Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๑๐. ฉปฺปาณโกปมสุตฺตํ

    10. Chappāṇakopamasuttaṃ

    ๒๔๗. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อรุคโตฺต ปกฺกคโตฺต สรวนํ ปวิเสยฺยฯ ตสฺส กุสกณฺฎกา เจว ปาเท วิเชฺฌยฺยุํ, สรปตฺตานิ จ คตฺตานิ 1 วิเลเขยฺยุํฯ เอวญฺหิ โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ภิโยฺยโสมตฺตาย ตโตนิทานํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวทิเยถฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ คามคโต วา อรญฺญคโต วา ลภติ วตฺตารํ – ‘อยญฺจ โส 2 อายสฺมา เอวํการี เอวํสมาจาโร อสุจิคามกณฺฎโก’ติฯ ตํ กณฺฎโกติ 3 อิติ วิทิตฺวา สํวโร จ อสํวโร จ เวทิตโพฺพฯ

    247. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, puriso arugatto pakkagatto saravanaṃ paviseyya. Tassa kusakaṇṭakā ceva pāde vijjheyyuṃ, sarapattāni ca gattāni 4 vilekheyyuṃ. Evañhi so, bhikkhave, puriso bhiyyosomattāya tatonidānaṃ dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvediyetha. Evameva kho, bhikkhave, idhekacco bhikkhu gāmagato vā araññagato vā labhati vattāraṃ – ‘ayañca so 5 āyasmā evaṃkārī evaṃsamācāro asucigāmakaṇṭako’ti. Taṃ kaṇṭakoti 6 iti viditvā saṃvaro ca asaṃvaro ca veditabbo.

    ‘‘กถญฺจ , ภิกฺขเว, อสํวโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา ปิยรูเป รูเป อธิมุจฺจติ, อปฺปิยรูเป รูเป พฺยาปชฺชติ, อนุปฎฺฐิตกายสฺสติ จ วิหรติ ปริตฺตเจตโสฯ ตญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย ปิยรูเป ธเมฺม อธิมุจฺจติ, อปฺปิยรูเป ธเมฺม พฺยาปชฺชติ, อนุปฎฺฐิตกายสฺสติ จ วิหรติ ปริตฺตเจตโส, ตญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติฯ

    ‘‘Kathañca , bhikkhave, asaṃvaro hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu cakkhunā rūpaṃ disvā piyarūpe rūpe adhimuccati, appiyarūpe rūpe byāpajjati, anupaṭṭhitakāyassati ca viharati parittacetaso. Tañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ yathābhūtaṃ nappajānāti, yatthassa te uppannā pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhanti. Sotena saddaṃ sutvā… ghānena gandhaṃ ghāyitvā… jivhāya rasaṃ sāyitvā… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā… manasā dhammaṃ viññāya piyarūpe dhamme adhimuccati, appiyarūpe dhamme byāpajjati, anupaṭṭhitakāyassati ca viharati parittacetaso, tañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ yathābhūtaṃ nappajānāti, yatthassa te uppannā pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhanti.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส ฉปฺปาณเก คเหตฺวา นานาวิสเย นานาโคจเร ทฬฺหาย รชฺชุยา พเนฺธยฺยฯ อหิํ คเหตฺวา ทฬฺหาย รชฺชุยา พเนฺธยฺยฯ สุสุมารํ 7 คเหตฺวา ทฬฺหาย รชฺชุยา พเนฺธยฺยฯ ปกฺขิํ คเหตฺวา ทฬฺหาย รชฺชุยา พเนฺธยฺยฯ กุกฺกุรํ คเหตฺวา ทฬฺหาย รชฺชุยา พเนฺธยฺย ฯ สิงฺคาลํ คเหตฺวา ทฬฺหาย รชฺชุยา พเนฺธยฺยฯ มกฺกฎํ คเหตฺวา ทฬฺหาย รชฺชุยา พเนฺธยฺยฯ ทฬฺหาย รชฺชุยา พนฺธิตฺวา มเชฺฌ คณฺฐิํ กริตฺวา โอสฺสเชฺชยฺยฯ อถ โข, เต, ภิกฺขเว , ฉปฺปาณกา นานาวิสยา นานาโคจรา สกํ สกํ โคจรวิสยํ อาวิเญฺฉยฺยุํ 8 – อหิ อาวิเญฺฉยฺย ‘วมฺมิกํ ปเวกฺขามี’ติ, สุสุมาโร อาวิเญฺฉยฺย ‘อุทกํ ปเวกฺขามี’ติ, ปกฺขี อาวิเญฺฉยฺย ‘อากาสํ เฑสฺสามี’ติ, กุกฺกุโร อาวิเญฺฉยฺย ‘คามํ ปเวกฺขามี’ติ, สิงฺคาโล อาวิเญฺฉยฺย ‘สีวถิกํ 9 ปเวกฺขามี’ติ, มกฺกโฎ อาวิเญฺฉยฺย ‘วนํ ปเวกฺขามี’ติฯ ยทา โข เต, ภิกฺขเว, ฉปฺปาณกา ฌตฺตา อสฺสุ กิลนฺตา, อถ โข โย เนสํ ปาณกานํ พลวตโร อสฺส ตสฺส เต อนุวเตฺตยฺยุํ, อนุวิธาเยยฺยุํ วสํ คเจฺฉยฺยุํฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน กายคตาสติ อภาวิตา อพหุลีกตา, ตํ จกฺขุ อาวิญฺฉติ มนาปิเยสุ รูเปสุ, อมนาปิยา รูปา ปฎิกูลา โหนฺติ…เป.… มโน อาวิญฺฉติ มนาปิเยสุ ธเมฺมสุ, อมนาปิยา ธมฺมา ปฎิกูลา โหนฺติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อสํวโร โหติฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, puriso chappāṇake gahetvā nānāvisaye nānāgocare daḷhāya rajjuyā bandheyya. Ahiṃ gahetvā daḷhāya rajjuyā bandheyya. Susumāraṃ 10 gahetvā daḷhāya rajjuyā bandheyya. Pakkhiṃ gahetvā daḷhāya rajjuyā bandheyya. Kukkuraṃ gahetvā daḷhāya rajjuyā bandheyya . Siṅgālaṃ gahetvā daḷhāya rajjuyā bandheyya. Makkaṭaṃ gahetvā daḷhāya rajjuyā bandheyya. Daḷhāya rajjuyā bandhitvā majjhe gaṇṭhiṃ karitvā ossajjeyya. Atha kho, te, bhikkhave , chappāṇakā nānāvisayā nānāgocarā sakaṃ sakaṃ gocaravisayaṃ āviñcheyyuṃ 11 – ahi āviñcheyya ‘vammikaṃ pavekkhāmī’ti, susumāro āviñcheyya ‘udakaṃ pavekkhāmī’ti, pakkhī āviñcheyya ‘ākāsaṃ ḍessāmī’ti, kukkuro āviñcheyya ‘gāmaṃ pavekkhāmī’ti, siṅgālo āviñcheyya ‘sīvathikaṃ 12 pavekkhāmī’ti, makkaṭo āviñcheyya ‘vanaṃ pavekkhāmī’ti. Yadā kho te, bhikkhave, chappāṇakā jhattā assu kilantā, atha kho yo nesaṃ pāṇakānaṃ balavataro assa tassa te anuvatteyyuṃ, anuvidhāyeyyuṃ vasaṃ gaccheyyuṃ. Evameva kho, bhikkhave, yassa kassaci bhikkhuno kāyagatāsati abhāvitā abahulīkatā, taṃ cakkhu āviñchati manāpiyesu rūpesu, amanāpiyā rūpā paṭikūlā honti…pe… mano āviñchati manāpiyesu dhammesu, amanāpiyā dhammā paṭikūlā honti. Evaṃ kho, bhikkhave, asaṃvaro hoti.

    ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, สํวโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา ปิยรูเป รูเป นาธิมุจฺจติ, อปฺปิยรูเป รูเป น พฺยาปชฺชติ, อุปฎฺฐิตกายสฺสติ จ วิหรติ อปฺปมาณเจตโส, ตญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ยถาภูตํ ปชานาติ, ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ…เป.… ชิวฺหา รสํ สายิตฺวา…เป.… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย ปิยรูเป ธเมฺม นาธิมุจฺจติ, อปฺปิยรูเป ธเมฺม น พฺยาปชฺชติ, อุปฎฺฐิตกายสฺสติ จ วิหรติ อปฺปมาณเจตโส, ตญฺจ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ยถาภูตํ ปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติฯ

    ‘‘Kathañca, bhikkhave, saṃvaro hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu cakkhunā rūpaṃ disvā piyarūpe rūpe nādhimuccati, appiyarūpe rūpe na byāpajjati, upaṭṭhitakāyassati ca viharati appamāṇacetaso, tañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ yathābhūtaṃ pajānāti, yatthassa te uppannā pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhanti…pe… jivhā rasaṃ sāyitvā…pe… manasā dhammaṃ viññāya piyarūpe dhamme nādhimuccati, appiyarūpe dhamme na byāpajjati, upaṭṭhitakāyassati ca viharati appamāṇacetaso, tañca cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ yathābhūtaṃ pajānāti yatthassa te uppannā pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhanti.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส ฉปฺปาณเก คเหตฺวา นานาวิสเย นานาโคจเร ทฬฺหาย รชฺชุยา พเนฺธยฺยฯ อหิํ คเหตฺวา ทฬฺหาย รชฺชุยา พเนฺธยฺยฯ สุสุมารํ คเหตฺวา ทฬฺหาย รชฺชุยา พเนฺธยฺยฯ ปกฺขิํ คเหตฺวา…เป.… กุกฺกุรํ คเหตฺวา… สิงฺคาลํ คเหตฺวา… มกฺกฎํ คเหตฺวา ทฬฺหาย รชฺชุยา พเนฺธยฺยฯ ทฬฺหาย รชฺชุยา พนฺธิตฺวา ทเฬฺห ขีเล วา ถเมฺภ วา อุปนิพเนฺธยฺยฯ อถ โข เต, ภิกฺขเว, ฉปฺปาณกา นานาวิสยา นานาโคจรา สกํ สกํ โคจรวิสยํ อาวิเญฺฉยฺยุํ – อหิ อาวิเญฺฉยฺย ‘วมฺมิกํ ปเวกฺขามี’ติ, สุสุมาโร อาวิเญฺฉยฺย ‘อุทกํ ปเวกฺขามี’ติ, ปกฺขี อาวิเญฺฉยฺย ‘อากาสํ เฑสฺสามี’ติ, กุกฺกุโร อาวิเญฺฉยฺย ‘คามํ ปเวกฺขามี’ติ, สิงฺคาโล อาวิเญฺฉยฺย ‘สีวถิกํ ปเวกฺขามี’ติ, มกฺกโฎ อาวิเญฺฉยฺย ‘วนํ ปเวกฺขามี’ติ ฯ ยทา โข เต, ภิกฺขเว, ฉปฺปาณกา ฌตฺตา อสฺสุ กิลนฺตา , อถ ตเมว ขีลํ วา ถมฺภํ วา อุปติเฎฺฐยฺยุํ, อุปนิสีเทยฺยุํ, อุปนิปเชฺชยฺยุํฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน กายคตาสติ ภาวิตา พหุลีกตา, ตํ จกฺขุ นาวิญฺฉติ มนาปิเยสุ รูเปสุ, อมนาปิยา รูปา นปฺปฎิกูลา โหนฺติ…เป.… ชิวฺหา นาวิญฺฉติ มนาปิเยสุ รเสสุ…เป.… มโน นาวิญฺฉติ มนาปิเยสุ ธเมฺมสุ, อมนาปิยา ธมฺมา นปฺปฎิกูลา โหนฺติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, สํวโร โหติฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, puriso chappāṇake gahetvā nānāvisaye nānāgocare daḷhāya rajjuyā bandheyya. Ahiṃ gahetvā daḷhāya rajjuyā bandheyya. Susumāraṃ gahetvā daḷhāya rajjuyā bandheyya. Pakkhiṃ gahetvā…pe… kukkuraṃ gahetvā… siṅgālaṃ gahetvā… makkaṭaṃ gahetvā daḷhāya rajjuyā bandheyya. Daḷhāya rajjuyā bandhitvā daḷhe khīle vā thambhe vā upanibandheyya. Atha kho te, bhikkhave, chappāṇakā nānāvisayā nānāgocarā sakaṃ sakaṃ gocaravisayaṃ āviñcheyyuṃ – ahi āviñcheyya ‘vammikaṃ pavekkhāmī’ti, susumāro āviñcheyya ‘udakaṃ pavekkhāmī’ti, pakkhī āviñcheyya ‘ākāsaṃ ḍessāmī’ti, kukkuro āviñcheyya ‘gāmaṃ pavekkhāmī’ti, siṅgālo āviñcheyya ‘sīvathikaṃ pavekkhāmī’ti, makkaṭo āviñcheyya ‘vanaṃ pavekkhāmī’ti . Yadā kho te, bhikkhave, chappāṇakā jhattā assu kilantā , atha tameva khīlaṃ vā thambhaṃ vā upatiṭṭheyyuṃ, upanisīdeyyuṃ, upanipajjeyyuṃ. Evameva kho, bhikkhave, yassa kassaci bhikkhuno kāyagatāsati bhāvitā bahulīkatā, taṃ cakkhu nāviñchati manāpiyesu rūpesu, amanāpiyā rūpā nappaṭikūlā honti…pe… jivhā nāviñchati manāpiyesu rasesu…pe… mano nāviñchati manāpiyesu dhammesu, amanāpiyā dhammā nappaṭikūlā honti. Evaṃ kho, bhikkhave, saṃvaro hoti.

    ‘‘‘ทเฬฺห ขีเล วา ถเมฺภ วา’ติ โข, ภิกฺขเว, กายคตาย สติยา เอตํ อธิวจนํฯ ตสฺมาติห โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘กายคตา โน สติ ภาวิตา ภวิสฺสติ พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา’ติฯ เอวญฺหิ โข, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ ทสมํฯ

    ‘‘‘Daḷhe khīle vā thambhe vā’ti kho, bhikkhave, kāyagatāya satiyā etaṃ adhivacanaṃ. Tasmātiha vo, bhikkhave, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘kāyagatā no sati bhāvitā bhavissati bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā’ti. Evañhi kho, bhikkhave, sikkhitabba’’nti. Dasamaṃ.







    Footnotes:
    1. สรปตฺตานิ ปกฺกคตฺตานิ (สฺยา. กํ.), อรุปกฺกานิ คตฺตานิ (ปี. ก.)
    2. อยญฺจ โข (ปี. ก.), อยํ โส (?)
    3. ตํ ‘‘อสุจิคามกณฺฑโต’’ติ (ก.)
    4. sarapattāni pakkagattāni (syā. kaṃ.), arupakkāni gattāni (pī. ka.)
    5. ayañca kho (pī. ka.), ayaṃ so (?)
    6. taṃ ‘‘asucigāmakaṇḍato’’ti (ka.)
    7. สุํสุมารํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    8. อาวิเญฺชยฺยุํ (สี.)
    9. สิวถิกํ (ก.)
    10. suṃsumāraṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    11. āviñjeyyuṃ (sī.)
    12. sivathikaṃ (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. ฉปฺปาณโกปมสุตฺตวณฺณนา • 10. Chappāṇakopamasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. ฉปฺปาณโกปมสุตฺตวณฺณนา • 10. Chappāṇakopamasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact