Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi |
๓. ฉตฺตมาณวกวิมานวตฺถุ
3. Chattamāṇavakavimānavatthu
๘๘๖.
886.
‘‘เย วทตํ ปวโร มนุเชสุ, สกฺยมุนี ภควา กตกิโจฺจ;
‘‘Ye vadataṃ pavaro manujesu, sakyamunī bhagavā katakicco;
ปารคโต พลวีริยสมงฺคี 1, ตํ สุคตํ สรณตฺถมุเปหิฯ
Pāragato balavīriyasamaṅgī 2, taṃ sugataṃ saraṇatthamupehi.
๘๘๗.
887.
‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ, ธมฺมมสงฺขตมปฺปฎิกูลํ;
‘‘Rāgavirāgamanejamasokaṃ, dhammamasaṅkhatamappaṭikūlaṃ;
มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ, ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหิฯ
Madhuramimaṃ paguṇaṃ suvibhattaṃ, dhammamimaṃ saraṇatthamupehi.
๘๘๘.
888.
‘‘ยตฺถ จ ทินฺน มหปฺผลมาหุ, จตูสุ สุจีสุ ปุริสยุเคสุ;
‘‘Yattha ca dinna mahapphalamāhu, catūsu sucīsu purisayugesu;
อฎฺฐ จ ปุคฺคลธมฺมทสา เต, สงฺฆมิมํ สรณตฺถมุเปหิฯ
Aṭṭha ca puggaladhammadasā te, saṅghamimaṃ saraṇatthamupehi.
๘๘๙.
889.
‘‘น ตถา ตปติ นเภ สูริโย, จโนฺท จ น ภาสติ น ผุโสฺส;
‘‘Na tathā tapati nabhe sūriyo, cando ca na bhāsati na phusso;
ยถา อตุลมิทํ มหปฺปภาสํ, โก นุ ตฺวํ ติทิวา มหิํ อุปาคาฯ
Yathā atulamidaṃ mahappabhāsaṃ, ko nu tvaṃ tidivā mahiṃ upāgā.
๘๙๐.
890.
‘‘ฉินฺทติ รํสี ปภงฺกรสฺส, สาธิกวีสติโยชนานิ อาภา;
‘‘Chindati raṃsī pabhaṅkarassa, sādhikavīsatiyojanāni ābhā;
รตฺติมปิ ยถา ทิวํ กโรติ, ปริสุทฺธํ วิมลํ สุภํ วิมานํฯ
Rattimapi yathā divaṃ karoti, parisuddhaṃ vimalaṃ subhaṃ vimānaṃ.
๘๙๑.
891.
‘‘พหุปทุมวิจิตฺรปุณฺฑรีกํ, โวกิณฺณํ กุสุเมหิ เนกจิตฺตํ;
‘‘Bahupadumavicitrapuṇḍarīkaṃ, vokiṇṇaṃ kusumehi nekacittaṃ;
อรชวิรชเหมชาลฉนฺนํ, อากาเส ตปติ ยถาปิ สูริโยฯ
Arajavirajahemajālachannaṃ, ākāse tapati yathāpi sūriyo.
๘๙๒.
892.
‘‘รตฺตมฺพรปีตวสสาหิ, อครุปิยงฺคุจนฺทนุสฺสทาหิ;
‘‘Rattambarapītavasasāhi, agarupiyaṅgucandanussadāhi;
กญฺจนตนุสนฺนิภตฺตจาหิ, ปริปูรํ คคนํว ตารกาหิฯ
Kañcanatanusannibhattacāhi, paripūraṃ gaganaṃva tārakāhi.
๘๙๓.
893.
‘‘นรนาริโย 3 พหุเกตฺถเนกวณฺณา, กุสุมวิภูสิตาภรเณตฺถ สุมนา;
‘‘Naranāriyo 4 bahuketthanekavaṇṇā, kusumavibhūsitābharaṇettha sumanā;
๘๙๔.
894.
‘‘กิสฺส สํยมสฺส 9 อยํ วิปาโก, เกนาสิ กมฺมผเลนิธูปปโนฺน;
‘‘Kissa saṃyamassa 10 ayaṃ vipāko, kenāsi kammaphalenidhūpapanno;
ยถา จ เต อธิคตมิทํ วิมานํ, ตทนุปทํ อวจาสิ อิงฺฆ ปุโฎฺฐ’’ติฯ
Yathā ca te adhigatamidaṃ vimānaṃ, tadanupadaṃ avacāsi iṅgha puṭṭho’’ti.
๘๙๕.
895.
‘‘สยมิธ 11 ปเถ สเมจฺจ มาณเวน, สตฺถานุสาสิ อนุกมฺปมาโน;
‘‘Sayamidha 12 pathe samecca māṇavena, satthānusāsi anukampamāno;
ตว รตนวรสฺส ธมฺมํ สุตฺวา, กริสฺสามีติ จ พฺรวิตฺถ ฉโตฺตฯ
Tava ratanavarassa dhammaṃ sutvā, karissāmīti ca bravittha chatto.
๘๙๖.
896.
โนติ ปฐมํ อโวจหํ 17 ภเนฺต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสิํฯ
Noti paṭhamaṃ avocahaṃ 18 bhante, pacchā te vacanaṃ tathevakāsiṃ.
๘๙๗.
897.
‘‘มา จ ปาณวธํ วิวิธํ จรสฺสุ อสุจิํ,
‘‘Mā ca pāṇavadhaṃ vividhaṃ carassu asuciṃ,
น หิ ปาเณสุ อสญฺญตํ อวณฺณยิํสุ สปฺปญฺญา;
Na hi pāṇesu asaññataṃ avaṇṇayiṃsu sappaññā;
โนติ ปฐมํ อโวจหํ ภเนฺต,
Noti paṭhamaṃ avocahaṃ bhante,
ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสิํฯ
Pacchā te vacanaṃ tathevakāsiṃ.
๘๙๘.
898.
‘‘มา จ ปรชนสฺส รกฺขิตมฺปิ, อาทาตพฺพมมญฺญิโถ 19 อทินฺนํ;
‘‘Mā ca parajanassa rakkhitampi, ādātabbamamaññitho 20 adinnaṃ;
โนติ ปฐมํ อโวจหํ ภเนฺต, ปจฺฉา วจนํ ตเถวกาสิํฯ
Noti paṭhamaṃ avocahaṃ bhante, pacchā vacanaṃ tathevakāsiṃ.
๘๙๙.
899.
‘‘มา จ ปรชนสฺส รกฺขิตาโย, ปรภริยา อคมา อนริยเมตํ;
‘‘Mā ca parajanassa rakkhitāyo, parabhariyā agamā anariyametaṃ;
โนติ ปฐมํ อโวจหํ ภเนฺต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสิํ;
Noti paṭhamaṃ avocahaṃ bhante, pacchā te vacanaṃ tathevakāsiṃ;
๙๐๐.
900.
‘‘มา จ วิตถํ อญฺญถา อภาณิ,
‘‘Mā ca vitathaṃ aññathā abhāṇi,
น หิ มุสาวาทํ อวณฺณยิํสุ สปฺปญฺญา;
Na hi musāvādaṃ avaṇṇayiṃsu sappaññā;
โนติ ปฐมํ อโวจหํ ภเนฺต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสิํฯ
Noti paṭhamaṃ avocahaṃ bhante, pacchā te vacanaṃ tathevakāsiṃ.
๙๐๑.
901.
‘‘เยน จ ปุริสสฺส อเปติ สญฺญา, ตํ มชฺชํ ปริวชฺชยสฺสุ สพฺพํ;
‘‘Yena ca purisassa apeti saññā, taṃ majjaṃ parivajjayassu sabbaṃ;
โนติ ปฐมํ อโวจหํ ภเนฺต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสิํฯ
Noti paṭhamaṃ avocahaṃ bhante, pacchā te vacanaṃ tathevakāsiṃ.
๙๐๒.
902.
‘‘สฺวาหํ อิธ ปญฺจ สิกฺขา กริตฺวา, ปฎิปชฺชิตฺวา ตถาคตสฺส ธเมฺม;
‘‘Svāhaṃ idha pañca sikkhā karitvā, paṭipajjitvā tathāgatassa dhamme;
เทฺวปถมคมาสิํ โจรมเชฺฌ, เต มํ ตตฺถ วธิํสุ โภคเหตุฯ
Dvepathamagamāsiṃ coramajjhe, te maṃ tattha vadhiṃsu bhogahetu.
๙๐๓.
903.
‘‘เอตฺตกมิทํ อนุสฺสรามิ กุสลํ, ตโต ปรํ น เม วิชฺชติ อญฺญํ;
‘‘Ettakamidaṃ anussarāmi kusalaṃ, tato paraṃ na me vijjati aññaṃ;
๙๐๔.
904.
‘‘ปสฺส ขณมุหุตฺตสญฺญมสฺส, อนุธมฺมปฺปฎิปตฺติยา วิปากํ;
‘‘Passa khaṇamuhuttasaññamassa, anudhammappaṭipattiyā vipākaṃ;
ชลมิว ยสสา สเมกฺขมานา, พหุกา มํ ปิหยนฺติ หีนกมฺมาฯ
Jalamiva yasasā samekkhamānā, bahukā maṃ pihayanti hīnakammā.
๙๐๕.
905.
‘‘ปสฺส กติปยาย เทสนาย, สุคติญฺจมฺหิ คโต สุขญฺจ ปโตฺต;
‘‘Passa katipayāya desanāya, sugatiñcamhi gato sukhañca patto;
เย จ เต สตตํ สุณนฺติ ธมฺมํ, มเญฺญ เต อมตํ ผุสนฺติ เขมํฯ
Ye ca te satataṃ suṇanti dhammaṃ, maññe te amataṃ phusanti khemaṃ.
๙๐๖.
906.
‘‘อปฺปมฺปิ กตํ มหาวิปากํ, วิปุลํ โหติ 25 ตถาคตสฺส ธเมฺม;
‘‘Appampi kataṃ mahāvipākaṃ, vipulaṃ hoti 26 tathāgatassa dhamme;
ปสฺส กตปุญฺญตาย ฉโตฺต, โอภาเสติ ปถวิํ ยถาปิ สูริโยฯ
Passa katapuññatāya chatto, obhāseti pathaviṃ yathāpi sūriyo.
๙๐๗.
907.
‘‘กิมิทํ กุสลํ กิมาจเรม, อิเจฺจเก หิ สเมจฺจ มนฺตยนฺติ;
‘‘Kimidaṃ kusalaṃ kimācarema, icceke hi samecca mantayanti;
เต มยํ ปุนเรว 27 ลทฺธ มานุสตฺตํ, ปฎิปนฺนา วิหเรมุ สีลวโนฺตฯ
Te mayaṃ punareva 28 laddha mānusattaṃ, paṭipannā viharemu sīlavanto.
๙๐๘.
908.
‘‘พหุกาโร อนุกมฺปโก จ สตฺถา, อิติ เม สติ อคมา ทิวา ทิวสฺส;
‘‘Bahukāro anukampako ca satthā, iti me sati agamā divā divassa;
สฺวาหํ อุปคโตมฺหิ สจฺจนามํ, อนุกมฺปสฺสุ ปุนปิ สุเณมุ 29 ธมฺมํฯ
Svāhaṃ upagatomhi saccanāmaṃ, anukampassu punapi suṇemu 30 dhammaṃ.
๙๐๙.
909.
‘‘เย จิธ 31 ปชหนฺติ กามราคํ, ภวราคานุสยญฺจ ปหาย โมหํ;
‘‘Ye cidha 32 pajahanti kāmarāgaṃ, bhavarāgānusayañca pahāya mohaṃ;
น จ เต ปุนมุเปนฺติ คพฺภเสยฺยํ, ปรินิพฺพานคตา หิ สีติภูตา’’ติฯ
Na ca te punamupenti gabbhaseyyaṃ, parinibbānagatā hi sītibhūtā’’ti.
ฉตฺตมาณวกวิมานํ ตติยํฯ
Chattamāṇavakavimānaṃ tatiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā / ๓. ฉตฺตมาณวกวิมานวณฺณนา • 3. Chattamāṇavakavimānavaṇṇanā