Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā |
๖. ฉฎฺฐนโย สมฺปโยควิปฺปโยคปทวณฺณนา
6. Chaṭṭhanayo sampayogavippayogapadavaṇṇanā
๒๒๘. สมฺปโยควิปฺปโยคปเท ยํ ลพฺภติ, ยญฺจ น ลพฺภติ, ตํ สพฺพํ ปุจฺฉาย คหิตนฺติ อิทํ น รูปกฺขนฺธาทีนิ ปทานิ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข สมฺปโยคปทํ วิปฺปโยคปทญฺจาติ เวทิตพฺพํฯ รูปกฺขนฺธาทีสุ หิ ยํ ธมฺมายตนาทิปทํ น ลพฺภติ, ตํ ปุจฺฉายปิ น คหิตํฯ สมฺปโยคปทํ ปน รูปกฺขนฺธาทีสุ อลพฺภมานมฺปิ ‘‘รูปกฺขโนฺธ กติหิ…เป.… สมฺปยุโตฺต’’ติ เอวํ ปุจฺฉาย คหิตํ, เวทนากฺขนฺธาทีสุ ลพฺภมานํ, วิปฺปโยคปทํ ปน สพฺพตฺถ ลพฺภมานเมวาติฯ รูปธมฺมานํ ปน รูเปน นิพฺพาเนน วา, นิพฺพานสฺส จ รูเปน สทฺธิํ สมฺปโยโค นาม นตฺถีติ เอกุปฺปาทาทิสภาคตาย อภาวโต สมฺปโยคํ นิวาเรเนฺตน สา เอว เอกุปฺปาทาทิตา เอเตสํ วิสภาคตาติ ตทภาวโต วิปฺปโยโคปิ นิวาริโต เอว โหตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ จตูสุ หิ ขเนฺธสุ วิชฺชมานา เอกุปฺปาทาทิตา เตสํ อญฺญมญฺญํ สภาคตา โหติ รูปนิพฺพาเนหิ เตสํ เตหิ จ รูปนิพฺพานานํ วิสภาคตา จ, น จ รูเปกเทสสฺส นิพฺพานสฺส วา สา เอกุปฺปาทาทิตา อตฺถิ, ยา รูเปกเทเสน รูเปกเทสนิพฺพานานํ นิพฺพาเนน จ รูปสฺส วิสภาคตา สิยาฯ เตเนว ‘‘จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ วุตฺตนฺติฯ
228. Sampayogavippayogapade yaṃ labbhati, yañca na labbhati, taṃ sabbaṃ pucchāya gahitanti idaṃ na rūpakkhandhādīni padāni sandhāya vuttaṃ, atha kho sampayogapadaṃ vippayogapadañcāti veditabbaṃ. Rūpakkhandhādīsu hi yaṃ dhammāyatanādipadaṃ na labbhati, taṃ pucchāyapi na gahitaṃ. Sampayogapadaṃ pana rūpakkhandhādīsu alabbhamānampi ‘‘rūpakkhandho katihi…pe… sampayutto’’ti evaṃ pucchāya gahitaṃ, vedanākkhandhādīsu labbhamānaṃ, vippayogapadaṃ pana sabbattha labbhamānamevāti. Rūpadhammānaṃ pana rūpena nibbānena vā, nibbānassa ca rūpena saddhiṃ sampayogo nāma natthīti ekuppādādisabhāgatāya abhāvato sampayogaṃ nivārentena sā eva ekuppādāditā etesaṃ visabhāgatāti tadabhāvato vippayogopi nivārito eva hotīti daṭṭhabbo. Catūsu hi khandhesu vijjamānā ekuppādāditā tesaṃ aññamaññaṃ sabhāgatā hoti rūpanibbānehi tesaṃ tehi ca rūpanibbānānaṃ visabhāgatā ca, na ca rūpekadesassa nibbānassa vā sā ekuppādāditā atthi, yā rūpekadesena rūpekadesanibbānānaṃ nibbānena ca rūpassa visabhāgatā siyā. Teneva ‘‘catūhi vippayogo’’ti vuttanti.
สตฺตสุ วิญฺญาณธาตูสุ เอกายปิ อวิปฺปยุเตฺตติ ยถา รูปภโว ตีหิ วิญฺญาณธาตูหิ, เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมา ปญฺจหิ, อวิตกฺกอวิจารา เอกาย วิปฺปยุเตฺต อนารมฺมณมิสฺสเก ธเมฺม ทีเปนฺติ, เอวํ อทีเปตฺวา เอกายปิ วิปฺปยุเตฺต อโหเนฺต สตฺตหิปิ สมฺปยุเตฺต สตฺตปิ วา ตา ทีเปนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ อวิปฺปยุเตฺตติ หิ เย วิปฺปยุตฺตา น โหนฺติ, เต ธเมฺมติ วุตฺตํ โหติ, น สมฺปยุเตฺตติฯ เตน ยานิ ตาหิ สมฺปยุเตฺต ทีเปนฺติ ธมฺมายตนาทิปทานิ, ยานิ จ สมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตภาเวหิ นวตฺตพฺพํ ทีเปนฺติ อเจตสิกาทิปทานิ, ยานิ จ สมฺปยุตฺตนวตฺตพฺพานิ ทีเปนฺติ ทุกฺขสจฺจาทิปทานิ, เตสํ สเพฺพสํ อนารมฺมณมิสฺสกธมฺมทีปกานํ อคฺคหณํ วุตฺตํ โหติฯ น หิ อนารมฺมณมิสฺสกสพฺพวิญฺญาณธาตุตํสมฺปยุตฺตตทุภยสมุทายานํ ขนฺธายตนธาตูสุ เกนจิ สมฺปโยโค วิปฺปโยโค วา อตฺถีติฯ
Sattasuviññāṇadhātūsu ekāyapi avippayutteti yathā rūpabhavo tīhi viññāṇadhātūhi, nevavipākanavipākadhammadhammā pañcahi, avitakkaavicārā ekāya vippayutte anārammaṇamissake dhamme dīpenti, evaṃ adīpetvā ekāyapi vippayutte ahonte sattahipi sampayutte sattapi vā tā dīpentīti adhippāyo. Avippayutteti hi ye vippayuttā na honti, te dhammeti vuttaṃ hoti, na sampayutteti. Tena yāni tāhi sampayutte dīpenti dhammāyatanādipadāni, yāni ca sampayuttavippayuttabhāvehi navattabbaṃ dīpenti acetasikādipadāni, yāni ca sampayuttanavattabbāni dīpenti dukkhasaccādipadāni, tesaṃ sabbesaṃ anārammaṇamissakadhammadīpakānaṃ aggahaṇaṃ vuttaṃ hoti. Na hi anārammaṇamissakasabbaviññāṇadhātutaṃsampayuttatadubhayasamudāyānaṃ khandhāyatanadhātūsu kenaci sampayogo vippayogo vā atthīti.
ยทิ เอวํ วิปฺปยุเตฺตนวิปฺปยุตฺตปทนิเทฺทเส ‘‘กุสเลหิ ธเมฺมหิ เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา, เตหิ ธเมฺมหิ เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา’’ติ น วตฺตพฺพํฯ อกุสลาพฺยากตา หิ อนารมฺมณมิโสฺสภยธมฺมาติ? น, ยถาวุตฺตสมุทายานํ ขนฺธาทีเหว สมฺปโยควิปฺปโยคาภาววจนโตฯ ขนฺธาทโย หิ ตเทกเทสา ตเทกเทสญฺญสมุทายา จ, สมุทาเยกเทสานญฺจ วิภาคาภาวโต น สภาควิสภาคตา อตฺถิ, เตน เตสํ ขนฺธาทีหิ สมฺปโยควิปฺปโยคาภาโว โหติฯ กุสลา ปน ธมฺมา อกุสลาพฺยากเตหิ วิภตฺตา, เต จ กุสเลหิ, น เตสํ สมุทาเยกเทสภาโว ตเทกเทสญฺญสมุทายภาโว วา, ตสฺมา ขนฺธาทีนิ อนามสิตฺวา วิปฺปยุตฺตตามเตฺตน ยถานิทฺธาริตธมฺมทสฺสเน กุสเลหิ อิตเรสํ, อิตเรหิ จ กุสลานํ วิปฺปโยโค น น โหติ วิสภาคตาสพฺภาวโตติ เตสํ อญฺญมญฺญวิปฺปยุตฺตตา วุตฺตาฯ เอส นโย สเพฺพสุ เอวรูเปสุฯ
Yadi evaṃ vippayuttenavippayuttapadaniddese ‘‘kusalehi dhammehi ye dhammā vippayuttā, tehi dhammehi ye dhammā vippayuttā’’ti na vattabbaṃ. Akusalābyākatā hi anārammaṇamissobhayadhammāti? Na, yathāvuttasamudāyānaṃ khandhādīheva sampayogavippayogābhāvavacanato. Khandhādayo hi tadekadesā tadekadesaññasamudāyā ca, samudāyekadesānañca vibhāgābhāvato na sabhāgavisabhāgatā atthi, tena tesaṃ khandhādīhi sampayogavippayogābhāvo hoti. Kusalā pana dhammā akusalābyākatehi vibhattā, te ca kusalehi, na tesaṃ samudāyekadesabhāvo tadekadesaññasamudāyabhāvo vā, tasmā khandhādīni anāmasitvā vippayuttatāmattena yathāniddhāritadhammadassane kusalehi itaresaṃ, itarehi ca kusalānaṃ vippayogo na na hoti visabhāgatāsabbhāvatoti tesaṃ aññamaññavippayuttatā vuttā. Esa nayo sabbesu evarūpesu.
อุทฺทาเน ปน อฎฺฐารส ตโต ปเรติ อิทํ ‘‘โสฬสา’’ติ วตฺตพฺพํ, เตวีสนฺติ อิทญฺจ ‘‘เอกวีส’’นฺติฯ สพฺพตฺถ จ กาลสนฺตานเภทรหิตารหิตพหุธมฺมสโมธานานํ สงฺขารกฺขนฺธธมฺมายตนธมฺมธาตูนํ เอกเทสา สมุทยสจฺจเวทนากฺขนฺธาทโย เอกเทสสมฺมิสฺสา จ อิทฺธิปาทาทโย อนารมฺมเณหิ อสมฺมิสฺสา รูปกฺขนฺธาทโย จ สารมฺมเณหิ อสมฺมิสฺสา สมฺปโยคีวิปฺปโยคีภาเวน สมานกาลสนฺตาเนหิ จ เอกเทสนฺตเรหิ วิภตฺตา เอว คหิตาติ เตหิ เต เกหิจิ เอกเทสนฺตเรหิ วิภเตฺตหิ ยถาโยคํ สมฺปโยคํ วิปฺปโยคญฺจ ลภนฺติฯ อตฺถิ หิ เตสํ เอกุปฺปาทาทิตา สภาคตา วิสภาคตา จาติฯ เตน ตตฺถ ตตฺถ ‘‘เอเกน ขเนฺธน เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา เกหิจิ สมฺปยุตฺต’’นฺติ จ, ‘‘เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา เกหิจิ วิปฺปยุตฺต’’นฺติ จ วุตฺตํฯ ภินฺนกาลสมุทายา เอว ปน เวทนาสญฺญาวิญฺญาณกฺขนฺธา วตฺตมานา จ เอเกกธมฺมา เอว, ตสฺมา เตสํ สมานกาลสฺส วิภชิตพฺพสฺส อภาวโต น สุขินฺทฺริยาทีนิ เวทนากฺขนฺธสฺส วิภาคํ กโรนฺติ, จกฺขุวิญฺญาณธาตาทโย จ วิญฺญาณกฺขนฺธสฺส มนายตนสฺส จฯ เตน ‘‘สุขินฺทฺริยํ เอเกน ขเนฺธน เกหิจิ วิปฺปยุตฺต’’นฺติ, ‘‘จกฺขุวิญฺญาณธาตุ เอเกน ขเนฺธน เอเกนายตเนน เกหิจิ วิปฺปยุตฺตา’’ติ จ เอวมาทิ น วุตฺตํ, ขนฺธายตนวิภาควิรหิตมฺปิ ปน วิญฺญาณํ ธาตุวิภาเคน วิภตฺตเมว วุตฺตนฺติ ‘‘จกฺขุวิญฺญาณธาตุ…เป.… มโนวิญฺญาณธาตุ โสฬสหิ ธาตูหิ วิปฺปยุตฺตา’’ติ วุตฺตํ, เอวเมวํ อินฺทฺริยวิภาเคน วิภตฺตานํ สุขินฺทฺริยาทีนํ ‘‘สุขินฺทฺริเยน เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา’’ติอาทีสุ ยถาโยคํ วิปฺปโยโค ทฎฺฐโพฺพ, นาวิภตฺตสฺส เวทนากฺขนฺธสฺสาติฯ
Uddāne pana aṭṭhārasa tato pareti idaṃ ‘‘soḷasā’’ti vattabbaṃ, tevīsanti idañca ‘‘ekavīsa’’nti. Sabbattha ca kālasantānabhedarahitārahitabahudhammasamodhānānaṃ saṅkhārakkhandhadhammāyatanadhammadhātūnaṃ ekadesā samudayasaccavedanākkhandhādayo ekadesasammissā ca iddhipādādayo anārammaṇehi asammissā rūpakkhandhādayo ca sārammaṇehi asammissā sampayogīvippayogībhāvena samānakālasantānehi ca ekadesantarehi vibhattā eva gahitāti tehi te kehici ekadesantarehi vibhattehi yathāyogaṃ sampayogaṃ vippayogañca labhanti. Atthi hi tesaṃ ekuppādāditā sabhāgatā visabhāgatā cāti. Tena tattha tattha ‘‘ekena khandhena ekenāyatanena ekāya dhātuyā kehici sampayutta’’nti ca, ‘‘ekenāyatanena ekāya dhātuyā kehici vippayutta’’nti ca vuttaṃ. Bhinnakālasamudāyā eva pana vedanāsaññāviññāṇakkhandhā vattamānā ca ekekadhammā eva, tasmā tesaṃ samānakālassa vibhajitabbassa abhāvato na sukhindriyādīni vedanākkhandhassa vibhāgaṃ karonti, cakkhuviññāṇadhātādayo ca viññāṇakkhandhassa manāyatanassa ca. Tena ‘‘sukhindriyaṃ ekena khandhena kehici vippayutta’’nti, ‘‘cakkhuviññāṇadhātu ekena khandhena ekenāyatanena kehici vippayuttā’’ti ca evamādi na vuttaṃ, khandhāyatanavibhāgavirahitampi pana viññāṇaṃ dhātuvibhāgena vibhattameva vuttanti ‘‘cakkhuviññāṇadhātu…pe… manoviññāṇadhātu soḷasahi dhātūhi vippayuttā’’ti vuttaṃ, evamevaṃ indriyavibhāgena vibhattānaṃ sukhindriyādīnaṃ ‘‘sukhindriyena ye dhammā vippayuttā’’tiādīsu yathāyogaṃ vippayogo daṭṭhabbo, nāvibhattassa vedanākkhandhassāti.
๒๓๕. ยถา ตํสมฺปโยคีภาวํ สนฺธาย ‘‘สมุทยสจฺจํ ตีหิ ขเนฺธหิ สมฺปยุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ ตํวิปฺปโยคีภาวํ สนฺธาย ‘‘ตีหิ ขเนฺธหิ วิปฺปยุตฺต’’นฺติ กสฺมา น วุตฺตนฺติ เจ? อวิภาเคหิ เตหิ วิปฺปโยควจนสฺส อยุตฺตตฺตาฯ วิภาเค หิ สติ สมุทยสจฺจํ สุขทุกฺขโทมนสฺสินฺทฺริเยหิ มโนวิญฺญาณธาตุโต อญฺญวิญฺญาณธาตูหิ วิปฺปยุตฺตนฺติ ยุตฺตํ วตฺตุํ วิภาเคเนว วิสภาคตาย สงฺคหิตตฺตา, วิภาครหิเตหิ ปน เวทนากฺขนฺธาทีหิ น ยุตฺตํ, เตหิ วิชฺชมาเนหิ วิชฺชมานสฺส สมุทยสฺส วิสภาคภาวาภาวโตฯ ยญฺหิ อนุปฺปนฺนา ธมฺมา วิย อามฎฺฐกาลเภทํ น โหติ สงฺขตํ อุทฺธริตพฺพํ, ตํ ปจฺจุปฺปนฺนภาวํ นิสฺสาย สมฺปโยคีวิปฺปโยคีภาเวน อุทฺธรียติ, ตญฺจ วิภาครหิเตหิ ขนฺธาทีหิ สงฺขเตหิ ปจฺจุปฺปนฺนภาวเมว นิสฺสาย อนามฎฺฐกาลเภเท อตฺถิตาย เอว นิสฺสิตพฺพตฺตาฯ อวิชฺชมานสฺส หิ อวิชฺชมาเนน, อวิชฺชมานสฺส จ วิชฺชมาเนน, วิชฺชมานสฺส จ อวิชฺชมาเนน สมฺปโยโค นตฺถิ, วิปฺปโยโค ปน อวิชฺชมานตาทีปเก เภเท คหิเต เตเนว วิสภาคตาปิ คหิตา เอวาติ โหติ ฯ เภเท ปน อคฺคหิเต เตน เตน คหเณน วิสภาคตาย อคฺคหิตตฺตา สติ สภาคเตฺต วิชฺชมานตาย เอว ธมฺมานํ สภาคสฺส ปริจฺฉินฺทนโต วิชฺชมานตา ทสฺสิตาติ เอกุปฺปาทาทิภาวสงฺขาตา สภาคตาปิ คหิตา เอว โหติฯ ตสฺสา จ คหิตตฺตา สมฺปโยโคว ลพฺภติ, น วิปฺปโยโค, ตสฺมา สมุทยสจฺจํ เวทนากฺขนฺธาทีหิ สมฺปยุตฺตเตฺตน วุตฺตํ, น วิปฺปยุตฺตเตฺตนาติฯ เอส นโย มคฺคสจฺจาทีสุปีติฯ
235. Yathā taṃsampayogībhāvaṃ sandhāya ‘‘samudayasaccaṃ tīhi khandhehi sampayutta’’nti vuttaṃ, evaṃ taṃvippayogībhāvaṃ sandhāya ‘‘tīhi khandhehi vippayutta’’nti kasmā na vuttanti ce? Avibhāgehi tehi vippayogavacanassa ayuttattā. Vibhāge hi sati samudayasaccaṃ sukhadukkhadomanassindriyehi manoviññāṇadhātuto aññaviññāṇadhātūhi vippayuttanti yuttaṃ vattuṃ vibhāgeneva visabhāgatāya saṅgahitattā, vibhāgarahitehi pana vedanākkhandhādīhi na yuttaṃ, tehi vijjamānehi vijjamānassa samudayassa visabhāgabhāvābhāvato. Yañhi anuppannā dhammā viya āmaṭṭhakālabhedaṃ na hoti saṅkhataṃ uddharitabbaṃ, taṃ paccuppannabhāvaṃ nissāya sampayogīvippayogībhāvena uddharīyati, tañca vibhāgarahitehi khandhādīhi saṅkhatehi paccuppannabhāvameva nissāya anāmaṭṭhakālabhede atthitāya eva nissitabbattā. Avijjamānassa hi avijjamānena, avijjamānassa ca vijjamānena, vijjamānassa ca avijjamānena sampayogo natthi, vippayogo pana avijjamānatādīpake bhede gahite teneva visabhāgatāpi gahitā evāti hoti . Bhede pana aggahite tena tena gahaṇena visabhāgatāya aggahitattā sati sabhāgatte vijjamānatāya eva dhammānaṃ sabhāgassa paricchindanato vijjamānatā dassitāti ekuppādādibhāvasaṅkhātā sabhāgatāpi gahitā eva hoti. Tassā ca gahitattā sampayogova labbhati, na vippayogo, tasmā samudayasaccaṃ vedanākkhandhādīhi sampayuttattena vuttaṃ, na vippayuttattenāti. Esa nayo maggasaccādīsupīti.
๒๖๒. ‘‘ทุติยชฺฌานวิจารญฺหิ ฐเปตฺวา เสสา อวิตกฺกวิจารมตฺตา’’ติ อฎฺฐกถาวจนํ เย ปธานา วิตโกฺก วิย โกฎฺฐาสนฺตรจิตฺตุปฺปาเทสุ อลีนา, เต เอว อิธ อวิตกฺกวิจารมตฺตาติ อธิเปฺปตาติ ทเสฺสติฯ เตเนว หิ อนนฺตรนเย สมุทยสเจฺจน สมานคติกา น สวิตกฺกสวิจาเรหีติ เต น คหิตาฯ ทสโมสานนเยสุ จ เตหิ วิปฺปยุเตฺตหิ วิปฺปยุตฺตานํ เตหิ วิปฺปยุตฺตานญฺจ โสฬสหิ ธาตูหิ วิปฺปโยโค อฎฺฐารสสงฺคหิโต จ วุโตฺตฯ วิตกฺกสหิเตสุปิ ปน เตสุ คหิเตสุ สเพฺพปิ เต วิจาเรน สมฺปยุตฺตาติ ‘‘เอเกน ขเนฺธน เกหิจิ สมฺปยุตฺตา’’ติ สกฺกา วตฺตุํฯ โส หิ สมุทาโย วิจารํ วเชฺชตฺวา อเญฺญน เกนจิ สมฺปยุโตฺต น โหติฯ น หิ ตเทกเทสสฺส วิตกฺกสฺส วิจารโต อเญฺญน สมฺปโยโค สมุทายสฺส โหติฯ ยถา นานาจิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชมานานํ อิทฺธิปาทานํ สมุทายสฺส อิทฺธิปาทสฺส เอกเทสานํ ตีหิ ขเนฺธหิ สมฺปโยโค สมุทายสฺส น โหติ, เอวมิธาปิ ทฎฺฐพฺพํฯ ยถา ปน เตสุ เอโกปิ เวทนาสญฺญากฺขเนฺธหิ สงฺขารกฺขเนฺธกเทเสน จ อสมฺปยุโตฺต นาม นตฺถีติ สมุทายสฺส เตหิ สมฺปยุตฺตตา วุตฺตา, เอวมิธาปิ วิจาเรน อสมฺปยุตฺตสฺส อวิตกฺกวิจารมตฺตสฺส กสฺสจิ อภาวโต สมุทายสฺส เตน สมฺปยุตฺตตา น น สกฺกา วตฺตุํฯ น หิ อวิตกฺกวิจารมตฺตานํ ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกาทีนํ วิย สมฺปยุตฺตตา น วตฺตพฺพาฯ ยถา หิ ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุเกสุ เกจิ สงฺขารกฺขเนฺธกเทเสน โมเหน สมฺปยุตฺตา, เกจิ อสมฺปยุตฺตาติ น สมุทาโย เตน สมฺปยุโตฺต, นาปิ อโญฺญ โกจิ ธโมฺม อตฺถิ, เยน โส สมุทาโย สมฺปยุโตฺต สิยาติ ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกา ธมฺมา สมฺปยุตฺตาติ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ภาวนายปหาตพฺพเหตุกสเหตุกาทโยปิฯ น ปเนวํ เยน อวิตกฺกวิจารมตฺตสมุทาโย สมฺปยุโตฺต สิยา, ตํ นตฺถิ อวิตกฺกวิจารมเตฺตสุ กสฺสจิ วิจาเรน อสมฺปยุตฺตสฺส อภาวา, ตสฺมา เต ‘‘สมฺปยุตฺตา’’ติ น น วตฺตพฺพาติฯ สพฺพตฺถ จ เอกธเมฺมปิ เกหิจีติ พหุวจนนิเทฺทโส สงฺขาย อนิยมิตตฺตา กโตติ เวทิตโพฺพฯ
262. ‘‘Dutiyajjhānavicārañhi ṭhapetvā sesā avitakkavicāramattā’’ti aṭṭhakathāvacanaṃ ye padhānā vitakko viya koṭṭhāsantaracittuppādesu alīnā, te eva idha avitakkavicāramattāti adhippetāti dasseti. Teneva hi anantaranaye samudayasaccena samānagatikā na savitakkasavicārehīti te na gahitā. Dasamosānanayesu ca tehi vippayuttehi vippayuttānaṃ tehi vippayuttānañca soḷasahi dhātūhi vippayogo aṭṭhārasasaṅgahito ca vutto. Vitakkasahitesupi pana tesu gahitesu sabbepi te vicārena sampayuttāti ‘‘ekena khandhena kehici sampayuttā’’ti sakkā vattuṃ. So hi samudāyo vicāraṃ vajjetvā aññena kenaci sampayutto na hoti. Na hi tadekadesassa vitakkassa vicārato aññena sampayogo samudāyassa hoti. Yathā nānācittuppādesu uppajjamānānaṃ iddhipādānaṃ samudāyassa iddhipādassa ekadesānaṃ tīhi khandhehi sampayogo samudāyassa na hoti, evamidhāpi daṭṭhabbaṃ. Yathā pana tesu ekopi vedanāsaññākkhandhehi saṅkhārakkhandhekadesena ca asampayutto nāma natthīti samudāyassa tehi sampayuttatā vuttā, evamidhāpi vicārena asampayuttassa avitakkavicāramattassa kassaci abhāvato samudāyassa tena sampayuttatā na na sakkā vattuṃ. Na hi avitakkavicāramattānaṃ dassanenapahātabbahetukādīnaṃ viya sampayuttatā na vattabbā. Yathā hi dassanenapahātabbahetukesu keci saṅkhārakkhandhekadesena mohena sampayuttā, keci asampayuttāti na samudāyo tena sampayutto, nāpi añño koci dhammo atthi, yena so samudāyo sampayutto siyāti ‘‘dassanenapahātabbahetukā dhammā sampayuttāti natthī’’ti vuttaṃ, evaṃ bhāvanāyapahātabbahetukasahetukādayopi. Na panevaṃ yena avitakkavicāramattasamudāyo sampayutto siyā, taṃ natthi avitakkavicāramattesu kassaci vicārena asampayuttassa abhāvā, tasmā te ‘‘sampayuttā’’ti na na vattabbāti. Sabbattha ca ekadhammepi kehicīti bahuvacananiddeso saṅkhāya aniyamitattā katoti veditabbo.
ฉฎฺฐนยสมฺปโยควิปฺปโยคปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Chaṭṭhanayasampayogavippayogapadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธาตุกถาปาฬิ • Dhātukathāpāḷi / ๖. สมฺปโยควิปฺปโยคปทนิเทฺทโส • 6. Sampayogavippayogapadaniddeso
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๖. ฉฎฺฐนโย สมฺปโยควิปฺปโยคปทวณฺณนา • 6. Chaṭṭhanayo sampayogavippayogapadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๖. ฉฎฺฐนโย สมฺปโยควิปฺปโยคปทวณฺณนา • 6. Chaṭṭhanayo sampayogavippayogapadavaṇṇanā