุโก ทุกฺขเวทนํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต นาม นตฺถิ, ตสฺมา ปุถุชฺชโน, เกวลํ ปน อธิมาเนเนว – ‘‘นาภิกงฺขามิ ชีวิตํ, ปริจิโณฺณ เม สตฺถา, นิโรธํ ทิสฺวา’’ติ วทตีติ อธิปฺปาโยฯ อิทมฺปีติ อิทมฺปิ, ‘‘นิสฺสิตสฺส จลิต’’นฺติอาทิฯ ตณฺหานิสฺสิตภาเวน หิ อายสฺมา ฉโนฺน มารณนฺติกํ เวทนํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต อิโต จิโต ปริวตฺตโนฺต จลติ วิปฺผนฺทติ, ตสฺมา ‘‘นิสฺสิตสฺส จลิต’’นฺติอาทิ มนสิกาตพฺพํ, เตน อิทํ สพฺพํ ตํ วิปฺผนฺทิตํ น ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาโยฯ กปฺปสโทฺท กาลปริยาโยปิ โหติ, น กาลวิเสสวาจโก เอวาติ อาห – ‘‘นิจฺจกปฺปนฺติ นิจฺจกาล’’นฺติฯ ยถา อปฺปหีนตณฺหาทิฎฺฐิโก ปุคฺคโล ตํนิสฺสิโต อลฺลิโน, เอวํ ตาหิปิ นิสฺสิโต อมุตฺตภาวโตติ อาห – ‘‘ตณฺหาทิฎฺฐีหิ นิสฺสิตสฺสา’’ติฯ จลิตนฺติ ยถา ยถา อสมารทฺธาย สมฺมาปฎิปตฺติยา อาทีนววเสน จลนฺตํ ปน ยสฺมา อริยสฺส วินเย วิรูปํ จลิตํ นาม โหติ, ตสฺมา อาห – ‘‘วิปฺผนฺทิตํ โหตี’’ติฯ ตาทิเส ปน ปปญฺจวิกฺขมฺภนวเสน จิตฺตสฺส จลิเต อสติ ภาวนาย วีถิปฎิปนฺนตาย กิเลสปฎิปฺปสฺสทฺธิ เอว โหตีติ อาห ‘‘จลิเต อสติ ปสฺสทฺธี’’ติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘กิเลสปสฺสทฺธิ นาม โหตี’’ติฯ
393.Tasmā puthujjanoti yasmā ariyo sabbaso pariññātavatthuko dukkhavedanaṃ adhivāsetuṃ asakkonto nāma natthi, tasmā puthujjano, kevalaṃ pana adhimāneneva – ‘‘nābhikaṅkhāmi jīvitaṃ, pariciṇṇo me satthā, nirodhaṃ disvā’’ti vadatīti adhippāyo. Idampīti idampi, ‘‘nissitassa calita’’ntiādi. Taṇhānissitabhāvena hi āyasmā channo māraṇantikaṃ vedanaṃ adhivāsetuṃ asakkonto ito cito parivattanto calati vipphandati, tasmā ‘‘nissitassa calita’’ntiādi manasikātabbaṃ, tena idaṃ sabbaṃ taṃ vipphanditaṃ na bhavissatīti adhippāyo. Kappasaddo kālapariyāyopi hoti, na kālavisesavācako evāti āha – ‘‘niccakappanti niccakāla’’nti. Yathā appahīnataṇhādiṭṭhiko puggalo taṃnissito allino, evaṃ tāhipi nissito amuttabhāvatoti āha – ‘‘taṇhādiṭṭhīhi nissitassā’’ti. Calitanti yathā yathā asamāraddhāya sammāpaṭipattiyā ādīnavavasena calantaṃ pana yasmā ariyassa vinaye virūpaṃ calitaṃ nāma hoti, tasmā āha – ‘‘vipphanditaṃ hotī’’ti. Tādise pana papañcavikkhambhanavasena cittassa calite asati bhāvanāya vīthipaṭipannatāya kilesapaṭippassaddhi eva hotīti āha ‘‘calite asati passaddhī’’ti. Tena vuttaṃ – ‘‘kilesapassaddhi nāma hotī’’ti.
ภวนฺตรํ ทิสฺวา นมนเฎฺฐน นติฯ เตนาห – ‘‘นติยา อสตีติ ภวตฺถาย อาลยนิกนฺติปริยุฎฺฐาเนสุ อสตี’’ติฯ ปฎิสนฺธิวเสน อาคติ นามาติ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน ภวนฺตรโต อิเธว อาคมนํ นาม, จุติวเสน จวนวเสน อิโต ภวนฺตรสฺส คมนํ นาม น โหติ อาคติคติยา อสติ กตูปจิตสฺสปิ กมฺมสฺส อุปฺปตฺติปริกปฺปวเสน ปวตฺติยา อภาวโตฯ จวนวเสนาติ นิพฺพตฺตภวโต จวนวเสน จุติ, อายติํ อุปปชฺชนวเสน อุปปาโต น โหติฯ ยโต คติ อาคติ จวนํ อุปปาโต น โหติ, ตโต เอว เนวิธ, น หุรํ, น อุภยมนฺตเรน, กายสฺส คติยา อาคติยา จ อภาวโต สพฺพโส จุตูปปาโต นตฺถิ; เตน น อิธโลเก ฐิโตติ วตฺตโพฺพฯ น ปรโลเก ฐิโตติ วตฺตโพฺพ, น อุภยมนฺตเรน ฐิโตติ วตฺตโพฺพฯ เตนาห ‘‘นยิธ โลเก’’ติอาทิฯ ตตฺถ อิธโลกปรโลกวินิมุตฺตสฺส สํสรณปเทสสฺส อภาวโต, ‘‘น อุภยมนฺตเรนา’’ติ วุโตฺตติ อุภยปริยาปโนฺน น โหตีติ ปฎิกฺขิปโนฺต, ‘‘น อุภยตฺถ โหตี’’ติ อาหฯ อยเมว อโนฺตติ โย อิธโลเก ปรโลเก จ อภาโว อวิชฺชมานตา อนุปฺปชฺชนํ, อยเมว สกลสฺส ทุกฺขมูลสฺส อโนฺต ปริโยสานํฯ
Bhavantaraṃ disvā namanaṭṭhena nati. Tenāha – ‘‘natiyā asatīti bhavatthāya ālayanikantipariyuṭṭhānesu asatī’’ti. Paṭisandhivasena āgati nāmāti paṭisandhiggahaṇavasena bhavantarato idheva āgamanaṃ nāma, cutivasena cavanavasena ito bhavantarassa gamanaṃ nāma na hoti āgatigatiyā asati katūpacitassapi kammassa uppattiparikappavasena pavattiyā abhāvato. Cavanavasenāti nibbattabhavato cavanavasena cuti, āyatiṃ upapajjanavasena upapāto na hoti. Yato gati āgati cavanaṃ upapāto na hoti, tato eva nevidha, na huraṃ, na ubhayamantarena, kāyassa gatiyā āgatiyā ca abhāvato sabbaso cutūpapāto natthi; tena na idhaloke ṭhitoti vattabbo. Na paraloke ṭhitoti vattabbo, na ubhayamantarena ṭhitoti vattabbo. Tenāha ‘‘nayidha loke’’tiādi. Tattha idhalokaparalokavinimuttassa saṃsaraṇapadesassa abhāvato, ‘‘na ubhayamantarenā’’ti vuttoti ubhayapariyāpanno na hotīti paṭikkhipanto, ‘‘na ubhayattha hotī’’ti āha. Ayameva antoti yo idhaloke paraloke ca abhāvo avijjamānatā anuppajjanaṃ, ayameva sakalassa dukkhamūlassa anto pariyosānaṃ.
๓๙๔. กณฺฐนาฬิํ ฉินฺทีติ นาฬิํ ฉินฺทิตุํ อารภิฯ ตสฺมิํ ฉินฺทิตุํ อารทฺธกฺขเณ เฉโท จ วตฺตติ; มรณภยญฺจ โอกฺกมิ อวีตราคภาวโต, ตโต เอว คตินิมิตฺตํ อุปฎฺฐาติฯ ‘‘โสปิ นาม สพฺรหฺมจารีนํ อนุปวชฺชตํ พฺยากริตฺวา สราคมรณํ มริสฺสตี’’ติ สํวิคฺคมานโส สงฺขาเร อนิจฺจาทิวเสน ปริคฺคณฺหโนฺตฯ อรหตฺตํ ปตฺวาติ ปุเพฺพ พหุโส วิปสฺสนาย อุทยพฺพยญาณํ ปาวิตตฺตา ตาวเทว อรหตฺตํ ปตฺวา อรหตฺตผลปจฺจเวกฺขณานนฺตรํ กณฺฐนาฬิเจฺฉทปจฺจยา ชีวิตนิโรเธน สมสีสี หุตฺวา ปรินิพฺพายิฯ น หิ อนฺติมภวิกสฺส อรหตฺตํ อปฺปตฺวา ชีวิตนฺตราโย โหติฯ เถรสฺสาติ อายสฺมโต ฉนฺนเตฺถรสฺสฯ พฺยากรเณนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนํ ‘‘พฺยากรเณน เหตุนา’’ติฯ ตนฺนิมิตฺตญฺหิ เถโร วีริยํ ปคฺคณฺหโนฺต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปติฯ อิมินาติ, ‘‘อตฺถิ, ภเนฺต’’ติอาทิวจเนนฯ เถโรติ อายสฺมา สาริปุตฺตเตฺถโรฯ ปุจฺฉตีติ, ภเนฺต, ตถา กุลสํสคฺคปสุโต กถํ ปรินิพฺพายิสฺสตีติ ปุจฺฉติฯ ‘‘ปุเพฺพ กุเลสุ สํสฎฺฐวิหารี’’ติ สพฺรหฺมจารีนํ ปญฺญาตสฺสปิ อิมสฺมิํ ‘‘โหนฺติ เหเต สาริปุตฺตา’’ติอาทินา ภควโต วุตฺต-ฎฺฐาเน อสํสฎฺฐภาโว ปากโฎ อโหสิฯ ปกฺกมฺปิ นิปกฺกํ วิย สมฺมาปฎิปชฺชมานาปิ เกจิ อสญฺญตา อุปฎฺฐหนฺติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
394.Kaṇṭhanāḷiṃ chindīti nāḷiṃ chindituṃ ārabhi. Tasmiṃ chindituṃ āraddhakkhaṇe chedo ca vattati; maraṇabhayañca okkami avītarāgabhāvato, tato eva gatinimittaṃ upaṭṭhāti. ‘‘Sopi nāma sabrahmacārīnaṃ anupavajjataṃ byākaritvā sarāgamaraṇaṃ marissatī’’ti saṃviggamānaso saṅkhāre aniccādivasena pariggaṇhanto. Arahattaṃ patvāti pubbe bahuso vipassanāya udayabbayañāṇaṃ pāvitattā tāvadeva arahattaṃ patvā arahattaphalapaccavekkhaṇānantaraṃ kaṇṭhanāḷicchedapaccayā jīvitanirodhena samasīsī hutvā parinibbāyi. Na hi antimabhavikassa arahattaṃ appatvā jīvitantarāyo hoti. Therassāti āyasmato channattherassa. Byākaraṇenāti hetumhi karaṇavacanaṃ ‘‘byākaraṇena hetunā’’ti. Tannimittañhi thero vīriyaṃ paggaṇhanto vipassanaṃ ussukkāpeti. Imināti, ‘‘atthi, bhante’’tiādivacanena. Theroti āyasmā sāriputtatthero. Pucchatīti, bhante, tathā kulasaṃsaggapasuto kathaṃ parinibbāyissatīti pucchati. ‘‘Pubbe kulesu saṃsaṭṭhavihārī’’ti sabrahmacārīnaṃ paññātassapi imasmiṃ ‘‘honti hete sāriputtā’’tiādinā bhagavato vutta-ṭṭhāne asaṃsaṭṭhabhāvo pākaṭo ahosi. Pakkampi nipakkaṃ viya sammāpaṭipajjamānāpi keci asaññatā upaṭṭhahanti. Sesaṃ suviññeyyameva.
ฉโนฺนวาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Channovādasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๒. ฉโนฺนวาทสุตฺตํ • 2. Channovādasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ฉโนฺนวาทสุตฺตวณฺณนา • 2. Channovādasuttavaṇṇanā