Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā |
๖. ฉฎฺฐนโย สมฺปโยควิปฺปโยคปทวณฺณนา
6. Chaṭṭhanayo sampayogavippayogapadavaṇṇanā
๒๒๘. ‘‘ตตฺถา’’ติ อิมินา ‘‘สมฺปโยควิปฺปโยคปทํ ภาเชตฺวา’’ติ เอตฺถ สมฺปโยควิปฺปโยคปทํ ภาชิตํ, สํวเณฺณตพฺพตาย จ ปธานภูตํ ปจฺจามฎฺฐํ, น รูปกฺขนฺธาทิปทนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ ลพฺภติ…เป.… เวทิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปุน ‘‘รูปกฺขนฺธาทีสุ หี’’ติอาทินา ตมตฺถํ วิวรติฯ ตตฺถ น ลพฺภตีติ ‘‘สมฺปยุตฺตํ วิปฺปยุตฺต’’นฺติ วา คเหตุํ น ลพฺภติ, อลพฺภมานมฺปิ ปุจฺฉาย คหิตํ ปฎิเกฺขเปน วิสฺสเชฺชตุํฯ ปฎิเกฺขโปปิ หิ ปุจฺฉาย วิสฺสชฺชนเมวฯ ตถา หิ ยมเก (ยม. ๑.ขนฺธยมก.๕๙-๖๑) ‘‘ยสฺส รูปกฺขโนฺธ นุปฺปชฺชิตฺถ, ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ นุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ ปุจฺฉาย ‘‘นตฺถี’’ติ วิสฺสชฺชิตํฯ เตน ปเนตฺถ รูปธเมฺมสุ สมฺปโยคโฎฺฐ น ลพฺภตีติ อยมโตฺถ ทสฺสิโต โหติฯ อลพฺภมานมฺปิ สมฺปโยคปทํ คหิตนฺติ สมฺพโนฺธฯ สพฺพตฺถาติ รูปกฺขนฺธเวทนากฺขนฺธาทีสุฯ เอเตสนฺติ รูปนิพฺพานานํฯ วิสภาคตาติ อตํสภาคตาฯ เอกุปฺปาทาทิภาโว หิ สมฺปโยเค สภาคตา, น สงฺคเห วิย สมานสภาคตา, ตสฺมา เอกุปฺปาทาทิภาวรหิตานํ รูปนิพฺพานานํ สา เอกุปฺปาทาทิตา วิสภาคตา วุตฺตาฯ ตทภาวโตติ ตสฺสา วิสภาคตาย เอกุปฺปาทาทิตาย อภาวโตฯ วิปฺปโยโคปิ นิวาริโต เอว โหติ, วิสภาโค ภาโว วิปฺปโยโคติ วุโตฺตวายมโตฺถติฯ ‘‘จตูสุ หี’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กโรติฯ ตตฺถ เตสํ เตหีติ จ อรูปกฺขเนฺธ เอว ปรามสติฯ วิสภาคตา จ โหติ รูปนิพฺพาเนสุ อวิชฺชมานตฺตาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘น จ รูเปกเทสสฺสา’’ติอาทิฯ เตเนวาติ จตุกฺขนฺธสภาคตฺตา เอวฯ
228. ‘‘Tatthā’’ti iminā ‘‘sampayogavippayogapadaṃ bhājetvā’’ti ettha sampayogavippayogapadaṃ bhājitaṃ, saṃvaṇṇetabbatāya ca padhānabhūtaṃ paccāmaṭṭhaṃ, na rūpakkhandhādipadanti dassento ‘‘yaṃ labbhati…pe… veditabba’’nti vatvā puna ‘‘rūpakkhandhādīsu hī’’tiādinā tamatthaṃ vivarati. Tattha na labbhatīti ‘‘sampayuttaṃ vippayutta’’nti vā gahetuṃ na labbhati, alabbhamānampi pucchāya gahitaṃ paṭikkhepena vissajjetuṃ. Paṭikkhepopi hi pucchāya vissajjanameva. Tathā hi yamake (yama. 1.khandhayamaka.59-61) ‘‘yassa rūpakkhandho nuppajjittha, tassa vedanākkhandho nuppajjitthā’’ti pucchāya ‘‘natthī’’ti vissajjitaṃ. Tena panettha rūpadhammesu sampayogaṭṭho na labbhatīti ayamattho dassito hoti. Alabbhamānampi sampayogapadaṃ gahitanti sambandho. Sabbatthāti rūpakkhandhavedanākkhandhādīsu. Etesanti rūpanibbānānaṃ. Visabhāgatāti ataṃsabhāgatā. Ekuppādādibhāvo hi sampayoge sabhāgatā, na saṅgahe viya samānasabhāgatā, tasmā ekuppādādibhāvarahitānaṃ rūpanibbānānaṃ sā ekuppādāditā visabhāgatā vuttā. Tadabhāvatoti tassā visabhāgatāya ekuppādāditāya abhāvato. Vippayogopi nivārito eva hoti, visabhāgo bhāvo vippayogoti vuttovāyamatthoti. ‘‘Catūsuhī’’tiādinā vuttamevatthaṃ pākaṭataraṃ karoti. Tattha tesaṃ tehīti ca arūpakkhandhe eva parāmasati. Visabhāgatā ca hoti rūpanibbānesu avijjamānattāti attho. Tenāha ‘‘na ca rūpekadesassā’’tiādi. Tenevāti catukkhandhasabhāgattā eva.
ตีหิ วิญฺญาณธาตูหีติ ฆานชิวฺหากายวิญฺญาณธาตูหิ วิปฺปยุเตฺต อนารมฺมณมิสฺสเก รูปธมฺมมิสฺสเก ธเมฺม ทีเปติ รูปภโวติ โยชนาฯ ปญฺจหีติ จกฺขุวิญฺญาณาทีหิ ปญฺจหิ วิญฺญาณธาตูหิฯ เอกาย มโนธาตุยาฯ น สมฺปยุเตฺตติ น สมฺปยุเตฺต เอวฯ ตถา หิ ‘‘วิปฺปยุเตฺต อโหเนฺต สตฺตหิปิ สมฺปยุเตฺต สตฺตปิ วา ตา’’ติ วุตฺตํฯ เตนาติ วิปฺปยุตฺตตาปฎิเกฺขเปนฯ ตาหีติ สตฺตวิญฺญาณธาตูหิฯ สมฺปยุเตฺต ทีเปนฺตีติ สมฺปยุเตฺต ทีเปนฺติเยว, น สมฺปยุเตฺต เอวาติ เอวมวธารณํ คเหตพฺพํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ สมฺปยุเตฺต เวทนาทิเกฯ สมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตภาเวหิ นวตฺตพฺพํ, ตํเยว วิญฺญาณธาตุสตฺตกํฯ สมฺปยุตฺตภาเวน นวตฺตพฺพานิ สมฺปยุตฺตนวตฺตพฺพานิ, ภินฺนสนฺตานิกานิ, นานากฺขณิกานิ จ อรูปานิปิ ธมฺมชาตานิฯ อนารมฺมณมิสฺสกสพฺพวิญฺญาณธาตุตํสมฺปยุตฺตา ธมฺมายตนาทิปเทหิ ทีเปตพฺพา, อนารมฺมณมิสฺสกสพฺพวิญฺญาณธาตุโย อเจตสิกาทิปเทหิ ทีเปตพฺพา, ตทุภยสมุทายา ทุกฺขสจฺจาทิปเทหิ ทีเปตพฺพาติ เวทิตพฺพาฯ
Tīhi viññāṇadhātūhīti ghānajivhākāyaviññāṇadhātūhi vippayutte anārammaṇamissake rūpadhammamissake dhamme dīpeti rūpabhavoti yojanā. Pañcahīti cakkhuviññāṇādīhi pañcahi viññāṇadhātūhi. Ekāya manodhātuyā. Na sampayutteti na sampayutte eva. Tathā hi ‘‘vippayutte ahonte sattahipi sampayutte sattapi vā tā’’ti vuttaṃ. Tenāti vippayuttatāpaṭikkhepena. Tāhīti sattaviññāṇadhātūhi. Sampayutte dīpentīti sampayutte dīpentiyeva, na sampayutte evāti evamavadhāraṇaṃ gahetabbaṃ. Esa nayo sesesupi. Sampayutte vedanādike. Sampayuttavippayuttabhāvehi navattabbaṃ, taṃyeva viññāṇadhātusattakaṃ. Sampayuttabhāvena navattabbāni sampayuttanavattabbāni, bhinnasantānikāni, nānākkhaṇikāni ca arūpānipi dhammajātāni. Anārammaṇamissakasabbaviññāṇadhātutaṃsampayuttā dhammāyatanādipadehi dīpetabbā, anārammaṇamissakasabbaviññāṇadhātuyo acetasikādipadehi dīpetabbā, tadubhayasamudāyā dukkhasaccādipadehi dīpetabbāti veditabbā.
ยทิ เอวนฺติ ยทิ อนารมฺมณมิสฺสานํ ธมฺมานํ วิปฺปโยโค นตฺถิฯ อนารมฺมณมิโสฺสภยธมฺมาติ รูปนิพฺพานสหิตสพฺพวิญฺญาณธาตุตํสมฺปยุตฺตธมฺมาฯ ขนฺธาทีเหวาติ ขนฺธายตนธาตูหิ เอว, น อรูปกฺขนฺธมเตฺตนฯ อรูปกฺขเนฺธเยว ปน สนฺธาย ‘‘เตหิ ธเมฺมหิ เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ นายํ โทโสติ ทเสฺสติฯ ตเทกเทสาติ ‘‘อนารมฺมณมิสฺสา’’ติอาทินา วุตฺตธมฺมสมุทายสฺส เอกเทสาฯ ตเทกเทสญฺญสมุทายาติ ตเสฺสว ยถาวุตฺตสฺส สมุทายสฺส เอกเทสา หุตฺวา อเญฺญสํ อวยวานํ รูปกฺขนฺธาทีนํ สมุทายภูตาฯ วิภาคาภาวโตติ เภทาภาวโตฯ เภโทติ เจตฺถ อจฺจนฺตเภโท อธิเปฺปโตฯ น หิ สมุทายาวยวานํ สามญฺญวิเสสานํ วิย อจฺจนฺตเภโท อตฺถิ เภทาเภทยุตฺตตฺตาฯ เตสํ อจฺจนฺตเภทเมว หิ สนฺธาย ‘‘สมุทายโนฺตคธานํ เอกเทสานํ น วิภาโค อตฺถี’’ติ สงฺคเหปิ วุตฺตํฯ เตนาติ อวิภาคสพฺภาวโต สภาควิสภาคตฺตาภาเวนฯ เตสนฺติ อนารมฺมณมิสฺสกสพฺพวิญฺญาณธาตุอาทีนํ ฯ เต จ อกุสลาพฺยากตาฯ เตสนฺติ กุสลากุสลาพฺยากตธมฺมานํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา วิภตฺตสภาวานํ น เตสํ สมุทาเยกเทสาทิภาโว, ตสฺมาฯ ยสฺมา ปน กุสลาทโย เอว ขนฺธาทโยติ ขนฺธาทิอามสเนน สมุทาเยกเทสาทิภาโว อาปโนฺน เอวาติ วุตฺตนเยน วิปฺปโยคาภาโว โหติ, ตสฺมา ตํ ปริหรโนฺต ‘‘ขนฺธาทีนิ อนามสิตฺวา’’ติอาทิมาหฯ เตสนฺติ กุสลาทีนํฯ อญฺญมญฺญวิปฺปยุตฺตตา วุตฺตา ‘‘กุสเลหิ ธเมฺมหิ เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา’’ติอาทินาฯ สเพฺพสูติ ทุติยาทิสพฺพปเญฺหสุฯ
Yadi evanti yadi anārammaṇamissānaṃ dhammānaṃ vippayogo natthi. Anārammaṇamissobhayadhammāti rūpanibbānasahitasabbaviññāṇadhātutaṃsampayuttadhammā. Khandhādīhevāti khandhāyatanadhātūhi eva, na arūpakkhandhamattena. Arūpakkhandheyeva pana sandhāya ‘‘tehi dhammehi ye dhammā vippayuttā’’ti vuttanti nāyaṃ dosoti dasseti. Tadekadesāti ‘‘anārammaṇamissā’’tiādinā vuttadhammasamudāyassa ekadesā. Tadekadesaññasamudāyāti tasseva yathāvuttassa samudāyassa ekadesā hutvā aññesaṃ avayavānaṃ rūpakkhandhādīnaṃ samudāyabhūtā. Vibhāgābhāvatoti bhedābhāvato. Bhedoti cettha accantabhedo adhippeto. Na hi samudāyāvayavānaṃ sāmaññavisesānaṃ viya accantabhedo atthi bhedābhedayuttattā. Tesaṃ accantabhedameva hi sandhāya ‘‘samudāyantogadhānaṃ ekadesānaṃ na vibhāgo atthī’’ti saṅgahepi vuttaṃ. Tenāti avibhāgasabbhāvato sabhāgavisabhāgattābhāvena. Tesanti anārammaṇamissakasabbaviññāṇadhātuādīnaṃ . Te ca akusalābyākatā. Tesanti kusalākusalābyākatadhammānaṃ. Tasmāti yasmā vibhattasabhāvānaṃ na tesaṃ samudāyekadesādibhāvo, tasmā. Yasmā pana kusalādayo eva khandhādayoti khandhādiāmasanena samudāyekadesādibhāvo āpanno evāti vuttanayena vippayogābhāvo hoti, tasmā taṃ pariharanto ‘‘khandhādīni anāmasitvā’’tiādimāha. Tesanti kusalādīnaṃ. Aññamaññavippayuttatā vuttā ‘‘kusalehi dhammehi ye dhammā vippayuttā’’tiādinā. Sabbesūti dutiyādisabbapañhesu.
ฉตฺติํสาย ปิฎฺฐิทุกปเทสุ วีสติ ทุกปทานิ อิมสฺมิํ นเย ลพฺภนฺติ, อวสิฎฺฐานิ โสฬเสวาติ อาห ‘‘โสฬสาติ วตฺตพฺพ’’นฺติฯ ตโต เอว ‘‘เตวีสปทสต’’นฺติ เอตฺถ ‘‘เตวีส’’นฺติ อิทญฺจ ‘‘เอกวีส’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ โยชนาฯ สพฺพตฺถาติ สพฺพปเญฺหสุฯ เอกกาเลกสนฺตานานํ ภินฺนกาลภินฺนสนฺตานานญฺจ อเนเกสํ ธมฺมานํ สมุทายภูตา สงฺขารกฺขนฺธธมฺมายตนธมฺมธาตุโยติ อาห ‘‘กาลสนฺตาน…เป.… ธาตูน’’นฺติฯ เอกเทสสมฺมิสฺสาติ จิตฺติทฺธิปาทาทินา อตฺตโน เอกเทเสเนว ขนฺธนฺตราทีหิ สมฺมิสฺสา อิทฺธิปาทาทโย, อนารมฺมเณหิ รูปนิพฺพาเนหิ จ อสมฺมิสฺสาฯ สมานกาลสนฺตาเนหีติ เอกกาลสนฺตาเนหิ กาลสนฺตานเภทรหิเตหิ เอกเทสนฺตเรหิ, สงฺขารกฺขนฺธาทีนํ เอกเทสนฺตเรหิ, สงฺขารกฺขนฺธาทีนํ เอกเทสวิเสสภูเตหิ สติปฎฺฐานสมฺมปฺปธานสญฺญากฺขนฺธาทีหิ วิภตฺตา เอว สมุทยสจฺจาทโย สมฺปโยคีวิปฺปโยคีภาเวน, รูปกฺขนฺธาทโย วิปฺปโยคีภาเวน คหิตาติ โยชนาฯ เตหิ สมุทยสจฺจาทีหิฯ เต สญฺญากฺขนฺธาทโยฯ เกหิจิ สหุปฺปชฺชนารเหหิ เอกเทสนฺตเรหิ วิภเตฺตหิฯ น หิ สงฺขารกฺขนฺธาทิปริยาปนฺนเตฺตปิ สมุทยสจฺจาทโย มคฺคสจฺจาทีหิ สมฺปโยคํ ลภนฺติฯ เตสนฺติ เวทนากฺขนฺธสญฺญากฺขนฺธาทีนํฯ เอกุปฺปาทา…เป.… วิสภาคตา จาติ เอกุปฺปาทาทิตาสงฺขาตา ยถารหํ สภาคตา วิสภาคตา จฯ เตน ยถาวุตฺตการเณน สมฺปโยคสฺส วิปฺปโยคสฺส จ ลภนโตฯ
Chattiṃsāya piṭṭhidukapadesu vīsati dukapadāni imasmiṃ naye labbhanti, avasiṭṭhāni soḷasevāti āha ‘‘soḷasāti vattabba’’nti. Tato eva ‘‘tevīsapadasata’’nti ettha ‘‘tevīsa’’nti idañca ‘‘ekavīsa’’nti vattabbanti yojanā. Sabbatthāti sabbapañhesu. Ekakālekasantānānaṃ bhinnakālabhinnasantānānañca anekesaṃ dhammānaṃ samudāyabhūtā saṅkhārakkhandhadhammāyatanadhammadhātuyoti āha ‘‘kālasantāna…pe… dhātūna’’nti. Ekadesasammissāti cittiddhipādādinā attano ekadeseneva khandhantarādīhi sammissā iddhipādādayo, anārammaṇehi rūpanibbānehi ca asammissā. Samānakālasantānehīti ekakālasantānehi kālasantānabhedarahitehi ekadesantarehi, saṅkhārakkhandhādīnaṃ ekadesantarehi, saṅkhārakkhandhādīnaṃ ekadesavisesabhūtehi satipaṭṭhānasammappadhānasaññākkhandhādīhi vibhattā eva samudayasaccādayo sampayogīvippayogībhāvena, rūpakkhandhādayo vippayogībhāvena gahitāti yojanā. Tehi samudayasaccādīhi. Te saññākkhandhādayo. Kehici sahuppajjanārahehi ekadesantarehi vibhattehi. Na hi saṅkhārakkhandhādipariyāpannattepi samudayasaccādayo maggasaccādīhi sampayogaṃ labhanti. Tesanti vedanākkhandhasaññākkhandhādīnaṃ. Ekuppādā…pe… visabhāgatā cāti ekuppādāditāsaṅkhātā yathārahaṃ sabhāgatā visabhāgatā ca. Tena yathāvuttakāraṇena sampayogassa vippayogassa ca labhanato.
ภินฺนกาลานํ สมุทายีนํ สมุทายา ภินฺนกาลสมุทายาฯ วตฺตมานา จ เอกสฺมิํ สนฺตาเน เอเกกธมฺมา วตฺตนฺติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา เอตเทว, ตสฺมาฯ เตสํ เวทนากฺขนฺธาทีนํ วิภชิตพฺพสฺส เอกเทสภูตสฺส อภาวโตฯ สุขินฺทฺริยาทีนิ เวทนากฺขเนฺธกเทสภูตานิปิฯ เตน วิภาคากรเณน ฯ ยทิ สมานกาลสฺส วิภชิตพฺพสฺส อภาวโต จกฺขุวิญฺญาณธาตาทโย วิญฺญาณกฺขนฺธสฺส วิภาคํ น กโรนฺติ, อถ กสฺมา ‘‘จกฺขุวิญฺญาณธาตุ…เป.… มโนวิญฺญาณธาตุ โสฬสหิ ธาตูหิ วิปฺปยุตฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ขนฺธายตน…เป.… วิปฺปยุตฺตาติ วุตฺต’’นฺติฯ เอวเมวนฺติ ยถา ธาตุวิภาเคน วิภตฺตสฺส วิญฺญาณสฺส, เอวเมวํฯ
Bhinnakālānaṃ samudāyīnaṃ samudāyā bhinnakālasamudāyā. Vattamānā ca ekasmiṃ santāne ekekadhammā vattanti. Tasmāti yasmā etadeva, tasmā. Tesaṃ vedanākkhandhādīnaṃ vibhajitabbassa ekadesabhūtassa abhāvato. Sukhindriyādīni vedanākkhandhekadesabhūtānipi. Tena vibhāgākaraṇena . Yadi samānakālassa vibhajitabbassa abhāvato cakkhuviññāṇadhātādayo viññāṇakkhandhassa vibhāgaṃ na karonti, atha kasmā ‘‘cakkhuviññāṇadhātu…pe… manoviññāṇadhātu soḷasahi dhātūhi vippayuttā’’ti vuttanti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘khandhāyatana…pe… vippayuttāti vutta’’nti. Evamevanti yathā dhātuvibhāgena vibhattassa viññāṇassa, evamevaṃ.
๒๓๕. ตํสมฺปโยคีภาวนฺติ เตหิ ขเนฺธหิ สมฺปโยคีภาวํฯ ยถา หิ สมานกาลสนฺตาเนหิ เอกจิตฺตุปฺปาทคเตหิ เวทนาสญฺญาวิญฺญาณกฺขเนฺธหิ สมุทยสจฺจสฺส สมฺปยุตฺตตา, เอวํ ภินฺนสนฺตาเนหิ ภินฺนกาเลหิ จ เตหิ ตสฺส วิปฺปยุตฺตตาติ อาห ‘‘เอวํ ตํวิปฺปโยคีภาวํ…เป.… น วุตฺต’’นฺติฯ วิสภาคตานิพนฺธสฺส วิภาคสฺส อภาเวน อวิภาเคหิ เตหิ ตีหิ ขเนฺธหิฯ วิภาเค หีติอาทินา ตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กโรติฯ วิภาครหิเตหีติ สมานกาลสนฺตาเนหิ เอกจิตฺตุปฺปาทคตตฺตา อวิภเตฺตหิ เวทนากฺขนฺธาทีหิ น ยุตฺตํ วิปฺปยุตฺตนฺติ วตฺตุํฯ เตนาห ‘‘วิชฺชมาเนหิ…เป.… ภาวโต’’ติฯ ตตฺถ วิชฺชมานสฺส สมานสฺส สมานชาติกสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ น หิ วิชฺชมานํ รูปารูปํ อญฺญมญฺญสฺส วิสภาคํ น โหติฯ อนุปฺปนฺนา ธมฺมา วิยาติ อิทํ วิสทิสุทาหรณทสฺสนํฯ ยถา ‘‘อนุปฺปนฺนา ธมฺมา’’ติ อนาคตกาลํ วุจฺจตีติ อามฎฺฐกาลเภทํ, เอวํ ยํ อามฎฺฐกาลเภทํ น โหตีติ อโตฺถฯ อุทฺธริตพฺพํ เทสนาย เทเสตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ วิชฺชมานเสฺสว วิชฺชมาเนน สมฺปโยโค, สมฺปโยคารหเสฺสว จ วิปฺปโยโคติ อตฺถิภาวสนฺนิสฺสยา สมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตตาติ อาห ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนภาวํ นิสฺสายา’’ติฯ เตเนวาห ‘‘อวิชฺชมานสฺสา’’ติอาทิฯ ตญฺจาติ อุทฺธรณํฯ
235. Taṃsampayogībhāvanti tehi khandhehi sampayogībhāvaṃ. Yathā hi samānakālasantānehi ekacittuppādagatehi vedanāsaññāviññāṇakkhandhehi samudayasaccassa sampayuttatā, evaṃ bhinnasantānehi bhinnakālehi ca tehi tassa vippayuttatāti āha ‘‘evaṃ taṃvippayogībhāvaṃ…pe… na vutta’’nti. Visabhāgatānibandhassa vibhāgassa abhāvena avibhāgehi tehi tīhi khandhehi. Vibhāge hītiādinā tamevatthaṃ pākaṭataraṃ karoti. Vibhāgarahitehīti samānakālasantānehi ekacittuppādagatattā avibhattehi vedanākkhandhādīhi na yuttaṃ vippayuttanti vattuṃ. Tenāha ‘‘vijjamānehi…pe… bhāvato’’ti. Tattha vijjamānassa samānassa samānajātikassāti adhippāyo. Na hi vijjamānaṃ rūpārūpaṃ aññamaññassa visabhāgaṃ na hoti. Anuppannā dhammā viyāti idaṃ visadisudāharaṇadassanaṃ. Yathā ‘‘anuppannā dhammā’’ti anāgatakālaṃ vuccatīti āmaṭṭhakālabhedaṃ, evaṃ yaṃ āmaṭṭhakālabhedaṃ na hotīti attho. Uddharitabbaṃ desanāya desetabbanti vuttaṃ hoti. Vijjamānasseva vijjamānena sampayogo, sampayogārahasseva ca vippayogoti atthibhāvasannissayā sampayuttavippayuttatāti āha ‘‘paccuppannabhāvaṃ nissāyā’’ti. Tenevāha ‘‘avijjamānassā’’tiādi. Tañcāti uddharaṇaṃ.
วิภาครหิเตหีติ วิสภาคตาภาวโต อวิภาเคหิฯ อนามฎฺฐกาลเภเทติ อนามฎฺฐกาลวิเสเสฯ อวิชฺชมานสฺส…เป.… สมฺปโยโค นตฺถีติ เอเตน ปาริเสสโต วิชฺชมานสฺส จ วิชฺชมาเนน สมฺปโยโค ทสฺสิโตฯ อวิชฺชมานตาทีปเก เภเท คหิเตติ ยถาคหิเตสุ ธเมฺมสุ เตหิ วิปฺปโยคีนํ อวิชฺชมานภาวทีปเก เตสํเยว วิเสเส ‘‘อรูปภโว เอเกน ขเนฺธน ทสหายตเนหิ โสฬสหิ ธาตูหิ วิปฺปยุโตฺต’’ติอาทินา (ธาตุ. ๒๔๖) คหิเต เตเนว รุปฺปนาทินา เภเทน เตสํ อญฺญมญฺญํ วิสภาคตาปิ คหิตา เอวาติ วิปฺปโยโค โหตีติ โยชนาฯ เภเท ปน อคฺคหิเต เตน เตน คหเณนาติ ยถาวุเตฺต อวิชฺชมานตาทีปเก วิเสเส, วิสภาเค วา อคฺคหิเต ‘‘เวทนา, สญฺญา, สงฺขารกฺขโนฺธ ตีหิ ขเนฺธหิ เอเกนายตเนน สตฺตหิ ธาตูหิ สมฺปยุโตฺต’’ติอาทินา เตน เตน คหเณน สภาคตาทีปเนน วิสภาคตาย อคฺคหิตตฺตา สภาคตาว โหติฯ ตถา จ สติ สภาคเตฺต กา ปเนตฺถ สภาคตาติ อาห ‘‘วิชฺชมานตาย…เป.… โหตี’’ติฯ ตสฺสาติ สภาคตายฯ ตสฺมาติ วิสภาคตาย อลพฺภมานตฺตา, สภาคตาย จ ลพฺภมานตฺตาฯ
Vibhāgarahitehīti visabhāgatābhāvato avibhāgehi. Anāmaṭṭhakālabhedeti anāmaṭṭhakālavisese. Avijjamānassa…pe… sampayogo natthīti etena pārisesato vijjamānassa ca vijjamānena sampayogo dassito. Avijjamānatādīpake bhede gahiteti yathāgahitesu dhammesu tehi vippayogīnaṃ avijjamānabhāvadīpake tesaṃyeva visese ‘‘arūpabhavo ekena khandhena dasahāyatanehi soḷasahi dhātūhi vippayutto’’tiādinā (dhātu. 246) gahite teneva ruppanādinā bhedena tesaṃ aññamaññaṃ visabhāgatāpi gahitā evāti vippayogo hotīti yojanā. Bhede pana aggahite tena tena gahaṇenāti yathāvutte avijjamānatādīpake visese, visabhāge vā aggahite ‘‘vedanā, saññā, saṅkhārakkhandho tīhi khandhehi ekenāyatanena sattahi dhātūhi sampayutto’’tiādinā tena tena gahaṇena sabhāgatādīpanena visabhāgatāya aggahitattā sabhāgatāva hoti. Tathā ca sati sabhāgatte kā panettha sabhāgatāti āha ‘‘vijjamānatāya…pe… hotī’’ti. Tassāti sabhāgatāya. Tasmāti visabhāgatāya alabbhamānattā, sabhāgatāya ca labbhamānattā.
๒๖๒. วิตโกฺก วิยาติ สวิตกฺกสวิจาเรสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ วิตโกฺก วิยฯ โส หิ วิตกฺกรหิตตฺตา อวิตโกฺก วิจารมโตฺต จฯ เตนาห ‘‘โกฎฺฐาสนฺตรจิตฺตุปฺปาเทสุ อลีนา’’ติฯ ตโต เอว โส อปฺปธาโน, ทุติยฌานธมฺมา เอเวตฺถ ปธานาติ อาห ‘‘เย ปธานา’’ติฯ เตเนวาติ สวิตกฺกสวิจาเรสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ วิตกฺกสฺส อวิตกฺกวิจารมตฺตคฺคหเณน อิธ อคฺคหิตตฺตา, วิตกฺกตฺติเก ทุติยราสิเยว จ อธิเปฺปตตฺตาฯ อนนฺตรนเยติ สมฺปยุเตฺตนวิปฺปยุตฺตปทนิเทฺทเสฯ สมุทยสเจฺจน สมานคติกา สทิสปฺปวตฺติกาฯ อิตีติ อิมินา การเณนฯ เต อวิตกฺกวิจารมตฺตา ธมฺมา น คหิตา, สมุทยสจฺจํ วิย น เทสนารุฬฺหาฯ น สวิตกฺกสวิจาเรหิ สมานคติกาติ โยชนาฯ ยทิ หิ เต สวิตกฺกสวิจาเรหิ สมานคติกา สิยุํ, ‘‘อวิตกฺกวิจารมเตฺตหิ ธเมฺมหิ เย ธมฺมา สมฺปยุตฺตา, เตหิ ธเมฺมหิ เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา, เต ธมฺมา น เกหิจิ ขเนฺธหิ, น เกหิจิ อายตเนหิ, เอกาย ธาตุยา วิปฺปยุตฺตา’’ติ วตฺตพฺพา สิยุํฯ ยสฺมา ปน เต สมุทยสเจฺจน สมานคติกาฯ ยถา หิ เย สมุทยสเจฺจน สมฺปยุเตฺตหิ วิปฺปยุตฺตา, เตสํ เกหิจิ วิปฺปโยคํ วตฺตุํ น สกฺกา, เอวํ เตหิปิ ฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สมุทยสจฺจาทีนี’’ติอาทิฯ ทสโม…เป.… วุโตฺตติ เอตฺถ ทสมนเย เตหิ อวิตกฺกวิจารมเตฺตหิ วิปฺปยุเตฺตหิ วิปฺปยุตฺตานํ โสฬสหิ ธาตูหิ วิปฺปโยโค วุโตฺต, โอสานนเย เตหิ วิปฺปยุตฺตานํ อฎฺฐารสหิ ธาตูหิ สงฺคโห จ วุโตฺตติ ตสฺมา น เต สวิตกฺกสวิจาเรหิ สมานคติกาติ ทเสฺสติฯ
262. Vitakko viyāti savitakkasavicāresu cittuppādesu vitakko viya. So hi vitakkarahitattā avitakko vicāramatto ca. Tenāha ‘‘koṭṭhāsantaracittuppādesu alīnā’’ti. Tato eva so appadhāno, dutiyajhānadhammā evettha padhānāti āha ‘‘ye padhānā’’ti. Tenevāti savitakkasavicāresu cittuppādesu vitakkassa avitakkavicāramattaggahaṇena idha aggahitattā, vitakkattike dutiyarāsiyeva ca adhippetattā. Anantaranayeti sampayuttenavippayuttapadaniddese. Samudayasaccena samānagatikā sadisappavattikā. Itīti iminā kāraṇena. Te avitakkavicāramattā dhammā na gahitā, samudayasaccaṃ viya na desanāruḷhā. Na savitakkasavicārehi samānagatikāti yojanā. Yadi hi te savitakkasavicārehi samānagatikā siyuṃ, ‘‘avitakkavicāramattehi dhammehi ye dhammā sampayuttā, tehi dhammehi ye dhammā vippayuttā, te dhammā na kehici khandhehi, na kehici āyatanehi, ekāya dhātuyā vippayuttā’’ti vattabbā siyuṃ. Yasmā pana te samudayasaccena samānagatikā. Yathā hi ye samudayasaccena sampayuttehi vippayuttā, tesaṃ kehici vippayogaṃ vattuṃ na sakkā, evaṃ tehipi . Tathā hi vakkhati ‘‘samudayasaccādīnī’’tiādi. Dasamo…pe… vuttoti ettha dasamanaye tehi avitakkavicāramattehi vippayuttehi vippayuttānaṃ soḷasahi dhātūhi vippayogo vutto, osānanaye tehi vippayuttānaṃ aṭṭhārasahi dhātūhi saṅgaho ca vuttoti tasmā na te savitakkasavicārehi samānagatikāti dasseti.
วิตกฺกสหิเตสูติ สหวิตเกฺกสุฯ เตสูติ อวิตกฺกวิจารมเตฺตสุ สห วิตเกฺกน ทุติยชฺฌานธเมฺมสุ, ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺตา’’ติ คหิเตสุ วุเตฺตสูติ อโตฺถฯ สเพฺพปิ เตติ ทุติยชฺฌานธมฺมา วิตโกฺก จาติ สเพฺพปิ เต ธมฺมา สกฺกา วตฺตุํฯ ตถา หิ สมฺปโยควิปฺปโยคปทนิเทฺทเส ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺตา ธมฺมา เอเกน ขเนฺธน เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา เกหิจิ สมฺปยุตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ เอเกน ขเนฺธนาติ สงฺขารกฺขเนฺธนฯ โส หิ สมุทาโยติ ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺตา ธมฺมา’’ติ วุตฺตธมฺมสมุทาโยฯ นนุ วิตโกฺกเปตฺถ ธมฺมสงฺคหํ คโต, โส จ วิจารโต อเญฺญนปิ สมฺปยุโตฺตติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘น หิ ตเทกเทสสฺส…เป.… โหตี’’ติฯ ยถาติอาทินา ตเมวตฺถํ อิทฺธิปาทนิทสฺสเนน วิภาเวติฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา อิทฺธิปาทสมุทายสฺส เอกเทสภูตานํ ฉนฺทิทฺธิปาทาทีนํ ตีหิ ขเนฺธหิ สมฺปโยโค วุโตฺต, ตํสมุทายสฺส น โหติ, เอวํ อิธาปิ วิตกฺกสฺส อเญฺญหิ สมฺปโยโค อวิตกฺกวิจารมตฺตสฺส สมุทายสฺส น โหตีติฯ
Vitakkasahitesūti sahavitakkesu. Tesūti avitakkavicāramattesu saha vitakkena dutiyajjhānadhammesu, ‘‘avitakkavicāramattā’’ti gahitesu vuttesūti attho. Sabbepi teti dutiyajjhānadhammā vitakko cāti sabbepi te dhammā sakkā vattuṃ. Tathā hi sampayogavippayogapadaniddese ‘‘avitakkavicāramattā dhammā ekena khandhena ekenāyatanena ekāya dhātuyā kehici sampayuttā’’ti vuttaṃ. Tattha ekena khandhenāti saṅkhārakkhandhena. So hi samudāyoti ‘‘avitakkavicāramattā dhammā’’ti vuttadhammasamudāyo. Nanu vitakkopettha dhammasaṅgahaṃ gato, so ca vicārato aññenapi sampayuttoti codanaṃ sandhāyāha ‘‘na hi tadekadesassa…pe… hotī’’ti. Yathātiādinā tamevatthaṃ iddhipādanidassanena vibhāveti. Tassattho – yathā iddhipādasamudāyassa ekadesabhūtānaṃ chandiddhipādādīnaṃ tīhi khandhehi sampayogo vutto, taṃsamudāyassa na hoti, evaṃ idhāpi vitakkassa aññehi sampayogo avitakkavicāramattassa samudāyassa na hotīti.
ยทิ เอวํ ‘‘อิทฺธิปาโท ทฺวีหิ ขเนฺธหิ สมฺปยุโตฺต’’ติอาทิ น วตฺตพฺพนฺติ เจ? โน น วตฺตพฺพนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เตสูติ อิทฺธิปาเทสุฯ สมุทายสฺสาติ อิทฺธิปาทสมุทายสฺสฯ เตหิ เวทนากฺขนฺธาทีหิ สมฺปยุตฺตตา วุตฺตา ‘‘อิทฺธิปาโท ทฺวีหิ ขเนฺธหิ สมฺปยุโตฺต’’ติอาทินาฯ เตนาติ วิจาเรนฯ น หีติอาทินา ยถาธิคตธมฺมานํ สมฺปยุตฺตตาย นวตฺตพฺพาภาวํ อุทาหรณทสฺสนวเสน วิภาเวติฯ เกจิ วิจิกิจฺฉา ตํสหคตา จ โมหวชฺชา โมเหน สมฺปยุตฺตา, เกจิ อสมฺปยุตฺตาฯ โมเหนาติ วิจิกิจฺฉาสหคตโมหเมว สนฺธาย วทติฯ อิติ อิมินา การเณน น สมุทาโย เตน โมเหน สมฺปยุโตฺตฯ อโญฺญ โกจิ ธโมฺม เหตุภาโว นาปิ อตฺถิ, เยน เหตุนา โส ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุโกติ วุโตฺต สมุทาโยฯ เอวนฺติ อิมินา นเยน ‘‘ภาวนา…เป.… โยปิ สมฺปยุตฺตา’’ติ นวตฺตพฺพตาย นิทเสฺสตพฺพาติ อโตฺถฯ เอวนฺติ ยถา ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกสมุทายสฺส สมฺปยุตฺตตา น วตฺตพฺพา, เอวํ เยน ธเมฺมน อวิตกฺก…เป.… สิยา, ตํ น นตฺถิฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อวิตกฺกวิจารมเตฺตสุ โกจิปิ วิจาเรน อสมฺปยุโตฺต นตฺถิ, ตสฺมาฯ เตติ อวิตกฺกวิจารมตฺตา ธมฺมาฯ เอกธเมฺมปิ…เป.… กโต ยถา ‘‘อปฺปจฺจยา ธมฺมา อสงฺขตา ธมฺมา’’ติฯ
Yadi evaṃ ‘‘iddhipādo dvīhi khandhehi sampayutto’’tiādi na vattabbanti ce? No na vattabbanti dassento ‘‘yathā panā’’tiādimāha. Tattha tesūti iddhipādesu. Samudāyassāti iddhipādasamudāyassa. Tehi vedanākkhandhādīhi sampayuttatā vuttā ‘‘iddhipādo dvīhi khandhehi sampayutto’’tiādinā. Tenāti vicārena. Na hītiādinā yathādhigatadhammānaṃ sampayuttatāya navattabbābhāvaṃ udāharaṇadassanavasena vibhāveti. Keci vicikicchā taṃsahagatā ca mohavajjā mohena sampayuttā, keci asampayuttā. Mohenāti vicikicchāsahagatamohameva sandhāya vadati. Iti iminā kāraṇena na samudāyo tena mohena sampayutto. Añño koci dhammo hetubhāvo nāpi atthi, yena hetunā so dassanenapahātabbahetukoti vutto samudāyo. Evanti iminā nayena ‘‘bhāvanā…pe… yopi sampayuttā’’ti navattabbatāya nidassetabbāti attho. Evanti yathā dassanenapahātabbahetukasamudāyassa sampayuttatā na vattabbā, evaṃ yena dhammena avitakka…pe… siyā, taṃ na natthi. Tasmāti yasmā avitakkavicāramattesu kocipi vicārena asampayutto natthi, tasmā. Teti avitakkavicāramattā dhammā. Ekadhammepi…pe… kato yathā ‘‘appaccayā dhammā asaṅkhatā dhammā’’ti.
ฉฎฺฐนยสมฺปโยควิปฺปโยคปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Chaṭṭhanayasampayogavippayogapadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธาตุกถาปาฬิ • Dhātukathāpāḷi / ๖. สมฺปโยควิปฺปโยคปทนิเทฺทโส • 6. Sampayogavippayogapadaniddeso
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๖. ฉฎฺฐนโย สมฺปโยควิปฺปโยคปทวณฺณนา • 6. Chaṭṭhanayo sampayogavippayogapadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๖. ฉฎฺฐนโย สมฺปโยควิปฺปโยคปทวณฺณนา • 6. Chaṭṭhanayo sampayogavippayogapadavaṇṇanā