Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๓. จีวรนิเทฺทสวณฺณนา
3. Cīvaraniddesavaṇṇanā
๓๐. เอวํ ครุเก สิกฺขิตพฺพาการํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ จีวเรสุ ทเสฺสตุํ ‘‘จีวร’’นฺติ อุทฺธฎํฯ ตตฺถ ชาติโต ฉ จีวรานิ (มหาว. ๓๓๙; ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๖๒-๔๖๓; กงฺขา. อฎฺฐ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา), ตานิ กานีติ เจ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘โขมา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ โขมํ นาม โขมวากสุเตฺตหิ กตํ วตฺถํฯ สาณํ นาม สาณวาเกหิ กตํ วตฺถํฯ ภงฺคํ นาม โขมสุตฺตาทีหิ ปญฺจหิ มิเสฺสตฺวา กตํ วตฺถํฯ ปาเฎกฺกํ วากมยเมว วาติ วทนฺติฯ กมฺพลํ นาม มนุสฺสโลมํ วาฬโลมํ ฐเปตฺวา โลเมหิ วายิตฺวา กตํ วตฺถํฯ ฉเฬตานีติ ฉ เอตานิฯ สห อนุโลเมหีติ สานุโลมานิฯ ชาติโต ปน กปฺปิยานิ ฉ จีวรานีติ วุตฺตํ โหติฯ
30. Evaṃ garuke sikkhitabbākāraṃ dassetvā idāni cīvaresu dassetuṃ ‘‘cīvara’’nti uddhaṭaṃ. Tattha jātito cha cīvarāni (mahāva. 339; pārā. aṭṭha. 2.462-463; kaṅkhā. aṭṭha. kathinasikkhāpadavaṇṇanā), tāni kānīti ce, taṃ dassetuṃ ‘‘khomā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha khomaṃ nāma khomavākasuttehi kataṃ vatthaṃ. Sāṇaṃ nāma sāṇavākehi kataṃ vatthaṃ. Bhaṅgaṃ nāma khomasuttādīhi pañcahi missetvā kataṃ vatthaṃ. Pāṭekkaṃ vākamayameva vāti vadanti. Kambalaṃ nāma manussalomaṃ vāḷalomaṃ ṭhapetvā lomehi vāyitvā kataṃ vatthaṃ. Chaḷetānīti cha etāni. Saha anulomehīti sānulomāni. Jātito pana kappiyāni cha cīvarānīti vuttaṃ hoti.
๓๑. อิทานิ เตสํ อนุโลมานิ ทเสฺสตุํ ‘‘ทุกูล’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๐๕) ทุกูลํ สาณสฺส อนุโลมํ วากมยตฺตาฯ ปฎฺฎุณฺณนฺติ ปฎฺฎุณฺณเทเส ปาณเกหิ สญฺชาตวตฺถํฯ โสมารเทเส, จีนเทเส ชาตํ โสมารจีนชํ ปฎนฺติ สมฺพโนฺธฯ อิมานิ ตีณิปิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตาฯ อิทฺธิชนฺติ เอหิภิกฺขูนํ ปุญฺญิทฺธิยา นิพฺพตฺตจีวรํฯ ตํ ปน โขมาทีนํ อญฺญตรํ โหติฯ กปฺปรุเกฺขหิ นิพฺพตฺตํ ชาลินิยา เทวกญฺญาย อนุรุทฺธเตฺถรสฺส ทินฺนวตฺถาทิกํ เทวทินฺนํฯ ตมฺปิ โขมาทีหิ นิพฺพตฺตวตฺถสทิสตฺตา ฉนฺนมฺปิ อนุโลมํ โหติเยว กปฺปาสิกสฺส วา, อิทฺธิชมฺปิ ตเถว เวทิตพฺพํฯ ตสฺส ตสฺสาติ โขมาทิกสฺสฯ อนุโลมิกนฺติ อนุรูปํฯ
31. Idāni tesaṃ anulomāni dassetuṃ ‘‘dukūla’’ntiādi vuttaṃ. Tattha (mahāva. aṭṭha. 305) dukūlaṃ sāṇassa anulomaṃ vākamayattā. Paṭṭuṇṇanti paṭṭuṇṇadese pāṇakehi sañjātavatthaṃ. Somāradese, cīnadese jātaṃ somāracīnajaṃ paṭanti sambandho. Imāni tīṇipi koseyyassa anulomāni pāṇakehi katasuttamayattā. Iddhijanti ehibhikkhūnaṃ puññiddhiyā nibbattacīvaraṃ. Taṃ pana khomādīnaṃ aññataraṃ hoti. Kapparukkhehi nibbattaṃ jāliniyā devakaññāya anuruddhattherassa dinnavatthādikaṃ devadinnaṃ. Tampi khomādīhi nibbattavatthasadisattā channampi anulomaṃ hotiyeva kappāsikassa vā, iddhijampi tatheva veditabbaṃ. Tassa tassāti khomādikassa. Anulomikanti anurūpaṃ.
๓๒-๓๓. เอวํ ชาติโต สานุโลมานิ ฉ จีวรานิ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เตสุ อธิฎฺฐานาทิกํ วิธานํ ทเสฺสตุํ ‘‘ติจีวร’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เอตฺถ (กงฺขา. อฎฺฐ. กถินสิกขาปทวณฺณนา; มหาว. ๓๕๘) ธิฎฺฐานโต ปุเพฺพ ติจีวรํ นาม ปาเฎกฺกํ นตฺถิ สงฺฆาฎิอาทิปฺปโหนกสฺส ปจฺจตฺถรณาทิวเสนาปิ อธิฎฺฐาตุํ อนุญฺญาตตฺตาฯ ตสฺมา ‘‘ติจีวรํ อธิเฎฺฐยฺย น วิกเปฺปยฺยา’’ติ เอตฺถ ‘‘อิมํ สงฺฆาฎิ’’นฺติ เอวํ นาเม คหิเต ‘‘อธิฎฺฐาน’’มิเจฺจว วตฺตพฺพํ, ‘‘วิกเปฺปมี’’ติ ปน น วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ เอวํ เสเสสุปิฯ มุขปุญฺฉนญฺจ นิสีทนญฺจ มุขปุญฺฉนนิสีทนํฯ กณฺฑุจฺฉาทินฺติ กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิํ อธิเฎฺฐยฺย, น วิกเปฺปยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ เอตฺถาติ อิเมสุ นวสุ จีวเรสุฯ ติจีวรนฺติ ติจีวราธิฎฺฐานนเยน อธิฎฺฐิตติจีวรํฯ วินา อลทฺธสมฺมุติโก ภิกฺขุ อวิปฺปวาสสมฺมุติอลทฺธฎฺฐาเน เอกาหมฺปิ หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา น วเสยฺยาติ อโตฺถฯ ‘‘น ภิกฺขเว จาตุมาสํ นิสีทเนน วิปฺปวสิตพฺพํ, โย วิปฺปวเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ ขุทฺทกกฺขนฺธเก (จูฬว. ๒๖๓) วุตฺตตฺตา จาตุมาสํ นิสีทนํ วินา น วเสยฺยาติ อโตฺถฯ
32-33. Evaṃ jātito sānulomāni cha cīvarāni dassetvā idāni tesu adhiṭṭhānādikaṃ vidhānaṃ dassetuṃ ‘‘ticīvara’’ntiādi vuttaṃ. Ettha (kaṅkhā. aṭṭha. kathinasikakhāpadavaṇṇanā; mahāva. 358) dhiṭṭhānato pubbe ticīvaraṃ nāma pāṭekkaṃ natthi saṅghāṭiādippahonakassa paccattharaṇādivasenāpi adhiṭṭhātuṃ anuññātattā. Tasmā ‘‘ticīvaraṃ adhiṭṭheyya na vikappeyyā’’ti ettha ‘‘imaṃ saṅghāṭi’’nti evaṃ nāme gahite ‘‘adhiṭṭhāna’’micceva vattabbaṃ, ‘‘vikappemī’’ti pana na vattabbanti adhippāyo. Evaṃ sesesupi. Mukhapuñchanañca nisīdanañca mukhapuñchananisīdanaṃ. Kaṇḍucchādinti kaṇḍuppaṭicchādiṃ adhiṭṭheyya, na vikappeyyāti sambandho. Etthāti imesu navasu cīvaresu. Ticīvaranti ticīvarādhiṭṭhānanayena adhiṭṭhitaticīvaraṃ. Vinā aladdhasammutiko bhikkhu avippavāsasammutialaddhaṭṭhāne ekāhampi hatthapāsaṃ vijahitvā na vaseyyāti attho. ‘‘Na bhikkhave cātumāsaṃ nisīdanena vippavasitabbaṃ, yo vippavaseyya, āpatti dukkaṭassā’’ti khuddakakkhandhake (cūḷava. 263) vuttattā cātumāsaṃ nisīdanaṃ vinā na vaseyyāti attho.
๓๔. อิทานิ อธิฎฺฐานวิธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิมํ สงฺฆาฎิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ มิจฺจธิฎฺฐเยติ อิติ อธิฎฺฐเย, ‘‘อิมํ สงฺฆาฎิํ อธิฎฺฐามี’’ติ เอวํ สงฺฆาฎิํ อธิฎฺฐเยติ อโตฺถฯ อหตฺถปาสเมตนฺติ ทูเร ฐิตํ ปน ฐปิโตกาสํ สลฺลเกฺขตฺวา สเจ เอกํ, ‘‘เอต’’นฺติ, พหูนิ เจ, ‘‘เอตานี’’ติ วตฺวา อธิฎฺฐเยติ อตฺถสมฺพโนฺธฯ เสเสสุปิ อยํ นโยติ ยถา ‘‘อิมํ สงฺฆาฎิํ อธิฎฺฐามี’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘อิมํ อุตฺตราสงฺคํ, อิมํ กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิํ อธิฎฺฐามี’’ติ เอวํ อตฺตโน นาเมเนว วตฺวา สมฺมุขาปิ ปรมฺมุขาปิ วุตฺตนเยน อธิฎฺฐาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
34. Idāni adhiṭṭhānavidhiṃ dassetuṃ ‘‘imaṃ saṅghāṭi’’ntiādi vuttaṃ. Tattha miccadhiṭṭhayeti iti adhiṭṭhaye, ‘‘imaṃ saṅghāṭiṃ adhiṭṭhāmī’’ti evaṃ saṅghāṭiṃ adhiṭṭhayeti attho. Ahatthapāsametanti dūre ṭhitaṃ pana ṭhapitokāsaṃ sallakkhetvā sace ekaṃ, ‘‘eta’’nti, bahūni ce, ‘‘etānī’’ti vatvā adhiṭṭhayeti atthasambandho. Sesesupi ayaṃ nayoti yathā ‘‘imaṃ saṅghāṭiṃ adhiṭṭhāmī’’ti vuttaṃ, evaṃ ‘‘imaṃ uttarāsaṅgaṃ, imaṃ kaṇḍuppaṭicchādiṃ adhiṭṭhāmī’’ti evaṃ attano nāmeneva vatvā sammukhāpi parammukhāpi vuttanayena adhiṭṭhātabbanti vuttaṃ hoti.
๓๕. อิทานิ สเจ ปุเพฺพ อธิฎฺฐิตํ ติจีวรํ นิสีทนํ วสฺสิกสาฎิกํ กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทีติ อิเมสุ ฉสุ จีวเรสุ อญฺญตรํ จีวรํ อตฺถิ, ปุน ตถาวิธํ จีวรํ อธิฎฺฐหิตฺวา ปริหริตุํ อิจฺฉเนฺตน ‘‘เทฺว ปน น วฎฺฎนฺตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๖๙; กงฺขา. อฎฺฐ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตตฺตา ปุเพฺพ อธิฎฺฐิตํ ปจฺจุทฺธริตฺวา อธิฎฺฐาตพฺพนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘อธิฎฺฐหโนฺต’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ อุตฺตานเมวฯ ปตฺตาธิฎฺฐหเน ตถาติ ‘‘อิมํ ปตฺตํ, เอตํ ปตฺต’’นฺติ เอวํ นามมตฺตเมว วิเสโสฯ เสสํ ตาทิสเมวาติ อโตฺถฯ
35. Idāni sace pubbe adhiṭṭhitaṃ ticīvaraṃ nisīdanaṃ vassikasāṭikaṃ kaṇḍuppaṭicchādīti imesu chasu cīvaresu aññataraṃ cīvaraṃ atthi, puna tathāvidhaṃ cīvaraṃ adhiṭṭhahitvā pariharituṃ icchantena ‘‘dve pana na vaṭṭantī’’ti (pārā. aṭṭha. 2.469; kaṅkhā. aṭṭha. kathinasikkhāpadavaṇṇanā) vuttattā pubbe adhiṭṭhitaṃ paccuddharitvā adhiṭṭhātabbanti dassetuṃ ‘‘adhiṭṭhahanto’’tiādi vuttaṃ, taṃ uttānameva. Pattādhiṭṭhahane tathāti ‘‘imaṃ pattaṃ, etaṃ patta’’nti evaṃ nāmamattameva viseso. Sesaṃ tādisamevāti attho.
๓๖. เอตํ อิมํ ว สงฺฆาฎิํ สํเสติ เอตฺถ สเจ อโนฺตคเพฺภ วา สามนฺตวิหาเร วา โหติ, ฐปิตฎฺฐานํ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘เอตํ สงฺฆาฎิํ อธิฎฺฐามี’’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา, สเจ หตฺถปาเส โหติ, ‘‘อิมํ สงฺฆาฎิ’’นฺติ เตสํ เตสํ นามวเสน วาจา ภินฺทิตพฺพาติ อโตฺถฯ ปจฺจุทฺธาเรปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ ปน ‘‘เทฺว จีวรสฺส อธิฎฺฐานา กาเยน วา อธิเฎฺฐติ, วาจาย วา อธิเฎฺฐตี’’ติ (ปริ. ๓๒๒) วุตฺตตฺตา สงฺฆาฎิอาทิกํ หเตฺถน คเหตฺวา ‘‘อิมํ สงฺฆาฎิํ อธิฎฺฐามี’’ติอาทินา นเยน จิเตฺตน อาโภคํ กตฺวา กายวิการํ กโรเนฺตน กาเยน อธิฎฺฐาตพฺพํ, เยน เกนจิ สรีราวยเวน อผุสนฺตสฺส น วฎฺฎติฯ วาจาย อธิฎฺฐหเนฺตน วจีเภทํ กตฺวาว อธิฎฺฐาตพฺพํฯ ตถา ปเตฺตปิฯ วิทูติ ปณฺฑิโตฯ
36.Etaṃ imaṃ va saṅghāṭiṃ saṃseti ettha sace antogabbhe vā sāmantavihāre vā hoti, ṭhapitaṭṭhānaṃ sallakkhetvā ‘‘etaṃ saṅghāṭiṃ adhiṭṭhāmī’’ti vācā bhinditabbā, sace hatthapāse hoti, ‘‘imaṃ saṅghāṭi’’nti tesaṃ tesaṃ nāmavasena vācā bhinditabbāti attho. Paccuddhārepi eseva nayo. Ettha pana ‘‘dve cīvarassa adhiṭṭhānā kāyena vā adhiṭṭheti, vācāya vā adhiṭṭhetī’’ti (pari. 322) vuttattā saṅghāṭiādikaṃ hatthena gahetvā ‘‘imaṃ saṅghāṭiṃ adhiṭṭhāmī’’tiādinā nayena cittena ābhogaṃ katvā kāyavikāraṃ karontena kāyena adhiṭṭhātabbaṃ, yena kenaci sarīrāvayavena aphusantassa na vaṭṭati. Vācāya adhiṭṭhahantena vacībhedaṃ katvāva adhiṭṭhātabbaṃ. Tathā pattepi. Vidūti paṇḍito.
๓๗-๘. อิทานิ เตสํ ปมาณปริเจฺฉทํ ทเสฺสตุํ ‘‘สงฺฆาฎิ ปจฺฉิมเนฺตนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ทีฆโต มุฎฺฐิปญฺจกโต (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๖๙; กงฺขา. อฎฺฐ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) ปฎฺฐาย ‘‘ตตฺริทํ สุคตสฺส สุคตจีวรปฺปมาณํ, ทีฆโส นว วิทตฺถิโย สุคตวิทตฺถิยา, ติริยํ ฉ วิทตฺถิโย’’ติ (ปาจิ. ๕๔๘) เอวํ วุตฺตสุคตจีวรูนาปิ วฎฺฎติฯ ติริยํ ปน มุฎฺฐิตฺติกํฯ จ-สเทฺทน อติเรกมฺปิ วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ อุตฺตราสงฺคสฺสปิ เอตเทว ปมาณนฺติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตถา เอกํสิกสฺสาปี’’ติ วุตฺตํฯ อนฺตรวาสกสฺส ปน ‘‘ปารุปเนนปิ หิ สกฺกา นาภิํ ปฎิจฺฉาเทตุ’’นฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๖๙) อฎฺฐกถาวจนโต ‘‘ทฺวิหโตฺถ วา’’ติ วุตฺตํฯ
37-8. Idāni tesaṃ pamāṇaparicchedaṃ dassetuṃ ‘‘saṅghāṭi pacchimantenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha dīghato muṭṭhipañcakato (pārā. aṭṭha. 2.469; kaṅkhā. aṭṭha. kathinasikkhāpadavaṇṇanā) paṭṭhāya ‘‘tatridaṃ sugatassa sugatacīvarappamāṇaṃ, dīghaso nava vidatthiyo sugatavidatthiyā, tiriyaṃ cha vidatthiyo’’ti (pāci. 548) evaṃ vuttasugatacīvarūnāpi vaṭṭati. Tiriyaṃ pana muṭṭhittikaṃ. Ca-saddena atirekampi vaṭṭatīti attho. Uttarāsaṅgassapi etadeva pamāṇanti taṃ dassetuṃ ‘‘tathā ekaṃsikassāpī’’ti vuttaṃ. Antaravāsakassa pana ‘‘pārupanenapi hi sakkā nābhiṃ paṭicchādetu’’nti (pārā. aṭṭha. 2.469) aṭṭhakathāvacanato ‘‘dvihattho vā’’ti vuttaṃ.
๓๙. นิสีทนสฺส ทีเฆนาติ เอตฺถ (ปาจิ. ๕๓๑ อาทโย; ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๓๑; กงฺขา. อฎฺฐ. นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา) นิสีทนนฺติ สนฺถตสทิสํ สนฺถริตฺวา เอกสฺมิํ อเนฺต วุตฺตปฺปมาเณน ทฺวีสุ ฐาเนสุ ผาเลตฺวา กตาหิ ตีหิ ทสาหิ ยุตฺตสฺส ปริกฺขารเสฺสตํ นามํฯ
39.Nisīdanassadīghenāti ettha (pāci. 531 ādayo; pāci. aṭṭha. 531; kaṅkhā. aṭṭha. nisīdanasikkhāpadavaṇṇanā) nisīdananti santhatasadisaṃ santharitvā ekasmiṃ ante vuttappamāṇena dvīsu ṭhānesu phāletvā katāhi tīhi dasāhi yuttassa parikkhārassetaṃ nāmaṃ.
๔๐. กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิ (ปาจิ. ๕๓๘; มหาว. ๓๕๔; ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๓๗; กงฺขา. อฎฺฐ. กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิสิกฺขาปทวณฺณนา) นาม ยสฺส อโธนาภิอุพฺภชาณุมณฺฑลํ กณฺฑุ วา ปิฬกา วา อสฺสาโว วา ถุลฺลกจฺฉุ วา อาพาโธ, ตสฺส ปฎิจฺฉาทนตฺถาย อนุญฺญาตํ จีวรํฯ คาถาโย สุวิเญฺญยฺยาวฯ
40.Kaṇḍuppaṭicchādi (pāci. 538; mahāva. 354; pāci. aṭṭha. 537; kaṅkhā. aṭṭha. kaṇḍuppaṭicchādisikkhāpadavaṇṇanā) nāma yassa adhonābhiubbhajāṇumaṇḍalaṃ kaṇḍu vā piḷakā vā assāvo vā thullakacchu vā ābādho, tassa paṭicchādanatthāya anuññātaṃ cīvaraṃ. Gāthāyo suviññeyyāva.
๔๑. อฑฺฒเตยฺยาวาติ (ปาจิ. ๕๔๔) เอตฺถ ตโต อุทฺธํ น วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ
41.Aḍḍhateyyāvāti (pāci. 544) ettha tato uddhaṃ na vaṭṭatīti attho.
๔๒. เอตฺถาติ สงฺฆาฎิโต ปฎฺฐาย ยาว วสฺสิกสาฎิกา, ตาว ทสฺสิตจีวเรสูติ อโตฺถฯ ตทุตฺตรินฺติ ตโต เตสํ จีวรานํ วุตฺตปฺปมาณโต อุตฺตริํ กโรนฺตสฺส เฉทนปาจิตฺติ โหตีติ ปาฐเสโส, ตํ อติเรกํ ฉินฺทิตฺวา ปุน ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพนฺติ อโตฺถฯ ปจฺจตฺถรณมุขโจฬาติ เอตฺถ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยาว มหนฺตํ ปจฺจตฺถรณํ อากงฺขติ, ตาว มหนฺตํ ปจฺจตฺถรณํ กาตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๓) วุตฺตตฺตา ปจฺจตฺถรณสฺส ปมาณปริเจฺฉโท นตฺถิ,ฯ มุขปุญฺฉนโจฬสฺส ปน อุกฺกฎฺฐวเสน วา อนฺติมวเสน วา ปมาณปริเจฺฉโท น วุโตฺต, ตสฺมา ตมฺปิ อปฺปมาณิกํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อากงฺขิตปฺปมาณิกา’’ติ, อิจฺฉิตปฺปมาณิกาติ อโตฺถฯ ยาว เอกํ โธวียติ, ตาว อญฺญํ ปริโภคตฺถาย อิจฺฉิตพฺพนฺติ เทฺวปิ วฎฺฎนฺติฯ
42.Etthāti saṅghāṭito paṭṭhāya yāva vassikasāṭikā, tāva dassitacīvaresūti attho. Taduttarinti tato tesaṃ cīvarānaṃ vuttappamāṇato uttariṃ karontassa chedanapācitti hotīti pāṭhaseso, taṃ atirekaṃ chinditvā puna pācittiyaṃ desetabbanti attho. Paccattharaṇamukhacoḷāti ettha ‘‘anujānāmi, bhikkhave, yāva mahantaṃ paccattharaṇaṃ ākaṅkhati, tāva mahantaṃ paccattharaṇaṃ kātu’’nti (mahāva. 353) vuttattā paccattharaṇassa pamāṇaparicchedo natthi,. Mukhapuñchanacoḷassa pana ukkaṭṭhavasena vā antimavasena vā pamāṇaparicchedo na vutto, tasmā tampi appamāṇikaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘ākaṅkhitappamāṇikā’’ti, icchitappamāṇikāti attho. Yāva ekaṃ dhovīyati, tāva aññaṃ paribhogatthāya icchitabbanti dvepi vaṭṭanti.
๔๓. น ทีปิตนฺติ กตฺถ น ทีปิตํ? อฎฺฐกถาสุฯ กสฺมาติ เจ? ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขูนํ ปริปุณฺณํ โหติ ติจีวรํ, อโตฺถ จ โหติ ปริสฺสาวเนหิปิ ถวิกาหิปิฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปริกฺขารโจฬก’’นฺติ (มหาว. ๓๕๗) พหูนํ ปตฺตถวิกปริสฺสาวนาทีนํ สงฺคหวเสน วุตฺตตฺตา ปาเฎกฺกํ นิธานมุขนฺติฯ ยสฺมา ปน ภควตา ‘‘ยํ ยํ ลพฺภติ, ตํ ตํ อิมินา วิธาเนน อธิฎฺฐหิตฺวา ปุน เยน เยน ปริสฺสาวนาทินา อโตฺถ โหติ, ตํ ตํ กตฺวา คณฺหนฺตู’’ติ อนุกมฺปาย อนุญฺญาตํ, ตสฺมา วิกปฺปนุปคปจฺฉิมจีวรปฺปมาณํ ถวิกมฺปิ ปฎปริสฺสาวนมฺปิ พหูนิปิ เอกโต กตฺวา ‘‘อิมานิ จีวรานิ ปริกฺขารโจฬานิ อธิฎฺฐามี’’ติ วตฺวา อธิฎฺฐาตุมฺปิ วฎฺฎติเยวฯ ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตถา วตฺวา’’ติ, ‘‘ปริกฺขารโจฬ’’นฺติ วตฺวาติ อโตฺถฯ วิกปฺปิยนฺติ วิกปฺปนุปคํฯ
43.Nadīpitanti kattha na dīpitaṃ? Aṭṭhakathāsu. Kasmāti ce? ‘‘Tena kho pana samayena bhikkhūnaṃ paripuṇṇaṃ hoti ticīvaraṃ, attho ca hoti parissāvanehipi thavikāhipi. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Anujānāmi, bhikkhave, parikkhāracoḷaka’’nti (mahāva. 357) bahūnaṃ pattathavikaparissāvanādīnaṃ saṅgahavasena vuttattā pāṭekkaṃ nidhānamukhanti. Yasmā pana bhagavatā ‘‘yaṃ yaṃ labbhati, taṃ taṃ iminā vidhānena adhiṭṭhahitvā puna yena yena parissāvanādinā attho hoti, taṃ taṃ katvā gaṇhantū’’ti anukampāya anuññātaṃ, tasmā vikappanupagapacchimacīvarappamāṇaṃ thavikampi paṭaparissāvanampi bahūnipi ekato katvā ‘‘imāni cīvarāni parikkhāracoḷāni adhiṭṭhāmī’’ti vatvā adhiṭṭhātumpi vaṭṭatiyeva. Tasmā vuttaṃ ‘‘tathā vatvā’’ti, ‘‘parikkhāracoḷa’’nti vatvāti attho. Vikappiyanti vikappanupagaṃ.
๔๔. อหตกปฺปานนฺติ (มหาว. ๓๔๘) เอกวารํ โธวิตกานํฯ
44.Ahatakappānanti (mahāva. 348) ekavāraṃ dhovitakānaṃ.
๔๕. อุตุทฺธฎานนฺติ อุตุโต ทีฆกาลโต อุทฺธฎานํ, กตวตฺถกิจฺจานํ ปิโลติกานนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เสสาติ อุตฺตราสงฺคอนฺตรวาสกาฯ ปํสุ วิย กุจฺฉิตภาวํ ปฎิกฺกูลภาวํ อุลติ คจฺฉตีติ ปํสุกูลํ, โจฬขณฺฑานเมตํ นามํ, ตสฺมิํ ปํสุกูเล ยถารุจีติ อโตฺถฯ กสฺมาติ เจ? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อหตานํ ทุสฺสานํ อหตกปฺปานํ ทิคุณํ สงฺฆาฎิํ เอกจฺจิยํ อุตฺตราสงฺคํ เอกจฺจิยํ อนฺตรวาสกํ, อุตุทฺธฎานํ ทุสฺสานํ จตุคฺคุณํ สงฺฆาฎิํ ทิคุณํ อุตฺตราสงฺคํ ทิคุณํ อนฺตรวาสกํ, ปํสุกูเล ยาวทตฺถํ, ปาปณิเก อุสฺสาโห กรณีโย’’ติ วุตฺตตฺตา, ตสฺมา สุสานาทีสุ ปติตปํสุกูเล จ อนฺตราปเณ ปติตปิโลติกจีวเร จ ปฎปริเจฺฉโท นตฺถิ, ปฎสตมฺปิ วฎฺฎตีติ สิทฺธํฯ
45.Utuddhaṭānanti ututo dīghakālato uddhaṭānaṃ, katavatthakiccānaṃ pilotikānanti vuttaṃ hoti. Sesāti uttarāsaṅgaantaravāsakā. Paṃsu viya kucchitabhāvaṃ paṭikkūlabhāvaṃ ulati gacchatīti paṃsukūlaṃ, coḷakhaṇḍānametaṃ nāmaṃ, tasmiṃ paṃsukūle yathārucīti attho. Kasmāti ce? ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, ahatānaṃ dussānaṃ ahatakappānaṃ diguṇaṃ saṅghāṭiṃ ekacciyaṃ uttarāsaṅgaṃ ekacciyaṃ antaravāsakaṃ, utuddhaṭānaṃ dussānaṃ catugguṇaṃ saṅghāṭiṃ diguṇaṃ uttarāsaṅgaṃ diguṇaṃ antaravāsakaṃ, paṃsukūle yāvadatthaṃ, pāpaṇike ussāho karaṇīyo’’ti vuttattā, tasmā susānādīsu patitapaṃsukūle ca antarāpaṇe patitapilotikacīvare ca paṭaparicchedo natthi, paṭasatampi vaṭṭatīti siddhaṃ.
๔๖. อิทานิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฉินฺนกํ สงฺฆาฎิํ ฉินฺนกํ อุตฺตราสงฺคํ ฉินฺนกํ อนฺตรวาสก’’นฺติ (มหาว. ๓๔๕) วตฺวา ปุน ‘‘เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน ติจีวเร กยิรมาเน สพฺพํ ฉินฺนกํ นปฺปโหติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เทฺว ฉินฺนกานิ เอกํ อจฺฉินฺนกนฺติฯ เทฺว ฉินฺนกานิ เอกํ อจฺฉินฺนกํ นปฺปโหติฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เทฺว อจฺฉินฺนกานิ เอกํ ฉินฺนกนฺติฯ เอกํ ฉินฺนกํ นปฺปโหติฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุํฯ น จ, ภิกฺขเว, สพฺพํ อจฺฉินฺนกํ ธาเรตพฺพํ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๓๖๐) เอวํ วุตฺตวิธานํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตีสู’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตสฺส อโตฺถ – ตีสุ จีวเรสุ ยํ ฉินฺทิตฺวา สิพฺพิตุํ สพฺพปจฺฉิมปฺปมาณํ ปโหติ, ตํ ฉินฺทิตพฺพํฯ สเพฺพสุ ปน อปฺปโหเนฺตสุ อนฺวาธิกํ อาทิเยยฺยาติฯ ตตฺถ อนฺวาธิ นาม อนุวาตํ วิย สํหริตฺวา จีวรสฺส อุปริ สงฺฆาฎิอากาเรน อาโรเปตพฺพํฯ อาคนฺตุกปตฺตนฺติปิ วทนฺติฯ อิทํ ปน อปฺปโหนเก อนุญฺญาตํฯ สเจ ปโหติ, น วฎฺฎนฺติ, ฉินฺทิตพฺพเมวฯ อนาทิณฺณนฺติ อนาโรปิตํ อนฺวาธิกํฯ น ธาเรยฺยาติ ติจีวราธิฎฺฐานวเสน อธิฎฺฐหิตฺวา น ธาเรตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ
46. Idāni ‘‘anujānāmi, bhikkhave, chinnakaṃ saṅghāṭiṃ chinnakaṃ uttarāsaṅgaṃ chinnakaṃ antaravāsaka’’nti (mahāva. 345) vatvā puna ‘‘tena kho pana samayena aññatarassa bhikkhuno ticīvare kayiramāne sabbaṃ chinnakaṃ nappahoti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Anujānāmi, bhikkhave, dve chinnakāni ekaṃ acchinnakanti. Dve chinnakāni ekaṃ acchinnakaṃ nappahoti. Anujānāmi, bhikkhave, dve acchinnakāni ekaṃ chinnakanti. Ekaṃ chinnakaṃ nappahoti. Anujānāmi, bhikkhave, anvādhikampi āropetuṃ. Na ca, bhikkhave, sabbaṃ acchinnakaṃ dhāretabbaṃ, yo dhāreyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 360) evaṃ vuttavidhānaṃ dassetuṃ ‘‘tīsū’’tiādi āraddhaṃ. Tassa attho – tīsu cīvaresu yaṃ chinditvā sibbituṃ sabbapacchimappamāṇaṃ pahoti, taṃ chinditabbaṃ. Sabbesu pana appahontesu anvādhikaṃ ādiyeyyāti. Tattha anvādhi nāma anuvātaṃ viya saṃharitvā cīvarassa upari saṅghāṭiākārena āropetabbaṃ. Āgantukapattantipi vadanti. Idaṃ pana appahonake anuññātaṃ. Sace pahoti, na vaṭṭanti, chinditabbameva. Anādiṇṇanti anāropitaṃ anvādhikaṃ. Na dhāreyyāti ticīvarādhiṭṭhānavasena adhiṭṭhahitvā na dhāretabbanti adhippāyo.
๔๗-๘. อิทานิ อุโทสิตสิกฺขาปทนยํ ทเสฺสตุํ ‘‘คาเม’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอตฺถ ปน สเจ คาโม (ปารา. ๔๗๘; ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๗๗-๔๗๘; กงฺขา. อฎฺฐ. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา) เอกสฺส รโญฺญ วา โภชกสฺส วา วเสน เอกกุลสฺส โหติ, ปาการาทินา ปริกฺขิตฺตตฺตา เอกูปจาโร จ, เอวรูเป คาเม จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ตสฺมิํ คาเม ยถารุจิตฎฺฐาเน วสิตุํ ลพฺภติฯ สเจ โส คาโม อปริกฺขิโตฺต, ยสฺมิํ ฆเร จีวรํ นิกฺขิตฺตํ โหติ, ตสฺมิํ ฆเร วสิตพฺพํ, ตสฺส วา ฆรสฺส สมนฺตโต หตฺถปาสา น วิชหิตพฺพํฯ
47-8. Idāni udositasikkhāpadanayaṃ dassetuṃ ‘‘gāme’’tiādi vuttaṃ. Ettha pana sace gāmo (pārā. 478; pārā. aṭṭha. 2.477-478; kaṅkhā. aṭṭha. udositasikkhāpadavaṇṇanā) ekassa rañño vā bhojakassa vā vasena ekakulassa hoti, pākārādinā parikkhittattā ekūpacāro ca, evarūpe gāme cīvaraṃ nikkhipitvā tasmiṃ gāme yathārucitaṭṭhāne vasituṃ labbhati. Sace so gāmo aparikkhitto, yasmiṃ ghare cīvaraṃ nikkhittaṃ hoti, tasmiṃ ghare vasitabbaṃ, tassa vā gharassa samantato hatthapāsā na vijahitabbaṃ.
สเจ โส คาโม เวสาลิกุสินาราทโย วิย นานาราชูนํ วา โภชกานํ วา โหติ, วุตฺตปฺปกาเรน ปริกฺขิโตฺต จ, เอวรูเป คาเม ยสฺมิํ ฆเร จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, ตสฺมิํ ฆเร วา วตฺถพฺพํฯ ยสฺสา วีถิยา ตํ ฆรํ โหติ, ตสฺสา วีถิยา ตสฺส ฆรสฺส สมฺมุขาฎฺฐาเน สภาเย วา นครทฺวาเร วา วตฺถพฺพํ, เตสํ สภายทฺวารานํ หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํฯ สเจ อปริกฺขิโตฺต, ยสฺมิํ ฆเร นิกฺขิตฺตํ, ตตฺถ วา ตสฺส หตฺถปาเส วา วตฺถพฺพํฯ
Sace so gāmo vesālikusinārādayo viya nānārājūnaṃ vā bhojakānaṃ vā hoti, vuttappakārena parikkhitto ca, evarūpe gāme yasmiṃ ghare cīvaraṃ nikkhittaṃ, tasmiṃ ghare vā vatthabbaṃ. Yassā vīthiyā taṃ gharaṃ hoti, tassā vīthiyā tassa gharassa sammukhāṭṭhāne sabhāye vā nagaradvāre vā vatthabbaṃ, tesaṃ sabhāyadvārānaṃ hatthapāsā vā na vijahitabbaṃ. Sace aparikkhitto, yasmiṃ ghare nikkhittaṃ, tattha vā tassa hatthapāse vā vatthabbaṃ.
นิเวสนาทโย หมฺมิยปริโยสานา คามปริเกฺขปโต พหิ สนฺนิวิฎฺฐาติ เวทิตพฺพาฯ อิตรถา เตสํ คามคฺคหเณเนว คหิตตฺตา คามสฺส เอกกุลนานากุลเอกูปจารนานูปจารตาวเสเนว วินิจฺฉโย วตฺตโพฺพ สิยาฯ นิเวสนาทีนํ วเสเนว ปาฬิยํ (ปารา. ๔๗๘ อาทโย) อโตฺถ วิภโตฺต, น คามวเสนฯ อุโทสิตวินิจฺฉเย อยํ นโย วุโตฺตเยวฯ
Nivesanādayo hammiyapariyosānā gāmaparikkhepato bahi sanniviṭṭhāti veditabbā. Itarathā tesaṃ gāmaggahaṇeneva gahitattā gāmassa ekakulanānākulaekūpacāranānūpacāratāvaseneva vinicchayo vattabbo siyā. Nivesanādīnaṃ vaseneva pāḷiyaṃ (pārā. 478 ādayo) attho vibhatto, na gāmavasena. Udositavinicchaye ayaṃ nayo vuttoyeva.
นิเวสเนติ เอตฺถ สเจ เอกกุลสฺส นิเวสนํ โหติ ปริกฺขิตฺตญฺจ, อโนฺตนิเวสเน จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อโนฺตนิเวสเน วตฺถพฺพํฯ อปริกฺขิตฺตเญฺจ โหติ, ยสฺมิํ คเพฺภ จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, ตสฺมิํ วตฺถพฺพํ, ตสฺส คพฺภสฺส หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํฯ สเจ นานากุลสฺส โหติ ปริกฺขิตฺตญฺจ, ยสฺมิํ คเพฺภ จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, ตสฺมิํ คเพฺภ วตฺถพฺพํ, สเพฺพสํ สาธารณทฺวารมูเล วา เตสํ คพฺภทฺวารมูเล วา เตสํ คพฺภทฺวารมูลานํ วา หตฺถปาสา น วิชหิตพฺพํฯ อปริกฺขิตฺตเญฺจ โหติ, ยสฺมิํ คเพฺภ จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, ตสฺมิํ คเพฺภ วตฺถพฺพํ, หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํฯ
Nivesaneti ettha sace ekakulassa nivesanaṃ hoti parikkhittañca, antonivesane cīvaraṃ nikkhipitvā antonivesane vatthabbaṃ. Aparikkhittañce hoti, yasmiṃ gabbhe cīvaraṃ nikkhittaṃ, tasmiṃ vatthabbaṃ, tassa gabbhassa hatthapāsā vā na vijahitabbaṃ. Sace nānākulassa hoti parikkhittañca, yasmiṃ gabbhe cīvaraṃ nikkhittaṃ, tasmiṃ gabbhe vatthabbaṃ, sabbesaṃ sādhāraṇadvāramūle vā tesaṃ gabbhadvāramūle vā tesaṃ gabbhadvāramūlānaṃ vā hatthapāsā na vijahitabbaṃ. Aparikkhittañce hoti, yasmiṃ gabbhe cīvaraṃ nikkhittaṃ, tasmiṃ gabbhe vatthabbaṃ, hatthapāsā vā na vijahitabbaṃ.
อุโทสิโตติ ยานาทีนํ ภณฺฑานํ สาลาฯ ปาสาโทติ ทีฆปาสาโทฯ หมฺมิยนฺติ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโทฯ นาวา ปน ถลํ อาโรเปตฺวา นิกฺขิตฺตาปิ โหติ, สมุเทฺท ฐิตาปิฯ สเจ เอกกุลสฺส นาวา โหติ, อโนฺตนาวาย จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อโนฺตนาวาย วตฺถพฺพํฯ นานากุลสฺส นาวา โหติ นานาคพฺภา นานาโอวรกา, ยสฺมิํ โอวรเก จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, ตสฺมิํ วตฺถพฺพํ, จีวรสฺส หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํฯ
Udositoti yānādīnaṃ bhaṇḍānaṃ sālā. Pāsādoti dīghapāsādo. Hammiyanti muṇḍacchadanapāsādo. Nāvā pana thalaṃ āropetvā nikkhittāpi hoti, samudde ṭhitāpi. Sace ekakulassa nāvā hoti, antonāvāya cīvaraṃ nikkhipitvā antonāvāya vatthabbaṃ. Nānākulassa nāvā hoti nānāgabbhā nānāovarakā, yasmiṃ ovarake cīvaraṃ nikkhittaṃ, tasmiṃ vatthabbaṃ, cīvarassa hatthapāsā vā na vijahitabbaṃ.
อโฎฺฎติ ปฎิราชาทีนํ ปฎิพาหนตฺถํ อิฎฺฐกาหิ กโต พหลภิตฺติโก จตุปญฺจภูมิโก ปติสฺสยวิเสโสฯ มาโฬติ เอกกูฎสงฺคหิโต จตุรสฺสปาสาโทฯ อิเมสุ ปน อุโทสิตาทีสุ มาฬปริโยสาเนสุ นิเวสเน วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ นิเวสนนฺติ ปน อุโทสิตาทีนํ วเสน อกตาย ปติสฺสยวิกติยา อธิวจนํฯ
Aṭṭoti paṭirājādīnaṃ paṭibāhanatthaṃ iṭṭhakāhi kato bahalabhittiko catupañcabhūmiko patissayaviseso. Māḷoti ekakūṭasaṅgahito caturassapāsādo. Imesu pana udositādīsu māḷapariyosānesu nivesane vuttanayeneva vinicchayo veditabbo. Nivesananti pana udositādīnaṃ vasena akatāya patissayavikatiyā adhivacanaṃ.
อาราโม นาม ปุปฺผารามผลารามาทิโกฯ สเจ เอกกุลสฺส อาราโม โหติ ปริกฺขิโตฺต จ, อโนฺตอาราเม จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา อโนฺตอาราเม วตฺถพฺพํฯ สเจ อปริกฺขิโตฺต, จีวรสฺส หตฺถปาสา น วิชหิตพฺพํฯ สเจ นานากุลสฺส อาราโม โหติ ปริกฺขิโตฺต จ, ทฺวารมูเล วา วตฺถพฺพํ, ทฺวารมูลสฺส หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํฯ อปริกฺขิโตฺต เจ, จีวรสฺส หตฺถปาสา น วิชหิตพฺพํฯ
Ārāmo nāma pupphārāmaphalārāmādiko. Sace ekakulassa ārāmo hoti parikkhitto ca, antoārāme cīvaraṃ nikkhipitvā antoārāme vatthabbaṃ. Sace aparikkhitto, cīvarassa hatthapāsā na vijahitabbaṃ. Sace nānākulassa ārāmo hoti parikkhitto ca, dvāramūle vā vatthabbaṃ, dvāramūlassa hatthapāsā vā na vijahitabbaṃ. Aparikkhitto ce, cīvarassa hatthapāsā na vijahitabbaṃ.
สโตฺถ นาม ชงฺฆสตฺถสกฎสตฺถานมญฺญตโรฯ สเจ เอกกุลสฺส สโตฺถ โหติ, สเตฺถ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ปุรโต วา ปจฺฉโต วา สตฺตพฺภนฺตรา น วิชหิตพฺพา, ปสฺสโต อพฺภนฺตรํ น วิชหิตพฺพํฯ อพฺภนฺตรํ นาม อฎฺฐวีสติหตฺถํ โหติฯ สเจ คจฺฉโนฺต สโตฺถ สกเฎ วา ภเคฺค, โคเณ วา นเฎฺฐ อนฺตรา ฉิชฺชติ, ยสฺมิํ โกฎฺฐาเส จีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํ, ตตฺถ วสิตพฺพํฯ สเจ นานากุลสฺส โหติ , สเตฺถ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา จีวรสฺส หตฺถปาสา น วิชหิตพฺพํฯ
Sattho nāma jaṅghasatthasakaṭasatthānamaññataro. Sace ekakulassa sattho hoti, satthe cīvaraṃ nikkhipitvā purato vā pacchato vā sattabbhantarā na vijahitabbā, passato abbhantaraṃ na vijahitabbaṃ. Abbhantaraṃ nāma aṭṭhavīsatihatthaṃ hoti. Sace gacchanto sattho sakaṭe vā bhagge, goṇe vā naṭṭhe antarā chijjati, yasmiṃ koṭṭhāse cīvaraṃ nikkhipitabbaṃ, tattha vasitabbaṃ. Sace nānākulassa hoti , satthe cīvaraṃ nikkhipitvā cīvarassa hatthapāsā na vijahitabbaṃ.
เขตฺตขเลสุ อาราเม วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโยฯ ทุเมติ รุกฺขมูเลฯ สเจ เอกกุลสฺส รุกฺขมูลํ โหติ, ยํ มชฺฌนฺหิกกาเล สมนฺตา ฉายา ผรติ, ตสฺมิํ ฐาเน อวิรเฬ ปเทเส ตสฺส ฉายาย ผุโฎฺฐกาสสฺส อโนฺต เอว นิกฺขิปิตพฺพํฯ สเจ วิรฬสาขสฺส ปน รุกฺขสฺส อาตเปน ผุโฎฺฐกาเส ฐเปติ, อรุณุคฺคมเน สเจ โส ภิกฺขุ ตสฺส หตฺถปาเส น โหติ, อญฺญสฺมิํ วา ฐาเน ตสฺส ฉายายปิ โหติ, นิสฺสคฺคิยํ โหติเยวฯ นานากุลสฺส เจ โหติ, จีวรสฺส หตฺถปาสา น วิชหิตพฺพํฯ
Khettakhalesu ārāme vuttasadisova vinicchayo. Dumeti rukkhamūle. Sace ekakulassa rukkhamūlaṃ hoti, yaṃ majjhanhikakāle samantā chāyā pharati, tasmiṃ ṭhāne aviraḷe padese tassa chāyāya phuṭṭhokāsassa anto eva nikkhipitabbaṃ. Sace viraḷasākhassa pana rukkhassa ātapena phuṭṭhokāse ṭhapeti, aruṇuggamane sace so bhikkhu tassa hatthapāse na hoti, aññasmiṃ vā ṭhāne tassa chāyāyapi hoti, nissaggiyaṃ hotiyeva. Nānākulassa ce hoti, cīvarassa hatthapāsā na vijahitabbaṃ.
อโชฺฌกาเส ปน วิญฺฌาฎวีอาทีสุ อรเญฺญสุปิ สมุทฺทมเชฺฌ มจฺฉพนฺธานํ อคมนปเถสุ ทีปเกสุปิ จีวรํ ฐเปตฺวา ตโต สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตเร ปเทเส ยตฺถ กตฺถจิ วสิตพฺพํฯ สเจ สตฺตพฺภนฺตรโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อติกฺกมิตฺวา อรุณํ อุฎฺฐเปติ, นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ
Ajjhokāse pana viñjhāṭavīādīsu araññesupi samuddamajjhe macchabandhānaṃ agamanapathesu dīpakesupi cīvaraṃ ṭhapetvā tato samantā sattabbhantare padese yattha katthaci vasitabbaṃ. Sace sattabbhantarato kesaggamattampi atikkamitvā aruṇaṃ uṭṭhapeti, nissaggiyaṃ hoti.
เอตฺถ ปน ปาฬิยํ ‘‘คาโม เอกูปจาโร นานูปจาโร’’ติอาทินา (ปารา. ๔๗๗) อวิเสเสน มาติกํ นิกฺขิปิตฺวาปิ คามนิเวสนอุโทสิตเขตฺตธญฺญกรณอารามวิหารานํ เอกูปจารนานูปจารตา ‘‘คาโม เอกูปจาโร นาม เอกกุลสฺส คาโม โหติ ปริกฺขิโตฺต จ อปริกฺขิโตฺต จา’’ติอาทินา (ปารา. ๔๗๘) ปริกฺขิตฺตาปริกฺขิตฺตวเสน วิภตฺตาฯ อฎฺฎมาฬปาสาทหมฺมิยนาวาสตฺถรุกฺขมูลอโชฺฌกาสานมฺปิ เอวํ อวตฺวา ‘‘เอกกุลสฺส อโฎฺฎ โหติ, นานากุลสฺส อโฎฺฎ โหตี’’ติอาทินา (ปารา. ๔๘๔) นเยน เอกกุลนานากุลวเสน จ อเนฺต ‘‘อโชฺฌกาโส เอกูปจาโร นาม อคามเก อรเญฺญ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรา เอกูปจาโร, ตโต ปรํ นานูปจาโร’’ติ (ปารา. ๔๙๔) จ เอวํ เอกูปจารนานูปจารตา วิภตฺตาฯ ตสฺมา คามาทีสุ ปริกฺขิตฺตํ เอกูปจารํ, อปริกฺขิตฺตํ นานูปจารนฺติ จ อฎฺฎาทีสุ ยํ เอกกุลสฺส, ตํ เอกูปจารํ นานากุลสฺส นานูปจารนฺติ จ คเหตพฺพํฯ อโชฺฌกาสปเท วุตฺตนเยน คเหตพฺพํฯ
Ettha pana pāḷiyaṃ ‘‘gāmo ekūpacāro nānūpacāro’’tiādinā (pārā. 477) avisesena mātikaṃ nikkhipitvāpi gāmanivesanaudositakhettadhaññakaraṇaārāmavihārānaṃ ekūpacāranānūpacāratā ‘‘gāmo ekūpacāro nāma ekakulassa gāmo hoti parikkhitto ca aparikkhitto cā’’tiādinā (pārā. 478) parikkhittāparikkhittavasena vibhattā. Aṭṭamāḷapāsādahammiyanāvāsattharukkhamūlaajjhokāsānampi evaṃ avatvā ‘‘ekakulassa aṭṭo hoti, nānākulassa aṭṭo hotī’’tiādinā (pārā. 484) nayena ekakulanānākulavasena ca ante ‘‘ajjhokāso ekūpacāro nāma agāmake araññe samantā sattabbhantarā ekūpacāro, tato paraṃ nānūpacāro’’ti (pārā. 494) ca evaṃ ekūpacāranānūpacāratā vibhattā. Tasmā gāmādīsu parikkhittaṃ ekūpacāraṃ, aparikkhittaṃ nānūpacāranti ca aṭṭādīsu yaṃ ekakulassa, taṃ ekūpacāraṃ nānākulassa nānūpacāranti ca gahetabbaṃ. Ajjhokāsapade vuttanayena gahetabbaṃ.
ภิกฺขุสมฺมุติยาญฺญตฺราติ ยํ คิลานสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ อาทาย ปกฺกมิตุํ อสโกฺกนฺตสฺส ญตฺติทุติเยน กเมฺมน อวิปฺปวาสสมฺมุติ ทียติ, ตํ ฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ ลทฺธสมฺมุติกสฺส ปน ยาว โรโค น วูปสมฺมติ, ตสฺมิํ วูปสเนฺต อโญฺญ วา กุปฺปติ, อนาปตฺติเยวฯ
Bhikkhusammutiyāññatrāti yaṃ gilānassa bhikkhuno cīvaraṃ ādāya pakkamituṃ asakkontassa ñattidutiyena kammena avippavāsasammuti dīyati, taṃ ṭhapetvāti attho. Laddhasammutikassa pana yāva rogo na vūpasammati, tasmiṃ vūpasante añño vā kuppati, anāpattiyeva.
๔๙. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิํ ยาว อาพาธา อธิฎฺฐาตุํ, ตโต ปรํ วิกเปฺปตุํฯ วสฺสิกสาฎิกํ วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฎฺฐาตุํ, ตโต ปรํ วิกเปฺปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) วุตฺตตฺตา โรคปริยนฺตา กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิ, วสฺสานปริยนฺตา วสฺสิกสาฎิกาติ อโตฺถฯ เสสาติ ติจีวราทโย กาลวเสน อปริยนฺติกาติ อโตฺถฯ
49. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, kaṇḍuppaṭicchādiṃ yāva ābādhā adhiṭṭhātuṃ, tato paraṃ vikappetuṃ. Vassikasāṭikaṃ vassānaṃ cātumāsaṃ adhiṭṭhātuṃ, tato paraṃ vikappetu’’nti (mahāva. 358) vuttattā rogapariyantā kaṇḍuppaṭicchādi, vassānapariyantā vassikasāṭikāti attho. Sesāti ticīvarādayo kālavasena apariyantikāti attho.
๕๐. ปจฺจตฺถรณาทิตฺตยํ สทสมฺปิ อทสมฺปิ รตฺตมฺปิ อรตฺตมฺปิ อาทิณฺณกปฺปมฺปิ อนาทิณฺณกปฺปมฺปิ ลพฺภตีติ อโตฺถฯ นิสีทนนฺติ นิสีทนญฺจ รตฺตํ อนาทิณฺณกปฺปญฺจ ลพฺภตีติ อธิปฺปาโยฯ ปจฺจตฺถรณปริกฺขารมุขปุญฺฉนโจฬานิ ปน นีลมฺปิ ปีตกมฺปิ โลหิตกมฺปิ ปุปฺผทสาทิกมฺปิ วฎฺฎนฺติ, ตสฺมา ‘‘สทสมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอวรูปํ ปน นิวาเสตุํ วา ปารุปิตุํ วา น วฎฺฎติ, เกวลํ ปจฺจตฺถรณาทิวเสน อธิฎฺฐานมตฺตํ กาตุํ วฎฺฎติฯ
50. Paccattharaṇādittayaṃ sadasampi adasampi rattampi arattampi ādiṇṇakappampi anādiṇṇakappampi labbhatīti attho. Nisīdananti nisīdanañca rattaṃ anādiṇṇakappañca labbhatīti adhippāyo. Paccattharaṇaparikkhāramukhapuñchanacoḷāni pana nīlampi pītakampi lohitakampi pupphadasādikampi vaṭṭanti, tasmā ‘‘sadasampī’’tiādi vuttaṃ. Evarūpaṃ pana nivāsetuṃ vā pārupituṃ vā na vaṭṭati, kevalaṃ paccattharaṇādivasena adhiṭṭhānamattaṃ kātuṃ vaṭṭati.
๕๑. ติจีวรํ กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิ วสฺสิกสาฎิกาติ อิทํ ปน เสสจีวรปญฺจกํ อทสํ รชิตํเยว กปฺปติ, ตญฺจ อาทิณฺณกปฺปเมวาติ อโตฺถฯ สทสํว นิสีทนนฺติ อิทํ ปน ปุเพฺพ ‘‘สทสมฺปี’’ติ เอตฺถ วุตฺตตฺตา อทสมฺปิ นิสีทนํ วฎฺฎตีติ สโมฺมหนิวารณตฺถํ วุตฺตนฺติ วทนฺติฯ
51. Ticīvaraṃ kaṇḍuppaṭicchādi vassikasāṭikāti idaṃ pana sesacīvarapañcakaṃ adasaṃ rajitaṃyeva kappati, tañca ādiṇṇakappamevāti attho. Sadasaṃva nisīdananti idaṃ pana pubbe ‘‘sadasampī’’ti ettha vuttattā adasampi nisīdanaṃ vaṭṭatīti sammohanivāraṇatthaṃ vuttanti vadanti.
๕๒. อนธิฎฺฐิตนฺติ ติจีวราทิวเสน อนธิฎฺฐิตํฯ อนิสฺสฎฺฐํ นาม อเญฺญสํ อวิสฺสชฺชิตํ, ตํ ปน วิกเปฺปตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ
52.Anadhiṭṭhitanti ticīvarādivasena anadhiṭṭhitaṃ. Anissaṭṭhaṃ nāma aññesaṃ avissajjitaṃ, taṃ pana vikappetvā paribhuñjitabbanti attho.
อิทานิ วิกปฺปนุปคสฺส ปมาณํ เหฎฺฐิมปริเจฺฉเทน ทเสฺสตุํ ‘‘หตฺถทีฆ’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อายาเมน อฎฺฐงฺคุลํ สุคตงฺคุเลน จตุรงฺคุลวิตฺถตํ ปจฺฉิมํ จีวรํ วิกเปฺปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) วุตฺตตฺตา ทีฆโต เอกหตฺถํ ปุถุลโต อุปฑฺฒหตฺถํ วิกเปฺปตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Idāni vikappanupagassa pamāṇaṃ heṭṭhimaparicchedena dassetuṃ ‘‘hatthadīgha’’ntiādimāha. Tattha ‘‘anujānāmi, bhikkhave, āyāmena aṭṭhaṅgulaṃ sugataṅgulena caturaṅgulavitthataṃ pacchimaṃ cīvaraṃ vikappetu’’nti (mahāva. 358) vuttattā dīghato ekahatthaṃ puthulato upaḍḍhahatthaṃ vikappetabbanti adhippāyo.
๕๓. ติจีวรสฺสาติ วินยติจีวรสฺส, น ธุตงฺคติจีวรสฺสฯ ตสฺส ปน อิเมสุ นวสุ จีวรตฺตยเมว ลพฺภติ, น อญฺญํ ลพฺภติฯ สพฺพเมตนฺติ สพฺพํ อธิฎฺฐานวิธานญฺจ ปริหรณวิธานญฺจาติ อโตฺถฯ ปริกฺขารโจฬิโย สพฺพนฺติ ติจีวราทิกํ นววิธมฺปิ จีวรํฯ ตถา วตฺวาติ ‘‘ปริกฺขารโจฬ’’นฺติ วตฺวาฯ อธิฎฺฐตีติ อธิฎฺฐาติฯ กิํ ปน ติจีวรํ ปริกฺขารโจฬํ อธิฎฺฐาตุํ วฎฺฎตีติ? อาม วฎฺฎติ, ‘‘ปริกฺขารโจฬํ นาม ปาเฎกฺกํ นิธานมุขเมตนฺติ ติจีวรํ ปริกฺขารโจฬํ อธิฎฺฐหิตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ อุโทสิตสิกฺขาปเท ปน ติจีวรํ อธิฎฺฐหิตฺวา ปริหรนฺตสฺส ปริหาโร วุโตฺต’’ติ อฎฺฐกถายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๖๙) วุตฺตํ, ตสฺมา ติจีวรํ ปริกฺขารโจฬํ อธิฎฺฐหเนฺตน ปจฺจุทฺธริตฺวา ปุน อธิฎฺฐาตพฺพํฯ
53.Ticīvarassāti vinayaticīvarassa, na dhutaṅgaticīvarassa. Tassa pana imesu navasu cīvarattayameva labbhati, na aññaṃ labbhati. Sabbametanti sabbaṃ adhiṭṭhānavidhānañca pariharaṇavidhānañcāti attho. Parikkhāracoḷiyo sabbanti ticīvarādikaṃ navavidhampi cīvaraṃ. Tathā vatvāti ‘‘parikkhāracoḷa’’nti vatvā. Adhiṭṭhatīti adhiṭṭhāti. Kiṃ pana ticīvaraṃ parikkhāracoḷaṃ adhiṭṭhātuṃ vaṭṭatīti? Āma vaṭṭati, ‘‘parikkhāracoḷaṃ nāma pāṭekkaṃ nidhānamukhametanti ticīvaraṃ parikkhāracoḷaṃ adhiṭṭhahitvā paribhuñjituṃ vaṭṭati. Udositasikkhāpade pana ticīvaraṃ adhiṭṭhahitvā pariharantassa parihāro vutto’’ti aṭṭhakathāyaṃ (pārā. aṭṭha. 2.469) vuttaṃ, tasmā ticīvaraṃ parikkhāracoḷaṃ adhiṭṭhahantena paccuddharitvā puna adhiṭṭhātabbaṃ.
๕๔. อิทานิ เอเตสํ อธิฎฺฐานวิชหนาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘อเจฺฉทวิสฺสชฺชนคาหวิพฺภมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อเจฺฉโทติ โจราทีหิ อจฺฉินฺทนํฯ วิสฺสชฺชนนฺติ อเญฺญสํ ทานํฯ กถํ ปน ทินฺนํ, กถํ คหิตํ สุทินฺนํ สุคฺคหิตญฺจ โหตีติ? สเจ ‘‘อิทํ ตุยฺหํ เทมิ ททามิ ทชฺชามิ โอโณเชมิ ปริจฺจชามิ นิสฺสชฺชามิ วิสฺสชฺชามี’’ติ วา ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส เทมิ…เป.… วิสฺสชฺชามี’’ติ วา วทติ, สมฺมุขาปิ ปรมฺมุขาปิ ทินฺนํเยว โหติฯ ‘‘ตุยฺหํ คณฺหาหี’’ติ วุเตฺต ‘‘มยฺหํ คณฺหามี’’ติ วทติ, สุทินฺนํ สุคฺคหิตญฺจฯ ‘‘ตว สนฺตกํ กโรหิ, ตว สนฺตกํ โหตุ, ตว สนฺตกํ กริสฺสตี’’ติ วุเตฺต ‘‘มมสนฺตกํ กโรมิ, มม สนฺตกํ โหตุ, มม สนฺตกํ กริสฺสามี’’ติ วทติ, ทุทฺทินฺนํ ทุคฺคหิตญฺจฯ สเจ ปน ‘‘ตว สนฺตกํ กโรหี’’ติ วุเตฺต ‘‘สาธุ, ภเนฺต, มยฺหํ คณฺหามี’’ติ คณฺหาติ, สุคฺคหิตํฯ
54. Idāni etesaṃ adhiṭṭhānavijahanākāraṃ dassetuṃ ‘‘acchedavissajjanagāhavibbhamā’’tiādi vuttaṃ. Tattha acchedoti corādīhi acchindanaṃ. Vissajjananti aññesaṃ dānaṃ. Kathaṃ pana dinnaṃ, kathaṃ gahitaṃ sudinnaṃ suggahitañca hotīti? Sace ‘‘idaṃ tuyhaṃ demi dadāmi dajjāmi oṇojemi pariccajāmi nissajjāmi vissajjāmī’’ti vā ‘‘itthannāmassa demi…pe… vissajjāmī’’ti vā vadati, sammukhāpi parammukhāpi dinnaṃyeva hoti. ‘‘Tuyhaṃ gaṇhāhī’’ti vutte ‘‘mayhaṃ gaṇhāmī’’ti vadati, sudinnaṃ suggahitañca. ‘‘Tava santakaṃ karohi, tava santakaṃ hotu, tava santakaṃ karissatī’’ti vutte ‘‘mamasantakaṃ karomi, mama santakaṃ hotu, mama santakaṃ karissāmī’’ti vadati, duddinnaṃ duggahitañca. Sace pana ‘‘tava santakaṃ karohī’’ti vutte ‘‘sādhu, bhante, mayhaṃ gaṇhāmī’’ti gaṇhāti, suggahitaṃ.
คาโหติ วิสฺสาสคฺคาโห (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๓๑)ฯ โส ปน เอวํ เวทิตโพฺพ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส วิสฺสาสํ คเหตุํฯ สนฺทิโฎฺฐ จ โหติ, สมฺภโตฺต จ, อาลปิโต จ, ชีวติ จ, ชานาติ จ ‘คหิเต เม อตฺตมโน ภวิสฺสตี’’’ติ (มหาว. ๓๕๖)ฯ ตตฺถ สนฺทิโฎฺฐติ ทิฎฺฐมตฺตกมิโตฺตฯ สมฺภโตฺตติ ทฬฺหมิโตฺตฯ อาลปิโตติ ‘‘มม สนฺตกํ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คเณฺหยฺยาสิ, อาปุจฺฉิตฺวา คหเณ การณํ นตฺถี’’ติ วุโตฺตฯ ชีวตีติ อนุฎฺฐานเสยฺยาย สยิโตปิ ยาว ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทํ น ปาปุณาติฯ คหิเต จ อตฺตมโนติ คหิเต จ ตุฎฺฐจิโตฺตฯ เอวรูปสฺส สนฺตกํ ‘‘คหิเต เม อตฺตมโน ภวิสฺสตี’’ติ ชานเนฺตน คเหตุํ วฎฺฎติฯ อนวเสสปริยาทานวเสน เจตานิ ปญฺจ องฺคานิ วุตฺตานิ, วิสฺสาสคฺคาโห ปน ตีหิ อเงฺคหิ รุหติฯ กถํ? สนฺทิโฎฺฐ ชีวติ คหิเต อตฺตมโน, สมฺภโตฺต ชีวติ คหิเต อตฺตมโน, อาลปิโต ชีวติ คหิเต อตฺตมโนติ เอวํฯ
Gāhoti vissāsaggāho (pārā. aṭṭha. 1.131). So pana evaṃ veditabbo – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, pañcahaṅgehi samannāgatassa vissāsaṃ gahetuṃ. Sandiṭṭho ca hoti, sambhatto ca, ālapito ca, jīvati ca, jānāti ca ‘gahite me attamano bhavissatī’’’ti (mahāva. 356). Tattha sandiṭṭhoti diṭṭhamattakamitto. Sambhattoti daḷhamitto. Ālapitoti ‘‘mama santakaṃ yaṃ icchasi, taṃ gaṇheyyāsi, āpucchitvā gahaṇe kāraṇaṃ natthī’’ti vutto. Jīvatīti anuṭṭhānaseyyāya sayitopi yāva jīvitindriyupacchedaṃ na pāpuṇāti. Gahite ca attamanoti gahite ca tuṭṭhacitto. Evarūpassa santakaṃ ‘‘gahite me attamano bhavissatī’’ti jānantena gahetuṃ vaṭṭati. Anavasesapariyādānavasena cetāni pañca aṅgāni vuttāni, vissāsaggāho pana tīhi aṅgehi ruhati. Kathaṃ? Sandiṭṭho jīvati gahite attamano, sambhatto jīvati gahite attamano, ālapito jīvati gahite attamanoti evaṃ.
โย ปน ชีวติ, น จ คหิเต อตฺตมโน โหติ, ตสฺส สนฺตกํ วิสฺสาสภาเวน คหิตมฺปิ ปุน ทาตพฺพํฯ ททเนฺตน มตกธนํ ตาว เย ตสฺส ธเน อิสฺสรา คหฎฺฐา วา ปพฺพชิตา วา, เตสํ ทาตพฺพํฯ โย ปน ปฐมํเยว ‘‘สุฎฺฐุ กตํ ตยา มม สนฺตกํ คณฺหเนฺตนา’’ติ วจีเภเทน วา จิตฺตุปฺปาทมเตฺตน วา อนุโมทิตฺวา ปจฺฉา เกนจิ การเณน กุปิโต, โส ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติฯ โยปิ อทาตุกาโม, จิเตฺตน ปน อธิวาเสติ, น กิญฺจิ วทติ, โสปิ ปุน ปจฺจาหราเปตุํ น ลภติฯ โย ปน ‘‘มยา ตุมฺหากํ สนฺตกํ คหิต’’นฺติ วา ‘‘ปริภุตฺต’’นฺติ วา วุเตฺต นาธิวาเสติ, ‘‘ปฎิเทหี’’ติ ภณติ, โส ปจฺจาหราเปตุํ ลภติฯ
Yo pana jīvati, na ca gahite attamano hoti, tassa santakaṃ vissāsabhāvena gahitampi puna dātabbaṃ. Dadantena matakadhanaṃ tāva ye tassa dhane issarā gahaṭṭhā vā pabbajitā vā, tesaṃ dātabbaṃ. Yo pana paṭhamaṃyeva ‘‘suṭṭhu kataṃ tayā mama santakaṃ gaṇhantenā’’ti vacībhedena vā cittuppādamattena vā anumoditvā pacchā kenaci kāraṇena kupito, so paccāharāpetuṃ na labhati. Yopi adātukāmo, cittena pana adhivāseti, na kiñci vadati, sopi puna paccāharāpetuṃ na labhati. Yo pana ‘‘mayā tumhākaṃ santakaṃ gahita’’nti vā ‘‘paribhutta’’nti vā vutte nādhivāseti, ‘‘paṭidehī’’ti bhaṇati, so paccāharāpetuṃ labhati.
วิพฺภมาติ อิมินา ภิกฺขุนิยาเยว อธิฎฺฐานวิชหนํ คหิตํ โหติฯ สา ปน ยทา วิพฺภมติ, ตทา อสฺสมณี โหติฯ ภิกฺขุ ปน วิพฺภมโนฺตปิ ยาว สิกฺขํ น ปจฺจกฺขาติ, ตาว ภิกฺขุเยวาติ อธิฎฺฐานํ น วิชหตีติฯ ลิงฺคสิกฺขาติ ลิงฺคปริวตฺตนญฺจ สิกฺขาปจฺจกฺขานญฺจาติ อโตฺถฯ สเพฺพสูติ นวสุ จีวเรสุฯ อธิฎฺฐานวิโยคการณาติ อธิฎฺฐานวิชหนการณา, อิเมสุ อญฺญตเรน อธิฎฺฐานํ วิชหตีติ อโตฺถฯ
Vibbhamāti iminā bhikkhuniyāyeva adhiṭṭhānavijahanaṃ gahitaṃ hoti. Sā pana yadā vibbhamati, tadā assamaṇī hoti. Bhikkhu pana vibbhamantopi yāva sikkhaṃ na paccakkhāti, tāva bhikkhuyevāti adhiṭṭhānaṃ na vijahatīti. Liṅgasikkhāti liṅgaparivattanañca sikkhāpaccakkhānañcāti attho. Sabbesūti navasu cīvaresu. Adhiṭṭhānaviyogakāraṇāti adhiṭṭhānavijahanakāraṇā, imesu aññatarena adhiṭṭhānaṃ vijahatīti attho.
กิญฺจ ภิโยฺย (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๖๙) – ติจีวรสฺส ปน วินิพฺพิทฺธฉิทฺทญฺจ อธิฎฺฐานวิชหนํ กโรตีติ อโตฺถฯ ตตฺถ สงฺฆาฎิอุตฺตราสงฺคานํ ทีฆนฺตโต วิทตฺถิปฺปมาณสฺส ติริยนฺตโต อฎฺฐงฺคุลปฺปมาณสฺส ปเทสสฺส โอรโต กนิฎฺฐงฺคุลินขปิฎฺฐิปฺปมาณกํ ฉิทฺทํ อธิฎฺฐานํ ภินฺทติฯ อนฺตรวาสกสฺส ทีฆนฺตโต วิทตฺถิปฺปมาณเสฺสว ติริยนฺตโต จตุรงฺคุลปฺปมาณสฺส ปเทสสฺส โอรโต ฉิทฺทํ อธิฎฺฐานํ ภินฺทติ, ปรโต ปน น ภินฺทติฯ ตสฺมา ฉิเทฺท ชาเต ติจีวรํ อติเรกจีวรํ โหติ, สูจิกมฺมํ กตฺวา ปุน อธิฎฺฐาตพฺพํฯ อิตเรสํ ปน ฉิเทฺทน วิชหนํ นาม นตฺถิฯ โย ปน ติจีวเรปิ ทุพฺพลฎฺฐาเน ปฐมํ อคฺคฬํ ทตฺวา ปจฺฉา ทุพฺพลฎฺฐานํ ฉินฺทิตฺวา อปเนติ, อธิฎฺฐานํ น ภิชฺชติฯ มณฺฑลปริวตฺตเนปิ เอเสว นโยฯ โย ปน อุโภ โกฎิโย มเชฺฌ กโรโนฺต สเจ ปฐมํ ฉินฺทิตฺวา ปจฺฉา ฆเฎติ, อธิฎฺฐานํ วิชหติ, อถ ฆเฎตฺวา ฉินฺทติ, น วิชหติฯ รชเกหิ โธวาเปตฺวา เสตกํ กโรนฺตสฺสาปิ น วิชหติ เอวฯ
Kiñca bhiyyo (pārā. aṭṭha. 2.469) – ticīvarassa pana vinibbiddhachiddañca adhiṭṭhānavijahanaṃ karotīti attho. Tattha saṅghāṭiuttarāsaṅgānaṃ dīghantato vidatthippamāṇassa tiriyantato aṭṭhaṅgulappamāṇassa padesassa orato kaniṭṭhaṅgulinakhapiṭṭhippamāṇakaṃ chiddaṃ adhiṭṭhānaṃ bhindati. Antaravāsakassa dīghantato vidatthippamāṇasseva tiriyantato caturaṅgulappamāṇassa padesassa orato chiddaṃ adhiṭṭhānaṃ bhindati, parato pana na bhindati. Tasmā chidde jāte ticīvaraṃ atirekacīvaraṃ hoti, sūcikammaṃ katvā puna adhiṭṭhātabbaṃ. Itaresaṃ pana chiddena vijahanaṃ nāma natthi. Yo pana ticīvarepi dubbalaṭṭhāne paṭhamaṃ aggaḷaṃ datvā pacchā dubbalaṭṭhānaṃ chinditvā apaneti, adhiṭṭhānaṃ na bhijjati. Maṇḍalaparivattanepi eseva nayo. Yo pana ubho koṭiyo majjhe karonto sace paṭhamaṃ chinditvā pacchā ghaṭeti, adhiṭṭhānaṃ vijahati, atha ghaṭetvā chindati, na vijahati. Rajakehi dhovāpetvā setakaṃ karontassāpi na vijahati eva.
๕๕. อิทานิ อกปฺปิยจีวรานิ ทเสฺสตุํ ‘‘กุสวากผลกานี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ กุสจีรํ (มหาว. ๓๗๑; มหาว. อฎฺฐ. ) นาม กุเส คเนฺถตฺวา กตจีวรํฯ วากจีรํ นาม ตาปสานํ วกฺกลํฯ ผลกจีรํ นาม ผลกานิ สิพฺพิตฺวา กตจีวรํฯ เกสกมฺพลนฺติ เกเสหิ ตนฺตํ วายิตฺวา กตกมฺพลํฯ วาลกมฺพลนฺติ จมรวาเลหิ วายิตฺวา กตกมฺพลํฯ อุลูกปกฺขนฺติ อุลูกสกุณสฺส ปเกฺขหิ กตนิวาสนํฯ อชินกฺขิปนฺติ สโลมํ สขุรํ อชินมิคจมฺมํฯ อิเมสุ สตฺตสุ วเตฺถสุ ยํ กิญฺจิ ธารยโต ถุลฺลจฺจยนฺติ อโตฺถฯ ยถา อิเมสุ ถุลฺลจฺจยํ, ตถา อกฺกนาฬํ นิวาเสนฺตสฺสฯ อกฺกนาฬํ นาม อกฺกทเณฺฑ วากาทีหิ คเนฺถตฺวา กตจีวรํฯ ‘‘น ภิกฺขเว อกฺกนาฬํ นิวาเสตพฺพํ, โย นิวาเสยฺย, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ (มหาว. ๓๗๑) หิ วุตฺตํฯ
55. Idāni akappiyacīvarāni dassetuṃ ‘‘kusavākaphalakānī’’tiādi āraddhaṃ. Tattha kusacīraṃ (mahāva. 371; mahāva. aṭṭha. ) nāma kuse ganthetvā katacīvaraṃ. Vākacīraṃ nāma tāpasānaṃ vakkalaṃ. Phalakacīraṃ nāma phalakāni sibbitvā katacīvaraṃ. Kesakambalanti kesehi tantaṃ vāyitvā katakambalaṃ. Vālakambalanti camaravālehi vāyitvā katakambalaṃ. Ulūkapakkhanti ulūkasakuṇassa pakkhehi katanivāsanaṃ. Ajinakkhipanti salomaṃ sakhuraṃ ajinamigacammaṃ. Imesu sattasu vatthesu yaṃ kiñci dhārayato thullaccayanti attho. Yathā imesu thullaccayaṃ, tathā akkanāḷaṃ nivāsentassa. Akkanāḷaṃ nāma akkadaṇḍe vākādīhi ganthetvā katacīvaraṃ. ‘‘Na bhikkhave akkanāḷaṃ nivāsetabbaṃ, yo nivāseyya, āpatti thullaccayassā’’ti (mahāva. 371) hi vuttaṃ.
๕๖. กทเลรกกฺกทุเสฺส โปตฺถเก จาปีติ เอตฺถ กทลิเอรกอกฺกมกจิวาเกหิ กตานิ วตฺถานิ เอวํ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิฯ เอเตสุ โปตฺถโกเยว ปาฬิยํ อาคโต, อิตรานิ ตคฺคติกตฺตา อฎฺฐกถาสุ ปฎิกฺขิตฺตานิฯ อิเมสุ จตูสุปิ ทุกฺกฎเมวฯ ‘‘น ภิกฺขเว นคฺคิยํ ติตฺถิยสมาทานํ สมาทิยิตพฺพํ, โย สมาทิเยยฺย, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ (มหาว. ๓๗๐) วุตฺตตฺตา นคฺคิยมฺปิ น กปฺปติ เอวฯ สพฺพเมว นีลกํ สพฺพนีลกํฯ เอวํ เสเสสุปิฯ เอตฺถ นีลํ อุมาปุปฺผวณฺณํ โหติ ฯ มเญฺชฎฺฐกํ มเญฺชฎฺฐกวณฺณเมวฯ ปีตกํ กณิการปุปฺผวณฺณํฯ โลหิตกํ ชยสุมนปุปฺผวณฺณํฯ กณฺหกํ อทฺทาริฎฺฐกวณฺณํฯ
56.Kadalerakakkadusse potthake cāpīti ettha kadalierakaakkamakacivākehi katāni vatthāni evaṃ vuttānīti veditabbāni. Etesu potthakoyeva pāḷiyaṃ āgato, itarāni taggatikattā aṭṭhakathāsu paṭikkhittāni. Imesu catūsupi dukkaṭameva. ‘‘Na bhikkhave naggiyaṃ titthiyasamādānaṃ samādiyitabbaṃ, yo samādiyeyya, āpatti thullaccayassā’’ti (mahāva. 370) vuttattā naggiyampi na kappati eva. Sabbameva nīlakaṃ sabbanīlakaṃ. Evaṃ sesesupi. Ettha nīlaṃ umāpupphavaṇṇaṃ hoti . Mañjeṭṭhakaṃ mañjeṭṭhakavaṇṇameva. Pītakaṃ kaṇikārapupphavaṇṇaṃ. Lohitakaṃ jayasumanapupphavaṇṇaṃ. Kaṇhakaṃ addāriṭṭhakavaṇṇaṃ.
๕๗. มหารงฺคํ นาม สตปทิปิฎฺฐิวณฺณํฯ มหานามํ นาม รตฺตสมฺภินฺนวณฺณํ โหติฯ ปทุมปุปฺผวณฺณนฺติปิ วุตฺตํ, มนฺทรตฺตนฺติ อโตฺถฯ ติรีฎเกติ รุกฺขตเจฯ อจฺฉินฺนทีฆทสเกติ สพฺพโส อจฺฉินฺนทสเก จ มเชฺฌ ฉินฺนทสเก จาติ อโตฺถฯ อญฺญมญฺญํ สํสิพฺพิตฺวา กตทสํ ผลทสํ นามฯ เกตกปุปฺผาทิปุปฺผสทิสาหิ ทสาหิ ยุตฺตํ ปุปฺผทสํ นามฯ เอเตสุปิ ‘‘โปตฺถเก จาปี’’ติ เอตฺถ วุตฺตอปิ-สเทฺทน ทุกฺกฎนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตถาติ ยถา เอเตสุ กทลิทุสฺสาทีสุ ปุปฺผทสาวสาเนสุ ทุกฺกฎํ, ตถา กญฺจุกเวฐเนสุปิ ยํ กิญฺจิ ธาเรนฺตสฺส ทุกฺกฎนฺติ อโตฺถฯ
57.Mahāraṅgaṃ nāma satapadipiṭṭhivaṇṇaṃ. Mahānāmaṃ nāma rattasambhinnavaṇṇaṃ hoti. Padumapupphavaṇṇantipi vuttaṃ, mandarattanti attho. Tirīṭaketi rukkhatace. Acchinnadīghadasaketi sabbaso acchinnadasake ca majjhe chinnadasake cāti attho. Aññamaññaṃ saṃsibbitvā katadasaṃ phaladasaṃ nāma. Ketakapupphādipupphasadisāhi dasāhi yuttaṃ pupphadasaṃ nāma. Etesupi ‘‘potthake cāpī’’ti ettha vuttaapi-saddena dukkaṭanti veditabbaṃ. Tathāti yathā etesu kadalidussādīsu pupphadasāvasānesu dukkaṭaṃ, tathā kañcukaveṭhanesupi yaṃ kiñci dhārentassa dukkaṭanti attho.
เอเตสุ ปน อยํ วินิจฺฉโย (มหาว. อฎฺฐ. ๓๗๒) – สพฺพนีลกาทีนิ รชนานิ วเมตฺวา ปุน รชิตฺวา ธาเรตพฺพานิ, น สกฺกา เจ วเมตุํ, ปจฺจตฺถรณาทีนิ วา กาเรตพฺพานิ, ติปฎฺฎจีวรสฺส มเชฺฌ วา ทาตพฺพานิฯ อจฺฉินฺนทสกาทีนิ ทสา ฉินฺทิตฺวา ธาเรตพฺพานิฯ กญฺจุกํ วิชเฎตฺวา รชิตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ เวฐเนปิ เอเสว นโยฯ ติรีฎกํ ปาทปุญฺฉนํ กาตพฺพํฯ สพฺพนฺติ อิมํ วุตฺตปฺปการํ กุสจีราทิกํ อกปฺปิยจีวรํ อจฺฉินฺนจีวโร ลภตีติ อโตฺถฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ปริวาเรฯ
Etesu pana ayaṃ vinicchayo (mahāva. aṭṭha. 372) – sabbanīlakādīni rajanāni vametvā puna rajitvā dhāretabbāni, na sakkā ce vametuṃ, paccattharaṇādīni vā kāretabbāni, tipaṭṭacīvarassa majjhe vā dātabbāni. Acchinnadasakādīni dasā chinditvā dhāretabbāni. Kañcukaṃ vijaṭetvā rajitvā paribhuñjitabbaṃ. Veṭhanepi eseva nayo. Tirīṭakaṃ pādapuñchanaṃ kātabbaṃ. Sabbanti imaṃ vuttappakāraṃ kusacīrādikaṃ akappiyacīvaraṃ acchinnacīvaro labhatīti attho. Vuttampi cetaṃ parivāre.
‘‘อกปฺปกตํ นาปิ รชนาย รตฺตํ,
‘‘Akappakataṃ nāpi rajanāya rattaṃ,
เตน นิวโตฺถ เยน กามํ วเชยฺย;
Tena nivattho yena kāmaṃ vajeyya;
น จสฺส โหติ อาปตฺติ,
Na cassa hoti āpatti,
โส จ ธโมฺม สุคเตน เทสิโต;
So ca dhammo sugatena desito;
ปญฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๘๑);
Pañhā mesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 481);
อยญฺหิ ปโญฺห อจฺฉินฺนจีวรภิกฺขุํ สนฺธาย วุโตฺต, ตสฺมา หิ ยํ กิญฺจิ อกปฺปิยจีวรํ นิวาเสตฺวา วา ปารุปิตฺวา วา อจฺฉินฺนจีวรเกน อญฺญํ ปริเยสิตพฺพํฯ เอตฺถ ปน ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, มนุสฺสา นิสฺสีมคตานํ ภิกฺขูนํ จีวรํ เทนฺติ ‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส เทมา’ติ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สาทิตุํ, น ตาว ตํ คณนูปคํ, ยาว น หตฺถํ คจฺฉตี’’ติ (มหาว. ๒๕๙) วุตฺตตฺตา ยาว อาหริตฺวา ตํ น ทินฺนํ, ‘‘ตุมฺหากํ, ภเนฺต, จีวรํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ปหิณิตฺวา วา นาโรจิตํ, ตาว คณนํ น อุเปติ, อนธิฎฺฐิตํ วฎฺฎติฯ ปเตฺตปิ เอเสว นโยฯ อาเนตฺวา ทิเนฺน วา อาโรจิเต วา ปริหาโร นตฺถิ, ทสาหํ อธิฎฺฐาตพฺพํฯ จีวรวินิจฺฉโยฯ
Ayañhi pañho acchinnacīvarabhikkhuṃ sandhāya vutto, tasmā hi yaṃ kiñci akappiyacīvaraṃ nivāsetvā vā pārupitvā vā acchinnacīvarakena aññaṃ pariyesitabbaṃ. Ettha pana ‘‘idha pana, bhikkhave, manussā nissīmagatānaṃ bhikkhūnaṃ cīvaraṃ denti ‘imaṃ cīvaraṃ itthannāmassa demā’ti, anujānāmi, bhikkhave, sādituṃ, na tāva taṃ gaṇanūpagaṃ, yāva na hatthaṃ gacchatī’’ti (mahāva. 259) vuttattā yāva āharitvā taṃ na dinnaṃ, ‘‘tumhākaṃ, bhante, cīvaraṃ uppanna’’nti pahiṇitvā vā nārocitaṃ, tāva gaṇanaṃ na upeti, anadhiṭṭhitaṃ vaṭṭati. Pattepi eseva nayo. Ānetvā dinne vā ārocite vā parihāro natthi, dasāhaṃ adhiṭṭhātabbaṃ. Cīvaravinicchayo.
จีวรนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cīvaraniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.