Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ๗. สงฺฆเภทกกฺขนฺธกํ

    7. Saṅghabhedakakkhandhakaṃ

    ฉสกฺยปพฺพชฺชากถาวณฺณนา

    Chasakyapabbajjākathāvaṇṇanā

    ๓๓๐. สงฺฆเภทกกฺขนฺธเก อนุปิยายนฺติอาทีสุ ‘‘อนุปิยา นามา’’ติ วตฺตเพฺพ อาการสฺส รสฺสตฺตํ อนุนาสิกสฺส จ อาคมํ กตฺวา ‘‘อนุปิยํ นามา’’ติ วุตฺตํฯ มลฺลานนฺติ มลฺลราชูนํฯ น เหฎฺฐา ปาสาทา โอโรหตีติ อุปริปาสาทโต เหฎฺฐิมตลํ น โอโรหติ, ‘‘เหฎฺฐาปาสาท’’นฺติปิ ปฐนฺติฯ อนุรุโทฺธ วา ปพฺพาเชยฺยาติ โยเชตพฺพํฯ ฆราวาสตฺถนฺติ ฆราวาสสฺส อนุจฺฉวิกํ กมฺมํฯ อุทกํ อภิเนตพฺพนฺติ อุทกํ อาหริตพฺพํฯ นิเนฺนตพฺพนฺติ อาภตมุทกํ ปุน นีหริตพฺพํฯ นิทฺธาเปตพฺพนฺติ อนฺตรนฺตรา อุฎฺฐิตติณานิ อุทฺธริตฺวา อปเนตพฺพํฯ ลวาเปตพฺพนฺติ ปริปกฺกกาเล ลวาเปตพฺพํฯ อุพฺพาหาเปตพฺพนฺติ ขลมณฺฑลํ หราเปตพฺพํฯ อุชุํ การาเปตพฺพนฺติ ปุญฺชํ การาเปตพฺพํฯ ปลาลานิ อุทฺธราเปตพฺพานีติ ปลาลานิ อปเนตพฺพานิฯ ภุสิกา อุทฺธราเปตพฺพาติ คุนฺนํ ขุรเคฺคหิ สญฺฉินฺนา ภุสสงฺขาตา นาฬทณฺฑา อปเนตพฺพาฯ โอปุนาเปตพฺพนฺติ วาตมุเข โอปุนาเปตฺวา ปลาลํ อปเนตพฺพํฯ อติหราเปตพฺพนฺติ อโนฺตโกฎฺฐาคารํ อุปเนตพฺพํฯ น กมฺมาติ น กมฺมานิฯ ฆราวาสเตฺถนาติ อุปโยคเตฺถ กรณวจนํฯ อุปชานาหีติ จ อุปสคฺคมโตฺต อุป-สโทฺทฯ เตนาห ‘‘ฆราวาสตฺถํ ชานาหี’’ติฯ ชานาหีติ เจตฺถ ปฎิปชฺชาติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อกามกาติ อนิจฺฉมานาฯ

    330. Saṅghabhedakakkhandhake anupiyāyantiādīsu ‘‘anupiyā nāmā’’ti vattabbe ākārassa rassattaṃ anunāsikassa ca āgamaṃ katvā ‘‘anupiyaṃ nāmā’’ti vuttaṃ. Mallānanti mallarājūnaṃ. Na heṭṭhā pāsādā orohatīti uparipāsādato heṭṭhimatalaṃ na orohati, ‘‘heṭṭhāpāsāda’’ntipi paṭhanti. Anuruddho vā pabbājeyyāti yojetabbaṃ. Gharāvāsatthanti gharāvāsassa anucchavikaṃ kammaṃ. Udakaṃ abhinetabbanti udakaṃ āharitabbaṃ. Ninnetabbanti ābhatamudakaṃ puna nīharitabbaṃ. Niddhāpetabbanti antarantarā uṭṭhitatiṇāni uddharitvā apanetabbaṃ. Lavāpetabbanti paripakkakāle lavāpetabbaṃ. Ubbāhāpetabbanti khalamaṇḍalaṃ harāpetabbaṃ. Ujuṃ kārāpetabbanti puñjaṃ kārāpetabbaṃ. Palālāni uddharāpetabbānīti palālāni apanetabbāni. Bhusikā uddharāpetabbāti gunnaṃ khuraggehi sañchinnā bhusasaṅkhātā nāḷadaṇḍā apanetabbā. Opunāpetabbanti vātamukhe opunāpetvā palālaṃ apanetabbaṃ. Atiharāpetabbanti antokoṭṭhāgāraṃ upanetabbaṃ. Na kammāti na kammāni. Gharāvāsatthenāti upayogatthe karaṇavacanaṃ. Upajānāhīti ca upasaggamatto upa-saddo. Tenāha ‘‘gharāvāsatthaṃ jānāhī’’ti. Jānāhīti cettha paṭipajjāti attho veditabbo. Akāmakāti anicchamānā.

    ๓๓๑-๓๓๒. ยํ น นิวโตฺตติ ยสฺมา น นิวโตฺตฯ สุญฺญาคารคโตติ (อุทา. อฎฺฐ. ๒๐) ‘‘ฐเปตฺวา คามญฺจ คามูปจารญฺจ อวเสสํ อรญฺญ’’นฺติ (ปารา.๙๒) วุตฺตํ อรญฺญํ รุกฺขมูลญฺจ ฐเปตฺวา อญฺญํ ปพฺพตกนฺทราทิ ปพฺพชิตสารุปฺปํ นิวาสฎฺฐานํ ชนสมฺพาธาภาวโต อิธ ‘‘สุญฺญาคาร’’นฺติ อธิเปฺปตํฯ อถ วา ฌานกณฺฎกานํ สทฺทานํ อภาวโต วิวิตฺตํ ยํ กิญฺจิ อคารมฺปิ ‘‘สุญฺญาคาร’’นฺติ เวทิตพฺพํฯ ตํ สุญฺญาคารํ อุปคโตฯ อภิกฺขณนฺติ พหุลํฯ อุทานํ อุทาเนสีติ โส หิ อายสฺมา อรเญฺญ ทิวาวิหารํ อุปคโตปิ รตฺติวาสูปคโตปิ เยภุเยฺยน ผลสมาปตฺติสุเขน นิโรธสมาปตฺติสุเขน จ วีตินาเมสิ, ตสฺมา ตํ สุขํ สนฺธาย ปุเพฺพ อตฺตนา อนุภูตํ สภยํ สปริฬาหํ รชฺชสุขํ ชิคุจฺฉิตฺวา ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติ โสมนสฺสสหิตญาณสมุฎฺฐานํ ปีติสมุคฺคารํ สมุคฺคิรติฯ เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุนฺติ เต สมฺพหุลา ภิกฺขู อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺฐิตา ตสฺส อนุคฺคณฺหนาธิปฺปาเยน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ, น อุชฺฌานวเสนฯ นิสฺสํสยนฺติ อสเนฺทเหน, เอกเนฺตนาติ อโตฺถฯ เต กิร ภิกฺขู ปุถุชฺชนา ตสฺส อายสฺมโต วิเวกสุขํ สนฺธาย อุทานํ อชานนฺตา เอวมาหํสุฯ สมนุสฺสรโนฺตติ อุกฺกณฺฐนวเสน อนุสฺสรโนฺตฯ

    331-332.Yaṃ na nivattoti yasmā na nivatto. Suññāgāragatoti (udā. aṭṭha. 20) ‘‘ṭhapetvā gāmañca gāmūpacārañca avasesaṃ arañña’’nti (pārā.92) vuttaṃ araññaṃ rukkhamūlañca ṭhapetvā aññaṃ pabbatakandarādi pabbajitasāruppaṃ nivāsaṭṭhānaṃ janasambādhābhāvato idha ‘‘suññāgāra’’nti adhippetaṃ. Atha vā jhānakaṇṭakānaṃ saddānaṃ abhāvato vivittaṃ yaṃ kiñci agārampi ‘‘suññāgāra’’nti veditabbaṃ. Taṃ suññāgāraṃ upagato. Abhikkhaṇanti bahulaṃ. Udānaṃ udānesīti so hi āyasmā araññe divāvihāraṃ upagatopi rattivāsūpagatopi yebhuyyena phalasamāpattisukhena nirodhasamāpattisukhena ca vītināmesi, tasmā taṃ sukhaṃ sandhāya pubbe attanā anubhūtaṃ sabhayaṃ sapariḷāhaṃ rajjasukhaṃ jigucchitvā ‘‘aho sukhaṃ aho sukha’’nti somanassasahitañāṇasamuṭṭhānaṃ pītisamuggāraṃ samuggirati. Te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocunti te sambahulā bhikkhū ullumpanasabhāvasaṇṭhitā tassa anuggaṇhanādhippāyena bhagavantaṃ etadavocuṃ, na ujjhānavasena. Nissaṃsayanti asandehena, ekantenāti attho. Te kira bhikkhū puthujjanā tassa āyasmato vivekasukhaṃ sandhāya udānaṃ ajānantā evamāhaṃsu. Samanussarantoti ukkaṇṭhanavasena anussaranto.

    อญฺญตรนฺติ นามโคเตฺตน อปากฎํ เอกํ ภิกฺขุํฯ อามเนฺตสีติ อาณาเปสิ เต ภิกฺขู สญฺญาเปตุกาโมฯ เอวนฺติ วจนสมฺปฎิคฺคเห, สาธูติ อโตฺถฯ เอวํ ภเนฺตติ เอตฺถ ปน เอวํ-สโทฺท ปฎิญฺญายํฯ ‘‘อภิกฺขณํ ‘อโห สุขํ อโห สุข’นฺติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ ยถา เต ภิกฺขู วทนฺติ, ตํ เอวํ ตเถวาติ อตฺตโน อุทานํ ปฎิชานาติฯ ‘‘กิํ ปน ตฺวํ ภทฺทิยา’’ติ กสฺมา ภควา ปุจฺฉติ, กิํ ตสฺส จิตฺตํ น ชานาตีติ? โน น ชานาติ, เตเนว ปน ตมตฺถํ วทาเปตฺวา เต ภิกฺขู สญฺญาเปตุํ ปุจฺฉติฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺตี’’ติอาทิ (ปารา. ๑๖, ๑๙๔)ฯ อตฺถวสนฺติ การณํฯ

    Aññataranti nāmagottena apākaṭaṃ ekaṃ bhikkhuṃ. Āmantesīti āṇāpesi te bhikkhū saññāpetukāmo. Evanti vacanasampaṭiggahe, sādhūti attho. Evaṃ bhanteti ettha pana evaṃ-saddo paṭiññāyaṃ. ‘‘Abhikkhaṇaṃ ‘aho sukhaṃ aho sukha’nti imaṃ udānaṃ udānesī’’ti yathā te bhikkhū vadanti, taṃ evaṃ tathevāti attano udānaṃ paṭijānāti. ‘‘Kiṃ pana tvaṃ bhaddiyā’’ti kasmā bhagavā pucchati, kiṃ tassa cittaṃ na jānātīti? No na jānāti, teneva pana tamatthaṃ vadāpetvā te bhikkhū saññāpetuṃ pucchati. Vuttañhetaṃ ‘‘jānantāpi tathāgatā pucchanti, jānantāpi na pucchantī’’tiādi (pārā. 16, 194). Atthavasanti kāraṇaṃ.

    อโนฺตปิ อเนฺตปุเรติ อิตฺถาคารสฺส สญฺจรณฎฺฐานภูเต ราชเคหสฺส อพฺภนฺตเร, ยตฺถ ราชา นหานโภชนสยนาทิํ กเปฺปติฯ รกฺขา สุสํวิหิตาติ อารกฺขาทิกตปุริเสหิ คุตฺติ สุฎฺฐุ สมนฺตโต วิหิตาฯ พหิปิ อเนฺตปุเรติ อฎฺฎกรณฎฺฐานาทิเก อเนฺตปุรโต พหิภูเต ราชเคเหฯ เอวํ รกฺขิโต โคปิโต สโนฺตติ เอวํ ราชเคหราชธานีรชฺชเทเสสุ อโนฺต พหิ จ อเนเกสุ ฐาเนสุ อเนกสเตหิ สุสํวิหิตรกฺขาวรณคุตฺติยา มเมว นิพฺภยตฺถํ ผาสุวิหารตฺถํ รกฺขิโต โคปิโต สมาโนฯ ภีโตติอาทีนิ ปทานิ อญฺญมญฺญเววจนานิฯ อถ วา ภีโตติ ปรราชูหิ ภายมาโนฯ อุพฺพิโคฺคติ สกรเชฺชปิ ปกติโกฺขภโต อุปฺปชฺชนกภยุเพฺพเคน อุพฺพิโคฺค จลิโตฯ อุสฺสงฺกีติ ‘‘รญฺญา นาม สพฺพกาลํ อวิสฺสเตฺถน ภวิตพฺพ’’นฺติ วจนโต สพฺพตฺถ อวิสฺสาสนวเสน เตสํ เตสํ กิจฺจกรณียานํ อจฺจยโต อุปฺปชฺชนกปริสงฺกาย จ อุทฺธมุทฺธํ สงฺกมาโนฯ อุตฺราสีติ ‘‘สนฺติกาวจเรหิปิ อชานนฺตเสฺสว เม กทาจิ อนโตฺถ ภเวยฺยา’’ติ อุปฺปเนฺนน สรีรกมฺปมฺปิ อุปฺปาทนสมเตฺถน ตาเสน อุตฺราสิฯ ‘‘อุตฺรโสฺต’’ติปิ ปฐนฺติฯ วิหรามีติ เอวํภูโต หุตฺวา วิหรามิฯ

    Antopi antepureti itthāgārassa sañcaraṇaṭṭhānabhūte rājagehassa abbhantare, yattha rājā nahānabhojanasayanādiṃ kappeti. Rakkhā susaṃvihitāti ārakkhādikatapurisehi gutti suṭṭhu samantato vihitā. Bahipi antepureti aṭṭakaraṇaṭṭhānādike antepurato bahibhūte rājagehe. Evaṃ rakkhito gopito santoti evaṃ rājageharājadhānīrajjadesesu anto bahi ca anekesu ṭhānesu anekasatehi susaṃvihitarakkhāvaraṇaguttiyā mameva nibbhayatthaṃ phāsuvihāratthaṃ rakkhito gopito samāno. Bhītotiādīni padāni aññamaññavevacanāni. Atha vā bhītoti pararājūhi bhāyamāno. Ubbiggoti sakarajjepi pakatikkhobhato uppajjanakabhayubbegena ubbiggo calito. Ussaṅkīti ‘‘raññā nāma sabbakālaṃ avissatthena bhavitabba’’nti vacanato sabbattha avissāsanavasena tesaṃ tesaṃ kiccakaraṇīyānaṃ accayato uppajjanakaparisaṅkāya ca uddhamuddhaṃ saṅkamāno. Utrāsīti ‘‘santikāvacarehipi ajānantasseva me kadāci anattho bhaveyyā’’ti uppannena sarīrakampampi uppādanasamatthena tāsena utrāsi. ‘‘Utrasto’’tipi paṭhanti. Viharāmīti evaṃbhūto hutvā viharāmi.

    เอตรหีติ อิทานิ ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐายฯ เอโกติ อสหาโยฯ เตน วิเวกฎฺฐกายตํ ทเสฺสติฯ อภีโตติอาทีนํ ปทานํ วุตฺตวิปริยาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ภยาทินิมิตฺตสฺส ปริคฺคหสฺส ตํนิมิตฺตสฺส จ กิเลสคหนสฺส อภาเวเนวสฺส อภีตาทิตาติ เอเตน จิตฺตวิเวกํ ทเสฺสติฯ อโปฺปสฺสุโกฺกติ สรีรคุตฺติยํ นิรุสฺสุโกฺกฯ ปนฺนโลโมติ โลมหํสุปฺปาทกสฺส ฉมฺภิตตฺตสฺส อภาเวน อนุคฺคตโลโมฯ ปททฺวเยนปิ เสริวิหารํ ทเสฺสติฯ ปรทตฺตวุโตฺตติ ปเรหิ ทิเนฺนน จีวราทินา วตฺตมาโนฯ เอเตน สพฺพโส สงฺคาภาวทีปนมุเขน อนวเสสภยเหตุวิรหํ ทเสฺสติฯ มิคภูเตน เจตสาติ วิสฺสตฺถวิหาริตาย มิคสฺส วิย ชาเตน จิเตฺตนฯ มิโค หิ อมนุสฺสปเถ อรเญฺญ วสมาโน วิสฺสโตฺถ ติฎฺฐติ นิสีทติ นิปชฺชติ เยนกามญฺจ ปกฺกมติ อปฺปฎิหตจาโร, เอวํ อหมฺปิ วิหรามีติ ทเสฺสติฯ วุตฺตเญฺหตํ ปเจฺจกสมฺพุเทฺธน –

    Etarahīti idāni pabbajitakālato paṭṭhāya. Ekoti asahāyo. Tena vivekaṭṭhakāyataṃ dasseti. Abhītotiādīnaṃ padānaṃ vuttavipariyāyena attho veditabbo. Bhayādinimittassa pariggahassa taṃnimittassa ca kilesagahanassa abhāvenevassa abhītāditāti etena cittavivekaṃ dasseti. Appossukkoti sarīraguttiyaṃ nirussukko. Pannalomoti lomahaṃsuppādakassa chambhitattassa abhāvena anuggatalomo. Padadvayenapi serivihāraṃ dasseti. Paradattavuttoti parehi dinnena cīvarādinā vattamāno. Etena sabbaso saṅgābhāvadīpanamukhena anavasesabhayahetuvirahaṃ dasseti. Migabhūtena cetasāti vissatthavihāritāya migassa viya jātena cittena. Migo hi amanussapathe araññe vasamāno vissattho tiṭṭhati nisīdati nipajjati yenakāmañca pakkamati appaṭihatacāro, evaṃ ahampi viharāmīti dasseti. Vuttañhetaṃ paccekasambuddhena –

    ‘‘มิโค อรญฺญมฺหิ ยถา อพโทฺธ;

    ‘‘Migo araññamhi yathā abaddho;

    เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โคจราย;

    Yenicchakaṃ gacchati gocarāya;

    วิญฺญู นโร เสริต เปกฺขมาโน;

    Viññū naro serita pekkhamāno;

    เอโก จเร ขคฺควิสาณกโปฺป’’ติฯ (สุ. นิ. ๓๙; อป. เถร ๑.๑.๙๕);

    Eko care khaggavisāṇakappo’’ti. (su. ni. 39; apa. thera 1.1.95);

    อิมํ โข อหํ, ภเนฺต, อตฺถวสนฺติ ภควา ยทิทํ มม เอตรหิ ปรมํ วิเวกสุขํ ผลสมาปตฺติสุขํ, อิทเมว การณํ สมฺปสฺสมาโน ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทาเนมิฯ เอตมตฺถนฺติ เอตํ ภทฺทิยเตฺถรสฺส ปุถุชฺชนวิสยาตีตํ วิเวกสุขสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวาฯ อิมํ อุทานนฺติ อิมํ สเหตุกภยโสกวิคมานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Imaṃ kho ahaṃ, bhante, atthavasanti bhagavā yadidaṃ mama etarahi paramaṃ vivekasukhaṃ phalasamāpattisukhaṃ, idameva kāraṇaṃ sampassamāno ‘‘aho sukhaṃ, aho sukha’’nti udānemi. Etamatthanti etaṃ bhaddiyattherassa puthujjanavisayātītaṃ vivekasukhasaṅkhātaṃ atthaṃ sabbākārato viditvā. Imaṃ udānanti imaṃ sahetukabhayasokavigamānubhāvadīpakaṃ udānaṃ udānesi.

    ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปาติ ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส อนฺตรโต อพฺภนฺตเร อตฺตโน จิเตฺต จิตฺตกาลุสฺสิยกรณโต จิตฺตปฺปโกปา ราคาทโย อาฆาตวตฺถุอาทิการณเภทโต อเนกเภทา โทสโกปา เอว วา น สนฺติ, มเคฺคน ปหีนตฺตา น วิชฺชนฺติฯ อยญฺหิ อนฺตร-สโทฺท กิญฺจาปิ ‘‘มญฺจ ตฺวญฺจ กิมนฺตร’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) การเณ ทิสฺสติ, ‘‘อนฺตรฎฺฐเก หิมปาตสมเย’’ติอาทีสุ (มหาว. ๓๔๖) เวมเชฺฌ, ‘‘อนฺตรา จ เชตวนํ อนฺตรา จ สาวตฺถิ’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๑๓, ๔๔) วิวเร, ‘‘ภยมนฺตรโต ชาต’’นฺติอาทีสุ (อิติวุ. ๘๘; มหานิ. ๕) จิเตฺต, อิธาปิ จิเตฺต เอว ทฎฺฐโพฺพฯ เตเนวาห ‘‘ยสฺส จิเตฺต โกปา น สนฺตี’’ติฯ

    Yassantarato na santi kopāti yassa ariyapuggalassa antarato abbhantare attano citte cittakālussiyakaraṇato cittappakopā rāgādayo āghātavatthuādikāraṇabhedato anekabhedā dosakopā eva vā na santi, maggena pahīnattā na vijjanti. Ayañhi antara-saddo kiñcāpi ‘‘mañca tvañca kimantara’’ntiādīsu (saṃ. ni. 1.228) kāraṇe dissati, ‘‘antaraṭṭhake himapātasamaye’’tiādīsu (mahāva. 346) vemajjhe, ‘‘antarā ca jetavanaṃ antarā ca sāvatthi’’ntiādīsu (udā. 13, 44) vivare, ‘‘bhayamantarato jāta’’ntiādīsu (itivu. 88; mahāni. 5) citte, idhāpi citte eva daṭṭhabbo. Tenevāha ‘‘yassa citte kopā na santī’’ti.

    อภว-สทฺทสฺส วิภว-สเทฺทน อตฺถุทฺธาเร การณมาห ‘‘วิภโวติ จ อภโวติ จ อตฺถโต เอก’’นฺติฯ อิติ-สโทฺท ปการวจโนติ อาห ‘‘อิติ อเนกปฺปการา ภวาภวตา’’ติฯ วีติวโตฺตติ อติกฺกโนฺต ฯ เอตฺถ จ ‘‘ยสฺสา’’ติ อิทํ โย วีติวโตฺตติ วิภตฺติวิปริณามวเสน โยเชตพฺพํฯ ตํ วิคตภยนฺติ ตํ เอวรูปํ ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคตํ ขีณาสวํ จิตฺตโกปาภาวโต อิติภวาภวสมติกฺกมนโต จ ภยเหตุวิคเมน วิคตภยํฯ วิเวกสุเขน อคฺคผลสุเขน จ สุขิํ, วิคตภยตฺตา เอว อโสกํฯ เทวา นานุภวนฺติ ทสฺสนายาติ อธิคตมเคฺค ฐเปตฺวา สเพฺพปิ อุปปตฺติเทวา วายมนฺตาปิ จิตฺตจารทสฺสนวเสน ทสฺสนาย ทฎฺฐุํ นานุภวนฺติ น อภิสมฺภุณนฺติ น สโกฺกนฺติ, ปเคว มนุสฺสาฯ เสกฺขาปิ หิ ปุถุชฺชนา วิย อรหโต จิตฺตปฺปวตฺติํ น ชานนฺติฯ ตสฺส ทสฺสนํ เทวานมฺปิ ทุลฺลภนฺติ เอตฺถาปิ จิตฺตจารทสฺสนวเสน ตสฺส ทสฺสนํ เทวานมฺปิ ทุลฺลภํ อลพฺภนียํ, เทเวหิปิ ตํ ทสฺสนํ น สกฺกา ปาปุณิตุนฺติ เอวมโตฺถ คเหตโพฺพฯ อภาวโตฺถ เหตฺถ ทุ-สโทฺท ‘‘ทุปฺปโญฺญ’’ติอาทีสุ วิยฯ

    Abhava-saddassa vibhava-saddena atthuddhāre kāraṇamāha ‘‘vibhavoti ca abhavoti ca atthato eka’’nti. Iti-saddo pakāravacanoti āha ‘‘iti anekappakārā bhavābhavatā’’ti. Vītivattoti atikkanto . Ettha ca ‘‘yassā’’ti idaṃ yo vītivattoti vibhattivipariṇāmavasena yojetabbaṃ. Taṃ vigatabhayanti taṃ evarūpaṃ yathāvuttaguṇasamannāgataṃ khīṇāsavaṃ cittakopābhāvato itibhavābhavasamatikkamanato ca bhayahetuvigamena vigatabhayaṃ. Vivekasukhena aggaphalasukhena ca sukhiṃ, vigatabhayattā eva asokaṃ. Devā nānubhavanti dassanāyāti adhigatamagge ṭhapetvā sabbepi upapattidevā vāyamantāpi cittacāradassanavasena dassanāya daṭṭhuṃ nānubhavanti na abhisambhuṇanti na sakkonti, pageva manussā. Sekkhāpi hi puthujjanā viya arahato cittappavattiṃ na jānanti. Tassa dassanaṃ devānampi dullabhanti etthāpi cittacāradassanavasena tassa dassanaṃ devānampi dullabhaṃ alabbhanīyaṃ, devehipi taṃ dassanaṃ na sakkā pāpuṇitunti evamattho gahetabbo. Abhāvattho hettha du-saddo ‘‘duppañño’’tiādīsu viya.

    ๓๓๓. ภตฺตาภิหาโรติ อภิหริตพฺพภตฺตํฯ ตสฺส ปน ปมาณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปญฺจ จ ถาลิปากสตานี’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ เอโก ถาลิปาโก ทสนฺนํ ปุริสานํ ภตฺตํ คณฺหาติฯ ลาภสกฺการสิโลเกนาติ เอตฺถ ลาโภ นาม จตุปจฺจยลาโภฯ สกฺกาโรติ เตสํเยว สุกตานํ สุสงฺขตานํ ลาโภฯ สิโลโกติ วณฺณโฆโสฯ มโนมยํ กายนฺติ ฌานมเนน นิพฺพตฺตํ พฺรหฺมกายํฯ อุปปโนฺนติ อุปคโตฯ อตฺตภาวปฺปฎิลาโภติ สรีรปฎิลาโภฯ เทฺว วา ตีณิ วา มาคธกานิ คามเขตฺตานีติ เอตฺถ มาคธกํ คามเขตฺตํ อตฺถิ ขุทฺทกํ, อตฺถิ มชฺฌิมํ, อตฺถิ มหนฺตํฯ ขุทฺทกํ คามเขตฺตํ อิโต จตฺตาลีส อุสภานิ, เอโตฺต จตฺตาลีส อุสภานีติ คาวุตํ โหติฯ มชฺฌิมํ อิโต คาวุตํ, เอโตฺต คาวุตนฺติ อฑฺฒโยชนํ โหติฯ มหนฺตํ อิโต ทิยฑฺฒคาวุตํ, เอโตฺต ทิยฑฺฒคาวุตนฺติ ติคาวุตํ โหติฯ เตสุ ขุทฺทเกน คามเขเตฺตน ตีณิ, ขุทฺทเกน จ มชฺฌิเมน จ เทฺว คามเขตฺตานิ ตสฺส อตฺตภาโวฯ ติคาวุตญฺหิสฺส สรีรํฯ ปริหริสฺสามีติ ปฎิชคฺคิสฺสามิ โคปยิสฺสามิฯ รกฺขเสฺสตนฺติ รกฺขสฺสุ เอตํฯ

    333.Bhattābhihāroti abhiharitabbabhattaṃ. Tassa pana pamāṇaṃ dassetuṃ ‘‘pañca ca thālipākasatānī’’ti vuttaṃ. Tattha eko thālipāko dasannaṃ purisānaṃ bhattaṃ gaṇhāti. Lābhasakkārasilokenāti ettha lābho nāma catupaccayalābho. Sakkāroti tesaṃyeva sukatānaṃ susaṅkhatānaṃ lābho. Silokoti vaṇṇaghoso. Manomayaṃ kāyanti jhānamanena nibbattaṃ brahmakāyaṃ. Upapannoti upagato. Attabhāvappaṭilābhoti sarīrapaṭilābho. Dve vā tīṇi vā māgadhakāni gāmakhettānīti ettha māgadhakaṃ gāmakhettaṃ atthi khuddakaṃ, atthi majjhimaṃ, atthi mahantaṃ. Khuddakaṃ gāmakhettaṃ ito cattālīsa usabhāni, etto cattālīsa usabhānīti gāvutaṃ hoti. Majjhimaṃ ito gāvutaṃ, etto gāvutanti aḍḍhayojanaṃ hoti. Mahantaṃ ito diyaḍḍhagāvutaṃ, etto diyaḍḍhagāvutanti tigāvutaṃ hoti. Tesu khuddakena gāmakhettena tīṇi, khuddakena ca majjhimena ca dve gāmakhettāni tassa attabhāvo. Tigāvutañhissa sarīraṃ. Pariharissāmīti paṭijaggissāmi gopayissāmi. Rakkhassetanti rakkhassu etaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi
    ฉสกฺยปพฺพชฺชากถา • Chasakyapabbajjākathā
    เทวทตฺตวตฺถุ • Devadattavatthu

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / ฉสกฺยปพฺพชฺชากถา • Chasakyapabbajjākathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ฉสกฺยปพฺพชฺชากถาวณฺณนา • Chasakyapabbajjākathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ฉสกฺยปพฺพชฺชากถาทิวณฺณนา • Chasakyapabbajjākathādivaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ฉสกฺยปพฺพชฺชากถา • Chasakyapabbajjākathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact