Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๕. จีวรปฺปฎิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Cīvarappaṭiggahaṇasikkhāpadavaṇṇanā
ฉนฺนนฺติ โขมาทีนํ ฉนฺนํ จีวรานํ มเชฺฌฯ อุปจารํ มุญฺจิตฺวาติ ทฺวาทสหตฺถูปจารํ มุญฺจิตฺวาฯ ปิ-สเทฺทน ธมฺมกถํ กเถนฺตสฺส จตโสฺส ปริสา จีวรานิ จ นานาวิราควตฺถานิ จ อาหริตฺวา ปาทมูเล ฐเปนฺติ, อุปจาเร วา ฐตฺวา อุปริ ขิปนฺติ, ‘‘สเจ สาทิยติ, ปฎิคฺคหิตเมวา’’ติ เอตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทเสฺสติฯ ขิปตูติ ทิวา วา รตฺติภาเค วา ขิปตุฯ ปฎิคฺคหิตเมว โหตีติ กิญฺจาปิ ‘‘อิทํ ภิกฺขุนิยา, อิทํ อเญฺญส’’นฺติ ญาตุํ น สกฺกา, ตถาปิ อจิตฺตกภาเวน คหิตเมว โหติฯ ยสฺส กสฺสจิ ปน อนุปสมฺปนฺนสฺสาติ สิกฺขมานสามเณรสามเณริอุปาสกอุปาสิกาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ อนุปสมฺปนฺนสฺสฯ ฐปิตนฺติ ภิกฺขุนิยา ฐปิตํฯ ปํสุกูลํ อธิฎฺฐหิตฺวาติ ‘‘อสฺสามิกํ อิท’’นฺติ สญฺญํ อุปฺปาเทตฺวาฯ อสฺสามิกญฺหิ ‘‘ปํสุกูล’’นฺติ วุจฺจติฯ อิมินา ‘‘อมฺหากมตฺถาย ฐปิต’’นฺติอาทิกาย สญฺญาย คเหตุํ น วฎฺฎตีติ ทเสฺสติฯ อญฺญตฺร ปาริวตฺตกาติ ปริวเตฺตตพฺพํ ปริวตฺตํ, ปริวตฺตเมว ปาริวตฺตกํ, ปริวเตฺตตฺวา ทิยฺยมานํ, ตํ วินาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ยํ อนฺตมโส หรีฎกกฺขณฺฑมฺปี’’ติอาทิฯ อาโภคํ กตฺวาติ จิเตฺตน สมนฺนาหริตฺวาฯ สเจ ภิกฺขุนี วสฺสาวาสิกมฺปิ เทติ, ตมฺปิ ยถาวุตฺตวิธานํ อกตฺวา คเหตุํ น วฎฺฎตีติ เวทิตพฺพํฯ
Channanti khomādīnaṃ channaṃ cīvarānaṃ majjhe. Upacāraṃ muñcitvāti dvādasahatthūpacāraṃ muñcitvā. Pi-saddena dhammakathaṃ kathentassa catasso parisā cīvarāni ca nānāvirāgavatthāni ca āharitvā pādamūle ṭhapenti, upacāre vā ṭhatvā upari khipanti, ‘‘sace sādiyati, paṭiggahitamevā’’ti ettha vattabbameva natthīti dasseti. Khipatūti divā vā rattibhāge vā khipatu. Paṭiggahitameva hotīti kiñcāpi ‘‘idaṃ bhikkhuniyā, idaṃ aññesa’’nti ñātuṃ na sakkā, tathāpi acittakabhāvena gahitameva hoti. Yassa kassaci pana anupasampannassāti sikkhamānasāmaṇerasāmaṇeriupāsakaupāsikādīsu yassa kassaci anupasampannassa. Ṭhapitanti bhikkhuniyā ṭhapitaṃ. Paṃsukūlaṃ adhiṭṭhahitvāti ‘‘assāmikaṃ ida’’nti saññaṃ uppādetvā. Assāmikañhi ‘‘paṃsukūla’’nti vuccati. Iminā ‘‘amhākamatthāya ṭhapita’’ntiādikāya saññāya gahetuṃ na vaṭṭatīti dasseti. Aññatra pārivattakāti parivattetabbaṃ parivattaṃ, parivattameva pārivattakaṃ, parivattetvā diyyamānaṃ, taṃ vināti attho. Tenāha ‘‘yaṃ antamaso harīṭakakkhaṇḍampī’’tiādi. Ābhogaṃ katvāti cittena samannāharitvā. Sace bhikkhunī vassāvāsikampi deti, tampi yathāvuttavidhānaṃ akatvā gahetuṃ na vaṭṭatīti veditabbaṃ.
ปฎิลาเภนาติ คหเณนฯ ติกปาจิตฺติยนฺติ ตีณิ ปริมาณานิ อสฺสาติ ติกํ,ติกญฺจ ตํ ปาจิตฺติยญฺจาติ ติกปาจิตฺติยํ, อญฺญาติกาย ญาติกสญฺญิเวมติกอญฺญาติกสญฺญีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานีติ อโตฺถฯ เอกโตอุปสมฺปนฺนายาติ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนายฯ ตาย หิ หตฺถโต อญฺญตฺร ปาริวตฺตกา จีวรํ ปฎิคฺคณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย ปน ปาจิตฺติยเมวฯ ‘‘ปตฺตตฺถวิกาทิมฺหิ จ อนธิฎฺฐาตพฺพปริกฺขาเร’’ติ อิมินา ภิสิจฺฉวิมฺปิ สงฺคณฺหาติฯ สา หิ มหนฺตาปิ เสนาสนสงฺคหิตตฺตา จีวรสงฺขํ น คจฺฉตีติ เนว อธิฎฺฐานุปคา, น วิกปฺปนุปคา จฯ วุตฺตญฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘สเจปิ มญฺจปฺปมาณา ภิสิจฺฉวิ โหติ, วฎฺฎติเยวา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๑๔)ฯ ‘‘หตฺถโต จีวรํ ปฎิคฺคณฺหาตี’’ติ วจนโต ปน อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา เปสิตคฺคหเณปิ อนาปตฺติฯ ปฎิคฺคหณโต, ปริวตฺตนากรณโต จ กิริยากิริยํฯ
Paṭilābhenāti gahaṇena. Tikapācittiyanti tīṇi parimāṇāni assāti tikaṃ,tikañca taṃ pācittiyañcāti tikapācittiyaṃ, aññātikāya ñātikasaññivematikaaññātikasaññīnaṃ vasena tīṇi pācittiyānīti attho. Ekatoupasampannāyāti bhikkhunīnaṃ santike upasampannāya. Tāya hi hatthato aññatra pārivattakā cīvaraṃ paṭiggaṇhantassa dukkaṭaṃ, bhikkhūnaṃ santike upasampannāya pana pācittiyameva. ‘‘Pattatthavikādimhi ca anadhiṭṭhātabbaparikkhāre’’ti iminā bhisicchavimpi saṅgaṇhāti. Sā hi mahantāpi senāsanasaṅgahitattā cīvarasaṅkhaṃ na gacchatīti neva adhiṭṭhānupagā, na vikappanupagā ca. Vuttañhi samantapāsādikāyaṃ ‘‘sacepi mañcappamāṇā bhisicchavi hoti, vaṭṭatiyevā’’ti (pārā. aṭṭha. 2.514). ‘‘Hatthato cīvaraṃ paṭiggaṇhātī’’ti vacanato pana aññātikāya bhikkhuniyā pesitaggahaṇepi anāpatti. Paṭiggahaṇato, parivattanākaraṇato ca kiriyākiriyaṃ.
จีวรปฺปฎิคฺคหณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cīvarappaṭiggahaṇasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.