Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā |
จีวรกฺขนฺธกกถาวณฺณนา
Cīvarakkhandhakakathāvaṇṇanā
๒๗๒๖-๗. จีวรํ อุปฺปชฺชติ เอตาสูติ ‘‘อุปฺปาทา’’ติ ชนิกาว วุจฺจนฺติ, จีวรวตฺถปริลาภเกฺขตฺตนฺติ อโตฺถฯ ยถาห – ‘‘ยถาวุตฺตานํ จีวรานํ ปฎิลาภาย เขตฺตํ ทเสฺสตุํ อฎฺฐิมา ภิกฺขเว มาติกาติอาทิมาหา’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙)ฯ จีวรมาติกาติ จีวรุปฺปาทเหตุภูตมาตโรฯ เตนาห กถินกฺขนฺธกวณฺณนายํ ‘‘มาติกาติ มาตโร, ชเนตฺติโยติ อโตฺถ’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๑๐)ฯ มาติกาติ เจตฺถ จีวรทานมธิเปฺปตํฯ ยถาห ‘‘สีมาย ทานํ เอกา มาติกา, กติกาย ทานํ ทุติยา’’ติอาทิฯ สีมาย เทติ, กติกาย เทติ, ภิกฺขาปญฺญตฺติยา เทติ, สงฺฆสฺส เทติ, อุภโตสเงฺฆ เทติ, วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส เทติ, อาทิสฺส เทติ, ปุคฺคลสฺส เทติฯ ‘‘อิมา ปน อฎฺฐ มาติกา’’ติ วุตฺตเมว นิคมนวเสน วุตฺตํฯ
2726-7. Cīvaraṃ uppajjati etāsūti ‘‘uppādā’’ti janikāva vuccanti, cīvaravatthaparilābhakkhettanti attho. Yathāha – ‘‘yathāvuttānaṃ cīvarānaṃ paṭilābhāya khettaṃ dassetuṃ aṭṭhimā bhikkhave mātikātiādimāhā’’ti (mahāva. aṭṭha. 379). Cīvaramātikāti cīvaruppādahetubhūtamātaro. Tenāha kathinakkhandhakavaṇṇanāyaṃ ‘‘mātikāti mātaro, janettiyoti attho’’ti (mahāva. aṭṭha. 310). Mātikāti cettha cīvaradānamadhippetaṃ. Yathāha ‘‘sīmāya dānaṃ ekā mātikā, katikāya dānaṃ dutiyā’’tiādi. Sīmāya deti, katikāya deti, bhikkhāpaññattiyā deti, saṅghassa deti, ubhatosaṅghe deti, vassaṃvutthasaṅghassa deti, ādissa deti, puggalassa deti. ‘‘Imā pana aṭṭha mātikā’’ti vuttameva nigamanavasena vuttaṃ.
๒๗๒๘. ตตฺถาติ ตาสุ อฎฺฐมาติกาสุฯ สีมาย เทตีติ ‘‘สีมาย ทมฺมี’’ติ เอวํ สีมํ ปรามสิตฺวา เทโนฺต สีมาย เทติ, เอวํ ทินฺนํ อโนฺตสีมคเตหิ ภิกฺขูหิ ภาเชตพฺพนฺติ วณฺณิตนฺติ โยชนาฯ ตตฺถ อโนฺตสีมคเตหีติ ทายโก ยํ สีมํ อเปกฺขิตฺวา เอวมาห, ตสฺสา สีมาย อโนฺตคเตหิ สเพฺพหิฯ ภาเชตพฺพนฺติ ตํ จีวรํ ภาเชตพฺพํฯ วรวณฺณินาติ ‘‘อิติปิ โส ภควา อรห’’นฺติอาทินา สกลโลกพฺยาปิคุณาติสยยุเตฺตน พฺยามปฺปภาย, ฉพฺพณฺณานํ รํสีนญฺจ วเสน อุตฺตมปฺปภาติสยยุเตฺตน วรวณฺณินา วณฺณิตํ กถิตํฯ อยเมตฺถ ปทวณฺณนา, อยํ ปน วินิจฺฉโย – สีมาย เทตีติ เอตฺถ ตาว ขณฺฑสีมา อุปจารสีมา สมานสํวาสสีมา อวิปฺปวาสสีมา ลาภสีมา คามสีมา นิคมสีมา นครสีมา อพฺภนฺตรสีมา อุทกุเกฺขปสีมา ชนปทสีมา รฎฺฐสีมา รชฺชสีมา ทีปสีมา จกฺกวาฬสีมา อิติ ปนฺนรส สีมา เวทิตพฺพาฯ
2728.Tatthāti tāsu aṭṭhamātikāsu. Sīmāya detīti ‘‘sīmāya dammī’’ti evaṃ sīmaṃ parāmasitvā dento sīmāya deti, evaṃ dinnaṃ antosīmagatehi bhikkhūhi bhājetabbanti vaṇṇitanti yojanā. Tattha antosīmagatehīti dāyako yaṃ sīmaṃ apekkhitvā evamāha, tassā sīmāya antogatehi sabbehi. Bhājetabbanti taṃ cīvaraṃ bhājetabbaṃ. Varavaṇṇināti ‘‘itipi so bhagavā araha’’ntiādinā sakalalokabyāpiguṇātisayayuttena byāmappabhāya, chabbaṇṇānaṃ raṃsīnañca vasena uttamappabhātisayayuttena varavaṇṇinā vaṇṇitaṃ kathitaṃ. Ayamettha padavaṇṇanā, ayaṃ pana vinicchayo – sīmāya detīti ettha tāva khaṇḍasīmā upacārasīmā samānasaṃvāsasīmā avippavāsasīmā lābhasīmā gāmasīmā nigamasīmā nagarasīmā abbhantarasīmā udakukkhepasīmā janapadasīmā raṭṭhasīmā rajjasīmā dīpasīmā cakkavāḷasīmā iti pannarasa sīmā veditabbā.
ตตฺถ ขณฺฑสีมา สีมากถายํ วุตฺตาฯ อุปจารสีมา ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริเกฺขเปน, อปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริเกฺขปารหฎฺฐาเนน ปริจฺฉินฺนา โหติฯ อปิจ ภิกฺขูนํ ธุวสนฺนิปาตฎฺฐานโต วา ปริยเนฺต ฐิตโภชนสาลโต วา นิพทฺธวสนกอาวาสโต วา ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อโนฺต อุปจารสีมา เวทิตพฺพาฯ สา ปน อาวาเสสุ วฑฺฒเนฺตสุ วฑฺฒติ, ปริหายเนฺตสุ ปริหายติฯ มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘ภิกฺขูสุปิ วฑฺฒเนฺตสุ วฑฺฒตี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙) วุตฺตํฯ ตสฺมา สเจ วิหาเร สนฺนิปติตภิกฺขูหิ สทฺธิํ เอกาพทฺธา หุตฺวา โยชนสตมฺปิ ปูเรตฺวา นิสีทนฺติ, โยชนสตมฺปิ อุปจารสีมาว โหติ, สเพฺพสํ ลาโภ ปาปุณาติฯ สมานสํวาสอวิปฺปวาสสีมาทฺวยมฺปิ วุตฺตเมวฯ
Tattha khaṇḍasīmā sīmākathāyaṃ vuttā. Upacārasīmā parikkhittassa vihārassa parikkhepena, aparikkhittassa vihārassa parikkhepārahaṭṭhānena paricchinnā hoti. Apica bhikkhūnaṃ dhuvasannipātaṭṭhānato vā pariyante ṭhitabhojanasālato vā nibaddhavasanakaāvāsato vā thāmamajjhimassa purisassa dvinnaṃ leḍḍupātānaṃ anto upacārasīmā veditabbā. Sā pana āvāsesu vaḍḍhantesu vaḍḍhati, parihāyantesu parihāyati. Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘bhikkhūsupi vaḍḍhantesu vaḍḍhatī’’ti (mahāva. aṭṭha. 379) vuttaṃ. Tasmā sace vihāre sannipatitabhikkhūhi saddhiṃ ekābaddhā hutvā yojanasatampi pūretvā nisīdanti, yojanasatampi upacārasīmāva hoti, sabbesaṃ lābho pāpuṇāti. Samānasaṃvāsaavippavāsasīmādvayampi vuttameva.
ลาภสีมา นาม เนว สมฺมาสมฺพุเทฺธน อนุญฺญาตา, น ธมฺมสงฺคาหกเตฺถเรหิ ฐปิตา, อปิจ โข ราชราชมหามตฺตา วิหารํ กาเรตฺวา คาวุตํ วา อฑฺฒโยชนํ วา โยชนํ วา สมนฺตโต ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘อยํ อมฺหากํ วิหารสฺส ลาภสีมา’’ติ นามลิขิตเก ถเมฺภ นิขณิตฺวา ‘‘ยํ เอตฺถนฺตเร อุปฺปชฺชติ, สพฺพํ ตํ อมฺหากํ วิหารสฺส เทมา’’ติ สีมํ ฐเปนฺติ, อยํ ลาภสีมา นามฯ คามนิคมนครอพฺภนฺตรอุทกุเกฺขปสีมาปิ วุตฺตา เอวฯ
Lābhasīmā nāma neva sammāsambuddhena anuññātā, na dhammasaṅgāhakattherehi ṭhapitā, apica kho rājarājamahāmattā vihāraṃ kāretvā gāvutaṃ vā aḍḍhayojanaṃ vā yojanaṃ vā samantato paricchinditvā ‘‘ayaṃ amhākaṃ vihārassa lābhasīmā’’ti nāmalikhitake thambhe nikhaṇitvā ‘‘yaṃ etthantare uppajjati, sabbaṃ taṃ amhākaṃ vihārassa demā’’ti sīmaṃ ṭhapenti, ayaṃ lābhasīmā nāma. Gāmanigamanagaraabbhantaraudakukkhepasīmāpi vuttā eva.
ชนปทสีมา นาม กาสิโกสลรฎฺฐาทีนํ อโนฺต พหู ชนปทา โหนฺติ, เอตฺถ เอเกโก ชนปทปริเจฺฉโท ชนปทสีมาฯ รฎฺฐสีมา นาม กาสิโกสลาทิรฎฺฐปริเจฺฉโทฯ รชฺชสีมา นาม มหาโจฬโภโค เกรฬโภโคติ เอวํ เอเกกสฺส รโญฺญ อาณาปวตฺติฎฺฐานํฯ ทีปสีมา นาม สมุทฺทเนฺตน สมุจฺฉินฺนมหาทีปา จ อนฺตรทีปา จฯ จกฺกวาฬสีมา นาม จกฺกวาฬปพฺพเตเนว ปริจฺฉินฺนาฯ
Janapadasīmā nāma kāsikosalaraṭṭhādīnaṃ anto bahū janapadā honti, ettha ekeko janapadaparicchedo janapadasīmā. Raṭṭhasīmā nāma kāsikosalādiraṭṭhaparicchedo. Rajjasīmā nāma mahācoḷabhogo keraḷabhogoti evaṃ ekekassa rañño āṇāpavattiṭṭhānaṃ. Dīpasīmā nāma samuddantena samucchinnamahādīpā ca antaradīpā ca. Cakkavāḷasīmā nāma cakkavāḷapabbateneva paricchinnā.
เอวเมตาสุ สีมาสุ ขณฺฑสีมาย เกนจิ กเมฺมน สนฺนิปติตํ สงฺฆํ ทิสฺวา ‘‘เอเตฺถว สีมาย สงฺฆสฺส เทมี’’ติ วุเตฺต ยาวติกา ภิกฺขู อโนฺตขณฺฑสีมคตา, เตหิ ภาเชตพฺพํฯ เตสํเยว หิ ตํ ปาปุณาติ, อเญฺญสํ สีมนฺตริกาย วา อุปจารสีมาย วา ฐิตานมฺปิ น ปาปุณาติฯ ขณฺฑสีมาย ฐิเต ปน รุเกฺข วา ปพฺพเต วา ฐิตสฺส เหฎฺฐา วา ปถวิยา เวมชฺฌํ คตสฺส ปาปุณาติเยวฯ
Evametāsu sīmāsu khaṇḍasīmāya kenaci kammena sannipatitaṃ saṅghaṃ disvā ‘‘ettheva sīmāya saṅghassa demī’’ti vutte yāvatikā bhikkhū antokhaṇḍasīmagatā, tehi bhājetabbaṃ. Tesaṃyeva hi taṃ pāpuṇāti, aññesaṃ sīmantarikāya vā upacārasīmāya vā ṭhitānampi na pāpuṇāti. Khaṇḍasīmāya ṭhite pana rukkhe vā pabbate vā ṭhitassa heṭṭhā vā pathaviyā vemajjhaṃ gatassa pāpuṇātiyeva.
‘‘อิมิสฺสา อุปจารสีมาย สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน ขณฺฑสีมาสีมนฺตริกาสุ ฐิตานมฺปิ ปาปุณาติฯ ‘‘สมานสํวาสสีมาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ ปน ขณฺฑสีมาสีมนฺตริกาสุ ฐิตานํ น ปาปุณาติฯ อวิปฺปวาสสีมาลาภสีมาสุ ทินฺนํ ตาสุ สีมาสุ อโนฺตคตานํเยว ปาปุณาติฯ คามสีมาทีสุ ทินฺนํ ตาสํ สีมานํ อพฺภนฺตเร พทฺธสีมาย ฐิตานมฺปิ ปาปุณาติฯ อพฺภนฺตรสีมาอุทกุเกฺขปสีมาสุ ทินฺนํ ตตฺถ อโนฺตคตานํเยว ปาปุณาติฯ ชนปทรฎฺฐรชฺชทีปจกฺกวาฬสีมาสุปิ คามสีมาทีสุ วุตฺตสทิโสเยว วินิจฺฉโยฯ
‘‘Imissā upacārasīmāya saṅghassa dammī’’ti dinnaṃ pana khaṇḍasīmāsīmantarikāsu ṭhitānampi pāpuṇāti. ‘‘Samānasaṃvāsasīmāya dammī’’ti dinnaṃ pana khaṇḍasīmāsīmantarikāsu ṭhitānaṃ na pāpuṇāti. Avippavāsasīmālābhasīmāsu dinnaṃ tāsu sīmāsu antogatānaṃyeva pāpuṇāti. Gāmasīmādīsu dinnaṃ tāsaṃ sīmānaṃ abbhantare baddhasīmāya ṭhitānampi pāpuṇāti. Abbhantarasīmāudakukkhepasīmāsu dinnaṃ tattha antogatānaṃyeva pāpuṇāti. Janapadaraṭṭharajjadīpacakkavāḷasīmāsupi gāmasīmādīsu vuttasadisoyeva vinicchayo.
สเจ ปน ชมฺพุทีเป ฐิโต ‘‘ตมฺพปณฺณิทีเป สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วทติ, ตมฺพปณฺณิทีปโต เอโกปิ คนฺตฺวา สเพฺพสํ คณฺหิตุํ ลภติฯ สเจปิ ตเตฺรว เอโก สภาคภิกฺขุ สภาคานํ ภาคํ คณฺหาติ, น วาเรตโพฺพฯ เอวํ ตาว โย สีมํ ปรามสิตฺวา เทติ, ตสฺส ทาเน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Sace pana jambudīpe ṭhito ‘‘tambapaṇṇidīpe saṅghassa dammī’’ti vadati, tambapaṇṇidīpato ekopi gantvā sabbesaṃ gaṇhituṃ labhati. Sacepi tatreva eko sabhāgabhikkhu sabhāgānaṃ bhāgaṃ gaṇhāti, na vāretabbo. Evaṃ tāva yo sīmaṃ parāmasitvā deti, tassa dāne vinicchayo veditabbo.
โย ปน ‘‘อสุกสีมายา’’ติ วตฺตุํ น ชานาติ, เกวลํ ‘‘สีมา’’ติ วจนมตฺตเมว ชานโนฺต วิหารํ อาคนฺตฺวา ‘‘สีมาย ทมฺมี’’ติ วา ‘‘สีมฎฺฐกสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วา ภณติ, โส ปุจฺฉิตโพฺพ ‘‘สีมา นาม พหุวิธา, กตรํ สีมํ สนฺธาย ภณสี’’ติ, สเจ วทติ ‘‘อหํ ‘อสุกสีมา’ติ น ชานามิ, สีมฎฺฐกสโงฺฆ ภาเชตฺวา คณฺหตู’’ติ, กตรสีมาย ภาเชตพฺพํ? มหาสีวเตฺถโร กิราห ‘‘อวิปฺปวาสสีมายา’’ติฯ ตโต นํ อาหํสุ ‘‘อวิปฺปวาสสีมา นาม ติโยชนาปิ โหติ, เอวํ สเนฺต ติโยชเน ฐิตา ลาภํ คณฺหิสฺสนฺติ, ติโยชเน ฐตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ ปูเรตฺวา อารามํ ปวิสิตพฺพํ ภวิสฺสติ, คมิโก ติโยชนํ คนฺตฺวา เสนาสนํ อาปุจฺฉิสฺสติ, นิสฺสยปฎิปนฺนสฺส ติโยชนาติกฺกเม นิสฺสโย ปฎิปฺปสฺสมฺภิสฺสติ, ปาริวาสิเกน ติโยชนํ อติกฺกมิตฺวา อรุณํ อุฎฺฐาเปตพฺพํ ภวิสฺสติ, ภิกฺขุนิยา ติโยชเน ฐตฺวา อารามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉิตพฺพํ ภวิสฺสติ, สพฺพเมฺปตํ อุปจารสีมาปริเจฺฉทวเสเนว กตฺตุํ วฎฺฎติฯ ตสฺมา อุปจารสีมายเมว ภาเชตพฺพ’’นฺติฯ
Yo pana ‘‘asukasīmāyā’’ti vattuṃ na jānāti, kevalaṃ ‘‘sīmā’’ti vacanamattameva jānanto vihāraṃ āgantvā ‘‘sīmāya dammī’’ti vā ‘‘sīmaṭṭhakasaṅghassa dammī’’ti vā bhaṇati, so pucchitabbo ‘‘sīmā nāma bahuvidhā, kataraṃ sīmaṃ sandhāya bhaṇasī’’ti, sace vadati ‘‘ahaṃ ‘asukasīmā’ti na jānāmi, sīmaṭṭhakasaṅgho bhājetvā gaṇhatū’’ti, katarasīmāya bhājetabbaṃ? Mahāsīvatthero kirāha ‘‘avippavāsasīmāyā’’ti. Tato naṃ āhaṃsu ‘‘avippavāsasīmā nāma tiyojanāpi hoti, evaṃ sante tiyojane ṭhitā lābhaṃ gaṇhissanti, tiyojane ṭhatvā āgantukavattaṃ pūretvā ārāmaṃ pavisitabbaṃ bhavissati, gamiko tiyojanaṃ gantvā senāsanaṃ āpucchissati, nissayapaṭipannassa tiyojanātikkame nissayo paṭippassambhissati, pārivāsikena tiyojanaṃ atikkamitvā aruṇaṃ uṭṭhāpetabbaṃ bhavissati, bhikkhuniyā tiyojane ṭhatvā ārāmappavesanaṃ āpucchitabbaṃ bhavissati, sabbampetaṃ upacārasīmāparicchedavaseneva kattuṃ vaṭṭati. Tasmā upacārasīmāyameva bhājetabba’’nti.
๒๗๒๙. เย วิหารา สเงฺฆน กติกาย เอกลาภกา สมานลาภกา เอตฺถ เอเตสุ วิหาเรสุ ทินฺนํ ‘‘กติกาย ทมฺมี’’ติ ทินฺนํ สเพฺพหิ ภิกฺขูหิ สห ภาเชตพฺพํ จีวรํ กติกาย วุจฺจตีติ โยชนาฯ
2729. Ye vihārā saṅghena katikāya ekalābhakā samānalābhakā ettha etesu vihāresu dinnaṃ ‘‘katikāya dammī’’ti dinnaṃ sabbehi bhikkhūhi saha bhājetabbaṃ cīvaraṃ katikāya vuccatīti yojanā.
อยเมตฺถ วินิจฺฉโย – กติกา นาม สมานลาภกติกา, ตเตฺรวํ กติกา กาตพฺพา – เอกสฺมิํ วิหาเร สนฺนิปติเตหิ ภิกฺขูหิ ยํ วิหารํ สงฺคณฺหิตุกามา สมานลาภํ กาตุํ อิจฺฉนฺติ, อสฺส นามํ คเหตฺวา ‘‘อสุโก นาม วิหาโร โปราณโก’’ติ วา ‘‘พุทฺธาธิวุโตฺถ’’ติ วา ‘‘อปฺปลาโภ’’ติ วา ยํ กิญฺจิ การณํ วตฺวา ‘‘ตํ วิหารํ อิมินา วิหาเรน สทฺธิํ เอกลาภํ กาตุํ สงฺฆสฺส รุจฺจตี’’ติ ติกฺขตฺตุํ สาเวตพฺพํฯ เอตฺตาวตา ตสฺมิํ วิหาเร นิสิโนฺนปิ อิธ นิสิโนฺนว โหติฯ ตสฺมิํ วิหาเรปิ สเงฺฆน เอวเมว กาตพฺพํฯ เอตฺตาวตา อิธ นิสิโนฺนปิ ตสฺมิํ วิหาเร นิสิโนฺนว โหติฯ เอกสฺมิํ ลาเภ ภาชิยมาเน อิตรสฺมิํ ฐิตสฺส ภาคํ คเหตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ เอเกน วิหาเรน สทฺธิํ พหูปิ อาวาสา เอกลาภา กาตพฺพาติฯ
Ayamettha vinicchayo – katikā nāma samānalābhakatikā, tatrevaṃ katikā kātabbā – ekasmiṃ vihāre sannipatitehi bhikkhūhi yaṃ vihāraṃ saṅgaṇhitukāmā samānalābhaṃ kātuṃ icchanti, assa nāmaṃ gahetvā ‘‘asuko nāma vihāro porāṇako’’ti vā ‘‘buddhādhivuttho’’ti vā ‘‘appalābho’’ti vā yaṃ kiñci kāraṇaṃ vatvā ‘‘taṃ vihāraṃ iminā vihārena saddhiṃ ekalābhaṃ kātuṃ saṅghassa ruccatī’’ti tikkhattuṃ sāvetabbaṃ. Ettāvatā tasmiṃ vihāre nisinnopi idha nisinnova hoti. Tasmiṃ vihārepi saṅghena evameva kātabbaṃ. Ettāvatā idha nisinnopi tasmiṃ vihāre nisinnova hoti. Ekasmiṃ lābhe bhājiyamāne itarasmiṃ ṭhitassa bhāgaṃ gahetuṃ vaṭṭati. Evaṃ ekena vihārena saddhiṃ bahūpi āvāsā ekalābhā kātabbāti.
๒๗๓๐. จีวรทายเกน ธุวการา ปากวตฺตาทินิจฺจสกฺการา ยตฺถ สงฺฆสฺส กฺรียนฺติ กรียนฺติ ตตฺถ ตสฺมิํ วิหาเร เตเนว ทายเกน สงฺฆสฺส ทินฺนํ วิหารํ ‘‘ภิกฺขาปญฺญตฺติยา ทินฺน’’นฺติ มเหสินา วุตฺตนฺติ โยชนาฯ
2730. Cīvaradāyakena dhuvakārā pākavattādiniccasakkārā yattha saṅghassa krīyanti karīyanti tattha tasmiṃ vihāre teneva dāyakena saṅghassa dinnaṃ vihāraṃ ‘‘bhikkhāpaññattiyā dinna’’nti mahesinā vuttanti yojanā.
ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ยสฺมิํ วิหาเร อิมสฺส จีวรทายกสฺส สนฺตกํ สงฺฆสฺส ปากวตฺตํ วา วตฺตติ, ยสฺมิํ วา วิหาเร ภิกฺขู อตฺตโน ภารํ กตฺวา สทา เคเห โภเชติ, ยตฺถ วา เตน อาวาโส การิโต, สลากภตฺตาทีนิ วา นิพทฺธานิ, เยน ปน สกโลปิ วิหาโร ปติฎฺฐาปิโต, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, อิเม ธุวการา นามฯ ตสฺมา สเจ โส ‘‘ยตฺถ มยฺหํ ธุวการา กรียนฺติ, เอตฺถ ทมฺมี’’ติ วา ‘‘ตตฺถ เทถา’’ติ วา ภณติ, พหูสุ เจปิ ฐาเนสุ ธุวการา โหนฺติ, สพฺพตฺถ ทินฺนเมว โหติฯ
Tatrāyaṃ vinicchayo – yasmiṃ vihāre imassa cīvaradāyakassa santakaṃ saṅghassa pākavattaṃ vā vattati, yasmiṃ vā vihāre bhikkhū attano bhāraṃ katvā sadā gehe bhojeti, yattha vā tena āvāso kārito, salākabhattādīni vā nibaddhāni, yena pana sakalopi vihāro patiṭṭhāpito, tattha vattabbameva natthi, ime dhuvakārā nāma. Tasmā sace so ‘‘yattha mayhaṃ dhuvakārā karīyanti, ettha dammī’’ti vā ‘‘tattha dethā’’ti vā bhaṇati, bahūsu cepi ṭhānesu dhuvakārā honti, sabbattha dinnameva hoti.
สเจ ปน เอกสฺมิํ วิหาเร ภิกฺขู พหุตรา โหนฺติ, เตหิ วตฺตพฺพํ ‘‘ตุมฺหากํ ธุวกาเร เอกตฺถ ภิกฺขู พหู, เอกตฺถ อปฺปกา’’ติ, สเจ ‘‘ภิกฺขุคณนาย คณฺหถา’’ติ ภณติ, ตถา ภาเชตฺวา คณฺหิตุํ วฎฺฎติฯ เอตฺถ จ วตฺถเภสชฺชาทิ อปฺปกมฺปิ สุเขน ภาชียติ, ยทิ ปน มโญฺจ วา ปีฐกํ วา เอกเมว โหติ, ตํ ปุจฺฉิตฺวา ยสฺส วา วิหารสฺส เอกวิหาเรปิ วา ยสฺส เสนาสนสฺส โส วิจาเรติ, ตตฺถ ทาตพฺพํฯ สเจ ‘‘อสุกภิกฺขุ คณฺหตู’’ติ วทติ, วฎฺฎติฯ
Sace pana ekasmiṃ vihāre bhikkhū bahutarā honti, tehi vattabbaṃ ‘‘tumhākaṃ dhuvakāre ekattha bhikkhū bahū, ekattha appakā’’ti, sace ‘‘bhikkhugaṇanāya gaṇhathā’’ti bhaṇati, tathā bhājetvā gaṇhituṃ vaṭṭati. Ettha ca vatthabhesajjādi appakampi sukhena bhājīyati, yadi pana mañco vā pīṭhakaṃ vā ekameva hoti, taṃ pucchitvā yassa vā vihārassa ekavihārepi vā yassa senāsanassa so vicāreti, tattha dātabbaṃ. Sace ‘‘asukabhikkhu gaṇhatū’’ti vadati, vaṭṭati.
อถ ‘‘มยฺหํ ธุวกาเร เทถา’’ติ วตฺวา อวิจาเรตฺวาว คจฺฉติ, สงฺฆสฺสปิ วิจาเรตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ ปน วิจาเรตพฺพํ – ‘‘สงฺฆเตฺถรสฺส วสนฎฺฐาเน เทถา’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ ตตฺถ เสนาสนํ ปริปุณฺณํ โหติฯ ยตฺถ นปฺปโหติ, ตตฺถ ทาตพฺพํฯ สเจ เอโก ภิกฺขุ ‘‘มยฺหํ วสนฎฺฐาเน เสนาสนปริโภคภณฺฑํ นตฺถี’’ติ วทติ, ตตฺถ ทาตพฺพนฺติฯ
Atha ‘‘mayhaṃ dhuvakāre dethā’’ti vatvā avicāretvāva gacchati, saṅghassapi vicāretuṃ vaṭṭati. Evaṃ pana vicāretabbaṃ – ‘‘saṅghattherassa vasanaṭṭhāne dethā’’ti vattabbaṃ. Sace tattha senāsanaṃ paripuṇṇaṃ hoti. Yattha nappahoti, tattha dātabbaṃ. Sace eko bhikkhu ‘‘mayhaṃ vasanaṭṭhāne senāsanaparibhogabhaṇḍaṃ natthī’’ti vadati, tattha dātabbanti.
๒๗๓๑. สงฺฆสฺส ปน ยํ ทินฺนนฺติ วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ยํ จีวรํ ทินฺนํฯ ‘‘สมฺมุขีภูเตนา’’ติ วตฺตเพฺพ คาถาพเนฺธน รสฺสตฺตํฯ สมฺมุขิภูเตนาติ จ อุปจารสีมาย ฐิเตนฯ ภาเชตพฺพนฺติ ฆณฺฎิํ ปหริตฺวา กาลํ โฆเสตฺวา ภาเชตพฺพํฯ อิทเมตฺถ มุขมตฺตทสฺสนํฯ วินิจฺฉโย อฎฺฐกถาย (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๙) เวทิตโพฺพฯ เสยฺยถิทํ – จีวรทายเกน วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทิเนฺนสุ ภาชิยมาเนสุ สีมฎฺฐสฺส อสมฺปตฺตสฺสปิ ภาคํ คณฺหโนฺต น วาเรตโพฺพฯ วิหาโร มหา โหติ, เถราสนโต ปฎฺฐาย วเตฺถสุ ทิยฺยมาเนสุ อลสชาติกา มหาเถรา ปจฺฉา อาคจฺฉนฺติ, ‘‘ภเนฺต, วีสติวสฺสานํ ทิยฺยติ, ตุมฺหากํ ฐิติกา อติกฺกนฺตา’’ติ น วตฺตพฺพา, ฐิติกํ ฐเปตฺวา เตสํ ทตฺวา ปจฺฉา ฐิติกาย ทาตพฺพํฯ
2731.Saṅghassa pana yaṃ dinnanti vihāraṃ pavisitvā ‘‘imāni cīvarāni saṅghassa dammī’’ti yaṃ cīvaraṃ dinnaṃ. ‘‘Sammukhībhūtenā’’ti vattabbe gāthābandhena rassattaṃ. Sammukhibhūtenāti ca upacārasīmāya ṭhitena. Bhājetabbanti ghaṇṭiṃ paharitvā kālaṃ ghosetvā bhājetabbaṃ. Idamettha mukhamattadassanaṃ. Vinicchayo aṭṭhakathāya (mahāva. aṭṭha. 379) veditabbo. Seyyathidaṃ – cīvaradāyakena vihāraṃ pavisitvā ‘‘imāni cīvarāni saṅghassa dammī’’ti dinnesu bhājiyamānesu sīmaṭṭhassa asampattassapi bhāgaṃ gaṇhanto na vāretabbo. Vihāro mahā hoti, therāsanato paṭṭhāya vatthesu diyyamānesu alasajātikā mahātherā pacchā āgacchanti, ‘‘bhante, vīsativassānaṃ diyyati, tumhākaṃ ṭhitikā atikkantā’’ti na vattabbā, ṭhitikaṃ ṭhapetvā tesaṃ datvā pacchā ṭhitikāya dātabbaṃ.
‘‘อสุกวิหาเร กิร พหุํ จีวรํ อุปฺปนฺน’’นฺติ สุตฺวา โยชนนฺตริกวิหารโตปิ ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ ฐิตฎฺฐานโต ปฎฺฐาย ทาตพฺพํฯ อสมฺปตฺตานมฺปิ อุปจารสีมํ ปวิฎฺฐานํ อเนฺตวาสิกาทีสุ คณฺหเนฺตสุ ทาตพฺพเมวฯ ‘‘พหิ อุปจารสีมาย ฐิตานํ เทถา’’ติ วทนฺติ, น ทาตพฺพํฯ สเจ ปน อุปจารสีมํ โอกฺกเนฺตหิ เอกาพทฺธา หุตฺวา อตฺตโน วิหารทฺวาเร วา อโนฺตวิหาเรเยว วา โหนฺติ, ปริสวเสน วฑฺฒิตา นาม สีมา โหติ, ตสฺมา ทาตพฺพํฯ สงฺฆนวกสฺส ทิเนฺนปิ ปจฺฉา อาคตานํ ทาตพฺพเมวฯ ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุเฬฺห อาคตานํ ปฐมภาโค น ปาปุณาติ, ทุติยภาคโต วสฺสเคฺคน ทาตพฺพํฯ
‘‘Asukavihāre kira bahuṃ cīvaraṃ uppanna’’nti sutvā yojanantarikavihāratopi bhikkhū āgacchanti, sampattasampattānaṃ ṭhitaṭṭhānato paṭṭhāya dātabbaṃ. Asampattānampi upacārasīmaṃ paviṭṭhānaṃ antevāsikādīsu gaṇhantesu dātabbameva. ‘‘Bahi upacārasīmāya ṭhitānaṃ dethā’’ti vadanti, na dātabbaṃ. Sace pana upacārasīmaṃ okkantehi ekābaddhā hutvā attano vihāradvāre vā antovihāreyeva vā honti, parisavasena vaḍḍhitā nāma sīmā hoti, tasmā dātabbaṃ. Saṅghanavakassa dinnepi pacchā āgatānaṃ dātabbameva. Dutiyabhāge pana therāsanaṃ āruḷhe āgatānaṃ paṭhamabhāgo na pāpuṇāti, dutiyabhāgato vassaggena dātabbaṃ.
เอกสฺมิํ วิหาเร ทส ภิกฺขู โหนฺติ, ทส วตฺถานิ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ เทนฺติ, ปาเฎกฺกํ ภาเชตพฺพานิฯ สเจ ‘‘สพฺพาเนว อมฺหากํ ปาปุณนฺตี’’ติ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ, ทุปฺปาปิตานิ เจว ทุคฺคหิตานิ จ, คตคตฎฺฐาเน สงฺฆิกาเนว โหนฺติฯ เอกํ ปน อุทฺธริตฺวา ‘‘อิทํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ สงฺฆเตฺถรสฺส ทตฺวา เสสานิ ‘‘อิมานิ อมฺหากํ ปาปุณนฺตี’’ติ คเหตุํ วฎฺฎติฯ
Ekasmiṃ vihāre dasa bhikkhū honti, dasa vatthāni ‘‘saṅghassa demā’’ti denti, pāṭekkaṃ bhājetabbāni. Sace ‘‘sabbāneva amhākaṃ pāpuṇantī’’ti gahetvā gacchanti, duppāpitāni ceva duggahitāni ca, gatagataṭṭhāne saṅghikāneva honti. Ekaṃ pana uddharitvā ‘‘idaṃ tumhākaṃ pāpuṇātī’’ti saṅghattherassa datvā sesāni ‘‘imāni amhākaṃ pāpuṇantī’’ti gahetuṃ vaṭṭati.
เอกเมว วตฺถํ ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ อาหรนฺติ, อภาเชตฺวาว ‘‘อมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ คณฺหนฺติ, ทุปฺปาปิตเญฺจว ทุคฺคหิตญฺจ, สตฺถเกน, ปน หลิทฺทิอาทินา วา เลขํ กตฺวา เอกํ โกฎฺฐาสํ ‘‘อิมํ ฐานํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ สงฺฆเตฺถรสฺส ปาเปตฺวา เสสํ ‘‘อมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ คเหตุํ วฎฺฎติฯ ยํ ปน วตฺถเสฺสว ปุปฺผํ วา วลิ วา, เตน ปริเจฺฉทํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ สเจ เอกํ ตนฺตํ อุทฺธริตฺวา ‘‘อิทํ ฐานํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ สงฺฆเตฺถรสฺส ทตฺวา เสสํ ‘‘อมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ คณฺหนฺติ, วฎฺฎติฯ ขณฺฑํ ขณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา ภาชิยมานํ วฎฺฎติเยวฯ
Ekameva vatthaṃ ‘‘saṅghassa demā’’ti āharanti, abhājetvāva ‘‘amhākaṃ pāpuṇātī’’ti gaṇhanti, duppāpitañceva duggahitañca, satthakena, pana haliddiādinā vā lekhaṃ katvā ekaṃ koṭṭhāsaṃ ‘‘imaṃ ṭhānaṃ tumhākaṃ pāpuṇātī’’ti saṅghattherassa pāpetvā sesaṃ ‘‘amhākaṃ pāpuṇātī’’ti gahetuṃ vaṭṭati. Yaṃ pana vatthasseva pupphaṃ vā vali vā, tena paricchedaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Sace ekaṃ tantaṃ uddharitvā ‘‘idaṃ ṭhānaṃ tumhākaṃ pāpuṇātī’’ti saṅghattherassa datvā sesaṃ ‘‘amhākaṃ pāpuṇātī’’ti gaṇhanti, vaṭṭati. Khaṇḍaṃ khaṇḍaṃ chinditvā bhājiyamānaṃ vaṭṭatiyeva.
เอกภิกฺขุเก วิหาเร สงฺฆสฺส จีวเรสุ อุปฺปเนฺนสุ สเจ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว โส ภิกฺขุ ‘‘สพฺพานิ มยฺหํ ปาปุณนฺตี’’ติ คณฺหาติ, สุคฺคหิตานิ, ฐิติกา ปน น ติฎฺฐติฯ สเจ เอเกกํ อุทฺธริตฺวา ‘‘อิทํ มยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ คณฺหาติ, ฐิติกา ติฎฺฐติฯ ตตฺถ ฐิติกาย อฎฺฐิตาย ปุน อญฺญสฺมิํ จีวเร อุปฺปเนฺน สเจ เอโก ภิกฺขุ อาคจฺฉติ, มเชฺฌ ฉินฺทิตฺวา ทฺวีหิปิ คเหตพฺพํฯ ฐิตาย ฐิติกาย ปุน อญฺญสฺมิํ จีวเร อุปฺปเนฺน สเจ นวกตโร อาคจฺฉติ, ฐิติกา เหฎฺฐา โอโรหติฯ สเจ วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ, ฐิติกา อุทฺธํ อาโรหติฯ อถ อโญฺญ นตฺถิ, ปุน อตฺตโน ปาเปตฺวา คเหตพฺพํฯ
Ekabhikkhuke vihāre saṅghassa cīvaresu uppannesu sace pubbe vuttanayeneva so bhikkhu ‘‘sabbāni mayhaṃ pāpuṇantī’’ti gaṇhāti, suggahitāni, ṭhitikā pana na tiṭṭhati. Sace ekekaṃ uddharitvā ‘‘idaṃ mayhaṃ pāpuṇātī’’ti gaṇhāti, ṭhitikā tiṭṭhati. Tattha ṭhitikāya aṭṭhitāya puna aññasmiṃ cīvare uppanne sace eko bhikkhu āgacchati, majjhe chinditvā dvīhipi gahetabbaṃ. Ṭhitāya ṭhitikāya puna aññasmiṃ cīvare uppanne sace navakataro āgacchati, ṭhitikā heṭṭhā orohati. Sace vuḍḍhataro āgacchati, ṭhitikā uddhaṃ ārohati. Atha añño natthi, puna attano pāpetvā gahetabbaṃ.
‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วา ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส เทมา’’ติ วา เยน เกนจิ อากาเรน สงฺฆํ อามสิตฺวา ทินฺนํ ปน ปํสุกูลิกานํ น วฎฺฎติ ‘‘คหปติจีวรํ ปฎิกฺขิปามิ, ปํสุกูลิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ วุตฺตตฺตา, น ปน อกปฺปิยตฺตาฯ ภิกฺขุสเงฺฆน อปโลเกตฺวา ทินฺนมฺปิ น คเหตพฺพํฯ ยํ ปน ภิกฺขุ อตฺตโน สนฺตกํ เทติ, ตํ ภิกฺขุทตฺติยํ นาม วฎฺฎติฯ ปํสุกูลํ ปน น โหติฯ เอวํ สเนฺตปิ ธุตงฺคํ น ภิชฺชติฯ ‘‘ภิกฺขูนํ เทม, เถรานํ เทมา’’ติ วุเตฺต ปน ปํสุกูลิกานมฺปิ วฎฺฎติฯ ‘‘อิทํ วตฺถํ สงฺฆสฺส เทม, อิมินา อุปาหนตฺถวิกปตฺตตฺถวิกอาโยคอํสพทฺธกาทีนิ กโรถา’’ติ ทินฺนมฺปิ วฎฺฎติฯ
‘‘Saṅghassa demā’’ti vā ‘‘bhikkhusaṅghassa demā’’ti vā yena kenaci ākārena saṅghaṃ āmasitvā dinnaṃ pana paṃsukūlikānaṃ na vaṭṭati ‘‘gahapaticīvaraṃ paṭikkhipāmi, paṃsukūlikaṅgaṃ samādiyāmī’’ti vuttattā, na pana akappiyattā. Bhikkhusaṅghena apaloketvā dinnampi na gahetabbaṃ. Yaṃ pana bhikkhu attano santakaṃ deti, taṃ bhikkhudattiyaṃ nāma vaṭṭati. Paṃsukūlaṃ pana na hoti. Evaṃ santepi dhutaṅgaṃ na bhijjati. ‘‘Bhikkhūnaṃ dema, therānaṃ demā’’ti vutte pana paṃsukūlikānampi vaṭṭati. ‘‘Idaṃ vatthaṃ saṅghassa dema, iminā upāhanatthavikapattatthavikaāyogaaṃsabaddhakādīni karothā’’ti dinnampi vaṭṭati.
ปตฺตตฺถวิกาทีนํ อตฺถาย ทินฺนานิ พหูนิปิ โหนฺติ, จีวรตฺถายปิ ปโหนฺติ, ตโต จีวรํ กตฺวา ปารุปิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน สโงฺฆ ภาชิตาติริตฺตานิ วตฺถานิ ฉินฺทิตฺวา อุปาหนตฺถวิกาทีนํ อตฺถาย ภาเชติ, ตโต คเหตุํ น วฎฺฎติฯ สามิเกหิ วิจาริตเมว หิ วฎฺฎติ, น อิตรํฯ
Pattatthavikādīnaṃ atthāya dinnāni bahūnipi honti, cīvaratthāyapi pahonti, tato cīvaraṃ katvā pārupituṃ vaṭṭati. Sace pana saṅgho bhājitātirittāni vatthāni chinditvā upāhanatthavikādīnaṃ atthāya bhājeti, tato gahetuṃ na vaṭṭati. Sāmikehi vicāritameva hi vaṭṭati, na itaraṃ.
‘‘ปํสุกูลิกสงฺฆสฺส ธมฺมกรณอํสพทฺธาทีนํ อตฺถาย เทมา’’ติ วุเตฺตปิ คเหตุํ วฎฺฎติฯ ปริกฺขาโร นาม ปํสุกูลิกานมฺปิ อิจฺฉิตโพฺพฯ ยํ ตตฺถ อติเรกํ โหติ, ตํ จีวเรปิ อุปเนตุํ วฎฺฎติฯ สุตฺตํ สงฺฆสฺส เทนฺติ, ปํสุกูลิเกหิปิ คเหตพฺพํฯ อยํ ตาว วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ ทิเนฺนสุ วินิจฺฉโยฯ
‘‘Paṃsukūlikasaṅghassa dhammakaraṇaaṃsabaddhādīnaṃ atthāya demā’’ti vuttepi gahetuṃ vaṭṭati. Parikkhāro nāma paṃsukūlikānampi icchitabbo. Yaṃ tattha atirekaṃ hoti, taṃ cīvarepi upanetuṃ vaṭṭati. Suttaṃ saṅghassa denti, paṃsukūlikehipi gahetabbaṃ. Ayaṃ tāva vihāraṃ pavisitvā ‘‘imāni cīvarāni saṅghassa dammī’’ti dinnesu vinicchayo.
สเจ ปน พหิ อุปจารสีมาย อทฺธานปฎิปเนฺน ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ สงฺฆเตฺถรสฺส วา สงฺฆนวกสฺส วา อาโรเจติ, สเจปิ โยชนํ ผริตฺวา ปริสา ฐิตา โหติ, เอกาพทฺธา เจ, สเพฺพสํ ปาปุณาติฯ เย ปน ทฺวาทสหิ หเตฺถหิ ปริสํ อสมฺปตฺตา, เตสํ น ปาปุณาตีติฯ
Sace pana bahi upacārasīmāya addhānapaṭipanne bhikkhū disvā ‘‘saṅghassa dammī’’ti saṅghattherassa vā saṅghanavakassa vā āroceti, sacepi yojanaṃ pharitvā parisā ṭhitā hoti, ekābaddhā ce, sabbesaṃ pāpuṇāti. Ye pana dvādasahi hatthehi parisaṃ asampattā, tesaṃ na pāpuṇātīti.
๒๗๓๒. อิทานิ ‘‘อุภโตสเงฺฆ เทตี’’ติ มาติกํ วิวรโนฺต อาห ‘‘อุภโตสงฺฆมุทฺทิสฺสา’’ติอาทิฯ อุภโตสงฺฆมุทฺทิสฺสาติ ภิกฺขุสงฺฆํ, ภิกฺขุนิสงฺฆญฺจ อุทฺทิสิตฺวาฯ เทตีติ ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส เทมี’’ติ เทติฯ ‘‘พหุ วา’’ติ เอตฺถ ‘‘พหู วา’’ติ วตฺตเพฺพ คาถาพนฺธวเสน รสฺสตฺตํฯ ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขู โถกา วา โหนฺตุ พหู วา, ปุคฺคลเคฺคน อกตฺวา อุภโตสงฺฆวเสน สมภาโคว กาตุํ วฎฺฎตีติ โยชนาฯ
2732. Idāni ‘‘ubhatosaṅghe detī’’ti mātikaṃ vivaranto āha ‘‘ubhatosaṅghamuddissā’’tiādi. Ubhatosaṅghamuddissāti bhikkhusaṅghaṃ, bhikkhunisaṅghañca uddisitvā. Detīti ‘‘ubhatosaṅghassa demī’’ti deti. ‘‘Bahu vā’’ti ettha ‘‘bahū vā’’ti vattabbe gāthābandhavasena rassattaṃ. Bhikkhunīnaṃ bhikkhū thokā vā hontu bahū vā, puggalaggena akatvā ubhatosaṅghavasena samabhāgova kātuṃ vaṭṭatīti yojanā.
ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ‘‘อุภโตสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วุเตฺตปิ ‘‘เทฺวธาสงฺฆสฺส ทมฺมิ, ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ ทมฺมิ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส จ ทมฺมี’’ติ วุเตฺตปิ อุภโตสงฺฆสฺส ทินฺนเมว โหติ, เทฺว ภาเค สเม กตฺวา เอโก ทาตโพฺพฯ
Tatrāyaṃ vinicchayo – ‘‘ubhatosaṅghassa dammī’’ti vuttepi ‘‘dvedhāsaṅghassa dammi, dvinnaṃ saṅghānaṃ dammi, bhikkhusaṅghassa ca bhikkhunisaṅghassa ca dammī’’ti vuttepi ubhatosaṅghassa dinnameva hoti, dve bhāge same katvā eko dātabbo.
‘‘อุภโตสงฺฆสฺส จ ตุยฺหญฺจ ทมฺมี’’ติ วุเตฺต สเจ ทส ทส ภิกฺขู, ภิกฺขุนิโย จ โหนฺติ, เอกวีสติ ปฎิวีเส กตฺวา เอโก ปุคฺคลสฺส ทาตโพฺพ, ทส ภิกฺขุสงฺฆสฺส, ทส ภิกฺขุนิสงฺฆสฺสฯ เยน ปุคฺคลิโก ลโทฺธ, โส สงฺฆโตปิ อตฺตโน วสฺสเคฺคน คเหตุํ ลภติฯ กสฺมา? อุภโตสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตาฯ
‘‘Ubhatosaṅghassa ca tuyhañca dammī’’ti vutte sace dasa dasa bhikkhū, bhikkhuniyo ca honti, ekavīsati paṭivīse katvā eko puggalassa dātabbo, dasa bhikkhusaṅghassa, dasa bhikkhunisaṅghassa. Yena puggaliko laddho, so saṅghatopi attano vassaggena gahetuṃ labhati. Kasmā? Ubhatosaṅghaggahaṇena gahitattā.
‘‘อุภโตสงฺฆสฺส จ เจติยสฺส จ ทมฺมี’’ติ วุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ อิธ ปน เจติยสฺส สงฺฆโต ปาปุณนโกฎฺฐาโส นาม นตฺถิ, เอกปุคฺคลสฺส ปตฺตโกฎฺฐาสสโมว โกฎฺฐาโส โหติฯ
‘‘Ubhatosaṅghassa ca cetiyassa ca dammī’’ti vuttepi eseva nayo. Idha pana cetiyassa saṅghato pāpuṇanakoṭṭhāso nāma natthi, ekapuggalassa pattakoṭṭhāsasamova koṭṭhāso hoti.
‘‘อุภโตสงฺฆสฺส จ ตุยฺหญฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุเตฺต ปน ทฺวาวีสติ โกฎฺฐาเส กตฺวา ทส ภิกฺขูนํ, ทส ภิกฺขุนีนํ, เอโก ปุคฺคลสฺส, เอโก เจติยสฺส ทาตโพฺพฯ ตตฺถ ปุคฺคโล สงฺฆโตปิ อตฺตโน วสฺสเคฺคน ปุน คเหตุํ ลภติฯ เจติยสฺส เอโกเยวฯ
‘‘Ubhatosaṅghassa ca tuyhañca cetiyassa cā’’ti vutte pana dvāvīsati koṭṭhāse katvā dasa bhikkhūnaṃ, dasa bhikkhunīnaṃ, eko puggalassa, eko cetiyassa dātabbo. Tattha puggalo saṅghatopi attano vassaggena puna gahetuṃ labhati. Cetiyassa ekoyeva.
‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนญฺจ ทมฺมี’’ติ วุเตฺต ปน มเชฺฌ ภินฺทิตฺวา น ทาตพฺพํ, ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวา ทาตพฺพํฯ
‘‘Bhikkhusaṅghassa ca bhikkhunīnañca dammī’’ti vutte pana majjhe bhinditvā na dātabbaṃ, bhikkhū ca bhikkhuniyo ca gaṇetvā dātabbaṃ.
‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนญฺจ ตุยฺหญฺจา’’ติ วุเตฺต ปน ปุคฺคโล วิสุํ น ลภติ, ปาปุณนฎฺฐานโต เอกเมว ลภติฯ กสฺมา? ภิกฺขุสงฺฆคฺคหเณน คหิตตฺตาฯ
‘‘Bhikkhusaṅghassa ca bhikkhunīnañca tuyhañcā’’ti vutte pana puggalo visuṃ na labhati, pāpuṇanaṭṭhānato ekameva labhati. Kasmā? Bhikkhusaṅghaggahaṇena gahitattā.
‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิกฺขุนีนญฺจ ตุยฺหญฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุเตฺตปิ เจติยสฺส เอกปุคฺคลปฎิวีโส ลพฺภติ, ปุคฺคลสฺส วิสุํ น ลพฺภติฯ ตสฺมา เอกํ เจติยสฺส ทตฺวา อวเสสํ ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวา ภาเชตพฺพํฯ
‘‘Bhikkhusaṅghassa ca bhikkhunīnañca tuyhañca cetiyassa cā’’ti vuttepi cetiyassa ekapuggalapaṭivīso labbhati, puggalassa visuṃ na labbhati. Tasmā ekaṃ cetiyassa datvā avasesaṃ bhikkhū ca bhikkhuniyo ca gaṇetvā bhājetabbaṃ.
‘‘ภิกฺขูนญฺจ ภิกฺขุนีนญฺจ ทมฺมี’’ติ วุเตฺตปิ น มเชฺฌ ภินฺทิตฺวา ทาตพฺพํ, ปุคฺคลคณนาย เอว วิภชิตพฺพํฯ
‘‘Bhikkhūnañca bhikkhunīnañca dammī’’ti vuttepi na majjhe bhinditvā dātabbaṃ, puggalagaṇanāya eva vibhajitabbaṃ.
‘‘ภิกฺขูนญฺจ ภิกฺขุนีนญฺจ ตุยฺหญฺจ เจติยสฺส จา’’ติ เอวํ วุเตฺตปิ เจติยสฺส เอกปุคฺคลปฎิวีโส ลพฺภติ, ปุคฺคลสฺส วิสุํ นตฺถิ, ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คเณตฺวา เอว ภาเชตพฺพํฯ ยถา จ ภิกฺขุสงฺฆํ อาทิํ กตฺวา นโย นีโต, เอวํ ภิกฺขุนิสงฺฆํ อาทิํ กตฺวาปิ เนตโพฺพฯ
‘‘Bhikkhūnañca bhikkhunīnañca tuyhañca cetiyassa cā’’ti evaṃ vuttepi cetiyassa ekapuggalapaṭivīso labbhati, puggalassa visuṃ natthi, bhikkhū ca bhikkhuniyo ca gaṇetvā eva bhājetabbaṃ. Yathā ca bhikkhusaṅghaṃ ādiṃ katvā nayo nīto, evaṃ bhikkhunisaṅghaṃ ādiṃ katvāpi netabbo.
‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหญฺจา’’ติ วุเตฺต ปุคฺคลสฺส วิสุํ น ลพฺภติ, วสฺสเคฺคเนว คเหตพฺพํฯ
‘‘Bhikkhusaṅghassa ca tuyhañcā’’ti vutte puggalassa visuṃ na labbhati, vassaggeneva gahetabbaṃ.
‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ เจติยสฺส จา’’ติ วุเตฺต ปน เจติยสฺส วิสุํ ปฎิวีโส ลพฺภติฯ
‘‘Bhikkhusaṅghassa ca cetiyassa cā’’ti vutte pana cetiyassa visuṃ paṭivīso labbhati.
‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตุยฺหญฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุเตฺตปิ เจติยเสฺสว ลพฺภติ, น ปุคฺคลสฺสฯ
‘‘Bhikkhusaṅghassa ca tuyhañca cetiyassa cā’’ti vuttepi cetiyasseva labbhati, na puggalassa.
‘‘ภิกฺขูนญฺจ ตุยฺหญฺจา’’ติ วุเตฺตปิ วิสุํ น ลพฺภติฯ
‘‘Bhikkhūnañca tuyhañcā’’ti vuttepi visuṃ na labbhati.
‘‘ภิกฺขูนญฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุเตฺต ปน เจติยสฺส ลพฺภติฯ
‘‘Bhikkhūnañca cetiyassa cā’’ti vutte pana cetiyassa labbhati.
‘‘ภิกฺขูนญฺจ ตุยฺหญฺจ เจติยสฺส จา’’ติ วุเตฺตปิ เจติยเสฺสว วิสุํ ลพฺภติ, น ปุคฺคลสฺสฯ ภิกฺขุนิสงฺฆํ อาทิํ กตฺวาปิ เอวเมว โยเชตพฺพํฯ
‘‘Bhikkhūnañca tuyhañca cetiyassa cā’’ti vuttepi cetiyasseva visuṃ labbhati, na puggalassa. Bhikkhunisaṅghaṃ ādiṃ katvāpi evameva yojetabbaṃ.
ปุเพฺพ พุทฺธปฺปมุขสฺส อุภโตสงฺฆสฺส ทานํ เทนฺติ, ภควา มเชฺฌ นิสีทติ, ทกฺขิณโต ภิกฺขู, วามโต ภิกฺขุนิโย นิสีทนฺติ, ภควา อุภินฺนํ สงฺฆเตฺถโร, ตทา ภควา อตฺตโน ลทฺธปจฺจเย อตฺตนาปิ ปริภุญฺชติ, ภิกฺขูนมฺปิ ทาเปติฯ เอตรหิ ปน ปณฺฑิตมนุสฺสา สธาตุกํ ปฎิมํ วา เจติยํ วา ฐเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส อุภโตสงฺฆสฺส ทานํ เทนฺติ, ปฎิมาย วา เจติยสฺส วา ปุรโต อาธารเก ปตฺตํ ฐเปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ‘‘พุทฺธานํ เทมา’’ติ ตตฺถ ยํ ปฐมํ ขาทนียํ โภชนียํ เทนฺติ, วิหารํ วา อาหริตฺวา ‘‘อิทํ เจติยสฺส เทมา’’ติ ปิณฺฑปาตญฺจ มาลาคนฺธาทีนิ จ เทนฺติ, ตตฺถ กถํ ปฎิปชฺชิตพฺพนฺติ? มาลาคนฺธาทีนิ ตาว เจติเย อาโรเปตพฺพานิ, วเตฺถหิ ปฎากา, เตเลน ปทีปา กาตพฺพาฯ ปิณฺฑปาตมธุผาณิตาทีนิ ปน โย นิพทฺธํ เจติยสฺส ชคฺคโก โหติ ปพฺพชิโต วา คหโฎฺฐ วา, ตสฺส ทาตพฺพานิฯ นิพทฺธชคฺคเก อสติ อาหฎปตฺตํ ฐเปตฺวา วตฺตํ กตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ อุปกเฎฺฐ กาเล ภุญฺชิตฺวา ปจฺฉาปิ วตฺตํ กาตุํ วฎฺฎติเยวฯ
Pubbe buddhappamukhassa ubhatosaṅghassa dānaṃ denti, bhagavā majjhe nisīdati, dakkhiṇato bhikkhū, vāmato bhikkhuniyo nisīdanti, bhagavā ubhinnaṃ saṅghatthero, tadā bhagavā attano laddhapaccaye attanāpi paribhuñjati, bhikkhūnampi dāpeti. Etarahi pana paṇḍitamanussā sadhātukaṃ paṭimaṃ vā cetiyaṃ vā ṭhapetvā buddhappamukhassa ubhatosaṅghassa dānaṃ denti, paṭimāya vā cetiyassa vā purato ādhārake pattaṃ ṭhapetvā dakkhiṇodakaṃ datvā ‘‘buddhānaṃ demā’’ti tattha yaṃ paṭhamaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ denti, vihāraṃ vā āharitvā ‘‘idaṃ cetiyassa demā’’ti piṇḍapātañca mālāgandhādīni ca denti, tattha kathaṃ paṭipajjitabbanti? Mālāgandhādīni tāva cetiye āropetabbāni, vatthehi paṭākā, telena padīpā kātabbā. Piṇḍapātamadhuphāṇitādīni pana yo nibaddhaṃ cetiyassa jaggako hoti pabbajito vā gahaṭṭho vā, tassa dātabbāni. Nibaddhajaggake asati āhaṭapattaṃ ṭhapetvā vattaṃ katvā paribhuñjituṃ vaṭṭati. Upakaṭṭhe kāle bhuñjitvā pacchāpi vattaṃ kātuṃ vaṭṭatiyeva.
มาลาคนฺธาทีสุ จ ยํ กิญฺจิ ‘‘อิทํ หริตฺวา เจติยสฺส ปูชํ กโรถา’’ติ วุเตฺต ทูรมฺปิ หริตฺวา ปูเชตพฺพํฯ ‘‘ภิกฺขํ สงฺฆสฺส หรา’’ติ วุเตฺตปิ หริตพฺพํฯ สเจ ปน ‘‘อหํ ปิณฺฑาย จรามิ, อาสนสาลาย ภิกฺขู อตฺถิ, เต หริสฺสนฺตี’’ติ วุเตฺต ‘‘ภเนฺต, ตุยฺหํเยว ทมฺมี’’ติ วทติ, ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ อถ ปน ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทสฺสามี’’ติ หรนฺตสฺส คจฺฉโต อนฺตราว กาโล อุปกโฎฺฐ โหติ, อตฺตโน ปาเปตฺวา ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ
Mālāgandhādīsu ca yaṃ kiñci ‘‘idaṃ haritvā cetiyassa pūjaṃ karothā’’ti vutte dūrampi haritvā pūjetabbaṃ. ‘‘Bhikkhaṃ saṅghassa harā’’ti vuttepi haritabbaṃ. Sace pana ‘‘ahaṃ piṇḍāya carāmi, āsanasālāya bhikkhū atthi, te harissantī’’ti vutte ‘‘bhante, tuyhaṃyeva dammī’’ti vadati, bhuñjituṃ vaṭṭati. Atha pana ‘‘bhikkhusaṅghassa dassāmī’’ti harantassa gacchato antarāva kālo upakaṭṭho hoti, attano pāpetvā bhuñjituṃ vaṭṭati.
๒๗๓๓. ยํ ปน จีวรํ ‘‘ยสฺมิํ อาวาเส วสฺสํวุตฺถสฺส สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ เทติ, ตสฺมิํเยว อาวาเส วุตฺถวเสฺสน สเงฺฆน วา คเณน วา ปุคฺคเลน วา ตํ จีวรํ ภาเชตพฺพนฺติ วณฺณิตํ เทสิตนฺติ โยชนาฯ
2733. Yaṃ pana cīvaraṃ ‘‘yasmiṃ āvāse vassaṃvutthassa saṅghassa dammī’’ti deti, tasmiṃyeva āvāse vutthavassena saṅghena vā gaṇena vā puggalena vā taṃ cīvaraṃ bhājetabbanti vaṇṇitaṃ desitanti yojanā.
ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ เทติ, ยาวติกา ภิกฺขู ตสฺมิํ อาวาเส วสฺสํวุตฺถา, ยตฺตกา วสฺสเจฺฉทํ อกตฺวา ปุริมวสฺสํวุตฺถา, เตหิ ภาเชตพฺพํ, อเญฺญสํ น ปาปุณาติฯ ทิสาปกฺกนฺตสฺสาปิ สติ คาหเก ยาว กถินสฺส อุพฺภารา ทาตพฺพํฯ อนตฺถเต ปน กถิเน อโนฺตเหมเนฺต เอวญฺจ วตฺวา ทินฺนํ ปจฺฉิมวสฺสํวุตฺถานมฺปิ ปาปุณาตีติ ลกฺขณญฺญู วทนฺติฯ อฎฺฐกถาสุ ปเนตํ อวิจาริตํฯ
Tatrāyaṃ vinicchayo – vihāraṃ pavisitvā ‘‘imāni cīvarāni vassaṃvutthasaṅghassa dammī’’ti deti, yāvatikā bhikkhū tasmiṃ āvāse vassaṃvutthā, yattakā vassacchedaṃ akatvā purimavassaṃvutthā, tehi bhājetabbaṃ, aññesaṃ na pāpuṇāti. Disāpakkantassāpi sati gāhake yāva kathinassa ubbhārā dātabbaṃ. Anatthate pana kathine antohemante evañca vatvā dinnaṃ pacchimavassaṃvutthānampi pāpuṇātīti lakkhaṇaññū vadanti. Aṭṭhakathāsu panetaṃ avicāritaṃ.
สเจ ปน พหิ อุปจารสีมายํ ฐิโต ‘‘วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วทติ, สมฺปตฺตานํ สเพฺพสํ ปาปุณาติฯ อถ ‘‘อสุกวิหาเร วสฺสํวุตฺถสงฺฆสฺสา’’ติ วทติ, ตตฺร วสฺสํวุตฺถานเมว ยาว กถินสฺสุพฺภารา ปาปุณาติฯ สเจ ปน คิมฺหานํ ปฐมทิวสโต ปฎฺฐาย เอวํ วทติ, ตตฺร สมฺมุขีภูตานํเยว สเพฺพสํ ปาปุณาติฯ กสฺมา? ปิฎฺฐิสมเย อุปฺปนฺนตฺตาฯ อโนฺตวเสฺสเยว ‘‘วสฺสํ วสนฺตานํ ทมฺมี’’ติ วุเตฺต ฉินฺนวสฺสา น ลภนฺติ, วสฺสํ วสนฺตาว ลภนฺติฯ จีวรมาเส ปน ‘‘วสฺสํ วสนฺตานํ ทมฺมี’’ติ วุเตฺต ปจฺฉิมิกาย วสฺสูปคตานํเยว ปาปุณาติ, ปุริมิกาย วสฺสูปคตานญฺจ ฉินฺนวสฺสานญฺจ น ปาปุณาติฯ
Sace pana bahi upacārasīmāyaṃ ṭhito ‘‘vassaṃvutthasaṅghassa dammī’’ti vadati, sampattānaṃ sabbesaṃ pāpuṇāti. Atha ‘‘asukavihāre vassaṃvutthasaṅghassā’’ti vadati, tatra vassaṃvutthānameva yāva kathinassubbhārā pāpuṇāti. Sace pana gimhānaṃ paṭhamadivasato paṭṭhāya evaṃ vadati, tatra sammukhībhūtānaṃyeva sabbesaṃ pāpuṇāti. Kasmā? Piṭṭhisamaye uppannattā. Antovasseyeva ‘‘vassaṃ vasantānaṃ dammī’’ti vutte chinnavassā na labhanti, vassaṃ vasantāva labhanti. Cīvaramāse pana ‘‘vassaṃ vasantānaṃ dammī’’ti vutte pacchimikāya vassūpagatānaṃyeva pāpuṇāti, purimikāya vassūpagatānañca chinnavassānañca na pāpuṇāti.
จีวรมาสโต ปฎฺฐาย ยาว เหมนฺตสฺส ปจฺฉิโม ทิวโส, ตาว ‘‘วสฺสาวาสิกํ เทมา’’ติ วุเตฺต กถินํ อตฺถตํ วา โหตุ อนตฺถตํ วา, อตีตวสฺสํวุตฺถานเมว ปาปุณาติฯ คิมฺหานํ ปฐมทิวสโต ปฎฺฐาย วุเตฺต ปน มาติกา อาโรเปตพฺพา ‘‘อตีตวสฺสาวาสสฺส ปญฺจ มาสา อภิกฺกนฺตา, อนาคเต จาตุมาสจฺจเยน ภวิสฺสติ, กตรวสฺสาวาสสฺส เทสี’’ติฯ สเจ ‘‘อตีตวสฺสํวุตฺถานํ ทมฺมี’’ติ วทติ, ตํ อโนฺตวสฺสํ วุตฺถานเมว ปาปุณาติฯ ทิสาปกฺกนฺตานมฺปิ สภาคา คณฺหิตุํ ลภนฺติฯ
Cīvaramāsato paṭṭhāya yāva hemantassa pacchimo divaso, tāva ‘‘vassāvāsikaṃ demā’’ti vutte kathinaṃ atthataṃ vā hotu anatthataṃ vā, atītavassaṃvutthānameva pāpuṇāti. Gimhānaṃ paṭhamadivasato paṭṭhāya vutte pana mātikā āropetabbā ‘‘atītavassāvāsassa pañca māsā abhikkantā, anāgate cātumāsaccayena bhavissati, kataravassāvāsassa desī’’ti. Sace ‘‘atītavassaṃvutthānaṃ dammī’’ti vadati, taṃ antovassaṃ vutthānameva pāpuṇāti. Disāpakkantānampi sabhāgā gaṇhituṃ labhanti.
สเจ ‘‘อนาคเต วสฺสาวาสิกํ ทมฺมี’’ติ วทติ, ตํ ฐเปตฺวา วสฺสูปนายิกทิวเส คเหตพฺพํฯ อถ ‘‘อคุโตฺต วิหาโร, โจรภยํ อตฺถิ, น สกฺกา ฐเปตุํ, คณฺหิตฺวา วา อาหิณฺฑิตุ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘สมฺปตฺตานํ ทมฺมี’’ติ วทติ, ภาเชตฺวา คเหตพฺพํฯ สเจ วทติ ‘‘อิโต เม, ภเนฺต, ตติเย วเสฺส วสฺสาวาสิกํ น ทินฺนํ, ตํ ทมฺมี’’ติ, ตสฺมิํ อโนฺตวเสฺส วุตฺถภิกฺขูนํ ปาปุณาติฯ สเจ เต ทิสาปกฺกนฺตา, อโญฺญ วิสฺสาสิโก คณฺหาติ, ทาตพฺพํฯ อถ เอโกเยว อวสิโฎฺฐ, เสสา กาลกตา, สพฺพํ เอกเสฺสว ปาปุณาติฯ สเจ เอโกปิ นตฺถิ, สงฺฆิกํ โหติ, สมฺมุขีภูเตหิ ภาเชตพฺพนฺติฯ
Sace ‘‘anāgate vassāvāsikaṃ dammī’’ti vadati, taṃ ṭhapetvā vassūpanāyikadivase gahetabbaṃ. Atha ‘‘agutto vihāro, corabhayaṃ atthi, na sakkā ṭhapetuṃ, gaṇhitvā vā āhiṇḍitu’’nti vutte ‘‘sampattānaṃ dammī’’ti vadati, bhājetvā gahetabbaṃ. Sace vadati ‘‘ito me, bhante, tatiye vasse vassāvāsikaṃ na dinnaṃ, taṃ dammī’’ti, tasmiṃ antovasse vutthabhikkhūnaṃ pāpuṇāti. Sace te disāpakkantā, añño vissāsiko gaṇhāti, dātabbaṃ. Atha ekoyeva avasiṭṭho, sesā kālakatā, sabbaṃ ekasseva pāpuṇāti. Sace ekopi natthi, saṅghikaṃ hoti, sammukhībhūtehi bhājetabbanti.
๒๗๓๔. ยาคุยา ปน ปีตาย วา ภเตฺต วา ภุเตฺต สเจ ปน อาทิสฺส ‘‘เยน เม ยาคุ ปีตา, ตสฺส ทมฺมิ, เยน เม ภตฺตํ ภุตฺตํ, ตสฺส ทมฺมี’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา จีวรํ เทติ, วินยธเรน ตตฺถ ตเตฺถว ทานํ ทาตพฺพนฺติ โยชนาฯ เอส นโย ขาทนียจีวรเสนาสนเภสชฺชาทีสุฯ
2734.Yāguyā pana pītāya vā bhatte vā bhutte sace pana ādissa ‘‘yena me yāgu pītā, tassa dammi, yena me bhattaṃ bhuttaṃ, tassa dammī’’ti paricchinditvā cīvaraṃ deti, vinayadharena tattha tattheva dānaṃ dātabbanti yojanā. Esa nayo khādanīyacīvarasenāsanabhesajjādīsu.
ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ภิกฺขู อชฺชตนาย วา สฺวาตนาย วา ยาคุยา นิมเนฺตตฺวา เตสํ ฆรํ ปวิฎฺฐานํ ยาคุํ เทติ, ยาคุํ ทตฺวา ปีตาย ยาคุยา ‘‘อิมานิ จีวรานิ เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตา, เตสํ ทมฺมี’’ติ เทติ, เยหิ นิมนฺติเตหิ ยาคุ ปีตา, เตสํเยว ปาปุณนฺติ, เยหิ ปน ภิกฺขาจารวเตฺตน ฆรทฺวาเรน คจฺฉเนฺตหิ วา ฆรํ ปวิเฎฺฐหิ วา ยาคุ ลทฺธา, เยสํ วา อาสนสาลโต ปตฺตํ อาหริตฺวา มนุเสฺสหิ นีตา, เย วา เถเรหิ เปสิตา, เตสํ น ปาปุณนฺติฯ
Tatrāyaṃ vinicchayo – bhikkhū ajjatanāya vā svātanāya vā yāguyā nimantetvā tesaṃ gharaṃ paviṭṭhānaṃ yāguṃ deti, yāguṃ datvā pītāya yāguyā ‘‘imāni cīvarāni yehi mayhaṃ yāgu pītā, tesaṃ dammī’’ti deti, yehi nimantitehi yāgu pītā, tesaṃyeva pāpuṇanti, yehi pana bhikkhācāravattena gharadvārena gacchantehi vā gharaṃ paviṭṭhehi vā yāgu laddhā, yesaṃ vā āsanasālato pattaṃ āharitvā manussehi nītā, ye vā therehi pesitā, tesaṃ na pāpuṇanti.
สเจ ปน นิมนฺติตภิกฺขูหิ สทฺธิํ อเญฺญปิ พหู อาคนฺตฺวา อโนฺตเคหญฺจ พหิเคหญฺจ ปูเรตฺวา นิสินฺนา, ทายโก จ เอวํ วทติ ‘‘นิมนฺติตา วา โหนฺตุ อนิมนฺติตา วา, เยสํ มยา ยาคุ ทินฺนา, สเพฺพสํ อิมานิ วตฺถานิ โหนฺตู’’ติ, สเพฺพสํ ปาปุณนฺติฯ เยหิ ปน เถรานํ หตฺถโต ยาคุ ลทฺธา, เตสํ น ปาปุณนฺติฯ อถ โส ‘‘เยหิ มยฺหํ ยาคุ ปีตา, สเพฺพสํ โหนฺตู’’ติ วทติ, สเพฺพสํ ปาปุณนฺติฯ ภตฺตขาทนีเยสุปิ เอเสว นโยฯ
Sace pana nimantitabhikkhūhi saddhiṃ aññepi bahū āgantvā antogehañca bahigehañca pūretvā nisinnā, dāyako ca evaṃ vadati ‘‘nimantitā vā hontu animantitā vā, yesaṃ mayā yāgu dinnā, sabbesaṃ imāni vatthāni hontū’’ti, sabbesaṃ pāpuṇanti. Yehi pana therānaṃ hatthato yāgu laddhā, tesaṃ na pāpuṇanti. Atha so ‘‘yehi mayhaṃ yāgu pītā, sabbesaṃ hontū’’ti vadati, sabbesaṃ pāpuṇanti. Bhattakhādanīyesupi eseva nayo.
จีวเร วาติ ปุเพฺพปิ เยน วสฺสํ วาเสตฺวา ภิกฺขูนํ จีวรํ ทินฺนปุพฺพํ โหติ, โส เจ ภิกฺขู โภเชตฺวา วทติ ‘‘เยสํ มยา ปุเพฺพ จีวรํ ทินฺนํ, เตสํเยว อิมํ จีวรํ วา สุตฺตํ วา สปฺปิมธุผาณิตาทีนิ วา โหนฺตู’’ติ, สพฺพํ เตสํเยว ปาปุณาติฯ
Cīvare vāti pubbepi yena vassaṃ vāsetvā bhikkhūnaṃ cīvaraṃ dinnapubbaṃ hoti, so ce bhikkhū bhojetvā vadati ‘‘yesaṃ mayā pubbe cīvaraṃ dinnaṃ, tesaṃyeva imaṃ cīvaraṃ vā suttaṃ vā sappimadhuphāṇitādīni vā hontū’’ti, sabbaṃ tesaṃyeva pāpuṇāti.
เสนาสเน วาติ ‘‘โย มยา การิเต วิหาเร วา ปริเวเณ วา วสติ, ตสฺสิทํ โหตู’’ติ วุเตฺต ตเสฺสว โหติฯ
Senāsane vāti ‘‘yo mayā kārite vihāre vā pariveṇe vā vasati, tassidaṃ hotū’’ti vutte tasseva hoti.
เภสเชฺช วาติ ‘‘มยํ กาเลน กาลํ เถรานํ สปฺปิอาทีนิ เภสชฺชานิ เทม, เยหิ ตานิ ลทฺธานิ, เตสํเยวิทํ โหตู’’ติ วุเตฺต เตสํเยว โหตีติฯ
Bhesajje vāti ‘‘mayaṃ kālena kālaṃ therānaṃ sappiādīni bhesajjāni dema, yehi tāni laddhāni, tesaṃyevidaṃ hotū’’ti vutte tesaṃyeva hotīti.
๒๗๓๕. ทียเตติ ทานนฺติ กมฺมสาธเนน จีวรํ วุจฺจติฯ ยํ-สเทฺทน จีวรสฺส ปรามฎฺฐตฺตา ตํ-สเทฺทนาปิ ตเทว ปรามสิตพฺพนฺติฯ
2735. Dīyateti dānanti kammasādhanena cīvaraṃ vuccati. Yaṃ-saddena cīvarassa parāmaṭṭhattā taṃ-saddenāpi tadeva parāmasitabbanti.
ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ เอวํ ปรมฺมุขา วา ‘‘อิทํ เม, ภเนฺต, ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ เอวํ สมฺมุขา วา ปาทมูเล ฐเปตฺวา วา เทติ, ตํ ตเสฺสว โหติฯ สเจ ปน ‘‘อิทํ ตุมฺหากญฺจ ตุมฺหากํ อเนฺตวาสิกานญฺจ ทมฺมี’’ติ เอวํ วทติ, เถรสฺส จ อเนฺตวาสิกานญฺจ ปาปุณาติฯ อุเทฺทสํ คเหตุํ อาคโต คเหตฺวา คจฺฉโนฺต จ อตฺถิ, ตสฺสาปิ ปาปุณาติฯ ‘‘ตุเมฺหหิ สทฺธิํ นิพทฺธจาริกภิกฺขูนํ ทมฺมี’’ติ วุเตฺต อุเทฺทสเนฺตวาสิกานํ วตฺตํ กตฺวา อุเทฺทสปริปุจฺฉาทีนิ คเหตฺวา วิจรนฺตานํ สเพฺพสํ ปาปุณาตีติฯ
Tatrāyaṃ vinicchayo – ‘‘imaṃ cīvaraṃ itthannāmassa dammī’’ti evaṃ parammukhā vā ‘‘idaṃ me, bhante, tumhākaṃ dammī’’ti evaṃ sammukhā vā pādamūle ṭhapetvā vā deti, taṃ tasseva hoti. Sace pana ‘‘idaṃ tumhākañca tumhākaṃ antevāsikānañca dammī’’ti evaṃ vadati, therassa ca antevāsikānañca pāpuṇāti. Uddesaṃ gahetuṃ āgato gahetvā gacchanto ca atthi, tassāpi pāpuṇāti. ‘‘Tumhehi saddhiṃ nibaddhacārikabhikkhūnaṃ dammī’’ti vutte uddesantevāsikānaṃ vattaṃ katvā uddesaparipucchādīni gahetvā vicarantānaṃ sabbesaṃ pāpuṇātīti.
๒๗๓๗. วทติเจฺจวเมว เจติ อิเจฺจวํ ยถาวุตฺตนเยน วทติ เจฯ ตนฺติ ตํ ปริกฺขารํฯ เตสนฺติ มาตุอาทีนํฯ สงฺฆเสฺสว สนฺตกํ โหตีติ โยชนาฯ
2737.Vadaticcevameva ceti iccevaṃ yathāvuttanayena vadati ce. Tanti taṃ parikkhāraṃ. Tesanti mātuādīnaṃ. Saṅghasseva santakaṃ hotīti yojanā.
๒๗๓๘. ‘‘ปญฺจนฺนํ…เป.… โหตี’’ติ อิมินา ปุริมคาถาทฺวเยน วิตฺถาริตเมวตฺถํ สํขิปิตฺวา ทเสฺสติฯ ปญฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํฯ อจฺจเยติ กาลกิริยายฯ ทานนฺติ ‘‘มยิ กาลกเต อิมํ ปริกฺขารํ ตุยฺหํ โหตุ, ตว สนฺตกํ กโรหี’’ติอาทินา ปริจฺจชนํฯ กิญฺจิปีติ อนฺตมโส ทนฺตกฎฺฐมฺปิฯ คิหีนํ ปน ทานํ ตถา ทายกานํ คิหีนเมว อจฺจเย รูหตีติ โยชนาฯ
2738.‘‘Pañcannaṃ…pe… hotī’’ti iminā purimagāthādvayena vitthāritamevatthaṃ saṃkhipitvā dasseti. Pañcannaṃ sahadhammikānaṃ. Accayeti kālakiriyāya. Dānanti ‘‘mayi kālakate imaṃ parikkhāraṃ tuyhaṃ hotu, tava santakaṃ karohī’’tiādinā pariccajanaṃ. Kiñcipīti antamaso dantakaṭṭhampi. Gihīnaṃ pana dānaṃ tathā dāyakānaṃ gihīnameva accaye rūhatīti yojanā.
๒๗๓๙. ภิกฺขุ วา สามเณโร วา ภิกฺขุนิอุปสฺสเย กาลํ กโรติ, อสฺส ภิกฺขุสฺส วา สามเณรสฺส วา ปริกฺขารา ภิกฺขูนํเยว สนฺตกา ภิกฺขุสงฺฆเสฺสว สนฺตกาติ โยชนาฯ ภิกฺขุสงฺฆเสฺสว สนฺตกา กาลกตสฺส ภิกฺขุสงฺฆปริยาปนฺนตฺตาฯ
2739. Bhikkhu vā sāmaṇero vā bhikkhuniupassaye kālaṃ karoti, assa bhikkhussa vā sāmaṇerassa vā parikkhārā bhikkhūnaṃyeva santakā bhikkhusaṅghasseva santakāti yojanā. Bhikkhusaṅghasseva santakā kālakatassa bhikkhusaṅghapariyāpannattā.
๒๗๔๐. สามเณรี วาติ เอตฺถ วา-สเทฺทน ‘‘สิกฺขมานา วา’’ติ อิทํ สงฺคณฺหาติฯ วิหารสฺมิํ ภิกฺขูนํ นิวาสนฎฺฐาเนฯ ตสฺสาติ ภิกฺขุนิยา วา สามเณริยา วา สิกฺขมานาย วา ปริกฺขารา ภิกฺขุนีนํ สนฺตกา โหนฺตีติ โยชนาฯ สนฺตกาติ เอตฺถาปิ ภิกฺขูสุ วุตฺตนเยเนวโตฺถ คเหตโพฺพฯ
2740.Sāmaṇerī vāti ettha vā-saddena ‘‘sikkhamānā vā’’ti idaṃ saṅgaṇhāti. Vihārasmiṃ bhikkhūnaṃ nivāsanaṭṭhāne. Tassāti bhikkhuniyā vā sāmaṇeriyā vā sikkhamānāya vā parikkhārā bhikkhunīnaṃ santakā hontīti yojanā. Santakāti etthāpi bhikkhūsu vuttanayenevattho gahetabbo.
๒๗๔๑. เทหิ เนตฺวาติ เอตฺถ ‘‘อิมํ จีวร’’นฺติ ปกรณโต ลพฺภติฯ ‘‘อิมํ จีวรํ เนตฺวา อสุกสฺส เทหี’’ติ ยํ จีวรํ ทินฺนํ, ตํ ตสฺส ปุริมเสฺสว สนฺตกํ โหติฯ ‘‘อิทํ จีวรํ อสุกสฺส ทมฺมี’’ติ ยํ จีวรํ ทินฺนํ, ตํ ยสฺส ปหิยฺยติ, ตสฺส ปจฺฉิมเสฺสว สนฺตกํ โหตีติ โยชนาฯ
2741.Dehi netvāti ettha ‘‘imaṃ cīvara’’nti pakaraṇato labbhati. ‘‘Imaṃ cīvaraṃ netvā asukassa dehī’’ti yaṃ cīvaraṃ dinnaṃ, taṃ tassa purimasseva santakaṃ hoti. ‘‘Idaṃ cīvaraṃ asukassa dammī’’ti yaṃ cīvaraṃ dinnaṃ, taṃ yassa pahiyyati, tassa pacchimasseva santakaṃ hotīti yojanā.
๒๗๔๒. ยถาวุตฺตวจนปฺปการานุรูเปน สามิเก ญตฺวา สามิเกสุ วิสฺสาเสน วา เตสุ มเตสุ มตกจีวรมฺปิ คณฺหิตุํ วฎฺฎตีติ ทเสฺสตุํ อาห ‘‘เอว’’นฺติอาทิฯ ‘‘มตสฺส วา อมตสฺส วา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ วิสฺสาสํ วาปิ คเณฺหยฺยาติ ชีวนฺตสฺส สนฺตกํ วิสฺสาสคฺคาหํ คเณฺหยฺยฯ คเณฺห มตกจีวรนฺติ มตสฺส จีวรํ มตกปริกฺขารนีหาเรน ปาเปตฺวา คเณฺหยฺยฯ
2742. Yathāvuttavacanappakārānurūpena sāmike ñatvā sāmikesu vissāsena vā tesu matesu matakacīvarampi gaṇhituṃ vaṭṭatīti dassetuṃ āha ‘‘eva’’ntiādi. ‘‘Matassa vā amatassa vā’’ti padacchedo. Vissāsaṃ vāpi gaṇheyyāti jīvantassa santakaṃ vissāsaggāhaṃ gaṇheyya. Gaṇhe matakacīvaranti matassa cīvaraṃ matakaparikkhāranīhārena pāpetvā gaṇheyya.
๒๗๔๓. รชเต อเนนาติ รชนนฺติ มูลาทิสพฺพมาหฯ วนฺตโทเสนาติ สวาสนสมุจฺฉินฺนราคาทิโทเสนฯ ตาทินาติ รูปาทีสุ ฉฬารมฺมเณสุ ราคาทีนํ อนุปฺปตฺติยา อฎฺฐสุ โลกธเมฺมสุ นิพฺพิการตาย เอกสทิเสนฯ
2743. Rajate anenāti rajananti mūlādisabbamāha. Vantadosenāti savāsanasamucchinnarāgādidosena. Tādināti rūpādīsu chaḷārammaṇesu rāgādīnaṃ anuppattiyā aṭṭhasu lokadhammesu nibbikāratāya ekasadisena.
๒๗๔๔-๕. ‘‘มูเล’’ติอาทีสุ นิทฺธารเณ ภุมฺมํฯ มูลรชเน หลิทฺทิํ ฐเปตฺวา สพฺพํ มูลรชนํ วฎฺฎติฯ ขเนฺธสุ รชเนสุ มเญฺชฎฺฐญฺจ ตุงฺคหารกญฺจ ฐเปตฺวา สพฺพํ ขนฺธรชนํ วฎฺฎติฯ ปเตฺตสุ รชเนสุ อลฺลิยา ปตฺตํ ตถา นีลิยา ปตฺตญฺจ ฐเปตฺวา สพฺพํ ปตฺตรชนํ วฎฺฎติฯ ปุปฺผรชเนสุ กุสุมฺภญฺจ กิํสุกญฺจ ฐเปตฺวา สพฺพํ ปุปฺผรชนํ วฎฺฎติฯ ตจรชเน โลทฺทญฺจ กณฺฑุลญฺจ ฐเปตฺวา สพฺพํ ตจรชนํ วฎฺฎติฯ ผลรชนํ สพฺพมฺปิ วฎฺฎตีติ โยชนาฯ
2744-5.‘‘Mūle’’tiādīsu niddhāraṇe bhummaṃ. Mūlarajane haliddiṃ ṭhapetvā sabbaṃ mūlarajanaṃ vaṭṭati. Khandhesu rajanesu mañjeṭṭhañca tuṅgahārakañca ṭhapetvā sabbaṃ khandharajanaṃ vaṭṭati. Pattesu rajanesu alliyā pattaṃ tathā nīliyā pattañca ṭhapetvā sabbaṃ pattarajanaṃ vaṭṭati. Puppharajanesu kusumbhañca kiṃsukañca ṭhapetvā sabbaṃ puppharajanaṃ vaṭṭati. Tacarajane loddañca kaṇḍulañca ṭhapetvā sabbaṃ tacarajanaṃ vaṭṭati. Phalarajanaṃ sabbampi vaṭṭatīti yojanā.
มเญฺชฎฺฐนฺติ เอโก สกณฺฎกรุโกฺข, วลฺลิวิเสโส จ, ยสฺส รชนํ มเญฺชฎฺฐพีชวณฺณํ โหติฯ มเญฺชฎฺฐรุกฺขสฺส ขโนฺธ เสตวโณฺณติ โส อิธ น คเหตโพฺพ รชนาธิการตฺตาฯ ตุงฺคหารโก นาม เอโก สกณฺฎกรุโกฺข, ยสฺส รชนํ หริตาลวณฺณํ โหติฯ อลฺลีติ จุลฺลตาปิญฺฉรุโกฺข, ยสฺส ปณฺณรชนํ หลิทฺทิวณฺณํ โหติฯ นีลีติ คจฺฉวิเสโส, ยสฺส ปน รชนํ นีลวณฺณํ โหติฯ กิํสุกํ นาม วลฺลิกิํสุกปุปฺผํ, ยสฺส รชนํ โลหิตวณฺณํ โหติฯ
Mañjeṭṭhanti eko sakaṇṭakarukkho, valliviseso ca, yassa rajanaṃ mañjeṭṭhabījavaṇṇaṃ hoti. Mañjeṭṭharukkhassa khandho setavaṇṇoti so idha na gahetabbo rajanādhikārattā. Tuṅgahārako nāma eko sakaṇṭakarukkho, yassa rajanaṃ haritālavaṇṇaṃ hoti. Allīti cullatāpiñcharukkho, yassa paṇṇarajanaṃ haliddivaṇṇaṃ hoti. Nīlīti gacchaviseso, yassa pana rajanaṃ nīlavaṇṇaṃ hoti. Kiṃsukaṃ nāma vallikiṃsukapupphaṃ, yassa rajanaṃ lohitavaṇṇaṃ hoti.
๒๗๔๖. กิลิฎฺฐสาฎกนฺติ มลีนสาฎกํฯ โธวิตุนฺติ เอกวารํ โธวิตุํฯ อลฺลิยา โธตํ กิร สมฺมเทว รชนํ ปฎิคฺคณฺหาติฯ
2746.Kiliṭṭhasāṭakanti malīnasāṭakaṃ. Dhovitunti ekavāraṃ dhovituṃ. Alliyā dhotaṃ kira sammadeva rajanaṃ paṭiggaṇhāti.
๒๗๔๗. จีวรานํ กถา เสสาติ เภทการณปฺปการกถาทิกา อิธ อวุตฺตกถาฯ ปฐเม กถิเน วุตฺตาติ เสโสฯ วิภาวินาติ ขนฺธกภาณเกนฯ
2747.Cīvarānaṃkathā sesāti bhedakāraṇappakārakathādikā idha avuttakathā. Paṭhame kathine vuttāti seso. Vibhāvināti khandhakabhāṇakena.
จีวรกฺขนฺธกกถาวณฺณนาฯ
Cīvarakkhandhakakathāvaṇṇanā.
อิติ วินยตฺถสารสนฺทีปนิยา วินยวินิจฺฉยวณฺณนาย
Iti vinayatthasārasandīpaniyā vinayavinicchayavaṇṇanāya
มหาวคฺควินิจฺฉยวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mahāvaggavinicchayavaṇṇanā niṭṭhitā.