Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๕. จีวรปฎิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Cīvarapaṭiggahaṇasikkhāpadavaṇṇanā
๕๐๘. เตน สมเยนาติ จีวรปฎิคฺคหณสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตาติ ปิณฺฑปาตโต ปฎิกฺกนฺตาฯ เยน อนฺธวนํ เตนุปสงฺกมีติ อปญฺญเตฺต สิกฺขาปเท เยน อนฺธวนํ เตนุปสงฺกมิฯ กตกมฺมาติ กตโจริกกมฺมา, สนฺธิเจฺฉทนาทีหิ ปรภณฺฑํ หริตาติ วุตฺตํ โหติฯ โจรคามณิโกติ โจรเชฎฺฐโกฯ โส กิร ปุเพฺพ เถริํ ชานาติ, ตสฺมา โจรานํ ปุรโต คจฺฉโนฺต ทิสฺวา ‘‘อิโต มา คจฺฉถ, สเพฺพ อิโต เอถา’’ติ เต คเหตฺวา อเญฺญน มเคฺคน อคมาสิฯ สมาธิมฺหา วุฎฺฐหิตฺวาติ เถรี กิร ปริจฺฉินฺนเวลายํเยว สมาธิมฺหา วุฎฺฐหิฯ โสปิ ตสฺมิํเยว ขเณ เอวํ อวจ, ตสฺมา สา อโสฺสสิ, สุตฺวา จ ‘‘นตฺถิ ทานิ อโญฺญ เอตฺถ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อญฺญตฺร มยา’’ติ ตํ มํสํ อคฺคเหสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อุปฺปลวณฺณา ภิกฺขุนี’’ติอาทิฯ
508.Tena samayenāti cīvarapaṭiggahaṇasikkhāpadaṃ. Tattha piṇḍapātapaṭikkantāti piṇḍapātato paṭikkantā. Yena andhavanaṃ tenupasaṅkamīti apaññatte sikkhāpade yena andhavanaṃ tenupasaṅkami. Katakammāti katacorikakammā, sandhicchedanādīhi parabhaṇḍaṃ haritāti vuttaṃ hoti. Coragāmaṇikoti corajeṭṭhako. So kira pubbe theriṃ jānāti, tasmā corānaṃ purato gacchanto disvā ‘‘ito mā gacchatha, sabbe ito ethā’’ti te gahetvā aññena maggena agamāsi. Samādhimhā vuṭṭhahitvāti therī kira paricchinnavelāyaṃyeva samādhimhā vuṭṭhahi. Sopi tasmiṃyeva khaṇe evaṃ avaca, tasmā sā assosi, sutvā ca ‘‘natthi dāni añño ettha samaṇo vā brāhmaṇo vā aññatra mayā’’ti taṃ maṃsaṃ aggahesi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho uppalavaṇṇā bhikkhunī’’tiādi.
โอหิยฺยโกติ อวหียโก อวเสโส, วิหารวารํ ปตฺวา เอโกว วิหาเร ฐิโตติ อโตฺถฯ สเจ เม ตฺวํ อนฺตรวาสกํ ทเทยฺยาสีติ กสฺมา อาห? สณฺหํ ฆนมฎฺฐํ อนฺตรวาสกํ ทิสฺวา โลเภน, อปิจ อปฺปโก ตสฺสา อนฺตรวาสเก โลโภ, เถริยา ปน สิขาปฺปตฺตา โกฎฺฐาสสมฺปตฺติ เตนสฺสา สรีรปาริปูริํ ปสฺสิสฺสามีติ วิสมโลภํ อุปฺปาเทตฺวา เอวมาหฯ อนฺติมนฺติ ปญฺจนฺนํ จีวรานํ สพฺพปริยนฺตํ หุตฺวา อนฺติมํ, อนฺติมนฺติ ปจฺฉิมํฯ อญฺญํ เลเสนาปิ วิกเปฺปตฺวา วา ปจฺจุทฺธริตฺวา วา ฐปิตํ จีวรํ นตฺถีติ เอวํ ยถาอนุญฺญาตานํ ปญฺจนฺนํ จีวรานํ ธารณวเสเนว อาห, น โลเภน, น หิ ขีณาสวานํ โลโภ อตฺถิฯ นิปฺปีฬิยมานาติ อุปมํ ทเสฺสตฺวา คาฬฺหํ ปีฬยมานาฯ
Ohiyyakoti avahīyako avaseso, vihāravāraṃ patvā ekova vihāre ṭhitoti attho. Sace me tvaṃ antaravāsakaṃ dadeyyāsīti kasmā āha? Saṇhaṃ ghanamaṭṭhaṃ antaravāsakaṃ disvā lobhena, apica appako tassā antaravāsake lobho, theriyā pana sikhāppattā koṭṭhāsasampatti tenassā sarīrapāripūriṃ passissāmīti visamalobhaṃ uppādetvā evamāha. Antimanti pañcannaṃ cīvarānaṃ sabbapariyantaṃ hutvā antimaṃ, antimanti pacchimaṃ. Aññaṃ lesenāpi vikappetvā vā paccuddharitvā vā ṭhapitaṃ cīvaraṃ natthīti evaṃ yathāanuññātānaṃ pañcannaṃ cīvarānaṃ dhāraṇavaseneva āha, na lobhena, na hi khīṇāsavānaṃ lobho atthi. Nippīḷiyamānāti upamaṃ dassetvā gāḷhaṃ pīḷayamānā.
อนฺตรวาสกํ ทตฺวา อุปสฺสยํ อคมาสีติ สงฺกจฺจิกํ นิวาเสตฺวา ยถา ตสฺส มโนรโถ น ปูรติ, เอวํ หตฺถตเลเยว ทเสฺสตฺวา อคมาสิฯ
Antaravāsakaṃdatvā upassayaṃ agamāsīti saṅkaccikaṃ nivāsetvā yathā tassa manoratho na pūrati, evaṃ hatthataleyeva dassetvā agamāsi.
๕๑๐. กสฺมา ปาริวตฺตกจีวรํ อปฺปฎิคณฺหเนฺต อุชฺฌายิํสุ? ‘‘สเจ เอตฺตโกปิ อเมฺหสุ อยฺยานํ วิสฺสาโส นตฺถิ, กถํ มยํ ยาเปสฺสามา’’ติ วิหตฺถตาย สมภิตุนฺนตฺตาฯ
510. Kasmā pārivattakacīvaraṃ appaṭigaṇhante ujjhāyiṃsu? ‘‘Sace ettakopi amhesu ayyānaṃ vissāso natthi, kathaṃ mayaṃ yāpessāmā’’ti vihatthatāya samabhitunnattā.
อนุชานามิ ภิกฺขเว อิเมสํ ปญฺจนฺนนฺติ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ สมสทฺธานํ สมสีลานํ สมทิฎฺฐีนํ ปาริวตฺตกํ คเหตุํ อนุชานามีติ อโตฺถฯ
Anujānāmi bhikkhave imesaṃ pañcannanti imesaṃ pañcannaṃ sahadhammikānaṃ samasaddhānaṃ samasīlānaṃ samadiṭṭhīnaṃ pārivattakaṃ gahetuṃ anujānāmīti attho.
๕๑๒. ปโยเค ทุกฺกฎนฺติ คหณตฺถาย หตฺถปฺปสารณาทีสุ ทุกฺกฎํฯ ปฎิลาเภนาติ ปฎิคฺคหเณนฯ ตตฺถ จ หเตฺถน วา หเตฺถ เทตุ, ปาทมูเล วา ฐเปตุ, อุปริ วา ขิปตุ, โส เจ สาทิยติ , คหิตเมว โหติฯ สเจ ปน สิกฺขมานาสามเณรสามเณรีอุปาสกอุปาสิกาทีนํ หเตฺถ เปสิตํ ปฎิคฺคณฺหาติ, อนาปตฺติฯ ธมฺมกถํ กเถนฺตสฺส จตโสฺสปิ ปริสา จีวรานิ จ นานาวิราควตฺถานิ จ อาเนตฺวา ปาทมูเล ฐเปนฺติ, อุปจาเร วา ฐตฺวา อุปจารํ วา มุญฺจิตฺวา ขิปนฺติ, ยํ ตตฺถ ภิกฺขุนีนํ สนฺตกํ, ตํ อญฺญตฺร ปาริวตฺตกา คณฺหนฺตสฺส อาปตฺติเยวฯ อถ ปน รตฺติภาเค ขิตฺตานิ โหนฺติ, ‘‘อิทํ ภิกฺขุนิยา, อิทํ อเญฺญส’’นฺติ ญาตุํ น สกฺกา, ปาริวตฺตกกิจฺจํ นตฺถีติ มหาปจฺจริยํ กุรุนฺทิยญฺจ วุตฺตํ, ตํ อจิตฺตกภาเวน น สเมติฯ สเจ ภิกฺขุนี วสฺสาวาสิกํ เทติ, ปาริวตฺตกเมว กาตพฺพํฯ สเจ ปน สงฺการกูฎาทีสุ ฐเปติ, ‘‘ปํสุกูลํ คณฺหิสฺสนฺตี’’ติ ปํสุกูลํ อธิฎฺฐหิตฺวา คเหตุํ วฎฺฎติฯ
512.Payoge dukkaṭanti gahaṇatthāya hatthappasāraṇādīsu dukkaṭaṃ. Paṭilābhenāti paṭiggahaṇena. Tattha ca hatthena vā hatthe detu, pādamūle vā ṭhapetu, upari vā khipatu, so ce sādiyati , gahitameva hoti. Sace pana sikkhamānāsāmaṇerasāmaṇerīupāsakaupāsikādīnaṃ hatthe pesitaṃ paṭiggaṇhāti, anāpatti. Dhammakathaṃ kathentassa catassopi parisā cīvarāni ca nānāvirāgavatthāni ca ānetvā pādamūle ṭhapenti, upacāre vā ṭhatvā upacāraṃ vā muñcitvā khipanti, yaṃ tattha bhikkhunīnaṃ santakaṃ, taṃ aññatra pārivattakā gaṇhantassa āpattiyeva. Atha pana rattibhāge khittāni honti, ‘‘idaṃ bhikkhuniyā, idaṃ aññesa’’nti ñātuṃ na sakkā, pārivattakakiccaṃ natthīti mahāpaccariyaṃ kurundiyañca vuttaṃ, taṃ acittakabhāvena na sameti. Sace bhikkhunī vassāvāsikaṃ deti, pārivattakameva kātabbaṃ. Sace pana saṅkārakūṭādīsu ṭhapeti, ‘‘paṃsukūlaṃ gaṇhissantī’’ti paṃsukūlaṃ adhiṭṭhahitvā gahetuṃ vaṭṭati.
๕๑๓. อญฺญาติกาย อญฺญาติกสญฺญีติ ติกปาจิตฺติยํฯ เอกโต อุปสมฺปนฺนายาติ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย หตฺถโต คณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย ปน ปาจิตฺติยเมวฯ
513.Aññātikāya aññātikasaññīti tikapācittiyaṃ. Ekato upasampannāyāti bhikkhunīnaṃ santike upasampannāya hatthato gaṇhantassa dukkaṭaṃ, bhikkhūnaṃ santike upasampannāya pana pācittiyameva.
๕๑๔. ปริเตฺตน วา วิปุลนฺติ อปฺปคฺฆจีวเรน วา อุปาหนตฺถวิกปตฺตตฺถวิกอํสพทฺธกกายพนฺธนาทินา วา มหคฺฆํ เจตาเปตฺวา สเจปิ จีวรํ ปฎิคฺคณฺหาติ, อนาปตฺติฯ มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘อนฺตมโส หรีตกีขเณฺฑนาปี’’ติ วุตฺตํฯ วิปุเลน วา ปริตฺตนฺติ อิทํ วุตฺตวิปลฺลาเสน เวทิตพฺพํฯ อญฺญํ ปริกฺขารนฺติ ปตฺตตฺถวิกาทิํ ยํ กิญฺจิ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมจีวรปฺปมาณํ ปน ปฎปริสฺสาวนมฺปิ น วฎฺฎติฯ ยํ เนว อธิฎฺฐานุปคํ น วิกปฺปนุปคํ ตํ สพฺพํ วฎฺฎติฯ สเจปิ มญฺจปฺปมาณา ภิสิจฺฉวิ โหติ, วฎฺฎติเยว; โก ปน วาโท ปตฺตตฺถวิกาทีสุฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
514.Parittena vā vipulanti appagghacīvarena vā upāhanatthavikapattatthavikaaṃsabaddhakakāyabandhanādinā vā mahagghaṃ cetāpetvā sacepi cīvaraṃ paṭiggaṇhāti, anāpatti. Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘antamaso harītakīkhaṇḍenāpī’’ti vuttaṃ. Vipulena vā parittanti idaṃ vuttavipallāsena veditabbaṃ. Aññaṃ parikkhāranti pattatthavikādiṃ yaṃ kiñci vikappanupagapacchimacīvarappamāṇaṃ pana paṭaparissāvanampi na vaṭṭati. Yaṃ neva adhiṭṭhānupagaṃ na vikappanupagaṃ taṃ sabbaṃ vaṭṭati. Sacepi mañcappamāṇā bhisicchavi hoti, vaṭṭatiyeva; ko pana vādo pattatthavikādīsu. Sesaṃ uttānatthameva.
สมุฎฺฐานาทีสุ อิทํ ฉสมุฎฺฐานํ, กิริยากิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ , ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํวจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Samuṭṭhānādīsu idaṃ chasamuṭṭhānaṃ, kiriyākiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ , paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃvacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
จีวรปฎิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cīvarapaṭiggahaṇasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๕. จีวรปฎิคฺคหณสิกฺขาปทํ • 5. Cīvarapaṭiggahaṇasikkhāpadaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๕. จีวรปฎิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Cīvarapaṭiggahaṇasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๕. จีวรปฎิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Cīvarapaṭiggahaṇasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๕. จีวรปฎิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Cīvarapaṭiggahaṇasikkhāpadavaṇṇanā