Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๓. ฉตฺตมาณวกวิมานวณฺณนา

    3. Chattamāṇavakavimānavaṇṇanā

    โย วทตํ ปวโร มนุเชสูติ ฉตฺตมาณวกวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน สมเยน เสตพฺยายํ อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณสฺส กิจฺฉาลโทฺธ ปุโตฺต ฉโตฺต นาม พฺราหฺมณมาณโว อโหสิฯ โส วยปฺปโตฺต ปิตรา เปสิโต อุกฺกฎฺฐํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส สนฺติเก เมธาวิตาย อนลสตาย จ น จิเรเนว มเนฺต วิชฺชาฎฺฐานานิ จ อุคฺคเหตฺวา พฺราหฺมณสิเปฺป นิปฺผตฺติํ ปโตฺตฯ โส อาจริยํ อภิวาเทตฺวา ‘‘มยา ตุมฺหากํ สนฺติเก สิปฺปํ สิกฺขิตํ, กิํ โว ครุทกฺขิณํ เทมี’’ติ อาหฯ อาจริโย ‘‘ครุทกฺขิณา นาม อเนฺตวาสิกสฺส วิภวานุรูปา, กหาปณสหสฺสมาเนหี’’ติ อาหฯ ฉตฺตมาณโว อาจริยํ อภิวาเทตฺวา เสตพฺยํ คนฺตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา เตหิ อภินนฺทิยมาโน กตปฎิสนฺถาโร ตมตฺถํ ปิตุ อาโรเจตฺวา ‘‘เทถ เม ทาตพฺพยุตฺตกํ, อเชฺชว ทตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ อาหฯ ตํ มาตาปิตโร ‘‘ตาต, อชฺช วิกาโล, เสฺว คมิสฺสสี’’ติ วตฺวา กหาปเณ นีหริตฺวา ภณฺฑิกํ พนฺธาเปตฺวา ฐเปสุํฯ โจรา ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา ฉตฺตมาณวกสฺส คมนมเคฺค อญฺญตรสฺมิํ วนคหเน นิลีนา อจฺฉิํสุ ‘‘มาณวํ มาเรตฺวา กหาปเณ คณฺหิสฺสามา’’ติฯ

    Yo vadataṃ pavaro manujesūti chattamāṇavakavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena samayena setabyāyaṃ aññatarassa brāhmaṇassa kicchāladdho putto chatto nāma brāhmaṇamāṇavo ahosi. So vayappatto pitarā pesito ukkaṭṭhaṃ gantvā brāhmaṇassa pokkharasātissa santike medhāvitāya analasatāya ca na cireneva mante vijjāṭṭhānāni ca uggahetvā brāhmaṇasippe nipphattiṃ patto. So ācariyaṃ abhivādetvā ‘‘mayā tumhākaṃ santike sippaṃ sikkhitaṃ, kiṃ vo garudakkhiṇaṃ demī’’ti āha. Ācariyo ‘‘garudakkhiṇā nāma antevāsikassa vibhavānurūpā, kahāpaṇasahassamānehī’’ti āha. Chattamāṇavo ācariyaṃ abhivādetvā setabyaṃ gantvā mātāpitaro vanditvā tehi abhinandiyamāno katapaṭisanthāro tamatthaṃ pitu ārocetvā ‘‘detha me dātabbayuttakaṃ, ajjeva datvā āgamissāmī’’ti āha. Taṃ mātāpitaro ‘‘tāta, ajja vikālo, sve gamissasī’’ti vatvā kahāpaṇe nīharitvā bhaṇḍikaṃ bandhāpetvā ṭhapesuṃ. Corā taṃ pavattiṃ ñatvā chattamāṇavakassa gamanamagge aññatarasmiṃ vanagahane nilīnā acchiṃsu ‘‘māṇavaṃ māretvā kahāpaṇe gaṇhissāmā’’ti.

    ภควา ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย โลกํ โวโลเกโนฺต ฉตฺตมาณวกสฺส สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐานํ, โจเรหิ มาริตสฺส เทวโลเก นิพฺพตฺติํ, ตโต สห วิมาเนน อาคตสฺส ตตฺถ สนฺนิปติตปริสาย จ ธมฺมาภิสมยํ ทิสฺวา ปฐมตรเมว คนฺตฺวา มาณวกสฺส คมนมเคฺค อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิฯ มาณโว อาจริยธนํ คเหตฺวา เสตพฺยโต อุกฺกฎฺฐาภิมุโข คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค ภควนฺตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา อฎฺฐาสิฯ ‘‘กุหิํ คมิสฺสสี’’ติ ภควตา วุโตฺต ‘‘อุกฺกฎฺฐํ, โภ โคตม, คมิสฺสามิ มยฺหํ อาจริยสฺส โปกฺขรสาติสฺส ครุทกฺขิณํ ทาตุ’’นฺติ อาหฯ อถ ภควา ‘‘ชานาสิ ปน ตฺวํ, มาณว, ตีณิ สรณานิ, ปญฺจ สีลานี’’ติ วตฺวา เตน ‘‘นาหํ ชานามิ, กิมตฺถิยานิ ปเนตานิ กีทิสานิ จา’’ติ วุเตฺต ‘‘อิทมีทิส’’นฺติ สรณคมนสฺส สีลสมาทานสฺส จ ผลานิสํสํ วิภาเวตฺวา ‘‘อุคฺคณฺหาหิ ตาว, มาณวก, สรณคมนวิธิ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สาธุ อุคฺคณฺหิสฺสามิ, กเถถ ภเนฺต ภควา’’ติ เตน ยาจิโต ตสฺส รุจิยา อนุรูปํ คาถาพนฺธวเสน สรณคมนวิธิํ ทเสฺสโนฺต –

    Bhagavā paccūsasamaye mahākaruṇāsamāpattito vuṭṭhāya lokaṃ volokento chattamāṇavakassa saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhānaṃ, corehi māritassa devaloke nibbattiṃ, tato saha vimānena āgatassa tattha sannipatitaparisāya ca dhammābhisamayaṃ disvā paṭhamatarameva gantvā māṇavakassa gamanamagge aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi. Māṇavo ācariyadhanaṃ gahetvā setabyato ukkaṭṭhābhimukho gacchanto antarāmagge bhagavantaṃ nisinnaṃ disvā upasaṅkamitvā aṭṭhāsi. ‘‘Kuhiṃ gamissasī’’ti bhagavatā vutto ‘‘ukkaṭṭhaṃ, bho gotama, gamissāmi mayhaṃ ācariyassa pokkharasātissa garudakkhiṇaṃ dātu’’nti āha. Atha bhagavā ‘‘jānāsi pana tvaṃ, māṇava, tīṇi saraṇāni, pañca sīlānī’’ti vatvā tena ‘‘nāhaṃ jānāmi, kimatthiyāni panetāni kīdisāni cā’’ti vutte ‘‘idamīdisa’’nti saraṇagamanassa sīlasamādānassa ca phalānisaṃsaṃ vibhāvetvā ‘‘uggaṇhāhi tāva, māṇavaka, saraṇagamanavidhi’’nti vatvā ‘‘sādhu uggaṇhissāmi, kathetha bhante bhagavā’’ti tena yācito tassa ruciyā anurūpaṃ gāthābandhavasena saraṇagamanavidhiṃ dassento –

    ๘๘๖.

    886.

    ‘‘โย วทตํ ปวโร มนุเชสุ, สกฺยมุนี ภควา กตกิโจฺจ;

    ‘‘Yo vadataṃ pavaro manujesu, sakyamunī bhagavā katakicco;

    ปารคโต พลวีริยสมงฺคี, ตํ สุคตํ สรณตฺถมุเปหิฯ

    Pāragato balavīriyasamaṅgī, taṃ sugataṃ saraṇatthamupehi.

    ๘๘๗.

    887.

    ‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ , ธมฺมมสงฺขตมปฺปฎิกูลํ;

    ‘‘Rāgavirāgamanejamasokaṃ , dhammamasaṅkhatamappaṭikūlaṃ;

    มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ, ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหิฯ

    Madhuramimaṃ paguṇaṃ suvibhattaṃ, dhammamimaṃ saraṇatthamupehi.

    ๘๘๘.

    888.

    ‘‘ยตฺถ จ ทินฺน มหปฺผลมาหุ, จตูสุ สุจีสุ ปุริสยุเคสุ;

    ‘‘Yattha ca dinna mahapphalamāhu, catūsu sucīsu purisayugesu;

    อฎฺฐ จ ปุคฺคล ธมฺมทสา เต, สงฺฆมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติฯ –

    Aṭṭha ca puggala dhammadasā te, saṅghamimaṃ saraṇatthamupehī’’ti. –

    ติโสฺส คาถาโย อภาสิฯ

    Tisso gāthāyo abhāsi.

    ๘๘๖. ตตฺถ โยติ อนิยมิตวจนํ, ตสฺส ‘‘ต’’นฺติ อิมินา นิยมนํ เวทิตพฺพํฯ วทตนฺติ วทนฺตานํฯ ปวโรติ เสโฎฺฐ, กถิกานํ อุตฺตโม วาทีวโรติ อโตฺถฯ มนุเชสูติ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทโส ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติฯ ภควา ปน เทวมนุสฺสานมฺปิ พฺรหฺมานมฺปิ สเพฺพสมฺปิ สตฺตานํ ปวโรเยว, ภควโต จ จริมภเว มนุเสฺสสุ อุปฺปนฺนตาย วุตฺตํ ‘‘มนุเชสู’’ติฯ เตเนวาห ‘‘สกฺยมุนี’’ติฯ สกฺยกุลปฺปสุตตาย สโกฺย, กายโมเนยฺยาทีหิ สมนฺนาคตโต อนวเสสสฺส จ เญยฺยสฺส มุนนโต มุนิ จาติ สกฺยมุนิฯ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ จตูหิ การเณหิ ภควาฯ จตูหิ มเคฺคหิ กาตพฺพสฺส ปริญฺญาทิปเภทสฺส โสฬสวิธสฺส กิจฺจสฺส กตตฺตา นิปฺผาทิตตฺตา กตกิโจฺจฯ ปารํ สกฺกายสฺส ปรตีรํ นิพฺพานํ คโต สยมฺภุญาเณน อธิคโตติ ปารคโตฯ อสทิเสน กายพเลน, อนญฺญสาธารเณน ญาณพเลน, จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริเยน จ สมนฺนาคตตฺตา พลวีริยสมงฺคีฯ โสภนคมนตฺตา, สุนฺทรํ ฐานํ คตตฺตา, สมฺมา คตตฺตา, สมฺมา จ คทิตตฺตา สุคโตฯ ตํ สุคตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ สรณตฺถํ สรณาย ปรายณาย อปายทุกฺขวฎฺฎทุกฺขปริตฺตาณาย อุเปหิ อุปคจฺฉ, อชฺช ปฎฺฐาย อหิตนิวตฺตเนน หิตสํวฑฺฒเนน ‘‘อยํ เม ภควา สรณํ ตาณํ เลณํ ปรายณํ คติ ปฎิสรณ’’นฺติ ภช เสว, เอวํ ชานาหิ วา พุชฺฌสฺสูติ อโตฺถฯ

    886. Tattha yoti aniyamitavacanaṃ, tassa ‘‘ta’’nti iminā niyamanaṃ veditabbaṃ. Vadatanti vadantānaṃ. Pavaroti seṭṭho, kathikānaṃ uttamo vādīvaroti attho. Manujesūti ukkaṭṭhaniddeso yathā ‘‘satthā devamanussāna’’nti. Bhagavā pana devamanussānampi brahmānampi sabbesampi sattānaṃ pavaroyeva, bhagavato ca carimabhave manussesu uppannatāya vuttaṃ ‘‘manujesū’’ti. Tenevāha ‘‘sakyamunī’’ti. Sakyakulappasutatāya sakyo, kāyamoneyyādīhi samannāgatato anavasesassa ca ñeyyassa munanato muni cāti sakyamuni. Bhāgyavantatādīhi catūhi kāraṇehi bhagavā. Catūhi maggehi kātabbassa pariññādipabhedassa soḷasavidhassa kiccassa katattā nipphāditattā katakicco. Pāraṃ sakkāyassa paratīraṃ nibbānaṃ gato sayambhuñāṇena adhigatoti pāragato. Asadisena kāyabalena, anaññasādhāraṇena ñāṇabalena, catubbidhasammappadhānavīriyena ca samannāgatattā balavīriyasamaṅgī. Sobhanagamanattā, sundaraṃ ṭhānaṃ gatattā, sammā gatattā, sammā ca gaditattā sugato. Taṃ sugataṃ sammāsambuddhaṃ saraṇatthaṃ saraṇāya parāyaṇāya apāyadukkhavaṭṭadukkhaparittāṇāya upehi upagaccha, ajja paṭṭhāya ahitanivattanena hitasaṃvaḍḍhanena ‘‘ayaṃ me bhagavā saraṇaṃ tāṇaṃ leṇaṃ parāyaṇaṃ gati paṭisaraṇa’’nti bhaja seva, evaṃ jānāhi vā bujjhassūti attho.

    ๘๘๗. ราควิราคนฺติ อริยมคฺคมาหฯ เตน หิ อริยา อนาทิกาลภาวิตมฺปิ ราคํ วิรเชฺชนฺติฯ อเนชมโสกนฺติ อริยผลํฯ ตญฺหิ เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย อวสิฎฺฐานญฺจ โสกนิมิตฺตานํ กิเลสานํ สพฺพโส ปฎิปฺปสฺสมฺภนโต ‘‘อเนชํ อโสก’’นฺติ จ วุจฺจติฯ ธมฺมนฺติ สภาวธมฺมํฯ สภาวโต คเหตพฺพธโมฺม เหส ยทิทํ มคฺคผลนิพฺพานานิ, น ปริยตฺติธโมฺม วิย ปญฺญตฺติธมฺมวเสนฯ ธมฺมนฺติ วา ปรมตฺถธมฺมํ, นิพฺพานนฺติ อโตฺถฯ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตํ สงฺขตํ, น สงฺขตนฺติ อสงฺขตํฯ ตเทว นิพฺพานํฯ นตฺถิ เอตฺถ กิญฺจิปิ ปฎิกูลนฺติ อปฺปฎิกูลํฯ สวนเวลายํ อุปปริกฺขณเวลายํ ปฎิปชฺชนเวลายนฺติ สพฺพทาปิ อิฎฺฐเมวาติ มธุรํฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณสนฺนิสฺสยาย ปฎิภานสมฺปทาย ปวตฺติตตฺตา สุปฺปวตฺติภาวโต นิปุณภาวโต จ ปคุณํฯ วิภชิตพฺพสฺส อตฺถสฺส ขนฺธาทิวเสน กุสลาทิวเสน อุเทฺทสาทิวเสน จ สุฎฺฐุ วิภชนโต สุวิภตฺตํฯ ตีหิปิ ปเทหิ ปริยตฺติธมฺมเมว วทติฯ เตเนว หิสฺส อาปาถกาเล วิย วิมทฺทนกาเลปิ กเถนฺตสฺส วิย สุณนฺตสฺสาปิ สมฺมุขีภาวโต อุภโตปจฺจกฺขตาย ทสฺสนตฺถํ ‘‘อิม’’นฺติ วุตฺตํฯ ธมฺมนฺติ ยถาวปฎิปชฺชเนฺต อปายทุกฺขปาตโต ธารณเตฺถน ธมฺมํ, อิทํ จตุพฺพิธสฺสาปิ ธมฺมสฺส สาธารณวจนํฯ ปริยตฺติธโมฺมปิ หิ สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐานมตฺตายปิ ยถาวปฎิปตฺติยา อปายทุกฺขปาตโต ธาเรติ เอวฯ อิมสฺส จ อตฺถสฺส อิทเมว วิมานํ สาธกนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ สาธารณภาเวน ยถาวุตฺตธมฺมสฺส ปจฺจกฺขํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต ปุน ‘‘อิม’’นฺติ อาหฯ

    887.Rāgavirāganti ariyamaggamāha. Tena hi ariyā anādikālabhāvitampi rāgaṃ virajjenti. Anejamasokanti ariyaphalaṃ. Tañhi ejāsaṅkhātāya taṇhāya avasiṭṭhānañca sokanimittānaṃ kilesānaṃ sabbaso paṭippassambhanato ‘‘anejaṃ asoka’’nti ca vuccati. Dhammanti sabhāvadhammaṃ. Sabhāvato gahetabbadhammo hesa yadidaṃ maggaphalanibbānāni, na pariyattidhammo viya paññattidhammavasena. Dhammanti vā paramatthadhammaṃ, nibbānanti attho. Samecca sambhuyya paccayehi kataṃ saṅkhataṃ, na saṅkhatanti asaṅkhataṃ. Tadeva nibbānaṃ. Natthi ettha kiñcipi paṭikūlanti appaṭikūlaṃ. Savanavelāyaṃ upaparikkhaṇavelāyaṃ paṭipajjanavelāyanti sabbadāpi iṭṭhamevāti madhuraṃ. Sabbaññutaññāṇasannissayāya paṭibhānasampadāya pavattitattā suppavattibhāvato nipuṇabhāvato ca paguṇaṃ. Vibhajitabbassa atthassa khandhādivasena kusalādivasena uddesādivasena ca suṭṭhu vibhajanato suvibhattaṃ. Tīhipi padehi pariyattidhammameva vadati. Teneva hissa āpāthakāle viya vimaddanakālepi kathentassa viya suṇantassāpi sammukhībhāvato ubhatopaccakkhatāya dassanatthaṃ ‘‘ima’’nti vuttaṃ. Dhammanti yathāvapaṭipajjante apāyadukkhapātato dhāraṇatthena dhammaṃ, idaṃ catubbidhassāpi dhammassa sādhāraṇavacanaṃ. Pariyattidhammopi hi saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhānamattāyapi yathāvapaṭipattiyā apāyadukkhapātato dhāreti eva. Imassa ca atthassa idameva vimānaṃ sādhakanti daṭṭhabbaṃ. Sādhāraṇabhāvena yathāvuttadhammassa paccakkhaṃ katvā dassento puna ‘‘ima’’nti āha.

    ๘๘๘. ยตฺถาติ ยสฺมิํ อริยสเงฺฆฯ ทินฺนนฺติ ปริจฺจตฺตํ อนฺนาทิเทยฺยธมฺมํฯ ทินฺน มหปฺผลนฺติ คาถาสุขตฺถํ อนุนาสิกโลโป กโตฯ อจฺจนฺตเมว กิเลสาสุจิโต วิสุชฺฌเนน สุจีสุ ‘‘โสตาปโนฺน โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๖๐) วุเตฺตสุ จตูสุ ปุริสยุเคสุฯ อฎฺฐาติ มคฺคฎฺฐผลเฎฺฐสุ ยุคเฬ อกตฺวา วิสุํ วิสุํ คหเณน อฎฺฐ ปุคฺคลาฯ คาถาสุขตฺถเมว เจตฺถ ‘‘ปุคฺคล ธมฺมทสา’’ติ รสฺสํ กตฺวา นิเทฺทโสฯ ธมฺมทสาติ จตุสจฺจธมฺมสฺส นิพฺพานธมฺมสฺส จ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนกาฯ ทิฎฺฐิสีลสามเญฺญน สํหตภาเวน สงฺฆํ

    888.Yatthāti yasmiṃ ariyasaṅghe. Dinnanti pariccattaṃ annādideyyadhammaṃ. Dinna mahapphalanti gāthāsukhatthaṃ anunāsikalopo kato. Accantameva kilesāsucito visujjhanena sucīsu ‘‘sotāpanno sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipanno’’tiādinā (a. ni. 8.60) vuttesu catūsu purisayugesu. Aṭṭhāti maggaṭṭhaphalaṭṭhesu yugaḷe akatvā visuṃ visuṃ gahaṇena aṭṭha puggalā. Gāthāsukhatthameva cettha ‘‘puggala dhammadasā’’ti rassaṃ katvā niddeso. Dhammadasāti catusaccadhammassa nibbānadhammassa ca paccakkhato dassanakā. Diṭṭhisīlasāmaññena saṃhatabhāvena saṅghaṃ.

    เอวํ ภควตา ตีหิ คาถาหิ สรณคุณสนฺทสฺสเนน สทฺธิํ สรณคมนวิธิมฺหิ วุเตฺต มาณโว ตํตํสรณคุณานุสฺสรณมุเขน สรณคมนวิธิโน อตฺตโน หทเย ฐปิตภาวํ วิภาเวโนฺต ตสฺสา ตสฺสา คาถาย อนนฺตรํ ‘‘โย วทตํ ปวโร’’ติอาทินา ตํ ตํ คาถํ ปจฺจนุภาสิฯ เอวํ ปจฺจนุภาสิตฺวา ฐิตสฺส ปญฺจ สิกฺขาปทานิ สรูปโต ผลานิสํสโต จ วิภาเวตฺวา เตสํ สมาทานวิธิํ กเถสิฯ โส ตมฺปิ สุฎฺฐุ อุปธาเรตฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘หนฺทาหํ ภควา คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา รตนตฺตยคุณํ อนุสฺสรโนฺต ตํเยว มคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ ภควาปิ ‘‘อลํ อิมสฺส เอตฺตกํ กุสลํ เทวโลกูปปตฺติยา’’ติ เชตวนเมว อคมาสิฯ

    Evaṃ bhagavatā tīhi gāthāhi saraṇaguṇasandassanena saddhiṃ saraṇagamanavidhimhi vutte māṇavo taṃtaṃsaraṇaguṇānussaraṇamukhena saraṇagamanavidhino attano hadaye ṭhapitabhāvaṃ vibhāvento tassā tassā gāthāya anantaraṃ ‘‘yo vadataṃ pavaro’’tiādinā taṃ taṃ gāthaṃ paccanubhāsi. Evaṃ paccanubhāsitvā ṭhitassa pañca sikkhāpadāni sarūpato phalānisaṃsato ca vibhāvetvā tesaṃ samādānavidhiṃ kathesi. So tampi suṭṭhu upadhāretvā pasannamānaso ‘‘handāhaṃ bhagavā gamissāmī’’ti vatvā ratanattayaguṇaṃ anussaranto taṃyeva maggaṃ paṭipajji. Bhagavāpi ‘‘alaṃ imassa ettakaṃ kusalaṃ devalokūpapattiyā’’ti jetavanameva agamāsi.

    มาณวสฺส ปน ปสนฺนจิตฺตสฺส รตนตฺตยคุณํ สลฺลกฺขณวเสน ‘‘สรณํ อุเปมี’’ติ ปวตฺตจิตฺตุปฺปาทตาย สรเณสุ จ, ภควตา วุตฺตนเยน ปญฺจนฺนํ สีลานํ อธิฎฺฐาเนน สีเลสุ จ ปติฎฺฐิตสฺส เตเนว นเยน รตนตฺตยคุเณ อนุสฺสรนฺตเสฺสว คจฺฉนฺตสฺส โจรา มเคฺค ปริยุฎฺฐิํสุฯ โส เต อคเณตฺวา รตนตฺตยคุเณ อนุสฺสรโนฺตเยว คจฺฉติฯ ตเญฺจโก โจโร คุมฺพนฺตรํ อุปนิสฺสาย ฐิโต วิสปีเตน สเรน สหสาว วิชฺฌิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา กหาปณภณฺฑิกํ คเหตฺวา อตฺตโน สหาเยหิ สทฺธิํ ปกฺกามิฯ มาณโว ปน กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน ติํสโยชนิเก กนกวิมาเน สุตฺตปฺปพุโทฺธ วิย อจฺฉราสหสฺสปริวุโต สฎฺฐิสกฎภาราลงฺการปฎิมณฺฑิตตฺตภาโว นิพฺพตฺติ, ตสฺส วิมานสฺส อาภา สาติเรกานิ วีสติโยชนานิ ผริตฺวา ติฎฺฐติฯ

    Māṇavassa pana pasannacittassa ratanattayaguṇaṃ sallakkhaṇavasena ‘‘saraṇaṃ upemī’’ti pavattacittuppādatāya saraṇesu ca, bhagavatā vuttanayena pañcannaṃ sīlānaṃ adhiṭṭhānena sīlesu ca patiṭṭhitassa teneva nayena ratanattayaguṇe anussarantasseva gacchantassa corā magge pariyuṭṭhiṃsu. So te agaṇetvā ratanattayaguṇe anussarantoyeva gacchati. Tañceko coro gumbantaraṃ upanissāya ṭhito visapītena sarena sahasāva vijjhitvā jīvitakkhayaṃ pāpetvā kahāpaṇabhaṇḍikaṃ gahetvā attano sahāyehi saddhiṃ pakkāmi. Māṇavo pana kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane tiṃsayojanike kanakavimāne suttappabuddho viya accharāsahassaparivuto saṭṭhisakaṭabhārālaṅkārapaṭimaṇḍitattabhāvo nibbatti, tassa vimānassa ābhā sātirekāni vīsatiyojanāni pharitvā tiṭṭhati.

    อถ มาณวํ กาลกตํ ทิสฺวา เสตพฺยคามวาสิโน มนุสฺสา เสตพฺยํ คนฺตฺวา ตสฺส มาตาปิตูนํ อุกฺกฎฺฐคามวาสิโน จ อุกฺกฎฺฐํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส กเถสุํฯ ตํ สุตฺวา ตสฺส มาตาปิตโร ญาติมิตฺตา พฺราหฺมโณ จ โปกฺขรสาติ สปริวารา อสฺสุมุขา โรทมานา ตํ ปเทสํ อคมํสุ, เยภุเยฺยน เสตพฺยวาสิโน จ อุกฺกฎฺฐวาสิโน จ อิจฺฉานงฺคลวาสิโน จ สนฺนิปติํสุ, มหาสมาคโม อโหสิฯ อถ มาณวสฺส มาตาปิตโร มคฺคสฺส อวิทูเร จิตกํ สเชฺชตฺวา สรีรกิจฺจํ กาตุํ อารภิํสุฯ

    Atha māṇavaṃ kālakataṃ disvā setabyagāmavāsino manussā setabyaṃ gantvā tassa mātāpitūnaṃ ukkaṭṭhagāmavāsino ca ukkaṭṭhaṃ gantvā brāhmaṇassa pokkharasātissa kathesuṃ. Taṃ sutvā tassa mātāpitaro ñātimittā brāhmaṇo ca pokkharasāti saparivārā assumukhā rodamānā taṃ padesaṃ agamaṃsu, yebhuyyena setabyavāsino ca ukkaṭṭhavāsino ca icchānaṅgalavāsino ca sannipatiṃsu, mahāsamāgamo ahosi. Atha māṇavassa mātāpitaro maggassa avidūre citakaṃ sajjetvā sarīrakiccaṃ kātuṃ ārabhiṃsu.

    อถ ภควา จิเนฺตสิ ‘‘มยิ คเต ฉตฺตมาณโว มํ วนฺทิตุํ อาคมิสฺสติ, อาคตญฺจ ตํ กตกมฺมํ กถาเปโนฺต กมฺมผลํ ปจฺจกฺขํ กาเรตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, เอวํ มหาชนสฺส ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ตํ ปเทสํ อุปคนฺตฺวา อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิ ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสเชฺชโนฺตฯ อถ ฉตฺตมาณวเทวปุโตฺตปิ อตฺตโน สมฺปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, ตสฺสา การณํ อุปธาเรโนฺต สรณคมนญฺจ สีลสมาทานญฺจ ทิสฺวา, วิมฺหยชาโต ภควติ สญฺชาตปสาทพหุมาโน ‘‘อิทาเนวาหํ คนฺตฺวา ภควนฺตญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ วนฺทิสฺสามิ, รตนตฺตยคุเณ จ มหาชนสฺส ปากเฎ กริสฺสามี’’ติ กตญฺญุตํ นิสฺสาย สกลํ ตํ อรญฺญปเทสํ เอกาโลกํ กโรโนฺต, สห วิมาเนน อาคนฺตฺวา วิมานโต โอรุยฺห มหตา ปริวาเรน สทฺธิํ ทิสฺสมานรูโป อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปตโนฺต อภิวาเทตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ ตํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘โก นุ โข อยํ เทโว วา พฺรหฺมา วา’’ติ อจฺฉริยพฺภุตชาโต อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรสิฯ ภควา เตน กตปุญฺญกมฺมํ ปากฎํ กาตุํ –

    Atha bhagavā cintesi ‘‘mayi gate chattamāṇavo maṃ vandituṃ āgamissati, āgatañca taṃ katakammaṃ kathāpento kammaphalaṃ paccakkhaṃ kāretvā dhammaṃ desessāmi, evaṃ mahājanassa dhammābhisamayo bhavissatī’’ti cintetvā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ taṃ padesaṃ upagantvā aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi chabbaṇṇabuddharaṃsiyo vissajjento. Atha chattamāṇavadevaputtopi attano sampattiṃ paccavekkhitvā, tassā kāraṇaṃ upadhārento saraṇagamanañca sīlasamādānañca disvā, vimhayajāto bhagavati sañjātapasādabahumāno ‘‘idānevāhaṃ gantvā bhagavantañca bhikkhusaṅghañca vandissāmi, ratanattayaguṇe ca mahājanassa pākaṭe karissāmī’’ti kataññutaṃ nissāya sakalaṃ taṃ araññapadesaṃ ekālokaṃ karonto, saha vimānena āgantvā vimānato oruyha mahatā parivārena saddhiṃ dissamānarūpo upasaṅkamitvā bhagavato pādesu sirasā nipatanto abhivādetvā añjaliṃ paggayha ekamantaṃ aṭṭhāsi. Taṃ disvā mahājano ‘‘ko nu kho ayaṃ devo vā brahmā vā’’ti acchariyabbhutajāto upasaṅkamitvā bhagavantaṃ parivāresi. Bhagavā tena katapuññakammaṃ pākaṭaṃ kātuṃ –

    ๘๘๙.

    889.

    ‘‘น ตถา ตปติ นเภ สูริโย, จโนฺท จ น ภาสติ น ผุโสฺส;

    ‘‘Na tathā tapati nabhe sūriyo, cando ca na bhāsati na phusso;

    ยถา อตุลมิทํ มหปฺปภาสํ, โก นุ ตฺวํ ติทิวา มหิํ อุปาคาฯ

    Yathā atulamidaṃ mahappabhāsaṃ, ko nu tvaṃ tidivā mahiṃ upāgā.

    ๘๙๐.

    890.

    ‘‘ฉินฺทติ รํสี ปภงฺกรสฺส, สาธิกวีสติโยชนานิ อาภา;

    ‘‘Chindati raṃsī pabhaṅkarassa, sādhikavīsatiyojanāni ābhā;

    รตฺติมปิ ยถา ทิวํ กโรติ, ปริสุทฺธํ วิมลํ สุภํ วิมานํฯ

    Rattimapi yathā divaṃ karoti, parisuddhaṃ vimalaṃ subhaṃ vimānaṃ.

    ๘๙๑.

    891.

    ‘‘พหุปทุมวิจิตฺรปุณฺฑรีกํ, โวกิณฺณํ กุสุเมหิ เนกจิตฺตํ;

    ‘‘Bahupadumavicitrapuṇḍarīkaṃ, vokiṇṇaṃ kusumehi nekacittaṃ;

    อรชวิรชเหมชาลฉนฺนํ, อากาเส ตปติ ยถาปิ สูริโยฯ

    Arajavirajahemajālachannaṃ, ākāse tapati yathāpi sūriyo.

    ๘๙๒.

    892.

    ‘‘รตฺตมฺพรปีตวาสสาหิ, อครุปิยงฺคุจนฺทนุสฺสทาหิ;

    ‘‘Rattambarapītavāsasāhi, agarupiyaṅgucandanussadāhi;

    กญฺจนตนุสนฺนิภตฺตจาหิ, ปริปูรํ คคนํว ตารกาหิฯ

    Kañcanatanusannibhattacāhi, paripūraṃ gaganaṃva tārakāhi.

    ๘๙๓.

    893.

    ‘‘นรนาริโย พหุเกตฺถเนกวณฺณา, กุสุมวิภูสิตาภรเณตฺถ สุมนา;

    ‘‘Naranāriyo bahuketthanekavaṇṇā, kusumavibhūsitābharaṇettha sumanā;

    อนิลปมุญฺจิตา ปวนฺติ สุรภิํ, ตปนิยวิตตา สุวณฺณฉนฺนาฯ

    Anilapamuñcitā pavanti surabhiṃ, tapaniyavitatā suvaṇṇachannā.

    ๘๙๔.

    894.

    ‘‘กิสฺส สํยมสฺส อยํ วิปาโก, เกนาสิ กมฺมผเลนิธูปปโนฺน;

    ‘‘Kissa saṃyamassa ayaṃ vipāko, kenāsi kammaphalenidhūpapanno;

    ยถา จ เต อธิคตมิทํ วิมานํ, ตทนุปทํ อวจาสิ อิคฺฆ ปุโฎฺฐ’’ติฯ –

    Yathā ca te adhigatamidaṃ vimānaṃ, tadanupadaṃ avacāsi iggha puṭṭho’’ti. –

    ตํ เทวปุตฺตํ ปฎิปุจฺฉิฯ

    Taṃ devaputtaṃ paṭipucchi.

    ๘๘๖. ตตฺถ ตปตีติ ทิปฺปติฯ นเภติ อากาเสฯ ผุโสฺสติ ผุสฺสตารกาฯ อตุลนฺติ อนุปมํ, อปฺปมาณํ วาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อิทํ ตว วิมานํ อนุปมํ อปฺปมาณํ ปภสฺสรภาเวน ตโต เอว มหปฺปภาสํ อากาเส ทิปฺปติ, น ตถา ตารกรูปานิ ทิปฺปนฺติ, น จโนฺท, ตานิ ตาว ติฎฺฐนฺตุ, นาปิ สูริโย ทิปฺปติ, เอวํภูโต โก นุ ตฺวํ เทวโลกโต อิมํ ภูมิปเทสํ อุปคโต, ตํ ปากฎํ กตฺวา อิมสฺส มหาชนสฺส กเถหีติฯ

    886. Tattha tapatīti dippati. Nabheti ākāse. Phussoti phussatārakā. Atulanti anupamaṃ, appamāṇaṃ vā. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā idaṃ tava vimānaṃ anupamaṃ appamāṇaṃ pabhassarabhāvena tato eva mahappabhāsaṃ ākāse dippati, na tathā tārakarūpāni dippanti, na cando, tāni tāva tiṭṭhantu, nāpi sūriyo dippati, evaṃbhūto ko nu tvaṃ devalokato imaṃ bhūmipadesaṃ upagato, taṃ pākaṭaṃ katvā imassa mahājanassa kathehīti.

    ๘๙๐. ฉินฺทตีติ วิจฺฉินฺทติ, ปวตฺติตุํ อเทโนฺต ปฎิหนตีติ อโตฺถฯ รํสีติ รสฺมิโยฯ ปภงฺกรสฺสาติ สูริยสฺสฯ ตสฺส จ วิมานสฺส ปภา สมนฺตโต ปญฺจวีสติ โยชนานิ ผริตฺวา ติฎฺฐติฯ เตนาห ‘‘สาธิกวีสติโยชนานิ อาภา’’ติฯ รตฺติมปิ ยถา ทิวํ กโรตีติ อตฺตโน ปภาย อนฺธการํ วิธมนฺตํ รตฺติภาคมฺปิ ทิวสภาคํ วิย กโรติฯ ปริสมนฺตโต อโนฺต เจว พหิ จ สุทฺธตาย ปริสุทฺธํฯ สพฺพโส มลาภาเวน วิมลํฯ สุนฺทรตาย สุภํ

    890.Chindatīti vicchindati, pavattituṃ adento paṭihanatīti attho. Raṃsīti rasmiyo. Pabhaṅkarassāti sūriyassa. Tassa ca vimānassa pabhā samantato pañcavīsati yojanāni pharitvā tiṭṭhati. Tenāha ‘‘sādhikavīsatiyojanāni ābhā’’ti. Rattimapi yathā divaṃ karotīti attano pabhāya andhakāraṃ vidhamantaṃ rattibhāgampi divasabhāgaṃ viya karoti. Parisamantato anto ceva bahi ca suddhatāya parisuddhaṃ. Sabbaso malābhāvena vimalaṃ. Sundaratāya subhaṃ.

    ๘๙๑. พหุปทุมวิจิตฺรปุณฺฑรีกนฺติ พหุวิธรตฺตกมลเญฺจว วิจิตฺตวณฺณเสตกมลญฺจฯ เสตกมลํ ปทุมํ, รตฺตกมลํ ปุณฺฑรีกนฺติ วทนฺติฯ โวกิณฺณํ กุสุเมหีติ อเญฺญหิ จ นานาวิเธหิ ปุเปฺผหิ สโมกิณฺณํฯ เนกจิตฺตนฺติ มาลากมฺมลตากมฺมาทินานาวิธวิจิตฺตํฯ อรชวิรชเหมชาลฉนฺนนฺติ สยํ อปคตรชํ วิรเชน นิโทฺทเสน กญฺจนชาเลน ฉาทิตํฯ

    891.Bahupadumavicitrapuṇḍarīkanti bahuvidharattakamalañceva vicittavaṇṇasetakamalañca. Setakamalaṃ padumaṃ, rattakamalaṃ puṇḍarīkanti vadanti. Vokiṇṇaṃ kusumehīti aññehi ca nānāvidhehi pupphehi samokiṇṇaṃ. Nekacittanti mālākammalatākammādinānāvidhavicittaṃ. Arajavirajahemajālachannanti sayaṃ apagatarajaṃ virajena niddosena kañcanajālena chāditaṃ.

    ๘๙๒. รตฺตมฺพรปีตวาสสาหีติ รตฺตวตฺถาหิ เจว ปีตวตฺถาหิ จฯ เอกา หิ รตฺตํ ทิพฺพวตฺถํ นิวาเสตฺวา ปีตํ อุตฺตริยํ กโรติ, อปรา ปีตํ นิวาเสตฺวา รตฺตํ อุตฺตริยํ กโรติฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘รตฺตมฺพรปีตวาสสาหี’’ติ ฯ อครุปิยงฺคุจนฺทนุสฺสทาหีติ อครุคเนฺธน ปิยงฺคุมาลาหิ จนฺทนคเนฺธหิ จ อุสฺสทาหิ, อุสฺสนฺนทิพฺพาครุคนฺธาทิกาหีติ อโตฺถฯ กญฺจนตนุสนฺนิภตฺตจาหีติ กนกสทิสสุขุมจฺฉวีหิฯ ปริปูรนฺติ ตหํ ตหํ วิจรนฺตีหิ สงฺคีติปสุตาหิ จ ปริปุณฺณํฯ

    892.Rattambarapītavāsasāhīti rattavatthāhi ceva pītavatthāhi ca. Ekā hi rattaṃ dibbavatthaṃ nivāsetvā pītaṃ uttariyaṃ karoti, aparā pītaṃ nivāsetvā rattaṃ uttariyaṃ karoti. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘rattambarapītavāsasāhī’’ti . Agarupiyaṅgucandanussadāhīti agarugandhena piyaṅgumālāhi candanagandhehi ca ussadāhi, ussannadibbāgarugandhādikāhīti attho. Kañcanatanusannibhattacāhīti kanakasadisasukhumacchavīhi. Paripūranti tahaṃ tahaṃ vicarantīhi saṅgītipasutāhi ca paripuṇṇaṃ.

    ๘๙๓. พหุเกตฺถาติ พหุกา เอตฺถฯ อเนกวณฺณาติ นานารูปาฯ กุสมวิภูสิตาภรณาติ วิเสสโต สุรภิวายนตฺถํ ทิพฺพกุสุเมหิ อลงฺกตทิพฺพาภรณาฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ วิมาเนฯ สุมนาติ สุนฺทรมนา ปมุทิตจิตฺตาฯ อนิลปมุญฺจิตา ปวนฺติ สุรภินฺติ อนิเลน ปมุญฺจิตคนฺธานํ ปุปฺผานํ วายุนา วิมุตฺตปตฺตปุฎํ วิย วิพนฺธตาย วิกสิตตาย จ สุคนฺธํ ปวายนฺติฯ ‘‘อนิลปธูปิตา’’ติปิ ปฐนฺติ, วาเตน มนฺทํ อาวุยฺหมานา เหมมยปุปฺผาติ อโตฺถฯ กนกจีรกาทีหิ เวณิอาทีสุ โอตตตาย ตปนิยวิตตาฯ เยภุเยฺยน กญฺจนาภรเณหิ อจฺฉาทิตสรีรตาย สุวณฺณฉนฺนาฯ นรนาริโยติ เทวปุตฺตา เทวธีตโร จ พหุกา เอตฺถ ตว วิมาเนติ ทเสฺสติฯ

    893.Bahuketthāti bahukā ettha. Anekavaṇṇāti nānārūpā. Kusamavibhūsitābharaṇāti visesato surabhivāyanatthaṃ dibbakusumehi alaṅkatadibbābharaṇā. Etthāti etasmiṃ vimāne. Sumanāti sundaramanā pamuditacittā. Anilapamuñcitā pavanti surabhinti anilena pamuñcitagandhānaṃ pupphānaṃ vāyunā vimuttapattapuṭaṃ viya vibandhatāya vikasitatāya ca sugandhaṃ pavāyanti. ‘‘Anilapadhūpitā’’tipi paṭhanti, vātena mandaṃ āvuyhamānā hemamayapupphāti attho. Kanakacīrakādīhi veṇiādīsu otatatāya tapaniyavitatā. Yebhuyyena kañcanābharaṇehi acchāditasarīratāya suvaṇṇachannā. Naranāriyoti devaputtā devadhītaro ca bahukā ettha tava vimāneti dasseti.

    ๘๙๔. อิงฺฆาติ โจทนเตฺถ นิปาโต ปุโฎฺฐติ ปุจฺฉิโต อิมสฺส มหาชนสฺส กมฺมผลปจฺจกฺขภาวายาติ อธิปฺปาโยฯ

    894.Iṅghāti codanatthe nipāto puṭṭhoti pucchito imassa mahājanassa kammaphalapaccakkhabhāvāyāti adhippāyo.

    ตโต เทวปุโตฺต อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

    Tato devaputto imāhi gāthāhi byākāsi –

    ๘๙๕.

    895.

    ‘‘สยมิธ ปเถ สเมจฺจ มาณเวน, สตฺถานุสาสิ อนุกมฺปมาโน;

    ‘‘Sayamidha pathe samecca māṇavena, satthānusāsi anukampamāno;

    ตว รตนวรสฺส ธมฺมํ สุตฺวา, กริสฺสามีติ จ พฺรวิตฺถ ฉโตฺตฯ

    Tava ratanavarassa dhammaṃ sutvā, karissāmīti ca bravittha chatto.

    ๘๙๖.

    896.

    ‘‘ชินวรปวรํ อุเปหิ สรณํ, ธมฺมญฺจาปิ ตเถว ภิกฺขุสงฺฆํ;

    ‘‘Jinavarapavaraṃ upehi saraṇaṃ, dhammañcāpi tatheva bhikkhusaṅghaṃ;

    โนติ ปฐมํ อโวจหํ ภเนฺต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสิํฯ

    Noti paṭhamaṃ avocahaṃ bhante, pacchā te vacanaṃ tathevakāsiṃ.

    ๘๙๗.

    897.

    ‘‘มา จ ปาณวธํ วิวิธํ จรสฺสุ อสุจิํ,

    ‘‘Mā ca pāṇavadhaṃ vividhaṃ carassu asuciṃ,

    น หิ ปาเณสุ อสญฺญตํ อวณฺณยิํสุ สปฺปญฺญา;

    Na hi pāṇesu asaññataṃ avaṇṇayiṃsu sappaññā;

    โนติ ปฐมํ อโวจหํ ภเนฺต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสิํฯ

    Noti paṭhamaṃ avocahaṃ bhante, pacchā te vacanaṃ tathevakāsiṃ.

    ๘๙๘.

    898.

    ‘‘มา จ ปรชนสฺส รกฺขิตมฺปิ, อาทาตพฺพมมญฺญิโถ อทินฺนํ;

    ‘‘Mā ca parajanassa rakkhitampi, ādātabbamamaññitho adinnaṃ;

    โนติ ปฐมํ อโวจหํ ภเนฺต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสิํฯ

    Noti paṭhamaṃ avocahaṃ bhante, pacchā te vacanaṃ tathevakāsiṃ.

    ๘๙๙.

    899.

    ‘‘มา จ ปรชนสฺส รกฺขิตาโย, ปรภริยา อคมา อนริยเมตํ;

    ‘‘Mā ca parajanassa rakkhitāyo, parabhariyā agamā anariyametaṃ;

    โนติ ปฐมํ อโวจหํ ภเนฺต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสิํฯ

    Noti paṭhamaṃ avocahaṃ bhante, pacchā te vacanaṃ tathevakāsiṃ.

    ๙๐๐.

    900.

    ‘‘มา จ วิตถํ อญฺญถา อภาณิ, น หิ มุสาวาทํ อวณฺณยิํสุ สปฺปญฺญา;

    ‘‘Mā ca vitathaṃ aññathā abhāṇi, na hi musāvādaṃ avaṇṇayiṃsu sappaññā;

    โนติ ปฐมํ อโวจหํ ภเนฺต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสิํฯ

    Noti paṭhamaṃ avocahaṃ bhante, pacchā te vacanaṃ tathevakāsiṃ.

    ๙๐๑.

    901.

    ‘‘เยน จ ปุริสสฺส อเปติ สญฺญา, ตํ มชฺชํ ปริวชฺชยสฺสุ สพฺพํ;

    ‘‘Yena ca purisassa apeti saññā, taṃ majjaṃ parivajjayassu sabbaṃ;

    โนติ ปฐมํ อโวจหํ ภเนฺต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสิํฯ

    Noti paṭhamaṃ avocahaṃ bhante, pacchā te vacanaṃ tathevakāsiṃ.

    ๙๐๒.

    902.

    ‘‘สฺวาหํ อิธ ปญฺจ สิกฺขา กริตฺวา, ปฎิปชฺชิตฺวา ตถาคตสฺส ธเมฺม;

    ‘‘Svāhaṃ idha pañca sikkhā karitvā, paṭipajjitvā tathāgatassa dhamme;

    เทฺวปถมคมาสิํ โจรมเชฺฌ, เต มํ ตตฺถ วธิํสุ โภคเหตุฯ

    Dvepathamagamāsiṃ coramajjhe, te maṃ tattha vadhiṃsu bhogahetu.

    ๙๐๓.

    903.

    ‘‘เอตฺตกมิทํ อนุสฺสรามิ กุสลํ, ตโต ปรํ น เม วิชฺชติ อญฺญํ;

    ‘‘Ettakamidaṃ anussarāmi kusalaṃ, tato paraṃ na me vijjati aññaṃ;

    เตน สุจริเตน กมฺมุนาหํ, อุปฺปโนฺน ติทิเวสุ กามกามีฯ

    Tena sucaritena kammunāhaṃ, uppanno tidivesu kāmakāmī.

    ๙๐๔.

    904.

    ‘‘ปสฺส ขณมุหุตฺตสญฺญมสฺส, อนุธมฺมปฺปฎิปตฺติยา วิปากํ;

    ‘‘Passa khaṇamuhuttasaññamassa, anudhammappaṭipattiyā vipākaṃ;

    ชลมิว ยสสา สเมกฺขมานา, พหุกามํ ปิหยนฺติ หีนกมฺมาฯ

    Jalamiva yasasā samekkhamānā, bahukāmaṃ pihayanti hīnakammā.

    ๙๐๕.

    905.

    ‘‘ปสฺส กติปยาย เทสนาย, สุคติญฺจมฺหิ คโต สุขญฺจ ปโตฺต;

    ‘‘Passa katipayāya desanāya, sugatiñcamhi gato sukhañca patto;

    เย จ เต สตตํ สุณนฺติ ธมฺมํ, มเญฺญ เต อมตํ ผุสนฺติ เขมํฯ

    Ye ca te satataṃ suṇanti dhammaṃ, maññe te amataṃ phusanti khemaṃ.

    ๙๐๖.

    906.

    ‘‘อปฺปมฺปิ กตํ มหาวิปากํ, วิปุลํ โหติ ตถาคตสฺส ธเมฺม;

    ‘‘Appampi kataṃ mahāvipākaṃ, vipulaṃ hoti tathāgatassa dhamme;

    ปสฺส กตปุญฺญตาย ฉโตฺต, โอภาเสติ ปถวิํ ยถาปิ สูริโยฯ

    Passa katapuññatāya chatto, obhāseti pathaviṃ yathāpi sūriyo.

    ๙๐๗.

    907.

    ‘‘กิมิทํ กุสลํ กิมาจเรม, อิเจฺจเก หิ สเมจฺจ มนฺตยนฺติ;

    ‘‘Kimidaṃ kusalaṃ kimācarema, icceke hi samecca mantayanti;

    เต มยํ ปุนเรว ลทฺธ มานุสตฺตํ, ปฎิปนฺนา วิหเรมุ สีลวโนฺตฯ

    Te mayaṃ punareva laddha mānusattaṃ, paṭipannā viharemu sīlavanto.

    ๙๐๘.

    908.

    ‘‘พหุกาโร อนุกมฺปโก จ สตฺถา, อิติ เม สติ อคมา ทิวา ทิวสฺส;

    ‘‘Bahukāro anukampako ca satthā, iti me sati agamā divā divassa;

    สฺวาหํ อุปคโตมฺหิ สจฺจนามํ, อนุกมฺปสฺสุ ปุนปิ สุเณมฺห ธมฺมํฯ

    Svāhaṃ upagatomhi saccanāmaṃ, anukampassu punapi suṇemha dhammaṃ.

    ๙๐๙.

    909.

    ‘‘เย จิธ ปชหนฺติ กามราคํ, ภวราคานุสยญฺจ ปหาย โมหํ;

    ‘‘Ye cidha pajahanti kāmarāgaṃ, bhavarāgānusayañca pahāya mohaṃ;

    น จ เต ปุน มุเปนฺติ คพฺภเสยฺยํ, ปรินิพฺพานคตา หิ สีติภูตา’’ติฯ

    Na ca te puna mupenti gabbhaseyyaṃ, parinibbānagatā hi sītibhūtā’’ti.

    ๘๙๕. ตตฺถ สยมิธ ปเถ สเมจฺจ มาณเวนาติ อิธ อิมสฺมิํ ปเถ มหามเคฺค สยเมว อุปคเตน มาณเวน พฺราหฺมณกุมาเรน สเมจฺจ สมาคนฺตฺวาฯ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปรมเตฺถหิ สตฺตานํ ยถารหมนุสาสนโต สตฺถา ภควา, ตฺวํ ยํ มาณวํ ยถาธมฺมํ อนุสาสิ อนุกมฺปมาโน อนุคฺคณฺหโนฺต, ตว รตนวรสฺส อคฺครตนสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, ตํ ธมฺมํ สุตฺวา อิติ เอวํ กริสฺสามิ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชิสฺสามีติ, โส ฉโตฺต ฉตฺตนามโก มาณโว พฺรวิตฺถ กเถสีติ ปทโยชนาฯ

    895. Tattha sayamidha pathe samecca māṇavenāti idha imasmiṃ pathe mahāmagge sayameva upagatena māṇavena brāhmaṇakumārena samecca samāgantvā. Diṭṭhadhammikasamparāyikaparamatthehi sattānaṃ yathārahamanusāsanato satthā bhagavā, tvaṃ yaṃ māṇavaṃ yathādhammaṃ anusāsi anukampamāno anuggaṇhanto, tava ratanavarassa aggaratanassa sammāsambuddhassa, taṃ dhammaṃ sutvā iti evaṃ karissāmi yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjissāmīti, so chatto chattanāmako māṇavo bravittha kathesīti padayojanā.

    ๘๙๖. เอวํ ยถาปุจฺฉิตํ กมฺมํ การณโต ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตํ สรูปโต วิภาคโต จ ทเสฺสโนฺต สตฺถารา สมาทปิตภาวํ อตฺตนา จ ตตฺถ ปจฺฉา ปติฎฺฐิตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ชินวรปวร’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ โนติ ปฐมํ อโวจหํ ภเนฺตติ ภเนฺต ภควา ‘‘สรณคมนํ ชานาสี’’ติ ตยา วุโตฺต ‘‘โน’’ติ น ‘‘ชานามี’’ติ ปฐมํ อโวจํ อหํฯ ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสินฺติ ปจฺฉา ตยา วุตฺตํ กถํ ปริวเตฺตโนฺต ตว วจนํ ตเถว อกาสิํ ปฎิปชฺชิํ, ตีณิปิ สรณานิ อุปคจฺฉินฺติ อโตฺถฯ

    896. Evaṃ yathāpucchitaṃ kammaṃ kāraṇato dassetvā idāni taṃ sarūpato vibhāgato ca dassento satthārā samādapitabhāvaṃ attanā ca tattha pacchā patiṭṭhitabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘jinavarapavara’’ntiādimāha. Tattha noti paṭhamaṃ avocahaṃ bhanteti bhante bhagavā ‘‘saraṇagamanaṃ jānāsī’’ti tayā vutto ‘‘no’’ti na ‘‘jānāmī’’ti paṭhamaṃ avocaṃ ahaṃ. Pacchā te vacanaṃ tathevakāsinti pacchā tayā vuttaṃ kathaṃ parivattento tava vacanaṃ tatheva akāsiṃ paṭipajjiṃ, tīṇipi saraṇāni upagacchinti attho.

    ๘๙๗. วิวิธนฺติ อุจฺจาวจํ, อปฺปสาวชฺชํ มหาสาวชฺชญฺจาติ อโตฺถฯ มา จรสฺสูติ มา อกาสิฯ อสุจินฺติ กิเลสาสุจิมิสฺสตาย น สุจิํฯ ปาเณสุ อสญฺญตนฺติ ปาณฆาตโต อวิรตํฯ น หิ อวณฺณยิํสูติ น หิ วณฺณยนฺติฯ ปจฺจูปฺปนฺนกาลเตฺถ หิ อิทํ อตีตกาลวจนํฯ อถ วา ‘‘อวณฺณยิํสู’’ติ เอกเทเสน สกลสฺส กาลสฺส อุปลกฺขณํ, ตสฺมา ยถา น วณฺณยิํสุ อตีตมทฺธานํ, เอวํ เอตรหิปิ น วณฺณยนฺติ, อนาคเตปิ น วณฺณยิสฺสนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    897.Vividhanti uccāvacaṃ, appasāvajjaṃ mahāsāvajjañcāti attho. Mā carassūti mā akāsi. Asucinti kilesāsucimissatāya na suciṃ. Pāṇesu asaññatanti pāṇaghātato avirataṃ. Na hi avaṇṇayiṃsūti na hi vaṇṇayanti. Paccūppannakālatthe hi idaṃ atītakālavacanaṃ. Atha vā ‘‘avaṇṇayiṃsū’’ti ekadesena sakalassa kālassa upalakkhaṇaṃ, tasmā yathā na vaṇṇayiṃsu atītamaddhānaṃ, evaṃ etarahipi na vaṇṇayanti, anāgatepi na vaṇṇayissantīti vuttaṃ hoti.

    ๘๙๘-๙๐๐. ปรชนสฺส รกฺขิตนฺติ ปรปริคฺคหิตวตฺถุฯ เตนาห ‘‘อทินฺน’’นฺติฯ มา อคมาติ มา อชฺฌาจริฯ วิตถนฺติ อตถํ, มุสาติ อโตฺถฯ อญฺญถาติ อญฺญถาว, วิตถสญฺญี เอวํ วิตถนฺติ ชานโนฺต เอวํ มา ภณีติ อโตฺถฯ

    898-900.Parajanassa rakkhitanti parapariggahitavatthu. Tenāha ‘‘adinna’’nti. Mā agamāti mā ajjhācari. Vitathanti atathaṃ, musāti attho. Aññathāti aññathāva, vitathasaññī evaṃ vitathanti jānanto evaṃ mā bhaṇīti attho.

    ๙๐๑. เยนาติ เยน มเชฺชน, ปีเตนาติ อธิปฺปาโยฯ อเปตีติ วิคจฺฉติฯ สญฺญาติ ธมฺมสญฺญา, โลกสญฺญา เอว วาฯ สพฺพนฺติ อนวเสสํ, พีชโต ปฎฺฐายาติ อโตฺถฯ

    901.Yenāti yena majjena, pītenāti adhippāyo. Apetīti vigacchati. Saññāti dhammasaññā, lokasaññā eva vā. Sabbanti anavasesaṃ, bījato paṭṭhāyāti attho.

    ๙๐๒. สฺวาหนฺติ โส ตทา ฉตฺตมาณวภูโต อหํฯ อิธ อิมสฺมิํ มคฺคปเทเส, อิมสฺมิํ วา ตว สาสเนฯ เตนาห ‘‘ตถาคตสฺส ธเมฺม’’ติฯ ปญฺจ สิกฺขาติ ปญฺจ สีลานิฯ กริตฺวาติ อาทิยิตฺวา, อธิฎฺฐายาติ อโตฺถฯ เทฺวปถนฺติ ทฺวินฺนํ คามสีมานํ เวมชฺฌภูตํ ปถํ, สีมนฺตริกปถนฺติ อโตฺถฯ เตติ เต โจราฯ ตตฺถาติ สีมนฺตริกมเคฺคฯ โภคเหตูติ อามิสกิญฺจิกฺขนิมิตฺตํฯ

    902.Svāhanti so tadā chattamāṇavabhūto ahaṃ. Idha imasmiṃ maggapadese, imasmiṃ vā tava sāsane. Tenāha ‘‘tathāgatassa dhamme’’ti. Pañca sikkhāti pañca sīlāni. Karitvāti ādiyitvā, adhiṭṭhāyāti attho. Dvepathanti dvinnaṃ gāmasīmānaṃ vemajjhabhūtaṃ pathaṃ, sīmantarikapathanti attho. Teti te corā. Tatthāti sīmantarikamagge. Bhogahetūti āmisakiñcikkhanimittaṃ.

    ๙๐๓. ตโตติ ยถาวุตฺตกุสลโต ปรํ อุปริ อญฺญํ กุสลํ น วิชฺชติ น อุปลพฺภติ, ยมหํ อนุสฺสเรยฺยนฺติ อโตฺถฯ กามกามีติ ยถิจฺฉิตกามคุณสมงฺคีฯ

    903.Tatoti yathāvuttakusalato paraṃ upari aññaṃ kusalaṃ na vijjati na upalabbhati, yamahaṃ anussareyyanti attho. Kāmakāmīti yathicchitakāmaguṇasamaṅgī.

    ๙๐๔. ขณมุหุตฺตสญฺญมสฺสาติ ขณมุหุตฺตมตฺตํ ปวตฺตสีลสฺสฯ อนุธมฺมปฺปฎิปตฺติยาติ ยถาธิคตสฺส ผลสฺส อนุรูปธมฺมํ ปฎิปชฺชมานสฺส ภควา ปสฺส, ตุยฺหํ โอวาทธมฺมสฺส วา อนุรูปาย ธมฺมปฎิปตฺติยา วุตฺตนิยาเมเนว สรณคมนสฺส สีลสมาทานสฺส จาติ อโตฺถฯ ชลมิว ยสสาติ อิทฺธิยา ปริวารสมฺปตฺติยา จ ชลนฺตํ วิยฯ สเมกฺขมานาติ ปสฺสนฺตาฯ พหุกาติ พหโวฯ ปิหยนฺตีติ ‘‘กถํ นุ โข มยํ เอทิสา ภเวยฺยามา’’ติ ปเตฺถนฺติฯ หีนกมฺมาติ มม สมฺปตฺติโต นิหีนโภคาฯ

    904.Khaṇamuhuttasaññamassāti khaṇamuhuttamattaṃ pavattasīlassa. Anudhammappaṭipattiyāti yathādhigatassa phalassa anurūpadhammaṃ paṭipajjamānassa bhagavā passa, tuyhaṃ ovādadhammassa vā anurūpāya dhammapaṭipattiyā vuttaniyāmeneva saraṇagamanassa sīlasamādānassa cāti attho. Jalamiva yasasāti iddhiyā parivārasampattiyā ca jalantaṃ viya. Samekkhamānāti passantā. Bahukāti bahavo. Pihayantīti ‘‘kathaṃ nu kho mayaṃ edisā bhaveyyāmā’’ti patthenti. Hīnakammāti mama sampattito nihīnabhogā.

    ๙๐๕. กติปยายาติ อปฺปิกายฯ เยติ เย ภิกฺขู เจว อุปาสกาทโย จฯ จ-สโทฺท พฺยติเรเกฯ เตติ ตวฯ สตตนฺติ ทิวเส ทิวเสฯ

    905.Katipayāyāti appikāya. Yeti ye bhikkhū ceva upāsakādayo ca. Ca-saddo byatireke. Teti tava. Satatanti divase divase.

    ๙๐๖. วิปุลนฺติ อุฬารผลํ วิปุลานุภาวํฯ ตถาคตสฺส ธเมฺมติ ตถาคตสฺส สาสเน โอวาเท ฐตฺวา กตนฺติ โยชนาฯ เอวํ อนุเทฺทสิกวเสน วุตฺตเมวตฺถํ อตฺตุเทฺทสิกวเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘ปสฺสา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปสฺสาติ ภควนฺตํ วทติ, อตฺตานเมว วา อญฺญํ วิย จ กตฺวา วทติฯ

    906.Vipulanti uḷāraphalaṃ vipulānubhāvaṃ. Tathāgatassa dhammeti tathāgatassa sāsane ovāde ṭhatvā katanti yojanā. Evaṃ anuddesikavasena vuttamevatthaṃ attuddesikavasena dassento ‘‘passā’’tiādimāha. Tattha passāti bhagavantaṃ vadati, attānameva vā aññaṃ viya ca katvā vadati.

    ๙๐๗. กิมิทํ กุสลํ กิมาจเรมาติ กุสลํ นาเมตํ กิํสภาวํ กีทิสํ, กถํ วา ตํ อาจเรยฺยามฯ อิเจฺจเก หิ สเมจฺจ มนฺตยนฺตีติ เอวเมเก สเมจฺจ สมาคนฺตฺวา ปถวิํ ปริวเตฺตนฺตา วิย สิเนรุํ อุกฺขิปนฺตา วิย จ สุทุกฺกรํ กตฺวา มนฺตยนฺติ วิจาเรนฺติ, มยํ ปน อกิเจฺฉเนว ปุนปิ กุสลํ อาจเรยฺยามาติ อธิปฺปาโยฯ เตเนวาห ‘‘มย’’นฺติอาทิฯ

    907.Kimidaṃkusalaṃ kimācaremāti kusalaṃ nāmetaṃ kiṃsabhāvaṃ kīdisaṃ, kathaṃ vā taṃ ācareyyāma. Icceke hi samecca mantayantīti evameke samecca samāgantvā pathaviṃ parivattentā viya sineruṃ ukkhipantā viya ca sudukkaraṃ katvā mantayanti vicārenti, mayaṃ pana akiccheneva punapi kusalaṃ ācareyyāmāti adhippāyo. Tenevāha ‘‘maya’’ntiādi.

    ๙๐๘. พหุกาโรติ พหูปกาโร, มหาอุปกาโร วาฯ อนุกมฺปโกติ การุณิโกฯ -กาโร ปทสนฺธิกโรฯ อิตีติ เอวํ, ภควโต อตฺตนิ ปฎิปนฺนาการํ สนฺธาย วทติฯ เม สตีติ มยิ สติ วิชฺชมาเน, โจเรหิ อวธิเต เอวาติ อโตฺถฯ ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺสปิ ทิวา, กาลเสฺสวาติ อโตฺถฯ สฺวาหนฺติ โส ฉตฺตมาณวภูโต อหํฯ สจฺจนามนฺติ ‘‘ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติอาทินาเมหิ อวิตถนามํ ภูตตฺถนามํฯ อนุกมฺปสฺสูติ อนุคฺคณฺหาหิฯ ปุนปีติ ภิโยฺยปิ สุเณมุ, ตว ธมฺมํ สุเณยฺยามเยวาติ อโตฺถฯ

    908.Bahukāroti bahūpakāro, mahāupakāro vā. Anukampakoti kāruṇiko. Ma-kāro padasandhikaro. Itīti evaṃ, bhagavato attani paṭipannākāraṃ sandhāya vadati. Me satīti mayi sati vijjamāne, corehi avadhite evāti attho. Divā divassāti divasassapi divā, kālassevāti attho. Svāhanti so chattamāṇavabhūto ahaṃ. Saccanāmanti ‘‘bhagavā arahaṃ sammāsambuddho’’tiādināmehi avitathanāmaṃ bhūtatthanāmaṃ. Anukampassūti anuggaṇhāhi. Punapīti bhiyyopi suṇemu, tava dhammaṃ suṇeyyāmayevāti attho.

    เอวํ เทวปุโตฺต สพฺพเมตํ กตญฺญุตาภาเว ฐตฺวา สตฺถุ ปยิรุปาสเน จ ธมฺมสฺสวเน จ อติตฺติเมว ทีเปโนฺต วทติฯ ภควา เทวปุตฺตสฺส จ ตตฺถ สนฺนิปติตปริสาย จ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา อนุปุพฺพิกถํ กเถสิฯ อถ เนสํ อลฺลจิตฺตตํ ญตฺวา สามุกฺกํสิกํ ธมฺมเทสนํ ปกาเสสิฯ เทสนาปริโยสาเน เทวปุโตฺต เจว มาตาปิตโร จสฺส โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิํสุ, มหโต จ ชนกายสฺส ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ

    Evaṃ devaputto sabbametaṃ kataññutābhāve ṭhatvā satthu payirupāsane ca dhammassavane ca atittimeva dīpento vadati. Bhagavā devaputtassa ca tattha sannipatitaparisāya ca ajjhāsayaṃ oloketvā anupubbikathaṃ kathesi. Atha nesaṃ allacittataṃ ñatvā sāmukkaṃsikaṃ dhammadesanaṃ pakāsesi. Desanāpariyosāne devaputto ceva mātāpitaro cassa sotāpattiphale patiṭṭhahiṃsu, mahato ca janakāyassa dhammābhisamayo ahosi.

    ๙๐๙. ปฐมผเล ปติฎฺฐิโต เทวปุโตฺต อุปริมเคฺคสุ อตฺตโน ครุจิตฺตีการํ, ตทธิคมสฺส จ มหานิสํสตํ วิภาเวโนฺต ‘‘เย จิธ ปชหนฺติ กามราค’’นฺติ ปริโยสานคาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – เย อิธ อิมสฺมิํ สาสเน ฐิตา ปชหนฺติ อนวเสสโต สมุจฺฉินฺทนฺติ กามราคํ, น จ เต ปุน อุเปนฺติ คพฺภเสยฺยํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ สมุจฺฉินฺนตฺตาฯ เย จ ปน ปหาย โมหํ สพฺพโส สมุคฺฆาเตตฺวา ภวราคานุสยญฺจ ปชหนฺติ, เต ปุน อุเปนฺติ คพฺภเสยฺยนฺติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ กสฺมา? ปรินิพฺพานคตา หิ สีติภูตา, เต หิ อุตฺตมปุริสา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานํ คตา เอวํ อิเธว สพฺพเวทยิตานํ สพฺพปริฬาหานํ พฺยนฺติภาเวน สีติภูตาฯ

    909. Paṭhamaphale patiṭṭhito devaputto uparimaggesu attano garucittīkāraṃ, tadadhigamassa ca mahānisaṃsataṃ vibhāvento ‘‘ye cidha pajahanti kāmarāga’’nti pariyosānagāthamāha. Tassattho – ye idha imasmiṃ sāsane ṭhitā pajahanti anavasesato samucchindanti kāmarāgaṃ, na ca te puna upentigabbhaseyyaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ samucchinnattā. Ye ca pana pahāya mohaṃ sabbaso samugghātetvā bhavarāgānusayañca pajahanti, te puna upenti gabbhaseyyanti vattabbameva natthi. Kasmā? Parinibbānagatā hi sītibhūtā, te hi uttamapurisā anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbānaṃ gatā evaṃ idheva sabbavedayitānaṃ sabbapariḷāhānaṃ byantibhāvena sītibhūtā.

    อิติ เทวปุโตฺต อตฺตโน อริยโสตสมาปนฺนภาวํ ปเวเทโนฺต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา เทสนาย กูฎํ คเหตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อปจิติํ ทเสฺสตฺวา มาตาปิตโร อาปุจฺฉิตฺวา เทวโลกเมว คโต, สตฺถาปิ อุฎฺฐายาสนา คโต สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนฯ มาณวสฺส ปน มาตาปิตโร พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ สโพฺพ จ มหาชโน ภควนฺตํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติฯ ภควา เชตวนํ คนฺตฺวา สนฺนิปติตาย ปริสาย อิมํ วิมานํ วิตฺถารโต กเถสิฯ สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ

    Iti devaputto attano ariyasotasamāpannabhāvaṃ pavedento anupādisesāya nibbānadhātuyā desanāya kūṭaṃ gahetvā bhagavantaṃ vanditvā padakkhiṇaṃ katvā bhikkhusaṅghassa apacitiṃ dassetvā mātāpitaro āpucchitvā devalokameva gato, satthāpi uṭṭhāyāsanā gato saddhiṃ bhikkhusaṅghena. Māṇavassa pana mātāpitaro brāhmaṇo pokkharasāti sabbo ca mahājano bhagavantaṃ anugantvā nivatti. Bhagavā jetavanaṃ gantvā sannipatitāya parisāya imaṃ vimānaṃ vitthārato kathesi. Sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.

    ฉตฺตมาณวกวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Chattamāṇavakavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๓. ฉตฺตมาณวกวิมานวตฺถุ • 3. Chattamāṇavakavimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact