Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๒. จิตฺตกเตฺถรคาถาวณฺณนา
2. Cittakattheragāthāvaṇṇanā
นีลาสุคีวาติ อายสฺมโต จิตฺตกเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาลโต ปฎฺฐาย วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อาจินโนฺต อิโต เอกนวุเต กเปฺป มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตฺตํ ปโตฺต วิปสฺสิํ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส ปุเปฺผหิ ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘สนฺตธเมฺมน นาม เอตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ สตฺถริ นิพฺพาเน จ อธิมุจฺจิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน ตโต จุโต ตาวติํสภวเน นิพฺพโตฺต อปราปรํ ปุญฺญานิ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ จิตฺตโก นาม นาเมนฯ โส ภควติ ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วิหรเนฺต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา จริยานุกูลํ กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา อรญฺญายตนํ ปวิสิตฺวา ภาวนานุยุโตฺต ฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานปาทกํ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา นจิเรเนว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๑-๗) –
Nīlāsugīvāti āyasmato cittakattherassa gāthā. Kā uppatti? So kira padumuttarabuddhakālato paṭṭhāya vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ ācinanto ito ekanavute kappe manussayoniyaṃ nibbattitvā viññuttaṃ patto vipassiṃ bhagavantaṃ passitvā pasannamānaso pupphehi pūjaṃ katvā vanditvā ‘‘santadhammena nāma ettha bhavitabba’’nti satthari nibbāne ca adhimucci. So tena puññakammena tato cuto tāvatiṃsabhavane nibbatto aparāparaṃ puññāni katvā devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde rājagahe vibhavasampannassa brāhmaṇassa putto hutvā nibbatti cittako nāma nāmena. So bhagavati rājagahaṃ gantvā veḷuvane viharante satthāraṃ upasaṅkamitvā dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā cariyānukūlaṃ kammaṭṭhānaṃ gahetvā araññāyatanaṃ pavisitvā bhāvanānuyutto jhānaṃ nibbattetvā jhānapādakaṃ vipassanaṃ vaḍḍhetvā nacireneva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.50.1-7) –
‘‘กณิการํว โชตนฺตํ, นิสินฺนํ ปพฺพตนฺตเร;
‘‘Kaṇikāraṃva jotantaṃ, nisinnaṃ pabbatantare;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, วิปสฺสิํ โลกนายกํฯ
Addasaṃ virajaṃ buddhaṃ, vipassiṃ lokanāyakaṃ.
‘‘ตีณิ กิงฺกณิปุปฺผานิ, ปคฺคยฺห อภิโรปยิํ;
‘‘Tīṇi kiṅkaṇipupphāni, paggayha abhiropayiṃ;
สมฺพุทฺธํ อภิปูเชตฺวา, คจฺฉามิ ทกฺขิณามุโขฯ
Sambuddhaṃ abhipūjetvā, gacchāmi dakkhiṇāmukho.
‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสํ อคจฺฉหํฯ
Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsaṃ agacchahaṃ.
‘‘เอกนวุเต อิโต กเปฺป, ยํ พุทฺธมภิปูชยิํ;
‘‘Ekanavute ito kappe, yaṃ buddhamabhipūjayiṃ;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ ราชคหํ อุปคโต ตตฺถ ภิกฺขูหิ ‘‘กิํ, อาวุโส, อรเญฺญ อปฺปมโตฺต วิหาสี’’ติ ปุโฎฺฐ อตฺตโน อปฺปมาทวิหารนิเวทเนน อญฺญํ พฺยากโรโนฺต ‘‘นีลาสุคีวา’’ติ คาถํ อภาสิฯ
Arahattaṃ pana patvā satthāraṃ vandituṃ rājagahaṃ upagato tattha bhikkhūhi ‘‘kiṃ, āvuso, araññe appamatto vihāsī’’ti puṭṭho attano appamādavihāranivedanena aññaṃ byākaronto ‘‘nīlāsugīvā’’ti gāthaṃ abhāsi.
๒๒. ตตฺถ นีลาสุคีวาติ นีลสุคีวา, คาถาสุขตฺถเญฺหตฺถ ทีโฆ กโต, ราชิวนฺตตาย สุนฺทราย คีวาย สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ เต เยภุเยฺยน จ นีลวณฺณตาย นีลาฯ โสภนกณฺฐตาย สุคีวาฯ สิขิโนติ มตฺถเก ชาตาย สิขาย สสฺสิริกภาเวน สิขิโนฯ โมราติ มยูราฯ การมฺภิยนฺติ การมฺพรุเกฺขฯ การมฺภิยนฺติ วา ตสฺส วนสฺส นามํฯ ตสฺมา การมฺภิยนฺติ การมฺภนามเก วเนติ อโตฺถฯ อภินทนฺตีติ ปาวุสฺสกาเล เมฆคชฺชิตํ สุตฺวา เกกาสทฺทํ กโรนฺตา อุตุสมฺปทาสิเทฺธน สเรน หํสาทิเก อภิภวนฺตา วิย นทนฺติฯ เตติ เต โมราฯ สีตวาตกีฬิตาติ สีเตน เมฆวาเตน สญฺชาตกีฬิตา มธุรวสฺสิตํ วสฺสนฺตาฯ สุตฺตนฺติ ภตฺตสมฺมทวิโนทนตฺถํ สยิตํ, กายกิลมถปฎิปสฺสมฺภนาย วา อนุญฺญาตเวลายํ สุปนฺตํฯ ฌายนฺติ สมถวิปสฺสนาฌาเนหิ ฌายนสีลํ ภาวนานุยุตฺตํฯ นิโพเธนฺตีติ ปโพเธนฺติฯ ‘‘อิเมปิ นาม นิทฺทํ อนุปคนฺตฺวา ชาครนฺตา อตฺตนา กตฺตพฺพํ กโรนฺติ, กิมงฺคํ ปนาห’’นฺติ เอวํ สมฺปชญฺญุปฺปาทเนน สยนโต วุฎฺฐาเปนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ
22. Tattha nīlāsugīvāti nīlasugīvā, gāthāsukhatthañhettha dīgho kato, rājivantatāya sundarāya gīvāya samannāgatoti attho. Te yebhuyyena ca nīlavaṇṇatāya nīlā. Sobhanakaṇṭhatāya sugīvā. Sikhinoti matthake jātāya sikhāya sassirikabhāvena sikhino. Morāti mayūrā. Kārambhiyanti kārambarukkhe. Kārambhiyanti vā tassa vanassa nāmaṃ. Tasmā kārambhiyanti kārambhanāmake vaneti attho. Abhinadantīti pāvussakāle meghagajjitaṃ sutvā kekāsaddaṃ karontā utusampadāsiddhena sarena haṃsādike abhibhavantā viya nadanti. Teti te morā. Sītavātakīḷitāti sītena meghavātena sañjātakīḷitā madhuravassitaṃ vassantā. Suttanti bhattasammadavinodanatthaṃ sayitaṃ, kāyakilamathapaṭipassambhanāya vā anuññātavelāyaṃ supantaṃ. Jhāyanti samathavipassanājhānehi jhāyanasīlaṃ bhāvanānuyuttaṃ. Nibodhentīti pabodhenti. ‘‘Imepi nāma niddaṃ anupagantvā jāgarantā attanā kattabbaṃ karonti, kimaṅgaṃ panāha’’nti evaṃ sampajaññuppādanena sayanato vuṭṭhāpentīti adhippāyo.
จิตฺตกเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cittakattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๒. จิตฺตกเตฺถรคาถา • 2. Cittakattheragāthā